• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naprapats

#2901




แม้จะเป็นประเทศต้นตำรับ แต่ในครั้งนี้พวกเข้าไม่ประสบความสำเร็จ ทัพจอมเตะจากเกาหลี่ใต้ ไร้เหรียญทองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กีฬาเทควันโดมีบรรจุในโอลิมปิกเกมส์ เมื่อปี 2000 ที่ประเทศออสเตรเลีย

ผลงานก่อนหน้านี้ของทัพเทควันโดจากแดนกิมจิในกีฬาโอลิมปิก ซึ่งถือเป็นต้นตำรับในกีฬาชนิดนี้ พวกเขาคว้าไปแล้วทั้งสิ้น 12 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง แต่ในโอลิมปิก 2020 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาเชยชมได้แม้แต่เหรียญเดียว

ในโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทีมจอมเตะจากเกาหลีใต้คว้าโควตามาได้ถึง 6 คน ซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกชาติ พวกเขาทำได้แค่ 1 เหรียญเงิน กับอีก 2 เหรียญทองแดง เท่านั้น

โดย อี ดา-บิน จอมเตะสาว เป็นผู้ที่คว้าเหรียญเงินในรุ่นน้ำหนักมากกว่า 67 กิโลกรัม มาครองให้กับเกาหลีใต้ ส่วนอีก 2 เหรียญทองแดง ได้จาก จาง จุน รุ่นน้ำหนัก 58 กิโลกรัม ชาย และ อิน คโย-ดอน ในรุ่นน้ำหนักมากกว่า 80 กิโลกรัม ชาย

ขณะที่ตัวเต็งซึ่งถูกยกให้เป็นมือวางอันดับ 1 ของรุ่น 68 กิโลกรัม ชาย อย่าง อี แด-ฮุน ต้องผิดหวังในกีฬาโอลิมปิกอีกครั้ง แม้เขาจะพกดีกรีต่างๆ มากมาย แต่กลับไร้เหรียญในครั้งนี้ โดย แด-ฮุน พ่ายให้กับ อูลุกเบค ราชิตอฟ มือวางอันดับสุดท้ายของรุ่น ชาวอุซเบกิสถาน ตั้งแต่รอบ 16 คนสุดท้าย แม้จะโชคดีได้กลับมาเล่นในรอบชิงเหรียญทองแดง แต่เขาก็พ่ายแพ้ให้กับ จ้าว ฉ่วย มือวางอันดับ 3 ของรุ่น จากประเทศจีน 15-17 คะแนน

ทำเนียบเหรียญในกีฬาเทควันโดของทัพจอมเตะจากเกาหลีใต้
โอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น : 1 เหรียญเงิน, 2 เหรียญทองแดง
โอลิมปิก 2016 ที่บราซิล : 2 เหรียญทอง, 3 เหรียญทองแดง
โอลิมปิก 2012 ที่อังกฤษ : 1 เหรียญทอง, 1 เหรียญเงิน
โอลิมปิก 2008 ที่จีน : 4 เหรียญทอง
โอลิมปิก 2004 ที่กรีซ : 2 เหรียญทอง, 2 เหรียญทองแดง
โอลิมปิก 2000 ที่ออสเตรเลีย : 3 เหรียญทอง, 1 เหรียญเงิน
#2902


โตโยต้ามอเตอร์ ต้องหยุดการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในไทยชั่วคราว เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่โรงงานในญี่ปุ่นก็ต้องระงับการผลิตบางส่วนเพราะขาดแคลนชิ้นส่วนจากเวียดนามที่กำลังเผชิญการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดใหญ่ของโควิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โตโยต้ามอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ต้องเผชิญปัญหาในการผลิต ทางบริษัทต้องระงับการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในประเทศไทย เนื่องจากผู้ป้อนอะไหล่ในท้องถิ่นหยุดการผลิตเพราะสถานการณ์โควิด

โรงงาน 3 แห่งเป็นโรงงานหลักของโตโยต้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่รองจากจีน และสหรัฐ สามารถผลิตรถยนต์ได้ราว 750,000 คันต่อปี โรงงานทั้ง 3 แห่งได้ระงับการผลิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะดำเนินการอีกครั้งหลังวันที่ 29 กรกฎาคม



ขณะเดียวกัน โรงงาน "โตโยต้าออโตบอดี้" ในญี่ปุ่นที่จังหวัดไอจิ ก็ต้องระงับสายการผลิต 5 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคมนี้ เพราะขาดแคลนอะไหล่จากผู้ผลิตในเวียดนาม ที่กำลังรับมือการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดของโควิดได้ซ้ำเติมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เดิมก็เผชิญปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องระงับการผลิตมาก่อนหน้านี้.
โตโยต้ามอเตอร์ ต้องหยุดการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในไทยชั่วคราว เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่โรงงานในญี่ปุ่นก็ต้องระงับการผลิตบางส่วนเพราะขาดแคลนชิ้นส่วนจากเวียดนามที่กำลังเผชิญการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดใหญ่ของโควิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โตโยต้ามอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ต้องเผชิญปัญหาในการผลิต ทางบริษัทต้องระงับการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในประเทศไทย เนื่องจากผู้ป้อนอะไหล่ในท้องถิ่นหยุดการผลิตเพราะสถานการณ์โควิด

โรงงาน 3 แห่งเป็นโรงงานหลักของโตโยต้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่รองจากจีน และสหรัฐ สามารถผลิตรถยนต์ได้ราว 750,000 คันต่อปี โรงงานทั้ง 3 แห่งได้ระงับการผลิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะดำเนินการอีกครั้งหลังวันที่ 29 กรกฎาคม



ขณะเดียวกัน โรงงาน "โตโยต้าออโตบอดี้" ในญี่ปุ่นที่จังหวัดไอจิ ก็ต้องระงับสายการผลิต 5 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคมนี้ เพราะขาดแคลนอะไหล่จากผู้ผลิตในเวียดนาม ที่กำลังรับมือการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดของโควิดได้ซ้ำเติมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เดิมก็เผชิญปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องระงับการผลิตมาก่อนหน้านี้.
#2903



สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะนักแสดงที่ก้าวไปสู่ระดับฮอลลีวู้ดอีกหนึ่งคน สำหรับ ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล พระเอกชื่อดังที่ก่อนหน้านี้ได้ไปสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ในประเทศจีน จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาแล้ว


ล่าสุด ไมค์ พิรัชต์ มีโอกาสได้ร่วมเป็นหนึ่งในแสดงนำของภาพยนตร์ THE MISFITS พร้อมกระทบไหล่ดาราแถวหน้าอย่าง เพียร์ซ บรอสแนน หรือ เจมส์บอนด์ 007 ในตำนานที่คนไทยรู้จักกันดี วันนี้ ไมค์ เปิดใจกับทาง "ข่าวสดบันเทิงออนไลน์" ถึงเส้นทางและผลงานเรื่องแรกในระดับฮอลลีวู้ด พร้อมอัพเดตผลงานที่จีน และวางแผนเรื่องเงิน น้องแม็กซ์เวลล์ ในอนาคต

หนัง The Misfits เข้าฉายที่อเมริกามาได้หนึ่งเดือนกว่าๆ แล้ว ฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง? "ตอนนี้น้องสาวผมอยู่ที่อเมริกาก็ไปดูมา เขาก็บอกว่าฟีดแบ็กก็ค่อนข้างดี แล้วก็ที่ทีมงาน The Misfits ส่งมาก็มีบางที่ที่ตั๋วหมดแล้วคือจองเต็ม แล้วก็ตามพวก Video on Demand พวกอเมซอนอะไรพวกนี้ก็มีขึ้นอันดับหนึ่งด้วย"



โล่งใจหรือใจชื้นขึ้นมาเลยไหม? "จริงๆ ก็โล่งใจประมาณหนึ่ง ที่ตรงนั้นเขาเปิดได้ทันเวลาพอดี พอหนังเข้าปุ๊บคนเขาก็คงอาจจะไม่ได้ไปโรงหนังนานก็เลยเข้าไปดูกัน แต่คืออย่างของที่ไทยตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เข้าโรงฉายเมื่อไหร่ เพราะต้องดูสถานการณ์ต่อไปก่อน"

คาแร็กเตอร์ในภาพยนตร์เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร? "ตัวละครตัวนี้ชื่อว่า "วิค" เขาเป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้ เป็นคนประดิษฐ์ระเบิดและเขาก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรเกี่ยวกับระเบิด"



ส่วนตัวพอใจมากน้อยแค่ไหน? "ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ (ถ้าไม่ติดโควิด ต้องไปโปรโมตหนังที่อเมริกาด้วยไหม?) ที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเขาก็อยากให้ไป แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย แอบเสียดาย จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ"

ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเบิกทางที่สวยงามของตัวเองไหม? "ใช่ครับ เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆ ให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆ ของฮอลลีวู้ดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย"



เคยท้อบ้างไหม? "ท้อเป็นเรื่องปกติ แต่แค่ไม่ยอมแพ้เท่านั้นเอง มันท้อหลายๆ เรื่องอยู่แล้วครับ ทั้งเรื่องของตัวเองด้วย ทั้งเรื่องของการงาน ทั้งเรื่องของหลายๆ อย่าง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าตราบใดที่เรายังไม่ยอมแพ้ยังไงมันก็ต้องมีวันหนึ่งที่มันเป็นวันของเรา"

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้? "ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากคือเรื่องภาษานี่แหละ เพราะมันไม่ใช่ภาษาแม่ของเราด้วย เราอาจจะไม่ได้ชิ้นลิ้นเพราะเราไม่ได้เกิดหรือโตที่โน่น มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ"



นักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วย ตัวเราตื่นเต้นแค่ไหน? "ตื่นเต้นมากครับ ตอนที่ไปเจอครั้งแรกคือเหมือนเราได้เห็นนักแสดงอย่าง เพียร์ซ บรอสแนน เขาคือเจมส์ บอนด์007 ที่เราเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวู้ดคนนี้ด้วย พอได้ไปเจอเราก็ตื่นเต้น จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย"

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง? "ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆ มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต"




ได้เข้าบทกับใครมากที่สุด? "เพียร์ซ บรอสแนน ครับ ในกองจะพูดคุยกันค่อนข้างเยอะ เพราะเราไปถ่ายกันที่ดูไบด้วย จะมีไปแฮงเอาต์กันด้วย ซึ่งในแต่ละวันค่อนข้างเร็ว เลยจะมีช่วงเวลาที่แต่ละคนสามารถไปแฮงเอาต์"

เพียร์ซมีทาบไมค์ร่วมงานในครั้งต่อไปไหม? "อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเขามาชวนก็ยินดีแน่นอน เพราะอย่างเรื่องนี้เขาก็เป็นเอ็กเซ็กคูทีฟ โปรดิวเซอร์ด้วย"



เก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจาก เพียร์ซ บรอสแนน มาบ้าง? "ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเขาค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เขาเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น ทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น และเกร็งน้อยลง"

ไมค์คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวู้ดไว้อย่างไรบ้าง? "ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการกระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป"



เขินไหมเวลาที่คนเรียกเราว่าเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด? "โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน"

แล้วงานในประเทศจีนตอนนี้ยังมีอยู่ไหม? "จริงๆ มีอยู่เรื่อยๆ คือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆ แพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆ อย่างมันก็กลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆ ที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้"



วันเกิดแม็กซ์เวลล์ที่ผ่านมาเห็นโอนเงินไปให้น้องด้วยหลายคนชมคุณพ่อว่าน่ารัก? "คือผมแค่มองว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นแบบนี้มันไม่มีอะไรการันตีว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าในอนาคตงานเราจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า คือมันจะยังดีแบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือเราจะมีงานทำต่อหรือเปล่า"

"ผมเลยต้องการันตีด้วยตัวเองว่า ในอนาคตลูกผมเนี่ยจะต้องมีเงินตรงนี้ไว้สำหรับการศึกษาของเขา การใช้ชีวิตของเขา เนื่องในวันเกิดของเขาเนี่ยก็เลยเอาเงินฝากเข้าไปอยู่ในบัญชีที่ผมฝากประจำอยู่แล้วของแม็กซ์เวลล์ การันตีว่าในอนาคตเนี่ยต่อให้ผมไม่มีงานแล้ว ต่อให้ผมรายได้น้อยลงหรืออะไร เงินตรงนี้ยังเป็นเงินที่สามารถที่จะทำให้เขาไปต่อได้ในอนาคตครับผม"



หลายคนชื่นชมว่าในสถานการณ์ตอนนี้เราก็ไม่ได้มีรายได้เยอะ แต่เราก็ยังนึกถึงลูก? "คือจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนแทบไม่ค่อยใช้เงินกับเรื่องจุกจิกอยู่แล้วครับ ช็อปปิ้งก็ไม่ค่อยเรื่องกินก็นานๆ ทีถึงจะกินที่แพงๆ เลยคิดว่าเงินเราตอนนี้ก็คือนอกจากเงินบริษัทจ่ายทีมงานแล้วมันก็ไม่ได้ใช้ทำอะไรมากมาย เลยคิดว่าช่วยอะไรได้ก็ช่วยไป"

