• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Panitsupa

#2861


รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเป็นประธาน วันนี้ (18 ส.ค.) จะมีการพิจารณาวาระที่น่าสนใจหลายวาระ โดยกระทรวงสาธารณสุขเตรียมที่จะเสนอความคืบหน้าในการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส รวมทั้งขออนุมัติวงเงินจาก ครม.เพื่อวางมัดจำวัคซีนจำนวนดังกล่าว โดย วัคซีนลอตแรกที่จะสามารถจัดส่งให้ไทยได้จะอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ โดยอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการตามสัญญา ส่วนที่จะจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดสอยู่ระหว่างการดำเนินการเจรจา 


กระทรวงเกษตรฯขออนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณจากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้กันเงินไว้และไม่สามารถเบิกจ่ายได้กันเงินไว้และไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน มาดำเนิน รายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดินเพื่อการชลประทาน


ส่วนวาระเพื่อทราบที่น่าสนใจสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ การพัฒนาระบบนิเวศน์ทางกฎหมายเพื่อเร่งรัดให้เกิดรัฐบาลดิจิทัล (Digital goverment)

กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมถุงมือสำหรับการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ชนิดใช้ครั้งเดียวต้องเป็นไปตามมาตราฐาน พ.ศ...

กระทรวงสาธารณสุขเสนอผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การบริการสุขภาพปฐมภูมิ (Primary Health Care) ของคณะกรรมการสาธารณสุข วุฒิสภา

กระทรวงทรัพยากรจะเสนอ มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2 / 2564

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเสนอความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือน กรฎาคม 2564

และ กระทรวง พม.เสนอขออนุมัติวันอาสาสมัครสากล (International Volunteer Day : IVD)

สำหรับความคืบหน้าของการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนในพื้นที่ 29 จังหวัดที่ ศบค.ได้มีการขยายมาตรการล็อกดาวน์ไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค.2564 นั้น ล่าสุดนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่าการเยียวยาผู้ประกันตนในส่วนที่สถานประกอบการถูกสั่งปิดให้สามารถยื่นขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ได้ 

ส่วนการอนุมัติความช่วยเหลือเงินกู้เพิ่มเติมให้กับผู้ประกันตนใน 9 สาขาอาชีพ ที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์นั้นยังอยู่ในกรอบระยะเวลาการช่วยเหลือที่ได้เสนอขอไปยังคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ฯแล้วซึ่งยังไม่จำเป็นต้องขออนุมัติเิพิ่มเติมเนื่อจากอยู่ในระยะเวลา 1 เดือนเช่นกัน 

อย่างไรก็ตามใน 16 จังหวัดที่ ม.39 - ม.40 ขณะนี้ยังเปิดให้ลงทะเบียนถึงวันที่ 24 ส.ค.เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับสิทธิ์คนละ 5,000 บาทต่อไป 
#2862


นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2 ปี2564 สถานกาณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงกว่าไตรมาสแรกส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่่อง และยังไม่มีความชัดเจนถึงการฟื้นตัวภายในปี 2564 ส่งผลกระทบต่อการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ การขยายตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ และการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องภาพรวมของทั้งประเทศ พบว่าการเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่ลดจำนวนลงมาก ในส่วนของหน่วยที่ได้รับอนุญาตจัดสรรทั่วประเทศ ปี 2564 ยังคงชะลอตัว โดยครึ่งแรกปี 2564 หน่วยที่ได้อนุญาตจัดสรรลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 แนวโน้มลดต่อเนื่องในไตรมาส 3 คาดว่าจะกระเตื้องในไตรมาส4 ปีนี้

แต่อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ความรุนแรงโควิดระลอก3 สู่ระลอก4 ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ลดปริมาณการขอจัดสรรลง สังเกตได้จากไตรมาส 2 ของปีนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนเกิดโควิด ติดลบ 41.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี63 พบว่าหน่วยจัดสรรรายเดือน ติดลบ37 -46 %ระหว่าง เดือนม.ค. - เม.ย. 2564 และเริ่มกระเตื้องขึ้นในเดือนพ.ค. - มิ.ย. 2564 และคาดว่าไตรมาส 4 ปี 2564 จะเริ่มดีขึ้น แต่ทุกไตรมาสจะยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่ผู้ประกอบฯจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาสูงเพื่อรองรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อ

โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2564 มีการออกใบอนุญาตจัดสรร30,514 หน่วย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ทุกไตรมาส ขณะที่ข้อมูลการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มซึ่งมีสัดส่วน 89% ของการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศ พบว่า 10 ลำดับแรกของจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม มีอัตราขยายตัวลดลง33.1% โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 14,863 หน่วยขณะที่ช่วงครึ่งแรกปี 2563 มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวน 25,062 หน่วย ลดลง40.7%


ขณะที่ความเคลื่อนไหวด้านการเปิดตัวโครงการใหม่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่าเริ่มมีการเปิดตัวโครงการใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ต่อเนื่องจากปี 2562 โดยการชะลอตัวของหน่วยเปิดตัวใหม่ อาจเป็นผลจากยอดขายที่ชะลอตัวและหน่วยเหลือขายสะสมในตลาด

"การแพร่ของโควิด ทำให้กำลังซื้อของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ในช่วง ไตรมาส 2 ปีนี้มีหน่วยเปิดตัวใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงก่อนเกิดโควิดระบาดลดลง76.4% และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 หดตัวลง46.2% คาดว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 4 อาจจะเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนหน่วยที่ขายได้ในช่วงที่ผ่านมาโดยเป็นโครงการขนาดกลาง-เล็ก และเน้นการขายโครงการที่มีสต็อกทำให้เปิดโครงการใหม่น้อยลง"


โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2564 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีโครงการเปิดตัวใหม่ 12,740 หน่วยมูลค่า 66,123 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีโครงการเปิดตัวใหม่ จำนวน 29,816 หน่วยมูลค่า 137,068 ล้านบาท จำนวนหน่วยปรับตัวลดลง57.3 % ส่วนมูลค่าลดลง51.8 %

นายวิชัย กล่าวว่า ด้านอุปสงค์อสังหาฯชะลอตัวสะท้อนจากการโอนกรรมสิทธิ์ช่วงครึ่งแรกปี 2564 โดยในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ การโอนกรรมสิทธิ์ขยายตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ จำนวนหน่วยและมูลค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ติดลบ31.2% และ16.5% ตามลำดับ ทั้งนี้การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศสะสมครึ่งแรกปี 2564 โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 120,023 หน่วย มูลค่า 377,520 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 168,625 หน่วย มูลค่า 422,870 ล้านบาท จำนวนหน่วยปรับตัวลดลง28.8 % มูลค่าลดลง10.7 % ซึ่งค่าเฉลี่ยจำนวนหน่วยต่อไตรมาส 90,233 หน่วย และมูลค่า 232,859 ล้านบาท

ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีจำนวน 79,422 หน่วย มูลค่า 284,411 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2563 มีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 88,336 หน่วย มูลค่า 270,435 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง 10.1% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น5.2 % คาดว่าปี 2564 จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ 164,861 หน่วย ลดลงจากปีก่อน 16.2% การโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านจัดสรรลดลง5.2 % และการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดลดลง27.1 % ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าปี 2564 จะมีมูลค่า 587,539 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 4.2% มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านจัดสรรลดลง0.8 % โครงการอาคารชุดลดลง8.9%

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้มีการปรับการคาดการณ์ใหม่อีกครั้งภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหม่ โดยประมาณการว่าปี 2564 ภาพรวมการออกใบอนุญาตจัดสรรปี 2564 คาดว่าจะลดลง22.1 % และในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น25.2 % ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานปี 2564 ที่มีตัวเลขต่ำ และการจัดสรรจะเข้าสู่ค่าเฉลี่ยของช่วงปกติในปี 2568 ขณะที่แนวโน้มโครงการเปิดตัวใหม่จะลดลงมาอยู่ที่ 43,051 หน่วย ลดลงจากปีก่อน35.0 % ซึ่งเป็นการลดลงของโครงการอาคารชุดมากถึง44.3 % ขณะที่บ้านจัดสรรลดลง27.4 % และในปี 2565 เพิ่มขึ้น 38.5% และการเปิดตัวหน่วยที่อยู่อาศัยใหม่จะเข้าสู่ค่าเฉลี่ยของช่วงปกติในปี 2568 - 2569  ขณะที่ หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ปี 2564 อาจลดลงเหลือเพียง 270,151 หน่วย ลดลงจากปีก่อนที่เคยมีหน่วยโอน358,496 หน่วย หรือลดลง 24.6 %คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 และสามารถกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยในภาวะปกติได้ในปี 2570

" ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2564 จะยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับสู่สภาวะสมดุลทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยจะกลับเข้าสู่ภาวะที่ก่อนเกิดโควิดในปี 2568 – 2570 หรือประมาณ 5-6 ปีข้างหน้า หากรัฐช่วยออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ขยายเพดานลดค่าโอน-จำนองครอบคลุมทุกระดับราคารวม-บ้านมือสอง ฟื้นตลาด แบงก์ชาติปลดล็อกมาตรการแอลทีวี จะช่วยให้สถานการณ์อสังหาฯฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"
#2863


นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.34% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128.57% จากระยะเวลาเดียวของปี 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 28 ล้านบาท โดยการเติบโตของกำไรสุทธิทั้งในไตรมาสที่ 2 และ 6 เดือนแรกของปีนี้ นอกจากจะมาจากการค่อยๆ ฟื้นตัวของรายได้ 3 ธุรกิจหลักแล้ว ยังมาจากการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

ทั้งนี้ CPL ประกอบธุรกิจ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 61% ธุรกิจรับฟอกหนัง ซึ่งแบ่งเป็นการฟอกหนังวัวและการฟอกหนังหมู คิดเป็นสัดส่วน 3% ของรายได้รวม และธุรกิจการผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย ภายใต้แบรนด์ "แพงโกลิน" (Pangolin) คิดเป็นสัดส่วน 36% ของรายได้รวม

"ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป ในไตรมาสที่ 2 มีรายได้ 312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% จากปีก่อน ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 2564 มีรายได้ 577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.70% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่เศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ลูกค้าสั่งซื้อหนังสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยอดขายยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที่และยังมีความไม่แน่นอนในตลาด ทำให้ในไตรมาสนี้เรายังดำเนินนโยบายควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่างๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพในสายงานผลิต อย่างเคร่งครัด ทำให้ภาพรวมดูดีขึ้น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าว

