• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Prichas

#2821


ผู้จัดการรายวัน360 องศา - ส่องอาณาจักรคุณนายปลัดมหาดไทย "SPCG" ผลดำเนินงานกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี จากธุรกิจพลังงานทดแทนขยายตัวไม่หยุด คาดปี 2564 รายได้ไม่ต่ำกว่า 5.5 พันล้านบาท จากโครงการใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น ส่วนปีหน้า Solar Farm ใน EEC ช่วยกระตุ้น

กลายเป็นกระแสที่พูดถึงในแวดวงการลงทุน และแวดวงการเมือง เมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 ส.ค. มีมติแต่งตั้ง "สุทธิพงษ์ จุลเจริญ" อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ แทน "ฉัตรชัย พรมเลิศ" ปลัดกระทรวง ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ นั่นเพราะแม้การแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อตุลาคมปีก่อนจะไม่มีอะไรที่โดดเด่นหรือสะดุดตามากนัก แต่ในฟากคู่สมรสกลับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เพราะนั่นคือ "วันดี กุญชรยาคง" หัวเรือใหญ่ของบริษัทพลังงานทดแทนอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยแสดงข้อมูลทรัพย์สินที่ระดับ 1.02 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยเงินสด เงินฝาก เงินลงทุน เงินให้กู้ยืม โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างพร้อมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ โดยไม่มีหนี้สิน ทำให้รู้บ้านนี้ "รวย"

ที่ผ่านมา "วันดี กุญชรยาคง" ถือเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ในวงการพลังงานทดแทนของประเทศ เดิมที่ก่อนหน้านั้นเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) ด้วยสัดส่วนประมาณ 31.41% และเป็นหัวเรือสำคัญในการนำพา SOLAR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2548

ด้วยฝีมือการบริหารงาน สามารถนำพา SOLAR มีกำไรให้มีกำไรก้าวกระโดดในระดับ 137 ล้านบาท จาก 2 ปีก่อนหน้าบริษัทมีกำไรประมาณ 4.86 ล้านบาท ทำให้ราคาหุ้น SOLAR ในช่วงเวลานั้นขยับขึ้นถึงระดับ 17.00-18.00 บาทต่อหุ้น จากราคา IPO ที่ระดับ 8.00 บาทต่อหุ้น และต่อมาในช่วงปี 2550 พอ"วันดี" ตัดสินใจทยอยขายหุ้นที่ถืออยู่ใน SOLAR ออกจนหมด และเข้ามาถือหุ้นและบริหารใน บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) จนถึงปัจจุบันมีผลให้ราคาหุ้น SOLOR ปรับตัวลงเช่นกัน

จากการตรวจสอบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันดี กุญชรยาคง ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จำนวน 298,950,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.32% หากคำนวณราคาปิดล่าสุด (4 ส.ค.) ที่หุ้นละ 18.50 บาท ทำให้มีมูลค่ารวม 5,530.58 ล้านบาท

ปัจจุบัน SPCG ประกอบธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม 36 แห่ง กำลังผลิตรวม 205.9 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือ PEA ระยะเวลา 5 ปี ต่ออายุอัตโนมัติครั้งละ 5 ปี และ SPCG ถือหุ้นในโครงการเหล่านี้ในสัดส่วน 56-100% ขณะเดียวกัน SPCG ยังถือหุ้น 100% ในบริษัท Solar Power Roof เพื่อทำธุรกิจติดตั้งโซลาร์บนหลังคาอาคาร รวมถึงหน่วยราชการ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ

นอกจากนี้ SPCG ยังร่วมจัดตั้งบริษัท SET Energy ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 80% (อีก 20% ถือหุ้นโดยบริษัทลูกของ PEA) เพื่อทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ 500 เมกะวัตต์ ขึ้นไปในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยโครงการนี้เป็นโครงการของ EEC ที่มอบสิทธิให้ PEA เป็นผู้พัฒนาโครงการ ซึ่ง PEA มอบสิทธิต่อให้บริษัทลูก PEA ENCOM ดำเนินการ

ด้านสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ใน SPCG พบว่า "วันดี กุญชรยาคง" เป็นถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของบริษัทด้วยสัดส่วน 28.32% (รวมถือในนามกลุ่มกุญชรยาคง คิดเป็นสัดส่วน 33.45%) โดยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่

ภาพรวมด้านผลดำเนินงาน แม้รายได้ของบริษัทจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 ที่ระดับ 6.12 พันล้านบาท มาอยู่ที่ 5.04 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา แต่กำไรสุทธิกลับเติบโตสวนทางจาก 2.52 พันล้านบาทในปี 2560 มาอยู่ที่ 2.73 พันล้านบาทในปี 2563 เช่นเดียวกับอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนจาก 5.02% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 6.07%ในปี 2563 และ 6.39% ในปัจจุบัน

สำหรับปี 2564 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมไม่น้อยกว่า 5.5 พันล้านบาท โดยมาจากโปรเจกต์งานใหม่ๆ ขณะเดียวกัน คาดว่าโครงการ Solar Farm จะสามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 385 ล้านหน่วย จากกำลังผลิตรวมโครงการโซลาร์ฟาร์ม 36 โครงการ อีกทั้งยังมองหาช่องทางขยายการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนแนวโน้มของธุรกิจ Solar Rooftop คาดว่าผลงานในช่วงไตรมาส 2/64 จะดีกว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมองว่าทั้งปีจะสามารถทำรายได้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท จากโครงการติดตั้งใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้นหลายโครงการ แม้ที่ผ่านมา รายได้จะชะลอตัวไปจากลูกค้ากลุ่มโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ด้านธุรกิจ Solar Farm โครงการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะเริ่มทยอยกำลังผลิตเฟสแรกที่ 300 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ได้ในไตรมาสแรกปีหน้า ล่าช้าจากกำหนดเดิมที่คาดว่าจะเริ่ม COD ใน Q4/64 เพราะสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การยื่นขอใบอนุญาตต่างๆ ล่าช้าออกไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโครงการใน EEC ทันทีภายหลังการ COD ในเฟสแรก ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟได้ครบทั้งหมด 500 เมกะวัตต์ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีโครงการจ่ายไฟอยู่มาก แต่บริษัทฯ คาดว่าในปีนี้ ธุรกิจ Solar Farm จะได้รับผลกระทบจากการจ่ายไฟที่ลดลง เนื่องจากมีโครงการที่จะหมด Adderไป 4 โครงการในปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima Mega Solar Project ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ โดยทาง SPCG ถือหุ้นอยู่สัดส่วน 17.92% ซึ่งปัจจุบันกำลังเร่งดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถเริ่ม COD ได้ราว Q3/65 ตามแผนงานเดิม
#2822


นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า สรท.คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโต 10% ซึ่งหากจะให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องมียอดส่งออกให้ได้มากกว่าเดือนละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่หากควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในภาคการผลิตไม่ได้จนเกิดผลกระทบรุนแรง จะทำให้การส่งออกขยายตัวลดลงเหลือเพียง 7%

โดยสถานการณ์การส่งออกในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมายังขยายตัวได้ดี เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของตลาดส่งออก เช่น จีน สหรัฐ สหภาพยุโรป ประกอบกับทิศทางการอ่อนค่าของเงินบาทที่ช่วยให้แข่งขันได้ดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าแนวโน้มการส่งออกสินค้าทุกกลุ่มในปีนี้ยังคงสดใส ยกเว้นข้าว และน้ำตาล

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานประกอบการมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิต ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการได้รับผลกระทบแล้วกว่า 1,500 แห่ง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อาหาร ยานยนต์ สิ่งทอ ทำให้กำลังการผลิตลดลงราว 20% ซึ่งเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจราวเดือนละ 6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ ช่วงล็อคดาวน์ ต้องเร่งฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดด้วย ไม่เช่นนั้นการขยายพื้นที่และขยายเวลาล็อคดาวน์ออกไปอีกเท่าไรก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

ขณะที่ปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อการส่งออกได้แก่ 1.การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น จากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายตามปกติ,ดัชนีผู้จัดการฝ่ายการผลิตโลก (World PMI index) ที่อยู่ระดับมากกว่า 50 อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกิจกรรมการผลิตสอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างแข็งแกร่ง

2.ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าใกล้เคียง 33 บาท/ดอลลาร์ จากปัจจัยความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของโควิดในประเทศไทยที่มีความรุนแรง ซึ่งส่งผลลบต่อเศรษฐกิจไทยปี 2564 ประกอบกับการแข็งค่าของดอลลาร์จากการเผชิญแรงกดดัน หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณไม่รีบคุมเข้มนโยบายการเงิน แม้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะขยับสูงขึ้น

3.ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องถึงระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐ ที่เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ทั่วโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก ได้แก่ 1.สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีความรุนแรงในประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด–19 ภายในประเทศยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่สามารถควบคุมและลดการแพร่ระบาดได้อาจจะกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาคการส่งออกซึ่งถือเป็นเครื่องจักรตัวสุดท้ายที่ยังขับเคลื่อนได้ กรณีการติดเชื้อในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเริ่มแพร่กระจายมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อกำลังการผลิต และการส่งมอบสินค้า ทำให้การส่งออกเติบโตได้เพียง 10% จากที่คาดว่ามีโอกาสเติบโตได้ถึง 15% ประกอบกับมาตรการ Bubble & Seal ซึ่งโรงงานขนาด SMEs ส่วนใหญ่ อาจไม่สามารถดำเนินการได้และมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ขณะเดียวกันภาครัฐไม่สามารถอำนวยความสะดวกและสนับสนุนได้ทั้งหมด