"เงินส่วนไหนที่เก็บได้เซฟได้เผื่ออนาคตก็เซฟไปครับ เงินส่วนลงทุนก็เป็นอีกก้อนหนึ่งก็ต้องแบ่งและบริหารเรื่องการเงินให้ดีๆ เพราะว่าเงินก็ไม่ได้หาง่ายๆ เราก็ยิ่งสถานการณ์แบบตอนนี้เรายิ่งควรต้องระมัดระวังในการใช้เงินด้วย ผมก็เลยต้องวางแผนในระยะยาวเอาไว้แบบนี้"



ฝากผลงาน? "ฝากหนังด้วยแล้วกันนะครับผมถ้ามันเข้าฉายก็ฝากด้วย เผื่อใครเครียดๆ ก็ไปดูหนังคลายเครียดได้ The Misfits ก็เป็นหนังที่ค่อนข้างตลกแล้วก็เอนเตอร์เทนใช้ได้พอสมควร ยังไงก็ฝากด้วยครับ"
#2904

  

วันที่ 26 ก.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 20 ก.ค. และที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) วันที่ 22 ก.ค.64 มีแนวนโยบายให้ฝ่ายแพทย์พิจารณาผ่อนคลายมาตรการสำหรับร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ให้สามารถเปิดขายออนไลน์ได้นั้น ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณามาตรการจำหน่ายอาหารออนไลน์ สำหรับร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาอนุญาตต่อไป 
 
ทั้งนี้ การให้มีแนวทางที่จะผ่อนคลายให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดขายออนไลน์ได้นี้ เนื่องมากจากรัฐบาลได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของทั้งผู้ประกอบการและประชาชนจากการเพิ่มความเข้มงวดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ที่เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.64 เป็นต้นมา ซึ่งการผ่อนคลายครั้งนี้ยังคงต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่เข้มงวด และต้องการความร่วมมือจากทั้งผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการรับส่งสินค้า และประชาชน 
 
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  แนวทางปฏิบัติเบื้องต้นที่จะผ่อนคลายให้กับร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า มีดังนี้

1.ผู้ประกอบการ จัดทำมาตรการ DMHT สำหรับพนักงานทุกคน (สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่รวมกลุ่ม และไม่รับประทานอาหารร่วมกัน) เดินทางมาทำงานแบบอยู่ในเส้นทางหรือพื้นที่ที่กำหนด (sealed route) ห้ามเปิดหน้าร้าน กรณีมีอาการทางเดินหายใจ เป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ ต้องหยุดทำงาน 
 
2.ห้างสรรพสินค้า จัดจุดรอรับอาหาร โดยเน้นมาตรการเว้นระยะห่าง ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย ไม่รวมกลุ่มกัน จุดรอเป็นสถานที่ ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่พลุกพล่าน และมีระบบ DMHTA  คือการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก จัดเจลล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ  ใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ/หมอชนะ 
 
3.พนักงานรับส่งอาหารแบบออนไลน์ เน้นย้ำมาตรการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างผู้อื่น พกเจลแอลกอฮอล์,กรณีมีอาการทางเดินหายใจ เป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ ต้องหยุดทำงาน 
#2905


เรื่องย่อ รักนิรันดร์จันทรา เรื่องราวความรักของชายหนุ่มผู้มีชีวิตเป็นอมตะ เฝ้ารอคอยมานานกว่า 200 ปี เพื่อให้คนรักของเขากลับมา


ต้องจันทร์ (ไอซ์ ปรีชญา) พนักงานบัญชีสาวได้รู้ว่าตนเองถูกแฟนหนุ่มหลอกมาตลอด 2 ปี เธอเสียใจกินเหล้าเมาแอบขึ้นไปร้องไห้โวยวายบนดาดฟ้า โดยไม่รู้ว่าขบวนการค้ายาเสพติด Black Pearl นัดหมายส่งสินค้ากันที่นั่น ต้องจันทร์โดนลูกหลงจนพลัดตกจากตึก วินาทีที่เธอคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ กลับเห็นผู้ชายคนหนึ่งกระโดดตามลงมาคว้าตัวเธอไว้ ก่อนที่ภาพจะดับวูบ โดยไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือ ธชา สิริทรัพย์ภักดี (เคน ธีรเดช) ซึ่งขณะที่เขาเห็นเธอเพียงแวบเดียว ก็รู้ทันทีว่าเธอคือคนที่เขารอคอยมาแสนนาน


ต้องจันทร์รู้สึกตัวอีกครั้งก็กลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว เธอถูก ตรัยภูมิ (กบ ทรงสิทธิ์) ผู้เป็นพ่อซักไซ้ว่าไปทำอะไรที่โรงแรม ซึ่งเป็นที่นัดหมายส่งยาของแก๊งเดียวกับที่ทำให้ กัลยา (เง็ก กัลยา) แม่ของต้องจันทร์ต้องตาย และทำให้ตรัยภูมิพิการเดินไม่ได้ตลอดชีวิต ต้องจันทร์จำอะไรไม่ได้นอกจาก ผู้ชาย เลือด และเขี้ยว


ภานุ (แม็ค วีรคณิศร์) เพื่อนข้างบ้านที่แอบรักต้องจันทร์และเป็นตำรวจเจ้าของคดี Black Pearl รู้ว่าต้องจันทร์ไม่ได้โกหก แต่เรื่องที่เธอเล่าออกจะแฟนตาซีเกินไป และไหนจะศพของ ไฮโซแพต (บีม ศรัณยู) ที่ถูกสูบเลือดไปทั้งตัว โดยมีรอยเล็กๆ ที่คอเหมือนถูกกัด จ่ากบ (สุรินทร คารวุฒม์) คู่หูตำรวจของภานุหาคดีเก่าๆ มาให้ดู พบว่าหลายศพในหลายสิบปีที่ผ่านมา มีรอยกัดแบบเดียวกันที่คอ โดยคนที่ตายเป็นอาชญากรที่ตำรวจต้องการตัวทั้งหมด เป็นคดีที่ปิดไม่ลง จนถูกเรียกว่า แวมไพร์เคส


แวมไพร์ที่ทุกคนพูดถึงก็คือธชา ซึ่งมีชื่อเดิมว่า ทับ เขาเคยเป็นนักรบของพระเจ้าตากสิน สมัยสร้างกรุงธนบุรี ขณะที่กำลังปราบปรามกองโจรต่างๆ เขาพลัดตกลงไปในเรือของฝรั่งเศสที่อับปางอยู่ริมหน้าผา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตอมตะ ที่อยู่มากว่า 200 ปี มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หนึ่งคือ คุณเดช (เอ อนันต์) ชายวัย 50 ปี และ ข้าวหอม (อุ้ม อิษยา) เด็กสาววัย 23 ปีที่เก่งกาจเรื่องไอที คอยช่วยเหลือเขาในการตามตัวผู้ร้ายคดีต่างๆ


ธชาเชื่อว่าต้องจันทร์คือแม่อิ่มกลับชาติมาเกิด เขาขอให้ข้าวหอมซึ่งมีความสามารถทางคอมพิวเตอร์ช่วยหาข้อมูลของต้องจันทร์ ภายในคืนเดียวธชาก็ได้รู้ประวัติของต้องจันทร์อย่างละเอียด ได้รู้ว่าเธออาศัยอยู่ในบ้านกับตรัยภูมิและ ตามเดือน (ฟลุท ชินพรรธน์) น้องชายของต้องจันทร์ ที่หมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องผีๆ ถึงขนาดเปิดเพจ ตามล่าผี


ธชาวางแผนติดต่อขอซื้อวิลล่าที่ภูเก็ต โดยมีข้อแม้ว่าต้องจันทร์ต้องเป็นคนไปเสนอขาย ต้องจันทร์ไม่เอาด้วย แต่ด้วยค่าคอมมิชชั่นที่สูงลิวทำให้เพื่อนๆ ฝ่ายขายอย่าง ชมพู (ซานิ นิภาภรณ์), เปรี้ยว (น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย), พี่แวววรรณ (มิ้งค์ ณัฏฐริณีย์) รวมถึง ขจร (ป๊อก โฆษวิส) หัวหน้าฝ่ายบัญชี ต้องขอร้องแกมบังคับจนต้องจันทร์ไม่มีทางปฏิเสธ

บนเรือร่องแม่น้ำเจ้าพระยาสุดหรู ธชาปฏิบัติต่อต้องจันทร์ราวกับเจ้าหญิง แต่ต้องจันทร์กลับยิ่งคลางแคลง ผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ ใครจะมาจริงใจลงทุนขนาดนี้ ต้องจันทร์จึงปฏิเสธธชาตรงๆ และขอให้เขาเลิกยุ่งกับเธอ หลังจากวันนั้นธชากลับรุกหนักกว่าเดิม เขาไปหาเธอที่ทำงาน และได้เจอกับ แมทธิว (วิลลี่ แมคอินทอช) เจ้าของบริษัท ที่ดูแลกิจการแทนภรรยา นภา (จอย รินลณี) ผู้ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายมานานหลายปี

ภานุได้เจอกับ พริ้งพราว (วาววา ณิชชา) น้องสาวของไฮโซแพตที่มารับศพพี่ชาย พริ้งพราวโกรธแค้นคนที่ฆ่าพี่เป็นอย่างมาก สาบานว่าจะล้างแค้นเอาคืนให้ได้


คืนหนึ่งตามเดือนและ ธาม (แจ๊ค จักรพันธ์) พากันไปถ่ายคลิปตามล่าผี และเจอเข้ากับแก๊งค้ายา ทำให้ถูกทำร้ายจนสลบ แต่ก่อนที่จะถูกพาไปฝังทั้งเป็น ธชาก็มาช่วยไว้ได้ทัน แต่ระหว่างจัดการคนร้าย กลิ่นคาวเลือดกระตุ้นความเป็นแวมไพร์ของธชา เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ตรงเข้ากัดคออีกฝ่าย จังหวะเดียวกับที่ต้องจันทร์เข้ามาพอดี ต้องจันทร์ไม่เห็นหน้า แต่เห็นเลือดและคมเขี้ยว ทำให้ภาพคืนนั้นที่ดาดฟ้าแวบขึ้นมา ต้องจันทร์ตกใจจนเข่าอ่อน เธอหวาดกลัวเรียกเขาว่า "สัตว์ประหลาด"


ความรักกลับกลายเป็นความเจ็บปวด เมื่อต้องจันทร์แสดงออกชัดเจนว่าทั้งรังเกียจและหวาดกลัว ธชาจะทำอย่างไรต่อไป ใครกันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการ Black Pearl ตำรวจจะสามารถกวาดล้างขบวนการค้ายาระดับประเทศได้สำเร็จหรือไม่

บทสรุปเรื่องราวความรักของ ต้องจันทร์ และ ธชา จะจบลงยังไป ความรักระหว่างเธอกับธชา ที่หลายคนบอกว่าระหว่าง คน กับ แวมไพร์ จะเป็นไปได้ไหม ต้องเตรียมไปลุ้นพร้อมกันใน ละคร รักนิรันดร์จันทรา ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 กด 33 ละคร รัก นิรันดร์ จันทรา เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2564

บทประพันธ์โดย : Brother's Library

บทโทรทัศน์โดย : ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส, ปลายสี

กำกับการแสดงโดย : ตระกูล อรุณสวัสดิ์

ผลิตโดย : บริษัท ชลลัมพี บราเธอร์ จำกัด


ควบคุมการผลิตโดย : ต้อง จุลวุฒิ ชลลัมพี

รายชื่อนักแสดงนำในละคร รัก นิรันดร์ จันทรา

เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ รับบท ธชา หรือ ทับ

ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร รับบท ต้องจันทร์ (แม่อิ่ม)

แม็ค วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล รับบท ภานุ

อุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ รับบท ข้าวหอม

วิลลี่ แมคอินทอช รับบท แมทธิว

จอย รินลณี ศรีเพ็ญ รับบท นภา

วาววา ณิชชา โชคประจักษ์ชัด รับบท พริ้งพราว

เอ อนันต์ บุนนาค รับบท เดช

กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท ตรัยภูมิ

ฟรุท ชินพรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร รับบท ตามเดือน

วุฒิ สุรินทร คารวุฒม์ รับบท จ่ากบ

ซานิ นิภาภรณ์ ฐิติธนการ รับบท ชมพู

หนึ่ง น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย รับบท เปรี้ยว

แนตตี้ นาตาชา จุลานนท์ รับบท วีวี่

ป๊อก โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว รับบท ขจร

มิ้งค์ ฐรินดา กรรณสูต รับบท แวววรรณ

แม็ค ปวิช เวียงนนท์ รับบท โจ

แจ๊ค จักรพันธ์ จันโอ รับบท ธาม

บีม ศรัณยู ประชากริช รับบท แพต (รับเชิญ)

มิล ศรุต นวประดิษฐกุล รับบท เก้า (รับเชิญ)

