• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#2881


ดร.ขนิษฐา บูรณพันศักดิ์ หัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า จังหวัดปทุมธานี โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม ดำเนินโครงการ "การพัฒนาสมรรถนะนักสังคมสงเคราะห์และรูปแบบการดูแลทางสังคม" ดูแลและติดตามคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว แต่ต้องกักตัวอยู่บ้านอีก 14 วัน รวมถึงผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงแยกกักตัวดูแลตนเองที่บ้าน หรือ HOME ISOLATION



ซึ่งจากการลงพื้นที่ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ ลดความกังวลใจ พบว่า ผู้ป่วยจำนวนมากประสบปัญหาไม่มีรถรับ-ส่งในการเดินทางมาโรงพยาบาล จึงต่อยอดขยายผลจัดทำโครงการ 'อาสาTAXI ปทุมฯ ห่วงใยช่วยภัยโควิด' โดยชักชวนอดีตผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาชีพขับแท็กซี่ เคยรักษาในโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ฯ รวมกลุ่มแท็กซี่ ขับรถรับ-ส่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยในการมารับการรักษาที่โรงพยาบาล ขณะนี้มีแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 6 คัน


"จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พบว่าผู้ป่วยจำนวนมากประสบปัญหาไม่มีรถส่วนตัว ในการเดินทางมาตรวจเอกซเรย์ปอด หรือรักษาที่โรงพยาบาล กลุ่มจิตอาสา และเครือข่ายผู้ขับรถแท็กซี่ จึงอาสาเข้ามาช่วย โดยร่วมกันปรับปรุงรถแท็กซี่ให้ใช้งานรับส่งผู้ป่วยไป-กลับบ้าน และโรงพยาบาล ทำฉากกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร และคนขับแท็กซี่ทุกคนจะใส่ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ตลอดการขับขี่ เช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนค่าบริการจะคิดตามราคามิเตอร์ ในกรณีผู้ป่วยยากไร้ โรงพยาบาลจะพิจารณาช่วยเหลือค่าโดยสารเป็นรายๆ ไป" ดร.ขนิษฐา กล่าว


นายพจนารถ แย้มยิ้ม จิตอาสา TAXI ปทุมฯ ห่วงใยช่วยภัยโควิด กล่าวว่า ได้มาเป็นแท็กซี่จิตอาสารับ-ส่งผู้ป่วย เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 ในการระบาดระลอกแรก ช่วงเดือนมีนาคม 2563 และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ฯ ได้พบกับกลุ่มนักสังคมสงเคราะห์ที่เข้ามาให้กำลังใจ พอหายดีกลับมาขับแท็กซี่พบว่า จำนวนผู้โดยสารลดลงส่งผลให้รายได้ไม่เพียงพอ

กลุ่มนักสังคมสงเคราะห์จึงชักชวนให้มาขับรถแท็กซี่เพื่อรับ-ส่ง ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ฯ พบว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่สามารถเดินทางมาเข้ารับการรักษาได้ จึงได้ชักชวนเพื่อนแท็กซี่มาเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากจะมีรายได้เพิ่มแล้ว ยังได้ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ด้วย

"รู้สึกตื้นตันใจทีได้ช่วย ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีรถมาโรงพยาบาล และสามารถช่วยแบ่งเบาภาระรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุข รถกู้ภัย ในการช่วยเหลือผู้ป่วย และยังลดการติดเชื้อจากการสัญจรของผู้ติดเชื้อได้ ซึ่งผู้โดยสารหลายคนดีใจมากที่มีรถมารับ บางครั้งหากผู้โดยสารไม่มีทุนทรัพย์ก็ไม่คิดเงินถือว่าได้ช่วยเหลือกัน"

"นอกจากงานแท็กซี่จิตอาสาแล้ว ยังร่วมกับทีมนักสังคมสงเคราะห์ ในการให้คำปรึกษา แนะนำดูแลเฝ้าระวัง และการป้องกันตนเองจากโควิด-19 ให้กับชุมชน พร้อมมอบของอุปกรณ์ยังชีพต่างๆ เพื่อให้กำลังใจด้วย" นายพจนารถ กล่าว

ทั้งนี้ หากท่านใดต้องการใช้บริการ 'อาสา TAXI ปทุมฯ ห่วงใยช่วยภัยโควิด' สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 061-868-5246 แจ้งล่วงหน้า 1 วัน รับ-ส่งในพื้นที่ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล
#2882


รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ก.ล.ต.ได้รับรายงานการได้มา หุ้นของ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG โดย นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564

จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 2.2821% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 6.1024% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาของกลุ่มคิดเป็น 2.2821% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาของกลุ่มคิดเป็น 6.1024% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ


ทั้งนี้ เป็นการทำธุรกรรมผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ก่อนจะยื่นแบบรายงานต่อ ก.ล.ต.วันที่ 17 ส.ค. โดยจำนวนหุ้นที่ได้มาอยู่ที่ 65,400,000 หุ้น คิดเป็น 2.2821% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ที่ราคาเฉลี่ย 9.95 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 650.73 ล้านบาท

ภายหลังการได้มาจะส่งผลให้ นายชูชาติ ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ของ XPG จากข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 ก.ค.2564 รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรก ได้แก่

1. บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 403,379,000 หุ้น หรือ 14.08%

2. นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา 363,041,000 หุ้น หรือ 12.67%

3. ELEVATED RETURNS LLC 346,000,000 หุ้น หรือ 12.07%

4. บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) 268,918,000 หุ้น หรือ 9.38%

5. UBS AG SINGAPORE BRANCH 83,425,856 หุ้น หรือ 2.91%
#2883


วันนี้ (19 สิงหาคม 2564) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ เพื่อประกอบการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ผ่านระบบการประชุมทางไกล ระหว่าง กระทรวงการคลังโดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) กิจการร่วมค้าของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR)

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานในพิธีฯกล่าวแสดงความยินดีต่อคู่สัญญาที่มาร่วมลงนามสัญญาในวันนี้ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญของมนุษยชาติจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและวิถีการดำรงชีวิตและการทำงาน รัฐบาลจำเป็นต้องรักษาสมดุลของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับระบบบริหารจัดการทางด้านสาธารณสุข และการผลักดันให้ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ยังคงดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกนั้น เป็นโครงการร่วมลงทุนที่สำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ EEC เพื่อรองรับการขนส่งทางอากาศทั้งการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานภายในสนามบินก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินงานของสนามบิน จำเป็นต้องมีการคัดเลือกเอกชนให้เข้ามาเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งรวมถึงระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และในวันนี้ สกพอ. ได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานจนประสบความสำเร็จ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง และถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนา EEC เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการค้าและการลงทุนให้แก่นักลงทุน และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC มากขึ้น อันจะนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดย สกพอ. ร่วมกับกองทัพเรือ ได้คัดเลือกเอกชนเพื่อเข้าร่วมพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ซึ่งในส่วนของงานบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบการด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง

โดยได้คัดเลือก "กิจการร่วมค้าบาฟส์และโออาร์" เป็นผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบการระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มีความเชี่ยวชาญ และมีมาตรฐานการดำเนินงานในระดับสากล นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งในด้านการได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่จากภาคเอกชน อีกทั้ง เป็นการลดภาระในด้านงบประมาณและบุคลากรในส่วนของภาครัฐ และเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีโอกาสในการดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น ทำให้ภาคประชาชนได้รับประโยชน์และความสะดวกสบายจากการบริการสาธารณะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น


นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือบาฟส์ (BAFS) เปิดเผยว่า BAFS เป็นผู้นำในด้านการให้บริการระบบเติมน้ำมันอากาศยานแบบครบวงจรของประเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทน้ำมันและสายการบินจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมการบินของประเทศ การจัดตั้งบริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จำกัด หรือ GAA ร่วมกับ OR ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และเป็นก้าวสำคัญในการรองรับการเติบโตของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ ECC และประเทศไทยต่อไปในอนาคต


นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า OR ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Flagship ของกลุ่ม ปตท. และเป็นผู้นำด้านพลังงาน OR ให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมการบิน การร่วมมือกับ BAFS ในการจัดตั้งกิจการร่วมค้า คือ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จำกัด หรือ GAA ถือเป็นการเสริมศักยภาพในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานภายในสนามบินอู่ตะเภา สอดคล้องกับเป้าหมายในการยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานานชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) กล่าวว่า GAA พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคม ด้วยความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจด้านการบริหารจัดการและการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานและธุรกิจด้านพลังงาน มามากกว่า 30 ปี โดย BAFS และ OR จะสนับสนุนให้ GAA มีศักยภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การบริหารจัดการและการให้บริการณสนามบินอู่ตะเภามีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการค้าน้ำมันเสรีแบบ Open Access ดูแลระบบท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอด และในทุกกระบวนการตามขั้นตอนและมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

GAA จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ด้วยมีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท โดย BAFS ถือหุ้น 55% และ OR ถือหุ้น 45% สำหรับโครงการเช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรกประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่ง GAA จะจัดเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ส่งเสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภาที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรองรับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของสนามบินอู่ตะเภา ในปี 2568 และการเติบโตของ EEC ตามนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
#2884


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน6 เดือนแรกปี 2564  มีกำไรสุทธิ183.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191.74%  และมีรายได้ 826.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

สาเหตุหลักมาจากในปีนี้บริษัทจัดตั้งกองทุนรวมใหม่จำนวน 10 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(AUM) 8,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น314.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 998.4%

โดยมีกองทุนที่โดดเด่น ที่เป็นกองทุนยอดนิยม คือ MRENEW กองทุนพลังงานทดแทนกองแรกในไทย, M-EM กองทุนตลาดเกิดใหม่, MFTECH กองทุนฟินเทค, MEURO กองทุนหุ้นยุโรป, MCHINA กองทุนหุ้นจีน A-shares, MGF กองทุนหุ้นเติบโตคุณภาพดีทั่วโลก และ MMPLUS กองทุนตราสารหนี้ เป็นต้น

และปัจจัยจากการปรับขยายช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 31.55 % และมีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมเท่ากับ 22.21 %


พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้รับงานบริหารการลงทุน 2 แห่ง โดยเป็น "ผู้จัดการกองทรัสต์โรงพยาบาลรายแรกในไทย" และ "ทรัสตีรายแรกของกองโทเคน" ดังนั้นบริษัทตั้งเป้าขยายทีมงานและพัฒนาทักษะการดำเนินงานของทุกภาคฝ่าย ให้มีความพร้อมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรับการเข้าบริหารงานกองทุนในโครงการใหม่ๆที่กำลังจะมีเข้ามาในอนาคต

นายธนโชติ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเข้ารับหน้าที่เป็น "ผู้จัดการกองทรัสต์" โดยยื่นไฟล์ลิ่งขอจัดตั้งและเสนอขายกองทรัสต์โรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทยคือ "ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก" หรือ "Bangpakok Hospital Group Leasehold Real Estate Investment Trust" (ชื่อย่อหลักทรัพย์ BHGRT) คาดว่ามีมูลค่าเข้าลงทุนครั้งแรกไม่เกิน 5,200 ล้านบาท

โดยจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการโรงพยาบาลบางปะกอก1 (BPK 1) และโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (BPK 9) รวมถึงระบบสาธารณูปโภค งานระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการใน

สำหรับโครงการดังกล่าว มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การเข้าเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ BHGRT นั้นจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของประเภททรัพย์สินที่ MFC บริหารจัดการ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้จัดการกองท

อีกทั้งบริษัทยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทรัสตี ในโครงการ "โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ" หรือ "SiriHub Investment Token"มีหน้าที่จัดการกองทรัสต์ และติดตาม ดูแลการบริหารจัดการทรัพย์สินของผู้ออกโทเคนดิจิทัล ซึ่ง MFC เป็นทรัสตีรายแรกของไทย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ประกอบธุรกิจการเป็นทรัสตีของทรัสต์สำหรับธุรกรรมการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 24มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

ด้าน "สิริฮับ" เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่อ้างอิงกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate-backed ICO) รายแรกในไทย ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่  29กรกฎาคม 2564 มีมูลค่าการเสนอขาย 2,400 ล้านบาท

จุดประสงค์เพื่อกระจายโอกาสให้นักลงทุนทุกกลุ่มสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงได้ โดยมีกลไกการคุ้มครองนักลงทุนในทุกขั้นตอน ปลอดภัยสูงบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เนื่องจากในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับครั้งนี้ ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีระบบบล็อกเชน (Blockchain) ของเทโซส (Tezos) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ทันสมัยที่สุดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการระดมทุนในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงโดยเฉพาะ ยังเป็นการขยายช่องทางและโอกาสการเป็นทรัสตีในอนาคตอีกด้วย  
#2885


นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กรุงศรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสการลงทุน ESG ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)กำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก โดยกระแสดังกล่าวจุดติดหลังเกิดกการแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อปีก่อนนักลงทุนพยายามกระจายการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีและลดความผันผวนของตลาด

ขณะเดียวกันธีมลงทุน ESG ยังมีโมเมนตัมที่ดี สำหรับการลงทุน เพื่อหวังผลตอบแทนในระยะกลางถึงยาว แต่ในระยะสั้นก็สามารถสร้างความโดดเด่นได้ โดยในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้หุ้นกลุ่มESGได้พักฐานไปแล้วจากการสลับเปลี่ยนกลุ่มลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและในช่วง 2 เดือนมานี้นักลงทุนเริ่มกลับมาลงทุนในธีม ESG อีกครั้ง ซึ่งราคาหุ้นยังไม่ปรับตัวสูงจนแพงเกินไปจึงเป็นโอกาสที่เข้ามาลงทุนได้

ล่าสุด บลจ.กรุงศริ เปิดตัวกองทุน ESG ใหม่ "กองทุนเปิดกรุงศรี Equity Sustainable Global Growth" ( KFESG) มูลค่ากองทุน 10,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาทเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO)ระหว่างวันที่ 16-24 ส.ค.นี้ และสำหรับนักลงทุนรายย่อย เมื่อลงทุนทุกๆ 100,000 บาทในช่วงเสนอขาย IPO รับเพิ่มหน่วยลงทุนKFESG-A มูลค่า 100บาท


นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า สำหรับกองทุน KFESG เน้น 3 ธีมการลงทุนหลักที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)ได้แก่ สภาวะอากาศ (Climate) สุขภาพ (Health) และการเสริมสร้างบทบาทและความเท่าเทียมในสังคม (Empowerment)ที่จะสร้างโอกาสเติบโตอย่างแตกต่างในระยะยาวผ่านกองทุนหลัก AB Sustainable Global Thematic Portfolio

