• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Fern751

#7336


"โตโน่" ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ นักแสดงชื่อดัง และผู้เล่นสโมสร ราชบุรี เอฟซี พร้อมด้วยแฟนสาว "ณิชา" ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ ได้มอบเงินสนับสนุนให้กับ กำแพงเพชร เอฟซี ในศึกไทยลีก 3

โดย "โค้ชเศก" เศกสรร ศิริพงษ์ ประธานสโมสร กำแพงเพชร เอฟซี เปิดเผยว่า "โตโน่" ภาคิน กับแฟนสาวได้มอบเงินสำหรับสนับสนุนสโมสร ซึ่งสโมสรก็พร้อมตอบแทนด้วยการพิมพ์ชื่อทั้งคู่ไว้ในชุดแข่งของสโมสร

"ขอบคุณน้องโตโน่กับน้องณิชาที่สนับสนุนสโมสรกำแพงเพชรเอฟซีครับ มิตรภาพระหว่างการเก็บตัวช่วงการแข่งขัน ACL ทำให้โตโน่ ภาคิน สอบถามถึงแนวทางการทำทีมของผม ประกอบการดูรายการ PERSPECTIVE ทำให้น้องเขาอยากช่วยเหลือให้ทีมขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยต้องการนำทีมฟุต. "แข้งข้าวเหนียว" ทีมดารามาเตะเพื่อหาทุนช่วยเหลือทีม แต่ก็ต้องระงับโครงการไว้ก่อนเนื่องจากโควิดระบาด"

"เมื่อวานคู่รักทั้ง 2 คนได้มอบงบประมาณสนับสนุนทีมจำนวนหนึ่งผ่านบัญชีของบริษัทกำแพงเพชรฟุต.คลับจำกัด ทางสโมสรกำแพงเพชร เอฟซี จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้และขออนุญาตนำชื่อคู่รักมาใส่ที่เสื้อทั้ง 4 สีของสโมสรครับ"

สำหรับ "โค้ชเศ" เศกสรร ศิริพงษ์ รับหน้าที่กุนซือชั่วคราวของ ราชบุรี เอฟซี ระหว่างศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 เนื่องจากมีใบอนุญาตโค้ชระดับ โปร ไลเซนส์ และมีโอกาสร่วมงานกับ "โตโน่" ภาคิน ที่เซ็นสัญญาเป็นนักฟุต.อาชีพครั้งแรกกับทีม "ราชันมังกร" นั่นเอง
#7337


ผลจากมาตรการ "ล็อกดาวน์" ตั้งแต่ปี 2563 ลามมาปีนี้ โดยล่าสุดมีการ "ขยายล็อกดาวน์" ในพื้นที่สีแดงเข้มจนถึง 31 ส.ค.นี้ เป็นปัจจัยลบ!!ต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และมีผลต่อการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลต่ำที่สุดในรอบ17 ปี!! ทีเดียว

"อิสระ บุญยัง "นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ในฐานะประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีแรก แม้ยอดการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง 40-50% ช่วงแรกผู้ประกอบการต่างคาดหวังว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดระลอก 3 จะไม่รุนแรงทุกบริษัทน่าจะทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ออกมาในช่วงไตรมาส 3-4

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดรุนแรงในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอารมณ์ซื้อ และกำลังซื้อ "หดตัว" หนักขึ้นกว่าเดิม ขณะที่มาตรการเข้มงวดต่างๆ ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะการเว้นระยะห่างทางสังคม การจำกัดการเดินทางทั้งในและระหว่างประเทศ ทำให้ปี 2564 น่าจะเป็นปีที่การเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่ำที่สุดในรอบ17ปี!!! นับตั้งแต่2547เป็นต้นมา น่าจะเหลือยอดไม่เกิน 40,000 ยูนิต ทั้งคอนโดและบ้านจัดสรร

"ปีนี้ต้องยอมรับว่าปัจจัยลบจำนวนมากที่เข้ามากระทบตลาดอสังหาฯ ขณะเดียวกันตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันมีโครงการคอนโดหยุดแล้วกว่า 10,000 ยูนิต ส่งผลให้ซัพพลายในปีนี้ต่ำสุดในรอบ17 ปี"

ขณะเดียวกันยอดโอนรับรู้รายได้อาจจะลดลงไม่ถึง 50% เพราะมีการล็อกดาวน์ยอดโอนในเดือน ก.ค.- ส.ค. ลดลง คาดว่าภาพรวมทั้งปีลดลง 10-15% ต่ำกว่าปี 2563 แต่ยังถือว่าดีมากแล้ว ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะแนวโน้มสถานการณ์โควิดยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร และยังมีความโชคดีที่ยอดโอนในครึ่งปีแรกไม่แย่มากนักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

อิสระ ระบุว่าในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีการโอนเพราะมีสต็อกมีบ้านที่รอส่งมอบอยู่แต่ เดือน ส.ค. ต่อเนื่อง ก.ย. คงถูกเลื่อนไป ยกตัวอย่าง กานดา พร็อพเพอร์ตี้ ในช่วงล็อกดาวน์ ไม่มีงานประกอบติดตั้งใหม่ ฉะนั้นปลายปีที่มีงานประกอบติดตั้งจะถูกร่นไปเดือนหนึ่ง หากว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมดีทุกไซต์งานหรือผู้ประกอบการทุกรายคงมีมาตรการเร่งรัดงานก่อสร้าง มีทำล่วงเวลาโดยไม่ทำให้ชุมชนเดือดร้อน หรือมีเสียงรบกวน แต่หากเศรษฐกิจรวมอยู่ใน "ขาลง" ผู้ประกอบการไม่น่าจะสปีดงานก่อสร้าง! มิเช่นนั้นจะมีแต่เงินไหลออก (Cash Out) ฉะนั้นต้องวางแผนให้เหมาะกับเงินไหลเข้า(Cash In)