ขวัญ ขวัญฤดี กลมกล่อม รับบท วิสาขา (รับเชิญ)

เง็ก กัลยา เลิศเกษมทรัพย์ รับบท กัลยา (รับเชิญ)

เอ สุรพันธ์ ชาวปากน้ำ รับบท ศักดิ์ (รับเชิญ)

รุติ นิรุติ สาวสุดชาติ รับบท มั่น (รับเชิญ)

โชค โชคชัย เจริญสุข รับบท อาทิตย์ (รับเชิญ)

ฟลุ๊คจ์ พงศภัทร์ กันคำ รับบท ตะวัน (รับเชิญ)
#2906


เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผู้หญิงเก่งมากความสามารถ ที่ควบตำแหน่งผู้บริหารได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ผ่านบททดสอบสุดหินจากบริษัทยักษ์ใหญ่แถวหน้าของเมืองไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกลายเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานรัฐ และกระทรวงต่างๆ สำหรับผู้บริหารคนเก่ง "คุณจิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ" อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานฝ่ายบริหารรัฐสัมพันธ์ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย)

ล่าสุดก้าวกระโดดสู่ความท้าท้ายไปอีกขั้น สู่เบื้องหลังดีลบริษัทข้ามชาติกับรัฐบาลไทย กับตำแหน่ง "ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายดูแลรัฐสัมพันธ์" ของ SAP บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลก แต่กว่าคุณจิระวรรณ จะมาอยู่บนเวทีระดับโลกได้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง จะน่าสนใจและให้แง่คิดมากมายแค่ไหน วันนี้ "เดลินิวส์ออนไลน์" มีคำตอบ ตามมาอ่านบนสัมภาษณ์กัน



กว่าจะมาเป็นผู้บริหารระดับสูงของลาซาด้า คุณจิระวรรณต้องผ่านบททดสอบอะไรบ้าง

"ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงที่มีอายุน้อยในตอนนั้น การที่เราจะได้รับการยอมรับ และได้รับมอบหมายในตำแหน่ง "รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานฝ่ายบริหารรัฐสัมพันธ์ " ของบริษัทลาซาด้า ซึ่งถือว่าเป็นคนแรกและคนเดียวของบริษัทที่เข้ามาดูแลประสานงานกับรัฐบาลโดยตรง ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ความรับผิดชอบหลักคือ การติดต่อ และประสานงาน รวมถึงทำโปรเจคท์ต่างๆ กับหน่วยงานรัฐ ซึ่งหน้าที่ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งจุดพิสูจน์ความสำเร็จ ทั้งบททดสอบในสถานการณ์ต่างๆ ทุกอย่างได้ทดสอบเรามาตลอดเวลา จนลาซาด้าทำให้เราเป็นที่รู้จักมากยึ่งขึ้นและลาซาด้าก็เป็นที่รู้จักในหน่วยงานรัฐต่างๆ มากขึ้นเช่นกัน 

ความท้าทายในการทำงาน

"สำหรับความท้าทายอย่างแรก คือ

1. ความเข้าใจของรัฐบาลที่มีต่อธุรกิจ E-Commerce ดังนั้น เราจึงต้องให้ความรู้ ความเข้าใจกับรัฐบาลก่อน

2. การประสานงานในบริษัทเพื่อให้การซื้อขายบน Platform ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเราต้องทำหน้าที่ในการประสานทั้งภาครัฐและบริษัท และด้วยในปัจจุบันการค้าขายแบบ E-Commerce นั้นก้าวกระโดดไปไกลมาก แต่กฎหมายไทยบางข้อยังไม่อัพเดท ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมากในการทำงานตรงนี้



จุดเริ่มต้นอะไรที่ทำให้ "คุณจิระวรรณ" ตัดสินใจก้าวกระโดดจากผู้บริหาร Lazada ไปที่ SAP บริษัท software ชั้นนำระดับโลก

"เรามองว่าบริษัท SAP เป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์ระดับองค์กรขนาดใหญ่และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในแทบทุกอุตสาหกรรมให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทุกวันนี้ SAP เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นอันดับ 3 ของโลก เรามีลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 440,000 ราย ลูกค้าของ SAP มีกระจายอยู่ในทุกอุตสาหกรรม และมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการเข้ามาทำงานที่ SAP เหมือนได้ก้าวไปอีกหนึ่งขั้นในชีวิตของการทำงาน ซึ่งเป็นการทำงานมาตรฐานระดับโลก

โดยเรามาทำงานที่นี่เป้าหมายคือ คือการนำนวัตกรรมทางดิจิทัลและประสบการณ์ของภาครัฐทั่วโลกจาก SAP มาช่วยเสริมสร้างศักยภาพของภาครัฐให้ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาวิกฤตการณ์ที่เกิดมากจากโควิท19 ซึ่งเป็นความท้าทายอันสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ของรัฐไทย"

การเริ่มต้นใหม่กับ "SAP" มองความท้าทายอย่างไรบ้าง

สิ่งที่ท้าทายกับการร่วมงานกับ SAP คือ

1. เราจะทำอย่างไรให้ภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยรู้จัก นวัตกรรมทางดิจิทัลสมัยใหม่ และใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของ SAP ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ     

ทั้งนี้แม้ว่า SAP จะอยู่คู่กับสังคมไทยมากว่า 26ปีแล้ว แต่เรายังเห็นโอกาสที่จะช่วยทางภาครัฐและเอกชนในการนำนวัตกรรมทางดิจิทัลมาใช้ เพื่อที่จะขับเคลื่อน นโยบาย ไทยแลนด์ 4.0ในหลายๆมิติ

2. การเปลี่ยนจากบริษัท e-commerce มาเป็นบริษัท software ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย เช่น เรื่องของกระบวนการภายในองค์กร โครงสร้างองค์กร กระบวนการต่างๆ การจัดการองค์กร ที่แตกต่างกัน เช่น ธุรกิจ E-Commerce ก็จะเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ในขณะที่ SAP ก็จะเคลื่อนตัวอย่างมั่นคง ระบบต่างๆ ก็จะต่างกัน นอกจากนี้การทำงานกับ ลาซาด้าจะอยู่ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอาลีบาบา เป็นบริษัทแม่ แต่ SAP มีเครือข่ายทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นเราก็ต้องทำงานทั้งในอเมริกาและยุโรปด้วย ซึ่งกระบวนการของที่นี่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างบุคลากรในบริษัทได้อย่างยอดเยี่ยม


เป็นผู้หญิงมาอยู่บริษัทชั้นนำระดับโลกเป็นไงบ้าง มีความกดดันอย่างไรบ้าง

"ส่วนตัวเรามองว่า บททดสอบก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์ตัวเราจนทำให้กลายเป็นที่ยอมรับต่อทุกคนหมดแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ในตอนนั้น ยังพ่วงตำแหน่ง เลขานุการคณะกรรมการกฎหมาย สมาคมประกันชีวิตแห่งประเทศไทย เป็นเวลา 8 ปี ซี่งตอนนั้นมีอายุเพียง 29 ปี และเมื่อมาทำงานที่ลาซาด้า เรายังเป็นประธานฝ่ายบริหารรัฐสัมพันธ์ คนแรกของลาซาด้าในเมืองไทยด้วย และปัจจุบันยังดำรงเป็นอนุญาโตตุลาการศาลยุติธรรมของประเทศไทย

สำหรับตอนนี้ เมื่อเราก้าวมาบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง SAP ที่มาพร้อมกับตำแหน่ง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายดูแลรัฐสัมพันธ์ เมื่อถามถึงความกดดันว่ามีมากไหม แน่นอนว่าต้องมากอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นผู้บริหารที่มีอายุน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้บริหารท่านอื่น แต่มั่นใจว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด


ส่วนตัวมักจะมองตัวเองเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอด พร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา ถามตัวเองเสมอว่าเราจะเรียนรู้อะไรดี ซึ่งเรามักจะต้องคอยหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ใช่ทุกวัน แต่เป็นทุกชั่วโมง ในเรื่องของดิจิทัล และซอฟต์แวร์เราต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อให้รู้เท่าทันสถานการณ์โลกที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดก็กลายเป็นสิ่งที่หลอมรวมเป็นตัวเราขึ้นมาได้ และพิสูจน์แล้วว่าเวทีระดับโลกแบบนี้ก็เหมาะสมกับผู้หญิงแบบเรา ซึ่งเราทำให้ลาซาด้ากลายเป็นที่ยอมรับของหลายๆ หน่วยงานรัฐ และเราก็มั่นใจว่า เราจะทำให้ SAP เป็นที่รู้จักของรัฐบาลและประยุกต์ใช้นวัตกรรมดิจิทัลมากขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืนได้เช่นกัน"

"คุณจิระวรรณ" ตั้งเป้าหมายจะบริหารไปรูปแบบไหน

"เป้าหมายหลักในการบริหาร SAP คือ อยากช่วยให้ภาครัฐและเอกชน เข้าใจนวัตกรรมดิจิทัลของ SAP และสามารถประยุกต์ใช้ให้มากที่สุด เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลนี้ในการขับเคลื่อนทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับประเทศไทยให้ก้าวทันโลก ทั้งนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมของภาครัฐและสังคมในการรองรับกับ New normal ในโลกยุคดิจิทัลที่เกิดมาจากวิกฤตการณ์การระบบของโควิท19  นี่เป็นเป้าหมายจริงๆ ของเราที่ตัดสินใจสินใจก้าวมายืนอยู่บริษัทชั้นนำระดับโลกแบบนี้"

มุมมองของตลาดซอฟแวร์โลก จะสามารถพัฒนาศักยภาพด้านใดให้หมาะสม ความคาดหวังในอนาคตจะพาบริษัท  SAP ไปในรูปแบบไหน

"SAP เรามีความชำนาญในทุกๆอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากประสบการณ์ที่อยู่กับสังคมไทยมากกว่า 26ปีนั้น ได้นำ Best Practice และ solution ที่ประสบความสำเร็จในหน่วยของภาครัฐทั่วทุกมุมโลก มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับนโยบายของรัฐและบริบทของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นระบบการบริหารทรัพยากรขององค์กร (ERP)  ระบบบัญชีการเงินและภาษี, ระบบบริหารงบประมาณ, ระบบบริหารทรัพยากรบุคคล, ระบบวางแผนการผลิต, ระบบบริหารสินค้าคงคลัง, ระบบจัดซื้อจัดจ้าง, ระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์กับภาคประชาชน และอื่นๆอีกมากมาย โดยผ่านการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลกของ SAP ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ปัญญาประดิษฐ์(AI) การสอนให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยการใช้ข้อมูลหรือ Machine Learning(ML), การทำ Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ผ่านระบบคลาวด์แพลทฟอร์มของเรา

เพราะฉะนั้นทุกองค์กรทุกระดับไม่ว่าจะเล็ก กลางใหญ่ สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลที่ได้การยอมรับทั่วโลกได้โดยง่ายและอย่างทันท่วงที ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ของประเทศที่เราต้องแข่งกับเวลาในการแก้ปัญหา ส่วนในตัวของเราอยากที่จะโฟกัสเฉพาะรัฐบาล เพราะอย่างเราทราบกันดี ในเรื่องของระบบการบริการจัดการต่างๆของทางภาครัฐนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องปรับปรุงโดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลเป็นอย่างมากเพื่อให้รัฐบาลสามารถให้บริการประชาชนในรูปแบบดิจิทัลหรือeservices ที่เข้าถึงกับประชาชนได้เร็วและง่ายและมีประสิทธิภาพ เราเล็งเห็นความสำคัญตรงนี้ จึงตั้งใจที่อยากจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้กับทุกกระทรวง ทบวง กรม และทุกองค์กรของภาครัฐ เพื่อพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนพร้อมแข่งขันในเวทีโลก

ซึ่งถ้าซอฟต์แวร์ที่เป็นฟันเฟืองหลักของการเข้าสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทยยังไม่มีศักยภาพ มันจะไม่มีทางเลยที่ประเทศไทยของเราจะแข่งขันในเวทีกับระดับโลก เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของ SAP จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวไปสุ่จุดนี้ได้ และไม่ใช่เพียงภาครัฐเท่านั้น ยังรวมไปถึงภาคเอกชนต่างๆอีกด้วย

เพียงแต่ว่าถ้าเรามีโอกาสในการนำเสนอคุญค่าในการนำนวัตกรรมและประสบการณ์ของทาง SAP ต่อหน่วยงานของภาครัฐ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าทางภาครัฐจะเห็นความสำคัญและคุณค่า และให้ SAP มีส่วนร่วมในการผลักดันนโยบายต่างๆของภาครัฐมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ"


เรามองจุดที่เราอยู่ตรงนี้ เรียกว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง และจุดไหนที่เรามองว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว

"เรียกได้เราประสบความสำเร็จแค่ระดับนึงนะ เรายังพร้อมที่จะก้าวไปอีกขั้นเสมอ พร้อมที่จะเรียนรู้กับสิ่งใหม่ เช่นตอนนี้ได้เข้ามาทำงานกับ SAP ก็ได้เรียนรู้ระบบคลาวด์ และ success stories ของหน่วยงานรัฐทั้งในภูมิภาคนี้และในประเทศอื่นๆทั่วโลก ซึ่งตรงนี้เองเรามองว่าการเรียนรู้เป็นอะไรที่ไม่สิ้นสุด และอีกสิ่งที่อยากจะทำ คือ เราอยากจะใช้ความรู้ทั้งหมดที่เรามีใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคม เรามั่นใจว่า SAP จะช่วย ขีดความสามารถของการบริหารจัดการทั้งหมดของภาครัฐบาล และภาคเอกชนได้อย่างแท้จริง สามารถช่วยลดทั้งต้นทุน และเวลา และความรวดเร็วในการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมทั้งก้าวไปสู่ระบบดิจิทัลให้ทันกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเรามองว่าถ้าเราไปเป้าหมายเหล่านี้ได้ นั้นแหละคืออีกหนึ่งความสำเร็จของเรา"



สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่ "คุณจิระวรรณ" ต้องพบเจอในตอนนี้ มีผลกระทบต่อการทำงานอย่างไรบ้าง และจะแก้ไขปัญหาอย่างไร

"ถ้าถามว่ากระทบไหม ตอบได้เลยว่ากระทบแน่นอน อย่างตอนนี้กลายเป็นว่าทุกคนต้องทำงานที่บ้าน โควิด-19 เปลี่ยนโลกเราให้กลายเป็นยุคนิวนอมอล(New Normal) ผ่านการใช้ดิจิทัลและเทคโนโลยีอย่างแท้จริง หลายๆ คนก็เริ่มจะศึกษาระบบคลาวด์ การปกป้องข้อมูลทาง internet ส่วนผลกระทบเรื่องของเศรษฐกิจก็มีคนพูดไปเยอะแล้ว เรามองว่าทุกคนควรที่จะหันมามองว่า เราควรจะมีระบบอะไรเพื่อจะช่วยให้ธุรกิจเราสามารถเติบโตได้มากขึ้นทันทีที่โควิด-19 หายไป เราเชื่อว่านวัตกรรมของ SAP จะช่วยบริษัท หรือรัฐบาลให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม เราจะไม่กลับมาสู่สิ่งนี้อีกแล้ว ภายใต้การเรียนรู้ในที่สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว"

"สำหรับการบริหารจัดการในยุคนี้เรามองว่าพอมันเป็นยุคดิจิทัล 4.0 สิ่งที่สำคัญของบริษัททุกบริษัทนั้นก็คือ ดิจิทัลแพลทฟอร์ม เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่มีรากฐานที่ดี ไม่มีเครื่องมือ คุณจะไม่สามารถไปต่อสู้กับใครได้เลย ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาล และคนไทย ควรจะหันมามองได้แล้วว่า จริงๆ แล้ว ระบบหลังบ้านเราอะไรที่ควรจะซ่อมแซมได้บ้าง แล้วอะไรที่เราควรจะพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ใช้อดีตที่ผ่านมามองเป็นบทเรียน เพื่อให้เราสามารถป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากอีก 10 ปีข้างเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เราก็จะสามารถบริหารจัดการ รับมือได้ดีและรวดเร็วมากขึ้น สุดท้ายเรายังคงมองว่าดิจิทัลแพลทฟอร์มเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะบริหารจัดการระบบหลังบ้านที่ทุกคนจะต้องมี และหันมาตระหนักถึงได้แล้ว".. คุณจิระวรรณ กล่าวทิ้งท้าย... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/89889/
#2907


ผลการศึกษาจากฮังการีที่ยังไม่ได้รับการรีวิวจากเพื่อนร่วมวงการ ระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของซิโนฟาร์มมีประสิทธิภาพน้อยในการปกป้องผู้สูงวัย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน การศึกษาตัวอย่างเลือดจากประชาชน 450 คนในฮังการีที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มเข็มที่ 2 มาแล้วอย่างน้อยสองสัปดาห์พบว่า 90% ของผู้ที่อายุต่ำกว่า 50 ปี มีแอนติบอดีที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นระดับภูมิคุ้มกันลดลง

ประมาณการความน่าจะเป็นที่ภูมิคุ้มกันไม่ตอบสนองในกลุ่มอายุ 60 ปีอยู่ที่ราว 25% และราว 50% ในกลุ่มอายุ 80 ปีผู้สูงวัยหลายคนไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ เท่ากับว่าควรมีมาตรการป้องกันโควิด-19ระบาดในคนกลุ่มนี้


อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาชิ้นนี้ถูกเผยแพร่บนออนไลน์เมื่อไม่กี่วันก่อน และยังไม่ได้เปิดให้เพื่อนร่วมวงการได้ทบทวน อีกทั้งนักวิจัยยังเตือนว่าการประมาณการที่เชื่อถือได้ถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างความเสี่ยงติดโควิด-19 การเข้าโรงพยาบาลหรือการเสียชีิวิตกับระดับแอนติบอดีหลังฉีดวัคซีนนั้นทำได้ยากมาก

ขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ว่า วัคซีนซิโนฟาร์มสร้างภูมิคุ้มกันสายพันธุ์เดลตาได้น้อยลง

ด้านซิโนฟาร์ม หรือที่รู้จักอย่างเป็นทางการว่า ไชนาเนชันแนลฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ป ไม่ได้ให้ความเห็นกับรอยเตอร์

ทั้งนี้ วัคซีนสองโดสของซิโนฟาร์มเป็นอีกตัวหนึ่งที่ใช้กันแพร่หลายในจีน บริษัทเห็นชอบจัดหาวัคซีน 170 ล้านโดสให้โครงการโคแวกซ์ไปจนถึงกลางปี 2565
#2908


วันที่ 25 ก.ค. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลได้เดินหน้ามาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกระตุ้นเศรษฐกิจและทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งตอนนี้เปิดได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่เดินทางเข้ามาเกือบหนึ่งหมื่นคน โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เข้ามา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, อิสราเอล, เยอรมนี และฝรั่งเศส อัตราเฉลี่ยการเข้าพักต่อคนอยู่ที่ 11 คืน ประเมินค่าใช้จ่ายต่อทริปอยู่ที่ 70,000 บาท ได้แก่ ค่าที่พัก ค่าตรวจ Swab ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าพาหนะเดินทางในจังหวัด ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เฉลี่ยการใช้จ่ายอยู่ที่ 5,500 ต่อคนต่อวัน ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนอยู่ที่ 534.31 ล้านบาท 


"นักท่องเที่ยวมีความประทับใจในอัธยาศัยไมตรีของชาวภูเก็ต และวางแผนเดินทางไปยังจังหวัดอื่น เช่น เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ต่อไป นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับไปแล้วยังได้วางแผนพาครอบครัวกลับมาเที่ยวไทยซ้ำอีกด้วย ซึ่งจากการประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวพบว่า พอใจคุณภาพของรถบริการรับ-ส่ง SHA พลัส ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต มากที่สุด รองลงมาคือ พอใจภาพรวมการให้บริการ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต และพอใจการตรวจคัดกรองเมื่อเดินทางมาถึง ซึ่งการเปิดประเทศครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมตัวในการรองรับช่วงปลายปีที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีก ทำให้เห็นว่าการเปิดประเทศครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว"

นายธนกรฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงประโยชน์สูงสุดของพื้นที่ที่เปิดไปแล้ว อย่างภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสโมเดล ให้ได้ใช้ประโยชน์ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดประชุม การจัดแสดงสินค้า เป็นต้น แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้ทั้งจังหวัดภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี ได้เพิ่มมาตรการการคัดกรองนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างเคร่งครัด นายกฯ ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับเรื่องการนำเทคโนโลยีมาใช้ที่ด่านหรือจุดตรวจอย่างเข้มงวดแล้ว เพื่อที่ประชาชนชนในพื้นที่จะได้มีรายได้อย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศในครั้งนี้

นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ปรับปรุงระบบลงทะเบียน COE ออนไลน์ใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาให้มีความสะดวก และ ททท. ในต่างประเทศยังได้ทำการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเจาะไปที่กลุ่มตลาดยุโรป เช่น ดูไบ แฟรงก์เฟิร์ต ลอนดอน กรุงปราก สตอกโฮล์ม และปารีส อีกด้วย โดยคาดว่า ต่อไปนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของฤดูกาลการท่องเที่ยว

โฆษก ศบศ. กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนต่อไป คือ การเดินหน้าเปิด 3 เกาะ ของจังหวัดกระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เลย์ และ 3 เกาะ ของจังหวัดพังงา ได้แก่ เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ โดยมีกำหนดเปิดในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 นี้ โดยได้เน้นย้ำถึงแผน 7+7 ของการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ต กับพื้นที่นำร่องที่เปิดไปแล้ว เป็นการผ่อนคลายมาตรการให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาใน "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" อยู่ครบ 7 วัน (เดิม 14 วัน) และตรวจ RT-PCR จำนวน 2 ครั้งแล้ว สามารถเดินทางไปในพื้นที่เกาะสมุย พะงัน และเกาะเต่า (สุราษฎร์ธานี) รวมถึงเกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ (กระบี่) และเกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย และเขาหลัก (พังงา) ในรูปแบบซีลรูท (Sealed Routes) หรือ Island Hopping ได้ตั้งแต่วันที่ 8 เป็นต้นไป โดย ททท.ยังคงตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวรวมปีนี้ที่ 8.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากตลาดต่างประเทศ 3 แสนล้านบาทในจำนวนนักท่องเที่ยวราว 3 ล้านคน และรายได้จากตลาดภายในประเทศ 5.5 แสนล้านบาท.
#2909
 
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ https://web.facebook.com/porntaywa
เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  
#2910
 5 วัน 5 คอร์ส เรียนออนไลน์ พื้นฐานสู่มือาชีพ


ประกาศๆ แจ้งให้ทราบ ถ้าคุณเป็นแบบนี้อยู่
ไม่มีประสบการณ์เลย
วิกฤตธุรกิจไปต่อไม่ได้
อายุเยอะแล้วกลัวเรียนไม่ทัน
อยากขายออนไลน์เป็น แต่ไม่มีคนสอน
เอาความรู้ไปต่อยอด

>>> 97 บาท <<<
ตอบโจทย์ที่สุดแล้ว ตอนนี้!!!
เพราะเราออกแบบคอร์สนี้
มาให้สำหรับท่านแล้ว
____________________________
5 วัน 5 วิชา
ที่สามารถพาคุณไปเจอกับโลกใบใหม่
เรียนผ่านมือถือเครื่องเดียว
วัยไหนก็เรียนได้
ปรึกษาได้ตลอด
ดูแลอย่างใกล้ชิด
วันที่ 1 การปรับหน้าโปรไฟล์
วันที่ 2 การสร้างวีดีโอ / รูปให้ดูน่าสนใจ
วันที่ 3 การสร้าง Content
วันที่ 4 การสร้างเพจมืออาชีพ
วันที่ 5 สอนยิงตรงกลุ่ม ยิงถูก ปิดยอดเก่ง
พร้อมวิธีหากลุ่มเป้าหมายแบบตรงเป๊ะ
.
เรียนจบครบทั้ง 5 วัน รับวุฒิบัตรได้ด้วย
ทั้งหมดนี้
เราเก็บค่าคอร์สกับคุณเพียง 97 บาท
ย้ำ!!คุณดูไม่ผิดหรอก 97 บาท
จากราคาปกติ 7,990 บาท
.
จำนวนจำกัด
สิทธิ์ 97 เฉพาะ 100 ท่าน
.
ขอท่านที่สนใจเรียนจริงๆ
เพราะเราก็ตั้งใจสอนให้ท่านจริงๆเช่นกันสนใจติดต่อ โค้ชเอก

โทร 0846623662

line id คลิก : teerapat999
facebook คลิก https://www.facebook.com/teerapat992018
website http://porntaywa99.lnwshop.com/p/1228
รายละเอียดเพิ่มเติม https://teerapat99.iconsalepage.com/
#2911
ขาย 26,590,000 บาท
โทร. 065.965.7691 เจ้าของ

ขายที่ดินแปลงใหญ่ 8-0-23 ไร่ ราคาถูกมากๆ ติด อบจ. ปทุมธานี ต.บ้านฉาง


หมู่บ้านบางหลวง ต.บ้านฉาง อ.เมืองปทุม จ.ปทุมธานี

- ก.40 x ย.320 ม.

