• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jenny937

#2741


วันนี้ (10 ส.ค.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ว่า สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ในส่วนกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หมวด 3/2 ยังไม่สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังมีข้อจำกัดในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ เช่น 1) จำนวนหนี้ที่ขอฟื้นฟูกิจการไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน 2) ลูกหนี้ที่สามารถยื่นฟืนฟูกิจการได้ จำกัดเฉพาะลูกหนี้ที่มีลักษณะเป็น SMEs ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หรือจดทะเบียนกับหน่วยงานอื่นของรัฐเท่านั้น 3) เงื่อนไขการยื่นขอฟื้นฟูกิจการมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพและไม่ตกเป็นบุคคลล้มละลาย ครม.จึงมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในส่วนกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยผลักดันให้เป็นกฎหมายที่ต้องปฏิรูปในระยะเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีหลักการสำคัญในการสร้างกลไกให้ลูกหนี้ที่เป็น SMEs สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการได้เช่นเดียวกับการฟื้นฟูกิจการปกติ ลดขั้นตอนและใช้ระยะเวลาที่สั้นกว่า โดยมีสาระสำคัญดังนี้

1. เพิ่มเติมจำนวนหนี้ของลูกหนี้ ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลอื่นตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ที่สามารถร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการได้ จาก "จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท" เป็น "ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท" เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งการเพิ่มจำนวนหนี้อ้างอิงจากข้อมูลเชิงสถิติระหว่างปี 2560-2563 คดีที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอลูกหนี้มีจำนวนหนี้มากกว่า 50 ล้านบาท กว่าร้อยละ 90 ของคดีทั้งหมด

2. กำหนดกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่มีลักษณะเป็น SMEs ดังนี้ (1) ยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดให้ลูกหนี้ที่เป็น SMEs ต้องขึ้นทะเบียนกับ สสว. หรือที่จดทะเบียนกับหน่วยงานอื่นของรัฐ จึงจะสามารถร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการได้ (2)กำหนดให้ลูกหนี้สามารถยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ได้ โดยที่ยังไม่ต้องจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเสนอศาลเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้มีการพักชำระหนี้เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการได้

3. กำหนดให้มีกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการแบบเร่งรัด ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการ ได้แก่ ลูกหนี้ที่เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และลูกหนี้ที่เป็น SMEs สามารถเลือกยื่นคำร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการแบบเร่งรัดได้ โดยแนบแผนพร้อมหลักฐานแสดงว่าเจ้าหนี้ได้มีมติยอมรับแผนแล้ว (prepackaged plans) ต่อศาล โดยให้ศาลพิจารณาคำร้องขอดังกล่าวเป็นการด่วน แต่หากศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอเพราะแผนไม่เข้าหลักเกณฑ์ ลูกหนี้อาจยื่นคำร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการอีกได้ โดยไม่ติดเงื่อนไขข้อห้ามเรื่องระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ศาลยกคำร้องขอกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการแบบเร่งรัด

นางสาวรัชดา กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ จะเป็นเครื่องทางกฎหมายที่สำคัญในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินได้รับโอกาสฟื้นฟูกิจการและไม่ตกเป็นบุคคลล้มละลาย อันจะเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน อีกทั้งยังเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และรัฐบาลจะผลักดันให้เป็นกฎหมายที่ต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน
#2742


นายคิม กัง-ลิป รัฐมนตรีฝ่ายกิจการความปลอดภัยด้านเวชภัณฑ์ของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า การทดลองทางคลินิกของ GBP510 ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศเป็นตัวแรก จะประเมินโดยเปรียบเทียบด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัยกับวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า

อาสาสมัครผู้ใหญ่ 3,000 คนจากจำนวนทั้งหมด 3,990 คนจะได้รับวัคซีนทดลองของเอสเค ไบโอไซแอนซ์ (SK Bioscience) ส่วนอีก 990 คนจะได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าโดยมีช่วงเวลาในการทดลอง 4 สัปดาห์

เอสเค ไบโอไซแอนซ์ระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลจากการทดลองในเบื้องต้นจากกลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี 80 คนซึ่งได้รับวัคซีนครบ 2 โดส แสดงให้เห็นว่า ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาได้สร้างแอนติบอดี ชนิดลบล้างฤทธิ์ (neutralising antibodies) ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส

เมื่อรายงานนี้แพร่ออกไป ส่งผลให้หุ้นของเอสเค ไบโอไซแอนซ์ ซึ่งเพิ่งจดทะเบียนไปเมื่อเดือนมี.ค.นั้น พุ่งขึ้นถึง 29.5% ทำสถิติสูงสุดในวันนี้ นอกจากนี้ เอสเค ไบโอไซแอนซ์ ยังเป็นผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ตามสัญญาให้กับแอสตร้าเซนเนก้าและโนวาแวกซ์ด้วย
#2743


นายรุ่งโรจน์รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)หรือ SCC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ครั้งที่2/2564 (SCC25OA) จำนวน 25,000 ล้านบาท


ทั้งนี้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่1 ตุลาคม 2564 จำนวน 25,000 ล้านบาท โดยเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นกู้ SCC21OA ที่เป็นผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป ผู้ถือหุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ชุดอื่น ๆที่เป็นผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป และผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้หุ้นกู้ดังกล่าวมีอายุ 4 ปี มีอัตราดอกเบี้ย 2.65% จ่ายทุกๆ3 เดือน (1ม.ค.,1เม.ย.,1ก.ค.และ1 ต.ค.) วันออกหุ้นกู้ คือวันที่ 1 ต.ค.2564 วันครบกำหนดไถ่ถอน1 ต.ค.2568

โดยมีผู้จัดการหน่ายประกอบด้วย BAY, BBL, KBANK, KTB และ SCB


สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัทฟิ ทช์ เรทติ้งส์(ประเทศไทย) จำกัด ที่ระดับ A+ (tha)
#2744


โดยปกติเราไม่ค่อยได้ยินข่าวประเทศจากเอเชียกลางอย่างอุซเบกิสถานมากนัก แต่เมื่อกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา กรุงทาชเคนต์ของอุซเบกิสถาน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติหัวข้อ "เอเชียกลางและเอเชียใต้: การเชื่อมต่อ ความท้าทาย และโอกาสระดับภูมิภาค" ถือว่าจัดได้ถูกที่ถูกเวลา มีประเทศเข้าร่วมถึง 50 ประเทศ เช่น ตุรกี อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน รัสเซีย อินเดีย จีน และสหรัฐอเมริกา  รวมถึงตัวแทนจากองค์การระหว่างประเทศ กลุ่มคลังสมองเด่นๆ สถาบันการเงิน บริษัท ภาคธุรกิจอีกกว่า 30 องค์กร

ที่สำคัญคือผู้นำหลายคนมาพบกันในเวทีนี้ อาทิ ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ของอัฟกานิสถาน นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน แห่งปากีสถาน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียสุพรหมณยัม ชัยศังกระรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย และหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ในช่วงเวลาที่เกิดข้อพิพาททางภูมิรัฐศาสตร์โดยมีเอเชียเป็นศูนย์กลาง เวทีนี้จึงเป็นการแสดงถึงความวิตกกังวลร่วมกัน แล้วแสวงหาเจตจำนงร่วมบนเส้นทางเอเชียกลาง-ใต้ ที่จะเป็นพื้นที่สำคัญของระบบระหว่างประเทศในอนาคต ผ่านการประกาศ"ปฏิญญาทาชเคนต์แห่งเอเชียใหม่"

ประธานาธิบดีชาฟเคท เมอซิโยเยฟแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน แสดงสุนทรพจน์ครั้งประวัติศาสตร์ ขนานนามเอเชียกลางและเอเชียใต้ว่า "สะพานแห่งการสนทนา" ระหว่างผู้คนกับอารยธรรม เป็น "เส้นทางสายไหมอันยิ่งใหญ่" โดยได้เน้นย้ำถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ ตอบโต้ข้อสรุปเรื่องการปะทะกันของอารยธรรมว่า เอเชียกลางและเอเชียใต้ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนยากจน ตรงกันข้ามที่นี่คือศูนย์กลางแห่งอารยธรรม วิทยาศาสตร์ ความมั่งคั่ง ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามนุษย์ ตัวชี้วัดพื้นฐานที่สุดดูได้จาก เมืองและถนนหนทาง (บนเส้นทางสายไหมในประวัติศาสตร์) ภูมิภาคนี้สามารถฟื้นคืนความมั่งคั่งและมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างอารยธรรม

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

เอเชียกลางและเอเชียใต้ไม่ใช่ถิ่นที่อยู่ของคนป่าฆาตกร หรือมีปัญหาความมั่นคงอย่างที่ถูกตีตรา ในทางกลับกันที่นี่เป็นศูนย์กลางของความมั่นคง เสถียรภาพ ความยุติธรรม อดทนอดกลั้น และอยู่ร่วมกันมาหลายร้อยปี

ทั้งยังเป็นภูมิภาคที่ยึดประชาชนและมนุษยธรรมเป็นศูนย์กลาง ผู้คนต่างศาสนา อิสลาม พุทธ ฮินดู และอื่นๆ จึงอยู่ร่วมกันมานานหลายศตวรรษ กลายเป็นหุ้นส่วนทางชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมหลากสีสัน โครงสร้างทางภูมิวัฒนธรรมเช่นนี้ที่กำลังถูกทำให้กลายเป็นความขัดแย้ง แท้จริงแล้วมีประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันมาก ทุกคนในพื้นที่สังเกตเห็นได้ ด้วยเหตุนี้จึงควรตระหนักถึงศักยภาพด้านการท่องเท่ี่ยวระหว่างเอเชียกลางและเอเชียใต้ และควรขยายการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม

เอเชียกลางและเอเชียใต้เป็นที่ตั้งแห่งเอกภาพ ไม่ใช่การปะทะกันของอารยธรรมอย่างที่เคยมีคนว่าเอาไว้ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นที่เอเชียกลางและเอเชียใต้ต้องจับ "จิตวิญญาณเส้นทางสายไหม" ไว้ให้ได้เพื่อร่วมมือกัน และต้องปรับปรุงความสัมพันธ์ที่เริ่มขาดหายกันไปซึ่งยังไม่สายเกินไป

ภายใต้บริบทนี้ อุซเบกิสถานยุคใหม่จึงดำเนินการภายใต้กรอบความรับผิดชอบของประเทศ ชี้วัดได้จากกระบวนการความร่วมมือใหม่ที่อุซเบกิสถานพัฒนากับเพื่อนบ้าน ด้วยเชื่อว่า ความเข้าใจและความร่วมมือนี้จะโดดเด่นไปทั่วภูมิภาคสะท้อนถึงความพยายามทั้งหมดที่ทำ

ประธานาธิบเมอร์ซิโยเยฟกล่าวด้วยว่า โครงการที่ตนเสนอต่อที่ประชุม เน้นความร่วมมือเป็นพื้นฐาน เป็นส่วนเสริมมิใช่แข่งขันกับโครงการที่ทำมาก่อน ทั้งยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการริเริ่มสายแถบและเส้นทางในแง่ของการเปิดศักยภาพความร่วมมือที่ครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์อย่างกว้างขวางยิ่ง ตัวอย่างเช่น เส้นทางแคสเปียน-เอเชียกลาง-เอเชียใต้ที่เป็น "หัวใจแห่งเอเชีย" เส้นทางรถไฟสาย Tirmidhi-Mazar-i-Sharif-Kabil-Peshawar ที่ครอบคลุมอุซเบกิสถาน อัฟกานิสถาน และปากีสถาน เป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่สุดเข้ากันได้กับโครงการสายแถบและเส้นทางซึ่งไม่ควรประเมินเฉพาะมิติทางเศรษฐกิจ-พาณิชย์เท่านั้น โดยเฉพาะในประเด็นอัฟกานิสถาน

"เส้นทางการคมนาคมนี้จะมีประสิทธิภาพในความร่วมมือระหว่างภูมิภาค สร้างสันติภาพและเสถียรภาพและพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศนี้" ประธานาธิบดีอุซเบกิสถานย้ำโดยพิจารณาจากมิติของอัฟกานิสถาน

กล่าวโดยสรุป สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีชี้ให้เห็นว่า อุซเบกิสถานปรารถนาสร้างสันติภาพและเสถียรภาพ สถาปนาความสัมพันธ์อันกว้างขวางและลึกซึ้งระหว่างเอเชียกลางกับเอเชียใต้ การประชุม "เอเชียกลางและเอเชียใต้: การเชื่อมต่อระดับภูมิภาค ความท้าทายและโอกาส" ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าภาพเท่านั้น แต่เน้นย้ำผลประโยชน์ร่วมที่สำคัญในแง่การส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในอัฟกานิสถาน

"อัฟกานิสถานไม่ได้มีความหมายแค่เอเชียกลางหรือเอเชียใต้เท่านั้น แต่เป็นประโยชน์สำหรับทวีปเอเชียโดยรวมและโครงการที่พัฒนาขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือนี้" ประธานาธิบดีอุซเบกิสถานกล่าวทิ้งท้าย
#2745


"กระบวนกร" จะทำหน้าที่เสมือนไกด์ โค้ช พี่เลี้ยง หรือเพื่อนร่วมทางให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ในการคอยช่วยสร้างเสริมความเข้าใจเนื้อหาและกระตุ้นไอเดีย ให้คุณครูพัฒนาหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ และการสอน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพทางความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ โดยโครงการมีโจทย์ตั้งต้นในหัวข้อนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าจากขยะ

ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับขยะตั้งแต่ต้นทางจนเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน ด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่ผสมผสานสาระเชิงลึกกับเครื่องมือการเรียนรู้สมัยใหม่ที่สร้างความสนุกและเข้าใจง่าย ถ่ายทอดไปสู่เยาวชนให้เกิดการตกตะกอนทางความคิดเพื่อต่อยอดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าจากขยะสู่สังคม

ดังนั้นบทบาทกระบวนกรจึงเป็นการเปิดกรอบการเรียนรู้แนวใหม่ของวงการศึกษาไทย ที่จะไม่เป็นเพียงการเรียนรู้ทฤษฎีแล้วจบในห้องเรียน แต่เป็นการจุดประกายให้เกิดการต่อยอดองค์ความรู้ ซึ่งสามารถนำไปช่วยแก้ปัญหาเชิงกระบวนการและประเด็นทางสังคมได้จริง ดังเช่น ปัญหาการจัดการขยะ ที่ถ้าหากจัดการอย่างถูกวิธีก็สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ โดยเหล่ากระบวนกรมีแนวคิดการจุดประกายกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างประโยชน์ต่อการศึกษา สังคมและโลกใบนี้อย่างไร บทสัมภาษณ์นี้จะพาไปทำความรู้จักเหล่ากระบวนกรในโครงการกัน  

นักออกแบบกระบวนการเรียนรู้ 
"ติ" ชุติมา เรืองแก้วมณี กล่าวว่า ติเป็นนักออกแบบกระบวนการเรียนรู้ (Experiential Learning Designer) และเป็นคนจัดกิจกรรมให้กับหลายๆ กลุ่ม ด้วยเราสนใจกลุ่มเด็กเยาวชน และประเด็นเรื่อง ขยะ ประกอบกับมีน้องทำหลักสูตร STEAM4INNOVATOR ของ NIA ชักชวนให้มาร่วมเป็นพี่เลี้ยงที่ทำหน้าที่โค้ชคุณครูในเรื่องการจัดการขยะ และส่วนตัวอยากทราบว่าคุณครูในระบบการศึกษาตอนนี้เป็นเช่นไรจึงตัดสินใจมาทำหน้าที่ Facilitator ร่วมออกแบบกระบวนการเรียนรู้กับโครงการ The Electric Playground โดย ขยะ และนวัตกรรม นั้นแท้จริงนำมาทำเป็นกิจกรรมสนุกๆ และเรียนรู้ไปพร้อมกันได้

เช่น ขยะ 1 ชิ้นมีเส้นทางการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทางอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในการสอนของคุณครูด้วยวิธีการสอนที่เหมาะกับเขา ซึ่งผลที่ได้เป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะคุณครูผ่านประสบการณ์ตรง ได้ทดลองกันในกลุ่ม ก่อนนำไปสอนเด็กนักเรียนของเขาให้เข้าใจ ซึ่งการสอนการจัดการขยะหากคุณครูคิดแบบบูรณาการต่อ สามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างยั่งยืนเลยทีเดียว เพราะขยะนำไปคุยได้หลายเรื่องมากๆ เช่น ขยะกับประเด็นปัญหาสังคม ขยะกับสิ่งแวดล้อม ขยะกับวิทยาศาสตร์ ขึ้นอยู่ว่าจะนำเสนอในแง่มุมใดของขยะต่อไป ซึ่งโครงการนี้ทำให้รู้ว่าคุณครูมีหัวใจการเป็นคุณครูมากๆ พร้อมปรับตัว และเรียนรู้ร่วมกันไปกับนักเรียน


 แม้ตอนนี้การส่งต่อการเรียนรู้ขยะสู่ห้องเรียนยังไม่ครอบคลุมทุกโรงเรียนทั่วไทย แต่ค่อนข้างคาดหวังกับโครงการนี้อย่างมากที่จะขยายสู่ภาคการศึกษาไทยที่ใหญ่ขึ้น เพราะเวลาที่เราทำงานกับคุณครู เราอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบการศึกษา กระบวนการการเรียนรู้นวัตกรรมในเรื่องของขยะเชิงสร้างสรรค์ รวมทั้งกระบวนการออกแบบวิธีคิดที่เกิดขึ้นกับคุณครูจริงๆ นอกเหนือจากนั้นอยากให้ทุกคนในสังคมไทยตระหนักว่า ตนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะจริงจังที่ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะคนมักคุ้นชินกับภาพกองขยะ และมองว่าขยะคือขยะ แต่หากมองลึกลงไปกว่านั้นจะมีเรื่องของระบบการจัดการหรือการหมุนเวียนทรัพยากรด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราทุกคนร่วมเป็นส่วน หนึ่งในการขับเคลื่อน ได้ไม่ยาก


 ทุกๆ การกระทำของทุกคนมีผลลัพธ์ต่อสังคมเสมอ
"ดาว" สุภารัตน์ เชื้อโชติ กล่าวว่า ปัจจุบันดาวเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และคลุกคลีในวงการภาคการศึกษาอยู่แล้ว สิ่งที่ชอบสำหรับ STEAM4INNOVATOR คือเรารู้สึกว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่จะทำให้เราอยู่ในโลกจริงมากขึ้น ไม่ใช่ใช้องค์ความรู้เพื่อที่จะบอกว่าเราเก่ง เราผ่านแล้ว เราได้เกรด A แต่เป็นการใช้องค์ความรู้เพื่อคนอื่นจึงรู้สึกว่า นี่แหละคือเป้าหมายของการเรียนรู้จริงๆ จึงนำมาสู่การเป็น Facilitator ในโครงการ The Electric Playground ที่ต้องการสร้างการรับรู้ต่อคุณครู เด็กและเยาวชนว่าขยะเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ 

เพราะกระบวนการนี้ได้เปลี่ยนวิธีคิดของเด็กเยาวชนต่อขยะที่ดีขึ้นว่า ทุกๆ การตัดสินใจและทุกการกระทำของเขามีผลลัพธ์ที่ตามมากับสังคมด้วย เพราะเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้นผลลัพธ์นี้จะก่อให้เกิดมลพิษ หรือก่อให้เกิดคุณค่าทางสังคม เศรษฐกิจ ก็ย่อมขึ้นอยู่กับทางเลือกที่เราจะสร้างขึ้น

สำหรับเรื่อง ขยะ หรือสิ่งรอบตัว ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง ในการส่งต่อการเรียนรู้สู่ภาคการศึกษาและต้องการพัฒนาเด็กนั้น ดาวและคุณครูจึงสร้างความเข้าใจว่าถ้าเราจะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้ ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมและทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวนั้นสำคัญ ดังนั้นเรามีโอกาสสร้างขยะใหม่ๆ ขึ้นได้ทุกวัน แต่ขณะเดียวกันก็เราก็ปรับทัศนคติและพฤติกรรมได้ ในระยะเริ่มต้นอาจจะไม่ต้องเร่งเครื่องแรงมาก แต่เริ่มจากมองเห็นอะไรใกล้ตัวแล้วค่อยๆ ปรับก็ได้ เช่น จากเดิมใช้หลอดพลาสติกก็ไม่ใช้ หรือไม่เคยแยกขยะเลย ก็ลองแยกแบบง่ายๆ แค่ใช้แรงนิดหน่อยก็เปลี่ยนให้เรียบร้อยได้

ซึ่งตอนที่เทรนคุณครูก็มีเรื่องน่าประทับใจเกิดขึ้นกัน คุณครูได้กลับไปสำรวจขยะรอบๆ โรงเรียนแล้วก็กลับมาบอกว่า จุดนั้นก็มี จุดนี้ก็มี ซึ่งเราจัดการขยะให้ดีกว่านี้ได้ แต่ทำไมเราไม่เคยมองและลงมือทำสักที รวมทั้งฝึกให้เด็กนักเรียนตั้งคำถามและฉุกคิดว่าขยะนี้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นๆ หรือไม่ แต่ละพื้นที่กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดมีวิธีจัดการขยะแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร ก็นับว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีเลยค่ะ 

หัวใจหลักคือ แยกประเภท-กำจัดให้ถูกวิธี
"แทน" ธัญลักษณ์ แสงลาภเจริญกิจ กล่าวว่า เดิมแทนเป็นนักกำหนดอาหารให้คนป่วยที่โรงพยาบาล และได้ทำงานที่ร้านอาหาร จากนั้นได้เรียนต่อด้าน Food Design และมีโอกาสนำความรู้ที่เรียนไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ และเยาวชนที่สนใจสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านอาหาร โดยส่วนตัวแทนสนใจประเด็นสังคมมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นประเด็นทางสังคมเช่นกัน และตระหนักดีว่า "ขยะ" เป็นปัญหาที่สำคัญมากของทุกคน ยิ่งได้ไปสำรวจบริเวณรอบบ้านเรา พบว่าขยะมีการจัดการที่ผิดวิธีอยู่มาก

 ถ้าเรานำความรู้การจัดการขยะที่ถูกวิธีและใช้ได้จริงส่งต่อข้อมูลไปยังคุณครูตามโรงเรียนเพื่อขยายการรับรู้สู่เยาวชนด้วยการสื่อสารให้ง่ายที่สุด เพื่อให้น้องๆ เข้าใจจุดสำคัญในการจัดการขยะและแก้ปัญหาเป็นอย่างไร รวมถึงคนทั่วไปสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปสื่อสารต่อครอบครัวหรือคนรอบตัวต่อไปได้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์และช่วยพัฒนาสังคมอย่างมาก จึงเป็นที่มาและความตั้งใจของการเข้ามาทำหน้าที่ Facilitator ในโครงการ The Electric Playground ในการส่งต่อการเรียนรู้สู่ภาคการศึกษาไทยร่วมกับคุณครูที่เข้าร่วมโครงการ

ตลอดที่ผ่านมา คุณครูทุกคนมีความตั้งใจมากในการเรียนรู้กระบวนการจัดการขยะ และนำไปคิดตลอดว่าเขาจะไปสอนเด็กอย่างไรให้เข้าใจเหมือนที่เขาเข้าใจแล้วไปใช้จริงได้ จึงร่วมปรับเนื้อหาและวิธีการสื่อสารตามสไตล์คุณครูให้เข้าใจง่าย พร้อมทั้งเสริมการสอนเชิงสร้างสรรค์สำหรับเด็กๆ ในรูปแบบ Learning by Doing เล่นเกมไปด้วยกัน เช่น เกมแยกขยะ เกมจัดประเภท ซึ่งถ้าให้แนะนำการจัดการขยะเกี่ยวกับอาหาร เช่น ที่ร้านอาหาร วิธีแรกคือควรแยกประเภทของขยะก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะอินทรีย์ เศษอาหาร เศษเนื้อสัตว์  ส่วนนี้เราแยกนำไปหมักเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ประโยชน์ต่อได้ ส่วนที่เป็นถุงพลาสติก ขวดซอสต่างๆ ควรล้างทำความสะอาดก่อนทิ้ง ก็สามารถส่งต่อไปรีไซเคิลได้ตามจุดต่างๆ ได้ค่ะ 

ผู้ไขประสบการณ์การจัดการขยะ
"สุธี" สุธี สุขสุเดช กล่าวว่า ตนเป็นอาจารย์ทันตแพทย์ ส่วนตัวสนใจกระบวนการจัดการเรียนรู้ และเป็นผู้สอนในระบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน หรือ Problem-based Learning ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์การจัดการขยะ ดังนั้นการเข้าร่วมโครงการ The Electric Playground จึงเป็นการเรียนรู้หน้างานไปพร้อมกับทุกคน ทั้งคุณครูในโรงเรียน และ Facilitator คนอื่นๆ ซึ่งการเข้ามาเรียนรู้เรื่อง ขยะ ทำให้ตระหนักความสำคัญของการคัดแยกขยะและรู้ถึงระบบนวัตกรรมการจัดการขยะ ทำให้เปลี่ยนความคิดจากเดิมที่ว่าแยกขยะไปทำไม เปิดมุมมองเป็นการคัดแยกขยะ รวมทั้งการเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ผลิตไฟฟ้าในการแจกจ่ายไฟฟ้าไปยังตำบล

นอกจากสร้างความเข้าใจให้คุณครูผ่านหลักสูตร STEAM4INNOVATOR แล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมอยากแชร์ขณะทำหน้าที่ Facilitator เทรนคุณครู ซึ่งจะได้รับหน้าที่รับผิดชอบโรงเรียนที่แตกต่างกัน พบว่าโรงเรียนที่ผมดูแลมีระบบการจัดการขยะที่ดีมาก และคุณครูได้สอนเด็กนักเรียน โดยยกเรื่องเตาเผามาสอนในหัวข้อการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และเชื่อมโยงไปตั้งแต่พลังงานจลน์ พลังงานไฟฟ้า

