• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Beer625

#6031
ซิกส์ทีม (SIXTEEM) คือแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องสำอางบำรุงผิว ที่มีแนวความคิดริเริ่มจากการนำข้าวไทยมาเป็นวัตถุดิบส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ โดยคุณพัทธนันท์ เศรษฐภูวนันท์ ผู้ก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซิกส์ทีม เนเชอรัล โปรดักส์ โดยมีแรงผลักดันจากปัญหาเศรษฐกิจในตอนนั้นคือชาวนากับการจำนำข้าว ทำให้มีแนวความคิดเพื่อช่วยส่งเสริมเกษตรกรรวมทั้งเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทย ทางซิกส์ทีมก็เลยนำปัญหานี้ไปต่อยอดค้นคว้าหาข้อมูลข้าวสายพันธ์ต่างๆที่สามารถเอามาเป็นส่วนผสมในสินค้า จนพบว่าข้าวสีนิลไทยหรือข้าวหอมนิล ที่ประโยชน์ มีคุณสมบัติเหมาะสมแก่การบำรุงผิวพรรณ โดยซิกส์ทีมริเริ่มออกผลิตภัณฑ์ตัวแรกในปี พุทธศักราช 2559 เป็นโลชั่นบำรุงผิวกายจากสารสกัดข้าวสีนิล ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี





 ซิกส์ทีมยังคงสร้างสรรค์และพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์การบำรุงผิวเรื่อยมาจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2560 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซิกส์ทีม เนเชอรัล โปรดักส์ ก็ได้รับรางวัล Chiang Mai TOP TEN AWARDS 2017 จากหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งยังถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในสินค้าของดีจังหวัดเชียงใหม่ ถัดมาก็ได้รับรางวัล SMEs START UP AWARDS 2017-2018 จาก สสว. ถึงสองปีซ้อน และก็ล่าสุดได้รับรางวัล SME Provincial Champions 2020 กิจการต้นแบบของจังหวัดเชียงใหม่ รางวัลต่างๆและเสียงตอบรับจากผู้ใช้สินค้า ทำให้ซิกส์ทีมมั่นใจมากขึ้นว่าสามารถสนับสนุนให้ข้าวไทยมีชื่อเสียงในระดับประเทศได้ ซิกส์ทีมก็เลยเริ่มนำสินค้าที่มีออกวางขายไปที่ต่างประเทศ โดยได้รับการช่วยสนับสนุนจากภาครัฐได้ออกบูธสินค้าในประเทศจีน และสปป.ลาว ต่อเนื่องเรื่อยมา





 ในปี พ.ศ. 2562 ซิกส์ทีม ได้ผลักดันข้าวไทยสู่งานนวัตกรรมข้าวไทย ซึ่งคิดค้นและพัฒนาร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์และเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนับสนุนโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยข้าวที่ซิกส์ทีมนำมาร่วมศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้คือ "ข้าวก่ำดอยสะเก็ด" เป็นพญาแห่งข้าวทั้งหลาย สายพันธุ์ดั้งเดิมของชาวล้านนา รวมทั้งยังเป็นข้าวGI ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมี 6 สรรพคุณ ต่อต้านความชรา จากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยข้าวคราวนี้ ทำให้ซิกส์ทีม สร้างสรรค์และต่อยอดจนเกิดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากข้าวไทย ปัจจุบันนี้ซิกส์ทีมยังคงมุ่งมั่นพัฒนา โดยเป็นแบรนด์แรกๆที่ได้นำข้าวสีนิลไทยมาสกัดจนเกิดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณภาพสูงสุด โดยนอกจากจะต้องการส่งเสริมชาวนาไทยแล้ว ซิกส์ทีมยังมุ่งมั่นสำหรับการเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ข้าวไทยสายพันธุ์ดั้งเดิมไม่ให้สูญหาย แล้วก็ร่วมส่งเสริมให้ข้าวไทยมีชื่อเสียงในระดับโลกต่อไป



 
 
#6032
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  
#6033


บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ HMPRO เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 16,954.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,572.42 ล้านบาท หรือ 17.89% โดยมีกำไรสุทธิ 1,432.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 489.91 ล้านบาท หรือ 51.97% โดยมีปัจจัยจากจำนวนวันในการเปิดให้บริการที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ได้ถูกปิดสาขาชั่วคราว ตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ โดยโฮมโปร ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น กิจกรรม HomePro Super Expo และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ทั้งบนช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์จึงทำให้สามารถสร้างยอดขายได้เพิ่ม

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมา 2 ปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 1,432.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 489.91 ล้านบาท หรือ 51.97% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 16,954.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,572.42 ล้านบาท หรือ 17.89% ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งเป็นรายได้ที่ประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 16,154.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,330.14 ล้านบาท หรือ 16.86% เป็นผลจาก จำนวนวันในการเปิดให้บริการมากกว่าช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งปิดสาขาชั่วคราวตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น กิจกรรม HomePro Super Expo เป็นต้น สำหรับยอดขาย "โฮมโปรมาเลเซีย" ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา จากคำสั่ง Lockdown ของรัฐบาลมาเลเซีย ในช่วงเดือน พฤษภาคม และเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าเช่า 302.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.70 ล้านบาท หรือ 42.17% เป็นผลจากจำนวนวันในการเปิดให้บริการมากกว่าช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ยังคงมีการปรับลดค่าเช่า เพื่อช่วยเหลือผู้เช่า ที่ยังได้รับผลกระทบจากระบาดของ COVID-19 และบริษัทฯ ยังมีรายได้อื่นอีก 497.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.58 ล้านบาท หรือ 44.23% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าในสาขา