เหมาะแก่การทำบ้านจัดสรรติดริมน้ำ, 
ปลูกบ้านพักอาศัยติดริมน้ำ,
ทำอาคารพาณิชย์, โกดังเก็บสินค้า, 
อู่รถยนต์

ทำเลดี ติดถนน 346 ราชพฤกษ์ เดินทางสะดวก อยู่ใน มบ.บางหลวง
ติด อบจ. ปทุมธานี เดินทางเพียง 5 นาทีถึง รพ.ปทุมธานี ,ศาลากลาง จ.ปทุมธานี, ห้าง Lotus โลตัส 
จะออกไป รังสิต-นครนายก จ.นนทบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.อยุธยา หรือ เข้ามาถนนแจ้งวัฒนะก็สะดวก 
สนใจสอบถามได้เลยจ้า 
0659657691
ID Line :bp2036
เจ้าของที่ขายเอง งดรับนายหน้านะคะ

ขายถูกๆ เพียงไร่ละ 3,300,000 เท่านั้น

#ขายที่ดิน #ขายที่ดินปทุมธานี #ขายที่ติดริมแม่น้ำ
#ขายที่ #ขายที่ดินแปลงใหญ่

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=76&t=7824132
















#2912
สร้างรายได้จากสติกเกอร์ไลน์ง่ายๆ ด้วยโปรแกรม MediBang Painthttps://www.chatstickmarket.com/single-post/makemoneyfromlinestickerseasilywithmedibangpaintprogram

#2913
Metang Platform แพลตฟอร์มยุคใหม่ของคนมีตังค์
สร้างคุณให้มีรายได้หลักล้านเร็วกว่าที่คุณคิด

แพลตฟอร์มมีตังค์ แพลตฟอร์มสร้างเงินออนไลน์สำหรับคนยุคดิจิตอล
ซึ่งไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อรับรายได้อีกต่อไป

เพียงคุณมีเครื่องมือนี้ ใช้มันเป็น มีเทคนิคที่ดี คุณก็สร้างเงินล้านได้แล้ว
Metang App มีตังค์แอพ แพลตฟอร์มมีตังค์ สร้างรายได้ยุคใหม่ปี 2021 ทำง่าย ได้เงินเร็ว ถูกกฎหมาย ด้วยแพลตฟอร์ม MeTang (มีตังค์)

มีตังค์เป็นแพลตฟอร์มที่มีการรวมสินค้ามากมายไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ให้ทุกคนได้เรียนรู้ ใช้งาน และเป็นเจ้าของธุรกิจได้เลย สร้างมาเพื่อแก้ปัญหาระบบการขายแบบเดิมๆ

เริ่มต้นง่ายๆ เพียงลงทะเบียน เรียนรู้ออนไลน์ในระบบ และเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ได้เลย แล้วการทำเงินจะเป็นเรื่องง่ายในยุคนี้ สำหรับคนที่พร้อมเรียนรู้

สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

กดเข้าลิ้งค์นี้ ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้การสร้างรายได้
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

ข้อมูลเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat/?ref=pages_you_manage
#2914


    นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า หลังจากมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ที่รุนแรงขึ้นและมีมาตรการล็อกดาวน์เข้มขึ้น  ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานธุรกิจโรงแรมช่วงครึ่งหลังปี 2564 ยังคาดการณ์ได้ยากจากครึ่งแรกปี 2564 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 

     ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับแผนกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นสอดคล้องกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาและเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปีก่อน ขณะเดียวกันด้านสภาพคล่องของบริษัทมีการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปได้ถึงสิ้นปีหน้า ด้วยกระแสเงินสดที่อยู่ในระดับสูง และมีหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 จึงไม่น่ากังวล  

     "เรายังคงทำธุรกิจด้วยความหวังว่า หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเริ่มลดลง มีวัคซีนทางเลือกเข้ามาและกระจายฉีดวัคซีนสร้างภูมิกันหมู่ได้  มียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลง ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในระยะข้างหน้า ซึ่งเราปรับแผนและเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเมื่อเปิดประเทศ"  

นายพชระ เลิศวิราม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า  แนวโน้มธุรกิจโรงแรมในปี2564คาดยังคงมีผลขาดทุน แต่จะขาดทุนลดลงจากปีก่อน เนื่องจากโรงแรมมีการปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายมาต่อเนื่อง     

      ทั้งนี้คาดว่าธุรกิจโรงแรมจะกลับมามีกำไรได้ในช่วงกลางปี2565  หากสามารถคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ระลอก 3 ได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งน่าเป็นจุดต่ำสุดของผลดำเนินงานธุรกิจโรงแรม เพราะหากมีการกระจายวัคซีนได้ ทำให้จำนวนยอดผู้ติดเชืื้อลดเริ่มลดลงในไตรมาส 4 ปีนี้ เริ่มเปิดเมือง มีการเดินทางของคนภายในประเทศและเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มกลับมาได้คาดว่า่ในปี2566 จะกลับมาเท่าก่อนโควิดในปี 2562 จะส่งผลดีต่อกำไรของธุรกิจโรงแรมในระยะข้างหน้า   

    " คาดว่าสถานการณ์โควิด-19ในต่างประเทศน่าจะฟื้นตัวได้ดีและเร็วกว่าในไทย ส่งผลดีการฟื้นตัวของ MINT และการสร้างรายได้จากต่างประเทศถึง 70%"      

    อย่างไรก็ตาม ทางด้านฐานะการเงินธุรกิจโรงแรมยังแข็งแกร่ง สภาพคล่องไม่น่าห่วง ยังรองรับผลกระทบจากโควิด-19ได้ถึงสองปี  โดย ณ ไตรมาส 1 ปี 2564  พบว่า CENTEL มีเงินสดและเงินกู้ 9,700ล้านบาท รองรับทำธุรกิจได้48เดือน,ERW มีเงินสดและเงินกู้6,500 ล้านบาท รองรับรับทำธุรกิจได้ 26 เดือน ,MINT มีเงินสดและเงินกู้43,000ล้านบาท รองรับทำธุรกิจได้30กว่าเดือน 

       
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า กำไรของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3  ปีนี้ คาดยังมีผลขาดทุนอยู่ แต่ปรับตัวลดลง จากช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ คาดการณ์CENTEL ขาดทุน 507 ล้านบาท ERW ขาดทุน 578 ล้านบาท และMINT ขาดทุน6,521 ล้านบาท

      "คาดไตรมาส 3ปีนี้น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจโรงแรม โดยผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งสูงสุดราวกลางเดือน ต.ค. และในไตรมาส 4ปีนี้ คาดว่าน่าจะดีขึ้นหากมีวัคซีนทางเลือกเข้ามามีการกระจายวัคซีนมากขึ้น ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงในบางพื้นที่ จนสามารถเริ่มเปิดเมืองโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ได้ จะสนับสนุนธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัว 

        ดังนั้น มองว่า MINT  ที่มีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดยุโรป  ที่มีพัฒนาการฟื้นตัวจากโควิด-19อย่างต่อเนื่องและยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่งจากการขายโรงแรมในต่างประเทศ และเช่ากลับมา
#2915


เมื่อเร็ว ๆ นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับมอบยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) นำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 2,000 ขวด เพื่อใช้กับผู้ป่วย COVID-19 ที่ไม่สามารถใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ได้ โดยเฉพาะผู้ตั้งครรภ์ที่มีภาวะปอดอักเสบ จากคณะผู้บริหารกลุ่ม ปตท. นำโดย ศาสตราจารย์พิเศษ    ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ ปตท. นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. ที่ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัด เร่งหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนในวิกฤต COVID-19 อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในจุดที่เป็นความจำเป็นสูงสุดในช่วงนี้ ซึ่ง กลุ่ม ปตท. อยู่ระหว่างเร่งจัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) นำร่องเป็นต้นแบบของภาคธุรกิจที่จะเข้ามาร่วมมือกับภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ร่วมช่วยเหลือสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในปัจจุบัน ที่ยังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของภาครัฐ หลังจากที่สนับสนุนการนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์เพื่อเพิ่มสำรองคงคลังภายในประเทศ

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. มีความตั้งใจที่จะร่วมสนับสนุนการแก้ปัญหาวิกฤต COVID-19 ของประเทศมาอย่างต่อเนื่องภายใต้ 'โครงการลมหายใจเดียวกัน' ซึ่งยาเรมเดซิเวียร์ดังกล่าว ปตท. ได้มอบให้ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด จัดหาและนำเข้าเพื่อสนับสนุนภาครัฐ รวมทั้งเตรียมการจัดหาอย่างต่อเนื่องเพิ่มเติม เพราะประเทศยังมีความจำเป็นต้องใช้มากยิ่งขึ้น

"กลุ่ม ปตท. ขอเป็นกำลังใจและเคียงข้างสังคมไทย เพื่อให้คนไทยและประเทศ ก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันโดยเร็วที่สุด"


สำหรับการให้ความช่วยเหลือในขั้นถัดไป กลุ่ม ปตท. ได้เตรียมการเพิ่มกำลังการดูแลผู้ป่วยโควิดครบวงจร (End-to-End) เพื่อเป็นอีกแรงสนับสนุนแก้ปัญหาวิกฤตเร่งด่วนของประเทศในขณะนี้ มุ่งเน้นการตรวจเร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว โดยจะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและพันธมิตรทางการแพทย์ ในการเพิ่มการตรวจคัดกรองเชิงรุก เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อ การดูแลผู้ติดเชื้อที่ดูแลตนเองเบื้องต้นที่บ้าน หรือ ในชุมชน (Home or Community Isolation) กลุ่ม ปตท. จะมอบ 'กล่องพลังใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน' ที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ ยา และ ของใช้ที่จำเป็น พร้อมระบบติดตามอาการทางไกล ตลอดจนการส่งต่อผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลสนามเขียวและเหลืองตามระดับความรุนแรงของอาการ โดยร่วมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในระดับสีเขียวประมาณ 1,000 เตียง ระดับสีเหลือง 350 เตียง

รวมทั้งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามไอซียู รองรับผู้ป่วยขั้นวิกฤต ระดับสีแดง จำนวน 120 เตียง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ดูแลทั้งระบบโดยบุคลากรทางการแพทย์ของพันธมิตรกลุ่ม ปตท. ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปลายเดือนกรกฎาคมนี้
#2916


 
การตรวจเลือด เป็นวิธีหนึ่งสำหรับเพื่อการตรวจสอบและบ่งชี้ถึงการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้หมอสามารถวินิจฉัยโรครวมทั้งสภาวะผิดปกติต่างๆที่อาจจะมีการเกิดขึ้นข้างในตัวเราได้ง่ายมากขึ้น เพราะเหตุว่าเลือดเป็นตัวกลางของการลำเลียงสารต่างๆทั้งน้ำ อาหาร เชื้อโรค เชื้อไวรัส รวมทั้งสิ่งแปลกปลอมอื่นๆไปทั่วร่างกายเรา การตรวจเลือดก็เลยเป็นแนวทางหนึ่งซึ่งสามารถหาสิ่งแปลกปลอมในร่างกายพวกเราได้อย่างแม่นยำแล้วก็รวดเร็ว อย่างไรก็ตามการตรวจเลือดเพียงอย่างเดียวไม่อาจจะฟันธงถึงความผิดปกติและก็โรคที่เป็นได้ เนื่องจากยังมีปัจจัยอีกหลากหลายที่ส่งผลให้ผลตรวจเลือดแสดงผลเป็นไม่ปกติ เป็นต้นว่า อาหารที่ทาน ระดู การออกกำลังกาย แอลกอฮอล์ที่ดื่ม หรือการใช้ยาบางชนิด ด้วยเหตุนี้จึงต้องควรมีการซักประวัติควบคู่กับการตรวจสอบเพิ่มเติม เป็นต้นว่า ตรวจปัสสาวะแล้วก็อื่นๆตามดุลยพินิจของแพทย์ แล้วก็เนื่องด้วยสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญรวมถึงการที่ในสมัยปัจจุบันนี้การแพทย์ต่างเจริญก้าวหน้า องค์ประกอบส่งเสริมสอดคล้องต้องกันขนาดนี้ เราก็ควรเอาใจใส่ตนเองด้วยการหมั่นดูแลร่างกายอยู่เสมอ การรับประทานอาหารที่ดีและการบริหารร่างกายอาจจะเป็นผลให้พวกเราสามารถมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงได้ แต่ภายในร่างกายพวกเราก็อาจมีความผิดปกติ โรคแฝง หรือโรคแทรกซ้อนต่างๆที่ไม่มีการแสดงอาการ ซึ่งอาจกระทบต่อชีวิตประจำวันทั้งต่อตัวเองและก็คนอื่นๆ ทั้งในปัจจุบันแล้วก็ในอนาคต การตรวจเลือดรวมทั้งการตรวจสุขภาพประจำปีก็จะช่วยให้เราสามารถรู้และก็คิดหาวิธีป้องกัน แก้ไข รักษาหรือหนทางที่เราจะอยู่ร่วมกับความผิดปกตินั้นๆได้
 