โดยใช้ขยะเป็นโจทย์เริ่มต้น ทำให้ผมทึ่งมากว่า ขยะ เชื่อมโยงได้ทั้งโลกและชีวิตมนุษย์ได้หลากหลายมาก เพราะแท้จริงโลกนี้คือพลังงานต่างๆ ที่แปรรูปไปเรื่อยๆ และในร่างกายเราก็มีพลังงานมาจากการเผาไหม้เหมือนกัน แต่เริ่มต้นจากการเผาขยะ ซึ่งจุดนี้ก็สามารถเชื่อมโยงกับเรื่องต่างๆ ได้อีกเช่นกัน เช่น ฟิสิกส์ เคมี คุณภาพของเชื้อเพลิง กฎทรงมวล กฎของพลังงานจลน์ พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งถ้าหากจะมองถึงการขยายการเรียนรู้ขยะสู่ภาคศึกษาไทย เรื่องจิตสำนึกอาจไม่เพียงพอ แต่โครงสร้างขององค์กรหรือโรงเรียนของนักเรียน เขตการศึกษาต่างๆ ก็ต้องเกื้อหนุนด้วยเช่นกัน
#2746


พิธีปิดมหกรรมกีฬา โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น มีขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พร้อมส่งไม้ต่อให้เจ้าภาพในอีก 3 ปีข้างหน้าคือ ฝรั่งเศส ในปี 2024

เจ้าภาพ ญี่ปุ่น เริ่มโหมโรงด้วยพลุไฟสุดอลังการ ก่อนที่ธงแต่ละประเทศที่ร่วมชิงชัยเหรียญรางวัลกันมาตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับการเชิญเข้าสู่สนาม โดยจะไม่มีลำดับใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อสื่อถึงการฉลองความสำเร็จร่วมกัน จากนั้นประตูทั้ง 4 ทิศของสนามก็เปิดต้อนรับนักกีฬาทั้งหมดเข้ามาอิ่มเอมกับบรรยากาศสุดท้ายนี้

ขณะที่ไทยมอบให้ "แต้ว" สุดาพร สีสอนดี เหรียญทองแดงมวยสากลสมัครเล่นร่วมพิธีปิด ส่วนอีกคนคือเหรียญทอง "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่ล่วงหน้ากลับมาก่อนแล้ว ส่วนเจ้าเหรียญทองใน โตเกียว เกมส์ 2020 ครึกครื้นเป็นพิเศษคือ สหรัฐอเมริกา ทำไปทั้งสิ้น 39 เหรียญทอง 41 เหรียญเงินและ 33 เหรียญทองแดง

จากนั้นเจ้าภาพก็เสิร์ฟการแสดงมากมายที่ประทับใจสุดเห็นจะเป็นดวงไฟมากมายลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าประกอบกันเป็นสัญลักษณ์ห่วง โอลิมปิก สื่อถึงจิตวิญญาณที่รวมอยู่ในตัวทุกคน รวมถึงร่วมรำลึกถึงคนที่ทำให้การแข่งขันครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีสร้างสรรค์งานให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งได้รับคำชมมากว่า ญี่ปุ่น ทำอย่างไรกับเทคโนโลยีถึงได้ภาพที่สวยงามเช่นนี้

ปีนี้นักกีฬาทุกคนไม่ได้รับอิสระให้ออกไปข้างนอกได้ตามอำเภอใจเพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้น ญี่ปุ่น จึงจัดการแสดงต่อมาเป็นสวนสาธารณะเหมือนให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย

แน่นอนว่า ญี่ปุ่น เจ้าแห่งอนิเมะจัดโชว์จาก ดาบพิฆาติอสูร ซึ่งถูกใจสาวกยิ่งนัก โดยเป็นการนำเด็กๆ มัธยมมาเล่นเพลงจากอนิเมะเรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์แบบสุดๆ

ช่วงท้าย ยูริโกะ โคอิเคะ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว ได้ส่งมอบธงต่อให้เจ้าภาพครั้งต่อไปคือ ฝรั่งเศส โดยเป็น โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ที่รับและส่งต่อให้ แอนน์ ฮิดัลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส

พร้อมกันนี้อีกฟากธง โอลิมปิก ปารีส 2024 ถูกเชิญขึ้นหอไอเฟล ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นธงที่ใหญ่ที่สุดในโลกขนาดยาว 90 เมตร กว้าง 60 เมตรซึ่งเกือบเท่าสนามฟุต.

จากนั้นฝูงบินผาดโผน The Patrouille Acrobatique de France ที่เป็นหนึ่งในฝูงบินผาดโผนที่เก่าแก่ที่สุดของโลก จะร่วมบินในพิธีเปิดตัวธง พร้อมปล่อยควันเป็นลายธงชาติฝรั่งเศส

สุดท้าย ญี่ปุ่น จัดการแสดงแบบเรียบง่ายปิดท้ายพิธีปิด โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 พร้อมทั้งกระถางคบเพลิงที่ดับไฟกับการขึ้นคำว่า "อาริกาโตะ" ขอบคุณทุกๆ คน
#2747


สหภาพแรงงานและกลุ่มสิทธิแรงงาน 33 กลุ่มจากกัมพูชา ซึ่งทำการศึกษาวิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูลจากโรงงานผลิต 114 แห่งในกัมพูชา ได้เขียนจดหมายถึงแบรนด์เสื้อผ้าแฟชันชั้นนำระดับโลกทั้งหลายในสัปดาห์นี้ รวมถึง อาดิดาส เอชแอนด์เอ็ม ลีวายส์ ไนกี้ พูมา ทาร์เก็ต แก๊ป ซีแอนด์เอ และวีเอฟ คอร์ป ให้ดำเนินการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ พร้อมระบุว่า ในช่วงที่กัมพูชาล็อกดาวน์ประเทศในเดือนเม.ย.และพ.ค. อุตสาหกรรมสิ่งทอสูญเสียรายได้ 117 ล้านดอลลาร์

กลุ่มฯดังกล่าวประเมินว่าแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอของกัมพูชาซึ่งมีจำนวนกว่า 700,000 คนถูกผู้ว่าจ้างติดค้างค่าจ้างและเงินชดเชยจำนวนกว่า 393 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่กระทรวงแรงงานของกัมพูชาแนะนำให้โรงงานผลิตปิดโรงงานเพราะสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่โดยไม่ได้จ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าเสียหายแก่แรงงาน รวมทั่้งไม่ได้แจ้งให้แรงงานทราบล่วงหน้า 

"คุน ธาโร"ที่ปรึกษาด้านสิทธิแรงงานจากศูนย์กลางเพื่อพันธมิตรแรงงานและสิทธิมนุษยชน(Center for Alliance of Labor and Human Rights) กล่าวว่า "เนื่องจากแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอไม่ได้รับค่าจ้างแรงงานที่ควรได้ บรรดาแบรนด์ดังทั้งหลายจึงตกเป็นที่พึ่งของแรงงานเหล่านี้ จนเกิดเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือจากแบรนด์ดังที่ถือเป็นผู้ว่าจ้าง"

ในส่วนของกระทรวงแรงงานกัมพูชา ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

               
แบรนด์ดังเสื้อผ้าแฟชันชั้นนำของโลกจำนวนมากที่มีรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นในปีนี้ บอกว่า พยายามที่จะจำกัดผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19ที่มีต่อแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ

อาดิดาส เปิดเผยกับเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียว่า บริษัทมีพันธกิจในการจ่ายค่าแรงที่ยุติธรรมและโปร่งใสแก่แรงงานทุกคนในกัมพูชาพร้อมทั้งให้การช่วยเหลือบรรดาซัพพลายเออร์หลักๆให้ได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากธนาคารเจ้าหนี้เพื่อนำมาใช้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19   

"บรรดาโรงงานที่เป็นซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่ของเราในกัมพูชายังคงรักษาแรงงานที่โรงงานผลิตเอาไว้แต่ลดชั่วโมงการทำงานสืบเนื่องจากการล็อกดาวน์"โฆษกอาดิดาสกล่าว

ด้านพูมา ยืนยันว่า บริษัทพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้วิธีการยกเลิกคำสั่งซื้อและพยายามไม่ลดออร์เดอร์ซื้อสินค้าจากโรงงานรับจ้างผลิตในกัมพูชาในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19

"เฉิง ลู"นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม ให้ความเห็นว่าว่า บรรดาแบรนด์ต่างๆเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในสหรัฐและใรนยุโรปมีความคืบหน้าด้วยดี ถึงแม้ว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลักๆหลายด้าน รวมถึง ความไม่แน่นอนและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น

"ปีนี้ทุกอย่างแพงขึ้นทั้งต้นทุนการขนส่งทางเรือและต้นทุนด้านโลจิสติกส์ วัตถุดิบด้านสิ่งทอไปจนถึงต้นทุนด้านแรงงาน ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในฤดูร้อนปี 2564 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดความไม่แน่นอนแก่ตลาด" ลู กล่าว

ในเวียดนาม ซึ่งปีที่แล้วแซงหน้าบังกลาเทศในฐานะผู้ส่งออกสิ่งทอใหญ่สุดอันดับสองของโลกรองจากจีน ที่กำลังประสบปัญหายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19เพิ่ม ก็ปิดโรงงานสิ่งทอและรองเท้าประมาณ 30-35% 

สำหรับกัมพูชา การระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเหมือนสิ่งซ้ำเติมทางการค้าระลอกสอง หลังจากปีที่แล้ว กัมพูชาสูญเสียสถานภาพพิเศษทางการค้าจากยุโรปเพราะปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยยอดส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องของกัมพูชาไปยุโรปหดตัว 14% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564
#2748


อิเลียด คิปโชเก้ สุดยอดนักวิ่งชาวเคนย่า กลายเป็นคนที่ 3 ที่สามารถป้องกันแชมป์ มาราธอน โอลิมปิก หลังจากทำเวลา 2 ชั่วโมง 8 นาที 38 วินาที ปิดท้ายการแข่งขัน โตเกียว เกมส์ 2020 อย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม

คิปโชเก้ คือเจ้าของสถิติโลกวิ่งมาราธอนคนปัจจุบัน โดยทำเอาไว้ในรายการ เบอร์ลิน มาราธอน เมื่อเดือนกันยายนปี 2018 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 1 นาที 39 วินาที ล่าสุด โตเกียว เกมส์ นักวิ่งวัย 36 ปีเริ่มกระชากฉีกหนีกลุ่มคู่แข่งตั้งแต่กิโลเมตรที่ 31 ก่อนคว้าเหรียญทองด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 8 นาที 38 วินาที สถิตินี้ถือว่าดีกว่าเหรียญทอง โอลิมปิก ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อปี 2016 เพียงแค่ 6 วินาทีเท่านั้น

ภายหลัง คิปโชเก้ ให้สัมภาษณ์ถึง โตเกียว เกมส์ ที่เลื่อนมา 1 ปีเพราะไวรัสโควิด-19 แต่ในที่สุดก็สามารถจัดการแข่งขันได้ว่า "โตเกียว 2020 มันได้จัดเรียบร้อยแล้ว สิ่งนี้มีความหมายมาก ความหมายคือเราสามารถกลับมาใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ เราอยู่บนเส้นทางชีวิต สิ่งนี้คือความหมายของกีฬา โอลิมปิก ซึ่งผมดีใจที่มาป้องกันแชมป์ได้สำเร็จและแสดงให้คนรุ่นต่อไปได้เห็นว่า ถ้าคุณเคารพกีฬาและมีวินัยก็สามารถทำงานที่รับมอบหมายได้สำเร็จ"

แน่นอนสิ่งที่ คิปโชเก้ พยายามจะสื่อก็คือทุกคนต้องมีวินัย เพราะการจะป้องกันแชมป์ มาราธอน โอลิมปิก น้้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเขากลายเป็นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถกลับมาคว้าเหรียญทองได้อีกครั้ง

สำหรับ 2 คนก่อนหน้า คิปโชเก้ ที่สามารถป้องกันเหรียญทอง โอลิมปิก คนแรกต้องย้อนไปปี 1960 กับ 1964 คือ อาเบเบ บิกิเลีย ตามด้วยปี 1976 กับ 1980 คือ วัลเดอมาร์ เซียร์ปินสกี้
#2749


ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 สสจ.ลำปาง รายงานความคืบหน้าการฉีด "วัคซีนโควิด" ของจังหวัดลำปางว่า ขณะนี้ประชาชนยังคงทยอยเข้ารับบริการฉีดวัคซีนที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง ซึ่งเป็นศูนย์สถานที่กลางในการฉีดวัคซีนของ อ.เมืองลำปาง กันอย่างต่อเนื่อง ส่วนวัคซีน "ไฟเซอร์" สำหรับแพทย์ด่านหน้า พร้อมฉีด 8 ส.ค.นี้

จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดมากขึ้น จึงมีการขยับเวลาฉีดเข็ม 2 แอสตร้าเซเนกาเร็วขึ้น โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนกา เข็มแรกช่วงระหว่างวันที่ 7 – 21 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ตามกำหนดเดิม จะฉีดห่างกัน 16 สัปดาห์ แต่ปรับการฉีดให้เร็วขึ้นเป็น 12 สัปดาห์แทน ตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ซึ่งจะมีการนัดหมายผ่านระบบหมอพร้อมอีกครั้ง

จนถึงขณะนี้ มีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งหมด 72,325 เข็ม แบ่งเป็นเข็มแรก 54,643 คน , เข็ม 2 จำนวน 16,884 คน และมีการฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ 798 คน จำนวนผู้ได้รับวัคซีนของ จ.ลำปาง ยอดสะสม อยู่ที่จำนวน 54,643 คน

นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ล่าสุดทางจังหวัดลำปางได้รับวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 2,400 โดส เพื่อเตรียมฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้า โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 จะเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ต้องการปิดเข็ม 2 ด้วยไฟเซอร์ และกลุ่มที่ 3 คือคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย เพราะก่อนหน้านั้นลังเล เมื่อมีไฟเซอร์มาจึงเปลี่ยนใจฉีด

"วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้มา คิดเป็น 40% ของบุคลากรด่านหน้าทั้งจังหวัด จึงมีการจัดสรรคิวให้คนที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ได้รับการฉีดกระตุ้นก่อน ส่วนจำนวนบุคลากรด่านหน้าที่แจ้งความประสงค์จะฉีดไฟเซอร์มีประมาณ 5,000-6,000 โดส ก็จะเป็นลำดับต่อไป"

ส่วนจุดฉีดยังคงใช้ที่เดียวเพราะต้องใช้ห้องเก็บวัคซีนของโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์ต้องมีการรักษาอุณหภูมิและเวลาจะใช้การดูดวัคซีนออกมายากมากทำให้กระจายจุดฉีดไม่ได้

ทั้งนี้ จังหวัดลำปางจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรด่านหน้าในวันจันทร์ที่ 8 ส.ค. 2564 นี้
#2750


มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ของรัฐบาลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ต และสื่อออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนย้ายมาอยู่บนหน้าจอในโลกออนไลน์เกือบ 100%

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากพฤติกรรมดังกล่าวก็คือ ร่องรอย หรือ "รอยเท้าดิจิทัล (Digital footprint)" ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกิดจากการใช้งานบนอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ก็ตาม ทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้นำมาสร้างกลลวงโดยฉวยโอกาสจากสถานการณ์ปัจจุบัน


นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS อธิบายว่า ช่วงที่ผ่านมา AIS พบว่ามีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการร้องเรียนเกี่ยวกับการโดนหลอกลวง และภัยไซเบอร์ต่างๆ จากผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น ฟิชชิ่ง โดยปลอมลิงค์จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้คนสนใจเข้าไปกรอกข้อมูล หรือแม้แต่ SMS ลวง ที่อาศัยเหตุการณ์ปัจจุบันเช่น ไฟไหม้, โรคระบาด, เงินเยียวยา, วัคซีน มาเป็นตัวล่อ ทำให้คนที่ไม่ทันต่อเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพเกิดความเสียหายจากการใช้งานขึ้นอย่างมากมาย

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ AIS ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยจากการทำงานของ AIS อุ่นใจ Cyber พบข้อมูลสำคัญว่า ทุกๆ การใช้งานบนออนไลน์ ทำให้เกิด รอยเท้าดิจิทัล หรือ Digital footprint ทิ้งไว้ในทุกที่ซึ่งแน่นอนว่านี่คือสารตั้งต้นที่ทำให้ผู้ใช้งานฝากข้อมูลสำคัญต่างๆ ไว้โดยไม่รู้ตัว มีผลทำให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้ประโยชน์ตรงนี้มาสร้างรูปแบบการหลอกลวงจนสร้างความเสียหายได้"

AIS อุ่นใจCyber มีความห่วงใยลูกค้าและคนไทยในการใช้งานอินเตอร์เน็ตและออนไลน์ทุกรูปแบบ จึงขอย้ำเตือนถึงช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นจากการเหยียบย่ำบนออนไลน์จนสร้างเป็นรอยเท้าข้อมูลในทุกที่อาจทำให้มิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลของเราไปใช้งานในทางที่ผิดทั้งไม่ว่าจะต่อตัวเองหรือผู้ใช้งานอื่นก็ตาม


ฉะนั้นเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตทุกรูปแบบต้องมีสติ ไม่โพสรูปหรือข้อความที่สุ่มเสี่ยงต่อการบอกที่ตั้ง รวมถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ และบอกตัวเองเสมอว่าทุกกิจกรรมที่เราทำมีรอยเท้าฝากไว้เสมอ เพื่อการใช้งานที่อุ่นใจไร้ภัยไซเบอร์

"เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า Digital footprint ทำให้แบรนด์รู้จักและเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีอีกมุมที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะ Digital footprint หรือ รอยเท้าดิจิทัล อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสารพัดรูปแบบได้ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากในการใช้งานทุกขั้นตอนเพื่อลดช่องโหว่ในการใช้ประโยชน์จากการใช้งานของมิจฉาชีพ"
#2751


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อยู่ระหว่างทำแผนสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ระยะที่ 2) ปี 2565-2569 เพื่อใช้ดูแลสิ่งแวดล้อมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อจากแผนระยะที่ 1 (2561-2564) 

ทั้งนี้ แผนระยะที่ 2 จะมีความชัดเจนในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นการวางแผนในช่วงที่มีการประกาศใช้แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดการใช้พื้นที่ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม การพัฒนาเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ดิจิทัล และการป้องกันสาธารณภัย

รายงานข่าวจาก สผ.ระบุว่า ขณะนี้การจัดทำแผนอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องใน จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง โดยได้มีการสรุปปัจจัยที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมในอีอีซี 6 ด้าน คือ

1.ความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งในเขตเกษตรกรรม มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อการพัฒนา ส่งผลให้พื้นที่ทางการ เกษตรถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สิ่งปลูกสร้างและทิ้งร้างว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการลดลงของผลผลิตอาหารในพื้นที่ ส่วนในเขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรมความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนประชากรที่เพิ่มจาก 4.15 ล้านคน ในปี 2562 เป็น 5.85 ล้านคน ในปี 25670 โดยประชากร 53% อาศัยอยู่ในเขตเมือง (ปี 2562) ซึ่งผลิตอาหารเองไม่ได้และต้องพึงพาแหล่งอาหารจากพื้นที่เกษตรกรรม 

2.สุขภาพ เขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรมมีพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไปเป็นแบบเมือง ได้แก่ การกิน การสูบบุหรี่ มลพิษทางอากาศ การดื่มแอลกอฮอล์ และพฤติกรรม เนือยนิ่ง ส่งผลต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยอีอีซีมีพฤติกรรมการบริโภคแบบเมืองเพิ่มจาก 11.12% ในปีงบประมาณ 2556 เป็น 14.89% ในปีงบประมาณ 2563 และหากอัตรการเพิ่มยังไม่เปลี่ยนแปลงคาดการณ์ว่าปี 2570 จะเพิ่มเป็น 18.66% 

ขณะที่สถานการณ์ด้านมลภาวะทางอากาศเป็นส่วนหนึ่งของผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมลพิษภาพรวมอยู่ระดับมาตรฐาน แต่มีเกินค่ามาตรฐานบ้างในบางพื้นที่และบางเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโรงงานหนาแน่น โดยพื้นที่สีเขียวที่เป็นแนวทางการลดและบรรเทามลภาวะในพื้นที่เมืองที่มีความหนาแน่นสูงมีสัดส่วนพื้นที่ที่น้อยกว่าค่าที่ควรจะเป็นสำหรับการสร้างสภาพอากาศที่ดีในเมือง

3.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้นไม้ทั่วไป 1 ต้น ดูดซับ CO2 ได้ 21 กิโลกรัมต่อปี แต่หากต้นไม้มีอายุ 100 ปี จะ ดูดซับ CO2 ได้ 1 ตันต่อปีต่อต้น พื้นที่ป่าไม้ในเขตอีอีซีจาก 12.50% ในปี 2556 เป็น 12.39% ในปี 2563 นั่นหมายถึงประสิทธิภาพการกักเก็บ คาร์บอนในอีอีซีต่ำลง โดยแนวทางการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำจำเป็นต่อการพัฒนาพื้นที่ ในขณะที่ไทยมีเป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20-25% ภายในปี 2573 เท่ากับเป้าหมายการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอีอีซีอยู่ที่ 6.9-8.6 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

4.นโยบายหรือโครงการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในอีอีซีพบว่า พื้นที่เกษตรกรรมลดลง 4.9% ในช่วงปี 2556-2563 ในขณะที่พื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 27.41% พื้นที่พาณิชยกรรมเพิ่มขึ้น 35.64% และพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 28.98% นับว่าเป็นแรงกดดันของทุกภูมินิเวศ ทั้งนี้ขึ้นกับทำเลที่ตั้งของโครงการพัฒนาต่างๆ

5.ประชากร นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านคน ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 18 ล้านคนในปี 2562 ส่งผลต่อการบุกรุกและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรในพื้นที่ธรรมชาติหากขาดการบริหารจัดการที่ดีพอ ในขณะที่ประชากรแฝงในพื้นจังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้นจาก 538,000 ในปี 2562 เป็น 1.15 ล้านคน ในปี 2570 ซึ่งหมายถึงความต้องการบริโภคทรัพยากรและการปล่อยของเสียออกสู่พื้นที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและแรงงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อความเปราะบางของพื้นที่ในการเปลี่ยนแปลง และความมีอยู่ของอาหารในพื้นที่

6.สถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เขตพื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งน้ำมีคุณภาพเสื่อมโทรม คือ คลองนครเนื่องเขต คลองท่าไข่ จ.ฉะเชิงเทรา , คลองตำหรุ คลองพานทอง จ.ชลบุรี และแม่น้ำประแสร์ แม่น้ำระยอง จ.ระยอง ในขณะที่พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชุมชน เขตอุตสาหกรรม 168,166 ไร่ คิดเป็น 10.06% และน้ำต้นทุนอยู่ที่ 1,215 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งไม่พอความต้องการที่มากถึง 2,375 ล้าน ลบ.ม.

ปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย กล่าวว่า แผนสิ่งแวดล้อมอีอีซีจะไปผูกพันกับการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในโครงการในอีอีซี ซึ่งต้องพิจารณาถึงระยะเวลาการศึกษาให้สั้นลงและให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งบางครั้งไม่สอดคล้องกับงบประมาณ เช่น การพัฒนาถนนเลียบชายฝั่ง การสร้างสะพานข้ามคลองหรือแหล่งน้ำ

ทั้งนี้ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในอีอีซีจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมใหม่ คือ ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะจากกระบวนการการผลิต ขยะชีวภาพ ซึ่งต้องมีกระบวนขจัดให้ถูกต้อง ดังนั้นต้องพิจารณากระบวนการจัดขยะให้ชัดเจนในแผนจัดการสิ่งแวดล้อม และต้องไม่เพิ่มขั้นตอนอีกเพราะจะทำให้ผู้ลงทุนลังเลและไม่อยากลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลายโรงงาน ดังนั้นจึงอยากให้มีความชัดเจนในแผนการขจัดขยะทั้งระบบ

ส่วนการบริหารจัดการแหล่งน้ำที่ปัจจุบันใช้น้ำรวมกันทั้งการบริโภคและอุตสาหกรรม เช่น อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ซึ่งแหล่งน้ำในภาคตะวันออกที่ดีที่สุด คือ อ่างเก็บน้ำประแสร์ เพราะต้นน้ำไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ไม่มีปนเปื้อน ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำต้องแยกให้ชัดเจนระหว่างแหล่งน้ำผลิตประปาเพื่ออุปโภคบริโภคและแหล่งน้ำอุตสาหกรรม โดยที่ผ่านมาหอการค้าไทยเสนอโครงการเดินท่อน้ำจากแหล่งน้ำเพื่อเป็นระบบปิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเมื่อถึงโรงกรองน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา

นอกจากนี้การบริหารทรัพยากรทางชายฝั่งที่มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาการรั่วไหลน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมัน หรือเรือบรรทุกสินค้า หรือเรือบรรทุกของเสียทำของเสียรั่วลงทะเลและซัดมาเกยตื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งควรมีแนวทางจัดการเรื่องนี้ ส่วนปัญหาอากาศต้องการให้รัฐบาลปัดฝุ่น พ.ร.บ.อากาศสะอาดกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าปัจจุบันหลายโรงงงานดูแลจัดการเรื่องนี้แล้วก็ตาม
#2752


เนื่องจากการระบาดของ โควิด 19 ที่รุนแรงถึงขั้นวิกฤต ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้วัคซีน บุคลากรสาธารณสุขมีศักยภาพดูแลเฉพาะผู้ป่วยหนัก ประชาชนส่วนหนึ่งนำฟ้าทะลายโจรมาใช้จนถึงขั้นขาดตลาดและมีผู้ฉวยโอกาสขึ้นราคา แต่ข้อมูลในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของฟ้าทะลายโจรยังไม่ชัดเจน ขณะเดียวกับ การใช้ฟ้าทะลายโจร อาจทำให้ผู้ติดเชื้อขาดโอกาสได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ที่เป็นยาพื้นฐานหลักเนื่องจากอาจส่งผลต่อตับได้

วานนี้ (6 ส.ค. 64) "สารี อ่องสมหวัง" สภาองค์กรของผู้บริโภค ในฐานะตัวแทนของผู้บริโภค กล่าวในงานเสวนา ฟังให้ชัดกับการใช้ "ฟ้าทะลายโจร" ในสภาวะวิกฤต: คุณภาพ ราคา และความปลอดภัย โดยสะท้อนภาพในปัจจุบันว่า ขณะนี้ ฟ้าทะลายโจรในวิกฤติ ยากสำหรับผู้บริโภค จากการรวบรวมโดยทีมสื่อของสภาองค์กรของผู้บริโภค หากค้นคำว่า "ฟ้าทะลายโจร" ในเว็บไซต์จะพบข้อมูลกว่า 2.3 ล้านรายการ ดังนั้น ไม่ง่ายสำหรับผู้บริโภค อย่างแรกที่เจอ คือ การขายของ ไม่ใช่ข้อมูลการใช้อย่างถูกต้องหรือถูกวิธีได้อย่างไร และฟ้าทะลายโจรทำอะไรได้บ้าง   