"สภาพการณ์ต่อจากนี้ใน 6 เดือนข้างหน้าก็เชื่อเหลือเกินว่า โดยภาพรวมผู้ประกอบการยังคงระมัดระวังการก่อสร้างมากขึ้น แม้ว่าอาจจะไม่ได้ล็อกดาวน์ พร้อมกันนั้นแรงงานที่กระจัดกระจายไปคงยังไม่ได้กลับมาโดยเร็ว จาก 2 ปัจจัยทั้งเศรษฐกิจชะลอตัวและแรงงานที่หายไป การเร่งก่อสร้างทำได้ยาก วิธีแก้ปัญหาคงต้องใช้ระบบสำเร็จรูปหรือพรีคาสท์ในการติดตั้ง "

ช่วงเวลานี้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องเข้าใจว่า ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ยิ่งมีการล็อกดาวน์ต่อเนื่องการจับจ่ายใช้สอยย่อมชะลอตัวลงเป็นธรรมดา ดังนั้นการก่อสร้างก็ต้องสมดุลกับยอดขาย

"สถิติและผลกระทบที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ได้รับต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยอดขายเดือนก.ค. ที่ผ่านแย่ที่สุด โดยเฉพาะคอนโด"

สถิติของกานดา พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า เดือนก.ค.เป็นเดือนที่มีคนเข้าเยี่ยมชมโครงการ (Walk-in) น้อยที่สุดในรอบปีหลังจากเผชิญมาตรการล็อกแคมป์ก่อสร้าง ตามมาด้วยมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ยอดการจองน้อยที่สุดในรอบปีตั้งแต่ ก.ค.2563 ในภาพรวมของกรุงเทพฯ และ ปริมาณฑล ฉะนั้น ครึ่งปีหลังผู้ประกอบการอสังหาฯ ระมัดระวังในการเปิดตัวโครงการมากขึ้น

สอดคล้องกับ "พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ "นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทำนิวไฮเป็นระยะๆนั้น ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาฯ จากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่เชื้อ หรือที่ผ่านมาคือการปิดแคมป์ก่อสร้างอย่างชัดเจน ทำให้ธุรกิจเดินต่อไม่ได้หรือไปได้อย่างยากลำยาก ไม่นับรวมผลกระทบที่เกิดจากกำลังซื้อของลูกค้าที่หดตัวลงจากรายได้ที่ลดลง ส่งผลให้ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากภาคธนาคาร รวมทั้งผู้ประกอบการอสังหาฯที่ต้องอาศัยเงินกู้ตั้งแต่การซื้อที่ดิน การพัฒนาโครงการ ปัจจุบันสถาบันการเงินแทบไม่อนุมัติสินเชื่อใหม่แล้ว เพราะมีกังวลต่อความเสี่ยงเกิดหนี้เสีย

"ปีนี้ตลาดอสังหาฯ ได้รับผลกระทบหนักมากโดยเฉพาะพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชะลอตัวอย่างรุนแรง ยอดขายน้อย ขณะยอดโอนกรรมสิทธิ์ มีปัญหา หมุนกลับมาเป็นรายได้ให้ผู้ประกอบการได้ยาก เนื่องจากลูกค้ากู้ไม่ผ่าน ส่วนตลาดต่างจังหวัดตลาดแนวราบยังพอไปได้ในหัวเมืองใหญ่ คาดว่าปีนี้ตัวเลขเปิดตัวโครงการใหม่ต่ำกว่าปี 2540 "

จากข้อมูลของ โจนส์ แลง ลาซาลล์ พบว่า ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันตัวเลขคอนโด ชะลอโครงการมีทั้งหมด 12,700 ยูนิต เป็นโครงการที่ยกเลิก 5,900 ยูนิต ชะลอการก่อสร้าง 2,500 ยูนิต และยังไม่กำหนดวันเปิดตัวโครงการ 4,300 ยูนิต พร้อมกันนี้ ด้านราคาคอนโดปรับลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 101,900 บาท ต่อตร.ม. ส่วนคอนโดระดับไฮเอนด์ใจกลางเมืองราคาอยู่ที่ 218,000 บาทต่อตร.ม. สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ ปรับตัวรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวด้วยการเบรกการลงทุนโครงการใหม่ และเร่งระบายสต็อกซัพพลายที่เหลืออยู่เพื่อกำเงินสดไว้ในมือ

สถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบรอบด้านทั้งจากมาตรการล็อกดาวน์ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงอารมณ์ลดลงต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการตลาดหรือเปิดโครงการใหม่ มิเช่นนั้น ยอดขายแป้ก!! ได้ง่ายๆ
#7338
การสั่งจองคัมภีร์พระเวทย์
โดยประสิทธิ์ให้เป็นรายบุคคล ท่านใดต้องการจอง ค่าครู 399 บาท



คัมภีร์พระเวทย์ มีวิชาต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

บทนำ บทสวดมนต์ การอัญเชิญบรมครู การขึ้นพานครู บทไหว้ครู บทอัญเชิญครู วิชาเชิญแม่คุ้มครอง วิชากันภัย ๘ ทิศ