ทั้งนี้ บริษัทฯ มี กำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า และการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 4,065.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 778.03 ล้านบาท หรือ 23.67% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 23.78% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.17% เป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากาไรขั้นต้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนจัดซื้อสินค้าเช่นกัน

"สำหรับผลกำไรสุทธิในครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีผลกำไร 2,795.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 585.86 ล้านบาท หรือ 26.52% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 32,786.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,080.08 ล้านบาท หรือ 10.37% และ ณ ปัจจุบัน โฮมโปร มีสาขารวมทั้งสิ้น 86 สาขา โฮมโปรเอส 8 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซียอีก 7 สาขา" นายคุณวุฒิ กล่าวต่อไปอีกว่า

แม้สถานการณ์ยอดขายในไตรมาส 2 โดยรวมจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดขายสาขาเดิมของทั้งธุรกิจโฮมโปรในประเทศ และธุรกิจเมกาโฮม ยังสามารถเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนหน้า เนื่องจากฐานรายได้ที่ต่ำในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมาจากการปิดบางสาขาชั่วคราว รวมถึงในช่วงต้นเดือน เมษายน บริษัทฯ มีการจัดงาน HomePro Super Expo ผ่านช่องทาง E-commerce และทุกสาขาทั่วประเทศ แทนการจัดงานในรูปแบบเดิม

นายคุณวุฒิ กล่าวอีกว่า ทางบริษัทฯ ได้ปรับตัวเปลี่ยนแผนการดำเนินงานต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่จะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะ จึงเพิ่มความสำคัญให้กับสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน ที่คนยังต้องใช้ชีวิตในบ้าน หรือลดความเสี่ยงในการไปสถานที่ที่ผู้คนแออัด โดยมีการเพิ่มสินค้าในกลุ่มป้องกันและฆ่าเชื้อโรค รวมไปถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Work From Home และ Cooking at Home ที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาช่องทางขายอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้การใช้งานสะดวกและง่ายขึ้นในส่วนของช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น แอปพลิเคชั่น HomePro Application และ Home Service Application

"นอกจากนี้ โฮมโปร ได้พัฒนาการให้บริการ Chat Shop4U ที่เสมือนมีผู้ช่วยในการเลือกซื้อสินค้าและบริการในช่วงที่ลูกค้าไม่สามารถออกมาซื้อที่สาขาได้ โดยได้พัฒนาในส่วนของบริการขนส่งสินค้าภายในวันที่มีการสั่งซื้อ (Sameday Delivery) และในส่วนของการรับสินค้าที่สาขา (Click & Collect) นอกจากนี้ เนื่องจากการที่คนอยู่บ้านมากขึ้นทางบริษัทฯ ได้สร้างความน่าสนใจและสรรหาโปรโมชั่นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องผ่านช่องทาง social media ซึ่งการพัฒนา Omni Channel ในช่องทางออนไลน์เหล่านี้ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่ยังมีความกังวลเรื่องการระบาดของ COVID-19 และเป็นตัวช่วยเสริมรายได้ไตรมาส 2 ให้ยังสามารถเติบโตได้เช่นกัน".
#6034



ราคาทองวันนี้พฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2564 ประกาศครั้งที่ 1 (เปิดตลาด) เมื่อเวลา 09.27 น. ปรับขึ้น 200 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันพุธ ที่แม้ตลอดทั้งวันมีการประกาศราคาทองทั้งหมด 3 รอบ แต่รวมแล้วคงที่ไม่เพิ่มไม่ลดจากราคาซื้อขายเมื่อวันอังคาร

ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม2564 (ประกาศครั้งที่ 1)

ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 28,750 บาท รับซื้อบาทละ 27,636.68 บาท

ราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 28,250 บาท
รับซื้อบาทละ 28,150 บาท

ราคาทองคำ Spot เช้านี้ปรับตัวขึ้นสู่บริเวณ 1,815 ดอลลาร์ หลังจากราคาทองคำโคเม็กซ์ปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาลดลงเล็กน้อย 10 เซนต์ สู่บริเวณ 1,799.7 ดอลลาร์ ก่อนที่จะทราบผลการประชุมคณะกรรมการ FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม และคงมาตราการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนกว่าตลาดแรงงานสหรัฐจะแข็งแกร่ง

ราคาทองคําฮ่องกงเปิดตลาดเช้านี้เพิ่มขึ้น 80 ดอลลาร์ฮ่องกง สู่ระดับ 16,790 ดอลลาร์ฮ่องกง
#6036



นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับประเทศ กล่าวว่า ร่วมกับบริษัท แอพแมน จำกัด (AppMan) ผู้นำเทคโนโลยี OCR อันดับหนึ่งในตลาด เรื่องความแม่นยำในการอ่านอักขระโดยเฉพาะภาษาไทย เชื่อมโยงเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน เพื่อสนับสนุนการทำสร้างระบบ e-KYC Solution ครบวงจร พร้อมตอบโจทย์โลกแห่งอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของธุรกิจและแพลตฟอร์มต่างๆ สำหรับการเปิดให้บริการบนช่องทางออนไลน์ 

"เรามีความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้า หรือ Face Recognition ที่ได้รับเทคโนโลยีมาจากพันธมิตรชั้นนำด้าน AI ของโลกอย่าง SenseTime ขณะเดียวกัน AppMan ก็ถือเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการอ่านอักขระด้วยแสง หรือ Optical Character Recognition เมื่อเราเชื่อมโยงเทคโนโลยีของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน จะช่วยให้เราสามารถสร้าง e-KYC Solution ครบวงจร สร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยให้แก่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่กำลังมุ่งหน้าสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายสิทธิเดช กล่าว

ทั้งนี้ เทคโนโลยี e-KYC ของทั้ง 2 บริษัท จะช่วยพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้งาน ผ่านการสแกนบัตรประชาชน สแกนเอกสารทางราชการ ตลอดจนสแกนใบหน้า บนแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันต่างๆ ช่วยให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถป้องกันการปลอมแปลงเอกสารหรือตัวตน ป้องกันความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เรียกใช้ข้อมูลได้ง่ายจากฐานข้อมูล ลดขั้นตอนการทำงานเมื่อเทียบกับการต้องยืนยันตัวตนแบบต่อหน้า (Face to Face) ขณะเดียวกัน ยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ลดขั้นตอนการกรอกเอกสาร ลดระยะเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเทคโนโลยี Face Recognition และ OCR ของบริษัทยังมีจุดแตกต่างจากเทคโนโลยี e-KYC ทั่วไปที่มักมีต้นทุนต่อการทำธุรกรรม (Transaction) ค่อนข้างสูง การผนึกกำลังระหว่าง 2 บริษัท จะส่งผลให้ลูกค้ามีต้นทุนต่อ Transaction ต่ำลง เพื่อให้บริการในราคาที่เข้าถึงได้ มีความแม่นยำสูง อีกทั้งมีความปลอดภัยมาตรฐาน Banking Grade

ด้านนายธนภูมิ เจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอพแมน จำกัด หรือ AppMan ผู้นำเทคโนโลยี OCR อันดับหนึ่งในตลาด กล่าวว่า เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่มีความเปราะบางสูง บริษัทฯ จึงสร้างความเชื่อมั่นปกป้องข้อมูลความปลอดภัย ผ่านการตรวจสอบ (Audit) ทุกขั้นตอนมาตรฐานสากลระดับ CSA- Star Level 2 และ ISO/IEC27001 ก่อนนำเสนอสู่ตลาด พร้อมให้บริการบน Cloud อีกทั้งในระดับโลกนั้น เทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกับ e-KYC เข้ามามีบทบาทสำคัญมากในหลากหลายกลุ่มธุรกิจระยะหนึ่งแล้ว อาทิ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลโดยตรง เช่น ธุรกิจศูนย์ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใช้ e-KYC เข้ามายืนยันตัวตน ป้องกันการโจรกรรมทางการเงินและการฟอกเงิน กลุ่มธุรกิจการศึกษาที่ปัจจุบันเริ่มมีสถาบันการศึกษาดิจิทัล หรือแม้กระทั่งการเรียนออนไลน์ของสถาบันการศึกษาต่างๆ ใช้ e-KYC เข้ามาช่วยยืนยันตัวตนผู้เข้าเรียนและผู้เข้าสอบ


"ในไทยเอง e-KYC ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในแทบทุกกลุ่มธุรกิจเช่น ในกลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ ก็มีการปรับตัวให้บริการคำปรึกษาด้านสุขภาพแบบ Online Video Consultation ต้องมีกระบวนการ Digital Onboarding และ e-KYC เข้ามาเกี่ยวข้อง ความร่วมมือกับสกาย ไอซีทีในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ทั้ง 2 บริษัทขยายโอกาสในการบริการกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น รองรับทั้งการเติบโตในไทยและระดับโลก" นายธนภูมิ กล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ทั้ง 2 บริษัท จะมุ่งเจาะตลาด มีทั้งกลุ่มหน่วยงานภาครัฐที่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการพิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบเอกสารทางราชการเพื่อความปลอดภัย กลุ่มภาคเอกชนในหลากหลายประเภทธุรกิจ อาทิ กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มธุรกิจประกันภัย กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจการศึกษา กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ กลุ่มธุรกิจขนส่งอาหาร กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เป็นบริษัท Tech Company เต็มรูปแบบที่เน้นการพัฒนานวัตกรรม การให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions ให้ลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะของ SKY ICT

ขณะที่ บริษัท แอพแมน จำกัด หรือ AppMan เป็นบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีกระบวนการทำงานอัจฉริยะ หรือ Intelligent Working Process (IWP) ดิจิตอลโซลูชั่นหลากหลายรูปแบบด้วยความเชี่ยวชาญเทคโนโลยี OCR, เอไอ (AI) และ แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) ครอบคลุมทุกธุรกิจ เสริมศักยภาพและขยายอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ทุกองค์กรตามมาตรฐานสากล
#6037



ท่ามกลางมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกัน ผู้ป่วยมะเร็งที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นแต่ละวันก็ไม่สามารถรอการรักษาได้ ชี้ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท สร้างการเปลี่ยนแปลงกับอุตสาหกรรมการแพทย์ก้าวสู่ "ดิจิทัลเฮลท์" ช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ รวมถึงการติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล ปรึกษาและช่วยเหลือกันระหว่างผู้ป่วยและโรงพยาบาล 

เพิ่มช่องทางการรักษาที่รวดเร็วขึ้น สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ของคนบนโลกดิจิทัลที่มุ่งเข้าถึงบริการต่าง ๆ ผ่านออนไลน์มากขึ้น พบคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ในชีวิตประจำวันกว่า 69.5% เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 