 โดยกองทุนหลัก ABSustainable Global Thematic Portfolio สร้างธีมการลงทุนดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับ 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ทำให้มีโอกาสเติบโตที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว ด้วยการสนับสนุนจากนานาประเทศทั่วโลก พร้อมเม็ดเงินลงทุนมหาศาล โดยตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่90ล้านล้านดอลลาร์

กทั้งพอร์ตการลงทุนที่ผู้จัดการกองทุนเชื่อมั่น สร้างขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก บนมุมมองการเติบโตในระยะยาวและสร้างผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัดณ 30 มิ.ย. 2564ผลการดำเนินงานกองทุนหลัก AB ย้อนหลังเฉลี่ย1ปีอยู่ที่42.11% ขณะที่ดัชนีชี้วัดMSCIอยู่ที่39.26% ผลการดำเนินงานย้อนหลังเฉลี่ย3ปีอยู่ที่20.26%ดัชนีชี้วัดอยู่ที่14.57% ผลการดำเนินงานย้อนหลังเฉลี่ย5ปีอยู่ที่18.97%ดัชนีชี้วัดอยู่ที่14.61%

"ภาวะการลงทุนหุ้นในปีนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกและไทยยังมีความผันผวนสูง อีกทั้งมีการสลับสับเปลี่ยนกลุ่มหุ้นและภูมิภาคอยู่บ่อยครั้งแนะนำว่า การลงทุนธีมหุ้นที่ชัดเจน โดยเฉพาะธีมหุ้นยัั่งยืนทั่วโลก ในธุรกิจที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งเติบโตสูง พอร์ตลงทุนมีการกระจายตัวสูง โดยสามารถแบ่งเงินที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ มาลงทุนในกองทุนKFESG ระยะ 3ปีขึ้นไป ช่วยให้การลงทุนประสบความสำเร็จในภาวะเช่นนี้ได้สูง"  
#2886
111-Lotto 111  ตัวแทนจำหน่าย ล็อตเตอรี่ออนไลน์ รายใหญ่ของ มังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อล็อตเตอรี่แบบใหม่  ยุค new normal




ไม่ต้องไปหน้าแผง ไม่ต้องเสียเวลาก้มหาเลข ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะมีเลขที่อยากได้มั้ย แค่แอดไลน์ หาเรา บอกเลขที่ต้องการ เลขเด็ด เลขดัง แจ้งโอนเงิน จะได้รับ SMS ยืนยัน




ถ้าถูกรางวัลสามารถขึ้นเงินได้จริง ได้รับเงินจริงไม่เกิน 24 ชม โดยปกติใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงหลังผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออกเท่านั้น 

ขั้นตอนการซื้อ ล็อตเตอรี่ออนไลน์ กับเรานั้น ง่ายๆ มาก มี 2 แบบให้เลือกแล้วแต่สะดวก

1. แอดไลน์ @111-lotto หรือคลิกทีนี่ เพื่อ คุยกับแอดมินโดยตรงและทำการสั่งซื้อและโอนเงินผ่านไลน์ มีเจ้าหน้าที่แนะนำทุกขั้นตอน 

111-lotto รีบแอดไลน์เพื่อเลือกเลขรางวัลก่อนใคร

Add Line : @111-lotto





2. สั่งซื้อผ่านระบบ 111-lotto ล็อตเตอรี่ของของมังกรฟ้าล็อตเตอรี่ออนไลน์ ด้วยตัวเอง จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาไหนก็ได้ Add Line : @111-lotto


 


 
#2887


ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า อินโดนีเซีย ร่วมให้บริการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย ตอกย้ำยุทธศาสตร์ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในการก้าวเป็น 'a Digital-led with ASEAN Reach'

ภายใต้ความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารกลางอินโดนีเซีย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เป็น 1 ใน 3 ธนาคารที่ได้รับความไว้วางใจในระดับภูมิภาคอาเซียนให้เป็นผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการชำระดุล (Settlement Bank) ของประเทศไทย ในการชำระเงินผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยและอินโดนีเซีย โดยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จะเริ่มให้บริการเดือนกันยายน 2564  

คนไทยที่เดินทางไปอินโดนีเซีย สามารถใช้ CIMB THAI Digital Banking แอปพลิเคชันหลักของธนาคารบนมือถือ จ่ายเงินผ่าน QR Code ที่อินโดนีเซีย โดยสแกน QRIS (Quick Response Code Indonesian Standard) ซึ่งเป็น QR มาตรฐานของประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่คนอินโดนีเซียที่เดินทางมาไทยสามารถใช้ OCTO Mobile แอปของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า ชำระสินค้าที่ไทย โดยสแกน Thai QR Code  เพิ่มความสะดวกสบายให้ทั้งนักท่องเที่ยวและร้านค้า เพราะปัจจุบัน การชำระเงินผ่าน QR Code เป็นวิธีการชำระและรับเงินได้ทันที มีประสิทธิภาพ ช่วยลูกค้าปลอดภัยเพราะไม่ต้องพกเงินสด และประหยัดค่าธรรมเนียมต่างๆ อาทิ ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ

นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า "การชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย เป็นการเปิดช่องทางใหม่ในอาเซียน ประเทศที่ 2 แล้วของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ที่เข้าไปมีส่วนร่วม และเป็นอีกก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงการชำระเงินในอาเซียนให้กว้างยิ่งขึ้น เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นคนอาเซียนเชื่อมโยงกันใกล้ชิด ผ่านการชำระเงินของผู้บริโภครายย่อยและร้านค้าแบบเรียลไทม์ เราหวังให้ภูมิภาคของเราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้โดยเร็ว และอาเซียนกลับมาเปิดประเทศกันได้อีกครั้ง" นายพอล วอง กล่าว

Mr. Tigor M. Siahaan, President Director & Chief Executive Officer, PT Bank CIMB Niaga Tbk เปิดเผยว่า "การขยายตัวของการชำระเงินด้วย QR Code ในอาเซียนสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการบูรณาการทางการเงินระดับภูมิภาคผ่านนวัตกรรมดิจิทัลที่มองไปข้างหน้า และเป็นความภาคภูมิใจที่ ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า ซีไอเอ็มบี ไทย และสมาชิกอื่นๆ ของกลุ่มซีไอเอ็มบีได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน"

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้รับเลือกให้เป็นผู้ให้บริการ QR payment ระหว่างประเทศไทย และมาเลเซีย จากความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางมาเลเซีย และธนาคารแห่งประเทศไทย
อนึ่ง กลุ่มซีไอเอ็มบี มีเครือข่ายครบทั้ง 10 ประเทศอาเซียน ทั้งการเป็นสาขาเต็มรูปแบบ สำนักงานตัวแทน และเครือข่ายธุรกิจ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงความเป็นอาเซียน อาทิ BizChannel@CIMB Mobile app ที่ให้ลูกค้าธุรกิจสามารถบริหารจัดการทุกบัญชี CIMB ทั่วอาเซียนได้ในแอปเดียว สำหรับลูกค้ารายย่อยผู้ถือบัตรเดบิต ของกลุ่มซีไอเอ็มบี สามารถกดเงินข้ามประเทศผ่านตู้ ATM ของกลุ่มซีไอเอ็มบีโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
#2888


ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ ทาง เอสซีบี อบาคัส และแอปพลิเคชั่น "เงินทันเด้อ" มีความยินดีที่ได้ร่วมแคมเปญกับ ฟู้ดแพนด้า เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านสินเชื่อให้กับไรเดอร์ฟู้ดแฟนด้า ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้อยู่บ้านเพื่อรักษาระยะห่าง นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเราที่ต้องการมุ่งเน้นการบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนยุคใหม่ที่ต้องการเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพ โดยทาง เอสซีบี อบาคัส หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้ไรเดอร์ฟู้ดแพนด้ามีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบอาชีพเสริม และมีกำลังใจในการให้บริการอย่างดีเยี่ยมต่อไป


การร่วมมือกันระหว่าง ฟู้ดแพนด้า และ เอสซีบี อบาคัส จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ไรเดอร์ฟู้ดแพนด้าทั่วประเทศ ที่มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อ โดยสามารถขอสินเชื่อตั้งหลักผ่านทางแอปพลิเคชั่น "เงินทันเด้อ" ได้ทันที ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้ยุ่งยาก เพียงแค่มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนจากการให้บริการเดลิเวอรี่กับฟู้ดแพนด้า 2,000 บาทขึ้นไป สัญชาติไทย อายุ 20-57 ปี ก็สามารถสมัครใช้บริการได้ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น "เงินทันเด้อ" สมัครใช้บริการและยื่นขอสินเชื่อตั้งหลัก โดยรู้ผลไวภายใน 15 นาที และรับเงินภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับการอนุมัติสินเชื่อ โดยมีวงเงินสินเชื่อสูงสุดที่ 50,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 ต่อเดือน และระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 15 เดือน นับว่าเป็นบริการทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของไรเดอร์ ซึ่งเป็นบุคลากรคนสำคัญของฟู้ดแพนด้าอย่างแท้จริง

นายอเล็กซานเดอร์ เฟลเดอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการดำเนินธุรกิจของ ฟู้ดแพนด้า นอกเหนือจากร้านค้าพาร์ทเนอร์ และลูกค้าทุกท่านแล้ว ไรเดอร์ คือบุคลากรสำคัญที่คอยส่งมอบความสุข ความอร่อย และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ทางบริษัทได้ตระหนักถึงความทุ่มเทและความตั้งใจของไรเดอร์ที่คอยส่งมอบบริการจากฟู้ดแพนด้าถึงมือลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างดีเสมอมา นับตั้งแต่วันแรกที่ได้ให้บริการคนไทยจวบจนปัจจุบัน เรารับฟังทุกความต้องการของไรเดอร์มาโดยตลอด จากผลสำรวจพบว่าไรเดอร์ต้องการการสนับสนุนด้านเงินทุน ฟู้ดแพนด้า จึงได้ร่วมมือกับบริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น "เงินทันเด้อ" บริการสินเชื่อตั้งหลักที่จะมาอำนวยความสะดวกในเรื่องเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบอาชีพเสริม รวมถึงเป็นการให้กำลังใจไรเดอร์ของเราทุกคน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากขณะนี้"

"นี่เป็นเพียงหนึ่งในแคมเปญที่ทางฟู้ดแพนด้าได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนไรเดอร์ ขอสัญญาว่าเราจะเดินหน้าต่อไปเพื่อพัฒนาการให้บริการให้ดีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และดูแลพาร์ทเนอร์ของฟู้ดแพนด้าให้ดีที่สุด ขอบคุณทุกท่านและพนักงานทุกคนที่ให้โอกาสและเชื่อมั่นในฟู้ดแพนด้า" 
#2889


นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ จัดการประชุมหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลการนำเข้าข้าวของรัฐบาลมาเลเซีย (Padiberas Nasional Berhad : BERNAS) ผ่านระบบ Video Conference  

ปี 2564 นี้ คาดว่ามาเลเซียจะนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีปริมาณ 1.08 ล้านตัน เนื่องจากมีปัญหาด้านการเพาะปลูกในประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าข้าวหลักของมาเลเซียมาโดยตลอดเนื่องจากข้าวไทยมีคุณภาพดีและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวมาเลเซีย อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา BERNAS จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากแหล่งอื่น เช่น อินเดีย ปากีสถาน และเวียดนาม เพิ่มขึ้น แม้ว่าคุณภาพข้าวจะด้อยกว่าไทยแต่เนื่องจากประเทศเหล่านี้สามารถส่งข้าวในราคาที่ถูกกว่าข้าวไทยมาก

 


อย่างไรก็ดี BERNAS เห็นว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อุปสงค์ของข้าวไทยจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาข้าวไทยลดลงมาอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อได้ ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยด้านราคาที่ปรับตัวลดลงทำให้ข้าวไทยแข่งขันได้มากขึ้นแล้ว ผู้บริโภคในมาเลเซียยังเชื่อมั่นในคุณภาพและนิยมข้าวไทยมากกว่าข้าวจากแหล่งอื่น โดยจะเห็นได้จากปริมาณคำสั่งซื้อข้าวจากไทยที่เริ่มมีมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง

 

นอกจากนี้ BERNAS ยังมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในมาเลเซียว่าควรเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป เนื่องจากคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย ประชาชนจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ รวมถึงอุปสงค์จากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้อุปสงค์ข้าวไทยเพิ่มขึ้นด้วย

 
นายกีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะต่อไปกรมฯ มีแผนหารือกับบังกลาเทศ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดเป้าหมายเพิ่มขึ้นต่อไป

 

สำหรับสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยตั้งแต่ (1 ม.ค. – 29 ก.ค.) ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 2.74 ล้านตัน ลดลง 17.07%  คิดเป็นมูลค่า 1,671 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 50,925 ล้านบาท) ลดลง 24.84%  แต่คาดว่าในช่วง 6 เดือนหลังสถานการณ์การส่งออกข้าวน่าจะดีกว่า 6 เดือนแรก
#2890


นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า เปิดเผยว่า "ในฐานะ Digital Life Service Provider นอกเหนือจากจะมุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อเสริมขีดความสามารถของทุกภาคส่วน รวมถึงร่วมต้านวิกฤตโควิดแล้ว สิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง คือ การเป็นช่องทางหลักเพื่อเชื่อมต่อคอนเทนท์ยอดนิยม ทั้งในระดับโลก และ ในใจมหาชนชาวไทย เพื่อส่งมอบความสุขและกำลังใจในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องรับมือกับความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์, โตเกียว โอลิมปิก 2020 ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี รวมไปถึงคลังคอนเทนท์ความบันเทิงมหาศาลในทุกรูปแบบผ่านทาง AIS PLAY"



"จึงถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ AIS PLAY ได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุต.ไทยลีก 1-3, เอฟเอคัพ และลีกคัพ รวมถึงฟุต.ทีมชาติไทย และฟุตซอลทีมชาติไทย ซึ่งถือเป็นการแข่งขันฟุต.ลีกอาชีพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยไปสู่สายตาแฟน.ทุกคน โดยเรามุ่งมั่นที่จะทำให้ AIS PLAY เป็นช่องทางหลักเชื่อมต่อเสียงเชียร์ ความสุข ความหวัง และพลัง ระหว่างนักเตะกับแฟน.ได้อย่างไร้รอยต่อ ท่ามกลางข้อจำกัดของการเข้าชมในสนาม ระหว่างช่วงสภาวะการแพร่ระบาด รวมไปถึงเคียงข้างทุกภาคส่วนของวงการฟุต.ไทยและอุตสาหกรรมกีฬาของประเทศ ให้สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างดีที่สุด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ"

