(https://www.bigtone.in.th/wp-content/uploads/2019/05/feature-power-chord-1.jpg)
คอร์ด คืออะไร?
ก่อนจะเอ่ยถึงพาวเวอร์คอร์ด (https://www.bigtone.in.th/power-chord/)(Power chord) คงจะจำเป็นต้องเล่าเกี่ยวกับคำว่าคอร์ด (chord) ซักนิด เอาแบบเข้าใจง่ายๆไม่ต้องหลักการเยอะ เอาโครงสร้างของคอร์ด C มาอธิบายดีกว่าเนอะ
โน้ตของกีตาร์เริ่มตั้งแต่ C หรือ โด ในระบบโน้ตสากล ไล่ไป D, E, F, G, A, B และก็วนกลับมาที่ C อีกครั้ง ซึ่งถ้าหากนับโน้ตที่ไม่ซ้ำกัน มันก็มีอยู่ 7 ตัว
ทีนี้ คอร์ด ก็คือกลุ่มของโน้ตที่เอามาเรียงกันขั้นต่ำ 3 ตัว โดยเอาโน้ตลำดับที่ 1, 3 และ 5 มาใช้ โดยให้เอาโน้ตตัวที่เราอยากให้เป็นชื่อคอร์ดไปวางไว้เป็นลำดับแรกสุด เช่น ถ้าเกิดเป็นคอร์ด C เราก็เอาโน้ตมาเรียงกันโดยเริ่มจาก
1 = C
2 = D
3 = E
4 = F
5 = G
6 = A
7 = B
เมื่อเราก็เอาโน้ตลำดับที่ 1, 3 และ 5 หรือก็คือ C, E, G มาเรียงกัน เราก็จะได้คอร์ด C
แล้วพาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) ล่ะ มันจับยังไง?
หลักการของพาวเวอร์คอร์ดนั้นง่ายสุดๆ คือให้เรากดโน้ตตัวที่ 1 แล้วก็ 5 ของคอร์ด รวมทั้งบอดโน้ตอื่นๆให้หมด Power Chord เรียกอีกอย่างว่าคอร์ดคู่ 5 แล้วก็เขียนคอร์ดมีเลข 5 ต่อท้ายชื่อคอร์ด ตัวอย่างเช่น C5, G5, A5 เป็นต้น
ฟอร์มการจับนั้น จะว่าไปมันก็ดูคล้ายๆการจับแบบทาบคอร์ดนั่นแหละ แต่เราจะกดให้มันดังแค่สาย 6-4 หรือไม่ก็สาย 5-3 ตัวอย่าง หากเป็นคอร์ด C แบบพาวเวอร์ (หรือคู่ 5) จากเดิมที่เราเคยทาบคอร์ดแบบใช้ทุกนิ้ว มันก็จะเหลือให้พวกเรากด แค่โน้ต C กับ G อย่างนี้
หรือคอร์ด A จับแบบพาวเวอร์คอร์ด (https://www.bigtone.in.th/power-chord/) มันก็จะมีแค่โน้ต A คู่กับ E อย่างนี้
หรือหากเราต้องการให้เสียงมันมีย่านแหลมใสเติมเข้ามาบ้าง เราก็แค่เพิ่มนิ้วนางเข้ามา ซึ่งมันก็เป็นโน้ตเดียวกับนิ้วชี้บนสายหกเป๊ะ ด้วยเหตุดังกล่าวการจับแบบนี้ก็เลยยังเป็นพาวเวอร์คอร์ด เพียงแค่เพิ่มความเพราะอีกนิดนั่นเอง
ตารางเพาเวอร์คอร์ด (Power Chord)
(https://www.bigtone.in.th/wp-content/uploads/2019/05/power-chord.jpg)
ทำไมพาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) จึงเหมาะกับเพลงร็อก
การเล่นให้มีเพียงแค่เสียงโน้ต 1 กับ 5 เพียงแค่สองโน้ตในคอร์ด ทำให้ไม่มีโน้ตอื่นๆมาตกแต่งให้เป็นโทนเมเจอร์ ไมเนอร์ เซเว่นธ์ ฯลฯ ใดๆทั้งสิ้น มีเพียงเสียงหัวโน้ตหลักจากคอร์ดนั้นดังโดดๆหนาๆเนื่องจากคอร์ดแนวนี้มักเล่นบนสาย 4 – 6 เป็นหลัก ก็เลยเหมาะกับการเล่นริทึ่มมากยิ่งกว่า แล้วก็จะยิ่งเหมาะเป็นพิเศษสำหรับเล่นกับเสียง distortion หรือเสียงแตก เนื่องจากจะให้โทนเสียงที่หนา ดุ ร็อก
นอกจากเสียงที่ดุดัน หนา สะใจเมื่อใสเสียงแตกแล้ว ข้อดีอีกอย่างของการจับคอร์ดโน้ตน้อยๆแบบนี้ก็คือ พวกเราสามารถย้ายที่มือเปลี่ยนคอร์ดได้เร็วกว่าการจับคอร์ดธรรมดามาก เพราะว่าอย่างที่บอก พาวเวอร์คอร์ด (https://www.bigtone.in.th/power-chord/)ไม่มีเมเจอร์ ไมเนอร์ เราก็แค่จำโน้ตหลักว่าอยู่ตรงเฟรทไหน และก็เลื่อนบล็อคนิ้วไปๆมาๆแค่นั้นเอง ง่ายนิดเดียว
ง่ายดีนะ งั้นจับคอร์ดอย่างนี้แทนการทาบไปเลยได้มั้ย?
แต่ด้วยความที่คอร์ดแบบนี้มีจำนวนโน้ตที่น้อย เสียงที่ได้ก็เลยไม่ได้มีมิติสีสันอะไร มีแต่เสียงเด่นๆจากโน้ตหลักของคอร์ด (root) แค่นั้น และก็จะต้องเล่นกับเสียงแตกเป็นสำคัญ เนื่องจากเล่นคอร์ดอย่างนี้กับเสียง clean อาจจะคล้ายๆกับการดีดเบสเล่นนั่นเอง การใช้พาวเวอร์คอร์ดให้ถูกที่ถูกเวลาจึงเป็นคำตอบของเรื่องนี้
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหัดเล่นกีตาร์อยู่นะ กีตาร์ยังมีอะไรให้เล่นพลิกแพลงมากกว่านี้อีกเยอะ ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังอีกครับผม
สนใจสั่งซื้อกีต้าร์ไฟฟ้า (https://www.bigtone.in.th/product-category/electric/) ได้ที่ BigTone
** ติดต่อ สั่งซื้อ หรือ ถามเพิ่มเติม คลิกเลย!! (https://page.line.me/music_concept?openQrModal=true)