วิชากำลังช้างสาร วิชาเสกน้ำปลุกตัว วิชากำแพงแก้ว วิชาตาข่ายเพชรพระเจ้า ๕ พระองค์ วิชาผูกหุ่นพยนต์เฝ้าบ้าน

วิชากันขโมย วิชาปล่อยปลาต่ออายุ การทำสังฆทาน วิชาแก้กรรมทำแท้ง วิชาแก้อาถรรพ์ (ไปรับวัตถุมงคลที่ไม่ดี, รับขันธ์ ฯลฯ) วิชาทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาด้วยตนเอง วิชาตั้งหิ้งพระค้าขาย วิชาการแก้กรรมเฉพาะกิจ วิชาทวงหนี้

วิชาแก้ไฝในที่ลับ วิชาพฤกษาชาติเสริมชะตา วิชาขอขมาพ่อแม่ วิชาลอยสรรพเคราะห์ด่วน วิชาทำน้ำมนต์ประทุมทิพย์

วิชาแก้เคล็ดเสริมลาภ วิชามงกุฎยอดทรัพย์ วิชาไหว้ผีปู่ผีย่า วิชาสร้างปราณเสริมลาภ การทำน้ำมนต์ถอนคุณไสย

วิชาถอนของ ของสมเด็จโต วิชาแก้ของในร้านค้า วิชาเรียกของหาย พระคาถาต่าง ๆ พระคาถาขุนแผน พระคาถาคิ้วทอง

พระคาถาพระลักษณ์หน้าทอง พระคาถาสาลิกาลิ้นทอง พระคาถาเขี้ยวแก้ว พระคาถาราศีทอง พระคาถาสาลิกามัดจิต

พระคาถาไม้สวรรค์ พระคาถาเมตตาอ่อนใจ พระคาถาผูกใจ พระคาถาเสกสีผึ้ง พระคาถาพ่นบุหรี่ พระคาถามหาระรวย

พระคาถามหานิยม พระคาถาเทพรัญจวน พระคาถานะหน้าทอง พระคาถานกแขกเต้า พระคาถาเสกสีผึ้งสีปาก

พระคาถาการะเวกเสียงทอง พระคาถาสาลิกาดลใจ พระคาถาพญาไก่แก้วทั้ง ๑๖ ลืมรัง วิชาฤามหานิยม

การทำเสน่ห์ด้วยใบรักซ้อน วิชาทำหุ่น ทำรัก-ทำเลิก การทำเสน่ห์การ้องทัก (เรียกจิต) วิชาฤาษีมัดใจ(เสกของกิน)

มนต์เสน่ห์มัดใจ(รักกันจนวันตาย) มนต์ปู่จ้อยมหาเสน่ห์ วิชาหงส์ร่อนมังกรรำ วิชามนต์เทพมัดจิตบังคับใจ

วิชากลับธาตุกลับใจ วิชากรงทอง คาถาเสริมลาภ เสกธูปเรียกขนหงส์ทอง คาถาขอลาภ เสกธูปเรียกคน

พระคาถาเรียกเงิน การทำน้ำมนต์ค้าขาย มนต์ขุนแผนเรียกคน บทสวดขอลาภ การทำเทียนสะเดาะเคราะห์

คาถาเรียกเลข วิชาลงทอง เสกน้ำล้างหน้า เหตุใดคาถาถึงศักดิ์สิทธิ์และไม่ศักดิ์สิทธิ์ มนต์ทำงัวธนู การบูชาท้าวเวสสุวรรณ คาถาแก้ฝันร้าย รวมทั้งนิมิตร้าย และลางร้ายต่างๆ เชิญอาคมเข้าสู่ตัว คาถาอาวุธ ๔ ประการ คาถาขอทรัพย์พญานาคราช คาถาบูชาจ้าวปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธมัจฉราชจริยาคาถา คาถาปลาช่อน (คาถาขอฝน) การบูชาพระราหู พระคาถาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เปิดโลก (เรียกบุญบารมีเดิม) คาถาเงินล้าน คาถาชินบัญชร การฝึกสมาธิ



ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่



โทร. 0846623662

id line : teerapat999



ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i2632506885.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfMp9Zq0



#7339
ขายดาวน์ 215,800 (เดือน กค 2564) ห้อง 1017
#7341


เอสเอพี (SAP) ประกาศให้บริการลูกค้าในประเทศไทยด้วย SAP Concur เวอร์ชันภาษาไทย สามารถตั้งค่าเป็นภาษาไทยได้แบบอัตโนมัติ รับกับช่องทางติดต่อขอรับบริการจากพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยได้สะดวกและรวดเร็ว

Fok Wai Leng กรรมการผู้จัดการ SAP Concur ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ประเทศไทยนับเป็นตลาดที่เติบโตเร็ว โดยในปีที่ผ่านมา หลายบริษัทจำนวนมากได้ปรับกลยุทธ์ด้านธุรกิจให้เป็นระบบดิจิทัล เพื่อรองรับการทำงานของพนักงานในทุกๆ ที่

"ธุรกิจในไทยได้เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง จากการให้พนักงานสามารถทำงานได้จากหลายสถานที่แบบผสมผสาน หลายบริษัทได้ยกเลิกการทำเบิกจ่ายและใบแจ้งหนี้แบบแมนนวล เพื่อเข้าสู่ระบบออนไลน์ เรามีความภาคภูมิใจที่มีส่วนช่วยสนับสนุนเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่โซลูชัน SAP Concur และระบบพาร์ตเนอร์ ในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น"