ราคา ฟ้าทะลายโจร พุ่งหลังโควิด-19

หากดูในตลาดออนไลน์ มีการขายฟ้าทะลายโจรผ่านแพลตฟอร์มจำนวนมากกกว่าหมื่นรายการ ดังนั้น การตัดสินใจซื้อไม่ได้ง่าย อาจจะดูจากรีวิว แต่ก็ไม่ได้ง่ายว่าจะตัดสินใจซื้อที่มีคุณภาพหรือน่าเชื่อถือ ขณะที่ ราคามีความแตกต่างกันตั้งแต่หลักร้อยต้นๆ ถึงหลักพันหรือขายพ่วงวิตามิน

มาดูที่ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง กำหนดกลางยาแผนไทย พ.ศ.2559 ได้กำหนดราคากลางยาฟ้าทะลายโจร หมวดกลุ่มที่ 2 ยาพัฒนาจากสมุนไพร (สูตรยาเดี่ยว) ชนิดแคปซูล 500 มิลิกรัม ราคาแคปซูลละ 0.94 บาท (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) แต่พบว่า ผู้บริโภคไม่สามารถซื้อได้ในราคานี้

เมื่อแพงมาก สิ่งที่สภาองค์กรของผู้บริโภค ทำคือให้ประชานใช้สิทธิของตัวเอง ร่วมแจ้งเบาะแสเมื่อเจอราคาที่แพงกว่ากำหนด รวมถึงขอความร่วมมือตลาดออนไลน์ทั้งหลาย ขอให้เอาลงกรณีที่พบว่าราคาสูงผิดปกติ เพื่อช่วยคุ้มครองผู้บริโภค แต่ก็ไม่ง่าย ถึงแม้บริษัทจะร่วมมือกับ สภาองค์กรของผู้บริโภค ตอนนี้ตลาดออนไลน์ทุกเจ้าร่วมมือกับเราเอาลงแต่ก็แค่เปลี่ยนรหัสทำให้การตรวจสอบไม่เจอ จึงเหมือนการไล่ตามปัญหา กระทรวงพานิชย์เอง บอกว่าตอนนี้ยังไม่ควบคุม แต่หากเมื่อไหร่ทำให้มีความปั่นป่วนของราคา ประชาชนสามารถร้องเรียนได้

ต้องบอกว่า พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กำหนดให้ยาเป็นสินค้าควบคุม ห้ามขายเกินฉลากข้างกล่อง หากเขียนว่า 100 บาท แล้วขาย 150 บาท ถือว่าผิดกฎหมาย ถือว่าไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เพราะฉะนั้น มาตรการอย่างเดียวคือ กำกับราคาที่ข้างกล่องหรือฉลาก สิ่งที่สำคัญ คือ การติดตาม เชื่อว่าขณะนี้ ผู้บริโภคเจอเรื่องฟ้าทะลายโจรปลอม ทั้งนี้ หากเจอขายเกินราคา สามารถแจ้งที่สถานีตำรวจ หรือกรมการค้าภายใน กระทรวงพานิชย์ โดยตรง




ระวัง ฟ้าทะลายโจรปลอม สวมเลข อย.
นอกจากเรื่องราคา ตอนนี้มีฟ้าทะลายโจรปลอม ทำให้ประชาชนเองไม่มั่นใจในการใช้ฟ้าทะลายโจร เหมือนเราไล่ตามปัญหา เช่น บางยี่ห้อมีเลขทะเบียนที่ไม่ใช่ตำรับสมุนไพร เป็นการนำเลขทะเบียนอื่นมาแทน หรือ สวมเลข อย.ของผลิตภัณฑ์อื่น คือ ผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร แต่เลขขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือขึ้นทะเบียนเป็นอาหารแต่เอาเลข อย.มาผลิตยา รวมถึงกรณีระบุชื่อผู้จำหน่าย แต่ไม่ระบุชื่อผู้ผลิต และสวมเลขสมุนไพรของเจ้าอื่น เมื่อเป็นแบบนี้ ความร่วมมือของ อย. กับตลาดออนไลน์ ต้องรีบเอาออกจากระบบทันที แต่ก็พบว่ายังมีขายอยู่

"เป็นเรื่องยากของผู้บริโภค คำแนะนำ คือ การเอาเลขทะเบียนไปตรวจก่อนหากไม่ตรงกับสิ่งที่ระบุ คำแนะนำคือไม่ควรสนับสนุน เพราะขึ้นทะเบียนอาหาร แต่กลับจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่เป็นยา" สารี กล่าว

ยา 'ฟ้าทะลายโจร' ขายออนไลน์ได้หรือไม่

"ผศ.ภญ.ดร.สุนทรี ชัยสัมฤทธิ์โชค" คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ยาฟ้าทะลายโจร เป็นยาสามัญประจำบ้าน และที่ทราบกันดีว่า ยาสามัญประจำบ้าน ขายที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านขายยา เพราะฉะนั้น หากขึ้นทะเบียนยาสามัญประจำบ้าน สามารถขายที่ไหนก็ได้ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เองได้สะดวก ต้องเป็นยาไม่อันตราย และควบคุมพิเศษ และยาฟ้าทะลายโจรในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นยาสามัญประจำบ้าน และต้องมีระบุว่า ยาสามัญประจำบ้านชัดเจน


ปัญหาฉลากระบุไม่ชัดเจน
สำหรับฟ้าทะลายโจร ขณะนี้มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องเข้าระบบการดูแลตัวเองที่บ้าน Home Isolation  ซึ่งจะมีกล่องยังชีพซึ่งมีฟ้าทะลายโจรให้ คำถามคือใช้อย่างไรให้ปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่ป้องกัน แต่ใช้รักษา เครื่องสำคัญของประชาชน คือ "ฉลาก" ซึ่งเป็นข้อเรียกร้อง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น แทบจะให้ข้อมูลไม่เพียงพอ ผู้ใช้ต้องค้นหาข้อมูลให้ได้ ขณะที่ "ผู้ขาย" เพิ่มความรับผิดชอบ ขณะที่ "ผู้รู้" เช่น อย. หรือนักวิชาการ ต้องเพิ่มบทบาทรับผิดชอบต่อการรับผิดชอบการให้ข้อมูลฟ้าทะลายโจร และอาจจะมีปัญหาวิกฤติยาฟาวิพิราเวียร์


ฉลากขาดข้อมูล มีข้อมูลลวง  

ผศ.ภญ.ดร.สุนทรี กล่าวต่อไปว่า หากใช้ฟ้าทะลายโจร ต้องรู้ปริมาณ แอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งต้องดูที่ข้างขวดฉลาก แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า ฟ้าทะลายโจรที่ขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณ หรือปัจจุบัน เรียกว่าผลิตภัณฑ์สมุนไพร ขึ้นทะเบียนเป็นการรักษาอาการหวัด อาการไข้ เมื่อขึ้นทะเบียนในลักษณะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องระบุปริมาณสาร แอนโดรกราโฟไลด์

เพราะฉะนั้น ที่ผ่านมาฉลาก จึง "ขาดข้อมูลแอนโดรกราโฟไลด์" ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ผิด ผู้ผลิตไม่ได้มีความผิดใดๆ ทางกฎหมาย แต่ก็ทำให้ขาดข้อมูลดังกล่าว หรือบางยี่ห้อบอกเป็นเปอร์เซ็นต์ซึ่งทำให้กะปริมาณลำบาก อีกกรณี คือ "ฉลากลวง" มีระบุไว้ แต่จงใจสร้างความเข้าใจผิด คำนึงถึงกำไร  และ "ความไม่รู้" มีเจตนาที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย แต่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอ หรือบางยี่ห้อระบุว่า ทานเพื่อป้องกันก็เชื่อไม่ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

ใช้ 'ฟ้าทะลายโจร' ผิดวิธี ระวังผลข้างเคียง
ว.ภ.ส. แนะใช้ 'ฟ้าทะลายโจร' รักษาโควิด ไม่เน้นป้องกัน หวั่นส่งผลต่อตับ
เช็ค 6 ยี่ห้อ'ฟ้าทะลายโจร'ผิดกฎหมาย
สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

 


ก่อนซื้อ ก่อนใช้ ทำอย่างไร เมื่อไม่บอกในฉลาก

ผศ.ภญ.ดร.สุนทรี แนะว่า อันดับแรก คือ "รู้โรค" มั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ป้วยในกลุ่มสีเขียว ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการใช้ฟ้าทะลายโจร ได้แก่ ไม่มีอาการ ไข้หรือวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37.5 องศาขึ้นไป ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ถ่ายเหลว ไม่มีอาการหายใจเร็ว ไม่มีอาการหายใจเหนื่อย ไม่มีอาการหายใจลำบาก ไม่มีปอดอักเสบ และไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง


ถัดมา "รู้ยา" ต้องรู้ว่าเป็นยาในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร มีเลขทะเบียน G ขอให้ค้นหาเลขทะเบียนใน อย.เพื่อค้นว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ค้นเลขทะเบียนให้ได้ตัว G เพื่อให้รู้ว่าเป็นยาแผนโบราณที่ยกระดับเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร และไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ขึ้นทะเบียนได้ ที่นี่

และ "รู้ปริมาณ" หากอยากจะรู้ปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ ปัจจุบันไม่พบในฉลาก สิ่งที่ทำได้ คือ เข้าไปที่กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร อย. ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนฟ้าทะลายโจรในแบบฉุกเฉิน แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อบังคับในการแสดงปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ ดังนั้น กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร อย. จึงขอความร่วมมือไปยังบริษัทหลายแห่ง ในการส่งข้อมูลการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ให้ ซึ่งอาจจะตรวจเฉพาะบางล็อต และมีการขึ้นข้อมูลปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ ในบางยี่ห้อในเว็บไซต์

ต้องย้ำว่า การระบุสารแอนโดรกราโฟไลด์ ไม่ได้มีข้อบังคับทางกฎหมาย เป็นขอความร่วมมือผู้ผลิต และวิเคราะห์ปริมาณบางล็อต อย่างที่ทราบว่าเป็นสมุนไพร ปริมาณสารเหล่านี้ไม่แน่นอน ขึ้นกับภูมิอากาศ แลหลายประการ แต่อย่างน้อยมีไกด์ไลน์ในผลิตภัณฑ์ยี่ห้อที่จะใช้เท่าไหร่  ตรวจสอบสารแอนโดรกราโฟไลด์ ที่นี่



ข้อเสนอต่อการจัดการฉลากฟ้าทะลายโจร

ผศ.ภญ.ดร.สุนทรี กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอในการจัดการฉลากฟ้าทะลายโจรในภาวะวิกฤติ ในส่วนของ "ฉลาก" ผู้บริโภคต้องปรับตัว การค้นเลขทะเบียนอย่างเดียวไม่พอ ต้องค้นหาปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ จากกองผลิตภัณฑ์สมุนไพร อย. ขณะ "ผู้ขาย" ผู้ผลิต ต้องเพิ่มความรับผิดชอบ เป็นการลงทุนในการศึกษาและรู้ปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ แม้จะไม่ใช่ข้อบังคับทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความรับผิดชอบที่จะหาปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ ขณะเดียวกัน "ผู้รู้" ผู้ผลิตอาจจะต้องขอความร่วมมือ สนับสนุน กับนักวิชาการ ซึ่งขณะนี้ มีคณะเภสัชศาสตร์หลายแห่ง ในการให้บริการตรวจสารแอนโดรกราโฟไลด์ รวมทั้งบางแห่งให้บริการฟรี เป็นความร่วมมือที่จำเป็นเพื่อให้ประเทศไปรอด


ฟ้าทะลายโจร ขึ้นทะเบียนเป็นผลิตเสริมอาหาร ได้หรือไม่

รศ.ภญ.ดร.มยุรี ตั้งเกียรติกำจาย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อธิบายว่า ขึ้นอยู่ว่าจะระบุสรรพคุณว่าอะไร หากบอกว่ารักษาโรค ต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณ

หากต้องการฟ้าทะลายโจรมาป้องกันได้หรือไม่

รศ.ภญ.ดร.มยุรี อธิบายว่า เรื่องป้องกันโควิด-19 จริงๆ ไม่มีงานวิจัยในผู้ป่วยว่ากินฟ้าทะลายโจรป้องกันได้ จึงไม่ได้แนะนำในการป้องกัน ไม่ว่าจะกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์ หรือ อภัยภูเบศร ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน เพราะเกิดปัญหา คนที่ใช้ป้องกันขนาดต่ำๆ หลายเดือน มีค่าตับเพิ่มขึ้น ทุกคนเลยประสานเสียงให้ประชาชนเข้าใจให้ตรงกัน