นายปรัธนา กล่าวย้ำว่า "ขอยืนยันถึงความพร้อม ทั้งด้านโครงข่ายในฐานะผู้ที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดในประเทศ และด้านการบริหารจัดการคอนเทนท์คุณภาพที่ดีที่สุด จากความทุ่มเทของทีมงานกว่า 12,000 ชีวิต เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนท์คุณภาพที่ดีที่สุดจาก "ไทยลีก" ให้แก่คนไทย จากวันนี้เป็นต้นไป"

โดยแฟน.ไทยจะสามารถรับชมการถ่ายทอดสดแบบ Full HD ที่ดีที่สุด รวมถึงเชียร์ทีมในดวงใจผ่านทาง AIS PLAY ทั้งบนมือถือผ่านแอพพลิเคชั่น, กล่อง AIS PLAYBOX, SAMSUNG Smart TV, Apple TV และเว็บไซต์ aisplay.ais.co.th โดยพร้อมจัดเต็มตอบโจทย์แฟน.ไทยในทุกการแข่งขันทั้งฟุต.ไทยลีก 1-3, เอฟเอคัพ และลีกคัพ รวมถึงฟุต.ทีมชาติไทย และฟุตซอลทีมชาติไทย ทั้งชมสด ย้อนหลัง และไฮไลท์เด็ด ที่พร้อมให้ลูกค้า AIS และแฟน.ไทยได้รับชมฟรีในฤดูกาล 2021 รวมแล้วมากกว่า 600 แมตช์ ฟรี!ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่ต้องสมัครแพ็กเกจเพิ่มเติม ทั้งนี้จะมีการประชาสัมพันธ์ตารางการแข่งขันและการถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องต่อไป
#2891


ทำเอา "ทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ" ทนายสาวสายลุยประจำตัว "แมท ภีรนีย์ คงไทย" ถึงกับออกโรงปกป้องนางเอกสาวด้วยตัวเอง จากข่าวล่าสุดที่มีภาพ แมท ร่วมโต๊ะทางข้าวกับครอบครัว "สงกรานต์ เตชะณรงค์" ที่มีชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์นางเอกสาวไว้ในเพจนึงว่า..."ผู้หญิงดีๆ และเพรียบพร้อม คงไม่เหมาะกับผู้ชายแบบนี้ คงเหมาะสมกันดีกับผู้หญิงแบบนี้"

ทนายนิด้า ก็ได้สวนกลับคอมเมนต์ดังกล่าวทันทีว่า "เวลาโดนฟ้องอย่าร้องนะจ๊ะ" ชาวเน็ตท่านอื่นเข้ามาคอมเมนต์อีกว่า "อย่าเมนต์ว่าเขานะคะ เขาฟ้องนะ" และทนายนิด้า ก็เข้ามาตอบกลับคอมเมนต์อีกว่า "ว่าใครก็ไม่ควรทั้งนั้น เราเองก็ไม่ชอบ ถูกมั้ย"

จากนั้น ทนายนิด้า ก็ได้แคปคอมเมนต์ทั้งหมดไว้แล้วเอานำมาโพสต์ประกอบข้อความเตือนสติชาวเน็ตว่า...

"เนี่ยที่มาของคำว่า #อบอุ่นในโลกออนไลน์แต่เดียวดายอยู่หน้าบัลลังก์ #ท็อปคอมเมนต์ในโลกโซเชียลแต่โดดเดี่ยวตอนจ่ายตังค์

แล้วภาพมันก็จะวนลูปเดิมๆ ไปยืนร้องไห้ที่หน้าศาลบ้าง กราบบ้าง แล้วก็อ้างบ้าบ้าง ไม่รู้กฎหมายบ้าง ทำไมป้าอ่านแต่ข่าวดารา ป้าไม่หาความรู้ใส่ตัวบ้าง ต่อให้ผิดกฎหมายหรือไม่ผิด

แต่คุณป้าเป็นห่านอะไรหรือเปล่าคะ จิตใจมันอยากแต่จะไปพูดให้คนอื่นเขาต้องรู้สึกไม่ดี เหงา ขาดความอบอุ่นก็ลองโทรหากรมสุขภาพจิตนะป้านะ #องครักษ์พิทักษ์แมท #ทนายนิด้า #ทนายหญิงสายลุย"

และ ทนายนิด้า ยังแจงต่ออีกว่า...

"ผู้หญิงดีๆ และเพียบพร้อมไม่เหมาะกับผู้ชายแบบนี้ คำว่า คงเหมาะกับผู้หญิงแบบนี้ อ่านแล้วย่อมเข้าใจได้ว่าไม่ดีและไม่เพียบพร้อม เพราะถ้าดีและเพียบพร้อมจะไม่เหมาะตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว

ทีนี้หน้าที่ของโจทก์คือพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าเสียหายอย่างไร หมิ่นมั้ย ละเมิดมั้ย ค่าเสียหายต้องได้มั้ย ได้เท่าไหร่

หน้าที่ของจำเลยคือถ้าต่อสู้ก็พิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าไม่ได้พูดถึงโจทก์ , ข้อความไม่ได้แปลอย่างที่โจทก์แปล, ถึงแปลอย่างโจทก์แปลแต่โจทก์ไม่เสียหาย

ประมาณนี้ค่ะ"
#2892


นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปีงบประมาณ 2564 ในช่วง 10 เดือนแรก (ต.ค.2563 -ก.ค.2564) ทอท.สามารถเบิกจ่ายได้ราว 5,639 ล้านบาท ถือว่าน้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้ หากเทียบกับกรอบเบิกจ่ายงบลงทุนทั้งปีงบประมาณอยู่ที่ 15,658 ล้านบาท และแผนเบิกจ่ายสะสมช่วง 10 เดือน 12,200 ล้านบาท

"ภาพรวมการเบิกจ่ายถึงวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ทอท. สามารถเบิกจ่ายได้เพียง 5,639 ล้านบาท คิดเป็น 36% ของกรอบวงเงินเบิกจ่ายทั้งปี และคิดเป็น 46% ของเป้าแผนเบิกจ่ายสะสมช่วง 10 เดือน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเป้าหมาย สาเหตุสำคัญก็เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ที่ทำให้การก่อสร้างโครงการล่าช้าออกไป"


อย่างไรก็ดี จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (แซทเทิลไลท์) ต้องล่าช้า ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์และบุคลากรจากต่างประเทศเข้ามาไทยไม่ได้ ทั้งนี้ ทอท. ยังคาดว่าในช่วง ส.ค.- ก.ย. 2564 จะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนได้อีก 3,522 ล้านบาท ส่วนทั้งปีนี้คาดว่าจะเบิกจ่ายได้เพียง 9,161 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของกรอบวงเงินเบิกจ่ายทั้งปี

นายนิตินัย กล่าวด้วยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนที่ล่าช้านี้ ทอท.ยอมรับว่าต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายของกระทรวงคมนาคมกำหนดให้เบิกจ่ายให้ได้ 100% และเป้าหมายของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ให้เบิกจ่ายให้ได้ 90% โดยขณะนี้คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ได้สั่งการให้พิจารณาเร่งรัดการดำเนินการรายการอื่นทดแทน (Front-Loaded) เพื่อชดเชยการเบิกจ่ายรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้