เคลื่อนการแพทย์ สู่ ดิจิทัลเฮลท์

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก่อตั้งโดยร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลฯ ได้เพิ่มบริการ "CHIWAMITRA Cancer Consult" ซึ่งเป็นการพัฒนาและขับเคลื่อนโรงพยาบาลฯ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าบริการได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ด้วยบริการนัดหมายเพื่อปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่(New Normal) ของคนและสถานการณ์ในปัจจุบัน 


เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ให้กับผู้ป่วยและญาติ ท่ามกลางมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ผ่านบริการที่ให้ความสะดวก รวดเร็ว เสมือนมีแพทย์อยู่ใกล้ตัว โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ช่วยลดภาวะความเสี่ยงในขณะที่เข้าถึงระบบนัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหา โรคมะเร็ง โดยบริการดังกล่าวนับเป็นก้าวหนึ่งของการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอดสู่บริการใหม่ ๆ ในอนาคตด้านบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลฯ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการแพทย์สู่ "ดิจิทัลเฮลท์" ช่วยให้ผู้ป่วยและประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านการติดต่อสื่อสารไร้พรมแดนในประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูล ปรึกษา และช่วยเหลือกัน ระหว่างผู้ป่วย ญาติ และโรงพยาบาล ได้ทุกที่ ทุกเวลา

"โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา เปิดบริการ "CHIWAMITRA Cancer Consult" ด้วยความตั้งใจที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ในการให้บริการแก่ผู้ป่วยและญาติผู้เข้ารับบริการ ด้วยการใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบ ยกระดับบริการ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการให้คำปรึกษาด้วยข้อมูลทางการแพทย์ โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยด้านสุขภาพ" 

เพิ่มการสื่อสารสองทางระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยและญาติในเขตพื้นที่ และพื้นที่ห่างไกล ให้มีความคล่องตัวในการเข้าถึงข้อมูลและการนัดหมายแพทย์ หรือบริการอื่น ๆ ของโรงพยาบาลฯ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ให้ผู้ป่วยมะเร็งและญาติสามารถเข้าถึงช่องทางปรึกษาโรคมะเร็ง ผ่านแพลตฟอร์มที่คุ้นเคยทั้ง ไลน์ เฟสบุ๊ก เว็บไซต์ หรือโทรศัพท์ ซึ่งยังเป็นช่องทางหลักที่ผู้ป่วยและญาติคุ้นชินและใช้เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสาร โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในยุคปัจจุบัน


รักษามะเร็ง "นิวนอร์มอล"

"CHIWAMITRA Cancer Consult เป็นบริการที่สอดรับวิถีชีวิตใหม่ "นิวนอร์มอล" ในสังคมยุคดิจิทัล ท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลงด้วยผลกระทบช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กับสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสครั้งใหญ่ นับเป็นหนึ่งแรงผลักดันสำคัญให้ประชาชนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเกิดการปรับวิถีชีวิตใหม่ ก้าวสู่วิถีการกินอยู่ การเรียน การทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิต ที่มีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยจาก We Are Social และ Hootsuite ได้รายงานข้อมูลสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกประจำปี 2563 ที่ผ่านมา พบคนไทยมีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ในชีวิตประจำวันกว่า 69.5% เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา "
 

ทั้งนี้ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรามุ่งมั่นในการเอาใจใส่ผู้ป่วยมะเร็งอย่างเป็นมิตรกับทุกชีวิตผ่านบริการทางการแพทย์ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็ง โดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง บริการใหม่ดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในความตั้งใจที่จะพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง และญาติสามารถใช้บริการ "CHIWAMITRA Cancer Consult" ได้ผ่านไลน์ @chiwamitra เฟสบุ๊ก  โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา  


