• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Panitsupa

#5476


สองนักกีฬาผู้พิการจากอัฟกานิสถาน สานฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้สำเร็จ หลังหลบหนีจากเงื้อมมือของกลุ่มตาลีบันในบ้านเกิด มาลงแข่งมหกรรมกีฬา พาราลิมปิก เกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในสัปดาห์หน้า

ซาเคีย คูดาดาดี นักกีฬาเทควันโด้หญิง และ ฮอสเซน ราซูลี นักกรีฑาชาย คือสองนักกีฬาคนพิการที่มีโปรแกรมรับใช้ทีมชาติอัฟกานิสถานในศึก "โตเกียว พาราลิมปิก" โดยเฉพาะ คูดาดาดี ที่จะเขียนประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาผู้พิการหญิงคนแรกของชาติที่ได้แข่งรายการนี้

ทว่าการคัมแบ็กยึดครองอัฟกานิสถานของกลุ่มตาลีบัน ทำให้ทั้งสองติดอยู่ในกรุงคาบูล ไม่สามารถออกไปแข่งขันพาราลิมปิกได้ ซึ่งทั้งสองได้ขอความช่วยเหลือจากผู้มีอำนาจต่างแดนให้ช่วยพาอพยพออกจากประเทศ เพื่อความปลอดภัยและหวังจะได้ไปแข่งพาราลิมปิก ตามความฝัน

และความฝันของทั้งคู่ก็เป็นจริงเมื่อ แอนดรูว พาร์สันส์ ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกสากล เปิดเผยว่าทั้ง คูดาดาดี กับ ราซูลี สามารถลี้ภัยออกจากอัฟกานิสถานได้อย่างปลอดภัยจากความช่วยเหลือของหลายฝ่ายที่สนามบินในประเทศ ก่อนแลนดิ้งถึงปารีส ฝรั่งเศส

พาร์สัน เผยว่านักกีฬาอัฟกันทั้งสองคน เก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่สถาบันกีฬาแห่งชาติของฝรั่งเศส 1 สัปดาห์ และเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้ง 3 รอบ ซึ่งผลออกมาเป็นลบ ก่อนได้รับอนุญาตบินมาที่กรุงโตเกียว เมื่อคืนวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมตัวลงแข่งตามที่ใฝ่ฝัน

"ตอนนี้พวกเขาเดินทางถึงโตเกียวอย่างปลอดภัยแล้ว เรารู้เสมอว่าพวกเขามีโอกาสที่จะลงแข่งรายการนี้ นั่นคือเหตผลที่ธงชาติของอัฟกานิสถาน ยังถูกเชิญเข้ามาในพิธีเปิด เช่นเดียวกับนักกีฬาทุกคนในโตเกียว เราไม่เคยสิ้นหวังกับความหวังของทุกคน ซาเคีย กับ ฮอสเซน อยู่ในหมู่บ้านนักกีฬาร่วมกับผู้เข้าแข่งขันอีก 4,403 คน แสดงให้เห็นว่าพลังของกีฬา นำพาทุกคนมาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ" พาร์สัน ระบุ

สำหรับ คูดาดาดี จะลงแข่งขันเทควันโด้หญิง รุ่น 49 กก. ในวันที่ 2 กันยายนนี้ ส่วน ราซูลี ก็จะลงแข่งขันกรีฑา 400 เมตรชาย รอบคัดเลือกในวันที่ 3 กันยายน ต่อไป
#5479


เกมใหญ่ที่แอนฟิลด์ จบลงแบบดุเดือดหลัง ลิเวอร์พูล อาศัยจังหวะที่ เชลซี เหลือ 10 คนเพราะ รีซ เจมส์ โดนใบแดงไล่ออก ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะยิงจุดโทษช่วยให้ 'หงส์แดง' เจ๊าแบ่งแต้ม 1-1 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คืนวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 1-1 เชลซี

บิ๊กแมตช์แห่งสัปดาห์ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเจอ เชลซี สองทีมที่ชนะเปิดซีซั่นมา 2 เกมติด มี 6 แต้ม 'หงส์แดง' วันนี้กลับมาใช้ 3 ประสานคุ้นเคย โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ ส่วน 'สิงห์บลูส์' มาพร้อมตัวยิงอย่าง โรเมลู ลูกากู, ไค ฮาแวร์ตซ และ เมสัน เมาต์

เปิดเกม 9 นาที ลิเวอร์พูล สวนมาหวาดเสียว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โยนขึ้นหน้า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วิ่งไปแปกึ่งยิงกึ่งผ่านแต่หลุดเสาไกล ขณะที่ เชลซี ต่อเกมมาจน นาที 21 ก็เป็นฝ่ายนำจากลูกเตะมุมทางซ้าย รีซ เจมส์ เปิดมาแล้ว ไค ฮาแวร์ตซ กระโดดโหม่งเช็ดคานเข้า 1-0

นาที 34 เชลซี หวิดได้ลูกสอง เมสัน เมาต์ ตบเข้ากลางให้ โรเมลู ลูกากู ตวัดยิงจ่อๆ แต่.แฉลบเข้ามือ อลิสซอน ทว่าทดเจ็บ นาที 47 ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษหลัง รีซ เจมส์ ใช้แขนเซฟ.ที่เส้นประตูก่อนโดนใบแดงไล่ออกด้วยจนเหลือ 10 คน แล้วเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สังหารตีเสมอ จบครึ่งแรกไปเลยที่ 1-1

ครึ่งหลัง นาที 50 หงส์แดง เกือบแซง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดีดไซส์ก้อยให้ ดิโอโก้ โชต้า โหม่งแต่ข้ามคาน ต่อมา นาที 66 เจ้าถิ่นยังลุยต่อไป แอนดี โรเบิร์ตสัน โยนยาวเข้ามา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงซ้ายแต่ก็ยังไม่เข้าเป้า

10 นาทีท้าย ลิเวอร์พูล บุกแหลกแต่ไม่สามารถเจาะเกมรับ เชลซี เข้าไปยิงได้ จบเกมเสมอแบ่งแต้มกันไปแบบดุเดือด และน่าเสียดายที่ไม่มีฝ่ายชนะ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล - อลิสซอน, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก, โจเอล มาติป, แอนดี โรเบิร์ตสัน, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ฮาร์วีย์ เอลเลียต, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์
เชลซี - เอดูอาร์ด เมนดี, อันเดรียส คริสเตนเซน, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, เซซาร์ อัสปิลิกูเอต้า, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล กองเต้, มาร์กอส อลอนโซ, รีซ เจมส์, ไค ฮาแวร์ตซ, เมสัน เมาต์, โรเมลู ลูกากู
#5480


ประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯไม่ได้ข้อสรุปเด็ดขาดในการสืบสวนต้นตอของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และเชื่อว่าพวกเขาคงไม่สามารถคลี่คลายข้อถกเถียง ในสมมุติฐานอุบัติเหตุที่ห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งของจีนคือต้นตอของโควิด-19 หากปราศจากข้อมูลที่มากกว่านี้ บรรดาเจ้าหน้าที่อเมริการะบุในรายงานสรุปที่ไม่ถูกจัดในชั้นลับสุดยอดในวันศุกร์(27ส.ค.)

