• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Ailie662

#2801
  ข้าวออแกนิกสำหรับแม่ให้นมลูก
'ข้าวอินทรีย์' ดีต่อสุขภาพ  จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวอินทรีย์  ความหมายของข้าวอินทรีย์  ข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ ข้าวหอมมะลิปลอดสาร " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1. ข้าวมะลินิลออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์  , ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5. ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  กลุ่มข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวหอมมะลิแดงorganic, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค   ข้าวผกาอำปึลอินทรีย์(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิคสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง 6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค
7.  ปลูกข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 
 
#2802


นางสมฤดี  ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU รายงานมติอนุมัติให้บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จํากัด ("Banpu NEXT") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยและบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ BPP  ถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากันคือร้อยละ 50 เข้าลงทุนในบริษัท บียอนด์ กรีน จํากัด ("BYG") คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่ มีมูลค่ารวม 300 ล้านบาท

โดยบริษัท บียอนด์ กรีน จํากัด เป็นผู้แทน จําหน่าย Club Car (รถไฟฟ้าอเนกประสงค์) อย่างเป็นทางการ ซึ่งให้บริการทั้งการขาย เช่า สัมปทานรถไฟฟ้า ในประเทศไทย ลาว และ กัมพูชา ที่สามารถปรับแต่งให้สามารถใช้งานได้ในหลากหลายธุรกิจ นอกเหนือไปจาก สนามกอล์ฟ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมรีสอร์ท โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยการลงทุนดังกล่าวคาด ว่าจะดําเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564

สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท บียอนด์ กรีน จํากัด คือ นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ และครอบครัว ซึ่งนายชนินท์ ว่องกุศลกิจ เป็นประธานกรรมการของบริษัทฯ ดังนั้นการเข้าลงทุนใน BYG จึงเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน

การลงทุนในครั้งนี้เป็นการต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ตามกลยุทธ์ "Greener & Smarter" ของกลุ่ม บ้านปูในการขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าหรือ E-mobility ให้มีความหลากหลายครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในตลาดที่ มีศักยภาพในการเติบโต ถือเป็นอีกหนึ่งฟันเฟื องสําคัญในการเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจซึ่งกันและกัน ผ่าน ความร่วมมือในด้านต่างๆ ในอนาคต ทั้งการวิจัยและพัฒนา (R&D) ริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สามารถพัฒนา สินค้าและบริการ

 รวมถึงการสร้าง platform ในการให้บริการเพื่อการเดินทางที่สะดวกสบาย รองรับเทรนด์การใช้ พลังงานสะอาดแห่งอนาคต สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการผลักดันการดําเนินธุรกิจให้เติบโตอย่าง ยั่งยืน
#2803


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. มีมติเห็นชอบปรับเลื่อนกรอบระยะเวลาในการพิจารณาข้อเสนอโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 ใหม่ ส่งผลให้ต้องเลื่อนวันประกาศผลการพิจารณาผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเป็นวันที่ 23 กันยายน 2564 จากกำหนดเดิมในวันที่ 2 กันยายน 2564 ล่าช้า 21 วัน จากกำหนดการเดิม

"สาเหตุที่ต้องเลื่อนกรอบระยะเวลาการพิจารณาผลการคัดเลือกโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ออกไป เพราะต้องการขยายเวลา และเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่อุทธรณ์ผลการพิจารณาทางเทคนิคจำนวน 33 ราย ได้รับการพิจารณาจาก กฟภ. อีกครั้ง ภายใต้หลักการและแนววินิจฉัยเดียวกับการพิจารณาอุทรณ์ของ กกพ" นายคมกฤช กล่าว

นายคมกฤช ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ผู้ไม่ผ่านผลการตัดสินทางเทคนิค ซึ่งแต่งตั้งโดย กกพ. พบว่า เงื่อนไข และหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคในบางประเด็น อาจจะทำให้ผู้ยื่นฯ มีเข้าใจคลาดเคลื่อน

ส่งผลให้ข้อเสนอทางเทคนิคหลายรายผิดพลาดในประเด็นเดียวกัน จึงเสนอให้เลื่อนกรอบเวลา และมอบหมายให้ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้พิจารณาทบทวนข้อเสนอทางเทคนิคเฉพาะของผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาทางเทคนิคและไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ทั้ง 33 รายอีกครั้งเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและให้ได้สิทธิ์โดยเท่าเทียมกันจากแนวทางการพิจารณาวินิจฉัย


สำหรับความคืบหน้า และผลการพิจารณาคำอุทธรณ์ของ กกพ. ในวันที่ 25 ส.ค. นี้พบว่า มีจำนวนผู้ยื่นขออุทธรณ์ผลการพิจารณาในขั้นตอนของข้อเสนอทางเทคนิค ทั้งสองประเภทเชื้อเพลิงคือ โรงไฟฟ้าชีวภาพ และชีวมวลรวมกันจำนวน 118 รายผ่านการพิจารณาทางเทคนิคในขั้นตอนอุทธรณ์จำนวน 74 ราย และไม่ผ่านการพิจารณาทางเทคนิคในขั้นอุทธรณ์จำนวน 44 ราย โดย กกพ. มีมติให้ กฟภ. พิจารณาผู้ที่ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาจำนวน 33 รายอีกครั้งเพื่อความเป็นธรรมและให้ประกาศผลผู้ที่ผ่านการพิจารณาเทคนิคเพิ่มเติมทั้งหมดภายในวันที่ 15 ก.ย. 64

ทั้งนี้ มติ กกพ. ที่พิจารณาเห็นชอบกรอบระยะเวลาในการดำเนินการโครงการใหม่ ประกอบด้วย

นอกจากนี้ จากการเปลี่ยนแปลงกรอบระยะเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ต้องปรับกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ โดยปรับกำหนดวัน SCOD เป็นภายใน 36 เดือนนับจากวันลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (ภายใน 21 ม.ค.68) และเห็นควรให้ใช้ Grid Capacity ปี 2567 ของ การไฟฟ้าในการประเมินข้อเสนอด้านราคา
#2804


ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ ในการกำกับดูแลของ วว.ได้เดินหน้า BCG โมเดล ในโครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลางตะวันตก ในปีงบประมาณ 2564 โดยสามารถยกระดับการผลิตพืชด้วยรูปแบบเกษตรสมัยใหม่ จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาให้เกิดการทำการเกษตรที่ปลอดภัย โดยใช้สารชีวภัณฑ์เป็นหลักในการผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของกระบวนการผลิต ช่วยให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการได้รับผลิตผลที่ดีขึ้นทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ลดปัญหาสุขภาพของเกษตรกร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่ เพิ่มแต้มต่อให้ภาคเกษตรของไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

ทั้งนี้ วว. ได้ดำเนินงานในพื้นที่ 4 จังหวัดในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลางตะวันตกเป็นพื้นที่นำร่อง BCG Model ประกอบด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกกว่า10 ล้านไร่ ใน 2 กลุ่มพืช คือ พืชไร่เศรษฐกิจหลักในพื้นที่ ได้แก่ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง พืชสวน ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม ส้มโอ กล้วยไข่ และหน่อไม้ฝรั่ง พื้นที่ดังกล่าว

นอกจากจะมีศักยภาพเป็นฐานการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญแล้ว ยังเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าการขนส่งระหว่างทะเลตะวันตกและทะเลตะวันออก มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ขนส่ง ที่เชื่อมต่อภาคอื่นๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และยังมีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง สามารถเป็นเครือข่ายสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าในพื้นที่ได้อีกด้วย


วว. ดำเนินโครงการ BCG Model ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) การยกระดับการผลิตพืชรูปแบบเกษตรสมัยใหม่โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจชีวภาพ (Biological Economy) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 2) การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิตตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ 3) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ธรรมชาติจากขยะเหลือทิ้งทางการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) สร้างโอกาสและเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ลดความเหลื่อมล้ำเศรษฐกิจฐานราก


โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ เช่น เทคโนโลยีข้าวเสริมซีลีเนียม การพัฒนาวัสดุเพาะเห็ดจากฟางข้าวเสริมซีลีเนียม พัฒนาวัสดุเพาะเห็ดจากกากมันสำปะหลัง บรรจุภัณฑ์ (Non Food) หน่อไม้ฝรั่งเพื่อการส่งออก การเพิ่มคุณภาพผลผลิตอ้อยด้วยปุ๋ยอินทรีย์เคมีเสริมจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟต การเพิ่มคุณภาพและเพิ่มผลผลิตพืชด้วยสารควบคุมการเจริญเติบโต (มันสำปะหลังและกล้วย) ขยายชีวภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างง่าย เทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ฯลฯ
 
ด้วยความร่วมมือจากเกษตรกรและเครือข่ายหน่วยงานสนับสนุนในท้องถิ่น ทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการถึง 494 คน สามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้สารเคมีในพื้นที่นำร่องได้ประมาณปีละ 11.5 ล้านบาท หรือราว 25% ของมูลค่าสารกำจัดศัตรูพืชทั้งหมด มีกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตอาหารสุขภาพ (Functional Food) และต้นแบบบรรจุภัณฑ์ จำนวน 163 ราย เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน สามารถผลิตสารชีวภัณฑ์ไว้ใช้เองได้จำนวน 5 ชนิด
 

นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าจำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ สามารถสร้างต้นแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Non Food) และผสานแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว (Green Technology) และแนวคิดการออกแบบแบบองค์รวม (Holistic Design) ได้ 2 ต้นแบบ คือ ถาดเพาะชำกล้าอ้อยจากชานอ้อย และแผ่นกันการกระแทกจากกาบกล้วย รวมถึงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเข้าร่วมลงทุนในด้านวิจัยและพัฒนาภายใต้ BCG โมเดลอีกจำนวน 6 ราย
 

"BCG Model เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของ วว. ที่ผลิตภัณฑ์ชีวภัณฑ์ทางการเกษตรของสถาบัน สามารถช่วยยกระดับขีดความสามารถของเกษตรกรไทยในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตได้หลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น ช่วยให้ผลผลิตในแปลงของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้รับผลผลิตที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ปริมาณ คุณภาพ ความปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค สร้างรายได้ให้แก่เกษตรเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเกษตรกรคุณภาพรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจ ภายใต้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของชาติด้วย BCG โมเดลอย่างยั่งยืน" ชุติมา กล่าวทิ้งท้าย
#2805


นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการทุเรียนคุณภาพในปีที่ 3 นี้สถาบันฯ มีการพัฒนาโครงการฯ ไปอีกขั้น

โดยร่วมกับคณาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) พัฒนาระบบฐานข้อมูลโครงการแบบออนไลน์เรียลไทม์ หรือ ระบบหมอนทอง ซึ่งนอกจากจะเป็นการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานของเกษตรกรในโครงการฯ เช่น รายชื่อเกษตรกร พื้นที่ปลูก จำนวนต้น

และการบำรุงดูแลต้นทุเรียนตามคู่มือทุเรียนคุณภาพตลอดทั้งปี เพื่อให้โครงกาฯ สามารถบริหารจัดการโครงการฯ ได้อย่างแม่นยำ ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพของผลผลิต ช่วงเวลาผลผลิตออกและการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมตามความต้องการของตลาด


ผู้อำนวยการสถาบันฯ ปิดทองหลังพระฯ กล่าวด้วยว่า ระบบนี้ ยังเป็นประโยชน์ในการติดตามและให้คำแนะนำช่วยเหลือกับเกษตรกรได้ทันที หากมีปัญหาเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะเป็นประโยชน์สำหรับเกษตรกรที่สามารถใช้ระบบนี้ในการวางแผนกิจกรรมในแปลงได้ตลอดทั้งปี คำนวณต้นทุนการผลิตได้ และสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการยื่นขอมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ GAP  อีกด้วย

โดยในปีหน้า ปิดทองหลังพระฯ จะพัฒนาระบบนี้อย่างต่อเนื่อง ไปสู่แอพลิเคชั่น หมอนทอง ให้ใช้งานได้สะดวกและจัดเก็บข้อมูลได้ละเอียดยิ่งขึ้น ทั้งข้อมูลพื้นฐานแปลงเกษตรกร การปฏิบัติงานประจำวันของเกษตรกร สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในแปลง รวมทั้งในอนาคตจะมีการนำระบบ 5G มาใช้ในแปลงในลักษณะเกษตรอัจฉริยะ โดยนำข้อมูลสภาพอากาศ ความชื้น ปริมาณธาตุอาหารในแต่ละแปลงทุเรียนมาช่วยการวางแผนการผลิต