และเว็บไซต์ www.chiwamitra.com หรือโทร 045-958-888 ได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มีความจำเป็นต้องเข้ารับรักษาเร่งด่วน หรือมีความจำเป็นต้องย้ายมารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่อง  สามารถติดต่อโรงพยาบาลฯ ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสารส่งตัว โดยโรงพยาบาลฯ พร้อมดูแลผู้ป่วยทันที ไม่ต้องรอคิวเข้ารับการรักษาภายใต้ความปลอดภัยมาตรฐานกรมควบคุมโรค
#6038
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  
#6040
8 เหตุผล ที่คุณต้องใช้ โปรแกรมหวย RICHMANTOOLโปรแกรมหวย ของ Ricmantool เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นมา เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แก่เจ้ามือหวย ลดขั้นตอนการทำงาน ลดขั้นตอนการผิดพลาดที่ อาจจะเกิดการตกหล่น จดซ้ำซ้อน จนทำให้เกิดความเสียหายไปดึงด้านการทำบัญชี และการเงินได้ แนะนำ 8 ข้อดีของ โปรแกรมหวย RICHMANTOOL1.มีหลายเวอร์ชั่นให้เลือกใช้งาน เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโปรแกรมของเรา พัฒนามาเพื่อเจ้ามือโดยเฉพาะ เราจึงคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก ที่เรามีหลายเวอร์ชั่น เพื่อต้องการให้เจ้ามือได้ลองเลือกใช้ หากเป็นรายใหญ่มีตัวแทนเยอะ ก็มีระบบที่สามารถใช้ได้หลายคน หรือ บางท่านทำแค่ภายในครอบครัว ก็สามารถซื้อแบบเวอร์ชั่นเล็กสำหรับใช้งานคนเดียวได้2.พัฒนาโปรแกรมตลอดเวลาโปรแกรมของเราพัฒนาขึ้นเองโดยเจ้าของโปรแกรม ไม่ได้มีการจ้างโปรแกรมเมอร์อื่นๆเข้ามาทำ ดังนั้น เราจึงสามารถพัฒนาเวอร์ชั่นได้อย่างต่อเนื่อง และ อัพเดทได้ ไม่มีวันหมดอายุ3.มีผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 Userเราพัฒนาระบบนี้มามากกว่า 5 ปี พร้อมนำฟีดแบ็คจากผู้ใช้งานมาปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ4.มีทีมงาน Support ตลอดเวลาทีมงาน Support ของเรา สแตนบายเพื่อคอยให้การช่วยเหลือ หรือ แก้ไข กับผู้ใช้งาน สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทาง email และ Line OA จึงทำให้สามารถตอบคำถาม หรือ แก้ไขปัญหาได้ทันที5.ลดขั้นตอนการทำงานเชื่อได้ว่า ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน หลายๆเจ้าจะต้องมีปวดหัวกับการต้องมานั่งจดเลขทีละตัว หรือ ต้องมานั่งเช็คอีกรอบเพื่อกันการผิดพลาด เพียงแค่มี โปรแกรมหวย richmantool6.ใช้งานง่าย ส่งมาทางไหนก็เอาอยู่ไม่ว่าจะเป็นไฟล์จาก excel หรือ ส่งมาทาง Line ก็สามารถดึงตัวเลขเข้าโปรแกรมได้ทันที นอกจากนี้  ยังสามารถ คีย์เลขชุด 24,60,120,210 ประตู (4,5,6,7 ตัว ) ได้อีกด้วย7.ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะหายเรามีระบบสำรองข้อมูล และ ป้องกันการผิดพลาดของฐานข้อมูลไว้ให้ทุกท่านได้ใช้งาน และยังสามารถนำเข้าข้อมูลมาในโปรแกรมได้อีกด้วย8.สรุปยอด วิเคราะห์ระบบสามารถสรุปยอด กำไร - ขาดทุน และวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนออกตัว ทำให้เจื้อ สามารถเห็นความเป็นไปได้ในการดำเนินการของรอบนั้นๆ ลดการขาดทุนแก่เข้ามือได้อีกด้วยไม่เพียงแค่ 8 ข้อนี้เท่านั้น ที่ระบบเราทำได้ ยังมีอีกเยอะแยะมากมาย อยากแนะนำมาทดลองใช้กันก่อน เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และ ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการขาดทุนได้ เรามีทีมงานทีจะคอยแนะนำการใช้งานให้ท่านเสมอ โปรแกรมของเรา ยอดดาวน์โหลดอันดับ 1 ในประเทศไทย

โปรแกรมเจ้ามือหวย
#6041
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ https://web.facebook.com/porntaywa
เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  
#6042


วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) เผยกลยุทธ์การขายปี 2564 เดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อมอบบริการบนเครือข่ายดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ (Digital Services) เปิดตัวศูนย์บริการลูกค้ารูปแบบใหม่ Customer Relations Center (CRC) สัมผัสการบริการแบบครบวงจรให้ความรู้สึกปลอดภัยตลอดการเดินทาง และ ยังคงให้ความสำคัญกับการยกระดับโชว์รูมบนมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) รวมถึงบริการซ่อมบำรุงระดับพรีเมียม Volvo Personal Service (VPS) สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าทั้งแบบ Plug-in Hybrid และ Pure Electric ตามแผนธุรกิจระยะ 10 ปีของวอลโว่ เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานสะอาดระดับพรีเมียมของโลกภายในปี 2573

ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย มียอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ 1,824 คัน โดยเป็นลูกค้าองค์กร 26% ส่วนการจำหน่ายรถยนต์มือสองภายใต้มาตรฐาน Volvo Selekt Used Cars มีอัตราลดลงเพียง 10% สำหรับรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่รุ่น XC40 คิดเป็น 30% ของยอดจำหน่ายรวม อันดับสองคือรุ่น XC60 คิดเป็น 26% และอันดับสามคือรุ่น V60 คิดเป็น 16% โดยรุ่นที่น่าจับตามองคือรุ่น S60 ซึ่งเปิดตัวในช่วงการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคระบาดโควิด-19 แต่ยังสามารถจำหน่ายได้นับร้อยคันทันทีที่เปิดจอง



นายภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด สรุปการดำเนินธุรกิจของวอลโว่ ประเทศไทยในปีที่ผ่านมาว่า "วิกฤติการณ์ในปี 2563 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก สำหรับวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เรามีการตั้งรับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ด้วยการยกระดับช่องทางการสื่อสารออนไลน์และมาตรฐานด้านสุขอนามัยในศูนย์บริการทุกแห่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้เราสามารถจำหน่ายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดระดับพรีเมียมได้เกือบ 2,000 คัน โดยลดลงจากปี 2562 เพียง 13% เท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าผู้บริโภครายย่อยยังคงเชื่อมั่นในประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของรถยนต์วอลโว่อย่างมาก"

สำหรับการดำเนินงานด้านการยกระดับคุณภาพของศูนย์บริการในปี 2563 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย สามารถขยายเครือข่ายโชว์รูมพันธมิตรเพิ่มอีก 3 แห่ง และยังสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานของโชว์รูมและศูนย์บริการพันธมิตรทุกสาขาให้สอดคล้องตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ทุกขั้นตอน