การตรวจผ่านแล็บก็ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับบุคคลทั่วไปอย่างเรา ๆ ที่ไม่ต้องการที่จะไปเบียดเสียดในโรงพยาบาลนานนัก ลดความแออัดในพื้นที่โรงพยาบาลที่มีล้นหลาม การตรวจผ่านแล็บนั้นพวกเราจะรู้ผลอย่างรวดเร็ว ไม่มีความจำเป็นต้องรอใบสั่งจากแพทย์ แค่เราโทรศัพท์หาแล็บเพื่อขอคำแนะนำการรับบริการและแนวทางเตรียมพร้อม จากนั้นก็สามารถเข้าไปตรวจเลือดได้เลย สะดวกอย่างยิ่งสำหรับชาวไทยในปัจจุบันที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเกี่ยวกับการได้รับเชื้อ HIV ไม่น้อยเลยทีเดียว จากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยหรือไม่ป้องกัน ในอีกทางหนึ่งก็มีคนบางกลุ่มที่เข้ารับการตรวจเพื่อดูผลเองเฉยๆโดยไม่มีความรู้ความชำนาญเพียงพอจึงไม่เข้าใจว่าผลตรวจเลือดแต่ละจุดแต่ละค่าหมายถึงอะไร รวมทั้งบางทีอาจส่งผลให้ไม่ได้ป้องกันอย่างถูกต้อง ด้วยเหตุผลดังกล่าวการตรวจเลือดด้วยตัวเองก่อนไปโรงพยาบาล ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีสำหรับผู้ที่อยากได้ความรวดเร็วไม่ต้องการที่จะอยู่แออัดในโรงพยาบาล แต่ก็ยังอยากได้รับคำแนะนำรวมทั้งวินิจฉัยจากแพทย์ 





สำหรับคนเหนือโดยเฉพาะคนพิษณุโลก เรามีที่ตรวจเลือดพิษณุโลกแนะนำ ซึ่งก็คือ พิษณุโลกเซ็นทรัลแล็บ สถานปฏิบัติการรวมทั้งตรวจวิเคราะห์ เน้นให้บริการด้านการตรวจเลือด แล้วก็ตรวจร่างกาย ซึ่งมีอุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์ที่นำสมัย และก็น้ำยาที่ใช้ตรวจจากประเทศอเมริกา ปฏิบัติการโดยนักเทคนิคการแพทย์ผู้มีความชำนาญที่สามารถให้คำปรึกษาทางการตรวจแก่ผู้รับบริการ และก็ที่สำคัญที่สุดการควบคุมคุณภาพทางห้องปฏิบัติการและก็การทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคพื้นที่ที่ให้บริการตามมาตรฐาน ยึดหลักความปลอดภัยแล้วก็ความลับของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ทำให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลการตรวจที่ถูกต้อง แม่นยำ รวมทั้งมีความปลอดภัยในการรับบริการ ถ้าสนใจต้องการเข้ารับบริการกับทางพิษณุโลกเซ็นทรัลแล็บ สามารถโทรปรึกษาการให้บริการ-การเตรียมตัวเพื่อตรวจได้ในเวลาทำการเปิดบริการ : วันจันทร์-วันศุกร์ 07.00 - 20.00 น.แล้วก็วันเสาร์-วันอาทิตย์ 07.00 - 17.00 น.โทรศัพท์ 05525958
#2917


"เอ็นไอเอ" พร้อมเผยยอดสตาร์ทอัพ/เอสเอ็มอีลุยส่งผลงานชิง "รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ" ทะลุเกินคาด มากถึง 560 ผลงาน เพิ่มมากขึ้นจากปี 2563 ที่มีคนส่งผลงานนวัตกรรมเข้าประกวด 373 ผลงาน โดยเฉพาะในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการมากที่สุด จำนวน 183 ผลงาน

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าว แม้สถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 จะยังไม่คลี่คลายลง แต่ NIA ก็ยังคงเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนการทำนวัตกรรมในมิติต่างๆ เพื่อแก้ปัญหา และตอบโจทย์ที่สังคมกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ผ่านกลไกในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย NIA จะเป็นสะพานเชื่อมภาคส่วนต่างๆ ให้ร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดันนวัตกรรมให้เติบโตและขยายวงกว้างต่อไป เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่กำลังเตรียมความพร้อมก้าวสู่ "ชาติแห่งนวัตกรรม"

"รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ" หรือ National Innovation Awards เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดำเนินการมาอย่างต่อเป็นปีที่ 17 เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของ "นวัตกรรม" โดยเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี และองค์กรต่างๆ ได้แสดงศักยภาพการสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมที่มีคุณค่าต่อเศรษฐกิจและสังคมในมิติต่างๆ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "The Timeless Honor รางวัลแห่งเกียรติยศสูงสุดแห่งนวัตกรรม ล้ำค่าเหนือกาลเวลา" เพื่อเชิดชูผลงานนวัตกรรมที่สามารถรองรับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในปัจจุบันและในอนาคต อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในปีนี้จะมีการระบาดของเชื้อโควิด -19 ระยะใหม่ที่ยากต่อการควบคุม

แต่รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติยังคงได้รับความสนใจทั้งจากสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี ภาครัฐ และองค์กรธุรกิจ ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดมากถึง 560 ผลงาน เพิ่มมากขึ้นจากปี 2563 ที่มีคนส่งผลงานนวัตกรรมเข้าประกวด 373 ผลงาน หรือเกือบร้อยละ 50 โดยเฉพาะในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคนสนใจส่งผลงานเข้าประกวดมากที่สุด จำนวนถึง 183 ผลงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนในสังคมเริ่มมองเห็นปัญหาว่าการเกิดโรคระบาด การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างกะทันหันส่งผลต่อการดำเนินชีวิตค่อนข้างมาก การพัฒนาระบบบริการที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตจึงจำเป็นและคาดว่าจะยิ่งทวีความสำคัญในอนาคต"

 "การทำกิจกรรมหรือการใช้ชีวิตในปัจจุบันหลายอย่างถูกขับเคลื่อนด้วยวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นการทำงานรูปแบบใหม่ การเรียนออนไลน์ การรักษาโรคและรับบริการทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ การเงินและธุรกรรมดิจิทัล หรือการสั่งซื้อของใช้จำเป็นในรูปแบบเดลิเวอรี่ รวมไปถึงการหาความบันเทิงที่มีการปรับมาอยู่ในรูปแบบแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ทั้งนี้ NIA เชื่อว่านวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการเป็นนวัตกรรมอีกหนึ่งด้านที่จะมีบทบาทในการใช้ชีวิตของคนในสังคมนับตั้งแต่แต่นี้ต่อไปจนถึงอนาคต และจะเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่กำลังจะมีมูลค่าสูงมากยิ่งขึ้น" พันธุ์อาจ กล่าวสรุป

รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นการมอบรางวัลให้แก่ผลงานนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นโดยฝีมือของคนไทย และมีความเป็นนวัตกรรมที่เด่นชัดและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างชัดเจนใน 5 ด้าน  ได้แก่ 1. ด้านเศรษฐกิจ (ผลงานนวัตกรรมที่สร้างให้เกิดคุณค่าเชิงพาณิชย์ และเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ) 2. ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (ผลงานนวัตกรรมที่สร้างให้เกิดคุณค่าต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม) 3. ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการ (ผลงานนวัตกรรมที่นำการออกแบบมาสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์และบริการ) 4. ด้านสื่อและการสื่อสาร (ผลงานนวัตกรรมและบุคคลที่มีความสร้างสรรค์ในการสร้างสรรค์เนื้อหาและการสื่อสารรูปแบบใหม่) และ 5. ด้านองค์กรนวัตกรรม (องค์กรที่มีการบริหารจัดการนวัตกรรมในองค์กรอย่างโดดเด่น ทั้งระดับยุทธศาสตร์ ระดับกระบวนการ และระดับโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร) โดยจะมีการประกาศผลการตัดสินในวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ซึ่งตรงกับ "วันนวัตกรรมแห่งชาติ"
#2918


ในวันที่(17 ก.ค. 2564) คนไทยติดไวรัสโควิดหลักหมื่น คนมากมายแทบจะมองไม่เห็นอนาคตประเทศไทย ดูอึมครึม น่าหวั่นไหว และไม่รู้ว่าจะเดินต่ออย่างไร

ผู้นำทางความคิดที่ขับเคลื่อนนโยบายด้วย Big Data เฉกเช่น ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ คิดเห็นอย่างไร 

หาคำตอบได้จากนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ ที่เป็นนักกลยุทธ์ด้านข้อมูล กรรมการผู้จัดการบริษัท Siametrics ให้คำปรึกษาองค์กรระดับชาติ โดยใช้ข้อมูลแก้ปัญหานโยบายสาธารณะ และยังเป็นกรรมการผู้จัดการ สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future )

ล่าสุด​ข้อมูลและการวิเคราะห์เรื่องทรัพยากรสาธารณสุขที่ทีมงานเขาทำให้กรมควบคุมโรค หลายเรื่องไม่ถูกนำไปใช้ จนทีมงานแอบน้อยใจ ณภัทร บอกว่า ต่อไปจะทำข้อมูลกระจายไปถึงประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย

"ที่ผมเป็นห่วงคือ จังหวัดในภาคใต้ ถ้าเอาจำนวนหมอ จำนวนอุปกรณ์การแพทย์มาเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อ น่ากลัวมาก ถ้ามาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า ติดเชื้อเยอะ แล้วหลั่งไหลเข้ามา คงไม่ไหว จะกลายเป็นความเจ็บแบบลึก" 

"ถ้าถามผม ตอนนี้ใกล้จุดที่กู่ไม่กลับ แม้กระทั่งขั้นต่ำเรื่องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน รัฐก็ยังตอบสนองไม่ได้ ประชาชนลำบากมาก ผมกลัวว่าต่อไปจะเกิดการจราจลหรืออะไรบางอย่าง ..." ณภัทร เล่า และหลายเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคนไทยและชีวิตเขา โดยเฉพาะการบริหารของรัฐบาล 

ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่า คิดผิดที่กลับมาอยู่เมืองไทย ?

สองปีที่แล้ว เป็นช่วงที่หายใจไม่ค่อยออก เนื่องจากสภาวะอากาศเป็นพิษ ผมพูดแบบนั้นเพราะรู้สึกว่า ลูกไม่มีทางเลือก ไม่ได้หมายความว่าลูกไม่มีอนาคตที่ดีในเมืองไทย เราเป็นพ่อก็อยากทำให้ดี 

ผมมีคำถามว่า บางอย่างน่าจะดีกว่านี้ได้ ด้วยศักยภาพทรัพยากรในเมืองไทย ทำให้ดีกว่านี้ได้

คุณบอกว่า"ศักยภาพของทรัพยากรในเมืองไทย สามารถทำให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น"แต่ที่ผ่านไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย ?

ผมมองว่าเป็นเรื่องกระบวนการ 1. กระบวนการการเมือง 2. กระบวนการใช้สอยทรัพยากรในประเทศ 

สมมติว่า ผมเป็นข้าราชการไฟแรง อยากเข้าไปทำประโยชน์ แต่โครงสร้างเก่าๆ ที่ตกทอดมา ถ้าอยากจะจัดสรรทรัพยากรดีๆ หรือโครงการดีๆ มันทำลำบาก ผมคิดว่านี่คือต้นตอ

ประเทศไทยไม่ได้ถูกจัดลำดับเศรษฐกิจอันดับท้ายๆ แม้จะมีข่าวว่าเศรษฐกิจไม่เติบโต แต่ยังเป็นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างใหญ่มากในโลก ทรัพยากรมีอยู่แล้วแต่มีข้อจำกัดการดำเนินนโยบาย ทั้งๆ ที่แก้ไขได้

แนวทางในการแก้ปัญหา ต้องทำอย่างไร

ผมลองประมวลปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น พบว่า หลายครั้งมีปัญหาคอขวดที่กระบวนการ

กระบวนการที่ผมคิดว่า น่าจะเป็นทางออก ข้อ1. ต้องเชื่อมห้องที่คิดและทำนโยบายกับคนจำนวนมาก เพราะนโยบายกระทบคนจำนวนมาก และคนหลากหลาย ทั้งเอกชน ภาคประชาชน บางทีก็กระทบกับภาครัฐด้วยเหมือนกัน 

ต้องเปิดห้องนี้รับฟัง Pain Point (ปัญหาที่เกิดจากสาเหตุบางอย่าง)พอทำตรงนี้แล้ว ข้อ2. ในเมื่อมีความหลากหลายของชีวิตและความต้องการ บางทีปัญหาเดียวกัน แต่กระทบคนไม่เท่ากัน 

ผมคิดว่าการรวมศูนย์อำนาจ มันไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาหรือการพัฒนาในเชิงการแก้ปัญหาและการวัดผลว่า ประเทศเราก้าวหน้าหรือเปล่า ยากมาก แม้จะมีดรีมทีมก็ยากเกินกว่าคนหยิบมือหนึ่งจะคิดได้หมด 

แม้จะช่วยคิดได้ ประมวลข้อมูลได้ แต่ไม่เท่าขยายอำนาจการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่อำนาจการตัดสินใจของบ บางคนอาจคิดว่ากระจายอำนาจแล้วก็จบ

ในปัจจุบันมีวิธีวัดผลนโยบายให้เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น ถ้ามีตรงนี้เราก็จะรู้ว่า เรากำลังทำให้ประเทศไปข้างหน้าจริงหรือเปล่า เราควรมีแนวคิดที่วัดได้ว่า เมื่อรัฐทำโครงการนี้แล้ว ชีวิตคนดีขึ้นอย่างไร แต่ที่ทำมายังไม่ใกล้แนวคิดนี้เลย