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่ามีเพียงแค่จีนเท่านั้นที่สามารถช่วยคลี่คลายคำถามต่างๆเกี่ยวกับต้นกำเนิดที่แท้จริงของไวรัส ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกแล้วมากกว่า 4.6 ล้านราย "ความร่วมมือของจีนจะเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุด สำหรับการบรรลุคำประเมินที่ได้ข้อสรุปของแหล่งต้นตอโควิด-19"

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งได้รับรายงานสรุปลับสุดยอดเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ระบุว่าวอชิงตันและพันธมิตรจะเดินหน้ากดดันรัฐบาลจีนต่อไปเพื่อให้ได้คำตอบต่างๆนานาเหล่านั้น

รายงานการสืบสวนของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯฉบับนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ผู้นำสหรัฐฯออกคำสั่งให้หน่วยข่าวกรองเพิ่มความพยายามสืบหาต้นตอโควิด-19 และรายงานผลภายใน 90 วัน

"ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับต้นตอของโรคระบาดใหญ่ มีอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ใช่ตั้งแต่แรกเริ่ม เจ้าหน้าที่รัฐบาลในจีนขัดขวางคณะสืบสวนนานาชาติและสมาชิกประชาคมสาธารณสุขโลกไม่ให้เข้าถึงมัน" ไบเดนระบุในถ้อยแถลง หลังมีการเผยแพร่รายงานสรุป

รายงานสรุปที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ น่าจะทำให้ความไม่ลงรอยระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันเลวร้ายลงไปอีก ในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ ขณะที่ในสหรัฐฯ พวกนักเคลื่อนไหวกังวลว่าผลการสืบสวนอาจปะทุเหตุใช้ความรุนแรงกับคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียขึ้นมาอีกระลอก

จีนเย้ยหยันมาตลอดต่อทฤษฎีหนึ่งว่าเชื่อว่าโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาของภาครัฐในเมืองอูฮั่น และยังนำเสนอสมมุติฐานต่างๆของตนเอง ในนั้นรวมถึงไวรัสหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งในฐานทัพฟอร์ต ดีทริค แห่งกองทัพสหรัฐฯ ในแมรีแลนด์ ปี 2019

รายงานของสหรัฐฯยังเผยให้เห็นรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับขอบเขตความเห็นที่ขัดแย้งกันภายในรัฐบาลของไบเดนเกี่ยวกับทฤษฎีไวรัสหลุดมาจากห้องปฏิบัติการ

หลายหน่วยงานของประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯคิดว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่น่าจะอุบัติขึ้นจากการสัมผัสโดยธรรมชาติกับสัตว์ที่ติดเชื้อไวรัสหรือใกล้ชิดกับรากเหง้าไวรัส รายงานสรุประบุ

อย่างไรก็ตามรายงานสรุประบุว่าพวกเขามีความมั่นใจในข้อสรุปดังกล่าวในระดับต่ำ ขณะที่บางส่วนก็ไม่สามารถให้ความคิดเห็นที่หนักแน่นใดๆต่อต้นกำเนิดของไวรัส

กระนั้นก็มีอยู่บางส่วนในประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่มีความเชื่อมั่นพอประมาณว่ามนุษย์คนแรกที่ติดเชื้อโควิด-19 น่าจะเป็นผลจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการทดลอง การจัดการสัตว์หรือการสุ่มตัวอย่างโดยสถาบันไวรัสวิทยาอูฮั่นของจีน

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า คณะทำงานที่นำโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งใช้เวลา 4 สัปดาห์ ตรวจสอบทั้งในและรอบๆเมืองอู่ฮั่นในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ปฏิเสธทฤษฎีดังกล่าว แต่ในรายงานขององค์การอนามัยโลกในเดือนมีนาคม ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์จีนร่วมเขียนด้วย ไม่ได้ให้หลักฐานอย่างพอเพียงสำหรับบอกปัดทฤษฎีนี้

รายงานฉบับใหม่ของสหรัฐฯสรุปว่าพวกนักวิเคราะห์จะไม่สามารถมอบคำอธิบายชัดเจนเด็ดขาดกว่านี้หากปราศจากข้อมูลใหม่ๆจากจีน อย่างเช่นตัวอย่างทางคลินิกและข้อมูลระบาดวิทยาของเคสผู้ติดเชื้อรายแรกๆ

ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่าหน่วยงานของเขายังไม่ตัดข้อสันนิษฐานใดๆ โดยองค์การที่มีสำนักงานใหญ่ในเจนีวาแห่งนี้เตรียมตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อวางแผนขั้นต่อไปสำหรับศึกษาไวรัส SARS-CoV-2

อย่างไรก็ตามบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาบอกว่าประตูสำหรับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆที่รวบรวมมาได้กำลังปิดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบุคคลที่ติดเชื้อไวรัสในปี 2019 ครั้งที่โควิด-19 อุบัติขึ้นเป็นครั้งแรก

(ที่มา:รอยเตอร์)
#5481


จากการที่ไทยเราขึ้นทะเบียน กลุ่มป่าแก่งกระจาน ขึ้นเป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ แห่งใหม่ล่าสุด ต่อจากทุ่งใหญ่-ห้วยขาแห้ง ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และล่าสุด "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" ซึ่งมี 3 อุทยานแห่งชาติ คืออุทยานแห่งชาติกุยบุรี อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และ อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ส่วนอีก 1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มแม่น้ำภาชี ซึ่งอุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีสมญานามว่าซาฟารีเมืองไทย และ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน" นั้น แทบจะไม่ต้องแนะนำอะไรกันเลย แต่ "อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน" นี่สิ สมควรที่จะต้องเอาไฟส่องมาดูกันหน่อย (ส่วนเขตฯลุ่มแม่น้ำภาชี จะได้มาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป)