การปรับกลยุทธ์การขายปี 2564

ภายใต้แนวคิด "Change Today for a .ter Future"

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้วอลโว่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลิตภัณฑ์ การให้บริการของโชว์รูมและศูนย์ซ่อมบำรุง ไปจนถึงระบบสนับสนุนของศูนย์บริการลูกค้า Customer Relations Center (CRC) เพื่อให้ตอบรับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้คน ตามแนวคิด "Change Today for a .ter Future"

-การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบรุ่นแรก Volvo XC40 Recharge Pure Electric ซึ่งสร้างกระแสความตื่นตัวด้านรถยนต์พลังไฟฟ้าในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างมาก ทั้งยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ EA Anywhere ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ระบบไฟฟ้าของเมืองไทย ซึ่งมีสถานีชาร์จไฟกว่า 1,000 จุดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เดินทางไกลได้อย่างไร้กังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟ และปูทางสู่อนาคตรถยนต์พลังไฟฟ้าที่ยั่งยืน



-ขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย และ ยกระดับศูนย์บริการซ่อมบำรุงต่อเนื่อง

นอกจากการขับเคลื่อนโชว์รูมทุกแห่งให้สามารถมอบบริการตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวผู้จัดจำหน่ายรายใหม่อย่างเป็นทางการ จำนวน 3 ราย ได้แก่ 14 Auto Marque เขตจอมทอง, Newton Prestige Auto เขตตลิ่งชัน และ Phranakorn Swedish Car สาขาลาดพร้าว และอีก 1 ราย ล่าสุด GT Auto สาขาพัทยา เมื่อเร็วๆนี้ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ยังประกาศให้ ศูนย์บริการวอลโว่ของเอ็มดับบลิว มอเตอร์วัน ผ่านการรับรองมาตรฐาน Volvo Personal Service (VPS) อย่างเป็นทางการ โดยวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นยกระดับโชว์รูมและศูนย์บริการทุกแห่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับบริการบนมาตรฐานระดับโลกจากศูนย์บริการรถยนต์วอลโว่ทุกสาขาในประเทศไทย

-ศูนย์บริการลูกค้า Customer Relations Center (CRC) เพื่อมอบ Digital Services เต็มรูปแบบ

ไม่เฉพาะการอัปเกรดผลิตภัณฑ์ วอลโว่ยังยกระดับประสิทธิภาพของศูนย์บริการลูกค้า สู่การเป็นศูนย์บริการลูกค้าระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ให้เป็นมากกว่าสายด่วนตอบข้อซักถามทั่วไป "Customer Relations Center (CRC)" ในรูปแบบศูนย์ข้อมูลกลาง และการประสานงานผ่านเครือข่ายดิจิทัล รองรับทั้งการจำหน่ายรถยนต์วอลโว่พลังงานไฟฟ้า (Pure Electric) ผ่านระบบออนไลน์แบบ Site To Store รวมถึงการทำธุรกรรมทั้งก่อนและหลังการขาย โดยมีฟีเจอร์หลักคือ การรับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง CRC จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอัจริยะในรถยนต์วอลโว่เพื่อรับสัญญาณแจ้งเหตุอัตโนมัติพร้อมข้อมูลพิกัดรถยนต์ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ CRC จึงทำหน้าที่เปรียบเหมือนผู้ช่วยดิจิทัลที่คอยดูแลลูกค้าวอลโว่ตลอดการเดินทาง



ช่องทางจำหน่ายที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วันนี้

วอลโว่เพิ่มช่องทางการขายให้มีความหลากหลายเพื่อตอบรับกับมาตรการเว้นระยะห่างของผู้คนในปัจจุบัน โดยนำเสนอทั้งช่องทาง LINE Official Account และ การสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ www.volvocars.com/th โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งมีบริการ Site To Store โดดเด่นด้วยฟังก์ชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าในฝันได้โดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ หากพึงพอใจ สามารถสั่งซื้อและนัดหมายรับรถยนต์วอลโว่ที่ผู้จัดจำหน่ายสาขาใกล้บ้านได้อย่างรวดเร็ว โดย CRC จะคอยดูแลประสานงานเพื่อให้ธุรกรรมทุกขั้นตอนถูกต้อง เรียบร้อย และสะดวกรวดเร็วสำหรับลูกค้ามากที่สุด

เป้าหมายกลยุทธ์การขายในปี 2564

สถานการณ์โควิด-19 ยังคงส่อแววยืดเยื้ออีกเป็นเวลานานและจะทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าและการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์การดำเนินงานสู่ระบบดิจิทัลคือแนวทางที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ในปัจจุบันและจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ในอนาคต
นอกจากนี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่บริษัทฯ มีแผนจะทยอยเปิดตัวในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์วอลโว่ในปี 2564 ได้อย่างมีนัยสำคัญ



แผนการดำเนินงาน 10 ปีสู่อนาคตแห่งพลังงานสะอาด

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย กำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของวอลโว่ คาร์ คอร์เปอร์เรชั่น นั่นคือภายในปี 2568 นั้น 50% ของยอดจำหน่ายรถยนต์วอลโว่ต้องมาจากรถยนต์พลังไฟฟ้า100% และภายในปี 2573 รถยนต์ทุกรุ่นที่วอลโว่จำหน่ายจะต้องเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า100% เท่านั้น

"จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนอย่างมาก ทำให้เราตระหนักว่า การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกวันนี้ กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทัลของวอลโว่จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวของการพัฒนาครั้งสำคัญ เพื่อให้แบรนด์วอลโว่สามารถเชื่อมโยงและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะเพื่อรองรับการจำหน่ายเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการมอบความสะดวกสบายและดูแลความปลอดภัยให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์วอลโว่ตลอด 24 ชั่วโมง กล่าวได้ว่าทิศทางของวอลโว่ในปีนี้คือการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและบริการบนเครือข่ายดิจิทัล เพื่อให้เราเข้าใกล้และเข้าใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น สมกับปรัชญาหลักในการทำงานของเรา People are the Core of Everything We Do" นายภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ กล่าว
#6043



เสียวหมี่ (Xiaomi) เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ AIoT ใหม่ ขยายอาณาจักรสมาร์ทลิฟวิ่งด้วยสินค้ากลุ่มความบันเทิงในบ้าน อุปกรณ์ทำอาหาร และสกู๊ตเตอร์สำหรับเดินทางในชีวิตประจำวัน วางเป้าหมายยกระดับการใช้ชีวิตอัจฉริยะสำหรับผู้บริโภคในทุกด้าน สินค้าเด่นคือ Mi Smart Air Fryer หม้อทอดไร้น้ำมันอัจฉริยะขนาด 3.5 ลิตร สั่งการด้วยเสียง

การเปิดตัวรอบนี้ถือเป็นก้าวล่าสุดของเสียวหมี่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 แม้จะระบุว่าเป็น "บริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลัก" แต่หลักการของบริษัทคือไม่ลดละที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพในราคาที่เป็นจริง ทำให้สินค้าที่แหวกแนวหลายตัวของบริษัทได้รับความสนใจในวงกว้าง

ผลคือในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่กลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 2 ของโลก และได้สร้างแพลตฟอร์ม AIoT (AI+IoT) สำหรับลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสถิติล่าสุดย้ำว่าเสียวหมี่มีสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 324.8 ล้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่วางจำหน่ายมากกว่า 100 ตลาดทั่วโลก

หม้อทอดสั่งด้วยเสียง

หม้อทอดไร้น้ำมันอัจฉริยะ Mi Smart Air Fryer ขนาด 3.5 ลิตร เป็นหม้อทอดที่เสียวหมี่เชื่อว่าจะทำให้ชีวิตของทุกคนที่ง่วนอยู่กับการจัดการชีวิต ไม่พลาดกับการมีสุขภาพที่ดี เนื่องจากการเข้าครัวจะเป็นเรื่องง่าย เพราะหม้อทอดนี้สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น Mi Home ได้ ผู้ใช้งานจึงควบคุมได้จากทุกที่ ซึ่งสามารถเซ็ตความร้อนได้ตั้งแต่ 40°C จนถึง 200°C ทำให้อาหารสุกพร้อมทานอย่างพอดี นอกจากนี้ในตัวแอปยังมีสูตรอาหารไอเดียใหม่ๆ กว่า 100 รายการที่ใช้กับ Mi Smart Air Fryer ขนาด 3.5 ลิตรนี้ได้ ทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องง่ายดายและไม่จำเจ

สามารถใช้ Voice Command จาก Google Assistant หรือ Alexa จาก Amazon ที่จะช่วยเปิด ปิด หรือแจ้งว่าเหลือเวลาที่ตั้งไว้อีกกี่นาที 

สามารถใช้ Voice Command จาก Google Assistant หรือ Alexa จาก Amazon ที่จะช่วยเปิด ปิด หรือแจ้งว่าเหลือเวลาที่ตั้งไว้อีกกี่นาที

ผู้ใช้งาน Mi Smart Air Fryer ขนาด 3.5 ลิตร สามารถตั้งเวลาในการทำอาหารได้ล่วงหน้าถึง 24 ชั่วโมง นับว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ทำอาหารในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการหมักโยเกิร์ต การเอาน้ำออกจากอาหารสัตว์ และหากว่ามือไม่ว่าง ผู้ใช้งานก็ยังสามารถใช้ Voice Command จาก Google Assistant หรือ Alexa จาก Amazon ที่จะช่วยเปิด ปิด หรือแจ้งว่าเหลือเวลาที่ตั้งไว้อีกกี่นาที นอกจากนี้หน้าจอ OLED สุดคมชัดยังทำให้คุณชำเลืองมองเวลาและอุณหภูมิได้อย่างง่ายดาย ราคา 99 ยูโร (ราว 3,800 บาท)

เสียวหมี่ยังแจ้งเกิดผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ใช้ชีวิตนอกบ้านได้สนุกยิ่งขึ้น นั่นคือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Mi Electric Scooter 3 นวัตกรรมใหม่จากเสียวหมี่ที่มีจุดขายว่าสามารถยกระดับการใช้ชีวิตทั้งภายในและภายนอกบ้านได้

Mi Electric Scooter 3 ยานพาหนะที่มีฟีเจอร์และระบบความปลอดภัย
เสียวหมี่มองว่าตัวเองเป็นผู้นำในธุรกิจสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เพราะมียอดขายกว่า 4,000,000 คันทั่วโลกแล้ว รอบนี้เป็นคิวของ Mi Electric Scooter 3 ยานพาหนะที่มีฟีเจอร์และระบบความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนาแล้ว โดยมีสองสีให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็น Onyx Black หรือ Gravity Grey นอกจากนี้ ยังมีน้ำหนักที่เบาและอัปเกรดดีไซน์มาให้พับได้ถึงสามขั้น