สำหรับ SAP Concur เวอร์ชันภาษาไทย ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเป็นภาษาไทยได้แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มของผู้ใช้งาน (UI : User Interface) ส่วนการเบิกจ่าย (Concur Expense) ใบแจ้งหนี้ (Concur Invoice) การเปิดคำร้อง (Concur Request) และการเดินทาง (Concur Travel) ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าในประเทศไทย

รายงานระบุว่า บริษัทเอบีม คอนซัลติ้ง (ABeam Consulting) บริษัทดีลอยต์ (Deloitte) และบริษัทไอเอสเอส คอนซัลติ้ง (ISS Consulting) ได้เข้าร่วม SAP Concur Partner Program เพื่อให้บริการติดตั้งระบบแก่ลูกค้าในประเทศไทยโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทำให้การบริการโซลูชันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้เป็นระบบดิจิทัลชั้นนำระดับโลกในด้านการจัดการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และใบเสร็จเบิกจ่ายแบบครบวงจร

SAP Concur เป็นซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับองค์กร จากผลสำรวจล่าสุด Finance in the New World of Work จัดทำโดย SAP Concur พบว่าร้อยละ 40 ของผู้เชี่ยวชาญ ผู้จัดการ ผู้บริหารและนักธุรกิจไทย (PMEBs : professionals, managers, executives and businessmen) จำเป็นต้องเคลมค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการกรอกแบบฟอร์ม หรือการแนบใบเสร็จต่างๆ ทำให้รบกวนเวลาการทำงานอย่างมาก โดยผลสำรวจพบว่าร้อยละ 36 ต้องการให้ขั้นตอนการเบิกจ่ายเป็นแบบอัตโนมัติ



นอกจากนี้ จากการให้บริการลูกค้ามากกว่า 700 องค์กรทั่วเอเชีย อเมริกา และยุโรป บริษัทเอบีม คอนซัลติ้ง ได้ทำงานร่วมกับลูกค้าในการตรวจสอบและช่วยแก้ไขปัญหาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้เป็นระบบดิจิทัล พร้อมทั้งให้คำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานของแต่ละภาคอุตสาหกรรม โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี

ตัวอย่างผู้ใช้ SAP Concur คือ บริษัท ดีลอยต์ ประเทศไทย บริษัทวิจัยการเงิน เทคโนโลยี ภาษี และบุคลากร ที่สามารถสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานของลูกค้า ให้ความช่วยเหลือลูกค้าในทุกๆ ด้านด้วยโซลูชัน SAP Concur ตั้งแต่การวางแผนธุรกิจ การติดตั้ง ตลอดจนให้การอบรม บริหารและจัดการแบบบูรณาการ เพื่อให้เข้ากับระบบของลูกค้า รวมถึงเป็นที่ปรึกษาด้านภาษี นอกจากนี้ บริษัทดีลอยต์ ประเทศไทย ยังให้การบริการโซลูชัน SAP Concur เวอร์ชันภาษาไทย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยอีกด้วย

ยังมีบริษัท ไอเอสเอส คอนซัลติ้ง เป็นพาร์ตเนอร์ของSAP ระดับแพลทินัม และเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ให้บริการลูกค้าในทุกๆขนาดของธุรกิจใน​ยุคดิจิทัล เช่น การให้คำปรึกษาการเปลี่ยนแปลงไอที ซอฟต์แวร์ต่างๆ รวมถึงการจัดการแอปพลิเคชันและให้บริการคลาวด์ เป็นต้น
#7343


นักแสดง นาว-ทิสานาฎ บิ๊กเอ็ม-กฤตทธิ์ และ เซฟฟานี พร้อมด้วยผู้ประกาศข่าว จีรนันท์ เขตพงศ์ จาก ช่อง 7HD ร่วมส่งกำลังใจพร้อมแนะแนวทาง แบ่งปันไอเดีย ต่อยอดคูณสองเป็นช่องทางสร้างรายได้ เติมสุข หวังเป็นส่วนหนึ่งช่วยลดความตึงเครียด สร้างขวัญและกำลังใจในการอยู่บ้านหยุดเชื้อตามพรก.ฉุกเฉิน สำหรับประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

เริ่มที่นางเอกสาว นาว ทิสานาฎ ศรศึก จากละคร แม่เบี้ย เผย "ผลของการเก็บตัวในช่วงอยู่บ้านหยุดเชื้อในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรกจนปัจจุบัน สิ่งที่ได้ทำคือร้านออนไลน์ที่ชื่อ eatmenow.bynow แบรนด์เบเกอรี่ขนม พัฒนาจากความชอบทานขนม ทำให้นาวค้นหาสูตรอร่อยทำทานเอง ใช้วัตถุดิบคุณภาพ สูตรเดียวกับที่เราชอบทาน ศึกษาจากช่องทางต่าง ๆ ในโซเชียล เจาะเรียนแต่ละสูตรแล้วมาปรับสูตรตามที่เราชอบ แม้ไม่ได้เรียนเป็น คอร์สจริงจัง แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นงานอดิเรกและเป็นอาชีพเสริมได้ มีความสุขที่ได้ทำขนม สำหรับแฟน ๆ ที่กำลังเครียดลองใช้วิธีแบบนาวได้นะคะ ทำให้เราได้มีโอกาสฝึกทำขนมได้เต็มที่ ลดความเครียดได้ด้วยนะคะ"