ทั้งนี้ การเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายในรายการอื่นทดแทน ถือเป็นรายการเบิกจ่ายที่มีความจำเป็น เพื่อรองรับการให้บริการเที่ยวบินและผู้โดยสารที่จะกลับมา หลังจากสถานการณ์การแร่พระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง นำมาชดเชยการเบิกจ่ายรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่พบว่าทำได้ยากเนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าต้นปีงบประมาณหน้า หรือต้นปีงบ 2565 เหตุการณ์การแพร่ระบาดจะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีแนวโน้มไม่คลี่คลาย ทอท.จึงยังไม่สามารถวางแผนการดำเนินการเพิ่มเติมในโครงการอื่นๆ ทดแทน
#2893
ใครที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด ตกงาน ปิดกิจการ รายได้ลดลง หนี้สินท่วมตัว เงินไม่พอใช้

อยากมาศึกษาออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กลัวเจ๊ง คอร์สนี้มีคำตอบ

ออนไลน์ ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ "ทางรอด"

คอร์สออนไลน์  6 วัน 6 วิชา        
- 6 เสาหลักสร้างเพจปัง       
- ยิงแอด facebook ให้ได้ผล        
- แต่งภาพสวยง่าย ๆ จากมือถือ         
- การตลาดบน Tik Tok ให้มีคนติดตามหลักแสน       
- เปิดร้านบนไอจี Instragram
- เคล็ดลับแม่ค้าออนไลน์ร้อยล้าน

สอนแบบจับมือทำ ตั้งแต่พื้นฐาน จนเป็นมืออาชีพ
สอนจากประสบการณ์จริง โดยอาจารย์ที่มีรายได้กว่า 100 ล้านบนโลกออนไลน์
สอนสด ผ่านแอปซูม เรียนได้จากที่บ้าน

เวลาเรียน 19.00 - 22.30

ปรกติคอร์สนี้ราคา 9,800.-
พิเศษ !!!  เฉพาะช่วงโควิด ปรับโปรช่วยชาติ เหลือเพียง 98 บาท!!!
ย้ำ !!! รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ท่าน ที่จัดสรรเวลาได้ !!!

คลิ๊กดูรายละเอียดคอร์ส
https://drive.google.com/file/d/1fZIP-BhrqgnSHAb-4HZezzgtKL9qKHFR/view?usp=drivesdk

สนใจ สามารถแอดไลน์สอบถามที่ @049dhubr หรือลิงค์ไลน์
https://lin.ee/4zIaPti

หรือโทร 098-378-1371, 098-378-1373

***เรียนไม่คุ้ม คืนเงินทันที ***

 
#2894


วันนี้ (15 ส.ค.) น.ส.ปุณยวีร์ โพธิพิพิธ นายกเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า จากสถานการณ์การของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีอยู่ในขณะนี้นั้น จากการติดตามข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ข้อมูลวันที่ 14 ส.ค.64 ที่ผ่านมา พบว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 176 ราย ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อแตกต่างจากวันที่ 12 ส.ค.เป็นอย่างมาก

เนื่องจากวันดังกล่าวนั้นพบผู้ติดเชื้อมากถึง 502 ราย ถือว่าข้อมูลนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าเป็นเพราะการลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อในเชิงลึกของบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี หากตัวเลขยังลดลงอย่างต่อเนื่องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งต้องขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งสาธารณสุขจังหวัด และบุคลากรทางการแพทย์ทุกๆ โรงพยาบาล

แต่อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขของผู้ป่วยที่กำลังรักษาอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ นั้นยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก จากตัวเลขพบว่า มีมากถึง 5,989 ราย ที่ผ่านมา จังหวัดกาญจนบุรีโดยผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีนโยบายให้อำเภอแต่ละอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละท้องที่ จัดหาสถานที่ที่เหมาะสมดำเนินการปรับปรุงให้เป็นศูนย์พักคอย เพื่อให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาพักรับการรักษาชั่วคราวระหว่างรอเตียงจากโรงพยาบาลต่างๆ

ซึ่งเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ด้วยการใช้ศาลา 60 พรรษา เทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ปรับปรุงเป็นศูนย์พักคอย สามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 50 เตียง ขณะนี้ได้ปรับปรุงพร้อมใช้แล้ว 100% โดยในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี จะเดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์พักคอยประจำเทศเมืองเมืองท่าเรือพระแท่นอย่างเป็นทางการ

น.ส.ปุณยวีร์ โพธิพิพิธ นายกเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น กล่าวว่า ในยามวิกฤตเช่นนี้กลับมีเรื่องราวในหลายเรื่องที่ทำให้ประชาชนมีความอุ่นใจ คือ การที่มีผู้คนมากมายออกมาเสียสละแสดงถึงความมีน้ำใจต้องการช่วยเหลือสังคมที่กำลังต่อสู้กับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กันเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้จากโลกออนไลน์ต่างๆ โพสต์ภาพการให้ความช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่น การร่วมแรงร่วมใจกันสมทบทุนซื้อถุงยังชีพ

รวมทั้งแจกจ่ายอาหารตามบ้านเรือนประชาชนกลุ่มที่ต้องกักตัว รวมทั้งมอบข้าวกล่องให้ประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดีกับสังคมไทยที่กำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ทำให้รู้ว่าในยามที่คนไทยได้รับความเดือดร้อน คนไทยด้วยกันเองไม่เคยทิ้งกันจริงๆ

สำหรับศูนย์พักคอยศาลา 60 พรรษาเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยมีการบริจาคทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งเงินสดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มาพักคอยรอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้บริหารบริษัทสามัคคีที่ดินและการเคหะ จำกัด ได้นำเงินสด จำนวน 100,000 บาท มามอบให้เพื่อนำเข้าสมทบกองทุนรวมน้ำใจศูนย์พักคอย เพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่เขตเทศบาลของเราอีกด้วย
#2895


นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) เมื่อ 11 ส.ค.ได้มีมติอนุมัติโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ภายใต้ชื่อนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานกับ บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด พื้นที่โครงการอยู่ในตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ประมาณ 1,181 ไร่ มูลค่าการลงทุนโครงการ 4,856 ล้านบาท คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่และระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี ทั้งนี้ เมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 33,200 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 8,300 คน

สำหรับพื้นที่โครงการอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 44 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบังประมาณ 60 กิโลเมตร และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดประมาณ 119 กิโลเมตร มุ่งเน้นรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงและสมัยใหม่ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าประจุสูง รวมถึงกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย

โครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แบ่งเป็นพื้นที่ประกอบกิจการประมาณ 70% และเป็นพื้นที่สาธารณูปโภคและพื้นที่สีเขียวรวมประมาณ 30% โดยได้นำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ การจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ การจัดสรรพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 10% และการนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาปรับปรุงคุณภาพ ก่อนนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ภายในโครงการ

"เมื่อเปิดดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ แล้วคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในประเทศอีกประมาณ 33,200 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8,300 คน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากนี้ โครงการฯ มีความเป็นไปได้ทางการตลาดสูง เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่เป้าหมายคือพื้นที่อีอีซี โดยคาดว่าจะขายพื้นที่และให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปี" ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว
#2896