ยกตัวอย่างกรณีศึกษาสักเรื่องได้ไหม

ผมขอยกตัวอย่าง การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ความต้องการแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีความรู้การลงทุนเยอะ มีความรู้ความชอบในสินทรัพย์บางอย่าง แต่บางคนไม่คิดว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ดี และรับรู้ความเสี่ยงการตอบแทนของมันไม่เหมือนคนอีกกลุ่ม 

ดังนั้นเวลาออกนโยบายจากส่วนกลาง ก็ไม่มีทางที่จะกระทบจิตใจของคนส่วนมากที่ไม่ชอบหุ้นหรือกลัว แล้วเราก็เออออกันเองว่า พวกเขาไม่มีความรู้ทางการเงิน

ถ้าเราทำแบบทดสอบว่า คุณรู้จักเงินเฟ้อ หรือดอกเบี้ยทบต้นไหม ถ้าไม่อินตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ พวกเขาก็จะตอบว่า ไม่รู้ 

แต่ถ้าเข้าใจเรื่องการกระจายความเสี่ยงทางการเงิน ก็น่าจะเข้าใจตรงนี้อยู่บ้าง เป็นเพราะเราไม่เปิดกว้างกับความหลากหลายชีวิต นี่คือ เรื่องแรกที่ขอยกตัวอย่างในเรื่องการเชื่อมโยงกับคนส่วนใหญ่


ถ้าอยากให้ประชาชน(บางส่วน)เข้าใจและเข้าถึงแหล่งเงินทุนต้องทำอย่างไร

อย่างแรกที่ต้องทำ คือ ต้องเชื่อมกับเขา ให้เขารู้ว่า ผู้คนเข้าถึงเงินทุนไม่ได้เพราะอะไร หนี้นอกระบบ...ทำไมเป็นปัญหาขนาดนี้

ผมเคยลองคุย อยากแก้ปัญหาหนี้ให้ การที่จะบอกว่าเขาไม่มีความรู้ทางการเงิน ไม่ถูกซะทั้งหมด การหาเงินมาใช้หนี้แต่ละเดือน เป็นงานใหญ่สำหรับเขา

แค่คิดว่าจะต้องหมุนบัตรเครดิต ซึ่งอาจถูกที่บอกว่าเขาตัดสินใจพลาด และไม่ถูก...ถ้าบอกว่าเขาไม่มีความรู้เลย แต่โดนบีบบังคับด้วยสถานการณ์ ซึ่งมีรายละเอียดบางอย่างถูกมองข้าม

ถ้าจะช่วยคนที่ประสบปัญหาแบบนี้ ต้องทำอย่างไร

ถ้าอยากให้โครงการต่างๆ ของรัฐเกิดความคุ้มค่า ไม่เปลืองภาษี ก็ควรมีการวัดผล ยกตัวอย่างถ้าคุณทำมาตรการซอฟโลน (สินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ) จะเป็นโครงการอะไรก็แล้วแต่ สามารถปล่อยกู้โดยไม่ต้องมีคะแนนเครดิตรองรับ เพื่อทำให้เขามีแหล่งเงินทุนมากขึ้น 

แล้วเขาจะเอาเงินกลับมาคืนหรือเปล่า ก็วัดผลได้ แต่ละคนมีปัญหาที่เกี่ยวกับแหล่งเงินทุนไม่เท่ากัน สถานะไม่เหมือนกัน ระดับที่จะเข้าใจผลิตภัณฑ์การเงินไม่เหมือนกัน

อยากให้วิเคราะห์"อนาคตประเทศไทย"ใน 3 ปีข้างหน้าสักนิิด ? 

ผมขอนับตั้งแต่วันนี้ (15 กรกฎาคม 2564) เลย เอาเรื่องโควิดที่มีคนบอกว่าต่อไปจะเป็นโรคท้องถิ่นแบบไข้หวัดใหญ่ นับวันโอกาสยิ่งลดลง น่าจะมีปัญหาอีกยาว 

ผมมองว่าอนาคตประเทศไทย ถ้าเรายังบริหารจัดการวัคซีน บริหารจัดการวิกฤติแบบประสิทธิภาพด้อยขนาดนี้ ผมมองว่า อันตรายมากทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ

โครงสร้างเศรษฐกิจของเรา พึ่งพากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีการสัมผัสและใกล้ชิดเยอะมาก

ถ้าเรามองสั้นๆ ว่า ปีหน้าโควิดก็หมดแล้ว มันไม่ได้ ต้องมีการปรับตั้งแต่วันนี้ เพราะช่วงนี้ล็อกดาวน์ ( กรกฎาคม 2564) หลายคนลำบาก มีคนที่ไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ต้องมีมาตรการช่วยเขา ไม่ใช่เยียวยาอย่างเดียว

ถือโอกาสฝึกทักษะให้ทำอย่างอื่น เพื่อจะได้รู้ว่าบางอุตสาหกรรมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บางแห่งอาจไม่ต้องการแรงงานจำนวนเท่าเดิม เพราะระบบเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น โดยเฉพาะการท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวสัมพันธ์กับการควบคุมวิกฤติ มีบางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ ประเทศไทยสิ่งที่ควรควบคุมได้ก็ควบคุมไม่ได้ และเราต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวหลายประเทศ ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาเที่ยวไหม 

อย่างอังกฤษอีกไม่นาน ก็จะประกาศให้ทุกคนออกมาเดินเล่นได้ รัฐบาลเขาโอเค ถ้าจะมีคนติดโควิดวันละแสน เป็นเรื่องปกติของเขา ถ้าคนอังกฤษจะบินมาเที่ยวเมืองไทย คนไทยจะรับได้หรือเปล่า หรือตอนนี้จีนมีนโยบายไม่ให้เที่ยวนอกประเทศ แล้วไทยจะทำยังไง

ในช่วง 3 ปีนี้ ไทยควรวางแนวทางเศรษฐกิจอย่างไร

ใน 3 ปีนี้ต้องตอบโจทย์ก่อนว่า เศรษฐกิจโควิดแบบนี้ เราจะทำยังไง เพื่อไม่ให้คนอดตายและพึ่งพิงตนเองได้ด้วย

เรื่องเยียวยาก็ต้องทำ แต่น่าเสียดายถ้ามีความเชื่อมั่นทางการเมืองมากกว่านี้ ก็คงกู้เงินได้มากกว่านี้ ถ้าถามผมวิกฤติแบบนี้ ทำยากมาก โดยเฉพาะงบประมาณที่เบิกมาแล้ว ยังจัดการไม่หมด 

ถ้าจะใช้เงินอีก ก็ฟังไม่ขึ้น ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ก็คงเป็นเรื่องการระบาดของไวรัส แล้วคนไทยจะปรับตัวในเศรษฐกิจแบบนี้ยังไง

ถ้าไม่ปรับตัว คนไทยจะเป็นยังไง

คนรายได้น้อยจะอดตาย วิกฤตินี้ไม่เหมือนต้มยำกุ้งหรือแฮมเบอร์เกอร์ มันกระทบเศรษฐกิจจริง รุนแรงมาก กระทบผู้คนในวงกว้าง กระทบหนักกับคนที่มีรายได้น้อย โอกาสน้อย ผมว่าอันตรายว่า สังคมจะอยู่ร่วมกันยังไง


แล้วต้องทำอย่างไร

ถ้าถามผม ตอนนี้ใกล้จุดที่กู่ไม่กลับแล้ว แม้กระทั่งขั้นต่ำของชีวิต เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รัฐก็ยังตอบสนองไม่ได้ ประชาชนลำบากมาก ผมกลัวว่าต่อไปจะเกิดการจราจลหรืออะไรบางอย่าง เราเห็นแล้วว่า เงินเยียวยา มันยังไม่พอ

ทางภาคเอกชนและเครือข่ายผม ก็พยายามช่วยหางานให้คนตกงาน และให้ทำงานที่บ้านได้บ้าง กลายเป็นว่าประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง น้อยมากในประวัติศาสตร์ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะได้เป็นพระเอก และทั่วโลกผู้นำก็ออกมาทำนั่นทำนี่ 

เพราะผู้บริหารประเทศทำไม่ได้ ? 

ถ้าเขาทำไม่ได้ ก็ต้องมีการเรียกร้องเปลี่ยนอะไรบางอย่าง อย่างน้อยๆ ถ้าไม่เปลี่ยนใครเลย ควรมีความชัดเจนในเรื่องอำนาจการตัดสินใจ มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่เคยทำงานกับผม เขาช้ำใจเพราะทำเต็มที่แล้ว ขณะที่เขาอยากประสานงานบางอย่างกับภาคเอกชน แต่ไม่รู้อำนาจอยู่ที่ไหน จุดแรกที่สำคัญคือ เรื่องความโปร่งใสของกระบวนการ

การระบาดของโควิด คนที่เดือดร้อนมากคือ กลุ่มคนมีรายได้น้อย 

ในช่วงวิกฤติจากสถานการณ์โควิด ผู้นำควรทำอย่างไร

เรื่องพื้นฐานเลยคือ

1 การสื่อสารกับประชาชน ซึ่งมีคนที่เชี่ยวชาญตรงนี้ แล้วภาครัฐจะได้ประโยชน์มากจากการแนะนำของเขาในเรื่องการสื่อสารให้ชัดเจนตรงไปตรงมา ซึ่งทุกคนจะได้ประโยชน์

2 ควรมีการแบ่งขอบเขตการทำงาน อย่าให้ทุกอย่างมาติดคอขวดที่ ศบค.(ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส) แค่สองอย่างนี้จะทำให้หลายอย่างเดินต่อได้เร็วขึ้น


ถ้าอย่างนั้น คนไทยจะฝากอนาคตไว้กับคนรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นไหน หรือไม่มีอนาคต ? 

ผมคิดว่าน่าจะฝากอนาคตไว้กับทุกคน คนรุ่นใหม่ก็มีข้อจำกัด ผมเองก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง บางทีคนที่อายุมากกว่าก็มีประสบการณ์ หลายคนมีความเก่งไม่เหมือนกัน มีบทบาทอำนาจไม่เหมือนกัน

ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องตรวจดูว่า เราทำอะไรได้บ้าง พยายามใช้จุดเด่นให้มีประโยชน์กับคนอื่น ตอนนี้วิกฤติมากแล้วครับ ต้องออกมาช่วยกัน

ยกตัวอย่างสักนิดกับงานข้อมูลที่บริษัทคุณทำในเชิงนโยบาย ?          

ทำเวิร์คชอปกับกรมควบคุมโรคอยู่แล้ว เขาต้องมีแผนรับมืออนาคตอันใกล้ แต่งานหลักของเราคือ ข้อมูลเรื่องทรัพยากรสาธารณสุข

ถ้าไวรัสระบาดเข้าไปในพื้นที่เปราะบางในจังหวัดไม่มีแพทย์ ไม่มีเตียง ถ้าระบาดเยอะจะเกิดการสูญเสียเยอะ เพราะในกรุงเทพฯ นนทบุรี โรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับแล้ว

ที่ผมเป็นห่วงคือ จังหวัดในภาคใต้ ถ้าเอาจำนวนหมอ จำนวนอุปกรณ์การแพทย์ มาเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อ น่ากลัวมาก ถ้าคนมาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า ติดเชื้อเยอะแล้วหลั่งไหลเข้ามา คงไม่ไหว จะกลายเป็นความเจ็บแบบลึก


ประเทศไทยเดินไปถึงจุดนั้นหรือยัง

ภาคใต้น่ากังวลตั้งแต่รอบที่แล้ว กว่าจะควบคุมได้ ก็เหนื่อย ใช้ทรัพยากรกรมควบคุมโรคเยอะมาก อย่างภาคอีสานไม่ควรให้เกิดการระบาดของไวรัสโควิดเยอะ เพราะคนเยอะ ทรัพยากรด้านสาธารณสุขต่อประชากรมีน้อยมาก ยิ่งมีคนเดินทางกลับบ้าน ยิ่งน่ากลัว

นักวิชาการหลายๆ คนที่ทำวิจัยการระบาดของไวรัสโควิดรอบที่ 1 เขารู้สึกว่า ทำข้อมูลไปแล้ว ส่วนกลางไม่เอาไปใช้ ทั้งๆ ที่เราก็อยากให้เกิดประโยชน์

ตอนนี้เราก็เลยมีมูฟเม้นท์ใหม่ ทำงานวิจัยกระจายข่าวสู่ประชาชนหรือหน่วยอื่นๆ ไปเลย อย่างเรื่องล็อคดาวน์ ก็กระจายข้อมูลให้ผู้ว่าฯ รัฐส่วนกลางจะเอาไปใช้หรือเปล่าผมวางตำแหน่งไว้เป็นอันดับสองแล้ว


คุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สนใจทุกเรื่อง มีเรื่องไหนสนใจเป็นพิเศษไหม

 เศรษฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เรียบเรียงความคิดได้อย่างมีระบบ และไม่ได้เกี่ยวกับหุ้นและผลประกอบการอย่างเดียว ถ้าเราเรียนเศรษฐศาสตร์แบบผิวเผิน แล้วเราจะเกลียดมัน 

ผมโชคดีที่ซึบซับมาว่า เราสามารถนำมาประยุกต์กับสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ใช่แค่นโยบาย ยังรวมถึงเรื่องส่วนตัว การพัฒนาตัวเอง ความสัมพันธ์ ก็เลยชอบ ที่ชอบมากพิเศษคือ นโยบายสาธารณะ ผมคิดว่าสำคัญและใกล้ตัวทุกคน

ที่ผมสนใจเป็นส่วนตัวคือ นโยบายที่กระทบต่อทุนมนุษย์กับการพัฒนาตัวเอง และนโยบายที่กระทบต่อสุขภาพคน

ถ้าไทยมีทุนมนุษย์ที่ดี คนไทยเป็นแรงงานที่มีคุณภาพและสุขภาพดี ก็จะเป็นที่ต้องการในตลาดโลก จำเป็นมากในอนาคต ผมให้ความสำคัญเรื่องพวกนี้ ที่ผมเคยทำวิจัยว่า คนๆ หนึ่งเราจะวัดอะไรได้บ้าง

อย่างระบบการศึกษา วัดแค่ผลสอบได้เกรดเท่าไรก็จบ จริงๆ แล้วต้องไปไกลกว่านั้น ถ้าเราจะลงทุนในระบบการศึกษาดีๆ ลงทุนเรื่องพัฒนามนุษย์ ผมว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า


ยกตัวอย่างสักนิด ?