และเมื่อพัฒนา "แอพพลิเคชั่นหมอนทอง" สมบูรณ์แบบแล้ว จะเปิดโอกาสให้เกษตรกรทั่วประเทศที่สนใจทำทุเรียนคุณภาพ นำไปใช้ต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าวจะสอดคล้องกับทิศทางสถาบันฯในอนาคต การยกระดับกิจกรรมที่ต้องการนำเกษตรอัจฉริยะมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบทฤษฎีใหม่และสร้างชุมชนผู้ประกอบการเกษตร BCG  ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
#2806


ทำเอาชาวบลิงค์ต่างกรีดร้องกันถ้วนหน้าเมื่อผลงานโซโล่เดี่ยวที่รอคอยของ "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" หรือ "ลิซ่า Black Pink" กำลังจะปล่อยออกมาเร็วๆนี้แล้ว หลังเจ้าตัวโพสต์ภาพนิ่งทีเซอร์ที่ทำเอาแฟนๆถึงขั้นกรี๊ดกับความปังของเจ้าตัว

หลังจากที่มีข่าวลือออกมาตั้งแต่ต้นปีว่า ลิซ่า จะออกโซโล่เดี่ยวมาตั้งแต่หลายเดือนก่อน จึงทำให้แฟนๆต่างตั้งตารอเพราะที่ผ่านมาทั้ง เจนนี่ และ โรเซ่ ต่างก็ประสบความสำเร็จกับผลงานโซโล่เดี่ยวของตนเอง

จนกระทั่งกลางดึกของวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 26 ส.ค. ของเกาหลีใต้ ลิซ่า ก็ได้โพสต์ภาพโปสเตอร์ทีเซอร์แบบชัดๆให้แฟนๆไม่ต้องรอแบบลมๆแล้งๆกันอีกต่อไป ซึ่งแค่ภาพนิ่งก็การันตีความแซ่บเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งตามโปสเตอร์ดังกล่าว เห็นชัดว่าอัลบั้มโซโล่ของ ลิซ่า จะใช้ชื่อว่า "LALISA" ชื่อจริงของเธอเอง โดยจะปล่อยออกมาในวันที่ 10 ก.ย. เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเกาหลีใต้ หรือ 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
#2807


นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กรมการข้าวอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขึ้น วงเงิน 1,601 ล้านบาท  เพื่อยกระดับการผลิตเมล็ดพันธุ์จากเดิม กรมการข้าวสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ 86,000 – 96,000 ตัน ให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 34,000 ตัน รวมได้เป้าหมายการผลิตใหม่เป็น 120,000 ตัน

 แผนการดำเนินงานโครงการดังกล่าว จะประกอบด้วย 1. ชุดเครื่องชั่งบรรจุ พร้อมระบบจัดเรียงแบบอัตโนมัติ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานเพิ่มศักยภาพ จำนวน 20 ศูนย์ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ลำปาง ลพบุรี พัทลุง เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อุดรธานี กาฬสินธุ์ แพร่ นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น สกลนคร ชลบุรี ราชบุรี สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี

ปรับปรุงระบบไฟฟ้าควบคุมเครื่องจักร พร้อมอุปกรณ์ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานเพิ่มศักยภาพ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ลำปาง พัทลุง เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อุดรธานี กาฬสินธุ์ แพร่ นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น สกลนคร ราชบุรี สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี

ปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์โรงงาน OECE จำนวน 5 ชุด ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวกำแพงเพชร ร้อยเอ็ด แพร่ นครสวรรค์ และราชบุรี 4.จ้างก่อสร้างอาคารปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานใหม่ จำนวน 4 แห่ง ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก นครราชสีมา ชัยนาท และสุโขทัยจัดซื้อและติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานใหม่ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก นครราชสีมา ชัยนาท และสุโขทัย

โครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว จะเข้ามามีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมล็ดพันธุ์ ผ่านเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ ที่จะทำให้กรมการข้าวบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้


รวมทั้งช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19  ให้สามารถประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ต่อไป โดยปัจจุบันไทยมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งประเทศเป็นจำนวนถึง 1,373,000 ตัน โดยแบ่งเป็น เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรเก็บไว้ใช้เองปีละ 686,400 ตัน และเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรต้องการใช้ ซื้อนอกเหนือจากที่เก็บไว้ใช้เองปีละ 686,600 ตัน

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่าเพื่อแก้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ข้าวไม่เพียงพอ กรมการข้าวได้หารือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ศูนย์ข้าวชุมชน ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ อาทิ สมาคมรวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย เพื่อหาแนวทางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดข้าว โดยแบ่งข้าวออกเป็น 5 ประเภท คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และข้าวเหนียว

สำหรับแผนการปลูกข้าวของกรมการข้าวบนพื้นที่เพาะปลูกกว่า 60 ล้านไร่นั้น ตามหลักแล้วจะต้องใช้เมล็ดพันธุ์ 15 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ รวมมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ 900,000 ตันโดยประมาณ  แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิมีจำนวน 27 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 405,000 ตัน   ข้าวหอมไทยจำนวน 2.3 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 34,500 ตัน ข้าวเจ้าพื้นนุ่มจำนวน 2 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 30,000 ตันข้าวเจ้าพื้นแข็งจำนวน 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 255,000 ตันและข้าวเหนียวจำนวน 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 255,000 ตัน
#2808


นายปวิณ วรพฤกษ์ CEO บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด ผู้เชี่ยวชาญและผู้นำด้านไอโอทีโซลูชันครบวงจร เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ในปี 2562 ระบุว่า การขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) จากตัวเลขประมาณการของประเทศไทย มีมูลค่าราว 2.6 หมื่นล้านบาท หรือมีสัดส่วนประมาณ 5% ของตลาดโลจิสติกส์ทั้งหมด

"ความต้องการใช้บริการ Cold Chain Logistics มีแนวโน้มเติบโต 8% CAGR (Compound Average Growth Rate) ในปี 2562 - 2565"

ปัจจุบัน Cold Chain Logistics เข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคการขนส่ง โดยทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์อัจฉริยะ เพื่อควบคุมอุณหภูมิห้องเย็น หรือตู้แช่สินค้า ทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็งของรถขนส่งให้เหมาะสมกับอาหารและวัตถุดิบแต่ละประเภท ล็อกอุณหภูมิเพื่อให้ความเย็นคงที่ในจุดที่เหมาะสมตลอดกระบวนการ ตั้งแต่สายการผลิต การขนส่ง และการวางจำหน่าย ไปถึงมือผู้รับปลายทางในอุตสาหกรรมค้าปลีก หรือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจนถึงมือผู้บริโภค