ปัจจุบัน เริ่มเห็นผลเสียจากการใช้เหล่านั้น จึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าป้องกันไม่แนะนำ มีไว้เล็กน้อยได้เก็บไว้สำหรับคนที่ป่วยจริงๆ หากมีแล้วอยู่ที่บ้านอย่าเพิ่งใช้ เพราะหากติดจริงๆ จะหาซื้อไม่ได้ และหากซื้อก็อาจจะเจอของปลอม และตรวจสอบยากมาก ขนาดเภสัชกรเองยังตรวจสอบค่อนข้างลำบาก บางอันปลอมเหมือนมากเกือบทุกอย่าง เลขทะเบียนตรง ผู้ผลิตตรง การคำนวณขนาดก็ยากเพราะไม่มีการบอกปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งส่วนตัวหากไม่รู้จำนวน แอนโดรกราโฟไลด์ จะไปดูที่บัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งแนะนำให้ใช้บรรเทาอาการหวัด กรณีแบบผง จะใช้ขนาดสูงสุดสำหรับผู้ใหญ่ ครั้งละ 3 กรัม วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน


ห้ามใช้ฟาวิพิราเวียร์ร่วมกับฟ้าทะลายโจร
ขณะที่กรมการแพทย์ ได้ออกแนวทางดูแลผู้ป่วยโควิด-19 วันที่ 4 ส.ค. 64 ว่าหากกลุ่มสีเขียวไม่มีความเสี่ยง ไม่มีอาการ หากจะใช้ฟ้าทะลายโจร ให้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ เพราะน่าจะกังวลเรื่องของอาการไม่พึงประสงค์ พิษต่อตับที่เริ่มเจอเยอะขึ้น รวมถึงบอกว่าหากใช้ฟาวิพิราเวียร์ ห้ามใช้ร่วมกับฟ้าทะลายโจร เนื่องจากปัจจุบันยังทำวิจัยกันอยู่ หากจะใช้ก็ควรจะใช้ในการวิจัย ประสิทธิภาพ ผลตอบรับ ยังไม่ออกมา ขณะที่ความเสี่ยงปรากฎให้เห็นแล้ว


"ตอนนี้ต้องชั่งน้ำหนักกับผลดี กับ ความเสี่ยง หากเสี่ยงมากก็ควรจะหยุด ซึ่งผู้บริโภคตัดสินใจเองอาจจะไม่ได้ สามารถปรึกษาแทพย์หรือเภสัชกร เพราะโควิดไม่ใช่หวัดทั่วไป เป็นเรื่องยากที่ประชาชนทั่วไปจะประเมินด้วยตัวเอง เป็นประสบการณ์ใหม่ ข้อบ่งใช้ใหม่ ต้องใช้ภายใต้ผู้ประกอบวิชาชีพ"

"ขณะเดียวกัน หากแพทย์ซักประวัติว่าใช้ฟ้าทะลายโจร หรือสมุนไพร จะต้องตรวจค่าการทำงานตับก่อน และเจอหลายเคสว่าตับมีปัญหา เริ่มให้ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่ได้ เพราะยาฟาวิพิราเวียร์ มีผลต่อตับมากกว่าฟ้าทะลายโจร" รศ.ภญ.ดร.มยุรี กล่าว  

รวมถึงควรระวังในการใช้ร่วมกับยาตัวอื่น ฟ้าทะลายโจร เริ่มมีข้อมูลเยอะขึ้น เจอคนที่ใช้ฟ้าทะลายโจร กับ พาราเซตามอน ที่ค่าตับเพิ่มขึ้น รวมถึงยากลุ่มลดไขมันบางตัว และยาความดันบางตัว


 

"ยาจากผงฟ้าทะลายโจร vs ยาจากสารสกัดฟ้าทะลายโจร"

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้อธิบาย สำหรับ รูปแบบของ "ฟ้าทะลายโจร" ในตลาดที่อาจทำให้เกิดการสับสน และนำไปใช้และเกิดผลข้างเคียงได้ เพราะใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่


ยาจากผงฟ้าทะลายโจร

ซึ่งถูกนำมาตากแห้ง และบดเป็นผง
นำผงจากใบแห้งมาบรรจุแคปซูล
มีองค์ประกอบของสารหลายตัว รวมถึงไฟเบอร์จากใบ และสาระสำคัญที่ออกฤทธิ์อย่างแอนโดรกราโฟไลด์ แต่ไม่เข้มข้น
แอนโดรกราโฟไลด์ อยู่ในมาตรฐานที่อย. กำหนด คือ ไม่ต่ำกว่า 1%
หากข้างขวดระบุว่า แคปซูลมีฟ้าทะลายโจร 400 มก. แปลว่า มีแอนโดรกราโฟไลด์ 4 มก.
การใช้รักษาหวัด จะต้องใช้ยาที่มีแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มก.ต่อวัน
ดังนั้น ในรูปแบบแคปซูล ขนาด 350 -400 มก.ต่อแคปซูล ต้องรับประทานครั้งละ 4 แคปซูลหรือเม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
จะได้ปริมาณยาประมาณ 6,000 มก. หรือเท่ากับแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มก. และกินไม่เกิน 3-5 วัน

ยาจากสารสกัดฟ้าทะลายโจร

ในกรณีนี้ไม่มีใบติดมา เป็นสารสกัดล้วนๆ
ออกมาเป็นสารออกฤทธิ์สำคัญ แอนโดรกราโฟไลด์
หากข้างกระป๋องเขียนว่า รูปแบบแคปซูลหรือยาเม็ด ขนาด 9-10 มก.ต่อแคปซูลหรือเม็ด แสดงว่ามีแอนโดรกราโฟไลด์ 10 มก.
หากต้องการกินวันละ 60 มก. กินครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง
อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ชนิด มีข้อพึงระวังว่าไม่ควรกินนานกว่า 3-5 วัน


'ฟ้าทะลายโจร' ปลูกกินเองได้  
       

สำหรับในช่วงที่ ฟ้าทะลายโจร กำลังขาดตลาดและมีการขายที่ไม่ได้มาตรฐานในหลายแหล่ง การปลูกเองในบ้าน ถือเป็นอีกหนึ่งหนทางในช่วงวิกฤตินี้ "ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว" หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์ไทย และสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร แนะว่า ในช่วงที่มีการขาดแคลนยาฟ้าทะลายโจรแบบแคปซูลนี้ ประชาชนหรือชุมชนสามารถแก้ไขได้ด้วยการปลูกฟ้าทะลายโจรเอง ปลูกง่ายไม่ยาก เพียงเวลา 2-3 เดือน ก็สามารถเก็บใบฟ้าทะลายโจรมาต้มรับประทานได้

วิธีการ คือ ใช้ดอกและใบ โดยสัดส่วนของฟ้าทะลายโจร ใช้เพียงมื้อละ 10 ใบ รับประทานแบบทานยา 4 มื้อ ในการดื่มควรนำใบมาเคี้ยวด้วย เพื่อให้รับสารสำคัญอย่างครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องรอการใช้ยาในรูปแบบของแคปซูลเท่านั้น เพื่อให้ได้สารแอนโดรกราโฟไลด์เพียงอย่างเดียว รสชาติที่ขมของใบฟ้าทะลายโจร มีส่วนช่วยทั้งลดไข้ แก้ไอ แต่ไม่แนะนำให้รับประทานร่วมกับกระชาย หรือน้ำขิง เพราะสมุนไพร 2 ชนิดนี้มีฤทธิ์ร้อน หากทานร่วมกันทั้งหมด อาจทำให้การรักษาไม่ได้ประสิทธิผลเท่าที่ควร



ผลการศึกษา ฟ้าทะลายโจร ในเรือนจำ
ที่ผ่านมา นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี ซึ่งได้ร่วมทำงานควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำ ซึ่งได้ทำการติดตามกลุ่มตัวอย่าง 120 คน แบ่งเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มละ 30 คน ดังนี้ 1.ใช้ฟ้าทะลายโจรแบบบดผง (ขนาด 400 มิลลิกรัม/แคปซูล) รับประทานครั้งละ 4 แคปซูล หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น 2.ใช้กระชายขาวแบบสารสกัด (ขนาด 100 มิลลิกรัม/แคปซูล)รับประทานครั้งละ 3 แคปซูล เฉพาะหลังอาหารเช้าเพียงมื้อเดียว

3.ใช้ทั้งฟ้าทะลายโจร (ขนาด 400 มิลลิกรัม/แคปซูล)รับประทานครั้งละ 4 แคปซูล หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็นและกระชายขาว (ขนาด 100 มิลลิกรัม/แคปซูล)รับประทานครั้งละ 3 แคปซูล เฉพาะหลังอาหารเช้าเพียงมื้อเดียว และ 4.ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ (ขนาด 200 มิลลิกรัม/เม็ด) รับประทานวันแรกครั้งละ 9 เม็ด หลังอาหารเช้าและเย็น จากนั้นวันที่ 2 เป็นต้นไป รับประทานครั้งละ 4 เม็ด หลังอาหารเช้าและเย็น

โดยติดตามผลทุกกลุ่มเป็นเวลา 5 วัน นับจากเริ่มได้รับยา ซึ่งกลุ่มตัวอย่างทุกกลุ่มจะมีการตรวจคัดกรองด้วยวิธี swab ทุกๆ 2 วัน จนครบ 14 วัน พบผลที่น่าทึ่ง กล่าวคือ ทั้งฟ้าทะลายโจรกระชายขาว และใช้ทั้ง 2 ชนิดพร้อมกัน การตรวจครั้งแรกแล้วไม่พบเชื้อคือวันที่ 8 หลังได้รับยา ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ จะตรวจครั้งแรกแล้วไม่พบเชื้อ คือวันที่ 12 หลังได้รับยา
#2753


เมื่อเร็วๆนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เผยแพร่ ดัชนีราคาผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนก.ค.2564 ซึ่งพบว่า ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า เพราะมีมาตรการ ลดภาระค่าครองชีพของรัฐบาล และการลดลงของราคาอาหารสดบางประเภทยังคงเป็นปัจจัยสไคัญที่ทำให้เงินเฟ้อชะลอตัว

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าเงินเฟ้อก็คือค่าดัชนีชี้วัดว่า ค่าของเงินในกระเป๋าเรา มีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าค่าเงินเฟ้อเป็นบวกมากๆ ก็แสดงว่าเงินในกระเป๋า เรามีค่าน้อยลงมาก อำนาจจับจ่ายก็น้อยไปด้วย แต่ดัชนีเงินเฟ้อยังมีประโยชน์ในด้านการชี้วัดอุณภูมิทางเศรษฐกิจโดยรวม เพราะยิ่งค่าเงินเฟ้อ สูงก็แสดงว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีมากนั่นหมายความว่ารายได้อีกฝากนึงของกระเป๋าเงินก็เข้ามาได้มากและแน่นอนก็จ่ายมากตามไปด้วย ดังนั้น การดูแลเงินเฟ้อไม่ให้สูงไป หรือต่ำไป จนเป็นเงินฝืด คือ ค่าเงินเฟ้อติดลบเกิน 6 เดือนนั้น เป็นสิ่งจำเป็น 


เดือนก.ค. ที่ผ่านมา ค่าเงินเฟ้อ ขยายตัว ที่ 0.45% นั่นหมายความว่า ราคาการใช้จ่ายของประชาชนทั่วไป เพิ่มขึ้นไม่ถึง1%  จะเรียกว่าพอรับได้ก็ใช่ เพราะที่ค่าเงินเฟ้อไม่สูงเพราะรัฐบาลช่วยบรรเท่าค่าใช้จ่ายให้ผ่านมาตรการต่างๆ แต่อีกด้านของค่าดัชนีกำลังบอกว่า คนไทยในยุคโควิด พิษร้ายทำลายทั้งสุขภาพ เศรฐษกิจและชีวิตคนไทยนี้ มีกำลังซื้อที่อ่อนแอมาก 



กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินค่าใช้จ่ายครัวเรือนเดือนก.ค. 2564 ไว้ว่า มีรายจ่ายรายเดือนที่ 16,783 บาท  แบ่งเป็น 

-ค่าโดยสารสาธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง  ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ 3,946 บาท 


-ค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน 3,654 บาท 

-ซื้อเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ 1,548 บาท 

-อาหารบริโภคในบ้าน Delivery1,478 บาท 

-ค่าอาหารบริโภคนอกบ้าน (ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง KFC Pizza)1,140

-ค่าแพทย์ ค่ายา และบริการส่วนบุุคคล 960

-ค่าผักและผลไม้ 892

-ค่าหนังสือ ค่าสันทนาการ ค่าเล่าเรียน และการกุศลต่างๆ 757

-ซื้อข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง 677

-เครื่องปรุงอาหาร 393

-เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์376

-ค่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มและร้องเท้า374

-ซื้อไข่และผลิตภัณฑ์นม 354

-ค่าบุหรี่ ค่าเหล้า ค่าเบียร์234

ค่าใช้จ่ายครัวเรือนไทย เงินหมดไปกับอะไรมากที่สุด
ก่อนซื้อทำอย่างไร เมื่อ 'ฟ้าทะลายโจร' ขาดตลาด ราคาพุ่ง เจอของปลอม
ศึกล่าลายเซ็น 'เมสซี' ส่อง 6 ทีมเต็ง พร้อมเปย์ค่าเหนื่อย
จากสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่ได้แจกแจงมาเป็นค่าเฉลี่ยของแต่ละครัวเรือนแล้วจะพบว่า ส่วนของค่าเดินทางและการติดต่อสื่อสาร ในประเทศนี้กินเงินคนไทยไปไม่น้อย ข้อมูลนี้อาจต้องสะท้อนไปถึงรัฐบาลให้เข้ามาดูแลในเรื่องนี้อย่างจริงจัง  ส่วนค่าใช้จ่ายสำคัญรองลงมาคือ ค่าที่อยู่อาศัย และพลังงาน พบว่า กินสัดส่วนไปไม่น้อยกว่าค่าใช้จ่ายส่วนแรก 

วิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิชย์  เปิดมุมมองเงินเฟ้อปีนี้ว่า  แผนการจัดหาและการกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีความชัดเจน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทยอยออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง น่าจะสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวในกรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กำหนดไว้คือที่ 1.0 – 3.0% 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยในปี 2564 จะอยู่ระหว่าง0.7 – 1.7 %(ค่ากลางอยู่ที่ 1.2%) ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
#2754


"เดอะ ด็อกเตอร์" ในวัย 42 ปี สร้างชื่อจากการคว้าแชมป์โลกได้ทุกรุ่นที่ลงทำการแข่งขัน ตั้งแต่ 125 ซีซี, 250 ซีซี อย่างละ 1 สมัย และโมโต จีพี อีกถึง 7 สมัย โดยฤดูกาล 2021 เจ้าตัวย้ายจาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ไปอยู่กับ เปโตรนาส ยามาฮ่า แต่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร

"มันยากที่จะพูดออกมา เมื่อรู้ว่าปีหน้าผมจะไม่ได้ลงแข่งขันมอเตอร์ไซค์อีกแล้ว" รอสซี เริ่มกล่าว

"ถือเป็นช่วงเวลาที่ลืมไม่ลง มันเยี่ยมมาก ผมสนุกกับมันมากๆ มันคือการเดินทางที่แสนยาวนาน และสนุกสุดๆ ไปเลย"

"ตลอดระยะเวลา 25-26 ปี ในศึกชิงแชมป์โลก มันยอดเยี่ยมมาก และปีหน้าชีวิตของผมจะเปลี่ยนไป" ยอดนักบิดชาวอิตาเลียน ทิ้งท้าย

ทั้งนี้เจ้าของตำนานหมายเลข 46 คว้าชัยไปทั้งหมด 115 สนาม ขึ้นโพเดียมไป 235 ครั้ง พร้อมกับคว้าตำแหน่งโพล ไป 65 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มลงชิงชัยในรุ่น 125 ซีซี เมื่อปี 1996

อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยืนยันว่าหลังจากนี้จะหันไปทุ่มเทกับการบริหารทีมมอเตอร์ไซค์ของเขาเอง อย่าง อารัมโค เรซซิ่ง ทีม วีอาร์ 46 ที่จะมาลงชิงชัยโมโต จีพี ในปี 2022
#2755


นับเป็นอีกหนึ่งข่าวอื้อฉาวสนั่นวงการ ไม่ต่างจากคราวของ 'เจิ้งส่วง' เลยทีเดียว สำหรับกรณีของ 'คริส วู' (Kris Wu) หรือ 'อู๋อี้ฟ่าน' (吴亦凡) ที่เมื่อช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาได้กลายเป็นประเด็นร้อนเกี่ยวกับคดีล่อลวง-ล่วงละเมิดทางเพศ โดยล่าสุดหลังจากที่ดาราหนุ่มถูกตำรวจควบคุมตัวเพื่อนำไปสอบสวนเพิ่มเติมและเริ่มมีหลาย ๆ แพล์ตฟอร์มของจีนได้ทยอยออกมาลบข้อมูลทั้งหมดของ 'คริส วู' ออกจากระบบ ก็ทำให้ชาวเน็ตจีนจำนวนมากเกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตของซีรีส์ "บันทึกปิ่น" ที่นำแสดงโดย 'คริส วู' และ 'หยางจื่อ' ว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อไป...

เรียกได้ว่านับวันข่าวคราวเรื่องคดีความของ 'คริส วู' ก็ยิ่งมีแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ 'คริส วู' ถูกตำรวจจากสถานีเฉาหยางในกรุงปักกิ่งควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมในวันที่ 31 ก.ค. วันถัดมาทางแพล์ตฟอร์ตสื่อมีเดียต่าง ๆ อาทิเช่น QQ Music, NetEase Music, KuGou Music, iQIYI ฯลฯ ได้ทยอยออกมาทำการลบข้อมูลเพลงและนักร้องของ 'คริส วู' ออกจากระบบทั้งหมด นอกจากนั้นช่องทางบนโลกโซเชียลของ 'คริส วู' ทั้งแอคเคาน์เว่ยป๋อ (Weibo) ของเจ้าตัวและสตูดิโอ รวมถึง Douyin (Tiktok ของฝั่งจีน) ต่างถูกระบบระงับการใช้งานไปแล้วทั้งสิ้น

ไม่เพียงแค่นั้นห้อง Super Topic บนเว่ยป๋อในชื่อของ 'อู๋อี้ฝาน' ซึ่งเหล่าแฟนคลับเคยใช้เป็นพื้นที่พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ 'คริส วู' ก็ได้ถูกลบออกจากระบบ อีกทั้งซ้ำร้ายยังมีการทยอยปิดกลุ่มแฟนคลับ 'คริส วู' รวมถึงแอคเคาน์ที่เกี่ยวข้องไปแล้วเกือบหนึ่งพันบัญชีอีกด้วย


หลังจากข่าวอื้อฉาวต่าง ๆ นานาของ 'คริส วู' ได้ถูกเผยแพร่ออกมา สถานการณ์ของพีเรียดจีน "บันทึกปิ่น" หรือ "The Gloden Hairpin" (青簪行) ซึ่งเป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกในชีวิตของ 'คริส วู' ที่ได้มาประกบคู่กับ 'หยางจื่อ' (杨紫) และกำลังรอออกอากาศฉายอยู่นั้น ก็ไม่วายได้รับความสนใจและถูกจับตามองอย่างต่อเนื่องจากบรรดาคอซีรีส์และแฟน ๆ ที่กำลังรอติดตาม โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา (หลังจากมีการคุมตัว 'คริส วู') ทางแอคเคาน์หลักของซีรีส์ก็ได้ทำการลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ 'คริส วู' ออกจากหน้าเว่ยป๋อด้วยเช่นกัน จากจุดนี้เองอาจเป็นลางบอกเหตุกลาย ๆ ว่ายังไงแล้วการจะได้เห็นซีรีส์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นที่ยังมีหน้าของดาราหนุ่มนำแสดงอยู่ด้วยนั้นคงจะเป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน

แอคเคาน์หลักของซีรีส์ บันทึกปิ่น ได้ออกมาลบโพสต์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ คริส วู จนเหลือแต่รูปเพียงไม่กี่รูปเท่านั้น 
แอคเคาน์หลักของซีรีส์ บันทึกปิ่น ได้ออกมาลบโพสต์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ คริส วู จนเหลือแต่รูปเพียงไม่กี่รูปเท่านั้น

แน่นอนว่าเมื่อซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่ได้ถ่ายทำไปแล้ว หากแต่ถ้าไม่สามารถออกอากาศหรือเข้าฉายได้ ทางทีมงานย่อมต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ โดยในกรณีนี้ของซีรีส์ "บันทึกปิ่น" มีสื่อจีนหลายฝ่ายต่างออกมานำเสนอข้อมูลที่ว่า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่นักแสดงถูกแบนเช่นนี้ ทางทีมผู้จัดของซีรีส์อาจมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาได้สองวิธี อย่างแรกคือเปลี่ยนนักแสดง ให้นักแสดงคนใหม่ถ่ายทำฉากของ 'คริส วู' ซ้ำแล้วตัดต่อลงในซีรีส์เรื่องนี้ใหม่ อย่างที่สองคือนำเทคโนโลยี AI Face-changing เข้ามาใช้ในการเปลี่ยนหน้านักแสดงแทน


ซึ่งการแก้ไขปัญหาในกรณีที่นักแสดงถูกแบนทั้งแบบการถ่ายซ้ำโดยเปลี่ยนคนแสดงหรือการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเปลี่ยนหน้านั้นล้วนแต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น โดยกรณีของการถ่ายซ้ำโดยเปลี่ยนคนแสดงเคยเกิดขึ้นกับซีรีส์เรื่อง "จักรวรรดิฉิน พลิกแผ่นดินมังกร ภาค 3" (The Qin Empire III: 大秦帝国之崛起) ที่ 'หวังเสวี๋ยปิง' (王学兵) เจ้าของเดิมของบท "ขุนพลไป๋ฉี่" ได้ถูกแบนจากกรณีข่าวลือที่ว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (ตอนหลังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง) ทางทีมงานได้เชิญ 'สิงเจียต้ง' (邢佳栋) ให้มาถ่ายซ้ำตามฉากที่ 'หวังเสวี๋ยปิง' เคยแสดงและทำการตัดต่อฝังลงไปใหม่ โดยจากการแก้ไขปัญหาเช่นนี้แม้ซีรีส์เรื่องนี้จะมีโอกาสที่ได้ออกอากาศตามกำหนดการปกติ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้ทุนสร้างอีกจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ช่วงหลังซีรีส์เรื่องนี้ประสบกับการมีทุนสร้างไม่เพียงพอ ฉากสงครามที่ควรจะเป็นไฮไลท์ของเรื่องกลับทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ตอนหลังกระแสของซีรีส์จึงค่อนข้างตกลงไปมาก
#2756












ขายที่ดิน ต.มหาราช อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ตามหน้าโฉนดครุฑแดง เนื้อที่ 4ไร่ 1งาน 88วา ราคา 1250 บาทต่อตารางวา ไร่ละ 400000 บาท ขายรวม 1.7 ลบ แบ่งโฉนดขาย ติดถนนคอนกรีตถนนดำ เสาไฟฟ้าหน้าที่ดิน น้ำไฟเข้าถึง เดินทางสะดวกสบาย คมนาคมและสาธารณูปโภคครบครันสะดวกสบายใกล้ทางหลวงทางหลัก ย่านแหล่งชุมชน อยู่ใกล้สถานที่สำคัญหลายแห่ง ใกล้โรงพยาบาล โรงเรียน การไฟฟ้า สำนักงานเทศบาลตำบลมหาราช สำนักงานเกษตร ธนาคาร และอื่น ค่าใช้จ่ายวันโอนคนละครึ่ง 

โทร 083-712-4115
line id : 0837124115

ปักหมุด
ใกล้ ตำบล มหาราช อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13150
https://maps.app.goo.gl/1eHFoygSJFgMqPQg8

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122520983178778&id=100062626307647
#2757


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 4 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่น่าผิดหวังในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,792.67 จุด ลดลง 323.73 จุด หรือ -0.92% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,402.66 จุด ลดลง 20.49 จุด หรือ -0.46% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,780.53 จุด เพิ่มขึ้น 19.24 จุด หรือ +0.13%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ยังคงช่วยหนุนตลาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 468.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด หรือ +0.61%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,746.23 จุด เพิ่มขึ้น 22.42 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,692.13 จุด เพิ่มขึ้น 137.05 จุด หรือ +0.88% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,123.86 จุด เพิ่มขึ้น 18.14 จุด หรือ +0.26%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในอังกฤษ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,123.86 จุด เพิ่มขึ้น 18.14 จุด หรือ +0.26%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 70 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยสัญญาน้ำมันปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.41 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 68.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าคาด อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,814.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 12.1 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 25.461 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 25.6 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 1,021.3 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 2,651.70 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) หลังจากนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21% แตะที่ 92.2686 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.46 เยน จากระดับ 109.11 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9063 ฟรังก์ จากระดับ 0.9041 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2551 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2537 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1838 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1863 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3887 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3915 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7382 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7393 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 34,792.67 จุด ลดลง 323.73 จุด, -0.92%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,402.66 จุด ลดลง 20.49 จุด, -0.46%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,780.53 จุด เพิ่มขึ้น 19.24 จุด, +0.13%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,123.86 จุด เพิ่มขึ้น 18.14 จุด, +0.26%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,746.23 จุด เพิ่มขึ้น 22.42 จุด, +0.33%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,692.13 จุด เพิ่มขึ้น 137.05 จุด, +0.88%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 54,369.77 จุด เพิ่มขึ้น 546.41 จุด, +1.02%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,159.04 จุด เพิ่มขึ้น 28.46 จุด, +0.46%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,491.33 จุด ลดลง 8.93 จุด, -0.60%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,585.21 จุด เพิ่มขึ้น 25.15 จุด, +0.38%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,182.90 จุด เพิ่มขึ้น 33.65 จุด, +1.07%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,426.55 จุด เพิ่มขึ้น 231.73 จุด, +0.88%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,477.22 จุด เพิ่มขึ้น 29.23 จุด, +0.85%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,623.89 จุด เพิ่มขึ้น 70.13 จุด, +0.40%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,280.38 จุด เพิ่มขึ้น 43.24 จุด, +1.34%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,584.08 จุด ลดลง 57.75 จุด, -0.21%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,503.20 จุด เพิ่มขึ้น 28.70 จุด, +0.38%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,778.70 จุด เพิ่มขึ้น 28.20 จุด, +0.36%
#2758


ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาทีมชาติไทย กล่าวพอใจหลังทัพไทยเก็บเหรียญโอลิมปิกเพิ่มเติมได้แล้ว พร้อมลุ้นหยิบเพิ่มเติมอีกจากกีฬากอล์ฟ เป็นการส่งท้ายก่อนปิดฉากศึกโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เหลือเวลาอีก 4 วันก่อนที่ "โตเกียว 2020" จะรูดม่าน ทัพนักกีฬาไทย ได้มาแล้ว 2 เหรียญจาก พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองเทควันโด้หญิง กับ สุดาพร สีสอนดี ที่ตุนเหรียญทองแดงในศึกมวยสากลสมัครเล่น รุ่น 60 กก. คล้องคอไว้ก่อน