วันนี้ (14 ส.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น นางสาวพัชรี ปราบชัย หรือ "ใหม่ พัชรี ไชยเลิศ" และนางสาวลักษิกา เคนหาราช ผู้จัดการส่วนตัว นำหลักฐานเป็นข้อความในเพจเฟซบุ๊ก และ ทาง เฟซบุ๊กส่วนตัวของใหม่ พัชรี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด หลังจากมีแฟนคลับที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ เต้ย ชัยวิชา เข้ามาก่อกวน ทางโทรศัพท์ และข้อความแชตเฟซบุ๊ก ในลักษณะชื่นชอบผลงานการแสดง

จากนั้นกว่า 1 เดือน แฟนคลับคนดังกล่าวได้มาก่อกวนตลอด ทั้งโทรมาที่เบอร์ส่วนตัวของผู้จัดการ และตัวศิลปิน ซึ่งเป็นเบอร์ที่ใช้ติดต่องานในลักษณะชื่นชอบเป็นพิเศษ แต่มีการแสดงความไม่พอใจในขณะที่ศิลปินจะวางสาย ซึ่งอาการช่วงที่โทรมา มีลักษณะคล้ายกับอาการเมาสุราพูดจาวกไปวนมาไม่รู้เรื่อง จึงเป็นเหตุผลต้องแจ้งความ เกรงจะได้รับอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สิน ซึ่งแฟนคลับคนดังกล่าวรู้บ้านพักของศิลปินเป็นอย่างดี


นางสาวพัชรี ปราบชัย หรือใหม่ พัชรีไชยเลิศ กล่าวว่า ที่ตนมาแจ้งความวันนี้เพื่อต้องการปกป้องตัวเองเพราะในฐานะศิลปินสร้างความสุข รอยยิ้มและความบันเทิงต่อสาธารณชน แต่ถูกคุกคามความเป็นส่วนตัวมากเกินไป ต่างจากแฟนคลับคนอื่นๆ ทั้งยังข่มขู่ในลักษณะไม่พอใจที่ศิลปินปฏิเสธที่จะรับสายหรือคุยด้วย ตนกลัวเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้นมากกว่านี้ถึงขั้นบุกรุกมายังบ้านพัก เพราะแฟนคลับคนดังกล่าวเป็นคนละแวกนี้และรู้จักบ้านศิลปินดี

สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ทำให้งานแสดงถูกยกเลิก จึงได้ไลฟ์สดเล็กๆที่บ้านพัก มอบความสุขให้แฟนคลับผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายบัตรในกลุ่มปิด มาช่วยเหลือลูกน้องที่ตกงาน วอนผู้ไม่หวังดีและก่อกวน อย่าซ้ำเติมกัน นอกจากจะต้องมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในวงแล้ว ยังต้องคอยระวังเรื่องแบบนี้อีก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หากบุคคลดังกล่าวได้ประพฤติตนเช่นเดิมอีก ก็จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทันที
#2897


สาวน้อยมหัศจรรย์ "บิลลี ไอลิช" เปิดตัวแรงสมศักดิ์ศรีซูเปอร์สตาร์แห่งยุค ส่งอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever" คว้าอันดับ 1 บนชาร์ต billboard 200 พร้อมเปิดตัวด้วยยอดขาย 238,000 อัลบั้มภายในสัปดาห์แรก มากเป็นอันดับที่ 5 ของปี 2021

"บิลลี ไอลิช" (Billie Eilish) ซูเปอร์สตาร์คนดังที่ถูกยกให้เป็นสาวน้อยมหัศจรรย์แห่งยุค กลับมาทวงคืนบัลลังก์ พาอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever"คว้าอันดับ 1 บนชาร์ต billboard 200 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

Happier Than Ever นับเป็นอัลบั้มที่ 2 ของบิลลีที่สามารถคว้าอันดับ 1 บนชาร์ต billboard 200 โดยก่อนหน้านี้อัลบั้มแรกของเธอ คือ "When We All Fall Asleep, Where Do We Go?" ก็เปิดตัวคว้าอันดับหนึ่งไปเมื่อปี 2019 พร้อมสร้างชื่อเสียงให้เธอกลายเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่แห่งยุค

Happier Than Ever อัลบั้มใหม่ของ บิลลี ไอลิช
Happier Than Ever อัลบั้มใหม่ของ บิลลี ไอลิช

อัลบั้ม "Happier Than Ever" เปิดตัวด้วยยอดขาย 238,000 อัลบั้มภายในสัปดาห์แรก มากเป็นอันดับที่ 5 ของปี 2021 โดยมีอัลบั้ม "SOUR" ของ "Olivia Rodrigo" ที่เปิดตัวเป็นอันดับ 1 ในชาร์ต ด้วยยอดขายเทียบเท่า 295,000 อัลบั้ม

ขณะที่ก่อนหน้าอัลบั้ม "Happier Than Ever" จะปล่อยออกมาให้ฟังกันแบบเต็ม ๆ บิลลี ได้ปล่อยเพลงใหม่ในอัลบั้มนี้ ออกมา 5 เพลงด้วยกัน ได้แก่ "my future", "Therefore I Am", "Your Power", "Lost Cause" และ "NDA" ที่ขึ้นไปอยู่ใน 40 อันดับแรกบนชาร์ต Billboard Hot 100 โดยเพลงแรกที่เข้าไปอยู่บน Billboard Hot 100 ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2563 คือเพลง "my future"

บิลลี ไอลิช ใน MV เพลง Happier Than Ever
บิลลี ไอลิช ใน MV เพลง Happier Than Ever

อัลบั้ม "Happier Than Ever" เป็นอัลบั้มที่ บิลลี ไอลิช ได้สื่อสารความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมาให้คนฟังได้สัมผัส อีกทั้งยังได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของเธอในหลากหลายแง่มุม ทั้งวุฒิภาวะ มุมมองการใช้ชีวิต

นอกจากนี้ บิลลี ไอลิช ยังได้โชว์ศักยภาพในผสมผสานระหว่างดนตรีคลาสสิกเก่า ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปินที่เธอชื่นชอบ เข้ากับซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธออีกด้วย

เรียกได้ว่า Happier Than Ever เป็นอัลบั้มที่มีความล้ำแรงมาแรงชนิดที่ FC ของสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

บิลลี ไอลิช ส่งอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever" คว้าอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด 
บิลลี ไอลิช ส่งอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever" คว้าอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด


รายชื่อเพลงในอัลบั้มใหม่ "Happier Than Ever" ของบิลลี ไอลิช

1. Getting Older
2. I Didn't Change My Number
3. Billie Bossa Nova
4. my future
5. Oxytocin
6. GOLDWING
7. Lost Cause
8. Halley's Comet
9. Not My Responsibility
10. OverHeated
11. Everybody Dies
12. Your Power
13. NDA
14. Therefore I Am
15. Happier Than Ever
16. Male Fantasy
#2898


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุม กกร.ได้มีการดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายยาฟ้าทะลายโจรผ่านออนไลน์ที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร และดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายชุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตัวเอง (ATK) ที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร


โดยกรณีแรก การดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายฟ้าทะลายโจร ผ่านระบบออนไลน์หรือผ่านแพลตฟอร์มที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร โดยกรมการค้าภายในได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ขายฟ้าทะลายโจรผ่าน 2 แพลตฟอร์ม คือ Lazada และ Shopee จำนวน 10 ราย 3 ยี่ห้อ 1.ยี่ห้ออภัยภูเบศร โดยพฤติการณ์เป็นนำฟ้าทะลายโจรยี่ห้ออภัยภูเบศรไปค้ากำไรเกินควร 8 ราย เป็นฟ้าทะลายโจรขนาดบรรจุ 60 แคปซูล ซึ่งราคาแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งกับกรมการค้าภายในจำหน่ายในราคา 80 บาท มีผู้นำไปขายผ่านแพลตฟอร์มในราคาขวดละ 349-450 บาท แพงกว่าราคาที่แจ้งไว้ถึง 336-463% 2.ยี่ห้อใบห่อ ขนาดบรรจุ 70 แคปซูล ราคาแนะนำ 25 บาท ขายบนแพลตฟอร์ม Lazada 119 บาท สูงกว่าราคาที่แจ้งไว้ 376% จำนวน 1 ราย 3.ยี่ห้อไฟโตแคร์ ขายบนแพลตฟอร์ม Shopee ขนาดบรรจุ 100 เม็ด ราคาที่กำหนดไว้ 180 บาท ขายผ่าน Shopee 490 บาท สูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น 172% รวม 10 ราย

โดยการกระทำดังกล่าว เป็นการเข้าข่ายค้ากำไรเกินควร ผิดมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายใน ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จะร่วมกันดำเนินคดีทั้งการดำเนินคดีกับผู้จำหน่าย และดำเนินคดีกับผู้มีอำนาจตามกฎหมายของแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee ด้วย

ส่วนกรณีที่สอง การดำเนินคดีกรณีนำชุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตนเอง (ATK) ที่กระทรวงสาธารณสุขให้จำหน่ายได้ในร้านขายยาที่มีเภสัชชกรควบคุมนั้น ไปจำหน่ายในร้านขายยาแห่งหนึ่งที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรที่ราคาแนะนำ 350 บาท ที่เป็นราคาที่ผู้นำเข้าแจ้งกับกรมการค้าภายในไว้ โดยนำไปขายในราคา 450 บาท สูงกว่าที่ควรจะเป็น 29% ถือว่าผิดตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพบว่าเป็นร้านขายยาแถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ส.ค.64

ทั้งนี้ที่ประชุม กกร. มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นรองประธาน เลขาธิการสำนักงาสคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และผู้บังคับการตำรวจ ปคบ. เป็นกรรมการ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวทาง และมาตรการในการกำกับดูแลการจำหน่าย ATK ที่ใช้กับตนเองหรือแบบ Home use ให้เป็นทำตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการต่อไป

นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ในการจำหน่ายยาฟ้าทะลายโจร และ ATK ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบราคาราคาแนะนำหรืออ้างอิงการจำหน่ายปลีกแต่ละชนิดได้จากการประกาศที่เว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน www.dit.go.th โดยกองจัดระบบราคาและปริมาณสินค้า กรมการค้าภายใน ได้ลงประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.64


รายงานกรมการค้าภายในระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องโดยใช้กฎหมาย หรือพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่มีอยู่นั่นคือมาตรา 28 เกี่ยวกับการแสดงหรือปิดป้ายราคาสินค้า และมาตรา 29 เกี่ยวกับการขายเกินราคา ขายเกินราคาที่สมควร และเกิดความปั่นป่วนทางราคา ซึ่งการดูแลความเป็นธรรมการจำหน่ายชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ Covid-19 นั้น ก่อนหน้านี้กรมการค้าภายใน ได้ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ให้มีการจำหน่ายที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากชุดตรวจที่ใช้กับตนเอง หรือ Home use นั้น จะต้องได้รับคำปรึกษาจากเภสัชกรเท่านั้น ซึ่งจะมีการจำหน่ายได้ 3 ช่องทางคือ สถานพยาบาล,หน่วยงานของรัฐ และร้านขายยาที่มีเภสัชกรให้คำแนะนำ ดังนั้น การจำหน่ายออนไลน์ถือว่าผิดกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.และเป็นชนิดที่แตกต่างจากแบบ Professional use และกระทรวงสาธารณสุขให้ความเห็นว่า ATK เป็นเวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรคตามประกาศ กกร.ฉบับที่ 8 พ.ศ.2564 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2564

รายงานระบุด้วยว่า ด้านคุณสมบัติและเทคนิค ATK ชุดตรวจแบบใช้กับตนเองนั้น แต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกัน ทั้งเทคนิค วัสดุ ประสิทธิภาพของน้ำยา รวมถึงระยะเวลาการแสดงผลการตรวจ ส่วนการขึ้นทะเบียนชุดตรวจกับนั้นขึ้นกับ อย. กระทรวงสาธารณสุข โดยพิจารณาจากการผ่านมาตรฐานการตรวจสอบความแม่นยำเท่านั้น สำหรับด้านปริมาณชุดตรวจแบบใช้กับตนเองนี้เป็นสินค้าต้องนำเข้าเกือบ 100% สำหรับการคิดต้นทุนและราคาจะพิจารณาจากปริมาณการสั่งซื้อ แหล่งที่มา ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ ค่าบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเป็นต้น

ทั้งนี้กรมการค้าภายในได้ให้ทางผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่งแจ้งรายละเอียดทั้งกำลังการผลิต จำนวน ปริมาณ ราคาต้นทุน รายละเอียดตามกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อมีประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมร้องเรียนมา ก็จะได้มีการสืบสวนสอบสวนราคา เพื่อปฏิบัติตามกฏหมายมาตรา 28 และ 29 ของ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต่อไป
#2899


ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2564 มีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,022 ล้านบาท หากไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,011 ล้านบาท เติบโต 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 56.5% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นสู่ 3,524 ล้านบาท เติบโต 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยสำคัญจากปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 47.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 831 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จากหลายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และกลุ่มก๊าซอุตสาหกรรม ควบคู่กับการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 21.2 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 2/2564 หรือ 31.5 เมกะวัตต์ ในครึ่งปีแรก จากเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 40 เมกะวัตต์ในปีนี้

นอกจากนี้ กำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชาเมื่อเดือนธันวาคม 2563 และการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด (ABPR1) และบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 จำกัด (ABPR2) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 รวมถึงประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 17.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวลดลง 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด บี.กริม เพาเวอร์ ได้ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งสร้างพลังให้สังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) เพื่อสร้างคุณค่าให้สังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อทอง วินด์ฟาร์ม 1&2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร มีกำหนดการ COD ในเดือนสิงหาคม 2564

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 48 โครงการ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตจาก 3,058 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563 เป็นมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 และมุ่งสู่ 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 ด้วยมีเป้าหมายรายได้ต่อปีกว่า 100,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.15 บาทต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 26 สิงหาคม 2564 และวันที่จ่ายปันผล 10 กันยายน 2564
#2900
ข้าวอินทรีย์กรมการข้าว  ข้าวorganicส่งทั่วไทย    ข้าวออร์แกนิคแฟร์เทรด  รูปภาพสำหรับข้าวปลอดสาร    ส่งออกข้าวปลอดสาร   เกษตรปลอดสาร  ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน "ข้าวกล้อง" เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร
 

การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค ( ข้าวอินทรีย์ )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( การตรวจสอบข้าวออร์แกนิค
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  กลุ่มข้าวออร์แกนิคสุรินทร์
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์ กลุ่มผลิตข้าวออร์แกนิค

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน


ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  นาข้าวอินทรีย์

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutiqueโครงการนาข้าวอินทรีย์

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์