• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - dsmol19

#6843
การซื้อชุดมีดโกนหนวดอเนกประสงค์พร้อมใบมีด36ใบมีด เพียงการซื้อหนึ่งครั้งคุณสามารถใช้ได้อย่างยาวนานและช่วยให้คุณประหยัดได้มากกว่าการซื้อใบมีดครั้งละชิ้นอย่างมากกก!! 
สั่งซื้อ https://bit.ly/3xo5p8qชุดมีดโกนหนวดอเนกประสงค์พร้อมใบมีด36ใบมีด ยังเหมาะกับท่านที่เปิดให้บริการด้านร้านตัดผมแก่ลูกค้า จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในความสะอาดและปลอดภัยให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ลูกค้าเลือกที่จะเข้ามาใช้บริการร้านของคุณได้ง่ายขึ้น  และยังเหมาะกับคุณผู้หญิงที่ชอบการกำจัดขนเป็นประจำ  สามารถใช้ได้กับทุกส่วนทั่วเรือนร่างไม่ว่าจะเป็นใต้วงแขน แขน ขา บิกินี  ก็สามารถโกนได้เนียนเรียบ ไม่ระคายเคืองผิว ไม่ทำให้ผิวสวยของคุณผู้หญิงหมองคล้ำ  ไม่เป็นตอๆ เรียบเนียนทุกการสัมผัส       ที่สำคัญยังใช้ง่าย สะดวก และรวดเร็วอีกด้วย
สั่งซื้อ https://bit.ly/3xo5p8q
#6844
Toyota เปิดตัวซีดานรุ่นใหม่ New Yaris Ativ ราคาโดนทุกรุ่น เริ่ม 4.6 – 6.1 แสนบาท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ซับคอมแพคซีดานรุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกของโลกกับ Yaris ATIV ปรับรูปลักษณ์ใหม่จาก 5 ประตูมาเป็น 4 ประตูซีดาน รุ่นสูงสุด 6.1 แสน จัดถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งพร้อมอุปกรณ์เพียบ New Yaris Ativ โตโยต้ายาริสเอทีฟใหม่ 2021

https://bit.ly/3hRQNsE
#6851


ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) คงต้องยอมรับอุตสาหกรรมที่กำลังได้ประโยชน์คือ 'อุตสาหกรรมบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ' บ่งชี้ผ่านแนวโน้มปริมาณหนี้เสีย (NPL) ปัจจุบันอุปทานส่วนเกิน (Oversupply) สถาบันการเงิน และ ผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non Bank) จะนำหนี้ด้อยคุณภาพออกมาประมูลขายจำนวนมาก และเกินกว่า 'กำลังซื้อ' ของผู้ซื้อรายใหญ่ 3 อันดับแรกรวมกัน สอดคล้องทิศทางปริมาณหนี้เสียในตลาดอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง 2 ปี (2564-2565)

'สุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่เมืองไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ 'หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ' ว่า คาดการณ์แนวโน้มในช่วง 2 ปี (2564-2565) 'อุปทาน' (Supply) หนี้ด้อยคุณภาพจะถูกนำออกมาขายจำนวนมาก จากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้าไม่มีความสามารถผ่อนชำระคืนหนี้ได้ โดยคาดจะเห็นตัวเลข NPL ระดับสูงในปีหน้า หากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สิ้นสุดลง และไม่มีการช่วยเหลือต่อ

ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจึงเตรียมความพร้อมรองรับ 'โอกาสโต' ในแง่ของสรรพกำลังด้าน 'เงินทุน' ด้วยช่องทางการเพิ่มทุน ออกหุ้นกู้ รวมทั้งพ่วงออกวอร์แรนต์ JMT-W3 แจกผู้ถือหุ้นอีก 100 ล้านหน่วย เพื่อรองรับธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพที่มีโอกาสสร้างการเติบโตมหาศาลในปีนี้และปีหน้าเพื่อรอวัฏจักรเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2565 เป็นต้นไป หลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย

สอดรับแผน 'การลงทุน' ปี 2564 ใน 'ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ' ที่ตั้งเป้าวงเงินซื้อหนี้ด้อยคุณภาพอยู่ที่ 6,000-10,000 ล้านบาท ถือเป็นเงินลงทุนที่ทำ 'สถิติสูงสุด' (All Time High) ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทซื้อหนี้ไปแล้ว 1,833 ล้านบาท ล่าสุดพอร์ตบริหารหนี้คงค้างรวม 213,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปีก่อนอยู่ที่ 207,051 ล้านบาท แต่หากย้อนดู เดิมบริษัทเคยตั้งวงเงินการซื้อหนี้ระดับ 1,000 ล้านบาท ก่อนขยับมา 3,500 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ก็ถือว่าสูงสุดที่เคยทำได้ แต่ปีนี้ตั้งวงเงินไว้สูงกว่าเดิมมาก

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการลงทุนถือว่าจังหวะนี้บริษัทมีศักยภาพซื้อหนี้ก้อนใหญ่มาบริหารได้ เนื่องจากกระแสเงินสดในมือระดับ 'พันล้านบาท' ดังนั้น นโยบายบริษัทจึงต้องการขยายพอร์ตการลงทุนบริหารหนี้ควบคู่กัน คือ 'พอร์ตหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน' และ 'พอร์ตหนี้มีหลักประกัน' ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หนี้ไม่มีหลักประกัน 90% และ หนี้มีหลักประกัน 10% โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทขยายพอร์ตซื้อหนี้มีหลักประกันไม่ได้มาก เนื่องจากความพร้อมด้านเงินทุนมีจำกัด ทว่าปัจจุบันขีดความสามารถด้านเงินทุนพร้อมที่ขยายลงทุนไปทั้งสองส่วน

สะท้อนผ่านการเข้าลงทุนใน 'ธุรกิจใหม่' (New Business) อย่าง 'ธุรกิจประเมินราคาสินทรัพย์' ปัจจุบันอยู่ระหว่างการซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งจะเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คาดกระบวนการซื้อขายแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี2564 โดยบริษัทดังกล่าวมีผลการดำเนินงานเป็นกำไร แต่ไม่มาก ซึ่งทำธุรกิจประเมินราคาสินทรัพย์ได้ทั้ง ธุรกิจ , เครื่องจักร , โรงงาน , อาคารต่างๆ เป็นต้น 

เขา บอกต่อว่า สำหรับเป้าหมายลงทุนในธุรกิจประเมินราคาสินทรัพย์ ส่วนหนึ่งบริษัทต้องการให้เข้ามาเป็น 'อีโคซิสเต็ม' (EcoSystem) ของบริษัทเพื่อเข้ามาเชื่อมโยงสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ เกิดเป็นธุรกิจที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของพอร์ตหนี้ที่มีหลักประกันที่ต้องพึ่งพาในส่วนของการประเมินราคาสินทรัพย์ โดยที่ผ่านมาบริษัทใช้บริการบริษัทประเมินราคาสินทรัพย์มาประเมินให้อาจจะเกิดความล่าช้าในบางครั้ง 

ดังนั้น เมื่อบริษัทมีธุรกิจประเมินราคาสินทรัพย์เป็นของตัวเองแล้ว ธุรกิจดังกล่าวก็จะเข้ามาส่งเสริมให้การทำงานมีความสะดวกและรวดเร็วในการซื้อหนี้ที่มีหลักประกันมากยิ่งขึ้น และในอนาคตพอร์ตหนี้ที่มีหลักประกันก็ขยายตัวได้เร็วขึ้นอีก

'ที่ผ่านมาเรามีความสนใจซื้อหนี้ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันนานแล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่สามารถทำได้มากเนื่องจากเงินทุนไม่พร้อม เพราะพอร์ตหนี้มีหลักประกันต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงมาก แต่ตอนนี้เรามองว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่บริษัทจะสามารถขยายพอร์ตลงทุนควบคู่กันไปได้แล้ว'  