ด้าน บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์ บุตรพรม พระเอกหนุ่มจากละครรีรัน ข้ามากับพระ ซึ่งกลับมาให้ชมกันอีกครั้ง เล่าถึงกิจกรรมช่วง Work From Home ว่า "โรคระบาดนี้จะยังอยู่กับเราอีกนาน ดังนั้นเรียนรู้ที่จะอยู่และปรับตัวรับมือ อาจจะมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ของเราได้นะครับ ซึ่งการได้อยู่บ้านนิ่ง ๆ ยาวนานนับเดือน ทำให้ผมได้ทบทวนวางแผนชีวิตตัวเองมากขึ้น ทั้งงานเบื้องหน้าในฐานะนักแสดงและงานเบื้องหลังในอนาคตที่วางเป้าหมายเป็นผู้ผลิต ใช้เวลาช่วงนี้ศึกษา และตีความบทบาทละครที่รอถ่ายทำ ดึงความชอบดูภาพยนตร์ ซีรีส์ มาศึกษาหาแนวทางเทคนิคการแสดงใหม่ ๆ มาปรับใช้เตรียมความพร้อมรับการเปิดกองถ่ายได้ทันที นอกเหนือจากงานแสดงผมใช้โอกาสที่ตนเองชอบงานอาร์ตต่าง ๆ ลงเรียนเพิ่มเติมในคอร์สออนไลน์ ดูงานฝีมือจากคนเบื้องหลังเก่ง ๆ ทั้งเทคนิคพิเศษ กราฟิกดีไซน์ ตัดต่อ งานถ่ายทำ วางมุมกล้อง จัดแสงวางไฟ จนได้ทั้งข้อมูลและอุปกรณ์ มาพลิกโฉมห้องโถงภายในบ้าน เปลี่ยนเป็นสตูดิโอ

ย่อม ๆ รับผลิตงานแบบโปรดักชันเล็ก ๆ ได้เลยครับ ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมวางแผนตามฝันของการทำงานเบื้องหลังในอนาคต ถือเป็นอีกช่วงหนึ่งที่แม้จะได้พักหายใจนานไปนิด แต่ก็ยังสนุกและได้พัฒนาทักษะ รู้จักขีดความสามารถของเราเพิ่มขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปพร้อม ๆ กันนะครับ"

รวมถึงยังมีแนวทางการรับมือจาก เซฟฟานี อาวะนิค นางเอกสาวสายสตรอง ซึ่งได้รับผลกระทบทั้งงานแสดงและงานเทรนเนอร์ไม่แพ้กันเผยว่า "สำหรับเซฟได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่เราสามารถพลิกวิกฤติมาปรับตัวเรียนรู้ที่จะรับมือ Work From Home เต็มรูปแบบ มีความสุขได้ง่าย ๆ สไตล์เซฟค่ะ ซึ่งหลักสำคัญต้องมีวินัยทำกิจกรรมที่เรารักอย่างสม่ำเสมอ ขอยกตัวอย่างแผนการใช้ชีวิตของเซฟนะคะ คือ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ท่องโลกโซเชียลไม่เกิน 40 เปอร์เซนต์ จัดตารางทำงานของตัวเอง คืองานสอนแต่ละคลาสการออกกำลังกาย แบ่งช่วงเช้าบ่าย เช็คลิสต์ลูกศิษย์แต่ละคนว่าทานอาหารอย่างไร เพื่อติดตามผลและปรับปรุงคอร์ส ซึ่งเปลี่ยนจากการเป็น Personal Trainer ในสตูดิโอ มาให้คำแนะนำผ่านช่องทางออนไลน์ และพัฒนามาเป็นคอร์สออนไลน์จริงจัง ซึ่งได้ผลตอบรับดีทีเดียว เพราะมีลูกศิษย์ลงเรียนต่อเนื่อง ลูกศิษย์มีสุขภาพที่ดีเละเราก็มีรายได้ แม้จะเป็นการออกกำลังกายที่บ้านแต่สามารถได้รับประโยชน์ไม่ต่างกัน นอกจากนี้หากใครที่สนใจ เราก็มีคอร์สแนะนำก็คือสำหรับใครที่มีประสบการณ์แล้ว และสามารถทำได้เอง เราก็จะส่งโปรแกรมให้ไปฝึกฝน เล่นเองค่ะ หากสนใจติดตามรายละเอียดได้ในช่องทาง IG:stephanyauernig"


จีรนันท์ เขตพงศ์ ผู้ประกาศข่าว เช้าข่าว 7 สี และรายการ 7สี ช่วยชาวบ้าน เผย "สำหรับการทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวและเป็นสื่อมวลชน เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องออกมาทำงาน ต้องดูแลระมัดระวังตัวเองเต็มที่ เช่น เตรียมตัวเองแต่งหน้า ทำผมมาจากบ้าน ใช้เวลานอกบ้านเท่าที่จำเป็น เมื่อกลับเข้าบ้านก็ดูแลตัวเองอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงานอื่น และลงมือทำงานตามปกติ เพียงแค่เปลี่ยนบ้านให้เป็นออฟฟิศทำงาน ซึ่งมีข้อดีคือ เมื่อเครียด ๆ หรืออ่อนล้าจากหน้าจอ ละลายความตึงเครียดด้วยการหยิบไหมพรมมาถักโครเชต์ เรียกสมาธิและมีเสื้อใหม่ ๆ ใส่เพิ่มแบบไม่ต้องออกไปซื้อด้วยนะคะ เป็นงานอดิเรกงานใหม่ที่ไม่คิดว่าตัวเองทำได้ดี จนมีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อเสื้อถักด้วย เพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง หรือการออกไปดูแลผักสวนครัวที่เราทยอยปลูกติดบ้านไว้ เก็บมาเตรียมทำอาหาร ซึ่งผักที่เราปลูกได้เองทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายไปจากเดิมถึง 30 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ลองดูนะคะ ในช่วงนี้หากบอกว่าอย่าเครียดอาจจะทำได้ยาก แต่ลองเปลี่ยนหาวิธีใหม่ทำในสิ่งที่ชอบ หรืออยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ อาจใช้ช่วงโอกาสนี้ฟื้นความสามารถกลับมาลงมืออีกครั้ง เราอาจจะได้อะไรดี ๆ จากความชอบของเราก็ได้นะคะ และอย่างน้อยเราจะพบว่าเรามีความสุขที่ได้ทำอีกครั้งค่ะ"