ทางด้านธุรกิจการฟอกหนัง ในส่วนของการฟอกหนังวัว ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ลูกค้ายังชะลอการนำเข้าเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ขณะที่การรับฟอกหนังหมูมีทิศทางที่ดี เนื่องจากมีการฟอกส่งไปยังประเทศจีนมากขึ้น โดยในไตรมาสนี้สามารถทำยอดได้สูงกว่างบประมาณที่วางไว้ แต่ยังคงต้องเฝ้าจับตาสถานการณ์ในระยะยาวอย่างใกล้ชิด โดยในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจฟอกหนัง 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.50% และในงวด 6 เดือนแรก มีรายได้ 82 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 13.68% อย่างไรก็ตาม จากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจฟอกหนังในไตรมาสที่ 2 ที่ 26 ล้านบาทและงวด 6 เดือนที่ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 225% และ 66.67% ตามลำดับ

สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย หรือเซฟตี้ โปรดักต์ ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ มีรายได้จากรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.36% และงวด 6 เดือนมีรายได้ 337 ล้านบาท ลดลง 0.88% เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายของรองเท้านิรภัยลดลงกว่าแต่ก่อน ตามกำลังซื้อในประเทศที่เริ่มหดตัวจากการปรับลดคนงาน รวมถึงนโยบายการประหยัดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ยอดขายของอุปกรณ์นิรภัยและงานบริการได้เพิ่มสูงขึ้นมากทำให้สามารถชดเชยการขาดหายไปของยอดขายรองเท้านิรภัยได้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าวด้วยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา CPL ได้ขยายไปสู่การทำตลาดสินค้าในกลุ่มแฟชั่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผนึกกับพันธมิตรผลิตรองเท้าหนังแนวสตรีท แบรนด์ PLY ที่ทำตลาดได้ดีในกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีไลฟ์สไตล์ รวมถึงการนำใช้วัตถุดิบหนังจากโรงงานมาผลิตเป็นกระเป๋าแบรนด์ Galavela เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานที่นิยมกระเป๋าหนังที่มีสีสันสดใส ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้สร้างยอดขายอย่างมีนัยสำคัญให้ CPL เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านกำลังซื้อในตลาด แต่ถือเป็นการขยายตลาดไปสู่สินค้าที่เป็น End Product ด้วยวัตถุดิบและเทคโนโลยีการผลิตที่มีอยู่แล้ว และเป็นการฝึกทักษะด้านการขายและการทำตลาดใหม่ๆ ให้พนักงานอีกด้วย

สำหรับปัจจัยท้าทายในครึ่งหลังของปีนี้ยังคงต้องจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งหวังว่าแนวโน้มจะดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป เพราะจะทำให้ออเดอร์ผลิตหนังสำเร็จรูปกลับเข้ามาอีกครั้ง แม้จะยังไม่เรียกว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติก็ตาม ขณะเดียวกัน แนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออกผลิตหนังสำเร็จรูปของ CPL แม้ว่าจะต้องนำเข้าวัตถุดิบ แต่เชื่อว่าจะสามารถควบคุมต้นทุนการนำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"ส่วนความคืบหน้าหลังจาก CPL จัดตั้งบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ เพื่อศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ในการเข้าไปลงทุนเพื่อสร้าง New S-Curve ขณะนี้มีความคืบหน้าในหลายๆ ธุรกิจ ทั้งธุรกิจด้านนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้านเทคโนโลยี รวมถึงความร่วมมือกับศูนย์การเรียนรู้ด้านแพทย์แผนไทย ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการลงทุนในโครงการต่างๆ ได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และเตรียมงบประมาณลงทุนเบื้องต้นราว 50 ล้านบาทในเฟสแรก โดยคาดว่าภายในปี 2564 จะมีโครงการที่ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส เข้าไปลงทุนเกิดขึ้นอย่างแน่นอน" นายภูวสิษฏ์ กล่าว
#2864


นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงินบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังที่เหลือของปี 2564 จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 2,312.1 ล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทยังมีปัจจัยหนุนจากการออกสินค้าใหม่

สำหรับปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการวางจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชงและกัญชา รวมถึงได้ปัจจัยหนุนจากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อพัฒนาสินค้าร่วมกัน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาและคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปี 2564

ทั้งนี้บริษัทประเมินรายได้จากธุรกิจในประเทศจะเติบโต 5% จากปีก่อน และมีโอกาสที่รายได้จากธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้จากการวางขายสินค้าใหม่และการจับมือกับพันธมิตร ส่วนรายได้จากต่างประเทศคาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อนเช่นกัน แม้ในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมาจะหดตัว 2-3% จากผลกระทบโควิด-19 และการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า แต่บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงทีมขายยังเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง

บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตและกระจายสินค้าในประเทศเวียดนาม 1 แห่ง งบลงทุนระยะแรกมูลค่า 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 470 ล้านบาท) คาดว่าจะเปิดดำเนินการโรงงานดังกล่าวได้ภายในกลางปี 2565


นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนต่างประเทศต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการเป็นผู้ประกอบการระดับภูมิภาค โดยมีแผนลงทุนเพิ่มเติมในตลาดประเทศจีน ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐ ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก 35 ประเทศทั่วโลกที่บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่าย
#2865


เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดให้บริการ Door-to-Door Test Drive เพื่อนำรถยนต์ HAVAL H6 Hybrid SUV ให้ลูกค้าทดลองขับและทดสอบสมรรถนะถึงหน้าบ้าน นอกจากนี้ ยังมีบริการ Door-to-Door Service อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งมอบรถถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Delivery Service) บริการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการตรวจเช็กระยะ (Door-to-Door Pick-up and Delivery on Demand) และบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ (Door-to-Door Mobile Service) เพื่อส่งมอบบริการที่พิเศษและคุ้มค่า พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยสูงสุดให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร



หลังจากที่ได้มีการเปิดให้ผู้ที่สนใจได้ลงทะเบียนเพื่อทดลองขับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV จวบจนถึงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟน ๆ ชาวไทยกว่า 9,000 ราย ที่แสดงความประสงค์เพื่อทดลองขับรถ รวมถึงผู้ที่จองสิทธิ์เพื่อซื้อรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV จากแคมเปญ ULTRA DEAL และแคมเปญ PREMIERE DEAL โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้จัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้สนใจดังกล่าวมีโอกาสมาทดลองขับและทดสอบสมรรถนะของรถ ที่ Show DC เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดจนการประกาศยกระดับความเข้มข้นของมาตรการควบคุมจากคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำให้เกิดข้อจำกัดในการจัดกิจกรรมและการเดินทาง ส่งผลให้ผู้ที่สนใจและผู้ที่จองสิทธิ์ในแคมเปญดังกล่าวจำนวนมากได้รับความไม่สะดวกสบายและอาจจะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเข้าไปทดลองขับ



เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสูงสุดให้กับผู้บริโภคชาวไทย นอกจากการขยายระยะเวลาแคมเปญ PREMIERE DEAL ออกไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 และการขยายเวลาชำระเงินจองของแคมเปญ ULTRA DEAL ไปจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2564 แล้ว เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังส่งมอบบริการแบบ Door-to-Door Service เพิ่มเติม ผ่านขั้นตอนที่ง่าย (Simple) มีความพิเศษ (Special) ปลอดภัย (Secure) และคุ้มค่า (Save) ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ Door-to-Door Test Drive เพื่อนำรถยนต์ไปให้ลูกค้าทดลองขับถึงหน้าบ้าน รวมไปถึงบริการส่งมอบรถ และบริการหลังการขายแบบให้บริการถึงหน้าบ้านของลูกค้าอีกมากมาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับความสะดวกสบายและบริการที่ดีที่สุดจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ แม้จะมีอุปสรรคหรือข้อจำกัดภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน



นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า "เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตระหนักและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เรารับทราบและเข้าใจดีว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนี้อาจส่งผลให้ลูกค้าไม่สะดวกที่จะเข้ามาทดสอบรถหรือใช้บริการอื่นๆ ของเราได้ ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ที่เน้นการเชื่อมต่อระหว่าง Online-to-Offline (O2O) เราจึงยินดีที่จะส่งมอบบริการแบบ Door-to-Door Service รูปแบบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้กับลูกค้า โดยที่ลูกค้ายังคงได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยม ตั้งแต่การกดจองเพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่าน GWM Application ไปจนถึงการรับบริการออฟไลน์แบบส่งตรงถึงหน้าบ้าน หลังจากที่เราได้เริ่มมีการส่งมอบรถยนต์แบบ Door-to-Door Delivery Service



ที่บ้านหรือสถานที่ต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการไปแล้ว ล่าสุดเราได้มีบริการ Door-to-Door Test Drive เพื่อให้ผู้ที่สนใจ
หรือผู้ที่จองรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ได้มีโอกาสขับและทดสอบสมรรถนะของรถได้อย่างเต็มที่
ก่อนการตัดสินใจซื้อ และเรายังมีบริการหลังการขายด้านอื่นๆ ในรูปแบบ Door-to-Door Service เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการตรวจเช็กระยะ (Door-to-Door Pick-up and Delivery on Demand) และบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ (Door-to-Door Mobile Service) เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เราจะคอยเคียงข้างเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกกับลูกค้าในทุกๆ บริการของเราอย่างครบวงจรเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา" สำหรับบริการแบบ Door-to-Door Service ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่



1. บริการทดลองขับรถถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Test Drive)

ลูกค้าสามารถแจ้งความจำนงเพื่อทดลองขับรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ตามวัน เวลา และสถานที่
ที่ลูกค้าสะดวกผ่านทาง Intelligent Ambassador หรือ iAM หลังจากนั้น iAM จะติดต่อกลับเพื่อยืนยันการนัดหมาย และจะส่งรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV พร้อมผู้ฝึกสอน (Instructor) ไปให้ลูกค้าที่บ้าน โดยจะมี iAM คอยช่วยประสานงานและให้การดูแลผ่านระบบ Video Conference อย่างใกล้ชิด โดยลูกค้าจะได้เรียนรู้วิธีการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ รวมไปถึงได้ทดลองขับและทดสอบสมรรถนะรถยนต์ในเส้นทางบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 30 – 45 นาที โดยมีผู้ฝึกสอนและ iAM คอยให้คำแนะนำและตอบข้อซักถามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ทีมงานทุกคนรวมถึงลูกค้าจะได้รับการตรวจโควิดแบบ Rapid Test ทุกครั้งก่อนการเริ่มให้บริการ รวมถึงมีการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดรถยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ ตามมาตรการการป้องกันโรคโควิดอย่างเคร่งครัด โดยในเบื้องต้น บริการทดลองขับรถถึงหน้าบ้านนี้ จะเปิดให้บริการในช่วงระหว่างวันที่ 7 – 16 สิงหาคม 2564 โดยให้สิทธิ์แก่ผู้ที่ได้แจ้งความจำนงและจองการทดลองขับในลำดับแรกๆ ก่อน และอาจจะมีการขยายระยะเวลาและช่องทางการให้บริการนี้ร่วมกับ GWM Partner Store เพิ่มเติมในอนาคต