ที่ทำการ "อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน" นั้นย้ายออกมาจากบริเวณอ่างเก็บน้ำบ้านไทยประจันออกมาอยู่ที่น้ำพุร้อนโป่งกระทิงที่บ้านน้ำพุ ต.บ้านบึง อ.ป่าคา จ.ราชบุรี ด้วยเหตุผลของการสื่อสารที่พอไปอยู่ในที่อับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทำให้การติดต่อราชการอะไรเป็นไปอย่างยากลำบาก


น้ำพุร้อนโป่งกระทิง

การเดินทางก็ไปไม่ยากไปได้หลายทาง ตั้ง GPS ไว้ที่บ้านพุน้ำร้อน อ.บ้านคา ระยะทางจากตัวเมืองราชบุรีจะอยู่ราว 83 กิโลเมตร หย่อนก็ไม่มาก


"อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน" นี้ ตั้งขึ้นเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครั้งทรงมีพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2535 เพื่อสนองพระราชปณิธานที่จะทรงอนุรักษ์ป่าไม้ โดยให้ราษฎรช่วยกันรักษาป่าอันเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของราษฎร ซึ่งได้ทรงมีพระราชดำริไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่จะให้มีป่าไม้หลายๆ แห่งที่อุดมสมบูรณ์ตามสภาพและประเภทของป่าไม้ที่เคยเห็นอีกทั้งเป็นแบบอย่างของการพัฒนาฟื้นฟูสภาพป่า และอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทย


ที่ทำการแห่งใหม่


ศาลารับเสด็จ สมเด็จพระพันปีหลวง ริมอ่างเก็บน้ำแม่ประจันในปี 2539


ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เคยอยู่ใต้อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีการต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมากมาย

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถเข้ามาควบคุมพื้นที่ได้จึงเกิดความสงบสุขขึ้น จากนั้นได้ดำเนินการวางแผนเร่งรัดพัฒนาฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในส่วนที่ถูกทำลายให้สอดคล้อง กับพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และส่งเสริมพัฒนาอาชีพแก่ราษฎรในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


อ่างเก็บน้ำแม่ประจัน

ในปี พ.ศ. 2546 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้พิจารณาความเหมาะสมที่จะประกาศจัดตั้งพื้นที่โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยตั้งชื่อว่า "อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน" ตามคำสั่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชที่ 2393/2546 ลงวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2546

โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่บริเวณที่ดินป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ป่ากงเกวียน ป่าพุยาง และป่าพุสามซ้อน ในท้องที่ตำบลอ่างหิน ตำบลทุ่งหลวง ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี เนื้อที่ประมาณ 328.74 ตารางกิโลเมตร ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนที่ 9 ก วันที่ 24 มกราคม 2555 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 124 ของประเทศไทย


ป่าสมบูรณ์ของอุทยานฯไทยประจัน /ภาพ อานนท์ พลอินทร์

พื้นที่ส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน วางตัวในแนวเหนือ-ใต้อยู่ทางด้านตะวันตกของจังหวัดราชบุรี จนไปจรดประเทศเมียนมา ในท้องที่อำเภอปากท่อ อำเภอสวนผึ้ง และอำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี มียอดเขาสูงสุดชื่อ เขายืดหรือเขาพระรอบ มีความสูงประมาณ 834 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง สภาพป่าจะเป็นป่าเบญจพรรณ ซึ่งมีป่าไผ่เป็นส่วนประกอบ แต่ป่าแบบนี้ก็อย่าคิดว่าไม่เป็นป่าต้นน้ำ ซึ่งป่าทุกประเภท ลองไม่ถูกทำลาย มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ก็ล้วนเป็นป่าต้นน้ำได้ทั้งสิ้น

พื้นที่อุทยานแห่งชาตินี้มีทิวเขาป่าแม่ประจันเป็นแหล่งต้นน้ำของลำห้วยหลายสาย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของห้วยพุไทร ห้วยท่าเคย ห้วยพุน้ำร้อน ลุ่มน้ำแม่ประจัน ไหลลงทางใต้ ผ่านหนองหญ้าปล้อง แล้วไหลลงไปรวมแม่น้ำเพชรบุรี และอีกหนึ่งลุ่มน้ำคือลุ่มแม่น้ำภาชี ไหลผ่าน อ.สวนผึ้ง อ.จอมบึง แล้วไปสมทบกับแม่น้ำแม่กลองอีกครั้งหนึ่ง และไม่น่าเชื่อว่าป่าแบบนี้ จะมีสมเสร็จ ซึ่งเป็นสัตว์หายากอยู่ในรพื้นที่ด้วย


ฝูงนกเงือก กรามช้างในอุทยานฯไทยประจัน / ภาพ อานนท์ พลอินทร์

'เยียวยาประกันสังคมมาตรา 40' เช็คโอนพร้อมเพย์-ทบทวนสิทธิ์ ยังไม่ได้เงินทำไง?
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังตายสูง! พบเสียชีวิต 292 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 17,984 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,535 ราย
เตรียมตัวให้พร้อม "ร้านนวด-เสริมสวย" คลายล็อก 1 ก.ย. นี้
แหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้คือน้ำพุร้อนโป่งกระทิง ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกับที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งน้ำพุร้อนนี้ก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 มา ก็มีนักท่องเที่ยว มาอาบ มาแช่กันเหมือนกัน แม้ไม่มากมายเท่าที่แจ้ซ้อน แต่ก็ไม่เคยร้างคน


นักท่องเที่ยวมาแช่น้ำร้อน

แต่ที่เป็นที่รู้จักกันมานานแล้วก็คือ ย่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติเก่า ซึ่งตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำไทยประจัน ที่บ้านไทยประจันนั่นเอง เพราะที่นี่จะมีลานกางเต็นท์ริมลำธารลำห้วยไทยประจัน ก่อนที่จะไหลลงอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นที่นิยมของคนที่ชอบกางเต็นท์มาก และยังมีทางลำลองเข้าไปในป่า จะผ่านลำห้วยแม่ประจันที่วกไปเวียนมา บางช่วง บางจุดก็จะเป็นแก่งน้ำตก