ทั้งนี้ ปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,206.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,047.04 ล้านบาท โดยประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากคาดการณ์ว่าสถาบันการเงินและนอนแบงก์จะมีการขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาก้อนใหญ่ในไตรมาส 4 ปี 2564 และปลายปีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของภาครัฐสิ้นสุด เชื่อว่าปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพจะออกมาในตลาดปริมาณที่มากโดยเฉพาะในปีหน้า ซึ่งตามปกติปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ที่ออกสู่ตลาดจะมีมากกว่างบประมาณลงทุนของบริษัทอยู่แล้ว 

'ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทกำลังเร่งรัดตัดมูลค่าเงินลงทุนในกองหนี้ทั้งหมด (Fully Amortized) ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ประกอบกับสถาบันการเงินต่างๆ มักจะเร่งปล่อยหนี้เสียออกมาประมูลในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจำนวนมาก'

ขณะที่ 'ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้' ปีนี้แนวโน้มทรงตัวจากปีก่อน เนื่องจากเป็นช่วงสถาบันการเงินมีการพักหนี้ รวมทั้งสถาบันการเงินมีการเรียกคืนหนี้ด้อยคุณภาพระยะสั้นเพื่อนำไปปรับโครงสร้างหนี้ใหม่เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้าอีกด้วย โดย ณ ปลายปี 2563 บริษัทมีมูลหนี้ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามจากผู้ว่าจ้างจำนวน 32,682 ล้านบาท โดยผู้ว่าจ้างหลักๆ เป็นสถาบันการเงินและบริษัทเช่าซื้อ 

'ธุรกิจประกันภัย-นายหน้าประกันภัย' คาดว่าในปีนี้ผลการดำเนินงานน่าจะมีกำไร หลังบริษัทมีการปรับพอร์ตลงทุนใหม่ ทำให้ปีก่อนผลดำเนินงานขาดทุนลดลง โดยแผนธุรกิจในการรับประกันภัยมุ่งเน้นไปที่การทำ InsurTech ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับการทำประกันภัยของบริษัท ซึ่งโครงสร้างรายได้ปี 2563 จะมาจากการรับประกันภัยกลุ่มรถยนต์ 64% และประกันภัยที่ไม่ใช่กลุ่มรถยนต์ 36% จากเบี้ยรับประกันภัยจำนวน 349 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงมุ่งที่จะขยายงานไปในส่วนที่มีศักยภาพ และมุ่งที่จะนำเอาแบบประกันภัยเข้ามาใช้ในการดำเนิน Synergy ร่วมกับบริษัทในกลุ่ม    

ท้ายสุด 'สุทธิรักษ์' ทิ้งท้ายไว้ว่า ปีนี้สตอรี่การเติบโตของ JMT จะมาจากปริมาณ NPL ที่สถาบันการเงินและนอนแบงก์นำออกมาประมูลค่อนข้างสูงกว่าปกติ แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐแต่ก็ยังมีหนี้ด้อยคุณภาพออกมาเรื่อยๆ แต่มองว่าปริมาณมูลหนี้ก้อนใหญ่และมากสุดอาจจะยังได้รับการช่วยเหลืออยู่ในปัจจุบัน
#6855

"เจ้ย อภิชาติพงศ์" ถือโอกาส"คอลเอาท์" เรื่องการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดในประเทศไทย ระหว่างขึ้นรับรางวัล "Jury Prize" ใน "เทศกาลหนังเมืองคานส์" จากภาพยนตร์เรื่อง "Memoria"

'อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล' หรือ 'เจ้ย' ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย สร้างชื่อใน 'เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์' อีกครั้งเมื่อ Memoria ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาได้รางวัล 'The Jury Prize' หรือรางวัลขวัญใจกรรมการ จาก Cannes Film Festival ครั้งที่ 74 ที่เพิ่งประกาศไปสด ๆ ร้อนๆ เมื่อเวลาประมาณตีหนึ่งของวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ตามเวลาประเทศไทย โดย Memoria ได้รับรางวัลนี้ร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง Ahed's Knee ของผู้กำกับชาวอิสราเอล Nadav Lapid