ที่ผมทำ เป็นนโยบายระดับชาติ ถ้าผมอยากทำให้คนไทยเก่งขึ้น สู้ตลาดแรงงานโลกหรือมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมมีทางเลือกเยอะมากผมจะค้นหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนกับประเทศเยอะที่สุดด้วยเงินที่มีอยู่

ยกตัวอย่างโครงการของจีนเรื่องหนึ่ง ลงทุนซื้อแว่นตาให้เด็กใส่ ฟังดูแล้ว ไม่น่าจะเป็นโครงการที่มีทางได้ลงข่าว ถ้าเทียบกับการลงทุนในอินเทอร์เน็ต หรือแท็บเล็ตที่มีค่าใช้จ่ายเยอะๆ

ถ้ามีการวัดผลเทียบกับเงินที่ลงทุน แล้วทำให้เด็กมีอนาคต อันนี้เป็นลงทุนน้อยแต่ได้เยอะ เนื่องจากเด็กสายตาสั้นมองไม่เห็นกระดานดำเวลาครูสอน บางทีเรามองข้ามเรื่องแบบนีี้ 

ทำไมเราต้องอินเทรนด์กับอะไรบางอย่าง แน่นอนแท็บเล็ตหรือไอซีทีมันสำคัญอยู่แล้ว แต่โดยหลักการ ควรลงทุนกับสิ่งที่ได้ผลตอบแทนสูงสุดก่อน แล้วค่อยๆ เลื่อนขั้นขึ้นไป


ในสายตาคุณ การลงทุนแบบไหนที่ไม่ค่อยได้ผล

ในเมืองไทยการลงทุนกับแบบเรียน หรืออุปกรณ์การเรียนบางอย่างมันสิ้นเปลือง ควรจะเลิก แล้วเทเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนกับการพัฒนาครู  

เดี๋ยวนี้เราวัดผลได้ว่า เราควรเอาเงินไปทำอะไรให้สังคมดีขึ้น ถ้าเราวัดผลได้ขนาดนี้ มันไม่มีเหตุผลเลยที่เราจะคิดไปเองหรือไม่วัดผลเลย


ตอนนี้สังคมไทยอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

ดูเหมือนบางอย่างไม่ถูกวัดผล หรือไม่มีความอยากวัดผลเลย นี่คือปัญหา


ถ้าจะลงทุนเพื่อให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น ควรลงทุนอย่างไร

ถ้าถามผมควรลงทุนกับโลกอนาคตที่ตอบโจทย์อัพสกิล-รีสกิล ให้กับคนไทย อย่าไปบังคับให้คนมาเรียน อย่างที่สิงคโปร์ให้คูปอง ให้โอกาส คนเลือกได้ว่า อยากพัฒนาตัวเองด้านไหน ผมว่าเป็นระบบการตลาดที่ค่อนข้างตอบโจทย์ สามารถวัดผลตอนจบได้ ก่อนอื่นต้องมีมายเซ็ตว่า ตอนจบของโครงการต้องวัดผลได้ ถ้าไม่มั่นใจ ทำเล็กๆ ก่อนแล้วขยาย ไม่ใช่ทำใหญ่แล้วจบ


(ทรัพยากรด้านสาธารณสุขของไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ)


มีเรื่องอะไรที่คุณอยากแบ่งปันให้สังคมอีกไหม

ผมอยากแนะแนวหรือเป็นเพื่อนคุยให้เด็กและเยาวชน เพราะเราเคยมีประสบการณ์ตอนเด็ก เคยสับสนในชีวิตช่วงวัยหนึ่ง และผมกับภรรยาเลี้ยงลูกด้วยกันเยอะ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ไม่เคยมีใครสอนผมเรื่องนี้

อย่างเรื่องการสร้างความมั่นใจให้เด็ก เวลาทารกร้องไห้เยอะๆ การเลี้ยงแบบโบราณก็บอกว่า ปล่อยให้ร้องไปอย่าตามใจ ซึ่งทางวิทยาศาสตร์หรือสมอง เด็กยังไม่มีความคิดแบบนั้นเลย

ผมเคยไปร่วมคุยในเฟซบุ๊คกลุ่มพ่อแม่ เรื่องไม่ตีลูก พ่อแม่สามารถคุยกับลูกด้วยเหตุผลได้ ซึ่งสามารถทำได้ แต่ไม่มีใครสอน ผมเชื่อว่า เด็กที่เกิดมาทุกคนบริสุทธิ์ ขึ้นอยู่ว่าเจอผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์แบบไหน ผมสนใจเรื่องเหล่านี้ อยากให้เด็กทุกคนมีโอกาสที่ดี มีวัยเด็กที่สมบูรณ์ ซึ่งยากมาก

เรื่องเด็กและเยาวชน เป็นเป้าหมายที่ผมจะทำในอนาคต เพราะเป็นเรื่องทุนมนุษย์ ผมให้ความสำคัญมาก เราไปใส่ใจในแง่เอาเงินทุ่มกระทรวงศึกษาธิการเยอะๆ แต่ไม่ได้ดูผลที่ได้ งบประมาณเกี่ยวกับการดูแลเด็กควรกระจายทุกกระทรวง


มูลค่าทางเศรษฐกิจของคนไทยหนึ่งชีวิตมีค่าเท่าไร

มีวิธีทำหลายแบบ ที่ทำออกมา คนไทยหนึ่งชีวิตมีมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 9-20 ล้านบาท ชีวิตคนอเมริกันมีมูลค่า 6-9 ล้านเหรียญ มากกว่าคนไทย 30 เท่า ไม่แปลกเพราะค่าแรงของเขาเยอะ

ถ้าถามว่า ตัวเลขเหล่านี้ มีประโยชน์อย่างไร สามารถนำไปวัดความคุ้มค่ามาตรการบางอย่างของรัฐ ผมให้ทีมงานทำข้อมูล วัดการล็อคดาวน์ไว้ ข้อดีคือ ช่วยชีวิตคนหมู่มาก ข้อเสียคือ คนจะอดตาย ไม่มีงาน

ถ้าจะไปให้สุดทาง ต้องคำนวณต่อว่า ควรจะล็อคดาวน์กี่วัน เพื่อให้สมดุลระหว่างประโยชน์และโทษที่ตามมา แน่นอนไม่มีใครอยากให้ล็อคดาวน์ปิดทั้งประเทศ ต้องมีจุดพอดี

ตัวเลขตรงนี้มีความสำคัญ เป็นราคาความคุ้มค่าของการทำมาตรการต่างๆ อย่างเรื่องวัคซีน ถ้าเอาตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจชีวิตคนไทยต่อคน 9-20 ล้านบาทมาคำนวณ ถ้ารัฐไปซื้อวัคซีนมากองๆ ไว้ก่อน ยังไงก็คุ้ม


นิยามคำว่า "หนึ่งชีวิตมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ"ไว้อย่างไร

เป็นจุดที่นักเศรษฐศาสตร์โดนเข้าใจผิดเยอะมาก  เป็นการประเมินคุณภาพชีวิตแบบเลือดเย็น ผมไม่ได้เป็นคนคิดตรงนี้ขึ้นมา

ยกตัวอย่างปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น ถ้าเราต้องการอากาศสะอาด ก็ต้องแลกกับต้นทุนทางเศรษฐกิจ ราคาแพงมาก ไม่สามารถทำให้ทั้งประเทศเป็นโซล่าเซลล์ได้


มีคนบอกว่า คุณให้ความสำคัญเรื่องการบริหารเวลาค่อนข้างมาก ?

สำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงโควิด ทำให้หลายคนกลับมาคิดว่า เป้าหมายชีวิตเป็นอย่างไร ผมว่าหลายคนเริ่มเห็นว่า อยากทำอะไรบางอย่างที่มีความหมายต่อชีวิต ช่วงหลังๆ ผมอยากใช้เวลากับครอบครัวและคนใกล้ชิดมากขึ้น

เพราะช่วงโควิดมีการสูญเสียเยอะ ทำให้เห็นว่า ทำไมชีวิตมันสั้นขนาดนั้น ก็เลยคิดว่า ต้องบริหารความสัมพันธ์ดีๆ โลกปัจจุบันเราคุยกันผ่านโซเชียลมีเดีย บางทีเราสูญเสียการมีความสัมพันธ์กันจริงๆ ช่วงนี้เราควรลงทุนกับทักษะความสัมพันธ์ ซึ่งมีประโยชน์ในอนาคต เพราะหุ่นยนต์ทำไม่ได้
#2919

เมื่อวันที่ 15 ก.ค.64 นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากการที่ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยสถาบันโรคผิวหนัง ได้ร่วมกับ 4 ค่ายมือถือเปิดให้ผู้สูงวัย ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป สามารถ "ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด 19" ได้ที่ช่องทางการลงทะเบียนของ


ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันศุกร์ 16-31 กรกฎาคม 2564 ช่วงเวลา 9.00 น. – 17.00 น. นั้น

ขณะนี้ ระบบสามารถตรวจพบการแจ้งข้อมูลเท็จจากการ "ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด 19" เป็นจำนวนมากพอสมควร ดังนั้น จึงขอเรียนแจ้งว่า สำหรับผู้จองคิวที่แจ้งข้อมูล วันเกิด และอายุ เป็นเท็จเพื่อรับคิวสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป แม้ท่านจะทำการจองได้สำเร็จแล้วก็ตาม แต่ทางศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อจะไม่สามารถบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ท่านได้ เนื่องจากต้องเร่งฉีดให้เฉพาะกลุ่มเป้าหมายคือ 60 ปีขึ้นไป เพราะภารกิจหลักตอนนี้คือ การเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอัตราการป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตสูงมากก่อน

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ และผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้สูงอายุที่ได้คิวฉีดวัคซีนจะได้รับ SMS และ QR CODE ที่มีสัญลักษณ์พิเศษเพื่อบ่งบอกว่าเป็นการจองคิวฉีดรอบผู้สุงอายุมากกว่า 60 ปี

ดังนั้น จึงเรียนขอความกรุณา และขอความร่วมมือมายังประชาชนที่จะเข้ามารับบริการทุกท่านเตรียม SMS / QR CODE พร้อมบัตรประชาชน แสดงต่อเจ้าหน้าที่คัดกรอง เพื่อให้เกิดความรวดเร็วลดความแออัด จะเป็นพระคุณยิ่ง
#2920
"14 วัน ล็อกดาวน์ ไม่ล็อกโปร" แคมเปญพิเศษ! จากชีวาทัย 
Exclusive View!! ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้ปลอดภัย ด้วย 360° Virtual Tour ภาพคมชัด เสมือนอยู่ในห้องจริง พร้อมให้ตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ คุ้มสุดๆ #เฉพาะออนไลน์เท่านั้น!
.
☑️ จองเริ่ม 999 บาท* 
☑️ รับเพิ่ม! Voucher Central สูงสุด 250,000 บ.*
☑️ ระยะเวลาโปรโมชั่น 12 -25 ก.ค. 64
☑️ เริ่ม 1.89 – 25.9 ล้าน*   
.
คอนโด ทาวน์โฮม บ้าน พร้อมอยู่ ทุกทำเลจากชีวาทัย คัดยูนิตและแปลงราคาพิเศษ เลือกห้องพร้อมติดต่อฝ่ายขาย และชมห้องตัวอย่างจริง ผ่านระบบ Virtual Tours 360องศา บนออนไลน์ คลิกที่นี่ >> www.chewathaionlinebooking.com 
.
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1260 Call Center