ทางลำลองนี้จะเจอลำห้วยถึง 5 ครั้ง โดยมีชื่อต่างๆ กัน เช่น โตรกทิวไผ่ โตรกธารหิน (หรือแก่งเทียนป่า) โตรกแซวสวรรค์ โตรกบังไพร และโตรกลีลา ซึ่งโตรกทั้งหมดนี้มีเพียงโตรกธารหิน ที่มีลักษณะน้ำตกที่ไหลผ่านลานหินแล้วตกลงในชั้นต่างระดับสูงราว 2-3 เมตรเท่านั้น นอกนั้นจะเป็นบริเวณแก่งน้ำทั่วไปมีก้อนหินอยู่กลางลำธาร มีต้นไคร้น้ำขึ้นเท่านั้น


แก่งเทียนป่า

แต่ถ้าเดินเท้าจากโตรกลีลา ระยะทาง 20 กิโลเมตร ไปตามทางในป่า ซึ่งมีขึ้นเขาและลงหุบห้วยในบางช่วง ก็จะถึงน้ำตกไทยประจันชั้นที่ 1 ซึ่งน้ำตกนี้จะมีทั้งสิ้น 11 ชั้น แต่ละชั้นห่างกันราว 5-20 เมตร สูงตั้งแต่ 4-11 เมตร ชั้นที่สูงที่สุดคือ ชั้นที่ 9 และชั้นที่ 11 สูงราว 20 เมตร แต่ทางขึ้นไปค่อนข้างชัน รอบๆ เป็นป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง มีน้ำตลอดทั้งปี ซึ่งคนที่สนใจจะต้องเป็นแนวนักท่องเที่ยวที่เดินป่า คือแบกเป้ไปกินนอนในป่า เพราะต้องใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 3 วัน 2 คืน และต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางด้วย


น้ำตกไทยประจัน / ภาพจากอุทยานฯ

จะเห็นว่าแม้ "อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน" จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก แต่คุณค่าของพื้นที่ไม่ได้ลดหายหรือด้อยลงแต่อย่างใด ยังคงทำหน้าที่เสริมเพิ่มให้ "มรดกโลกทางธรรมชาติ" ของไทยเราแห่งนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สมควรกับการได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ "มรดกโลก" อย่างแท้จริง...
#5482


การแข่งขันวอลเลย์.ยุวชนชาย อายุไม่เกิน 19 ปีชิงแชมป์โลก ณ อซาดี วอลเลย์. ฮอลล์ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน วันที่ 28 สิงหาคม รอบแรก กลุ่ม ซี. ทีมชาติไทยลงสนามนัดสุดท้ายพบ ทีมชาติเบลเยียม

รายชื่อผู้เล่น 6 คนแรกของทีมไทยได้แก่ เชิดชัย ฉิมพิภพ, กิตติพงษ์ สังศักดิ์, เบญจมินทร์ ใจดี, ภูติดล ทากาบุตร, จักรพันธ์ วิรุณภักดี, ภาณุพงศ์ คำภูมี ตัวรับอิสระ ณัฐพงษ์ ชาชำนาญ

เกมในนัดนี้ เซตแรกเบลเยียมเดินเกมได้อย่างร้อนแรงเอาชนะไปก่อนด้วยคะแนน 25-21 เซตสองแม้ว่าจะโดนนำในช่วงต้น แต่หนุ่มไทยแซงเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 28-26 ทว่าในเซตสาม และสี่ แม้จะทำคะแนนไล่มาแต่ไม่สามารถพลิกแซงได้ เบลเยียมเอาชนะไทยไป 3-1 เซต 25-21, 26-28, 25-19, 26-24

หนุ่มไทยแข่งขัน 4 นัด ชนะ 1 แพ้ 3 มี 3 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 4 ของกลุ่ม ทั้งนี้ยังต้องรอผลคู่ระหว่างแคเมอรูน และ บัลแกเรีย ซึ่งหากแคเมอรูนแพ้ให้กับบัลแกเรีย ทีมไทยจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป
#5483


รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยการนำเข้าและส่งออกรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ หรือนับตั้งแต่ม.ค.ถึงก.ค.ที่ผ่านมาว่า มียอดการนำเข้าสินค้ามูลค่ารวม 4.71 ล้านล้านบาท โดยมูลค่าการนำเข้าได้ทยอยเพิ่มขึ้นจากระดับ 6 แสนล้านบาทต่อเดือนในช่วงต้นปีมาอยู่ที่ประมาณ 7 แสนล้านบาทต่อเดือนในช่วงกลางปี

ทั้งนี้ ในเดือนม.ค.มีมูลค่าการนำเข้าที่ 6.01 แสนล้านบาท , ก.พ.อยู่ที่ 6.1 แสนล้านบาท,มี.ค.7.08 แสนล้านบาท , เม.ย.6.60 แสนล้านบาท,พ.ค.6.99 แสนล้านบาท,พ.ค. 6.99 แสนล้านบาท,มิ.ย.7.18 แสนล้านบาท และ ก.ค. 7.12 แสนล้านบาท


สำหรับมูลค่าการส่งออกรอบ 7 เดือนนั้น มีมูลค่ารวม 4.72 ล้านล้านบาท โดยเดือนม.ค.อยู่ที่ 5.87 แสนล้านบาท ,ก.พ. 6.0 แสนล้านบาท,มี.ค. 7.18 แสนล้านบาท , เม.ย.6.54 แสนล้านบาท,พ.ค.7.14 แสนล้านบาท,มิ.ย.7.37 แสนล้านบาทและก.ค. 7.08 แสนล้านบาท


แหล่งข่าวกล่าวว่า​ การนำเข้าของไทยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าทุน (อาทิ เครื่องจักรกล เครื่องจักรไฟฟ้า) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งนำมาใช้เป็นปัจจัยการผลิตสินค้าเพื่อบริโภคในประเทศและเพื่อส่งออก โดยในเดือน ก.ค. สินค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด คือ สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (สัดส่วน 42% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) ขยายตัว 51.5% รองมา คือ สินค้าทุน (สัดส่วน 25% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) ขยายตัว 35.4% การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตของไทยเริ่มฟื้นตัวจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคต
#5485