2. บริการส่งมอบรถถึงหน้าบ้าน (Door-to-Door Delivery Service)

ลูกค้าสามารถเลือกรับบริการได้บน GWM Application เมื่อสั่งซื้อรถยนต์ โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) รูปแบบปกติ และ 2) รูปแบบพรีเมียม ที่ลูกค้าสามารถออกแบบรูปแบบการส่งมอบรถเพิ่มเติมได้ตามที่ต้องการ โดยทั้ง 2 รูปแบบ จะมี Intelligent Ambassador หรือ iAM เป็นผู้ดูแล ส่งมอบช่อดอกไม้ ช่วยตรวจสอบการรับรถยนต์ รวมไปถึงอธิบายวิธีการใช้งานรถยนต์ และตอบคำถามต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการส่งมอบรถถึงมือลูกค้าอย่างราบรื่น ปลอดภัยและเกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งบริการนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ แต่สำหรับลูกค้าแพ็คเกจ ULTRA DEAL และ PREMIERE DEAL สามารถขอรับบริการในรูปแบบปกติได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม

3. บริการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการตรวจเช็กระยะ (Door-to-Door Pick-up and Delivery on Demand)

ลูกค้าสามารถนัดหมายวัน เวลา และสถานที่ในการรับรถ และ/หรือส่งรถยนต์ได้ตามที่ลูกค้าสะดวกเมื่อครบกำหนดตามตารางการบำรุงรักษาตามระยะทาง โดยลูกค้าต้องนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ และสามารถตรวจสอบวันและเวลาการออกให้บริการของศูนย์บริการแต่ละแห่งได้ผ่านระบบนัดหมายของศูนย์บริการหรือติดต่อ GWM Contact Center โทร. 02-668-8888



4. บริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ (Door-to-Door Mobile Service)

ลูกค้าสามารถขอรับบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ตามที่ลูกค้านัดหมาย โดยลูกค้าไม่ต้องนำรถยนต์เข้ามารับบริการที่ศูนย์บริการ ทั้งนี้ ลูกค้าต้องนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ และสามารถตรวจสอบวันและเวลาการออกให้บริการของศูนย์บริการแต่ละแห่งได้ผ่านระบบนัดหมายของศูนย์บริการหรือติดต่อ GWM Contact Center โทร. 02-668-8888 ทั้งนี้ บริการนี้จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป



สำหรับบริการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการตรวจเช็กระยะ (Door-to-Door Pick-up and Delivery on Demand) และบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ (Door-to-Door Mobile Service) จะเป็นบริการหลังการขายที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งนี้ ลูกค้าแพ็กเกจ ULTRA DEAL และ PREMIERE DEAL จะได้รับสิทธิ
ในการใช้บริการดังกล่าวฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 4 ครั้ง สำหรับบริการรับและ/หรือส่งรถยนต์เพื่อรับบริการ
ตรวจเช็กระยะ และ 2 ครั้ง สำหรับบริการตรวจเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษานอกสถานที่ ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (เมื่อถึงกำหนดอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน) และสามารถดูรายละเอียดของบริการเพิ่มเติมได้ที่ https:// gwm.co.th/aftersales
#2866


นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ได้เตรียมพร้อมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ตามนโยบายของภาครัฐ หรือ Restart Thailand โดยจะเร่งรัดดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินตามงบประมาณในปี 2564 ตามแผนการเบิกจ่ายงบประมาณที่วางไว้ ในส่วนของโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและขยายระบบส่งไฟฟ้าครอบคลุมทั้งประเทศ จำนวน 17 โครงการ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ระหว่างปี 2564-2573 คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวมทั้งสิน 242,567 ล้านบาท


โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ปี2564-2568 จะมีแผนเบิกจ่ายเงินทั้งสิ้น 136,405 ล้านบาท และระยะที่สอง ปี2569-2573 มีแผนเบิกจ่ายเงินทั้งสิ้น 106,162 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งการลงทุนสายส่งระดับแรงดัน 115,230 และ 500 กิโลโวลต์ เพื่อรองรับการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า เสริมความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้า การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า Smart Grid การปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ และสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น


นอกจากนี้ ยังมีแผนการลงทุนระยะยาว เพื่อพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าของ กฟผ. อีก 2 โครงการ กับ 1 แผนงาน ที่อยู่ระหว่างการเสนอขออนุมัติโครงการ ได้แก่ 

1.โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 1 (SEZ1) วงเงินลงทุน 2,150 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการปี 2563-2568 เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าให้แก่บริเวณ อ.แม่สอด จ.ตาก และ อ.เมือง จ.มุกดามาร ในระยะยาว และรองรับการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน



2.โครงการพัฒนาระบบเคเบิ้ลใต้ทะเลไปยังบริเวณอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (SPSS) วงเงินลงทุน 11,230 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการปี 2563-2569 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการส่งกำลังไฟฟ้าบริเวณเกาะสมุย และบริเวณข้างเคียง (เกาะพะงันและเกาะเต่า) และรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

แม้ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่เกาะสมุย จะชะลอตัวในช่วงระยะเวลา 1-3 ปี แต่มีแนวโน้มจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นหลังผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งระบบไฟฟ้าในปัจจุบันไม่สามารถรองรับได้ กฟผ.จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามแผนงาน เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานต่อไป

โดยทั้ง 2 โครงการนี้ ได้นำเสนอต่อปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2563


และ 3.โครงการแผนลงทุนระยะยาว-แผนใหม่ แผนงานปรับปรุงสถานีไฟฟ้าแรงสูงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (HSIT)วงเงินลงทุน 1,600 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการปี 2563-2569 เพื่อช่วยรักษาและเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าในการจ่ายไฟฟ้าของ สฟ.ในพื้นที่ 3 จังหวัดฯ รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายของอุปกรณ์ภายใน สฟ.ในพื้นที่ 3 จังหวัดฯ โดยปัจจุบันโครงการนี้ ได้รับการอนุมัติแผนการลงทุนจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)แล้ว

"ช่วงไตรมาส1ปีนี้ กฟผ.มีการเบิกจ่ายได้สูงกว่าแผน ไตรมาส 2 ก็คาดจะเบิกจ่ายได้ตามแผน ส่วนไตรมาส 3-4 ก็จะพยายามทำให้ได้ตามเป้า"


นายบุญญนิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กฟผ.ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมของโครงการอีก 2 โครงการ คือ 1.โครงการขยายระบบไฟฟ้าเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ระยะที่ 4 (BSB4) วงเงินลงทุน 5,800 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการปี 2566-2571 เพื่อสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในเขตเมืองหลวง ซึ่งเป็นศูนย์การของส่วนราชการ ธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยว และรองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

และ 2.โครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานระยะที่ 3 วงเงินลงทุน 23,380 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการปี 2566-2570 เพื่อปรับปรุงสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงซึ่งเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน และเพื่อลดปัญหาความสูญเสียที่เกิดจากไฟฟ้าดับเรื่องจากอุปกรณ์ขำรุด
#2867


ฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA เปิดเผยว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA มีมติประกาศแต่งตั้ง นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คนแรกของบริษัทฯ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป

สำหรับภารกิจสำคัญจะเน้นในการบริหารโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation รวมถึงเป็นศูนย์กลางของมหานครการบินภาคตะวันออก ที่สามารถเชื่อมโยงเป็นส่วนขยายของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่อเนื่องไปทางภาคตะวันออกได้อย่างสะดวกสบายทันสมัย ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ


นายวีรวัฒน์ มีประวัติการทำงานกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รวม 23 ปี โดยมีประสบการณ์ด้านการบริหารเครดิต, ด้านธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ, ด้านการบริหารกลยุทธ์และวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการบริหารความเสี่ยงขององค์กร ตลอดจนทำหน้าที่ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กสิกรวิชั่น จำกัด มาก่อนที่จะมาร่วมงานกับ UTA

นายวีรวัฒน์ จบการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 ด้านวิศวกรรมระบบควบคุม จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และปริญญาโท MBA Financial Engineering, Sloan School of Management สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
#2868


การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยนับตั้งแต่ระลอกแรกในเดือน ม.ค.2563 ถึงระลอกปัจจุบัน วันที่ 15 ส.ค.2564 มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยรวม 907,157 คน ซึ่งรัฐบาลต้องจัดงบประมาณหลายส่วนเพื่อรับมือการระบาด โดยเฉพาะการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ฉบับ วงเงินรวม 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่อนุมัติสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขไปแล้วมากกว่า 1 แสนล้านบาท

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้สรุปการใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ได้จัดสรรสำหรับแผนงานด้านสาธารณสุขรวม 45,000 ล้านบาท แต่การระบาดที่มีอย่างต่อเนื่องส่งให้งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอและต้องโยกงบประมาณจากแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจเข้ามารวมแล้วจัดสรรให้ด้านสาธารณสุขรวม 63,900 ล้านบาท ผ่านการอนุมัติ 51 โครงการ แบ่งเป็น 5 ด้าน คือ

1.แผนงานเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ 4 โครงการ วงเงิน 6,301 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 6,666 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74.05%

2.แผนงานหรือโครงการเพื่อจัดซื้อหาอุปกรณ์การแพทย์และสาธารณสุขวัคซีนป้องกันโรคและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ 20 โครงการ วงเงิน 15,250 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1,606 ล้านบาท คิดเป็น 10.53%

3.แผนงานหรือโครงการเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการบำบัดรักษา ป้องกันควบคุมโรค 5 โครงการ วงเงิน 30,360 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 17,334 ล้านบาท คิดเป็น 57.10%

4.แผนงานหรือโครงการเพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาล 14 โครงการ วงเงิน 10,257 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1,822 ล้านบาท คิดเป็น 17.77%