โดยแฟน ๆ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอัพเดทสถานการณ์ต่าง ๆ และกิจกรรมของช่อง 7HD ได้จากรายการต่าง ๆ ทางหน้าจอ และช่องทางโซเชียล Facebook, IG, Twitter : Ch7HD และเว็บไซต์ www.ch7.com
#7344


กสศ. เดินหน้า Reskill – Upskill ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ผ่านทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างกระบวนการให้เกิดการยกระดับความรู้ ความสามารถ ในการประกอบอาชีพตามความถนัดและศักยภาพของตนเอง

ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ประธานอนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคประชาสังคม) ในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

กล่าวตอนหนึ่งในเวทีเสวนาออนไลน์ เรียนให้รู้...อยู่ให้รอด ภายใต้วิกฤตโควิด 19 บทเรียนการทำงานทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 ในหัวข้อ "ทุนพัฒนาอาชีพที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน  ทางรอด ทางเลือกในยุค New Normal" เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาว่า โครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 หรือ ทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ภายใต้การสนับสนุนของ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เริ่มดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2562  กสศ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือประชากรวัยแรงงานที่เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยใช้ชุมชนเป็นฐานสร้างกระบวนการให้เกิดการยกระดับความรู้ ความสามารถ ในการประกอบอาชีพตามความถนัดและศักยภาพของตนเองให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ เพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (Reskill) เสริมทักษะใหม่ในบริบทใหม่ (Upskill) พัฒนาทักษะอาชีพรายบุคคล โดยใช้ทุนชุมชนในการพัฒนาอาชีพ

"เรากำลังเปิดพื้นที่การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างนิเวศแห่งการเรียนรู้ใหม่ การเรียนรู้รูปแบบนี้เป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ของประเทศ ที่น่าจะเป็นคำตอบให้กับสังคมไทยได้ และที่สำคัญกำลังรอให้คนนำไปขยายผลต่อ"ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ กล่าว

ดร.สมคิด แก้วทิพย์ ผู้จัดการโครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2563 กล่าวว่า องค์ประกอบที่สำคัญของโครงการฯ นี้ คือ "ระบบการจัดการร่วม" ที่ กสศ.มี "อนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการฯ" และจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีการทำงานร่วมกับ "พี่เลี้ยง" ที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศทำหน้าที่ กระตุ้น หนุนเสริมองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้แก่ "หน่วยพัฒนาอาชีพ" ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเข้าไปทำงานและร่วมเรียนรู้กับ "ผู้เข้าร่วมโครงการฯ" ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการฯ องค์ประกอบเหล่านี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดการบริหารจัดการร่วมเชิงบูรณาการบนฐานพื้นที่ ทำงานเชื่อมประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีจุดร่วมคือการนำปัญหาของพื้นที่เป็นตัวตั้ง

ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ ชี้ว่า เรากำลังสร้าง "ต้นแบบ" การพัฒนาทักษะอาชีพบนฐานทุนชุมชนในมิติใหม่ ที่ตอบโจทย์เรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ด้วยการเข้าไปดูว่าเขาต้องการแก้ปัญหาอะไร ชุมชนมีต้นทุนอะไร และสุดท้ายเรานำข้อมูลมาวิเคราะห์ออกแบบเป็นหลักสูตรเฉพาะร่วมกับชุมชนที่เหมาะสม เพื่อคลี่คลายปัญหาของชุมชน

ตลอดการทำงาน 2 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดกลุ่มแรงงานนอกระบบ แรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแรงงานที่มีฝีมือ จำนวน 14,414 คน จาก 194  โครงการ ใน 51 จังหวัด ครอบคลุม 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ  เกิดหลักสูตรการยกระดับการประกอบอาชีพที่ตอบโจทย์ท้องถิ่นและตลาดแรงงาน นำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการและแรงงานที่มีฝีมือในชุมชน เกิดเครือข่ายคนทำงานรุ่นใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในการร่วมพัฒนา อีกทั้งยังเกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการ สถาบันการศึกษาในการพัฒนากลไกเสริม เครื่องมือ และชุดความรู้ร่วมกับหน่วยพัฒนาอาชีพ และเกิดเป็นนวัตกรรมการพัฒนาอาชีพในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การพัฒนาส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ การรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน และเกิดผลิตภัณฑ์ งานบริการที่ถูกยกระดับให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นผ่านการใช้เทคโนโลยีออนไลน์

"การใช้ชุมชนเป็นฐานเป็นต้นแบบหนึ่งของ กสศ. ถือเป็นมิติใหม่ของการทำงานเชิงพื้นที่ที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน โดย กสศ.เข้าไปหนุนเสริมทักษะความรู้และงบประมาณบางส่วน ทำให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นความสุขมากขึ้น ผมคิดว่ารูปแบบการทำงานแบบบนี้น่าจะเป็นทางเลือกทางรอดของประเทศได้"