หลังอลเวงมากว่าสองสัปดาห์ในโครงการจัดหาชุดตรวจเชื้อโควิด แบบ Antigen Test kit (ATK) สำหรับให้ประชาชนใช้ตรวจคัดกรองเชิงรุก จำนวน 8.5 ล้านชุด ซึ่งก่อนหน้านี้มี "ข้อสั่งการ" ของ  "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ขอให้ชุดตรวจ ATK ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะจัดซื้อนั้นต้องผ่านมาตรฐาน WHO ตามข้อเรียกร้องของชมรมแพทย์ชนบทที่ออกมาเคลื่อนไหวกดดันเพื่อให้ได้ชุดตรวจที่มีคุณภาพสูง มีความแม่นยำ จากนั้นเรื่องก็ "เงียบฉี่" ไปร่วมสัปดาห์ กระทั่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา "ความชัดเจน"  ก็เกิดขึ้น เมื่อที่ประชุม ครม.รับทราบ "ข้อสั่งการใหม่" ของนายกรัฐมนตรี โดยกลับลำขอให้เร่งมือจัดหามาโดยเร็วที่สุดแทน

 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.รับทราบการขอปรับปรุงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในการประชุม ศบค.ครั้งที่ 12/2564 และการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 โดยแก้ไขข้อความจากเดิมที่ระบุในข้อสรุปผลการประชุม ศบค. หน้าที่ 17 ข้อ 6 ว่า "การเร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบแอนติเจน (Antigen Test Kit : ATK) ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด" นายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการ ศบค.ปรับปรุงแก้ไขข้อสั่งการนายกฯ มีข้อความดังนี้คือ "ในเรื่องการจัดหาซื้อชุดตรวจ ATK นี้ ขอให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว หากมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ในปัจจุบัน ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด"

สำหรับเหตุผลที่เปลี่ยนแปลงให้ ATK ไม่ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจาก WHO นั้น มีคำอธิบายจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรายงานต่อครม.ว่า ชุดตรวจ ATK ถ้าจะผ่าน WHO มีเพียงชุดตรวจสำหรับใช้โดยบุคคลากรทางการแพทย์ (Professional use) ที่ WHO ให้การรับรอง แต่ ATK สำหรับใช้โดยประชาชนทั่วไป (Home use) WHO ยังไม่ได้ให้การรับรองใดๆ ทั้งสิ้น

แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดสามารถมองได้ 2 ประเด็นด้วยกัน

ประเด็นแรก หากคิดแบบโลกสวยก็อาจมองได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ดื้อดึงและรับฟังข้อเท็จจริง

ประเด็นที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ใช้ SINGLE COMMAND โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัด ทำให้เกิดความผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งส่งผลทำให้การจัดซื้อชุดตรวจ ATK เป็นไปด้วยความล่าช้า และประชาชนไม่สามารถเข้าถึงชุดตรวจได้อย่างรวดเร็ว เพราะการจัดซื้อชุดตรวจครั้งนี้คือการจัดซื้อสำหรับประชาชนทั่วไปใช้มิใช่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

หลังจาก ครม. เคาะเกณฑ์ใหม่แล้ว นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ได้แจ้งโรงพยาบาลราชวิถี และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อเดินหน้าดำเนินการจัดซื้อ ATK คู่ขนานไปกับการแจ้งบริษัทที่ชนะการประมูล ให้มาดำเนินการตามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างตามข้อสั่งการที่นายกรัฐมนตรี ระบุให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อให้ ATK ถึงมือประชาชนโดยเร็ว โดยลงนามในหนังสือลงวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน  นางศิริญา เทพเจริญ  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด และ กรรมการบริหาร บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะตัวแทนจำหน่าย Lepu ให้สัมภาษณ์สื่อถึงเรื่องที่องค์การเภสัชกรรม เตรียมทำสัญญาจัดซื้อชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ในวันที่ 27 สิงหาคม แต่เนื่องจากต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม จึงเลื่อนการทำสัญญาออกไปเป็นวันจันทร์ ที่ 30 สิงหาคม 2564 แทน ซึ่งหลังจากเซ็นสัญญา แล้วทางบริษัทพร้อมนำเข้าสินค้าตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ทันที

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่เรื่องจะจบลงอย่างที่ปรากฏ ทางณุศาศิริก็เคลื่อนไหวอย่างหนัก โดยประกาศว่า บ.ณุศาศิริ ฯ และ บ.เวิลด์ เมดดิคอลฯ จะเป็นผู้นำเข้า ATK เพื่อคนไทย จำนวน 8.5 ล้านชิ้น มาจำหน่ายให้ประชาชนคนไทยทุกคน ได้มีโอกาสเข้าถึงชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง ในราคาเพียงชุดละ 75 บาท โดยเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาที่ประมูลได้จากทางองค์การเภสัชฯ ซึ่งู้ที่สนใจสามารถเข้าไป Pre Order ขั้นต่ำ 1 กล่อง ( 1 กล่อง มี 25 ชุด) ได้ตั้งแต่วันที่ 23 -31 ส.ค.นี้ (สินค้า Pre-Order รับชุดตรวจที่คลินิกและร้านขายยาที่ร่วมโครงการกับ MORHELLO ได้ภายใน 14-30 วัน นับจากรับยอดโอน) หรือติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Line @ Morhello ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ทว่า หลังจากมีความชัดเจนเรื่องการทำสัญญากับ อภ. นางศิริญาชี้แจงว่า การจำหน่ายให้ประชาชนจะเปิดให้ซื้อเพียง 5 วันเท่านั้น และหลังจากนี้จะไม่มีราคานี้อีก โดยขณะนี้มีทั้งสถานประกอบการ โรงงาน และประชาชนทั่วไป ให้ความสนใจสั่งซื้อกันแล้วยอดไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชิ้น คาดว่าผลิตภัณฑ์ส่วนนี้จะเข้ามากระจายให้ผู้ที่สั่งจองภายใน 14-30 วัน อีกทั้งหลังจากนี้บริษัทจะนำเข้ามาขายแบบทั่วไปด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาราคาขายที่เหมาะสม แต่ในเบื้องต้นขณะนี้ขอนำเข้าในสัดส่วนที่ภาครัฐเตรียมจัดซื้อเพื่อแจกประชาชนใช้ฟรีก่อน