ขณะที่ประเทศไทยมีการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2560-2564) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานของภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐาน รวมถึงพัฒนาระบบโซ่ความเย็น (Cold Chain System) เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งกระบวนการ ช่วยลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่การผลิต และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

ติงส์ ออน เน็ต จึงพยายามโปรโมทไอโอทีโซลูชันตรวจจับอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งสามารถตรวจวัดอุณหภูมิได้ในช่วงตั้งแต่ -40 องศา ถึง 125 องศา ตรวจวัดความชื้นได้ตั้งแต่ระดับ 0-100% มีประสิทธิภาพและความแม่นยำเพื่อตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น บอกค่าได้อย่างละเอียดในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน สามารถแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติได้ทันท่วงที มีระบบจัดเก็บข้อมูลต่างๆ อย่างปลอดภัย ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับพัฒนาการให้บริการขนส่งต่อไปได้
"การทำงานของ Cold Chain Logistics นอกจากจะช่วยให้รถขนส่งสามารถล็อกอุณหภูมิในห้องเย็นให้คงที่และเหมาะสมกับประเภทของสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง ยังช่วยแก้ปัญหา Food Waste อันเกิดจากกระบวนการขนส่งที่ผิดพลาด ขาดการควบคุมอุณหภูมิที่ดีพอ อันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้วัตถุดิบหรืออาหารเกิดการเน่าเสียหรือเสื่อมคุณภาพก่อนถึงมือผู้รับ" ติงส์ ออน เน็ต อธิบาย



ในกรณีขนส่งข้ามประเทศ โซลูชันควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอัจฉริยะนี้จะทำงานบนโครงข่ายซิกฟอกส์ (Sigfox) เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ LPWAN ที่มีเครือข่ายครอบคลุม 72 ประเทศทั่วโลก ผู้ประกอบการสามารถตรวจวัดค่าอุณหภูมิและความชื้นจากที่ใดก็ได้ เมื่อใดก็ได้ ตามต้องการผ่านการแสดงผลบนมือถือ แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ ขณะที่ตัวเซ็นเซอร์อัจฉริยะมีขนาดกะทัดรัด สะดวกต่อการใช้งาน ไร้สาย ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเดินระบบสายไฟ และถูกออกแบบให้ใช้พลังงานต่ำ แบตเตอรี่สามารถชาร์จซ้ำได้ อายุการใช้งานนานหลายปี จึงช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้

จุดนี้ ติงส์ ออน เน็ตย้ำว่าไอโอทีโซลูชันตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นของบริษัทได้รับการรับรองให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร โรงพยาบาล เวชภัณฑ์ และธุรกิจได้หลากหลาย ทั้งในโรงเรือน พื้นที่เกษตร ฟาร์มปศุสัตว์ บนตู้ขนส่งสินค้า คลังสินค้า ชั้นวางสินค้าในห้างสรรพสินค้า การเก็บรักษาเวชภัณฑ์ หรือแม้แต่ในห้องเย็นของร้านอาหาร การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้คงระดับความเย็นเพื่อรักษาความสด (Fresh) สำหรับอาหาร และผลิตภัณฑ์แช่เย็น (Cool) หรือแช่แข็ง (Freeze)

นอกจากไอโอทีโซลูชันสำหรับตรวจจับอุณหภูมิและความชื้นแล้ว ติงส์ ออน เน็ต ยังมีเทคโนโลยีครบวงจรสำหรับติดตามรถขนส่ง IoT Solution Asset Tracking โซลูชันติดตามทรัพย์สินที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ด้วยอุปกรณ์ติดตามแบบไร้สาย ติดตั้งและบำรุงรักษาง่าย ประหยัดพลังงาน แบตเตอรี่อายุใช้งานยาวนานโดยไม่ต้องชาร์จ สามารถระบุพิกัดและตำแหน่งของรถห้องเย็น ตู้คอนเทนเนอร์ รวมทั้งอุปกรณ์ส่วนควบในการขนส่ง เช่น พาเลท พัสดุ หรือรถเข็น ได้อย่างแม่นยำ และมีความเสถียร ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคลังสินค้าและยานพาหนะห้องเย็น ไร้ปัญหาการโดนกวนสัญญาณด้วยจุดเด่นของอุปกรณ์ติดตามอัจฉริยะที่สามารถส่งสัญญาณได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sigfox Connectivity, GPS, Wi-Fi และ Bluetooth

ขณะเดียวกัน จุดเด่นของ Massive IoT ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จำนวนมากได้พร้อมๆ กัน จึงช่วยให้ระบบทำงานอย่างมีเสถียรภาพ รวดเร็ว แม่นยำ สามารถติดตามและรายงานข้อมูลการทำงานแบบรอบด้าน รวมถึงความผิดปกติต่างๆ ของยานพาหนะขนส่งจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้ เช่น เมื่อรถขนส่งวิ่งออกนอกขอบเขตพื้นที่ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนไปยัง application ที่ถูกกำหนด ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลที่ได้มาประเมินวิเคราะห์และสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับห่วงโซ่ของธุรกิจ

โซลูชันไอโอทีจึงเป็นเทคโนโลยีเหนือชั้นที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพธุรกิจขนส่งอาหาร ทั้งแบบสด แปรรูป แช่เย็นและแช่แข็ง ช่วยให้ผู้บริการขนส่งสามารถบริหารจัดการซัพพลายเชนแบบครบวงจร.
#2809


กลายเป็นโครงการอัปยศของเหล่าคนในวงการบันเทิงกันไปเลยทีเดียวสำหรับ โครงการ #พูดหยุดโกง ที่มีศิลปิน-ดาราออกมาะายภาพร่วมโครงการพร้อมแคปชันเกี่ยวกับการโกงในรูปแบบต่างๆ โดยไม่ค่อยมีใครวิจารณ์ถึงการทำงานของรัฐบาลจนชาวเน็ตออกมาต่อว่ากันมากมาย ล่าสุด 'อ๊อฟ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์' ก็ขอสำนึกผิดจากการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวด้วยการโอนเงินค่าตัวทั้งหมดเข้าทำบุญ โดยระบุว่า

'ขอแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเอง จากโครงการ #พูดหยุดโกง โดยการโอนเงินไปช่วยทำบุญ 20000 ซึ่งเป็นค่าตัวที่ได้รับจากโครงการ เพราะตอนแรกแค่คิดว่าใจความของโครงการมันค่อนข้างดี และนี่ได้ called out มาตั้งนานแล้ว แต่มันกระทบความไว้เนื้อเชื่อใจของใครหลายๆคน จึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวใดๆกับโครงการแล้ว แต่ภาพที่อยู่ในโครงการมันจะยังอยู่ตลอดไป ต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้เกิดข้อสงสัย ในความประชาธิปไตยของอ๊อฟ ยืนยันตรงนี้ว่า 'อยู่ฝั่งประชาธิปไตยอย่างเต็มที''
#2810


วันนี้(24 ส.ค.)สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ จัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารทะเลไทย ปลอดภัยจากการปนเปื้อนโควิด-19 (Thai Seafood Festival) ระหว่างวันที่ 20-22 สิงหาคม 2564 ณ ตลาดบึงธาตุหลวง นครหลวงเวียงจันทน์ โดย นายกวิน วิริยพานิชย์ ผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ เปิดเผยถึงผลการจัดงานในครั้งนี้ มียอดซื้อ-ขายภายในงานสูงกว่า 480,000 บาท โดยการจัดกิจกรรมนี้ เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของ ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ในด้านความปลอดภัยของการบริโภคอาหารทะเล และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์อาหารทะเลไทยปลอดภัยจากโควิด 19 ให้ผู้บริโภคทราบถึงมาตรการ และมาตรฐานของการนำเข้า และส่งออกอาหารทะเล ภายใต้แคมเปญ Thailand Delivers with Safety

โดยภายในงาน มีผู้นำเข้าอาหารทะเลไทยจำนวน 15 ราย 23 คูหา แบ่งเป็น ผู้จำหน่ายอาหารทะเลสดทั้งปลีก-ส่ง จำนวน 11 ราย และเป็นร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารทะเลนำเข้าจากไทย จำนวน 5 ราย โดยกลุ่มสินค้าหลักที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ อาหารทะเลแบบสด รองลงมาได้แก่อาหารทะเลปรุงแต่ง โดยนายกวิน กล่าวในตอนท้ายว่า "กิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวลาวเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ผู้บริโภคชาวลาวยังมีความต้องการบริโภคอาหารทะเลไทย และยังมีความเชื่อมั่นในความ สด สะอาด ปลอดภัย ที่นำเข้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โครงการอาหารทะเลปลอดภัยจาการปนเปิ้อน โควิด-19 ยังได้รับการสนับสนุน และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี กับหน่วยงานๆต่างในสปป.ลาว ทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยคาดว่า สินค้าอาหารทะเลในสปป.ลาวจะมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง "

ทั้งนี้ สถิติการค้าปี 2562 - 2563 ประเทศไทยส่งออกอาหารทะเล (สด และแช่แข็ง) มายัง สปป.ลาว ได้แก่ ปลาสดแช่เย็น แช่แข็ง/ กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง/ ปลาหมึกสด แช่เย็น แช่แข็ง/ สัตว์น้ำจำพวกครัสตาเซียและโมลลุสก์ฯ ภายหลังยกเลิกมาตรการฯ สคต.เวียงจันทน์ ได้สำรวจตลาด มีร้านจำหน่ายอาหารทะเลทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีการกลับมาเปิดร้านเป็นจำนวนมาก รวมถึงร้านอาหารกลับมาจำหน่ายอาหารทะเลเป็นปกติแล้ว

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ , กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
#2811


นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทได้บรรลุความสำเร็จในการร่วมทุนกับ บริษัท พีทีที โกล. แอลเอ็นจี จำกัด (PTTGL) บริษัทย่อยของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งร่วมทุนระหว่าง ปตท. และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ในสัดส่วนร้อยละ 50:50

โดย PTTGL ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์แอลเอ็นจี เจวี จำกัด จำนวน 250,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 25,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50 โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกันเพื่อจัดหาและจำหน่าย LNG รวมทั้งแสวงหาโอกาสในธุรกิจอื่น ๆ ใน LNG value chain ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพ ความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงต่อยอดการประกอบธุรกิจของ BGRIM



นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าPTTGLได้ดำเนินการธุรกรรมการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ แอลเอ็นจี เจวี ( BGP LNG JV )แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23สิงหาคม 2564 ส่งผลให้ PTTGLและ BGRIMจะมีสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันจํานวนร้อยละ 50ในBGP LNG JV

ทั้งนี้บริษัท BGP LNG JVมีวัตถุประสงค์ในการดําเนินธุรกิจจัดหาและจัดจําหน่าย LNGรวมทั้งแสวงหาโอกาสในธุรกิจอื่นๆใน LNG value chainทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งเป็นการดําเนินการตามแผนกลยุทธ์ของปตท.ในการมุ่งสู่พลังงานอนาคต (Future Energy)และเป็นการสร้างพันธมิตรเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจกับคู่ค้าที่มีศักยภาพ
#2812


เอริค ลาเมล่า ลงมาเป็นซูเปอร์ซับ สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้ เซบีย่า บุกเก็บชัยเหนือ เกตาเฟ่ 1-0 เก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัดแรก ผงาดจ่าฝูงของตาราง

ศึกฟุต.ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2021/22 นัดมันเดย์ไนท์ คืนวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เกมที่น่าสนใจ เซบีย่า ยกพลไปเยือน เกตาฟ่ ที่สนามโคลีเซียม อัลฟอนโซ่ เปเรซ

เกตาเฟ่ ของกุนซือ มิเชล เกมที่แล้วบุกพ่าย บาเลนเซีย 0-1 ขณะที่ เซบีย่า ของเฮดโค้ชฆูเลน โลเปเตกี เกมที่แล้วเปิดบ้านต้อน ราโย่ บาเยกาโน่ 3-0

ปรากฎว่าเกมนี้ เซบีย่า เป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าทั้งการครอง. และจังหวะลุ้นประตู บุกมาเก็บชัยเหนือ เกตาเฟ่ ไปแบบหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ เอริค ลาเมล่า ในนาทีที่ 90+3

จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ เซบีย่า คว้าสามคะแนน 2 เกมติดต่อกัน ขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตาราง มี 6 แต้มเต็มเท่ากับ แอตเลติโก มาดริด แต่ลูกได้เสียดีกว่า ขณะที่ เกตาเฟ่ รั้งอันดับ 18 ของตาราง ยังไม่มีแต้ม
#2813
ทราบไหมว่า รถพยาบาล นอกจากจะเป็นรถรับส่งผู้เจ็บป่วยกรณีฉุกเฉินเพื่อให้คนป่วยไปถึงมือหมอโดยด่วนที่สุด ดังที่คนส่วนมากคุ้นเคยและก็รู้จักบริการนี้กันมากที่สุดแล้ว ยังมีบริการเคลื่อนย้ายคนป่วยติดเตียง ให้เดินทางไปเจอหมอตามโรงพยาบาลต่างๆหรือจะเคลื่อนย้ายคนเจ็บเพื่อให้ไปทำธุรกรรม หรือร่วมกิจกรรมต่างๆกับครอบครัว ตัวอย่างเช่น ร่วมงานบุญ งานบวช งานมงคลสมรส รถพยาบาลเอกชนก็สามารถให้บริการได้ทั้งหมดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายด้านการเดินทางให้กับทั้งตัวผู้ป่วยติดเตียงและก็เครือญาติของคนไข้เหล่านั้น และยิ่งไปกว่านี้ยังมีบริการอื่นๆนอกเหนือจากการรับส่งคนเจ็บ ที่รถพยาบาลพร้อมให้บริการอีกมาก





ทั้งหมดที่กล่าวไปสามารถเรียกใช้บริการจาก รถพยาบาลเอกชน TG 2 Ambulance Service ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเรียกใช้งานได้จากทุกพื้นที่ทั่วทั้งประเทศไทย ทั้งการโยกย้ายคนเจ็บฉุกเฉิน คนเจ็บตรวจตามหมอนัด รถรับส่งผู้ป่วยกลับบ้านพัก ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล หรือกลับภูมิลำเนาที่ต่างจังหวัด คนเจ็บย้ายโรงพยาบาล ส่งรักษาต่อตามสิทธิ์ และคนไข้ไปทำธุรกรรมต่างๆอาทิเช่น ไปธนาคาร ติดต่องานราชการ รวมถึงไปร่วมงานบุญต่างๆ โดยทีมพยาบาลของ TG 2 Ambulance Service นั้นสามารถเชื่อถือและก็วางใจได้ เพราะเหตุว่าพร้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมเวชกิจฉุกเฉิน มีความชำนาญสำหรับในการดูแลผู้ป่วย แล้วก็เปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์การทำงาน รวมทั้งมีความพร้อมในเรื่องของออกซิเจน อุปกรณ์ปฐมพยาบาล อุปกรณ์ยกเคลื่อนย้ายคนเจ็บที่ทันสมัย นอกจากเครื่องไม้เครื่องมือจะทันสมัยแล้ว รถพยาบาลก็ทันสมัยเหมือนกัน รถยนต์ทุกคันของ TG 2 Ambulance Service มีการปรับระบบช่วงล่างของตัวรถยนต์เพื่อลดการกระแทก ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าผู้ป่วยที่เข้ารับบริการจะถูกเคลื่อนย้ายอย่างปลอดภัย ไม่ทำให้ญาติพี่น้องคนที่อยู่รอบข้างต้องเป็นกังวลใจแน่นอน





ทาง TG 2 Ambulance Service ยังมีบริการรถพยาบาลอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ บริการรถพยาบาล สแตนบาย บริการภาคสนามเต็มรูปแบบ ประกอบด้วยทีมงานรถพยาบาลครบทีม พร้อมพยาบาลวิชาชีพ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผ่านการฝึกอบรมเวชกิจฉุกเฉิน ที่มากประสบการณ์ในการทำงานด้านสแตนบาย หากจะจัดงานอีเวนท์ หรืองานที่รวมผู้คนไว้เป็นจำนวนมาก ก็ควรจะมีทีมปฐมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญคอยประกบดูแลเฝ้าระวังเพื่อแน่ใจว่า หากผู้มาร่วมงานบาดเจ็บหรือเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา ก็ยังมีทีมที่รอดูแลให้ปลอดภัย ดังสำนวนสุภาษิตที่ว่า กันไว้ดีกว่าแก้ ตัวอย่างงานที่เคยให้บริการรถพยาบาลแสตนบายมีมากมาย อย่างเช่น งานแข่งกีฬาต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานวิ่งมาราธอน แข่งขัน. เทนนิส ยิงปืน, งานอีเวนท์ ตัวอย่างเช่น งานคอนเสิร์ต งานจัดเพื่อแสดงสินค้า งานเลี้ยงสังสรรค์ การประชุม งานประเพณีลอยกระทง งานประจำปีใหม่ งานวันสงกรานต์, งานทัวร์ ให้ติดตามคณะทัวร์ ดูแลขณะที่กำลังทำกิจกรรมในกลุ่มทัวร์, และก็ยังให้เช่ารถพยาบาล สำหรับฝึกซ้อมแผนหนีไฟ เช่าไปถ่ายละคร โฆษณา ภาพยนตร์ และสื่อบันเทิงอื่นๆ รวมถึงเช่าเพื่อไปประจำโรงงานหรือสถานประกอบการต่างๆก็ได้ หากใครที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่สนใจหรือมีคนรอบข้างกำลังต้องการรับบริการรถพยาบาลเอกชนทั้งยังการรับส่งผู้ป่วยและการแสตนบายภาคสนาม สามารถติดต่อทางเบอร์โทรศัพท์: 083-816-8889, 092-269-3360 หรือทางไลน์ผ่าน ID: ambulancetg2 ได้เลย

#2814


แอนนา นอร์ดควิสต์ ก้านเหล็กสาวชาวสวีเดน ผงาดคว้าแชมป์ "เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น" เป็นแชมป์ระดับเมเจอร์รายการที่ 3 ในชีวิต ด้าน "โปรเหมียว" ปภังกร ธวัชธนกิจ ฟอร์มแจ่มในวันสุดท้ายแต่ไล่ไม่ทัน จบที่ 7 ร่วม