5.แผนงานหรือโครงการด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด 8 โครงการ วงเงิน 1,727 ล้านบาท เบิกจ่าย 180 ล้านบาทคิดเป็น 10.43%

ทั้งนี้ รวมแล้วโครงการตามแผนงานด้านสาธารณสุขที่อนุมัติไว้ 63,897 ล้านบาท เบิกจ่าย 25,610 ล้านบาท คิดเป็น 40.08%


"สาธารณสุข" ทยอยขอใช้งบกลาง

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ใช้งบกลาง 2564 เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.โครงการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.2563 ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.2564 วงเงิน 12,669 ล้านบาท ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564

2.โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นอกสถานพยาบาล 1,877 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 10 ส.ค.2564

3.โครงการเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.25654 วงเงิน 12,567 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 5 พ.ค.2564

4.โครงการจัดหาวัคซีน Sivovac จำนวน 500,000 โดส วงเงิน 321 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 17 เม.ย.2564

5.โครงการจัดหาวัคซีน AstraZeneca จำนวน 35 ล้านโดส วงเงิน 6,387 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 2 มี.ค.2564

6.โครงการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระยะการระบาดระลอกใหม่ วงเงิน 4,661 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 5 ม.ค.2564

7.โครงการจัดหาวัคซีน AstraZeneca 2,379 ล้านบาท ครม.อนุมัติวันที่ 17 พ.ย.2563

งบค่าตอบแทนบุคลากร-จ้างเหมา

ทั้งนี้ หากดูรายละเอียดการประชุม ครม.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 อนุมัติโครงการการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาโควิด-19 ระลอก เม.ย.2563ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.2564 ซึ่งเป็นการขยายโครงการต่อจากโครงการเดิมที่ ครม.เคยอนุมัติไว้เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2564 เพื่อดำเนินการจ่ายค่าตอบแทน ได้แก่ ค่าตอบแทนเสี่ยงภัย ค่าล่วงเวลา (OT) ค่าตอบแทนคณะทำงาน ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา บุคคลภายนอก ค่าใช้สอย ได้แก่ ค่าอำนวยการและสั่งการเชิงบูรณาการ และค่าจ้างเหมาบริการอื่นๆ

นอกจากนี้ กระทรงวสาธารณสุขรายงานว่าการดำเนินการดังกล่าวจะรองรับมาตรการการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อลดจำนวนการติดเชื้อโควิด-19 ลดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และลดอัตราการเสียชีวิตของประชากรในประเทศไทย ให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงระบบการบริการของสถานพยาบาลและหน่วยบริการ ได้อย่างทั่วถึงสะดวกและรวดเร็ว


นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ในการบริหารจัดการเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงิน 500,000 ล้านบาท ของรัฐบาล ซึ่งในส่วนนี้มีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการที่มีเลขาธิการ สศช.พิจารณาดูแลตามความเหมาะสมอยู่ 

สำหรับวงเงินงบประมาณสำหรับแผนงานด้านสาธารณสุขที่มีการตั้งวงเงินไว้ 30,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ก็สามารถที่จะบริหารจัดการโดยโยกเอางบประมาณในส่วนของเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาด และงบประมาณแผนงานการฟื้นฟูเศรษฐกิจมาใช้ได้หากมีความจำเป็นซึ่งในการกู้เงินครั้งหลังนี้วางเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นมากขึ้น 

ส่วนงบประมาณที่ไว้ใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อออกไปนอกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่มีงบกลาง วงเงิน 89,000 ล้านบาท ยังมีงบกลางฯโควิด-19 ที่มีการแปรญัตติไว้ที่วงเงิน 16,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้การใช้จ่ายจะคล้ายกับงบกลาง 40,000 ล้านบาท ที่เป็นงบกลางสำหรับใช้ในสถานการณ์โควิดในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งวงเงินนี้ส่วนใหญ่ไว้ใช้ในเรื่องของสาธารณสุข การซื้อยาเวชภัณฑ์และเครื่องมือการแพทย์ในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่วนนี้ถือว่ามีความจำเป็นที่รัฐบาลจะมีเงินอีกส่วนไว้ใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีการระบาดต่อไปอีกระยะ 

คาดต้องการงบสาธารณสุขสูง

นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวว่า วงเงินจำนวนนี้หากเทียบกับรายจ่ายด้านสาธารณสุขที่มีจำนวนมากก็จะเห็นว่าไม่ใช่วงเงินที่มากนัก โดยเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมามีการอนุมัติงบกลาง 2564 ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นค่าใช้จ่าย ค่าจ้างล่วงเวลาสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.ก็ใช้งบประมาณมากถึง 12,600 ล้านบาท ทำให้เห็นว่าความต้องการใช้วงเงินงบประมาณด้านสาธารสุขยังคงมีมากในสถานการณ์ช่วงนี้ 
#2869


วันนี้ (15ส.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึง กล่าวถึงการจัดซื้อ Antigen test kit หรือ ATK ของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสปสช.จำนวน 8.5 ล้านชุด ให้กับคนไทยทั่วประเทศได้ตรวจฟรี ว่า ตนรู้สึกสนับสนุนในการนำงบประมาณมาใช้ในส่วนนี้ แต่กลับเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างชมรมแพทย์ชนบท องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเด็นข้อถกเถียงเรื่อง คุณภาพของชุดตรวจ ATK ที่ผลิตโดยบริษัท Beijing Lepu Medical Technology จากประเทศจีนที่ชนะการประกวดราคา ไม่ผ่านการรับรองของหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายต่างก็มีความปรารถนาดีต่อประเทศ แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นกับเรื่องเร่งด่วนที่ต้องตัดสินใจโดยเร็วที่สุด

"ผมขอเสนอทางออกให้นำชุดตรวจ ATK ของประเทศจีนที่ชนะการประกวดราคา จำนวน 1,000 ชุดมาทำการทดสอบใหม่โดยโรงพยาบาลของรัฐที่มีมาตรฐาน 5 รพ.ๆละ 200 ชุด เช่น รพ.จุฬา รพ.ศิริราช รพ.ธรรมศาสตร์ รพ.บำราศฯ และ รพ.วชิระ ให้ทำการทดสอบอย่างเร่งด่วน โดยตรวจควบคู่กับวิธี RT-PCR (Polymerase chain reaction) ผมคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 3 วันจะได้ผลตรวจทั้งหมด ถ้าพิสูจน์แล้วว่า ชุดตรวจ ATK มีคุณภาพ ก็สามารถสั่งซื้อตามขั้นตอนได้เลย และชมรมแพทย์ชนบทก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าคุณภาพชุดตรวจ ATK ของบริษัทนี้ไม่มีมาตรฐาน องค์การเภสัชก็ควรจะยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ได้ โดยที่บริษัทจากจีนจะไม่สามารถฟ้องร้องได้"นพ.ระวี กล่าว
#2870
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#2871


สุดรันทดคุณยายม่าวัย 87 ปี ตัวคนเดียวไร้ญาติ น้ำท่วมทุกครั้งที่ฝนตกหรือน้ำทะเลหนุน อาศัยอยู่บนเตียงหลบสัตว์มีพิษ ดร. ม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา เจ้าของเพจ "นางฟ้าของผู้สูงวัย" ลุยช่วย เบื้องต้นเยียวยาข้าวสารอาหารแห้งพร้อมเงินจำนวนหนึ่ง อึ้งคุณยายเคยคิดสั้นฆ่าตัวตายแต่ได้รูป สคส เพชรา เชาวราฎร์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

ด้าน ดร ม่านฟ้าเปิดเผยว่า
"พอดีม่านทราบข่าวจากทีมงานมีผู้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือเป็นคุณยายอายุ87ปี ไม่มีลูกหลาน เพราะมาจากเมืองจีนตั้งแต่เด็ก ญาติพี่น้องก็เสียชีวิตหมดแล้ว อาศัยอยู่ในชุมชนบ่อดิน ถ แพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ เวลาน้ำท่วมก็จะท่วมเข้าบ้าน คุณยายก็จะหลบพวกสัตว์มีพิษอยู่บนเตียง รอให้เพื่อนบ้านมาวิดน้ำออกให้ ที่แย่ไปกว่านั้นนะค่ะ คุณยายเคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่ได้รูป สคส ของคุณเพชรา เชาวราษฎร์ เก่ามากรูปถ่ายนี้น่าจะ50-60ปีได้ เป็นรูปที่คุณยายรักมากและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคุณยายค่ะ

ทุกวันนี้คุณยายบอกว่า ทำชีวิตให้มีความสุข ไม่คิดฆ่าตัวตายแล้ว คุณยายพิการเคยถูกรถชนขาหักและล้มสะโพกหัก มีเงินเดือนคนชราและผู้พิการรวม1500บาท เบื้องต้น ม่านช่วยข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม โจ๊กซอง และอีกหลายๆอย่างน่าจะประทังชีวิตได้นานพอสมควร และได้เงินจำนวนหนึ่งให้ยายเก็บไว้ใช้จ่ายค่ะ หากใครมีจิตศรัทธาอยากจะช่วยยายเพิ่มเติม สามารถติดต่อมาที่ เพจ "นางฟ้าของผู้สูงวัย" หรือเฟสบุคส่วนตัวของม่าน "ม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา" ได้เลย หรือจะเข้าไปช่วยคุณยายได้ที่ ชุมชนบ่อดิน ถ แพรกษา จ สมุทรปราการ อาศัยอยู่หลังคลีนิคทันตกรรม ถามชาวบ้านแถวนั่นได้ทุกคนรู้จัก คุณยายเป็นคนน่ารักอารมณ์ดีค่ะ" ม่านฟ้า กล่าว
#2872


มาร์กอส อลอนโซ่ ซัดฟรีคิกสุดงามเบิกร่อง ช่วยให้ "สิงห์บลูส์" เชลซี เปิดหัวพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซันใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม เปิดบ้านไล่ทุบ คริสตัล พาเลซ ไปแบบขาดลอย 3-0 ประเดิมสามแต้มแบบสบายๆ

ศึกฟุต.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 เป็นการลงสนามนัดแรกของฤดูกาล 2021/22 เกมที่น่าสนใจ "สิงห์บลูส์" เชลซี เปิดรับสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซ

เชลซี เพิ่งได้แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2021 มาหมาดๆ จากการดวลจุดโทษชนะบียาร์รีล เกมนี้ยังไม่มีชื่อของ โรเมลู ลูกากู หัวหอกตัวใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งเปิดตัวกับทีมไปหมาดๆ ซึ่งยังไม่ได้ลงซ้อม โดย 11 คนแรก นำทัพโดย ติโม แวร์เนอร์, เมสัน เมาท์, มาร์กอส อลอนโซ่, จอร์จินโญ