ขณะที่ปฏิกิริยาอีกฟากฝั่งทาง  ชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 สวนมติ ครม.ที่ออกมาใหม่ทันควัน โดยจั่วหัวว่า "ตู่ไม่แข็ง ชมรมแพทย์ชนบทและเครือข่ายจะยังคงตรวจสอบคุณภาพ ATK ที่ประมูลได้ต่อไป" โดย  นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ  ระบุว่าข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่มีการแก้ไขใหม่นั้น ทางชมรมฯ มองเห็นแนวโน้มมาตลอดและสุดท้ายก็ชัดเจนว่า "รัฐบาลของนายกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น ไม่แข็งจริง การไม่มีหลักยึดทีมั่นชัด ไม่แข็งที่จะยืนบนหลักที่ถูกต้อง ทำให้การนำรัฐนาวาประเทศไทยสู่การฝ่าฟันวิกฤตโควิดไปได้นั้นสาหัสและเจ็บหนักมากทั้งชีวิตผู้คนและระบบเศรษฐกิจไทย"

ชมรมแพทย์ชนบท ยังคงยืนบนหลักการของแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ที่เคยเสนอไปแล้วว่า อำนาจการจัดซื้ออยู่ที่องค์กรรัฐ แต่อำนาจการตรวจสอบอยู่ที่เราภาคประชาชน ชมรมแพทย์ชนบทร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน ยังยืนยันที่จะระดมทีมปฏิบัติการจากทุกภาค ทำการตรวจสอบชุดตรวจ ATK ที่ได้รับการประมูลว่ามีคุณภาพทั้ง sensitivity และ specificity ดังที่กล่าวอ้างหรือไม่ มีผลบวกปลอมและผลลบปลอมในสัดส่วนที่เกินกว่าจะรับได้หรือไม่ โดยจะเริ่มปฏิบัติการทันทีที่ชุดตรวจได้กระจายลงสู่พื้นที่ และหากผลการตรวจสอบพบว่าชุดตรวจมีคุณภาพต่ำเกินกว่าที่จะรับได้ เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ

ด้าน  "นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี" เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บอกว่า สปสช. เป็นเจ้าของงบประมาณ พร้อมกระจายชุดตรวจโควิดให้ประชาชนทันที หลังชุดตรวจ Lepu เข้าไทยแล้ว เบื้องต้นวางแผนว่าจะกระจาย 3 แบบ ระจาย 3 แบบ คือ กระจายให้ชุมชนแออัดในพื้นที่สีแดงเป็นลำดับแรก กระจายไปยังร้านยาในเครือข่าย จากนั้นให้ประชาชนมารับชุดตรวจ และกระจายไปยังหน่วยให้บริการ เช่น รพ.สต. ศูนย์สาธารณสุข สถานพยาบาลในเครือข่ายของ สปสช. แล้วให้ประชาชนมารับชุดตรวจ ซึ่งเป้าหมาย คือต้องการให้ประชาชนนำไปตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตัวเอง และให้บุคลากรเป็นผู้ตรวจให้กับกลุ่มเสี่ยง หากตรวจแล้วไม่พบเชื้อ แต่เห็นว่ามีความเสี่ยง ก็จะให้ชุดตรวจกลับไปตรวจที่บ้านอีก 1-2 ชุดและตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือว่าอาจจัดส่งชุดตรวจให้ถึงบ้านผ่านระบบไปรษณีย์ หรือ ไรเดอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนโดยหลังแจกจ่ายให้ประชาชนแล้ว ก็จะมีคณะทำงานติดตามผลว่าชุดตรวจที่ใช้มีประสิทธิภาพมากกน้อยแค่ไหน เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจจัดซื้อในครั้งหน้า

ทั้งนี้ นอกจาก สปสช. และชมรมแพทย์ชนบท ที่เตรียมเดินหน้าทดสอบคุณภาพชุดตรวจ Lepu แล้ว  "สมชัย เจิดเสริมอนันต์" นายกสภาเทคนิคการแพทย์ บอกว่าสภาได้รับการติดต่อจาก อย. มาขอให้เข้าร่วมเป็นคณะทำงานตรวจสอบคุณภาพชุดตรวจ Lepu หลังกระจายให้ประชาชนใช้ด้วย ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะทำงาน และต้องรอความชัดเจนจาก อย. อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นและความต้องการชุดตรวจ ATK ของประชาชนได้เพิ่มขึ้นตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ล่าสุด จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่า มีผู้บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าและจำหน่ายชุดตรวจแล้วทั้งสิ้น 42 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแหล่งผลิตชุดตรวจดังกล่าวมีโรงงานผลิตในประเทศจีนมากถึง 24-25 บริษัท รองลงไปเป็นเกาหลี 9 บริษัท สหรัฐอเมริกา 3 บริษัท ไต้หวัน 3 บริษัท สเปน 1 บริษัท และสวิตเซอร์แลนด์ 1 บริษัท

สำหรับราคานำเข้าและราคาขายชุดตรวจ ATK นั้น หลังจากกรมการค้าภายใน ทำหนังสือแจ้งให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้าชุดตรวจATK จัดส่งข้อมูลต้นทุนและราคาขายในท้องตลาดมาให้กรมพิจารณานั้น ข้อมูลที่จัดส่งมาให้กรมฯ แล้ว 9 ยี่ห้อ มีต้นทุนการนำเข้าแบบซีไอเอฟ (ค่าสินค้าบวกค่าประกันและค่าขนส่ง) ชิ้นละ 40.60-221.71 บาท เมื่อรวมค่าใช้จ่ายในการนำเข้า ค่าบริหารจัดการ และส่วนต่างราคา ราคาขายส่งอยู่ที่ชิ้นละ 160-305.55 บาท และราคาขายปลีกชิ้นละ 219.35-425 บาท หรือราคาขายในท้องตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 250-350 บาท

ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อกำหนดราคาขายให้เหมาะสม และเปิดสายด่วน 1569 เพื่อให้ประชาชนแจ้งปัญหาเรื่องราคาสินค้า รวมทั้งสามารถแจ้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ ตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยชุดตรวจเอทีเค, วัคซีนป้องกันโควิด-19 และยาฟ้าทะลายโจร เป็นสินค้าควบคุมตามประกาศ กกร.ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2564