นอกจากนี้ ทัพไทยยังเหลือความหวังเพิ่มเติมคือ กอล์ฟหญิง ที่มีสองผู้เล่นดีกรีแชมป์เมเจอร์อย่าง เอรียา จุฑานุกาล กับ ปภังกร ธวัชธนกิจ ลงแข่งขันในวันที่ 4 สิงหาคม เป็นต้นมา ซึ่งนาย ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าทัพไทย แอบลุ้นขอมีเหรียญเพิ่มอีกก่อนกลับบ้าน

"บิ๊กต้อม" เผยเรื่องนี้ว่า "ตอนนี้เราค่อนข้างพอใจกับ 2 เหรียญที่อยู่ในมือทั้งเหรียญทองของ พาณิภัค จากเทควันโด้ และเหรียญทองแดงขั้นต่ำจาก สุดาพร ในมวยสากลสมัครเล่น ส่วนกอล์ฟหญิงเดี๋ยวมาลุ้นกัยว่าเราจะมีเพิ่มอีกหรือไม่"

"สำหรับเรา จำนวนเหรียญที่มีตอนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว เพราะปีนี้เราไม่มีทีมยกน้ำหนักที่เก็บเหรียญรางวัลให้เรามาตลอดตั้งแต่ เกษราภรณ์ สุตา ทำไว้ในศึกโอลิมปิก 2000"

"มองไปที่เพื่อนบ้าน อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ พวกเขาก็ได้เหรียญโอลิมปิกกันหมด ส่วนเราก็ต้องกลับไปพัฒนากีฬาของเรากันต่อ เพื่อจะได้กลับมาลุ้นเหรียญให้มากกว่าเดิมในอีก 3 ปีข้างหน้าที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส มองกลับมาที่เรา มีนักกีฬาถึง 30 คนที่มาแข่งโอลิมปิกครั้งแรก ผิดกับอดีตที่นักกีฬาส่วนใหญ่จะผ่านโอลิมปิกมา 2-3 ครั้งแล้ว ซึ่งพวกเขาก็ทำได้ดีแล้ว เป็นสัญญาณที่ดีในการเปลี่ยนผ่านสู่โอลิมปิกครั้งต่อไป"
 
#2759


นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการศึกษาแนวโน้มตลาดของสินค้าต่าง ๆ ตามนโยบายที่ได้รับจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้นำมาแจ้งทิศทางและช่วยแนะนำให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทยได้มีการปรับตัว และเพิ่มโอกาสในการทำตลาด โดยได้ทำการศึกษาแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งพบว่าแนวคิดแฟชั่นหมุนเวียน (Circular Fashion) กำลังเป็นที่นิยมที่นำมาใช้ในการวางแผนและออกแบบการผลิตเพื่อลดการเกิดของเสียและมลพิษ การผลิตเสื้อผ้าจากวัสดุที่ปลอดภัยและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การเพิ่มระยะเวลาใช้งานเสื้อผ้า รวมทั้งการนำเสื้อผ้าเก่ามาผลิตเป็นเสื้อผ้าใหม่ เกิดการหมุนเวียนเป็นวงจรต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรได้อย่างสูงสุด

ทั้งนี้ นอกจากผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมแฟชั่นแล้ว สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เพราะการที่ร้านค้าต้องปิดตัวลง ผู้คนต้องทำงานที่บ้าน และลดการใช้ชีวิตทางสังคม ทำให้ยอดการจำหน่ายเสื้อผ้าลดลง ซึ่งผลการสำรวจข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคทั่วโลกในปี 2563 ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีรายได้ลดลง และอุตสาหกรรมแฟชั่นถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากผู้บริโภคกว่า 51% จะลดการใช้จ่ายในการซื้อเสื้อผ้ารองเท้าลงและมีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญต่อความคุ้มค่าในการใช้จ่ายมากขึ้น และต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ใช้งานได้ยาวนานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากนี้ ได้มีผลการสำรวจว่า ผู้บริโภคกลุ่ม Millennial คือผู้ที่อายุระหว่าง 24-37 ปี  และ Gen Z คือ ผู้ที่อายุระหว่าง 13-23 ปี  ใส่ใจเป็นพิเศษต่อสินค้ารักษ์โลก และกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอุตสาหกรรมที่มีต่อสิงแวดล้อม รวมทั้งมีความตระหนักถึงการลดการใช้พลาสติกและคาดหวังให้แบรนด์สินค้าต่าง ๆ สนับสนุนแนวคิดเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้เห็นว่าแฟชั่นหมุนเวียน เป็นแนวคิดที่จะช่วยสร้างช่องทางการตลาดใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในสถานการณ์ปัจจุบันไปพร้อม ๆ กับช่วยลดขยะและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะเห็นได้จากในวงการแฟชั่นเริ่มเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจบ้างแล้ว เช่น ธุรกิจให้เช่าเสื้อผ้า ธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสอง รวมไปถึงการผลิตเสื้อผ้าจากวัสดุรีไซเคิล หรือวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ก็ควรที่จะศึกษาและวางแผนการทำตลาดภายใต้แนวคิดนี้เพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ตาม สนค.เห็นว่า ในส่วนของผู้บริโภค หากตระหนักถึงการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาจทำได้โดยเลือกสินค้าที่มีคุณภาพหรือเลือกใช้เสื้อผ้าจากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนทิ้งเสื้อผ้า พยายามซ่อมแซมเสื้อผ้าเพื่อใช้งานให้นานขึ้น บริจาคเสื้อผ้า และแยกขยะเสื้อผ้า สิ่งทอ เมื่อต้องการทิ้ง เพราะเสื้อผ้าสิ่งทอเหล่านี้ สามารถนำไปรีไซเคิลให้กลายเป็นเสื้อผ้าใหม่หรือสินค้าประเภทอื่นได้

ปัจจุบันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมตามการเติบโตของธุรกิจแฟชั่น โดยเฉพาะกระแส Fast Fashion ซึ่งเป็นเทรนด์เสื้อผ้าที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและผู้ประกอบการต้องผลิตสินค้าออกมาให้ทันความต้องการ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความทันสมัยและซื้อบ่อยขึ้น อาจกลับทำให้สินค้าคุณภาพด้อยลง ใช้งานได้ไม่นาน และใช้ซ้ำได้น้อยครั้ง เสื้อผ้าปริมาณมหาศาลจึงต้องกลายเป็นขยะในที่สุด โดยแต่ละปีจะพบว่ามีเสื้อผ้าและสิ่งทอกว่า 85% ถูกทิ้ง และมีเพียง 15%  ที่ได้รับการรีไซเคิลหรือนำไปบริจาค
#2760


ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย(เอดีบี) ,บริษัทการเงินชั้นนำของโลกอย่างพรูเดนเชียล, ซิติ,เอชเอสบีซี และแบล็กร็อค เรียล แอสเสตต์ ร่างแผนการต่างๆเพื่อปิดโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากถ่านหินในหลายประเทศของเอเชียเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ขณะที่หลายประเทศในอาเซียนที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลขณะนี้ก็เริ่มใช้น้ำมันน้อยลงและหันมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น

เว็บไซต์อัลจาซีราห์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงใน 5 คนที่รู้เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ดี ระบุว่า บริษัทการเงินชั้นนำของโลกวางแผนการต่างๆเพื่อเร่งกระบวนการปิดโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากถ่านหินทั่วภูมิภาคเอเชียเพื่อลดแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ใหญ่ที่สุด

แผนการของกลุ่มบริษัทให้บริการทางการเงินที่ได้รับการสนับสนุนและขับเคลื่อนโดยเอดีบี เสนอรูปแบบการทำงานที่มีศักยภาพและการหารือแต่เนิ่นๆกับรัฐบาลของทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนธนาคารของประเทศต่างๆที่ต่างก็ให้การสนับสนุนแผนการนี้ กลุ่มฯมีแผนที่จะสร้างหุ้นส่วนที่เป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อซื้อโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าใช้พลังงานจากฟอสซิลภายใน15ปี ซึ่งเร็วกว่าอายุขัยโดยเฉลี่ยของโรงงานเหล่านี้ ทำให้พนักงานมีเวลาที่จะเกษียณหรือหางานใหม่ทำและเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆปรับเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และตั้งเป้าที่จะมีโมเดลที่พร้อมสำหรับการประชุมสภาพอากาศ COP 26 ที่จัดขึ้นในเมืองกลาสโกว์ประเทศสก็อตแลนด์ในเดือนพ.ย.นี้

"ภาคเอกชนมีแนวคิดที่ดีเยี่ยมหลายแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนและเราจะทำหน้าที่ประสานงานเพื่ออุดช่องว่างระหว่างภาคเอกชนและตัวแทนของภาครัฐ"อาห์เหม็ด เอ็ม ซาอิด รองประธานเอดีบี กล่าว

ข้อริเริ่มในเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่บรรดาธนาคารเพื่อการพัฒนาแลพธนาคารพาณิชย์กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากบรรดาผู้ถือหุ้นรายใหญ่ให้ถอนตัวจากการสนับสนุนทางการเงินแก่บรรดาโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานรูปแบบเก่าเพื่อให้การผลักดันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ดำเนินไปตามเป้าที่หลายประเทศวางไว้


ซาอิด กล่าวด้วยว่า การซื้อโรงไฟฟ้าแห่งแรกภายใต้โครงการนี้น่าจะเริ่มได้เร็วที่สุดปีหน้่า โดยโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากฟอสซิลมีสัดส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณหนึ่งในห้าของปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งโลก ถือเป็นตัวการสร้างมลภาวะรายใหญ่สุด

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ)คาดการณ์ว่า ความต้องการถ่านหินทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 4.5% ในปี 2564 โดยภูมิภาคเอเชียมีสัดส่วนการใช้พลังงานชนิดนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 80%

ขณะที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(ไอพีซีซี)เรียกร้องให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้พลังงานถ่านหินลดการใช้ถ่านหินลงจาก 38% เหลือ 9%ของการผลิตพลังงานทั่วโลก ภายในปี 2573 และเหลือ 0.6% ภายในปี 2593

ด้านชาติสมาชิกอาเซียนที่พึ่งพาเชื้อเพลิงจากฟอสซิล เริ่มลดการใช้น้ำมัน พลังงานจากถ่านหิน หรือแหล่งพลังงานที่สร้างมลภาวะแก่บรรยากาศ ด้วยความหวังว่าจะช่วยลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและเพื่อผลักดันให้ประเทศมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในปริมาณน้อยที่สุด โดยรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าของรัฐบาลอินโดนีเซีย ให้คำมั่นว่าจะเลิกใช้พลังงานจากถ่านหินภายใน 40ปี

ปรูซาฮาน ลิสตริก เนการา ของอินโดนีเซีย ให้สัญญาว่าจะเลิกสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้ที่ใช้ถ่านหินเพิ่มและมีแผนที่จะเปลี่ยนโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่ใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ในช่วงปี 2568 และ2603 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องท้าทายอย่างมากเนื่องจากเชื้อเพลิงจากฟอสซิลยังคงมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคนี้ในยุคที่ทุกครัวเรือและทุกภาคอุตสาหกรรมต่างก็ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น

กระทรวงพลังงานและทรัพยากรเหมืองของอินโดนีเซีย ระบุว่า ประเทศผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินในสัดส่วนสูงถึง 48% เพราะฉะนั้น อุตสาหกรรมถ่านหินยังคงเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย และถ่านหินอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญทำให้อินโดนีเซียไม่สามารถให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้เป็นศูนย์เปอร์เซนต์ได้เหมือนประเทศอื่นๆ

สำหรับในประเทศไทย รัฐบาลตั้งเป้าว่าภายในปี 2573 จะผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ของปริมาณการผลิตรถยนต์ 2.5 ล้านคัน และปี 2583 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะมากกว่ารถยนต์แบบเดิม เช่นเดียวกับสถานีบริการน้ำมันจะหันไปสู่ธุรกิจให้บริการแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแทน

ขณะที่ค่ายรถยนต์ทุกแห่งต่างหันเข้าสู่สนามการผลิตใหม่กันถ้วนหน้า เห็นได้จากการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) โดยค่ายรถยนต์ทั้ง นิสสัน โตโยต้า มาสด้า ฮอนด้า มิตซูบิชิ ออดี้ เอ็มจี เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ที่เห็นแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ชนิดนี้

ส่วนในเวียดนาม กระทรวงอุตสาหกรรม กำลังพิจารณาให้แรงจูงใจด้านภาษีสำหรับผู้ต้องการซื้อรถไฟฟ้า และกลุ่มบริษัทชั้นนำของเวียดนามอย่าง วินกรุ๊ป กำลังเดินสายการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคัน พร้อมทั้งวางแผนจำหน่ายในเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้

ขณะที่การสนับสนุนจากนานาชาติก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านนี้ดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนมิ.ย. ญี่ปุ่นจัดสรรเงิน 10,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่อาเซียนเพื่อเป็นทุนใช้ในโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์