Mi Electric Scooter 3 ราคาเท่าจอมอนิเตอร์

Mi Electric Scooter 3 สามารถทำความเร็วได้ถึง 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์สูงสุด 600W และไม่ว่าจะเจอเนินหรือหลุม Mi Electric Scooter 3 ก็สามารถเคลื่อนผ่านไปได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ๆ ซึ่งรวมไปถึงระบบเบรค E-ABS regenerative anti-lock และดิสก์เบรคคู่ล้อหลัง ราคาเริ่ม 449 ยูโร (ประมาณ 17,000 บาท)

สำหรับสินค้ากลุ่มการเชื่อมต่อ เสียวหมี่เปิดตัว Mi Router AX9000 ในฐานะเราเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อบ้านในอนาคต สำหรับเป็นดิจิทัลฮับกระจายความบันเทิง

Mi Router AX9000

ความพิเศษของ Mi Router AX9000 คือการเป็นเราเตอร์รุ่นแรกของเสียวหมี่ที่รองรับ Tri-Band WI-FI 6 มาพร้อมกับขุมพลังชิปเซ็ตของ Qualcomm® Hexa-core processor เราเตอร์ระดับแฟลกชิปตัวนี้รองรับคลื่นความถี่ 4GHZ 1 ช่องและ 5GHZ ได้พร้อมกันถึง 2 ช่อง จึงสามารถยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมได้อย่างไม่มีสะดุด แม้จะเชื่อมต่อกับหลายอุปกรณ์ในช่วงเวลาเดียวกัน

Mi Router AX9000 ทำความเร็วสูงสุด 8,354 Mbps ครองใจเหล่าเกมเมอร์ยุคใหม่ตลอดจนบ้านที่ต้องการเราเตอร์ระดับไฮเอนด์ ที่รองรับ high-bandwidth ไม่ว่าจะเล่นเกม ดาวน์โหลดไฟล์ หรือสตรีมหนังระดับ 4K มาพร้อมกับเสาสัญญาณ AIoT ที่ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อและจัดการเน็ตเวิร์คของอุปกรณ์ได้ ราคา 299 ยูโร (ราว 11,639 บาท)


นอกจากนี้ยังมี Mi 2K Gaming Monitor ขนาด 27 นิ้ว ความละเอียดคมชัดระดับ 2560 x 1440 QHD และมีอัตรารีเฟรชเรทสูง 165Hz ราคาเริ่ม 449 ยูโร (ประมาณ 17,000 บาท)

รวมถึงหูฟัง Redmi Buds 3 Pro หูฟังใหม่ล่าสุดที่มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Hybrid ANC รวมถึงการรับเสียงจากภายนอกภายใต้ รองรับ Bluetooth 5.2 ซึ่งสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้ถึง 2 เครื่องแบบไม่ต้องกลัวหลุด รับสายโทรเข้าได้ขณะที่กำลังดูวิดีโอจากแลปท็อปอยู่ สามารถใช้งานลำพังได้นานถึง 6 ชั่วโมง หรือทั้งหมด 28 ชั่วโมงเมื่อนำไปชาร์จเข้ากับตัวเคส และเพียงชาร์จแค่ 10 นาที หูฟังจะสามารถใช้ฟังเพลงได้นาน 3 ชั่วโมง ราคาเริ่ม 69.9 ยูโร (ราว 2,720 บาท).
#6045



นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยความคืบหน้าธุรกิจให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้ดำเนินการติดตั้ง เนื่องจากลูกค้าหลายรายที่เคยเจรจากันไว้ ขอชะลอแผนการลงทุนติดตั้ง

โซลาร์รูฟท็อปออกไปก่อน ซึ่งเป็นการตัดสินใจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยเฉพาะผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันลำบาก ไม่มีคนอยากจะลงทุน และหลายโรงงานก็ปิดตัวลง ทำให้ธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปยังไม่คืบหน้า ตอนนี้ยังไม่ได้ตามเป้าหมาย แต่ในอนาคตยังเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ และบริษัทยังไม่ล้มเลิกธุรกิจนี้แน่นอน เพียงแต่รอความพร้อมของลูกค้าที่ขอชะลอการติดตั้งออกไปก่อน"

สำหรับธุรกิจให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ก่อนหน้านี้ เอ็กโก กรุ๊ป ระบุว่า มีลูกค้าในมือแล้ว ประมาณ 40 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตในมือแตะระดับ 200 เมกะวัตต์ใน 5 ปี โดยจะมุ่งเน้นเจาะตลาดในกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังคงเดินหน้าเร่งรัดขยายการลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพการเติบโตมากกว่าแทน โดยเฉพาะการลงทุนในพลังงานทดแทน ที่จะเป็นส่วนของสำคัญของการพลังงานสะอาดที่มีอนาคตเติบโตอีกมาก ซึ่ง บริษัท ก็ได้ปรับเป้าหมายจะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 30% จากเดิม 25% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ภายในปี 2573 และอีก 75% จะเป็นกำลังการผลิตจากพลังงาน Conventional และธุรกิจใหม่ จากปัจจุบันสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอยู่ที่ 22-23% ของกำลังการผลิตทั้งหมด

อีกทั้งยังมีโอกาสปรับเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้มากกว่า 30% ได้ แต่ยังคงต้องรอดูความชัดเจนจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2022) เนื่องจากปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศขณะนี้สูงถึง 40% การเติมพลังงานทดแทนช่วงดังกล่าวอาจยังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟได้ ซึ่งปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,016 เมกะวัตต์