ขณะที่ คริสตัล พาเลซ ของกุนซือ พาทริค วิเอร่า ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องล่าสุดเอาชนะ วัตฟอร์ด มา 3-1 เกมนี้นำทัพมาโดย วิลฟรีด ซาฮา, คริสเตียน เบนเตเก, นาธาเนียล ไคลน์, โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น

เจ้าถิ่นเปิดฉากบุกตั้งแต่เริ่ม และนาทีที่ 26 ความพยายามก็มาประสบผลสำเร็จ ได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษทางฝั่งซ้ายของ มาร์กอส อลอนโซ่ ที่ปั่นโค้งๆ .เสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดงาม

น.40 เจ้าถิ่นนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เมสัน เมาท์ กระชาก.มาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ากลาง บิเซนเต กวยตา ผู้รักษาประตูทีมเยือนปัดเอาไว้ แต่.มาเข้าทาง คริสเตียน พูลิซิช วิ่งมาซ้ำดาบสองเข้าไป และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง เชลซี ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และก็มาได้ประตูหนีห่าง 3-0 ในนาทีที่ 58 จากการซัดไกลสุดสวยระยะ 25 หลา ของ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ปราการหลังดาวรุ่งวัย 22 ปี

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที เชลซี เปิดบ้านเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 3-0 เก็บสามคะแนนเปิดหัวพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2021/22 ได้สำเร็จ

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : เอดูอาร์ด เมนดี (GK), เทรโวห์ ชาโลบาห์, อันเดรส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, จอร์จินโญ, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ, เมสัน เมาท์, คริสเตียน พูลิซิช, ติโม แวร์เนอร์

คริสตัล พาเลซ : บิเซนเต กวยตา (GK), โจเอล วาร์ด, ชีคฮู คูยาเต, มาร์ค เกฮี, ไทริค มิตเชลล์, เจฟฟรีย์ ชลุปป์, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, ไจโร ไรเดวาลด์, จอร์แดน อายิว, ฌอง-ฟิลิป มาเตตา, วิลฟรี ซาฮา


ผลฟุต.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 แมนฯ ยูไนเต็ด 5-1 ลีดส์ ยูไนเต็ด
เบิร์นลีย์ 1-2 ไบร์ทตัน แอนด์ โฮล์ฟ อัลเบียน
เชลซี 3-0 คริสตัล พาเลซ
เอฟเวอร์ตัน 3-1 เซาแธมป์ตัน
วัตฟอร์ด 3-2 แอสตัน วิลล่า
#2873


ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะมีเสียวเล็กน้อย เปิดบ้านไล่ทุบ สตราส์บวร์ก 4-2 โดยก่อนเกมเปิดตัว 5 นักเตะใหม่ มี ลิโอเนล เมสซี นำทัพ

ศึกฟุต.ลีกเอิง ฝรั่งเศส ฤดูกาล 2021/22 วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 "เปแอสเช" ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ลงสนามนัดที่สอง เปิดรับพาร์ค เด แพรงส์ รับการมาเยือนของ สตราส์บวร์ก

"เปแอสเช" ของกุนซือเมาริซิโอ โปเช็ตติโน เกมที่แล้วบุกไปเอาชนะ ทรัวส์ มาแบบหืดจับ 2-1 ส่วนเกมนี้ ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ เดินทางมาทักทายแฟน.ที่เข้ามาชมกันแบบเต็มความจุ แต่ยังไม่มีชื่อ โดย 11 คนแรก นำทัพโดย 3 ประสานแดนหน้า อย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป, เมาโร อิคาร์ดี, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ ขณะที่ เนย์มาร์ ยังคงได้พัก และเซร์คิโอ รามอส ยังต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ

ปรากฎว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ออกสตาร์ทกันอย่างคึกคัก มาทำ 3 ประตู ขึ้นนำ 3-0 จาก เมาโร อิคาร์ดี น.3, คีเลียน เอ็มบัปเป น.25 และยูเลียน ดรักซ์เลอร์ น.27 และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง เปแอสเช ยังเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง แต่กลายเป็น สตราส์บวร์ก ที่มาได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 จากการยิงของ เควิน กาเมยโร ในนาทีที่ 53

น.64 สตราส์บวร์ก ก็มาได้ประตูตีตื้นมาอีกเป็น 2-3 จากจังหวะที่ ดิมิทรี ลีนาร์ด เปิดจากริมเส้นฝั่งซ้ายไปให้ ลูโดวิช อาชอร์ก

น.80 สถานการณ์ของทีมเยือน สตราส์บวร์ก ย่ำแย่ลง เมื่ออเล็กซานเดอร์ ดิคู ปราการหลังตัวเก่ง โดนใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม 

น.85 เปแอสเช อาศัยตัวผู้เล่นที่เหนือกว่า มาได้ประตูขยับห่างเป็น 4-2 จากจังหวะที่ คีเลียน เอ็มบัปเป ลากเลื้อยมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนตบเข้ากลางให้ พาโบล ซาราเบีย ยิงจ่อๆ ระยะ 4 หลาเข้าไปไม่พลาด 

ช่วงเวลาที่เหลือ เปแอสเช สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้ และไม่มีใครทำประตูกันเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เปิดบ้านเฉือนชนะ สตราส์บวร์ก 4-2 เก็บสามคะแนน 2 เกมติดต่อกัน

รายชื่อ 11 ตัวจริงของปารีส แซงต์-แชร์กแมง
เคย์เลอร์ นาบาส (GK), อาชราฟ ฮาคิมี, ธีโล เคห์เรอร์, เพรสเนล คิมเพมเบ, อับดู ดิยัลโล, อันเดร์ เอร์เรรา, เอริค ดีนา, จอร์จินโญ ไวจ์นัลดุม, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์, คีเลียน เอ็มบัปเป, เมาโร อิคาร์ดี


ผลการแข่งขันลีกเอิง ฝรั่งเศส วันที่ 14 สิงหาคม 2564 คู่อื่นๆ 
ลีลล์ 0-4 นีซ 
#2874


ค่าเงินบาทปีนี้อ่อนค่าแรงต่อเนื่อง โดยปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ส.ค.) ที่ระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดสิ้นปี 2563 ที่ 29.99 บาทต่อดอลลาร์

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า 10% และเป็นการอ่อนค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาค เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ ดังนี้

1. สถานการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศหลักที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินภูมิภาคให้ปรับอ่อนค่าลง

2. เงินสกุลภูมิภาคบางประเทศอาจได้รับผลบวกจากปัจจัยเฉพาะ เช่น ประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าสูง หรือประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ได้ดี ทำให้สกุลเงินอ่อนไม่มากนัก เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้

3. ไทยยังมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง รวมถึงนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยลงมากกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีสัดส่วนพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง

4. นักลงทุนต่างชาติปรับลดการถือครองหุ้นไทย แต่ยังคงเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงฐานะด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง จากปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูง และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศที่ต่ำ

ทั้งนี้ ธปท. ติดตามถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนจนกระทบการปรับตัวของภาคธุรกิจ และแนะนำให้ภาคเอกชนบริหารความเสี่ยงค่าเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้นำเข้า-ส่งออก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงค่าเงินได้ที่ https://bit.ly/35lWOaG
#2875
 
ข้าวอินทรีย์ (Organic Rice) ข้าวหอมสุรินทร์ เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวสุขภาพสุรินทร์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ข้าวสุรินทร์(Organic Rice) เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมและสารกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวเพื่อสุขภาพสุรินทร์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 
       ประเภทของข้าวอินทรีย์
   1. ข้าวอินทรีย์รับรองมาตรฐาน Certified Organic เป็นระบบการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืช มีการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงานอิสระ โดยมีทั้งภาครัฐ เอกชนและหน่วยงานจากต่างประเทศ มีตราสัญลักษณ์ติดที่ผลิตภัณฑ์ และจะต้องมีการตรวจเพื่อต่ออายุใบรับรองทุกปี
 
   2. ข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยน In-conversion เป็นข้าวที่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ในปีแรกก่อนจะได้รับการรับรองผลผลิตว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ โดยระยะปรับเปลี่ยนเป็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์ของดิน
 
   3. ข้าวอินทรีย์แบบยังไม่รับรอง Non Certified เป็นการปลูกข้าวอินทรีย์แบบพึ่งตนเอง ส่วนใหญ่เป็นการทำเกษตรแบบพื้นบ้านหรือปลูกในระบบผสมผสานหรือในไร่หมุนเวียน ไม่มีการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานใดๆ เกษตรกรกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มที่ทำการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนและนำผลผลิตส่วนเกินมาจำหน่ายผ่านระบบตลาดท้องถิ่น ทั้งนี้อาจมีการรับรองกันเองในระบบกลุ่มหรือชุมชน ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิค ข้าวสุขภาพ คือ ข้าวที่ได้จากการผลิตภายใต้ระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ซึ่งมีการจัดการการผลิตข้าวที่เกื้อกูลต่อระบบนิเวศรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบสังเคราะห์และมีการจัดการกับผลิตภัณฑ์โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพการเป็นข้าวอินทรีย์และคุณภาพที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ 
ขั้นตอนการผลิตข้าวอินทรีย์  ข้าวหอมมะลิออแกนิคส่งทั่วไทย ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
ข้าวอินทรีย์วิถีพื้นบ้าน
เป็นระบบการผลิต  ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิคส่งทั่วไทย ที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด เช่น ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตสารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรคแมลงและสัตว์ศัตรูข้าวตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ การผลิตข้าวอินทรีย์นอกจากจะทำให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารพิษแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน
ข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล
การผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล มีกระบวนการผลิตการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และห้ามใช้สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์ในกระบวนการผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ประกอบการต้องผฏิบัติตามเพื่อให้ได้รับการรับรอง มีขั้นตอนการปฏิบัติเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1.เกษตรกรจะต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการผลิตข้าวอินทรีย์ (  การผลิตข้าวอินทรีย์(ออแกนิค)  )
2.เกษตรกรจัดทำบันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต โดยแสดงแหล่งที่มาและปริมาณการใช้
3.สมัครขอรับรองต่อกรมการข้าว เกษตรกรต้องแสดงข้อมูลต่อไปนี้
- ประวัติการใช้พื้นที่
- ประวัติการใช้สารเคมี และผลการวิเคราะห์สารพิษตกค้างในดินและน้ำ (ถ้ามี)
- แผนที่และแผนผังแปลงนาที่ขอการรับรองและพื้นที่ข้างเคียง
- แผนการผลิตในทุกขั้นตอน
- บันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต
- บันทึกกิจกรรมในแปลงนา และข้อมูลอื่นๆ