ศึกกอล์ฟเมเจอร์หญิง รายการสุดท้ายของปี 2021 "เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น" ชิงเงินรางวัลรวม 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 193 ล้านบาท ที่สนามคานุสตี กอล์ฟ ลิงค์ส ระยะ 6,480 หลา พาร์ 72 ประเทศสกอตแลนด์ วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นการชิงชัยในวันสุดท้าย

ปรากฎว่า แอนนา นอร์ดควิสต์ โปรกอล์ฟสาวชาวสวีเดน วันนี้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เก็บเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ รวมสกอร์สี่วัน 12 อันเดอร์พาร์ เฉือนเอาชนะที่ 2 ร่วม อย่าง จอร์เจีย ฮอลล์ จากอังกฤษ, มาเดเลเน่ แซกสตอร์ม จากสวีเดน และลิเซตต์ ซาลาส จากอเมริกา ไปเพียง 1 สโตรก

จากชัยชนะในครั้งนี้ทำให้ แอนนา นอร์ดควิสต์ รับเงินรางวัลไปครอง 870,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 29 ล้านบาท และเป็นการคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ครั้งที่ 3 ในชีวิต หลังจากก่อนหน้านี้เคยได้ วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปียนชิพ เมื่อปี 2009 และเอวิยอง แชมเปียนชิพ เมื่อปี 2017 และยังทำให้เธอเป็นก้านเหล็กสาวจากสวีเดนคนที่ 5 ที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง ต่อจาก แอนนิกา โซเรนสตัม ปี 2003, โซฟี กุสตาฟซอน ปี 2000, ลิเซลอตต์ นูแมนน์ ปี 1994 และเฮเลน อัลเฟรดสัน ปี 1990

ส่วนผลงานของโปรกอล์ฟสาวจากประเทศไทย "โปรเหมียว" ปภังกร ธวัชธนกิจ วันนี้เก็บเพิ่ม 5 อันเดอร์พาร์ รวมสี่วันมี 9 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 7 ร่วมกับ เลโอนี ฮาร์ม จากเยอรมัน รับเงินรางวัลไป 154,918 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.1 ล้านบาท, "โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล จบที่ 8 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 9 รับเงินไป 129,855 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.3 ล้านบาท, "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล จบที่ 7 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 10 ร่วม ได้เงินรางวัลไป 113,635 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.8 ล้านบาท

ด้าน "โปรแจน" วิชาณี มีชัย จบที่ 4 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับที่ 24 ร่วม รับเงินไป 58,208 เหรียญสหรัฐ, "โปรจีน" อาฒยา ฐิติกุล จบที่ 2 โอเวอร์พาร์ รั้งอันดับ 48 ร่วม รับเงินไป 21,491 เหรียญสหรัฐ และ "โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ จบที่ 3 โอเวอร์พาร์ รั้งอันดับ 52 ร่วม รับเงินไปครอง 18,691 เหรียญสหรัฐ
#2815


รถเช่าหาดใหญ่ บริการรับ-ส่ง สนามบินฟรี รถเช่าขับเอง พร้อมคนขับ 

ไม่ใช้บัตรเครดิต ราคาเริ่มต้น 800 บาท  โทร. 081-849-1625 Line ID : ohm_carrent

รถเช่าหาดใหญ่ ซันไชน์ คาร์เร้นท์ เปิดให้บริการรถเช่า หาดใหญ่ สงขลา 

โดยมีรุ่นรถให้บริการหลายรุ่น เช่น All New Camry 2018 , Honda Accord

Camry Hybird 2013 , Fortuner TRD  , Fortuner  , Altis 2015

Vios 2014-2018 , Yaris Ativ 2017-2018 , Yaris 5 ประตู 2014 

พร้อมบริการ และเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า ทางบริษัท รับ-ส่ง รถฟรีที่สนามบิน นึกถึง รถเช่าหาดใหญ่ 

รถเช่าหาดใหญ่ราคาถูก รถเช่าหาดใหญ่พร้อมคนขับ ให้ทางบริษัท หาดใหญ่ ซันไชน์ คาร์เร้นท์ 

ได้เป็นส่วนหนึ่งของท่านเมื่อมาท่องเที่ยว หรือทำงาน มีทั้งเช่าแบบรายวัน รายเดือน รายปี หรือตามตกลงกับทางลูกค้า
 
Tags :: รถเช่าหาดใหญ่,เช่ารถหาดใหญ่,รถเช่าสนามบินหาดใหญ่
 
#2816


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรงขึ้น การฟื้นตัวจะช้าออกไปและไม่เท่าเทียมกันในแต่ละภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนัก รายได้และการจ้างงานที่ลดลงส่งผลซ้ำเติมฐานะการเงินที่เปราะบางของธุรกิจและครัวเรือน

ดังนั้น เพื่อให้มาตรการทางการเงินช่วยบรรเทาผลกระทบได้มากขึ้นในระหว่างที่ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 จึงมีมติอนุมัติมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ดังนี้

1. การรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เพื่อให้สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและเพียงพอต่อการดำรงชีวิต

(1) ปรับปรุงหลักเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟูสำหรับลูกหนี้ SMEs ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ธปท. อนุมัติสินเชื่อฟื้นฟูไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 92,316 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายร่วมระหว่าง ธปท. กับสถาบันการเงินที่ 1 แสนล้านบาทได้ก่อนเดือน ตุลาคม 2564 โดยสินเชื่อกระจายตัวได้ดีและครอบคลุมลูกหนี้จำนวน 30,194 ราย เฉลี่ยรายละ 3.1 ล้านบาท

ซึ่งเป็นลูกหนี้ธุรกิจขนาดเล็ก (ร้อยละ 42.6) ประกอบธุรกิจการพาณิชย์และบริการ (ร้อยละ 67.5) และเป็นลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด นอกเขตกรุงเทพและปริมณฑล (ร้อยละ 68.5) อย่างไรก็ดี ธปท. ประเมินว่าภาคธุรกิจยังมีความต้องการสินเชื่อฟื้นฟูเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะข้างหน้า


ที่ผ่านมา ธปท. ได้หารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบธุรกิจผ่านสมาคมต่าง ๆ เช่น หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดต่าง ๆ ของมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และเห็นควรให้ขยายวงเงินสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีวงเงินสินเชื่อเดิมต่ำหรือไม่เคยมีวงเงินมาก่อน ที่เดิมอาจไม่ต้องพึ่งพาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน รวมถึงเพิ่มการค้ำประกันให้กับลูกหนี้กลุ่มเสี่ยง เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางได้มากขึ้น