หากจะพูดว่าอภิชาติพงศ์เป็นผู้กำกับชาวไทยที่ไปโลดแล่น และโด่งดังในต่างแดนมากกว่าในประเทศบ้านเกิดก็คงไม่ผิด เพราะเขาเป็นคนทำหนังนอกระบบ และมักทำผลงานออกมาในแนวทดลอง ใช้นักแสดงที่ไม่ได้เป็นมืออาชีพ ทำให้หนังของเขาถูกจริตคนที่ชอบภาพยนตร์สายประกวด หรือหนังอาร์ตมากกว่า

ความเก่งกาจของอภิชาติพงศ์ฉายออกมาให้เห็นตั้งแต่ในภาพยนตร์สารคดียาวเรื่องแรกของเขา 'ดอกฟ้าในมือมาร' (Mysterious Object at Noon) พ.ศ. 2543 ที่ได้เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติจำนวนมาก และได้รางวัลมาครองถึง 4 รางวัล แถมยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดประจำปี 2543 โดยนิตยสาร The village voice

ชื่อเสียงของอภิชาติพงศ์โด่งดังมากขึ้นเมื่อภาพยนตร์เรื่อง 'สุดเสน่หา' (Blissfully Yours) ได้รับรางวัล Un Certain Regard ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ประจำปี พ.ศ. 2545 และถูกจัดเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่คานส์โดยนิตยสาร Le Cahiers du Cinema

ตามมาด้วย 'สัตว์ประหลาด!' (Tropical Malady) พ.ศ. 2547 กับรางวัล Jury Prize ซึ่งเป็น 'ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก' ที่ได้รับคัดเลือกในสายประกวดหลักของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์อีกด้วย และ 'แสงศตวรรษ' (Syndromes and A Century) พ.ศ. 2549 กับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Lotus du Meuilleur Film-Grand Prix ในงานเทศกาลภาพยนตร์จากเอเชีย ครั้งที่ 9 ประเทศฝรั่งเศส

ก่อนที่จะมาถึงจุดพีคเมื่อภาพยนตร์เรื่อง 'ลุงบุญมีระลึกชาติ' (Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives) (พ.ศ. 2553) ได้รับรางวัล 'ปาล์มทองคำ' ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 63

เรียกได้ว่าอภิชาติพงศ์เป็น 'ผู้กำกับขาประจำ' ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์กันเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะมีหนังเข้าประกวด และได้รับรางวัลเป็นว่าเล่นแล้ว เขายังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัล (ในส่วนของภาพยนตร์สายหลัก) ประจำเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี ค.ศ. 2008 อีกด้วย

แล้วในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 74 นี้ อภิชาติพงศ์ก็สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง และประเทศไทยอีกครั้งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง Memoria ได้รับรางวัล Jury Prize (รางวัลพิเศษจากคณะกรรมการ) ไปครอง ซึ่งก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เพราะในการฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่หนังจบลง ผู้ชมในโรงต่างพากันลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับอภิชาติพงศ์เป็นเวลานานถึง 14 นาที ก่อนที่เจ้าตัวจะกล่าวคำว่า Long Live Cinema หรือ "ภาพยนตร์จงเจริญ" ออกมา


ส่วนตอนที่ขึ้นไปรับรางวัล Jury Prize และกล่าวคำปราศัยบนเวทีนั้น อภิชาติพงศ์ได้ถือโอกาสใช้เวทีระดับโลกอย่างเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ 'คอลเอาท์' ถึงสถานการณ์ในประเทศว่า

"ผมโชคดีที่ได้มายืนอยู่ที่นี่ในขณะที่เพื่อนร่วมชาติของผมจำนวนมากไม่อาจเดินทางได้ พวกเขาจำนวนไม่น้อยต้องทุกข์แสนสาหัสจากโรคระบาด เพราะการบริหารจัดการผิดพลาดเรื่องทรัพยากร การสาธารณสุข และการเข้าถึงวัคซีน

ผมอยากจะเรียกร้องรัฐบาลไทย รัฐบาลโคลอมเบีย รวมถึงรัฐบาลประเทศอื่น ๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกัน ขอให้ตื่นขึ้น และทำงานเพื่อประชาชนของพวกคุณ เดี๋ยวนี้"