2.ปริมาณความต้องการตู้สินค้ายังไม่เข้าสู่ภาวะสมดุล ปริมาณการหมุนเวียนของตู้สินค้ายังไม่เพียงพอ ประกอบกับค่าระวางเรือยังคงปรับตัวอยู่ในทิศทางขาขึ้น ค่าระวางการขนส่งสินค้าทางทะเลยังมีการปรับขึ้นในเกือบทุกเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางยุโรป และสหรัฐ เนื่องด้วยปริมาณการขนส่งทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่สายเรือใช้โอกาสเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มมากขึ้น อาทิ Peak Season Surcharge (PSS) ซึ่งแม้บางบริษัทยอมจ่ายอัตราพิเศษแต่ก็ยังไม่ได้ตู้สินค้า รวมถึงผู้ส่งออกที่ได้รับการยืนยันตู้แล้ว ก็อาจถูกยกเลิกก่อนกำหนด ทำให้ผู้ส่งออกไทยไม่สามารถส่งออกได้ตามเป้า การบริหารจัดการภายในท่าเทียบเรือที่ขาดประสิทธิภาพ และปัญหาจากการล่าช้าของเรือ ทำให้ตู้สินค้าไม่สามารถหมุนเวียนในระบบได้ดีเพียงพอ

3.แรงงานขาดแคลน เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ความต้องการแรงงานในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น แต่แรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศและยังไม่ได้เดินทางกลับเข้ามา ประกอบกับยังไม่สามารถจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้เพียงพอกับจำนวนแรงงานในภาคการผลิต ซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนแรงงานให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ยังมีข้อจำกัดในการจ้างแรงงานแบบ part-time ให้สอดคล้องกับกฎหมายในปัจจุบัน

4.ปัจจัยการผลิตมีปริมาณไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น อาทิ Semiconductor Chip / Steel โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น และไม่สามารถผลิตได้ตามกำลังการผลิตหรือความต้องการของตลาดโลก

ทั้งนี้ สรท.มีข้อเสนอแนะดังนี้ 1.ไม่เห็นด้วยกับมาตรการ Fully Lockdown โดยขอยกเว้นให้ภาคการผลิตและกิจกรรมโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและนำเข้า อาทิ การปฏิบัติงานของท่าเรือ การขนส่งสินค้าเข้าสู่ท่าเรือ ยังสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อสัญญาการค้าระหว่างประเทศ และหลายธุรกิจมีสัดส่วนการผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศ หากมีการหยุดประกอบการ จะส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศตามมาในที่สุด

2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งบริหารจัดการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน โดยเฉพาะแรงงานภาคอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกให้เร็วที่สุด 3.ขอเรียกร้องให้มีการปรับใช้มาตรการทางสาธารณสุขที่เป็นมาตรฐานเดียวจากส่วนกลาง เพื่อให้สามารถดำเนินการเหมือนกันในแต่ละพื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะกรณีโรงงานที่มีพนักงานอยู่ในกลุ่มเสี่ยง 4.ขอเรียกร้องให้หน่วยงานราชการเร่งปรับปรุงการทำงานในการจัดการด้านเอกสารออนไลน์ (e-Document) และการขออนุญาต/ใบรับรองเพื่อการส่งออกนำเข้าผ่านระบบ National Single Window (NSW) เพื่อลดการสัมผัสจากการเข้าไปติดต่อราชการ
#2823


นับเป็นการแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ด้วยสีหน้าที่ "เคร่งเครียด" อย่างมาก สำหรับแม่ทัพอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทยอย่าง ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา  ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หลังเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ เมื่อศาลปกครองมีคำพิพากษา เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ "แอชตัน อโศก" มูลค่า 6,481 ล้านบาท ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทลูกอย่าง "บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นอาคารชุด 51 ชั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 666 ยูนิต ห้องชุดส่งมอบแล้ว 87% มูลค่ากว่า 5,639 ล้านบาท และมีจำนวนครัวเรือนอยู่อาศัย 578 ครอบครัว เป็นคนไทย 438 ราย และลูกค้าต่างชาติ 140 รายจากทั้งสิ้น 20 ประเทศ 

คำสั่งศาลปกครองกลาง ที่พิพากษาถอนใบอนุญาตก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมาก รวมถึง "ลูกบ้าน" แสดงความกังวลใจให้ผู้บริหารรับทราบผ่านการประชุมออนไลน์เมื่อคืนนี้ โดยมีคำถามมากมายประเดประดังเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น..เราคือคนที่มาซื้อคอนโด เพื่ออยู่อาศัยนะ ไม่ได้มาเพื่อเก็งกำไรแล้วมีปัญหาก็มาโวยวาย, เค้าจะทุบหมดเลยใช่ไหม, จะครบ 3 ปีจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม เป็นต้น ซึ่งผู้บริหารเองก็มืดแปดด้าน และเร่งหาทางออก แต่ระหว่างทางยืนยันจะอยู่เคียงข้างลูกบ้าน 

นอกจากการออกตัวอยู่เคียงข้างลูกค้าที่ซื้อโครงการ สิ่งที่บริษัทจะดำเนินการต่อจากนี้ คือเตรียมข้อมูล หลักฐานต่างๆ เพื่อยื่นอุทรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ภายใน 30 วัน ซึ่งตามกระบวนการศาลคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี เร็วสุดอาจเป็น 2 ปี 

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ถือโอกาสชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า กระบวนการพัฒนาโครงการ มีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ เช่น อนุมัติจาก 8 หน่วยงานราขการ ทั้งสำนักงานนโยบายและแผนพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) สำนักงานเขตวัฒนา กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมที่ดิน เป็นต้น


และได้รับใบอนุญาต 9 ฉบับ เช่น ใบอนุญาตใช้ทางของรฟม. ใบอนุญาติเชื่อมทางสาธารณะ ใบรับแจ้งการก่อสร้างตามมาตรา 39 ทวิ 3 ใบ ฯ นอกจากนี้ ยังขอความเห็นก่อนดำเนินการ 7 หน่วยงาน เช่น รฟม. กองควบคุมอาคาร สำนักการจราจร สำนักงานที่ดินฯ ผ่านความเห็นชอบจาก 5  คณะกรรมการ เช่น คณะกรรมการ รฟม. คณะกรรมการ พิจารณาแบบของสำนักงานควบคุมอาหาร ว่าแบบก่อสร้างถูกต้อง เป็นต้น

ขณะที่ทางเข้า-ออก โครงการ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ เดิมที่ดินของโครงการนั้นมีทางเข้าออกถนน แต่ภายหลังถูกเวนคืน ตามพ.ร.บ.เวนคืนที่ดิน เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะ ซึ่งส่งผลให้บริษัทและรฟม.สามารถใช้ที่ดินสำหรับเป็นทางเข้า-ออกโครงการเทียบเท่าสาธารณะได้ กรณีนี้บริษัทได้เสนอค่าตอบแทนให้แก่รฟม.มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท ด้วยการสร้างอาคารจอดรถสูง 7 ชั้น เพื่อรองรับการบริการรถไฟฟ้า 

"บริษัทฯ ดำเนินงานอย่างระมัดระวัง รอบคอบให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องของการซื้อที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ทางเข้า-ออก ของ รฟม. จากโครงการอื่นๆด้วย" 

พร้อมกันนี้ บริษัทให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการ แอชตัน อโศก ไม่ใช่รายแรกที่ใช้ทางเข้า-ออกของ รฟม. รวมถึงเรื่องการดำเนินงานขออนุมัติใบอนุญาตต่างๆ ทุกขั้นตอนอย่างถูกต้องภายใต้กฎระเบียบและข้อบังคับของภาครัฐอย่างเคร่งครัด และได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากส่วนงานราชการที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน จึงทำให้บริษัทฯ มั่นใจอย่างยิ่งว่าในกระบวนการดำเนินโครงการแอชตัน อโศก ที่ผ่านมาทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและสุจริต ชอบด้วยกฎหมายทุกขั้นตอน

ทว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากโครงการแอชตัน อโศก ถือเป็นหน้าเป็นตาขององค์กร 

"แอชตัน อโศก เป็นโครงการเรือธงของบริษัท กรณีที่เกิดขึ้น เหมือนเราโดนเสียบหัวใจ อยากให้เราตายเลย ลูกค้า นักลงทุน จะคิดกับเรายังไง"
#2824


ไม่มีแผ่วเลยสำหรับวงการซีรีส์ของทางฝั่งจีนที่ช่วงนี้ก็ไม่วายมีผลงานเรื่องใหม่ ๆ ปล่อยออกมาให้เราได้รับชมกันแบบรัว ๆ เหมือนเช่นเคย โดยจากการไปตามส่องเก็บข้อมูล ในส่วนของนักแสดงซึ่งเป็นปัจจัยที่ดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งที่โต๊ะฯจีนแอบไปสังเกตเห็นและพบว่าน่าสนใจมาก นั่นก็คือ จากบรรดาซีรีส์จีนที่กำลังออกอากาศและได้รับความนิยมอยู่ในช่วงนี้ มีนักแสดงสาวสวยอยู่คนหนึ่งที่ได้ร่วมแสดงและครองบทเด่นไปรวดเดียวถึง 3 เรื่องด้วยกัน!! ซึ่งเธอคนนั้นมีนามว่า 'จินเฉิน' นั่นเอง...

'จินเฉิน' (金晨) นางแบบ นักแสดงสาวชาวจีนวัย 31 ปี เกิดที่เมืองจี่หนาน มณฑลชานตง ประเทศจีน เข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกเมื่อปี 2011 ในผลงานซีรีส์จีนแนวกำลังภายในเรื่อง "เจ็ดยอดศาสตรา ตอนเดชขนนกยูง" (Kong Que Ling: 孔雀翎) นอกจากนั้นในปีเดียวกัน 'จินเฉิน' ยังได้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการประกวดเต้นชื่อดังอย่าง "China's Strictly Come Dancing" ซีซั่น 3 (舞动奇迹 3) จนในที่สุดสามารถคว้าแชมป์ของซีซั่นนั้นไปครองได้อีกด้วย

ต่อมาหลังจากเริ่มมีชื่อเสียง 'จินเฉิน' ได้มีผลงานการแสดง โดยเฉพาะในฝั่งของซีรีส์ออกมาให้ได้รับชมกันอีกหลายเรื่อง ที่เด่น ๆ ก็อย่างเช่น "หมอผีไร้ใจ" (WuXin The Monster Killer: 无心法师) ปี 2015 "พระสนมเหมิงเฟยเสด็จแล้ว" (Mengfei Comes Across: 萌妃驾到) ปี 2016 และ "มหาอำนาจแห่งความลับ" (Fearless Whispers: 隐秘而伟大) ปี 2020

ล่าสุดหากบอกว่าช่วงนี้เป็น "จังหวะทอง"ของนักแสดงสาวหน้าสวย 'จินเฉิน' ก็ดูเหมือนจะไม่เกินจริงเสียเท่าไหร่นัก เนื่องจากในบรรดาซีรีส์กระแสดีที่กำลังออกอากาศอยู่ตอนนี้ เธอได้มีโอกาสร่วมแสดงในบทบาทเด่น ๆ ที่จะทำให้ผู้คนได้จดจำความสวยปังที่มาพร้อมกับทักษะการแสดงสุดยอดเยี่ยมของเธอไปแล้วถึง 3 เรื่องด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่างานนี้โต๊ะฯจีนก็ไม่พลาด ขออาสาพาคุณผู้อ่านไปส่องกันเสียหน่อยสิว่า ในบรรดาซีรีส์ 3 เรื่องที่ว่านี้ 'จินเฉิน' ของเราจะได้เล่นเป็นใคร และต้องถ่ายทอดบทบาทแบบไหนออกมากันบ้าง

'จินเฉิน' กับบท "ไต้เสียวอวี่" หญิงสาวสุดอาภัพในซีรีส์สร้างแรงบันดาลใจ "เพื่อนหญิง วิ่งตามฝัน"

สำหรับในซีรีส์เรื่อง "เพื่อนหญิง วิ่งตามฝัน" หรือ "Crossroad Bistro" (北辙南辕) 'จินเฉิน' ได้รับบทเป็น "ไต้เสียวอวี่" หญิงสาวคนหนึ่งที่แทบจะเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ทั้งหน้าตาดี ฉลาด การศึกษาสูง แต่แล้วชีวิตของเธอกลับมีโชคชะตาความรักที่แสนจะอาภัพ โดยจุดเริ่มต้นของความอาภัพที่ว่านี้มาจากที่วันหนึ่งเธอได้พบว่าแฟนที่คบกันมากว่า 5 ปีและกำลังจะแต่งงานด้วยนั้น มีภรรยาอยู่แล้ว อีกทั้งด้วยความกระทบกระเทือนจิตใจเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคนรัก ยังทำให้เธอได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนสุดท้ายต้องตัดมดลูกทิ้งและสูญเสียลูกในท้องไป

ถึงแม้ต่อมาบท "ไต้เสียวอวี่" ที่รับบทโดย 'จินเฉิน' จะยังคงยืนหยัดลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง แต่ด้วยจุดนี้เองที่ทำให้เป็นเสน่ห์ให้ชวนน่าติดตามมากว่าท้ายที่สุด 'จินเฉิน' จะถ่ายทอดบทบาทตัวละครของผู้หญิงที่มีปมจากการเคยประสบกับภาวะอ่อนแอในชีวิตเข้าอย่างจังให้กลับมาเป็นคนใหม่ได้เป็นอย่างไร

'จินเฉิน' กับบท "เซี่ยฉิง" แฟนเก่าพระเอกในซีรีส์รักโรแมนติก "ดุจดวงดาวเกียรติยศ"

ในซีรีส์สุดฮิตที่กำลังดังเป็นพลุแตกอย่าง "ดุจดวงดาวเกียรติยศ" หรือ "You Are My Glory" (你是我的荣耀) 'จินเฉิน' รับบทเป็น "เซี่ยฉิง" อดีตแฟนสาวของ "อวี๋ถู" หรือพระเอกของเรื่องที่รับบทโดย 'หยางหยาง'(杨洋) โดยตามพล็อตเรื่องแล้วตัวละคร "เซี่ยถิง" ที่รับบทโดย 'จินเฉิน' นั้นจัดอยู่ในหมวดของผู้หญิงสวย เก่ง สุดมั่นใจ ตัวเธอกับอวี๋ถูคบหากันในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องเลิกรากันไปเนื่องจากต่างคนต่างมีความฝันและมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ไม่เหมือนกัน จนกระทั่งในคราที่ต้องวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง เมื่อเธอพบว่า "อวี๋ถู" และ "เฉียวจิงจิง" (นางเอกของเรื่องรับบทโดย 'ตี่ลี่เร่อปา') ต่างเริ่มมีความรู้สึกดีต่อกัน จึงพยายามทำบางอย่างเพื่อขัดขวางความสัมพันธ์ของพวกเขา

ว่ากันว่า ณ ปัจจุบันแม้บทของ "เซี่ยฉิง" จะขึ้นชื่อว่าเป็นบทรับเชิญ แต่จุดเริ่มต้นของความสำเร็จของ 'จินเฉิน' ในบทบาทนี้ก็เริ่มปรากฎให้เห็นกันในระดับหนึ่งแล้ว พิสูจน์ได้จากที่ว่าตัวของ 'จินเฉิน' สามารถถ่ายทอดตัวละคร "เซี่ยฉิง" ซึ่งเดิมทีในเวอร์ชั่นนิยายต้นฉบับไม่ได้มีบทบาทมากมายอะไรนัก ออกมาได้อย่างโดดเด่นจนกลายเป็นที่จับตามองไม่แพ้ตัวละครอื่น ๆ เลยล่ะจ๊ะ
'จินเฉิน' กับบท "สวี่เฟิ่งเฉียว" ลูกสะใภ้สายโหดในซีรีส์พีเรียดย้อนยุค "Song of Youth"

สำหรับซีรีส์เรื่อง "Song of Youth" (玉楼春) 'จินเฉิน' รับบทเป็น "สวี่เฟิ่งเฉียว" ลูกสะใภ้คนที่สามของบ้านตระกูลซุน (พี่สะใภ้พระเอก) ซึ่งด้วยความที่มีชาติกำเนิดอันสูงส่ง บวกกับบุคลิกสุดเข้มแข็ง เป็นนักวางแผนมีความชำนาญกับการจัดการเรื่องน้อยใหญ่ในบ้าน ทำให้สถานะในบ้านของสวี่เฟิ่งเฉียวต่างเป็นที่น่าเคารพนับถือมาก ถึงขนาดที่ว่าสามีของตัวเองยังต้องเกรงกลัว

จากทักษะการแสดงและความโดดเด่นของ 'จินเฉิน' ในซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้ทั้งตัวเธอและตัวละคร "สวี่เฟิ่งเฉียว" ได้รับกระแสตอบรับและการถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยทางแหล่งข่าวจาก Tencent News ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากซีรีส์ "Song of Youth" เริ่มออกอากาศไปได้ไม่นาน ชื่อของ 'จินเฉิน' นั้นก็แทบจะขึ้นเป็นรายการค้นหายอดนิยมบนโลกโซเชียลของจีนในทันทีทันใดเลยล่ะจ้า

เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ 3 เรื่อง 3 รสที่เราจะได้เห็น 'จินเฉิน' ใน 3 บทบาทที่ต่างกันสุดขั้วอย่างแน่นอน งานนี้ใครที่สนใจอยากจะตามส่องความสวยปังที่มาพร้อมกับทักษะการแสดงสุดเลิศแบบจัดเต็มของ 'จินเฉิน' นักแสดงสาวมากความสามารถคนนี้ล่ะก็ สามารถเช็คลิสต์ติดตามรับชมซีรีส์ทั้ง 3 เรื่องได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยนะจ๊ะ
#2825


จากการที่ศาลปกครองมีคำพิพากษา เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ "แอชตัน อโศก" ที่ออกให้แก่ บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด กลายเป็นประเด็นร้อน !!! ที่สร้างกระแสความหวั่นวิตกให้กับลูกบ้าน และคนที่กำลังซื้อคอนโด

ปัจจุบันโครงการ "แอชตัน อโศก" สร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์มาได้กว่า 2 ปีแล้ว แม้ว่าจะยังมียูนิตเหลือขายอยู่แต่ก็เพียงไม่กี่ยูนิตจากจำนวนทั้งหมด 783 ยูนิต ซึ่งการเพิกถอนใบอนุญาตครั้งนี้เท่ากับว่าโครงการนี้ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตมาตั้งแต่หลายปีที่แล้ว และขั้นตอนต่างๆ ที่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ต้นนั้นก็ผิดด้วยเช่นกัน

การที่มีคำพิพากษาแบบนี้ออกมานั้นสร้างความวิตกกังวลให้กับคนที่มียูนิตอยู่ในโครงการนี้แน่นอน

แม้ว่าทางบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) จะออกมาชี้แจงแล้วว่าคำตัดสินของศาลปกครองยัง "ไม่ใช่" ที่สิ้นสุด โดยทางบริษัทจะมีการดำเนินการคัดค้านคำพิพากษาก็ตาม

"สุรเชษฐ กองชีพ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า ในกลุ่มของผู้ซื้อในตอนนี้คงต้องหาทางเรียกร้องหรือขอคำยืนยันจากฝั่งของเจ้าของโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่า พวกเขาจะยังมีสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์อาคารชุดที่ซื้อไว้ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว

โดยในช่วงที่เปิดขายโครงการนี้สร้างกระแสเสมือนเป็นเบญจภาคีแห่งพระเครื่อง และเป็นหนึ่งในโครงการที่มีการแย่งชิงกันมากที่สุด เนื่องจากทำเลที่ตั้งโครงการที่ถือได้ว่า หาได้ยากยิ่ง (Rare item) ในตอนนั้นและในอนาคต ส่งผลให้ราคาขายในเวลานั้น จะมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952115
#2826



รัฐบาลเวียดนามเปิดเผยว่า เวียดนามเตรียมขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีก 2 สัปดาห์ในนครโฮจิมินห์ และ 18 เมืองและจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 2 ส.ค.นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งเลวร้ายที่สุด

รายงานระบุว่า เวียดนามกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้มีการบังคับใช้มาตรการจำกัดการเคลื่อนที่ในพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศ จนถึงขณะนี้ เวียดนามมียอดผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 145,000 ราย และเสียชีวิต 1,306 ราย

รัฐบาลเวียดนามระบุในแถลงการณ์ว่า "เจ้าหน้าที่ของนครโฮจิมินห์และจังหวัดอื่นๆ ต้องกระตุ้นให้ประชาชนอยู่ที่บ้าน และปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด"

นายอู๋ ดึ๊ก ดาม รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจด้านโควิด-19 ระบุว่า "การใช้มาตรการควบคุมในภูมิภาคดังกล่าวคือการสร้างเข็มขัดนิรภัยรอบนครโฮจิมินห์ และไม่ปล่อยให้การแพร่ระบาดกระจายวงกว้างไปมากกว่านี้"

"อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนจนกว่าจะควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้" รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวเสริม

ทั้งนี้ นครโฮจิมินห์กลายเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดภายในประเทศ โดยมียอดผู้ติดเชื้อคิดเป็น 64% ของยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดภายในประเทศ

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952179
#2827



บรรดาคนรักเลข มาขอโชค "ต้นโพธิ์ข้างทาง" ในปากน้ำโพ ไม่ผิดหวังได้ "เลขเด็ด" กลับไปลุ้นรวยงวดนี้ 1/8/64

กลางดึกวันที่ 31 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านที่ทราบข่าวว่าต้นโพธิ์ข้างถนนหน้าหมู่บ้านโครงการ แห่งหนึ่งใน ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มักจะให้โชคกันคนที่มีดวงทางด้านเสี่ยงโชค จึงได้เดินทางไปบริเวณหน้าหมู่บ้านดังกล่าว


ทั้งนี้ พบชาวบ้านที่เข้ามาขอโชคโดยได้จุดธูปไหว้ขอโชค หลังจากนั้นก็นำแป้งไปทาถูบริเวณต้นโพธิ์ จนเห็นเลข 53 สำหรับต้นโพธิ์ดังกล่าวนั้น จะมีชุดสะไบแขวนอยู่เต็มต้นแทบทุกกิ่งก้าน เนื่องมาจากมีคนได้โชคแล้วนำชุดสะไบมาถวายแทบทุกงวดเลย.

https://www.thairath.co.th/lottery/news/2154478
#2828



"แบรนด์กีฬา" เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ "แบรนด์แฟชั่น" และหลายแบรนด์ก็มีที่มาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยเอกลักษณ์ นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือการออกแบบที่ดึงดูดใจตลาดวัยรุ่น

"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ชวนดู "10 เบื้องลึกเบื้องหลัง แบรนด์กีฬาท็อปฮิตที่กำลังเป็นที่นิยมในปี 2564 นี้บ้าง?"


01: ไนกี้ (Nike)

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักแบรนด์ "ไนกี้" (Nike) หนึ่งในแบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาที่มีชื่อเสียงที่สุด และปัจจุบันยังมีการออกแบบสุดว้าว ด้วยเทคนิค-นวัตกรรมที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพให้กับผู้สวมใส่ที่ดีขึ้นทุกวันๆ 

ไนกี้ก่อตั้งเมื่อปี 1964 โดย บิล บาวเวอร์แมน (Bill Bowerman) และฟิล ไนท์ (Phil Knight) โดยชื่อแบรนด์มีแรงบันดาลใจมาจากเทพนิยายกรีก และแบรนด์เป็นที่รู้จักจากสโลแกนคุ้นหูอย่าง "Just Do It" ที่สร้างแรงบันดาลใจและส่งต่อพลังในการลงมือทำ

ไนกี้โดดเด่นในการออกแบบ "รองเท้าวิ่ง" ที่สุดในตลาดสนีกเกอร์ มีรองเท้าวิ่งหลายรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างไร้กาลเวลา เช่น แอร์ จอร์แดน (Air Jordan) เทรลแมกซ์ (Trailmax) นอกเหนือจากการออกแบบที่ดีแล้ว นวัตกรรมที่ใช้ในการผลิตยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ในแง่ของสปอนเซอร์ ไนกี้เป็นแบรนด์ที่มีนักกีฬาที่มีชื่อเสียงตัวใหญ่ๆ หลายคนในวงการกีฬามาทำการโฆษณาให้ ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) ไทเกอร์ วูดส์ (Tiger Woods) หรือ ราฟาเอล นาดาล (Rafael Nadal) อีกทั้งตัวแบรนด์เองยังให้การสนับสนุนกีฬาระดับชาติในหลายๆ ประเทศรวมถึงมีการเคลื่อนไหวในประเด็นทางสังคม ซึ่งได้ฐานกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ตื่นตัวกับเรื่องเหล่านี้ด้วย


02: เอสิกส์ (Asics)

"เอสิกส์"  (Asics) แบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาสัญชาติญี่ปุ่น ก่อตั้งที่โกเบ ปี 1977 โดดเด่นในไลน์สินค้าประเภทรองเท้าผ้าใบและชุดกีฬาซึ่งสวมใส่แล้วสะดวกสบาย ดูกะทัดรัดในแบบเอเชีย

โดยที่มาของชื่อแบรนด์นั้นได้มีความหมายที่ย่อมาจากวลีโบราณที่มีความหมายว่า "หากอธิษฐานต่อพระเจ้า เราควรอธิษฐานเผื่อจิตใจของร่างกายตนเองเพื่อให้แข็งแรงด้วย" (Anima Sana in Corpore Sano) ซึ่งวลีที่ว่านี้ยังเป็นปรัชญาของแบรนด์อีกด้วย 

นอกจากนี้ในงานการแข่งขัน โอลิมปิก 2020 ยังสังเกตเห็นได้ว่า ทีมนักกีฬาจากไชนีสไทเป (Chinese Taipei) ไต้หวัน ได้สวมใส่ชุดแต่งกายแบรนด์กีฬานี้ในช่วงการแข่งขันที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ด้วย


03: อาดิดาส (Adidas)

"อาดิดาส" (Adidas) อีกหนึ่งท็อปแบรนด์กีฬาที่ใครๆ ก็ต้องรู้จักและมีติดบ้าน ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ จาก "แถบสามแถบ" ซึ่งเป็นสไตล์ที่เรียบแต่มีความโดดเด่น ดู "มินิมัล" ซึ่งเป็นรสนิยมประเภทที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยม 

ก่อตั้งขึ้นในปี 1949 ในส่วนของต้นกำเนิดชื่อแบรนด์ หลายคนอาจยังไม่รู้มาก่อนว่า ที่มาที่แท้จริงของชื่อแบรนด์อาดิดาสนี้ มีต้นตอมาจากชื่อของผู้ก่อตั้งที่ชื่อว่า อดอล์ฟ แดสเลอร์ (Adolf Dassler; Adi) ไม่ได้มีต้นตอที่แท้จริงมาจากคำนี้ "ทั้งวันฉันฝันถึงแต่การเล่นซอคเกอร์" (All Day I Dream About Soccer) ที่มีคนคิดตั้งข้อสงสัยกัน  

ขณะเดียวกันอาดิดาสยังให้การสนับสนุนนักกีฬาเบอร์ใหญ่ระดับโลกด้วย เช่น ลิโอเนล เมสซี (Lionel Messi ) หรือเจมส์ ฮาร์เดน (James Harden) ทั้งนี้ยังให้การสนับสนุนชุดทีมฟุตบอลในหลายๆ ประเทศด้วย

และในแง่ของการออกแบบคอลเล็กชั่นที่โด่งดังและมีการพูดถึงคงหลีกหนีไม่พ้นไลน์สินค้า ยีสซี่ (YEEZY) ที่ได้แร็ปเปอร์ชื่อดังอย่าง คานเย เวสต์ (Kanye West) มาร่วมออกแบบด้วย นอกเหนือจากนี้ไลน์สินค้าอื่นๆ ที่เป็นที่นิยมยังมีอีก เช่น สแตน สมิธ (Stan Smith) และแซมบา (Samba) เป็นต้น


04: หลี่หนิง (Li-Ning)

"หลี่หนิง" (Li-Ning; 李宁有限公司) แบรนด์กีฬาสุดยอดท็อปฮิตในประเทศจีนที่สุดในตอนนี้ ก่อตั้งเมื่อปี 1989 โดยผู้ก่อตั้งที่ชื่อ "หลี่ หนิง" ซึ่งเป็นอดีตนักยิมนาสติก ที่มีฉายาเป็นที่รู้จักในนาม "เจ้าชายแห่งวงการยิมนาสติก" ณ วันนี้ทำกำไรกว่า 4 แสนล้านบาท

โดยผู้ก่อตั้งนั้นได้หันมาทำแบรนด์เมื่อตอนที่ตัดสินใจอำลาวงการกีฬาในวัย 25 ปี เพราะอาการบาดเจ็บเท้าจนไม่สามารถลงแข่งขันได้ และด้วยความมีชื่อเสียงทำให้หลี่หนิงออกมาเปิดแบรนด์ตัวเองต่อหลังจากที่เลิกแข่งกีฬาไป

ตัวแบรนด์ได้รับความนิยมมากขึ้นตั้งแต่ปี 2010 สามารถดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นจีนเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มผู้ใหญ่ด้วย นอกจากนั้นมีเพียงแค่ 2% เท่านั้นที่เป็นกำไรจากต่างประเทศ 

พร้อมกันนี้แบรนด์หลี่หนิงเองยังได้สนับสนุนนักกีฬาชื่อดังอย่าง ดเวย์น เวด (Dwyane Wade) และล่าสุดในงานโอลิมปิก 2020 นี้ กองทัพนักกีฬาประเทศจีนยังได้ใส่ชุดและเครื่องแต่งกายจากแบรนด์หลี่หนิงในช่วงการแข่งขันด้วย

หากพูดถึงความนิยมแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะพูดถึงพระเอกซีรีส์ดังอย่าง "เซียวจ้าน" ที่ตบเท้าเข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์หลี่หนิงไปเมื่อเดือนมีนาคม ปีนี้ด้วย ทำให้กลุ่มวัยรุ่นและแฟนคลับตามแห่กันมาซื้อและใช้สินค้าแบรนด์นี้มากยิ่งขึ้นไปอีก


05: รีบอค (Reebok)

"รีบอค" (Reebok) แบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาสัญชาติอังกฤษ เป็นที่นิยมในหมู่นักวิ่งและคนออกกำลังกายตามฟิตเนส-ยิม โดยเน้นไปที่การออกแบบไลน์สินค้า เสื้อ-กางเกงวิ่ง รองเท้า และอุปกรณ์เสริมในการออกกำลังกายอื่นๆ 

แบรนด์สัญชาติอังกฤษนี้ได้ทำการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1895 โดยโจเซฟ วิลเลียม ฟอสเตอร์ (Joseph William Foster) โดยความหมายของชื่อแบรนด์สื่อถึง การจุติความสง่างามอย่างรวดเร็วว่องไว 

ทั้งนี้แรกเริ่มเดิมทีแบรนด์รีบอคเป็นที่พูดถึงในเรื่องการออกแบบ "รองเท้าวิ่งที่มีหนามแหลม" เป็นเอกลักษณ์เพื่อใช้ในการออกกำลังกาย ซึ่งทำให้วิ่งได้อย่างปลอดภัยดี


06: อันเดอร์ อาร์เมอร์ (Under Armour)

"อันเดอร์ อาร์เมอร์" (Under Armour) หนึ่งในแบรนด์เครื่องแต่งกายที่นิยมในหมู่คนออกกำลังกาย สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งในปี 1996 เป็นที่นิยมทั้งในอเมริกา เอเชีย และทั่วโลก เป็นเบอร์รองจากไนกี้

แบรนด์นี้ถูกก่อตั้งขึ้นโดย อดีตนักฟุตบอลอย่าง เควิน แพลงก์ (Kevin Plank) ซึ่งผุดไอเดียสร้างสรรค์แก้ปัญหาได้ถูกจุดสำหรับผู้เล่นกีฬาในสถานที่โล่งแจ้งที่ต้องมีเหงื่อออกมาก โดยเควินได้ออกแบบเสื้อกล้ามที่มีคุณสมบัติในการซับเหงื่อที่เป็นที่ตื่นตาตื่นใจในตอนนั้น 

ในส่วนของต้นตอที่มาของชื่อแบรนด์ อันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ก่อตั้งเดิมทีต้องการใช้ชื่อแบรนด์ว่า "บอดี้ อาร์เมอร์" (Body Armour) แต่มีปัญหาเรื่องเครื่องหมายทางการค้าจึงได้ตัดสินใจเลือกใช้ชื่อแบรนด์ว่า "อันเดอร์ อาร์เมอร์" แบบที่ทุกคนรู้จักกัน ณ วันนี้
#2829



บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้าร่วมลงทุน ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk ("CAP") ประเทศอินโดนีเซียผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ PT TOP Investment Indonesia โดยเข้าถือหุ้น CAP ที่สัดส่วนร้อยละ 15.38 ใช้เงินลงทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 1,183 ล้านดอลลารร์สหรัฐฯ หรือ 39,116ล้านบาท เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ โดย CAP มีแผนขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2( CAP2)ปัจจุบัน CAP เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำรายใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงงานแยกแนฟทา (Naphtha Cracker) เพียงแห่งเดียวของประเทศ มีกำลังการผลิตเอทิลีน (ethylene) ประมาณ 900,000 เมตริกตันต่อปี และพอลิโอเลฟินส์ (Polyolefins) ที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตสไตรีนโมโนเมอร์ (SM) และบิวทาไดอีน (BD) และจะดำเนินการขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2(CAP2)​ ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวหรือ2ล้านตันกำหนดแล้วเสร็จในปี2569

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของไทยออยล์ในการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ จากเดิมที่มีธุรกิจสายอะโรเมติกส์อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างธุรกิจของไทยออยล์มีความสมบูรณ์ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร และCAP2สามารถรองรับแนฟทาและแอลพีจีจากโครงการ CFP ของไทยออยล์ที่กำลังลงทุนราว 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ​ขยายกำลังกลั่นจาก2.75แสนเป็น4แสนบาร์เรล​ต่อวัน ยอมรับว่าผลกระทบจากโควิด-19 กระทบงานCFPทำให้สร้างได้ต่ำกว่าแผนแต่จะพยายามเร่งให้แล้วเสร็จ​ในปี 2566 ซึ่งจากการร่วมทุนกับอินโดนีเซียครั้งนี้ก็ทำให้ไทนออยล์​ไม่ต้องลงทุนสร้างโอเลฟินส์​เองแต่อย่างใดและคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เบื้องต้น 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดย CAP มีการประกาศผลกำไรครึ่งแรกปี64ที่ราว 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยการร่วมทุนเกิดประโยชน์หลายด้าน ทั้งการได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท CAP และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต การร่วมลงทุนใน CAP ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำทำไทยออยล์สามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ได้อย่างรวดเร็วและทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความสมบูรณ์ ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี

ทั้งนี้ไทยออยล์ได้ทำสัญญาเพื่อส่งผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นทั้งแนฟทาและแอลพีจี 1 ล้านตัน/ปีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับ CAP และทำสัญญาเพื่อจำหน่ายพอลิเมอร์เรซิน (Polymer Resin) และผลิตภัณฑ์ในรูปของเหลวอื่นๆของ CAP อีกด้วย คาดว่ากระบวนการและการดำเนินการต่างๆในการเข้าร่วมลงทุนใน CAP จะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564

สำหรับการจ่ายเงินแก่ CAP จะแบ่งเป็น 2 ครั้งได้แก่ รอบแรกในเดือนก.ย.64 วงเงิน 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ​วงเงินส่วนนี้จะมาจากการกู้เงินระยะสั้น 18 เดือนอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.4 ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเงินกู้จากปตท.ที่เหลือมาจากสถาบันการเงิน ส่วนรอบที่ 2 จ่ายเงินกลางปี 2565 ประมาณ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แผนการเงินเข้าลงทุนนั้น บมจ.ปตท.จะสนับสนุนทั้งเงินกู้ระยะสั้นและการเสริมสภาพคล่องโดยยืดระยะเวลาจ่ายหนี้น้ำมันจาก 30 วันเป็น 90 วันหรือเทียบเท่า 3 หมื่นล้านบาท.พร้อมทั้งไทยออยล์​จะขายหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)หรือจีพีเอสซีประมาณร้อยละ 10.8 ให้ ปตท.เป็นวงเงินราว 20,000 ล้านบาทและไทยออยล์​จะเพิ่มทุนอีก 10,000 ล้านบาทกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในกลางปีหน้า​​โดยท้ายสุดแล้วไทยออยล์จะคงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับที่เหมาะสมที่ 1 ต่อ 1 ได้​ และภาพรวมทั้งหมดก็ไม่ต้องขอเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นอีกแต่อย่างใด
#2830
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี










#2831


เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นนักการทูตประเทศไหนก็มักต้องเรียนภาษาประเทศนั้นเพื่อการสื่อสารที่ลึกซึ้งกับประชาชนเจ้าของพื้นที่ จึงไม่แปลกใจหากเอกอัครราชทูตต่างชาติหลายคนพูดภาษาไทยได้ แต่ไม่ใช่กับ "อัลลัน แมคคินนอน" เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย

เขาผู้นี้เรียนภาษาไทยตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาโดยยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งจะได้มาเป็นทูตในเมืองไทย 

เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ (29 ก.ค.) กรุงเทพธุรกิจ คุยกับทูตออสเตรเลียถึงเบื้องลึกเบื้องหลังและประสบการณ์สนุกๆ ในการเรียนภาษาไทย เริ่มต้นจากสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจ ทำไมถึงเลือกเรียนภาษานี้ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า การเลือกเรียนภาษาไทยเรียกได้ว่า "แทบจะเป็นเรื่องบังเอิญ" 

"ปริญญาใบแรกที่ผมได้จากมหาวิทยาแห่งชาติออสเตรเลียคือเศรษฐศาสตร์ แต่ผมสนใจเอเชียตลอดมา ทุกอย่างของเอเชียเลยครับ!  และผมก็อยากเรียนภาษาเอเชียสักภาษา ซึี่งตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าภาษาไหน พอดีอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์จีนท่านแนะนำว่า ภาษาไทยก็ดีนะ น่าเรียน มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียเป็นศูนย์การเรียนไทยศึกษาที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ผมก็เลยเรียนภาษาไทย แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ในหน้าที่การงานเลย จนกระทั่ง 30 ปีต่อมาตอนผมมารับตำแหน่งในไทยนี่ล่ะครับ" 

แน่นอนว่าทักษะการสื่อสารทั้ง 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน สำหรับคนที่เรียนภาษาต่างประเทศย่อมเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส แต่ละทักษะมีความยากแตกต่างกันไป สำหรับทูตแมคคินนอน เขายอมรับ

 "การฟังยากที่สุดครับ ถ้าคุณเข้าใจสิ่งที่ได้ยินส่วนใหญ่ คุณก็คุยได้ แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรเลย คุณสนทนากับเขาไม่ได้ ทักษะการอ่านผมใช้ได้ แต่ก็ยังเปิดพจนานุกรมอยู่มาก" 


ได้ฟังความยากของท่านทูตแบบนี้ทำให้นึกถึงปัญหาของคนไทยหลายคนที่ฝึกภาษาอังกฤษแล้วพบว่า ฟังไม่ออก แล้วท่านทูตพัฒนาการฟังอย่างไร 

"ผมฝึกฝนการฟังด้วยการคุยกับครูคนไทย บางครั้งผมก็ดูภาพยนตร์ไทย ซึ่งก็ช่วยได้  ผมได้ยินคนพูดถึงซีรีส์ใหม่เรื่อง เด็กใหม่  (Girl from Nowhere) กันมาก  ก็เลยดูด้วย" 

ได้ยินเคล็ดลับอย่างนี้แล้ว ยิ่งตอกย้ำว่า การดูภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศช่วยฝึกทักษะการฟังได้จริงๆ และเมื่อฟังแล้วก็ต้องพูดด้วย โดยเฉพาะการพูดกับเจ้าของภาษา ด้วยนิสัยเป็นกันเองของทูตแมคคินนอน เขามักพูดภาษาไทยกับคนไทยเสมอเมื่อมีโอกาส และเจอเรื่องสนุกพร้อมปฏิกริยาน่ารักๆ จากคนไทย แต่ประสบการณ์หนึ่งที่เขาไม่ลืมเลยคือ การพูดภาษาไทยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

"แม้จะมีหลายครั้งที่ผมพยายามสื่อสารภาษาไทยกับนายกฯ ประยุทธ์ แต่ท่านก็ไม่เข้าใจภาษาไทยของผม เราต่างคนต่างพูดเร็วแถมยังสวมหน้ากากเสมอ ก็เลยทำให้เข้าใจยาก แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมมีประสบการณ์หน้าแตกกับท่านนายกฯ ในงานใหญ่งานหนึ่งซึ่งนายกฯ ต้องขึ้นไปพูดบนเวที เมื่อท่านลงมาก็เดินตรงมาหาผมแล้วทักทาย

ผมทราบล่ะครับว่าท่านทักทายแต่ไม่ได้ยินอะไรเลย เพราะลืมไปว่ายังใส่หูฟังอยู่ เพลงและเสียงประกาศจากบนเวทีจึงดังก้องในหูผม  จนกระทั่งท่านนายกฯ เลิกพูดแล้วเดินจากไป ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังสวมหูฟังช่องที่มีเสียงเพลงดังมาก พอถอดออกปุ๊บ...เงียบเลย นี่เป็นเรื่องหน้าแตกของผมครับ" 


"ประชาชนทั่วไปจริงๆ แล้วเขาชอบมากเลยถ้าคุณพูดภาษาไทยได้ โดยเฉพาะนอกกรุงเทพฯ บางครั้งพวกเขาปรบมือให้ด้วย ครั้งหนึ่งผมเคยไปเยี่ยมชมโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้พัฒนาศักยภาพการเกษตรกรรมระดับชุมชนในเขตพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นทุนช่วยเหลือโดยตรงของรัฐบาลออสเตรเลีย (Direct Aid Program: DAP) ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านตื่นเต้นมากที่เห็นฝรั่งแต่งชุดชาวเขาแถมยังพูดไทยได้ ชอบใจกันใหญ่" ทูตแมคคินนอนเล่าพลางยิ้มพลาง เมื่อรำลึกถึงประสบการณ์สุดประทับใจ 

ในเมื่อเรียนภาษาไทยมาขนาดนี้ กรุงเทพธุรกิจอดถามไม่ได้ว่า คำหรือประโยคไหนในภาษาไทยที่ยากมากสำหรับท่านทูต คำตอบคือ 

"คำที่ออกเสียงคล้ายๆ กันชวนสับสนครับ อย่างคำว่า  คอย เคย/จาน ชาม/ส้อม ซ่อม/ข่าว ข้าว/ร้าน ล้าน/เต่า เต้า/ขัน คัน/ รวมทั้งโทนเสียง โดยเฉพาะเสียงสูง เป็นความท้าทายมากด้วยครับ และพวกคำพูดและเสียงที่คนไทยใช้กันอย่างไม่เป็นทางการเพื่อแสดงความเคารพ ความโกรธ เศร้า และอื่นๆ อันนี้ก็ยาก ภาษาอังกฤษไม่มีคำเล็กคำน้อยแบบนี้ จึงยากมากที่คนต่างชาติจะเข้าใจว่า คำๆ เดียวท้ายประโยคสำคัญและมีความหมายมากแค่ไหน"  

ไม่เพียงเท่านั้นทูตแมคคินนอนยังพบสีสันกับคำแสลงของไทย อย่างคำว่า "แกง" หรือ "สุดปัง"

 "ตอนผมได้ยินคำว่าแกงครั้งแรกผมสับสนมากเลยครับ แกงหรือซุปเนี่ยมาแปลว่าแกล้งกันได้ไง ไม่ได้การล่ะ ผมต้องรีบแชร์ข้อมูลสำคัญนี้ให้คนออสเตรเลียและชาวต่างชาติคนอื่นๆ ได้ทราบ ก็เลยทวีตเปรียบเทียบกับการแกล้งของชาวออสเตรเลีย ตัวอย่างเช่นป้าย 'ยินดีต้อนรับสู่นครเพิร์ธ' บนหลังคาตึกใกล้รันเวย์ท่าอากาศยานนครซิดนีย์แกงคนไปหลายคน

 ทูตออสเตรเลียกล่าวด้วยว่า เมื่อสังคมเปลี่ยนภาษาก็เปลี่ยน 

"อย่างเมื่อก่อนผมรู้จักสแลง  'เปิ๊ดสะก๊าด' ที่เพี้ยนมาจากภาษาอังกฤษว่า 'เฟิร์สคลาส' ตอนนี้ไม่มีใครใช้แล้ว มีแต่โอเคนัมเบอร์วัน

หลังจากอยู่ที่นี่มาหลายปีผมพบว่า คนไทยโดยเฉพาะชาวเน็ตมีความคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ขันสุดๆ เหมือนกันเลยกับคนออสเตรเลีย ผมรู้ว่าสแลงไม่ใช่วิธีการพูดที่ถูกต้องเหมาะสมเสมอไป ต้องใช้ให้ถูกบริบท แต่ในฐานะคนที่รักและศึกษาภาษาและวัฒนธรรมไทย การเข้าใจสแลงเปิดให้ผมเข้าสู่โลกแห่งวัฒนธรรมไทยร่วมสมัยที่สนุกสนาน"

นั่นคือมุมมองของทูตออสเตรเลียต่อภาษาไทย ในทางกลับกันคนไทยหลายคนรู้สึกว่าภาษาอังกฤษยากมาก บางคนถอดใจไปก่อน สำหรับทูตแมคคินนอนในฐานะคนพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่แล้วมาเรียนภาษาไทย น่าจะมีคำแนะนำดีๆในการเรียนภาษาอังกฤษให้กับคนไทยได้บ้าง

"ภาษาอังกฤษยากครับ ถ้าจะให้ดีก็ควรหาเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานต่างชาติที่อยากเรียนภาษาไทย และควรเป็นคนที่ใช้ภาษาได้ระดับเดียวกัน แล้วผลัดกันสอนก็สนุกดีครับ การดูภาพยนตร์และข่าวเป็นภาษาอังกฤษก็ช่วยได้"

 ปัจจุบันทูตแมคคินนอนยังเรียนภาษาไทยสัปดาห์ละ 3-4 ชั่วโมง รวมทั้งฝึกฝนด้วยตนเองจากการอ่านหนังสือและชมซีรีส์ กรุงเทพธุรกิจจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าคะแนนเต็ม 10 ท่านทูตจะให้คะแนนภาษาไทยของตนเองสักเท่าใด 

"ผมให้คะแนนตัวเอง 6 เต็ม 10 ครับ เพราะว่าผมพูดกับครูได้ค่อนข้างคล่องแม้แต่เรื่องยากๆ แต่เป็นเพราะว่าครูคุ้นเคยกับภาษาของลูกศิษย์และทักษะการพูดของผมอยู่แล้ว แต่นอกจากครูผมยังสื่อสารกับคนไทยทั่วไปได้ไม่ราบรื่น ซึ่งผมกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ครับ" 

ก่อนจากกันกรุงเทพธุรกิจสอบถามถึงแผนการส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศหลังยุคโควิด ทูตแมคคินนอนย้ำว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศอันหลากหลายสาขาได้รับการส่งเสริมมาต่อเนื่องไม่เว้นแม้แต่ช่วงโควิดระบาด ตั้งแต่ด้านความมั่นคงไปจนถึงการศึกษาและเกษตรกรรม

 "เดือน พ.ย.2563 พล.อ.ประยุทธ์ และนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ส่งสัญญาณว่าเรามีความประสงค์กระชับความสัมพันธ์ในทุกสาขาร่วมกัน และความร่วมมือด้านการศึกษานั้นก็สำคัญมากสำหรับเรา ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาไทยที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย หรือนักศึกษาออสเตรเลียที่กำลังศึกษาในไทยตามแผนการโคลอมโบใหม่ ไปจนถึงการศึกษาสายอาชีพและอื่นๆ อีกมากมาย ในการนี้สถานทูตของเราจับมือกับเอเชียฟาวเดชัน พัฒนาเว็บไซต์Thailandlearning.org เชื่อมต่อนักศึกษาไทยกับอาจารย์แบบที่เดียวจบ ด้วยทรัพยากรการศึกษาออนไลน์คุณภาพสูงที่สามารถเรียนได้จากที่บ้าน

แม้โควิด-19 ระบาด เรายังเดินหน้าทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษาฯ จัดกิจกรรม เช่น ฝึกอบรมออนไลน์ จัดเวิร์กชอป จัดเวทีให้ครูอาจารย์ไทยได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากออสเตรเลีย เมื่อโรคระบาดผ่านพ้นไป เรารอต้อนรับเพื่อนคนไทยไปเรียน ทำงาน และใช้ชีวิตในออสเตรเลียอีกครั้ง และนักศึกษาออสเตรเลียกลับมาเรียนในไทยเช่นกันครับ" นั่นคือคำมั่นจากอัลลัน แมคคินนอน ทูตออสเตรเลียผู้รักภาษาไทย 
#2832



ทีมเงือกสาว จีน ทำลายสถิติโลก การแข่งขันผลัดฟรีสไตล์ 4x200 เมตร คว้าเหรียญทอง โอลิมปิก 2020 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม

สมาชิกทีมว่ายผลัด 4x200 เมตรของ จีน ได้แก่ หยาง จุน ซวน, จาง ยู่ เฟย, หลี่ ปิงเจี๋ย และ ตัง มู่หาน แตะขอบสระทีมแรก เวลา 7 นาที 40.33 วินาที ตามด้วยอันดับ 2 สหรัฐอเมริกา 7 นาที 40.73 วินาที และอันดับ 3 ออสเตรเลีย 7 นาที 41.29 วินาที

ทั้ง 3 ทีม ต่างทำเวลาต่ำกว่าสถิติโลกเดิม 7 นาที 41.50 วินาที ของ ออสเตรเลีย ซึ่งสร้างไว้ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2019
#2833



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่น นัดที่ 3 เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือใหญ่ปีศาจแดง ยังไม่มีแข้งชุดใหญ่หลายคนที่ไปช่วยชาติลงทำศึกยูโร 2020 เกมนี้จัดทัพชุดผสมระหว่างแข้งตัวเก๋ากับบรรดาดาวรุ่ง นำโดย อารอน วาน-บิสซากา, แบรนดอน วิลเลียมส์, เมสัน กรีนวูด, ฆวน มาตา, เจสซี ลินการ์ด, อันเดรส เปเรยร่า

ครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซากา ลากบอลขึ้นมาริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนเปิดเข้ากลางมาให้ แอนโธนีย์ อีแลงกา วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่จับเข้าประตูไป

น.20 เบรนท์ฟอร์ด มาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว 1-1 จากจังหวะลูกฟรีคิกบริเวณริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย โทนีย์ โหม่งย้อนมาให้ บาปติสเต้ วอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือ และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ขยับนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะที่ เจสซี ลินการ์ด ลากบอลมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่บอลในจังหวะสุดท้ายจะเด้งมาถึง อันเดรส เปเรยร่า ซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม

น.70 กลายเป็นเบรนท์ฟอร์ด ที่มาตามตีเสมออีกครั้ง 2-2 จากจังหวะที่ ดิโอโก ดาโลต์ ถูกฉกบอลหน้ากรอบเขตโทษ และเป็น เอ็มบิวโม่ ที่ปั่นด้วยซ้ายหนีมือ ทอม ฮีตัน เข้าไป

หมดเวลา 90 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ เบรนท์ฟอร์ด ไปแบบสนุก 2-2
#2834



นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า  ตัวเลขการค้าชายแดนและข้ามแดนในเดือนมิ.ย. ถือว่า ดีมากโดย มีมูลค่า 146,094 ล้านบาท เพิ่ม 41.68% แยกเป็นการค้าชายแดนกับมาเลเซีย มูลค่า รวม 24,849 ล้านบาท เพิ่ม 15.33% สปป.ลาว มูลค่า 17,894 ล้านบาท เพิ่ม 18.40% เมียนมา มูลค่า 17,139 ล้านบาท เพิ่ม 31.79% กัมพูชา มูลค่า 13,494 ล้านบาท เพิ่ม 20.99% และการค้าผ่านแดนกับ   จีน มูลค่า 35,740 ล้านบาท เพิ่ม 86.56% สิงคโปร์ มูลค่า 10,158 ล้านบาท เพิ่ม 81.65% และเวียดนาม มูลค่า 6,082 ล้านบาท เพิ่ม 16.91%


นายจุรินทร์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ขยายตัวคือ 1.การทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับเอกชนในรูป กรอ.พาณิชย์เมื่อมีปัญหาลงไปช่วยกันแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที 2.มีการทำเป้าหมายร่วมกันว่าจะเร่งเปิดจุดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้การค้าชายแดนคล่องตัวขึ้น โดยเม.ย. 63 ถึง มิ.ย.ปีนี้ จากที่เปิดด่าน 25 ด่านเพราะติดปัญหาโควิด สามารถเปิดเป็น 44 ด่านซึ่งมีส่วนช่วยทำให้การค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนคล่องตัวขึ้น และมีเป้าหมายกับภาคเอกชนในการเปิดด่านเพิ่มอีก 11 ด่านโดยมีด่านบ้านปากแซง ที่จังหวัดอุบลราชธานีได้ลงไปกับภาคเอกชนหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้มีการลงนาม MoU ระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีและแขวงสาละวัน มีความเป็นไปได้สูงในการเปิดด่านร่วมกัน
#2835



เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล จ.ภูเก็ต จัดเลี้ยงแสดงความยินดี มอบดอกไม้และของขวัญให้กับ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโด เจ้าของเหรียญทองกีฬาโอลิมปิก 2020 พร้อมด้วย "โค้ชเช" เช ยอง ซอก และสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย โดยมี ผศ.ดร.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย นำคณะมารับประทานอาหารริมหาดกมลา ภายใต้มาตรการการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

โดยมี มิสเตอร์บียอร์น เคอร์ราจ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลภูเก็ต "วิว" เยาวภา บุรพลชัย นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดง การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2004 ให้การต้อนรับในนามของ ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลภูเก็ต


ในโอกาสนี้ นายสุวัจน์ ได้วิดิโอคอลจากกรุงเทพฯ กล่าวขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของสมาคมกีฬาเทควันโด แห่งประเทศไทย และขอแสดงความยินดี น้องเทนนิส ที่ประสบความสำเร็จได้เหรียญทองโอลิมปิก ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในครั้งนี้

"ผมดูตลอดเวลา ลุ้นอยู่จน 5 วินาที สุดท้าย และรู้สึกว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เป็นชัยชนะที่ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้พวกเราเจอกับปัญหาโรคโควิด พวกเราก็เครียดกัน พวกเรามีความทุกข์กัน แต่ความสุขที่เกิดขึ้นจากความสำเร็จของกีฬาเทควันโดที่ น้องเทนนิส สร้างขึ้นในครั้งนี้ ถือว่าได้สร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน นอกจากที่จะมีความสุขกับกีฬาแล้วยังทำให้เกิดกำลังใจ ที่จะต่อสู้กับโควิด"

นายสุวัจน์ กล่าวขอแสดงยินดีกับความสำเร็จของ น้องเทนนิส ถือว่าเป็นนักกีฬาเทควันโด คนแรกที่ได้เหรียญทอง ในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ "วิว" ได้เหรียญทองแดง ปี 2004 อันนี้ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ก็ขอให้น้องเทนนิส ได้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป และเป็นแบบอย่างของนักกีฬาที่ดี เป็นแบบอย่างให้กับเยาวชนคนไทย ที่จะได้เห็นแบบอย่างของพี่ๆ

และสำคัญที่สุด ถือว่าเป็นแบบอย่างของลูกที่กตัญญู ซึ่งผมประทับใจมากกับภาพที่น้องเทนนิสมาถึงภูเก็ต แล้วก้มลงกราบ คุณพ่อ และที่ให้สัมภาษณ์ ว่า ทุกครั้งที่ได้ชัยชนะกลับมาก็จะเอาเหรียญไปคล้องที่ภาพของคุณแม่ ซึ่งผมมีความประทับใจ


"ขอให้น้องเทนนิส มีความเจริญก้าวหน้าในวงการกีฬา อยากจะเห็นอีก 4 ปีข้างหน้า ไปคว้าเหรียญทอง เหรียญที่สองของโอลิมปิก จะได้เป็นประวัติศาสตร์ เป็นนักกีฬาคนแรกที่ได้ 2 เหรียญทอง

และถือโอกาสนี้ ขอบคุณโค้ชเช ด้วยถึงแม้จะไม่เป็นคนไทย แต่ได้ทุ่มเทให้กับวงการกีฬาของประเทศไทย ซึ่งหลายๆ ประเทศ อยากได้โค้ชเช ไปเป็นโค้ช แต่โค้ชเช ก็ไม่ไป บอกว่ารักเมืองไทย อยากอยู่เมืองไทย และก็สอนนักกีฬาเทควันโด มากว่า 20 ปี การที่โค้ชเช ได้อุทิศตนพัฒนากีฬาเทควันโด ทำให้ประสบความสำเร็จ ผมเชื่อว่าคนไทย ขอบคุณโค้ชเชทุกคน


ส่วนตัวผมทราบว่า โค้ชเช มีความประสงค์อยากขอสัญชาติไทยก็ขอให้ได้สัญชาติไทยตามที่ต้องการ เห็นว่านายกสมาคมได้เตรียมหลักฐานไว้ ครบเรียบร้อย ตามที่โค้ชเช บอกว่ารักเมืองไทย อยากอยู่เมืองไทย ทำให้คนทั้งโลกจะรู้สึกว่าเมืองไทยน่ารัก เมืองไทยน่าอยู่ อันนี้ต้องขอบคุณโค้ชเช"

นายสุวัจน์ กล่าวว่าสุดท้ายต้องขอขอบคุณ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ที่ได้ทุ่มเททุกอย่าง ซึ่งเทควันโดตั้งแต่ปี 2004 ที่ "วิว" ได้เหรียญ และทุกครั้งโอลิมปิก ก็ได้เหรียญมาตลอด จนกระทั่งปีนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้เหรียญทอง


"ต้องขอบคุณ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ได้สละทุนทรัพย์ กำลังกาย กำลังใจ ถือว่าเป็นนักธุรกิจตัวอย่าง ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศทางเศรษฐกิจ และได้มาช่วยกันพัฒนาวงการกีฬาชองชาติ ต้องขอขอบคุณทุกท่าน ขอให้พวกเราได้ ร่วมพลังกันในการพัฒนาวงการกีฬา ให้ประสบความสำเร็จ และให้การกีฬาได้มีส่วนสำคัญ ในการพัฒนาประเทศ และก็สร้างความสุข สร้างกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนของเรา ในการฝ่าฟันวิกฤตโควิดไปด้วยกัน"

ทั้งนี้ ในงานเลี้ยงอาหารริมหาดกมลา จัดภายใต้มาตรการการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด แต่ผ่อนคลายด้วยบรรยากาศริมชายหาดกับอาหารอร่อย โดยเฉพาะเมนูพิเศษสำหรับน้องเทนิส คือ ANDAMAN SEAFOOD PLATTER (อันดามันซีฟู้ด) ตามที่น้องบอกว่า "อยากทานซีฟู้ด" และปิดท้ายด้วยของขวัญ คือ "คุกกี้ช็อกโกแลต" ของโปรด"น้องเทนนิส"
#2836


นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ(กพศ.)ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ซึ่งประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

 โดยมีสาระสำคัญ คือ กพศ.ได้มีมติเห็นชอบในหลักการการกำหนดพื้นที่และแนวทางการให้สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี และหนองคาย, ภาคกลาง-ตะวันตกได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี และภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิประโยชน์ กำหนดพื้นที่ และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ พิจารณากำหนดขอบเขตพื้นที่ของแต่ละระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ กิจการเป้าหมาย และสิทธิประโยชน์ แล้วนำเสนอกพศ.ต่อไป

ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้จังหวัดที่อยู่ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษของทั้ง 4 ภาค ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ พิจารณาจัดตั้งกลไกการบริหารจัดการในระดับพื้นที่ เพื่อประสานการขับเคลื่อนการพัฒนาให้เป็นไปตามนโยบายของกพศ.ต่อไป

นอกจากนี้กพศ.ยังได้พิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 10 แห่ง ได้แก่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก สงขลา สระแก้ว ตราด หนองคาย นครพนม มุกดาหาร เชียงราย กาญจนบุรี และนราธิวาส โดยแนวทางการดำเนินงานจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาและเชื่อมโยงฐานการผลิตและบริการกับพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ การจูงใจให้เกิดการลงทุนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและการบริหารจัดการแรงงานและผู้ประกอบการ โดยจะจัดตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานเพื่อดำเนินการในด้านต่างๆ เช่น ด้านสิทธิประโยชน์ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น 

ที่ประชุมกพศ. ได้เห็นชอบให้เทศบาลตำบลสำนักขาม ใช้พื้นที่ประมาณ 19 ไร่ ในที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลาของแปลงที่จะจัดให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)เช่า(แปลงที่ 2) เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมโยงโครงการนิคมอุตสาหกรรมสงขลากับด่านศุลกากรสะเดา แห่งที่ 2 พร้อมทั้งเห็นชอบให้เปิดประมูลสรรหาผู้ได้รับสิทธิพัฒนาในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และมอบหมายให้กรมธนารักษ์ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
#2837



ญี่ปุ่นเผชิญการระบาดของโควิดระลอกที่ 5 ทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อรายวัน 7,629 คน เฉพาะกรุงโตเกียว 2,848 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว

ทางการกรุงโตเกียวยืนยันยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2,848 คน เป็นตัวเลขรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในจังหวัดอื่นก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก คือ จังหวัดคานางาวะ 758 คน, จังหวัดโอซากา 741 คน, จังหวัดไซตามะ 593 คนสูงสุดเป็นประวัติการณ์, จังหวัดชิบะ 405 คน, จังหวัดโอกินาวา 354 คนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งประเทศญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้ 7,629 คน

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกฯญี่ปุ่น ยอมรับว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากญี่ปุ่นเพิ่งผ่านช่วงวันหยุดยาว 4 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อนและเทศกาล "โอบง" ที่ประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อสักการะบรรพบุรุษ

ผู้นำญี่ปุ่นเรียกร้องให้ประชาชนชมการแข่งขัน "โตเกียวโอลิมปิก" ทางโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน และงดออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น

การระบาดระลอกใหม่นี้สร้างความกังวลมากขึ้น เมื่อมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาเพิ่มมากขึ้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 30 ของผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด แต่ทว่าจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตยังค่อนข้างน้อย เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย และมีผู้ป่วยหนัก 514 ราย

คณะแพทย์เตือนว่า เชื้อสายพันธุ์เดลตาติดต่อได้รวดเร็ว และลุกลามสู่ปอดได้เร็ว ทำให้ผู้ติดเชื้อกลุ่มคนหนุ่มสาวก็อาจมีอาการหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและใช้เครื่องช่วยหายใจ คณะแพทย์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเพิ่มจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วย และสร้างระบบติดตามผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้าน

หนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ติดเชื้อเพียบ

การระบาดระลอกนี้ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาววัย 20-40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ส่วนผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปพบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 2% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด

ญี่ปุ่นเร่งการฉีดวัคซีนได้มากกว่าวันละ 1,600,000 เข็ม แต่ขณะนี้การจัดสรรวัคซีนเผชิญปัญหาหยุดชะงัก ทางการท้องถิ่นหลายแห่งระงับการฉีดวัคซีนเข็มแรก โดยฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับผู้สูงอายุเท่านั้น ขณะนี้ผู้สูงอายุในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วราว 68.2% ส่วนประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนครบแล้วราว 25.5% .

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนแล้ว แต่กลุ่มหนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ภาพรวมทั้งประเทศมีผู้ฉีดเข็มแรก 36.9% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 25.5%
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนแล้ว แต่กลุ่มหนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ภาพรวมทั้งประเทศมีผู้ฉีดเข็มแรก 36.9% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 25.5%
#2838



แฟนคลับทนไม่ไหวอยากรู้มากๆกับข่าวลือที่ถูกโยงมาเป็นสาว กระต่าย พรรณนิภา โดยในข่าวโยงว่าท้องกับผู้จัดการส่วนตัว งานนี้ชาวเน็ตจี้ถามมากมาย

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ขึ้นมาทันที หลังล่าสุดมีคนขุดเรื่องราวของนักร้องสาว กระต่าย พรรณนิภา ลูกทุ่งอีสานอินดี้ชื่อดัง โดยเม้าท์ว่าซุ่มคลอดลูกเงียบๆ โดยหลายคนจับสังเกตจากรูปร่างของเธอที่อวบขึ้น ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่มากขึ้น ซึ่งต่อมามีการชี้เป้ามา ผู้จัดการของเธอก็คือพ่อของเด็ก และมีการขุดเรื่องแฟนเก่าของผู้จัดการมาคอมเมนต์แตกยอดมากมาย

หลังมีข่าวดังกล่าวออกมา สาวกระต่ายก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร มีเพียงโพสต์โปรโมทเพลงก่อนหน้านี้ไปเท่านั้น งานนี้ชาวเน็ตและแฟนคลับเลยอดรนทนไม่ไหวต้องออกมาจี้ผ่านคอมเมนต์ถามสาวกระต่ายแบบรัวๆว่าเรื่องราวจริงไหม ให้ตอบด้วย ถ้าจริงจะเลิกติดตามทุกอย่าง บ้างก็มีคนยุให้ฟ้อง จากนั้นก็มีการสาดน้ำลายกันไปมาอย่างดุเดือดจนกลายเป็นดราม่ากลางไอจีสาวกระต่ายทันที นอกจากนี้ก็มีชาวเน็ตมาให้กำลังใจอีกด้วย




ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @kratai_phannipha
#2839



สุธาสินี เสวตรบุตร นักเทเบิลเทนนิสหญิง เอาชนะ เอลิซาเบตา ซามารา จาก โรมาเนีย 4-1 เกม เข้ารอบ 16 คนสุดท้าย ประเภทเดี่ยว โอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม

การแข่งขัน เทเบิล เทนนิส โอลิมปิก 2020 ณ สนาม โตเกียว เมโทรโปลิแทน ยิมเนเซียม ดำเนินมาถึงรอบ 3 ประเภทหญิงเดี่ยว ซึ่งมี 2 ตัวแทนของไทย สุธาสินี เสวตรบุตร กับ อรวรรณ พาระนัง ลงสนาม

ปรากฏว่า อรวรรณ วัย 24 ปี ต้านทาน คาซึมิ อิชิคาวา ดีกรีเหรียญเงิน ลอนดอน เกมส์ 2012 และเหรียญทองแดง ริโอ เกมส์ 2016 ไม่ไหว พ่ายไป 2-4 เกม 5-11, 11-5, 4-11, 11-6, 4-11 และ 8-11

ส่วนผลอีกคู่หนึ่ง สุธาสินี เสวตรบุตร มือ 41 ของโลก ออกแรง 29 นาที ปราบ เอลิซาเบตา ซามารา จอมเก๋าวัย 32 ปี 11-7, 11-6, 4-11, 11-8 และ 11-2 ยืนรอผู้ชนะระหว่าง มิมะ อิโตะ มือ 3 ของโลก กับ หยู ฟู่ จาก โปรตุเกส
#2840


เกาหลีใต้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่บุคคลอายุระหว่าง 55-59 ปีในวันจันทร์ (26 ก.ค.) เพื่อเร่งรัดโครงการฉีดวัคซีนประชาชน สกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้กำลังดิ้นรนต่อสู้กับการแพร่ระบาดระลอก 4

การฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไป ประสบปัญหาติดขัดนานกว่า 1 สัปดาห์ในเดือนนี้ หลังเคสผู้ติดเชื้อใหม่ที่พุ่งสูงสุดเป็นสถิติใหม่ กระตุ้นประชาชนแห่แหนเข้ารับวัคซีน ทำให้อุปทานร่อยหรอและเว็บไซต์จองคิวฉีดวีคซีนล่ม

มีราว 6.17 ล้านคน หรือ 84% ของบุคคลที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ลงชื่อจองคิวฉีดวัคซีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคแทนโมเดอร์นา ในประชาชนบางกลุ่ม สืบเนื่องจากกำหนดการส่งมอบวัคซีนที่ไม่แน่นอน

ทางการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อภาวะอุปทานวัคซีนไม่เพียงพอและกรณีเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย ขยายกรอบเวลาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ระหว่างเข็มแรกกับเข็มสองเป็น 4 สัปดาห์ เป็นการชั่วคราว จากเดิมที่กำหนดไว้ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นกรอบเวลาเดียวกับวัคซีนโมเดอร์นา

เกาหลีใต้วางเป้าหมายฉีดวัคซีนแก่คนชรา กลุ่มคนอ่อนแอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแถวหน้าเป็นลำดับแรก เวลานี้พวกเขาฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 1 เข็มไปแล้ว 33% จากประชากรทั้งหมด 52 ล้านคน และฉีดครบแล้ว 13%

สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 1,318 คนในวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 190,166 ราย และเสียชีวิต 2,077 คน

มาตรการตรวจเชื้อหมู่และติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด ช่วยให้จนถึงตอนนี้เกาหลีใต้มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดระลอกใหม่กระตุ้นให้รัฐบาลเมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) ยกระดับความเข้มข้นของกฎระเบียบเว้นระยะห่างทางสังคมทั่วประเทศในสัปดาห์นี้ เพื่อสกัดการแพร่กระจายเชื้อในช่วงฤดูร้อน

(ที่มา : รอยเตอร์)