ปลูกข้าวอินทรีย์ กันมั้ย  ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์    หลักปฏิบัติในการผลิตข้าวอินทรีย์ 277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook :https://www.facebook.com/Hor.Organic
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
2. ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิคคือ
3.  ข้าวปะกาอำปึลออร์แกนิค #ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์
4. ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารพิษสุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิก

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์
#ข้าวออแกนิคสุรินทร์
#ข้าวออแกนิกสุรินทร์
#ข้าวอินทรีย์สุรินทร์
#ข้าวคุณภาพสุรินทร์
 
 
#2876


นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น และฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมาที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศและห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

โดยผลการดำเนินงานล่าสุดในไตรมาส 2 ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 3,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจและศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น

ปัจจัยที่บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี มาจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลดีต่อการบริหารจัดการด้านการผลิตภายในโรงงาน โดยประสิทธิภาพในการผลิต (Efficiency Rate) ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 86.5% และในขณะเดียวกันบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ

และบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET หลอดพรีฟอร์ม ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ตามกลยุทธ์ยกระดับธุรกิจสู่ Total Packaging Solutions ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้ที่มีรายได้จากการขาย 6,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

"การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มี Product Mixed ที่หลากหลายยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีเฉพาะบรรจุภัณฑ์แก้ว และยังทำให้บริษัทฯ มีอำนาจต่อรองที่ดีและสามารถเพิ่มยอดขายจากลูกค้าแต่ละราย รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนด้านต่าง ๆ โดยคาดว่าในปีนี้ทั้ง 2 บริษัทฯ (BVP และ BGP) จะมียอดขายรวมกันประมาณ 2,000 ล้านบาท"

จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 83.33 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ และจะจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 ก.ย.2564

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติงบลงทุน 176 ล้านบาท สำหรับ BGP เพื่อเดินหน้าขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) กำลังการผลิตสูงสุด 50 ล้านเมตรต่อปี ซึ่งเป็นการเพิ่มพอร์ตสินค้าและความหลากหลายด้านบรรจุภัณฑ์ ตอบสนองความต้องการกลุ่มถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนภายในประเทศที่มีอัตราเติบโตสูง ขยายผลิตภัณฑ์เข้าสู่ธุรกิจกลางน้ำ และรองรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ในอนาคต

คาดว่าจะเริ่มการลงทุนขยายกำลังการผลิตในไตรมาส 1 ปี 2565 และแล้วเสร็จเริ่มผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2566 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแผนการลงทุนที่จะขับเคลื่อนการเติบโตเพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2568

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังยังมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามแผนงานที่วางไว้ และผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งปีเติบโตใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562  เนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์อื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศและห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงวางเป้าหมายสร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง

แม้มีปัจจัยลบและความท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยเชื่อว่าหากกระจายวัคซีนแก่ประชาชนได้มากขึ้นและสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย จะส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ทยอยเปิดกิจการ ทำให้ดีมานด์บรรจุภัณฑ์มีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปีถือเป็นไฮซีซั่นหรือฤดูการขายสินค้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการของบริษัทฯ

ขณะที่กลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพบริหารต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น และเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 10% ของรายได้รวม พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ดีมานด์ในตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนปรับระดับสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุน ทั้งการเพิ่มประเภทพลังงานที่ใช้เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มสัดส่วนการใช้เศษแก้วในเตาหลอมเพื่อลดการใช้พลังงาน รวมถึงนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิในเตาหลอมแก้ว ช่วยลดความสูญเสียของพลังงาน อย่างไรก็ตามสำหรับราคาโซดาแอช (Soda ash) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแก้วมีราคาลดลงอย่างต่อเนื่องและเศษแก้วยังคงมีราคาทรงตัว
#2877


เมื่อภาคธุรกิจไม่ปล่อยให้ "วิกฤติ" โควิด-19 สูญเปล่า นำมาเป็น "บทเรียน" ปรับตัว สร้างสรรค์โมเดลใหม่ๆ ต่อลมหายใจกิจการ ยิ่งร้านอาหาร พยายามปั้นจิ๊กซอว์ สู่การเติบโต "โม โม พาราไดซ์" คิดใหม่ มองเงินสดไหลออก คือการลงทุนเพื่ออนาคต

วิกฤติโควิด-19 ระบาด รับงัดไม้แข็งบริหารจัดการไว้รัส มีคำสั่งเข้มงวดกับธุรกิจ"ร้านอาหาร"  รอบแรกเจอการ  "ล็อกดาวน์" ถ้วนหน้า ผู้ประกอบการเดือดร้อนเท่ากัน แต่ล่าสุด การห้ามร้านที่มีสาขาในห้างค้าปลีกเปิดบริการนั่งรับประทาน(Dine-in) ห้ามซื้อกลับบ้าน(Takeaway) ทำได้แค่ "เดลิเวอรี่" เท่านั้น เป็นการปิดตายยอดขายอย่างสิ้นเชิง 

"โม โม พาราไดซ์" ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้จากญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาทั้งหมดอยู่ในห้างค้าปลีก รับผลกระทบเต็มๆ และการปรับตัวทางธุรกิจไม่ง่าย แต่ไม่ทำย่อมไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงการสูญเสียโอกาสทำเงิน แม้มีอยู่เพียงน้อยนิด   

สุรเวช เตลาน เจ้าของร้านโม โม พาราไดซ์ บอกเล่าประสบการณ์ทำธุรกิจร้านอาหารในช่วงเวลาวิกฤติผ่านงานสัมมนาออนไลน์ "เปิดสูตรลับ!! ปรับกลยุทธ์ ธุรกิจอาหารต้องรอด" ว่า โม โมฯ มีร้านทั้งสิ้น 20 สาขา มีแบรนด์น้องใหม่ที่ยังไม่โปรโมทสร้างแบรนด์ และร้านอาหารพรีเมี่ยมอีก 2 สาขา แต่ผลกระทบการล็อกดาวน์ล่าสุด บริษัทต้องปิดให้บริการโมโมฯ 100% ถือว่าได้รับผลกระทบหนักมาก โดยยอดขายที่เคยมี ปัจจุบันทำได้เพียง 3-5% เท่านั้น สวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายที่ไหลออกทุกวัน โดยเฉพาะต้นทุนคงที่จากการจ้างงาน ที่มีพนักงานนับ "ร้อยชีวิต"  

นอกจากนี้ ร้านอาหารมีวัตถุดิบเป็นของสดจำนวนมาก โดยเฉพาะ "ผักสด" ซึ่งมีการสูญเสียมากสุด เมื่อปิดให้บริการ จึงกระทบต้นทุนอย่างมาก 

สำหรับธุรกิจร้านอาหารถือว่ามีความโดดเด่นด้านการทำเงินหรือรายได้เข้ามา โดยแต่ละวันผู้ประกอบการจะได้รับเงินสดเข้ามาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนค่าวัตถุดิบจะเป็นการนำผัก อาหารสดต่างๆมาใช้ก่อน แล้วจ่ายให้กับคู่ค้าซัพพลายเออร์ภายหลังหรือเครดิตเทอมนั่นเอง 


ทว่า ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่ "ขายดีจนเจ๊ง" เนื่องจากผู้ประกอบการสนใจเพียงงบ "กำไร-ขาดทุน" เท่านั้น ไม่ดู "งบดุล" หรือสถานะทางการเงิน ไม่พิจารณารายจ่ายที่ออกไปแต่ละวัน เดือนมีมากแค่ไหน ซึ่งตามหลักการควรให้ความสำคัญ 3 ส่วนทั้ง กระแสเงินสด งบดุล งบกำไรขาดทุนใหถี่ถ้วน

นอกจากนี้ ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ระบาด การตระหนักด้าน "การเงิน" ต้องเพิ่มทวีคูณ โดยเฉพาะกระแสเงินสดที่ไหลออก แต่ไม่มีรายรับเข้ามายังร้าน อย่างไรก็ตาม ห้วงเวลายากลำบากนี้ การบริหารสภาพคล่องเป็นเรื่องยากมาก แต่อยากให้ผู้ประกอบการมองเงินสดที่ไหลออกในเวลานี้ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้ 

"การจัดการเงินสด หมุนเงินตอนนี้ลำบากมาก แต่บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารอย่างเหมาะสมมาก่อนแล้ว หลักการง่ายๆคือต้องมีเงินเข้ามากกว่าออก ไม่ใช่ขายดี แล้วร้านจะฟุ่มฟือยเต็มที่จนเกิดปัญหาต้องมีทุนสำรองไว้ ส่วนท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด มองอนาคตร้านอาหารจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เงินที่ไหลออกเวลานี้ให้มองเป็นสิ่งที่ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้หรือเป็น Investing clash flow เพื่อเดินต่อไปข้างหน้า เช่น โม โมฯ ที่ลุกขึ้นมาลุยบริการเดลิเวอรี่ได้จริง จากเดิมไม่คิดจะทำ เพราะไม่เหมาะกับบุฟเฟ่ต์ ที่ต้องมอบประสบการณ์ให้ผู้บริโภคทานในร้าน แต่จากการปรับตัวเดลิเวอรี่ สามารถสร้างยอดขายได้เท่ากับร้าน 1 สาขา รวมถึงการลงทุนขยายบริการส่งโมโม พาราไดซ์ทั่วไทยด้วย" 

ทั้งนี้ สุรเวช ย้ำว่า ร้านชาบูบุฟเฟต์ไม่โจทย์และไม่จำเป็นต้องมีบริการเดลิเวอรี่ แต่การล็อกดาวน์ครั้งแรก ทำให้บริษัทต้องปรับตัว ทดลองปรับเมนู รักษาคุณภาพอาหาร การบรรจุภัณฑ์ การควบคุณอุณหภูมิอาหาร รวมถึงใช้พันธมิตรในการขนส่ง ฯ เพื่อให้มาตรฐานยังทียบเท่าที่ร้านสูงสุด 

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการโม โม พาราไดซ์ ส่งทั่วไทยไปเคียงข้างคุณ เพื่อเสิร์ฟชาบูให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยภายในระยะเวลา 2 วัน ซึ่งปัจจุบันเกือบครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้ง 77 จังหวัดแล้ว 

การพลิกหาโมเดลธุรกิจและบริการใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่เพียงพอที่จะอยู่รอดในวิกฤติ จึงย้ำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารบริหารค่าใช้จ่ายให้ดี คุมต้นทุนเพื่อให้ร้านอยู่ให้ได้ รักษาคนให้ได้ดีที่สุด 

"เราโชคดีที่มีเงินทุนสำรอง เพื่อดูแลบริษัทไปได้ ส่วนจะยาวนานแค่ไหนตอบยาก แต่ละคนขึ้นอยู่กับสายป่านสั้นยาว สามารถพยุงตัวเองได้ไม่เท่ากัน แต่เรายังมุ่งลดต้นทุนให้ต่ำสุด เพราะยังไงต้องเผชิญขาดทุน แต่เชื่อว่าร้านอาหารยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ วิกฤติโรคโควิดไม่อยู่ไปตลอด ตอนนี้ต้องทำยังไงให้มีลมหายใจยาวสุด" 
#2878

 
วันนี้(14 ส.ค. 2564)​ นางสาวลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงสิทธิประโยชน์และเงินทดแทนการขาดรายได้ จากกองทุนประกันสังคมในกรณีป่วยโควิด-19 แยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation ว่า สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายบริการทางการแพทย์แก่สถานพยาบาลและแพทย์ผู้ดูแลรักษาพิจารณาแล้วว่าผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การดูแลรักษาในที่พักระหว่างรอเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในโรงพยาบาล โดยใช้หลักเกณฑ์การจ่ายประเภทผู้ป่วยใน ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์


นอกจากนี้เมื่อผู้ประกันตนกรณีโรคโควิด-19 สามารถขอใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลที่รับผิดชอบการรักษาได้ หรือบันทึกภาพหน้าจอจาก Application Line หรือโปรแกรมอื่นใด ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับสถานพยาบาลที่รับการรักษาผู้ประกันตนในสถานที่กักตัว หรือสถานที่ดูแลรักษา และสำเนาเวชระเบียนที่ได้จากการบันทึกหน้าจอจาก Application Line หรือโปรแกรมอื่นๆ โดยมีรายละเอียดระบุวันที่เริ่มรักษา จนสิ้นสุดการรักษา รวมไปถึงการให้หยุดพักรักษาตัวต่อ เพื่อใช้ประกอบการเบิกเงินค่าทดแทนการขาดรายได้จากสำนักงานประกันสังคม

โฆษก สปส. กล่าวด้วยว่า สำหรับเงื่อนไขการเบิกค่าทดแทนการขาดรายได้นั้น ผู้ประกันตนต้องมีการนำส่งเงินสมทบ 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนใช้สิทธิ และพิจารณาตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน คือกรณีผู้ประกันตนลาป่วย 30 วันแรกรับค่าจ้างจากนายจ้าง หากมีความจำเป็นต้องหยุดพักรักษาตัวนานเกินกว่า 30 วัน ผู้ประกันตนสามารถเบิกสิทธิประโยชน์กรณีขาดรายได้จากสำนักงานประกันสังคมได้ ตั้งแต่วันที่ 31 ของการลาป่วยเป็นต้นไป ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง (จ่ายครั้งละไม่เกิน 90 วัน 1 ปีปฏิทิน แต่ไม่เกิน 180 วัน) ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถยื่นเบิกขาดรายได้ภายใน 2 ปี เมื่อรักษาหายจากอาการเจ็บป่วยแล้ว ให้ติดต่อขอรับประโยชน์ทดแทนได้ที่สำนักงานประกันสังคมได้ทุกแห่งทั่วประเทศตามที่ท่านสะดวก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อสายด่วน 1506 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
#2879


"กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ปกาสิต วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบรนเนอร์จี้ จำกัด บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วย "กลุ่มคนรุ่นใหม่" ที่เข้าใจและก้าวไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกเน้นคิด และดีไซน์ดิจิทัลโซลูชั่น เป็นบริษัทในเครือ เบญจจินดา โฮลดิ้ง

เบรนเนอร์จี้ (Brainergy) เป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วย "กลุ่มคนรุ่นใหม่" ที่เข้าใจและก้าวไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกเน้นคิด และดีไซน์ดิจิทัลโซลูชั่น ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ เป็นบริษัทในเครือของบิ๊กคอร์ปชั้นนำของไทย ที่มีผลงานและชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ในแวดวงธุรกิจมาอย่างยาวนานอย่าง "กลุ่มบริษัทเบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด" 

นั่นทำให้ เบรนเนอร์จี้ มีโอกาสทำงานกับกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีความเข้าใจภาพรวมของธุรกิจ และสามารถตอบโจทย์ได้หลายประเภทและหลายขนาดองค์กร เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เกิดการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

 โดยเฉพาะห้วงวิกฤติและความท้าทายใหม่ ที่ธุรกิจต้อง "รอด" และมีหนทางเดินไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน การทรานส์ฟอร์มไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มีนวัตกรรมเป็นหัวใจหลักจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด "ดิจิทัล โซลูชั่น" เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะกรุยทางให้ทุกธุรกิจมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ 

"กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ปกาสิต วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบรนเนอร์จี้ จำกัด หัวเรือใหญ่คนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พร้อมดัน 3 ดิจิทัลโซลูชั่นหลัก SmartTAX  SmartFLOW และ SmartSIGN ช่วยทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลในชั่วข้ามคืน พร้อมเป้ารายได้ 100 ล้านบาท ท่ามกลางวิกฤติรอบด้าน

ปลุกดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม-วางเป้า100ล.

"ดิจิทัล โซลูชั่น ของเบรนเนอร์จี้ ถูกพัฒนาขึ้นด้วยความมุ่งหวังให้ช่วยแก้ไข Pain Point ที่หลายองค์กรพบเจอให้หมดไป ไม่ว่าเป็นเรื่องการจัดการเอกสารที่มีความวุ่นวาย การทำข้อมูลภาษีที่มีความยุ่งยาก การลดขั้นตอนการทำงานที่มีความซ้ำซ้อน หรือ การลดสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้การดำเนินการต่างๆ ในองค์กรเกิดความล่าช้า"

ปกาสิต บอกว่า เบรนเนอร์จี้ เน้นมาตรฐานการให้บริการที่ตอบโจทย์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นแบบองค์กรขนาดใหญ่ นำองค์ความรู้ที่แตกต่างแต่ละสายธุรกิจ และความต้องการพื้นฐานที่เหมือนกันทุกธุรกิจมาประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน เพื่อลดจุดด้อยและเสริมจุดแข็งพัฒนาเป็นโซลูชั่น 

ขณะที่ ห้วงเวลาที่ทุกองค์กรเผชิญวิกฤติ เขายอมรับว่า เครือเบญจจินดาเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติที่ทุกคนเจอ ซึ่งทุกองค์กรล้วนได้รับผลกระทบมากน้อยที่ต่างกันไป  

"สำหรับเบรนเนอร์จี้ ผ่านเหตุการณ์มาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ เราต้องเรียนรู้ และสร้างโปรดักส์ ปีนี้เป้าหมายเราหวังไปแตะ 100 ล้าน แต่วันนี้จุดที่เรายืนอยู่ ยังเจอความท้าทาย ลูกค้าชะลอโปรเจคออกไป แต่ยังโชคดีที่มีลูกค้าหลายรายมากกว่า 10 โปรเจค ยังมองว่าการเกิดโควิดเป็นตัวกระตุ้นให้เขาต้องรีบทรานส์ฟอร์ม"



ปกาสิต ขยายความว่า เป้า 100 ล้านบาท หลักๆ มาจากกลุ่มลูกค้าเก่าที่เคย on board ไว้แล้ว และยังทำต่อในส่วนของเฟสถัดไป ซึ่งเบรนเนอร์จี้ พยายามสนับสนุนลูกค้าในทุกส่วนท่ามกลางวิกฤติ ให้ลูกค้าสามารถใช้งานดิจิทัลโซลูชั่นตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้ได้จริง 

"ยอมรับว่าวันนี้กลุ่มลูกค้า มีทั้งต้องหยุดการทรานส์ฟอร์มเอาไว้ก่อน เพราะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยเหตุผลวิกฤติ ต้องหยุดหรือปิดหน้าร้าน ธุรกิจดำเนินต่อไม่ได้ ขณะที่อีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มพวกซัพพลาย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มต้องการนำดิจิทัลโซลูชั่นเข้าไปใช้ และมองหาว่าอะไรที่ทำแล้วทำให้เขา Quick win ได้" 

ชู 3 ดิจิทัลโซลูชั่นบุกองค์กรทุกระดับ 

ปกาสิต มองว่า ทั้ง 3 ดิจิทัลโซลูชั่นหลัก ที่เป็นจะเป็นเรือธงของเบรนเนอร์จี้นับจากนี้ จะตอบโจทย์การทำงานในองค์กรต่างๆ ยุคนี้ได้ดี และช่วยลดต้นทุน ไม่ว่าจะเป็น โซลูชั่น SmartTAX ระบบจัดทำและนำส่งข้อมูลภาษีอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานที่กรมสรรพากรกำหนด SmartFLOW ระบบการจัดการและขออนุมัติเอกสารออนไลน์ และ SmartSIGN ระบบลงลายมือชื่อดิจิทัล ซึ่งทั้ง 3 โซลูชั่นยังเป็นไปตามกฏหมายด้านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด 

"กลุ่มลูกค้าหลักของเรา มีทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม รีเทล ประกันภัย ธนาคาร พลังงาน และเร็วๆ นี้จะเข้าไปมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งเรามองว่า เขามีศักยภาพในแง่ของการพัฒนาโปรดักส์ แต่จะดีมากหากมีระบบหลังบ้านที่ดี ธุรกิจจะเดินไปเร็วขึ้นตรงนี้เป็นโรดแมพของเรา"

มอง"คลาวด์"โตสะพัด3หมื่นล. 