ขณะที่ ดร.สมคิด กล่าวเสริมว่า ผลจากการทำโครงการ 2 ปีที่ผ่านมา วันนี้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น คือ เห็นระบบของการดึงโครงสร้างความรู้ มาร่วมปฏิบัติการในพื้นที่ เป็นระบบการศึกษาใหม่ในการพัฒนาอาชีพโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สร้างทักษะและองค์ความรู้ที่จะนำมาประกอบอาชีพให้เกิดรายได้แล้ว ความรู้ที่เกิดขึ้นยังเป็นเกราะกำบังให้คนในชุมชนเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และที่สำคัญคือ เกิดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างคนในชุมชน คือ "หาได้" และ "ให้ได้" สร้างสังคมแห่งการดูแลกันและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

ดร. สมคิด กล่าวสรุปว่า การสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการยกระดับทักษะความรู้ให้กลุ่มแรงงานสามารถประกอบอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ถือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุณภาพการศึกษา สังคม วัฒนธรรม ให้ค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างเข้าใจ อันจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในชุมชน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความเลื่อมล้ำในสังคมโดยใช้ชุมชนเป็นฐานได้อย่างแท้จริง
#7345
ขายดาวน์ 215,800 (เดือน กค 2564) ห้อง 1017
#7346
การสั่งจองคัมภีร์พระเวทย์
โดยประสิทธิ์ให้เป็นรายบุคคล ท่านใดต้องการจอง ค่าครู 399 บาท



คัมภีร์พระเวทย์ มีวิชาต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

บทนำ บทสวดมนต์ การอัญเชิญบรมครู การขึ้นพานครู บทไหว้ครู บทอัญเชิญครู วิชาเชิญแม่คุ้มครอง วิชากันภัย ๘ ทิศ

วิชากำลังช้างสาร วิชาเสกน้ำปลุกตัว วิชากำแพงแก้ว วิชาตาข่ายเพชรพระเจ้า ๕ พระองค์ วิชาผูกหุ่นพยนต์เฝ้าบ้าน

วิชากันขโมย วิชาปล่อยปลาต่ออายุ การทำสังฆทาน วิชาแก้กรรมทำแท้ง วิชาแก้อาถรรพ์ (ไปรับวัตถุมงคลที่ไม่ดี, รับขันธ์ ฯลฯ) วิชาทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาด้วยตนเอง วิชาตั้งหิ้งพระค้าขาย วิชาการแก้กรรมเฉพาะกิจ วิชาทวงหนี้

วิชาแก้ไฝในที่ลับ วิชาพฤกษาชาติเสริมชะตา วิชาขอขมาพ่อแม่ วิชาลอยสรรพเคราะห์ด่วน วิชาทำน้ำมนต์ประทุมทิพย์

วิชาแก้เคล็ดเสริมลาภ วิชามงกุฎยอดทรัพย์ วิชาไหว้ผีปู่ผีย่า วิชาสร้างปราณเสริมลาภ การทำน้ำมนต์ถอนคุณไสย

วิชาถอนของ ของสมเด็จโต วิชาแก้ของในร้านค้า วิชาเรียกของหาย พระคาถาต่าง ๆ พระคาถาขุนแผน พระคาถาคิ้วทอง

พระคาถาพระลักษณ์หน้าทอง พระคาถาสาลิกาลิ้นทอง พระคาถาเขี้ยวแก้ว พระคาถาราศีทอง พระคาถาสาลิกามัดจิต

พระคาถาไม้สวรรค์ พระคาถาเมตตาอ่อนใจ พระคาถาผูกใจ พระคาถาเสกสีผึ้ง พระคาถาพ่นบุหรี่ พระคาถามหาระรวย

พระคาถามหานิยม พระคาถาเทพรัญจวน พระคาถานะหน้าทอง พระคาถานกแขกเต้า พระคาถาเสกสีผึ้งสีปาก

พระคาถาการะเวกเสียงทอง พระคาถาสาลิกาดลใจ พระคาถาพญาไก่แก้วทั้ง ๑๖ ลืมรัง วิชาฤามหานิยม

การทำเสน่ห์ด้วยใบรักซ้อน วิชาทำหุ่น ทำรัก-ทำเลิก การทำเสน่ห์การ้องทัก (เรียกจิต) วิชาฤาษีมัดใจ(เสกของกิน)

มนต์เสน่ห์มัดใจ(รักกันจนวันตาย) มนต์ปู่จ้อยมหาเสน่ห์ วิชาหงส์ร่อนมังกรรำ วิชามนต์เทพมัดจิตบังคับใจ

วิชากลับธาตุกลับใจ วิชากรงทอง คาถาเสริมลาภ เสกธูปเรียกขนหงส์ทอง คาถาขอลาภ เสกธูปเรียกคน

พระคาถาเรียกเงิน การทำน้ำมนต์ค้าขาย มนต์ขุนแผนเรียกคน บทสวดขอลาภ การทำเทียนสะเดาะเคราะห์

คาถาเรียกเลข วิชาลงทอง เสกน้ำล้างหน้า เหตุใดคาถาถึงศักดิ์สิทธิ์และไม่ศักดิ์สิทธิ์ มนต์ทำงัวธนู การบูชาท้าวเวสสุวรรณ คาถาแก้ฝันร้าย รวมทั้งนิมิตร้าย และลางร้ายต่างๆ เชิญอาคมเข้าสู่ตัว คาถาอาวุธ ๔ ประการ คาถาขอทรัพย์พญานาคราช คาถาบูชาจ้าวปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธมัจฉราชจริยาคาถา คาถาปลาช่อน (คาถาขอฝน) การบูชาพระราหู พระคาถาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เปิดโลก (เรียกบุญบารมีเดิม) คาถาเงินล้าน คาถาชินบัญชร การฝึกสมาธิ



ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่



โทร. 0846623662

id line : teerapat999



ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i2632506885.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfMp9Zq0



#7347


เมื่อวันที่ 1 ส.ค.64 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 30)

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นคราวที่ ๑๓ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น

โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19 ยังคงทวีความรุนแรง โดยเฉพาะไวรัสกลายพันธุ์ชนิดสายพันธุ์เดลตาที่เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายและติดต่อโรคกันได้โดยง่าย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อร่ายใหม่ในแต่ละวันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่ได้กำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยฝ่ายสาธารณสุขได้รายงานผลการประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ที่แสดงผลว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูงเพิ่มมากขึ้นหากมิได้ดำเนินมาตรการควบคุม และจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทางและการรวมกลุ่มของบุคคลอย่างรัดกุม มีประสิทธิภาพเพียงพอแม้ปรากฏว่าผู้ติดเชื้อที่หายป่วย หรืออาการดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาลได้ในแต่ละวันมีจำนวนเพิ่มขึ้นด้วยก็ตาม ด้วยเหตุผลตังกล่าว จึงจำเป็นต้องบังตับใช้บรรตามาตรการ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติต่าง ๆ อย่างเข้มงวดกวดขันเพื่อการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องออกไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง และยกระดับบางมาตรการเพื่อให้การควบคุมการระบาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันมิให้การระบาดเพิ่มความรุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากการที่ได้ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน โดยปิดสถานที่ก่อสร้างและบริเวณที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับคนงาน ตลอดจนได้มีการกำหนดมาตรการปิดสถานที่หรือกิจการที่มีความเสี่ยงบางกรณีเพื่อประโยชน์ในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งผลการดำเนินการในช่วงเวลาที่ผ่านมาปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการและผู้รับผิดชอบในการปรับปรุงสถานที่พักคนงาน และการสุขาภิบาลให้ถูกสุขลักษณะ การปรับปรุงสถานประกอบกิจการและเตรียมมาตรการ ด้านป้องกันและควบคุมโรค รวมทั้งการกำกับติดตามให้เป็นไปตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงสมควรปรับการบังคับใช้บางมาตรการต่อกลุ่มบุตคล สถานที่ และกิจการ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนทั้งด้านเรษฐกิจและสังคม แต่ยังคงให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและกำกับติดตามการป้องกันและควบคุมโรคตามที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย 

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) 
#7349


พร้อมหรือยัง.. เปิดให้ขึ้นฟรีวันนี้ "รถไฟชานเมืองสายสีแดง" บางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน
ช่วงเช้าวันนี้ เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการระบบ รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน (soft opening) วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2564 เวลา 9.30 น. ที่สถานีกลางบางซื่อ โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด

"รถไฟชานเมืองสายสีแดง"

การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยจะให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

และจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายปี 2564 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนที่ต้องการจะเดินทางจากปริมณฑล พื้นที่ชานเมืองเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร


สำหรับตารางการเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง มีดังนี้

เส้นทาง บางซื่อ-รังสิต เที่ยวแรกจากบางซื่อ เริ่มเดินรถเวลา 06.00 น. ส่วนเที่ยวแรกจากรังสิต เริ่มเดินรถเวลา 06.00 น. เช่นกัน

เส้นทาง บางซื่อ-รังสิต เที่ยวสุดท้ายจากบางซื่อ เวลา 19.30 น. ส่วนสุดท้ายจากรังสิต เวลา 19.30 น.

เส้นทาง บางซื่อ-ตลิ่งชัน เที่ยวแรกจากบางซื่อ เริ่มเดินรถเวลา 06.00 น. ส่วนเที่ยวแรกจากรังสิต เริ่มเดินรถเวลา 06.06 น.

เส้นทาง บางซื่อ-ตลิ่งชัน เที่ยวสุดท้ายจากบางซื่อ เวลา 19.30 น. ส่วนสุดท้ายจากรังสิต เวลา 19.36 น.

ทั้งนี้ เฉพาะวันที่ 2 สิงหาคม 2564 จะเริ่มเดินรถ เวลา 10.30 น.
#7350


ตลท. กำหนด "GL -MAX- NOK' ส่งงบการเงินงวดปี63ภายใน1ก.ย.นี้ หากไม่สามารถทำได้จะประกาศให้เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และขึ้นเครื่องหมายNC จนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการให้เหตุเพิกถอนกลับมาซื้อขายได้

ตามที่บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือGL บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือMAX และบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือNOK ยังไม่นำส่งงบการเงินปี 2563 มายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ภายในวันที่ 1 มี.ค.2564)


ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ทั้ง 3 บริษัทเร่งนำส่งงบการเงินดังกล่าวเพื่อเผยแพร่แก่ผู้ลงทุนได้รับทราบ


ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเรียนว่าในกรณีที่ GL MAX และ NOK ยังไม่นำส่งงบการเงินปี 2563 ภายใน 6 เดือนนับแต่วันครบกำหนดระยะเวลานำส่งงบการเงิน กล่าวคือ ภายในวันที่ 1 ก.ย. 2564

ตลาดหลักทรัพย์ฯจะประกาศว่าทั้ง 3 บริษัทข้างต้นเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และขึ้นเครื่องหมายNC (Non-Compliance)จนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการให้เหตุเพิกถอนหมดไปและดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายได้