อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท (https://www.kalamaer.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%9A/) 'อ่อนค่า' กรอบการเคลื่อนไหวสัปดาห์หน้าระหว่าง22-26พ.ย.2564 คาดไว้ที่ 32.30-33.00 บาท/ดอลลาร์
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงบ่าย และปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 32.74 บาทต่อดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าแม้นักลงทุนต่างชาติจะยังคงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง แต่เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลง ท่ามกลางแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ขณะที่ตลาดรอติดตามการเสนอชื่อประธานเฟดที่จะเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นปีหน้าอย่างใกล้ชิด
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยต่อเนื่องอีก 6,338 ล้านบาท แต่สลับกลับมาขายสุทธิหุ้นไทย 3,253.21 ล้านบาท
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 โดยธปท. อยู่ที่ -0.34 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ 2.44 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์หน้าระหว่าง22-26พ.ย.2564 คาดไว้ที่ 32.30-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนต.ค. ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลรายได้/การใช้จ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส 3/64 (ครั้งที่ 2) และรายงานการประชุมเฟด (2-3 พ.ย.)
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ อัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน รวมถึง PMI ของอังกฤษ ยูโรโซน และสหรัฐฯ เดือนพ.ย. (เบื้องต้น)