ปกาสิต ยังมองเทรนด์ของการใช้คลาวด์ในยุคนี้ด้วยว่า ถือเป็นอินฟราฯ สำคัญของดิจิทัลโซลูชั่นต่างๆ ว่ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไทยน่าจะมีเม็ดเงินมากกว่า 30,000 ล้านบาท และมองว่าวิกฤติจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้คลาวด์เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาลในภาคธุรกิจ 

"เราจะพบว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยทำงานในองค์กร ทั้งรวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย รวมถึงการ save cost และช่วยตอบโจทย์ pain point ทั้งในเรื่อง Process การทำงานรูปแบบเดิมและการทำงานในสถานการณ์โควิดแล้ว ในอนาคต หลังจากนี้ หากมีการเร่งให้เกิดดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ได้ทุกภาคส่วน ก็น่าจะเกิด การทำงานที่คล่องตัวและฉับไว้ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน-รัฐ เอกชน-เอกชน หรือรัฐ-รัฐ เพราะข้อมูลทุกอย่างจะถูกคุยกันบนแพลตฟอร์มดิจิทัล"

ขณะเดียวกัน เขาย้ำว่า สิ่งหนึ่งที่เบรนเนอร์จี้พยายามทำ คือ การดีไซน์โซลูชั่นที่จะเน้นการดีไซน์บายลอว์ ไม่ได้เน้นดีไซน์บายแพชชั่น ซึ่งอาจต่างจากสตาร์ทอัพ หรือบริษัทรายอื่น คือ มีแพชชั่นมาแล้วคิดว่าอยากจะทำ 

"เรามองว่าถ้าเราจะเสิร์ฟ และโฟกัสในส่วนของ document management ต่างๆ มันต้องปฏิบัติตามกฏหมาย ซึ่งไม่ใช่แต่กฏหมายในไทยแต่ต้องมองไปถึงกฏหมายในต่างประเทศด้วย" 
#2880
    3 ประโยชน์ของอะคริลิค คุณสมบัติที่น่าสนใจกับการใช้งาน สำหรับการใช้งานเกี่ยวกับ ประโยชน์ของอะคริลิค ในปัจจุบัน บอกเลยว่าเป็นสิ่งที่มีคุณสมบัติในการนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย ซึ่งเหมาะกับงานหลากหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่คนที่นำไปใช้ ในเชิงอุตสาหกรรมนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากขาดความรู้ และความเข้าใจในหลักการใช้ที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่สนใจในการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติพิเศษของพลาสติกชนิดแข็งในรูปแบบนี้ อยากให้คุณเข้าใจข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑที่เกี่ยวกับอาชีพเหล่านี้โดยตรง ซึ่งบอกได้เลยว่ามีข้อดีกว่าวัสดุหลากหลายรูปแบบมากเลยทีเดียว และแน่นอนเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วความแข็งแรงความทนทาน และอายุการใช้งานไม่ได้ด้อยกว่าวัตถุดิบหรืออุปกรณ์การผลิตในรูปแบบอื่นแต่อย่างใด ซึ่งความโดดเด่นและน่าสนใจของอะคริลิค มีดังต่อไปนี้ บอกเลยว่าสนใจ และอยากอยากมีไว้ใช้อย่างแน่นอน สารบัญ 
    [list=1]
    • คุณสมบัติเด่น ที่อะคริลิค เหมาะกับการใช้งาน 
    • วิธีการเลือก แผ่นอะคริลิคอย่างไรให้เหมาะสมกับงาน 
    • ป้ายอะคริลิคที่มีประโยชน์ดีกว่ากระจก 
    สรุป คุณสมบัติเด่น ที่อะคริลิค เหมาะกับการใช้งาน หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าประโยชน์ของอะคริลิคนั้นสามารถทำไรได้บ้าง เราจะพยายามอธิบายให้เข้าใจว่ามีประโยชน์หลากหลายอย่าง มีความโปร่งใสที่คล้ายคลึงกับกระจก แต่ก็ยังมีคุณสมบัติความทนทาน ที่สูงกว่า กระจกหลายเท่าตัว ซึ่งถ้าหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ในอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีได้ ขอแนะนำให้คุณลองหันมาใช้อะคริลิคกับประโยชน์ของอุปกรณ์เหล่านี้การไม่ว่าจะเป็น 

    • สามารถใช้ทำเครื่องประดับได้ อะคริลิคนั้นมีประโยชน์มากทั้งด้านความแข็งแรง และความแวววาวคุณสามารถทำเป็นเครื่องประดับเล็กได้ และยังสามารถทำเป็นต้นแบบของกำไลแหวนอัญมณีได้ด้วย ประหยัดค่าใช้จ่าย และต้นทุนได้มาก 
    • สามารถใช้เป็นกรอบรูปได้ ความใสมีประโยชน์มากในการนำมาประกอบขึ้นรูปทำเป็นกรอบรูปที่สวยงาม ซึ่งในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นคนไทย และชาวต่างชาติก็ต่างชื่นชอบในการใช้งานแผ่น อะคริลิคขณะนี้เป็นอย่างมาก และปัจจุบันก็ได้รับความนิยม 
    • เป็นแผ่นป้ายขนาดใหญ่ใช้โฆษณา แผ่นอะคริลิคมีประโยชน์ในการช่วยถนอมป้องกันฝุ่น และแสงแดดได้มากพอสมควร ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการนำไปใช้งานที่เกี่ยวกับการโฆษณาหรือแผ่นป้ายขนาดใหญ่ สามารถช่วยลดความเสียหายของแผ่นป้ายคุณได้ และยังช่วยถนอมแผ่นป้ายของคุณได้อีกด้วย 
    นี่ก็อาจจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อะคริลิคกับ คุณสมบัติเด่นของการใช้งานเข้ากันได้อย่างลงตัว และคุณเองก็สามารถใช้งานวัสดุชิ้นนี้กับงานของคุณได้เช่นเดียวกัน แผ่นอะคริลิค ตัด ดัด ประกอบได้หลากหลายขอขอบคุณภาพวิธีการเลือก แผ่นอะคริลิคอย่างไรให้เหมาะสมกับงาน สำหรับความเหมาะสมกับแผ่นอะคริลิค สำหรับการนำมาใช้งานในแต่ละรูปแบบแต่ละประเภทของงานนั้นก็นับได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งคุณนั้นควรจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแต่ละชิ้นให้เหมาะสม จะทำให้ชิ้นงานคุณนั้นแข็งแรง และมีมาตรฐานโดยเฉพาะ 

    • การนำไปใช้ในลักษณะของกรอบรูป ถ้าเป็นกรอบรูปขนาดเล็ก คุณก็สามารถเลือกได้ในรูปแบบความหนาที่เหมาะสมพอสมควร ตั้งแต่ 2 min ขึ้นไปก็สามารถนำไปใช้งานวางบนโต๊ะทำงานหรือเป็นภาพครอบครัวได้แบบสบาย ๆ ซึ่งมีความโปร่งใส และสวยงามเป็นอย่างมาก 
    • แต่ถ้าเป็นงานในรูปแบบของแผ่นป้าย ขอแนะนำให้คุณใช้แผ่นใหญ่พอสมควร และมีความโปร่งใสรวมถึงความหนามากกว่า 4 มิลลิเมตร จะทำให้งานของคุณนั้นแข็งแรง และทนทานรวมไปถึงมีความสวยงามน่าดึงดูดใจ ซึ่งเหมาะกับการทำโฆษณา
    • สำหรับท่านใดที่ต้องการกล่องหรืออุปกรณ์สำนักงานที่ต้องใช้ความทนทานพิเศษ ขอแนะนำให้คุณใช้ ประโยชน์ของอะคริลิค ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน และสวยงามไม่แพ้อุปกรณ์ในรูปแบบอื่น    ซึ่งจะมีประโยชน์มากในการเก็บรักษา และอายุการใช้งานที่มากกว่าวัตถุดิบขึ้นรูปในลักษณะอื่นอย่างแน่นอน 
    อะคริลิค สารพัดประโยชน์ขอขอบคุณภาพ 9kla.comป้ายอะคริลิคที่มีประโยชน์ดีกว่ากระจก อีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในปัจจุบันนั่นก็คือการทำแบบป้ายโฆษณาโดยเฉพาะ ป้ายอะคริลิค ซึ่งมีข้อดีหลายอย่างมาก ในปัจจุบันโดยเฉพาะการใช้งานโดยรวมที่หลากหลาย ซึ่งเราอยากจะมาอธิบายให้ทุกคนได้ทราบพร้อมกันเกี่ยวกับประโยชน์ดี ๆ ถ้าหากคุณเปลี่ยนมาใช้ อะคริลิคทำแผ่นป้ายในครั้งนี้ 

    • มีความแข็งแรงทนทานมากกว่ากระจก ซึ่งสามารถใช้งานได้ระยะเวลาที่ยาวนานแถมยังสามารถ ผลิตออกมาได้ในจำนวนมาก ซึ่งราคานั้นต่ำกว่าราคากระจกทั่วไป 
    • ความโปร่งใส และโปร่งแสง สามารถสื่อสารข้อมูลในแผ่นป้ายโฆษณาได้อย่างละเอียดครบถ้วนนี่อาจจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนนั้นกำลังมองหาถึงคุณสมบัติ และอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับกระจกแผ่นอะคริลิคจึงได้รับความนิยม 
    • มีคุณสมบัติสามารถช่วยป้องกันแสงแดดได้สำหรับแผ่นอะคริลิคในการที่จะนำไปใช้ ทำป้ายหรือใช้ประโยชน์ทางด้านการโฆษณา สามารถเลือกที่มีสารช่วยดูแลหรือช่วยทำให้แสงหลอดนั้น Soft ลงได้ ซึ่งจะทำให้ตัวกระดาษหรือตัวแผ่นป้ายโฆษณาภายใน ของคุณน่าจะใช้ได้นานกว่าปกติหลายเท่าตัว ซึ่งแตกต่างกว่ากระจกเป็นอย่างมาก 
    • มีอายุการใช้งานได้ที่ยาวนาน ซึ่งถ้าหากคุณใช้การโฆษณาด้วยแผ่นป้ายอะคริลิค คุณสามารถใช้งานแผ่นป้ายนี้ได้แบบคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี และความแข็งแรงทนทานพร้อมทั้งยังสามารถช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ  นี่เป็นประโยชน์ของอะคริลิค อีกรูปแบบหนึ่งที่คุณควรจะทราบเอาไว้ 
    สรุป แล้วถ้าหากคุณกำลังสนใจถึงการใช้งาน ประโยชน์ของอะคริลิคในปัจจุบันเราก็ขอแนะนำให้คุณติดต่อเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรารับรองได้เลยว่าคุณจะพบกับสินค้าคุณภาพและบริการประทับใจ ปัจจุบันนี้เรามีช่องทางการติดต่อให้ด้วยนะถ้าหากคุณสนใจติดต่อเข้ามาได้เลย

    https://9kla.com หรือ Line Official Account: @9kla.com
    ยินดีให้คำปรึกษาฟรี