...ก็เป็นอันว่า ดรามาศึกชุดตรวจ ATK Lepu ที่เกิดขึ้นจาก "นายกฯ ลุงตู่" ก็จบลงด้วย "การกลับลำ" ของ "นายกฯ ลุงตู่" ด้วยประการฉะนี้
#5486


กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมเคียงข้างคนไทยให้ก้าวผ่านวิกฤตไวรัสโควิด-19 โดยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงและให้การช่วยเหลือทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความรวดเร็ว และทั่วถึง โดยผนึกกำลังบริษัทในเครือและภาคี สนับสนุนและดูแลด้านสาธารณสุขแบบครบวงจร 360 องศา เพื่อให้คนไทยสามารถดำเนินชีวิตได้ปกติท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไม่ประมาท



พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า สถานการณ์โควิดมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อคนไทยอีกในระยะเวลาหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่คนไทยทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และประเทศเดินหน้าต่อไปได้ กลุ่มเซ็นทรัล จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสาธารณสุขอย่างจริงจังในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริการสนับสนุนเรื่องพื้นที่ พร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อการเข้าถึงจุดฉีดวัคซีนได้อย่างสะดวก, มาตรการความสะอาด ปลอดภัย ขั้นสูงสุด, การสนับสนุนงานของบุคลากรทางการแพทย์ และการส่งเสริมการวิจัยยาหรือวัคซีนต้านโรคโควิด-19 โดยแพทย์ไทย เป็นต้น



สำหรับความร่วมมือ ร่วมใจของกลุ่มเซ็นทรัลกับภาคีเครือข่าย ครอบคลุม 4 ด้าน ดังนี้

1.ร่วมมือกับภาครัฐ อาทิ หอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร สาธารณสุขประจำจังหวัด และ สำนักงานประกันสังคม ในการจัดตั้งหน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล แบบครบวงจร ทั่วประเทศ
•ต้นแบบพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนแบบครบวงจร 33 จุดฉีด แบ่งเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัล 24 จุดฉีดทั่วประเทศ, โรบินสันไลฟ์สไตล์ 6 จุดฉีด, ท็อปส์พลาซ่า 1 จุดฉีด, ศูนย์การค้าแพลทฟอร์ม วงเวียนใหญ่ 1 จุดฉีด และจิวเวลรี่ เทรด เซ็นเตอร์ 1 จุดฉีด
•เปิดให้บริการต่อเนื่องนานกว่า 150 วัน ตั้งแต่เดือนเมษายน-สิงหาคม 2564 และยังคงดำเนินการต่อเนื่อง
•บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยตามที่ได้รับจัดสรรมากกว่า 1.1 ล้านเข็ม

2.มาตรการเซ็นทรัล สะอาดมั่นใจ
•ผู้นำแผนแม่บทด้านมาตรการความสะอาด-ปลอดภัยให้กับศูนย์การค้าทั่วประเทศตามหลัก D-M-H-T-T-A ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ใช้ในการชะลอการระบาดของ โควิด-19 ย่อมาจาก D : Distancing เว้นระยะระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น M : Mask wearing สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand washing ล้างมือบ่อย ๆ จัดให้มีจุดบริการเจลล้างมืออย่างทั่วถึงเพียงพอ T : Temperature ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการ เพื่อคัดกรองผู้ใช้บริการ T : Testing ตรวจหาเชื้อโควิด 19 และA : Application ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" และ "หมอชนะ" ก่อนเข้า-ออกสถานที่ทุกครั้ง
•พร้อมสนับสนุนและรณรงค์ให้ทุกคนได้รับวัคซีน ปัจจุบันพนักงานในกลุ่มเซ็นทรัลได้รับวัคซีนแล้วมากกว่า 85% ของพนักงานทั้งหมดทั่วประเทศ

3.สนับสนุนการปฏิบัติงานของด่านหน้า
•สนับสนุนห้องพักในเครือโรงแรมเซ็นทารากว่า 8,856 ห้อง ให้บุคลากรทางการแพทย์
•จัดส่งอาหารในเครือซีอาร์จีให้ผู้ป่วย Home Isolation ในโครงการ Meal for You ร่วมกับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลรามาธิบดี และ โรงพยาบาลตากสิน มากกว่า 16,000 มื้อ
•จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และอื่น ๆ รวมกว่า 12.9 ล้านบาท อาทิ วัคซีนซิโนฟาร์ม 3,000 เข็ม ห้องความดันลบ 4 ห้อง เครื่องช่วยหายใจสำหรับห้องปฏิบัติการ 3 เครื่อง และยาฟาวิพิราเวียร์ กว่า 25,000 เม็ด เป็นต้น
•สมทบทุนก่อสร้างหอผู้ป่วยสนามเร่งด่วน และจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์

4.ระดมทุนและร่วมสนับสนุนงบประมาณเพื่องานวิจัยโครงการวัคซีนคนไทย เพื่อคนไทย
•ระดมทุนและสมทบทุนการวิจัยวัคซีนและยาเพื่อคนไทยได้เข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้มากกว่า 15.8 ล้านบาท

"กลุ่มเซ็นทรัล ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นเสมือนนักรบด่านหน้าในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดในครั้งนี้ พร้อมที่จะรวมสรรพกำลังของธุรกิจในเครือในการสนับสนุนช่วยเหลือให้คนไทยปลอดภัยด้วยการเข้าถึงสาธารณสุข แบ่งเบาภาระให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมเคียงข้างคนไทยให้ผ่านพ้นวิกฤต ด้วยความอดทน เข้มแข็ง และร่วมแรงร่วมใจกัน" 
#5488


นายปราติ๊ก บัตตาชาร์จี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า นับแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้คนระมัดระวังในการสัมผัสธนบัตรโดยตรง ส่งผลให้มีปริมาณผู้ที่ใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งในรูปแบบบัตรเครดิต อีวอลเล็ท พร้อมเพย์ โมบายล์เพย์เม้นท์ต่าง ๆ  มีการเดิบโตอย่างก้าวกระโดด ส่วนหนึ่งเห็นได้จากข้อมูลการใช้บัตรเครดิตซิตี้ในประเทศไทย เราเห็นจำนวนในการทำธุรกรรมผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 690% โดยมียอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 302% ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา

ดังนั้นจึงทำให้เกิดการร่วมมือระหว่างซิตี้แบงก์ และทรูมันนี่ในครั้งนี้ เพื่อสร้างบริการที่แตกต่างแก่บัตรซิตี้เรดดี้เครดิตให้เป็นรายแรกและรายเดียวที่ใช้บัตรกดเงินสดในการผูกบัญชีอีวอลเล็ท เพื่อเติมเงินเข้ากระป๋าเงินอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งต่างจากค่ายอื่น ๆ ที่ต้องใช้ผูกบัญชีเงินฝาก ไปที่ร้านค้าที่รับเติมเงิน ตู้เติมเงิน หรือใช้คูปอง เท่านั้นโดยสามารถเติมเงินได้สูงสุด 90,000 บาทต่อวัน ซึ่งบริการนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ ที่รับ ทรูมันนี่ วอลเล็ทได้อย่างสะดวกสบาย

นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการใช้จ่ายให้แก่สมาชิกบัตรซิตี้ เรดดี้เครดิต จำนวน 6 แสนคน ที่ใช้บริการผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ท ทั้งยังเป็นการสนับสนุนสังคมไร้เงินสดให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐอีกด้วย

นางสาวณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า  ทรูมันนี่ในฐานะผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์ เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับบัตรกดเงินสด ซิตี้ เรดดี้เครดิตครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้บริการ ทรูมันนี่ วอลเล็ทกว่า 19 ล้านคน ได้รับความคล่องตัวในการใช้จ่ายในยุคสังคมไร้เงินสดที่ไม่จำเป็นต้องกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มอีกต่อไป

เพียงมีบัตรซิตี้ เรดดี้เครดิต และแอป ทรูมันนี่ วอลเล็ท และ  ทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ก็สามารถใช้จ่ายสินค้าชำระค่าบริการต่าง ๆ ในขีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ตอบรับวิถีชีวิตแบบนิวนอร์มอลในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าจาก 7-Eleven และ 7-Delivery, ช้อปปิ้งหรือสั่งอาหารออนไลน์, ซื้อดิจิทัลคอนเท้นต์, เติมเน็ตมือถือ, หรือจ่ายบิลค่าน้ำ-ค่าไฟ เป็นต้น

'นายกฯ'ชงปรับมุมมอง ยุทธศาสตร์บริหาร ให้อยู่กับ'โควิด' อย่างปลอดภัย
'ฤกษ์ไหว้' ขอขมาฟ้าดินใน 'วันฟ้าอภัย' หรือ 'วันเทียงเสี่ยยิก' 28 สิงหาคม 2564 โดย อาจารย์ คฑา ชินบัญชร
ผู้ประกันตน ม. 40 ชำระเงินสมทบ ผ่าน 'Shopee' ได้แล้ววันนี้
พร้อมส่งแคมเปญสุดเร้าใจ! รับเงินคืน 100 บาททันที เมื่อผูกบัญชีซิตี้ เรดดี้ เครดิตพร้อมเติมเงินขั้นต่ำ 1,000 บาท เข้าบัญชีทรูมันนี่       วอลเล็ท เป็นครั้งแรก เริ่ม 1 กันยายน 2564 
#5489


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ลงทุนกับ StorageCity Platform ใน StorageCity DotLive และ StorageCity DotFund ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์บริษัท เฟซบุ๊ก ยูทูป และไลน์ โดยระบุว่า StorageCity DotLive ให้บริการให้เช่าพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี Cloud และ StorageCity DotFund จะให้บริการตัวกลางด้านคราวด์ฟันดิง รวมทั้งอ้างว่าอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อขอรับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. นอกจากนี้ ยังมีการจัดสัมมนาหลายครั้งเพื่อชักชวนประชาชน

ก.ล.ต. ขอแจ้งว่า StorageCity Platform ไม่ได้เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต จึงไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และไม่ได้อยู่ระหว่างยื่นขอความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ลงทุนระมัดระวัง หากถูกชักชวนให้ลงทุน

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลหรือผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ในหัวข้อ Investor Alert รวมทั้งสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาต ได้ในหัวข้อ สินทรัพย์ดิจิทัล หรือทางแอปพลิเคชัน SEC Check First หากมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดติดต่อได้ที่ "ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต." โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

 ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลหรือผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ในหัวข้อ Investor Alert รวมทั้งสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาต ได้ในหัวข้อ สินทรัพย์ดิจิทัล หรือทางแอปพลิเคชัน SEC Check First หากมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดติดต่อได้ที่ "ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต." โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป 

ในกรณีที่ ก.ล.ต. ตรวจพบว่ามีการกระทำอันเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พ.ร.บ. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 หรือ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ผู้กระทำผิดอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ และหากเข้าข่ายการกระทำที่อาจผิดกฎหมายอื่น ก.ล.ต. มีกระบวนการในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป
#5490


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทได้เข้าซื้อธุรกิจสุกร ในประเทศรัสเซีย โดย LLC RBPI Voronezh ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นใหม่ของ CPF โดยจะชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 22,000 ล้านรัสเซียรูเบิล หรือเทียบเท่าประมาณ 9,900 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าการเข้าทำรายการจะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค. 2565

ส่วนเงินที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้ จะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินและภายในกลุ่ม ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เห็นว่า การเข้าทำรายการดังกล่าว มีความสมเหตุสมผลและจะทำให้บริษัท มีศักยภาพในการขยายธุรกิจสุกรในรัสเซียให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้ซื้อและผู้ขายได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreement หรือ Agreement) โดยภายใต้ Agreement ดังกล่าว โดยผู้ซื้อจะชำระค่าตอบแทนดังกล่าว เพื่อให้ได้มาซึ่งรายการต่อไปนี้ 1.หุ้นทั้งหมดใน LLC Agro-Sojuz TS และ LLC Mjaso-Sojuz T หรือ บริษัทเป้าหมาย และ 2.หนี้เงินกู้ยืมที่ผู้ขายให้กู้ยืมแก่บริษัทเป้าหมาย และเมื่อการทำรายการแล้วเสร็จ บริษัทเป้าหมายดังกล่าวและบริษัทย่อยจะมีสถานะเป็รบริษัทย่อยทางอ้อมของ CPF

ทางด้านผู้ขายหุ้นดังกล่าว ที่ บริษัทย่อย CPF ซื้อมานั้น ประกอบด้วย 1.Tönnies Russland Agrar GmbH 2.RKS Agrar.eiligungs GmbH และ 3.Tönnies Holding ApS & Co. KG