(2) ผ่อนปรนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อลูกหนี้รายย่อย ในส่วนของบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล เพื่อบรรเทาภาระการจ่ายชำระหนี้ ตลอดจนเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้เป็นการชั่วคราว โดย (1) ขยายเพดานวงเงินสำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท (2) คงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่เคยผ่อนคลายไว้ก่อนหน้า

และ (3) ขยายเพดานวงเงินและระยะเวลาชำระหนี้ของสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ทั้งนี้ การผ่อนปรนเกณฑ์ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อในระบบและลดความจำเป็นของลูกหนี้ที่อาจถูกผลักไปใช้สินเชื่อนอกระบบในระยะต่อไป


2. การแก้ไขหนี้เดิมให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันและช่วยเหลือลูกหนี้ได้จริง ที่ผ่านมา สถานการณ์การระบาดมีความไม่แน่นอนสูง เดิมคาดว่าจะควบคุมได้และคลี่คลายในเวลาไม่นาน ทำให้เน้นการแก้ปัญหาแบบระยะสั้น เช่น การพักชำระหนี้เป็นครั้งคราว หรือปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะสั้นเป็นหลัก แต่สถานการณ์มีแนวโน้มยืดเยื้อกว่าที่คาดมาก การแก้ปัญหาแบบเดิมจึงไม่ตอบโจทย์ และไม่ได้ทำให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้พูดคุยเพื่อประเมินสถานการณ์ หรือหาทางแก้ไขที่จะช่วยให้ภาระของลูกหนี้ลดลงจริง

ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ธปท. จึงส่งเสริมให้เกิดการแก้ไขหนี้เดิมอย่างยั่งยืน โดยเน้นให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบระยะยาว และคำนึงถึงหลักการดังต่อไปนี้ (1) มองสถานการณ์ระยะยาว โดยกำหนดการจ่ายคืนหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ปัจจุบันที่ลดลงมากและทยอยจ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อรายได้กลับมา (2) สามารถช่วยลูกหนี้จำนวนมากได้เร็ว (3) ตรงจุดให้เหมาะกับ ปัญหาของลูกหนี้แต่ละรายที่มีปัญหาและการฟื้นตัวต่างกัน

(4) เป็นธรรมกับทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายผ่านความยากลำบากไปด้วยกัน นอกจากนี้ ต้องไม่สร้างแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม (moral hazard) ให้กับลูกหนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ความช่วยเหลือไปสู่กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงอย่างได้ผล และรักษาสมดุลและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินโดยรวม

เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์การส่งผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้ในภาวะวิกฤต ธปท. จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ดังนี้


2.1  สถาบันการเงินสามารถคงการจัดชั้นสำหรับลูกหนี้รายย่อย และ SMEs (ตามนิยามของสถาบันการเงิน) ที่เข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ได้จนถึง 31 มีนาคม 2565 เพื่อเอื้อให้สถาบันการเงินและลูกหนี้มีเวลาเพียงพอในการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิผลในระยะยาว

2.2  การใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรองอย่างยืดหยุ่นไปจนถึงสิ้นปี 2566 เพื่อลดภาระต้นทุนสำหรับสถาบันการเงินที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างยั่งยืน ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยวิธีที่นอกเหนือไปจากการขยายเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียว เช่น การเปลี่ยนโครงสร้างสินเชื่อจากระยะสั้นเป็นระยะยาวร่วมกับการปรับโครงสร้างหนี้วิธีอื่น ๆ การปรับโครงสร้างหนี้ที่มีการให้สินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ รวมถึงการลดภาระการผ่อนชำระให้ลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้เกิดการส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ

2.3  การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือร้อยละ 0.23 จากร้อยละ 0.46 ต่อปี ที่จะสิ้นสุดสิ้นปี 2564 นี้ ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงไปในการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ที่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

การขับเคลื่อนให้มาตรการสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบได้จริงและรวดเร็วทันสถานการณ์เป็นหัวใจสำคัญ ที่ผ่านมา ธปท. ได้หารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อรับทราบอุปสรรค ข้อจำกัด และข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากลูกหนี้ทั้งรายย่อยและธุรกิจ รวมถึงสถาบันการเงินที่เป็นกลไกหลัก และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อปรับปรุงมาตรการให้ตอบโจทย์และตรงจุดยิ่งขึ้น

ซึ่ง ธปท. จะยังติดตามและวิเคราะห์แนวทางต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะทางเลือกในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะจัดทำขึ้นเพื่อรองรับลูกหนี้แต่ละกลุ่ม (product program) รวมทั้งเร่งผลักดันให้สถาบันการเงินมีแนวทางดูแลลูกหนี้ที่ชัดเจนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศในภาพรวม
#2817


นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของครึ่งปีแรกปี 2564 มีรายได้จากการขาย 1,401.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2563 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 849.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 552.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.08% บริษัทมีรายได้รวม 522.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.99 ล้านบาท ในไตรมาส2/2564 ทำให้มีมีผลประกอบการ 6 เดือน กำไรสุทธิ 132.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีต้นทุนทางการเงินลดลง ร้อยละ 47.58 ด้วยปัจจัยสนับสนุนความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทโครงการแนวราบในระดับราคา 3-5 ล้านบาทอยู่ในระดับสูง บริษัทพร้อมเดินตามแผน เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ตลาดระดับราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพหลัก อาทิโซนเหนือ และโซนตะวันออก ในไตรมาส 3 นี้ เพื่อเร่งหนุนรายได้ทั้งปีโตอย่างต่อเนื่อง

"เอ็น.ซี มีการปรับตัวได้ดี มีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร มีระบบบริการออกมาดูแลลูกค้า ให้ความสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยผนวกนวัตกรรม Smart Eco, Smart Care"

นายสมนึก กล่าวถึงสถานการณ์ COVID-19 ยังส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคยังมีความไม่มั่นใจ อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3 เอ็น.ซี มีความพร้อมที่จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนยอดขายให้เติบโต สำหรับยอดขาย เป็นที่น่าพอใจสามารถทำยอดขายได้กว่า 2,200 ล้านบาท

พร้อมยังกล่าวเสริมต่อ เอ็น.ซี คงมุ่งเดินหน้าเพื่อเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ในปี 2564 ตามเป้า 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท พัฒนาสินค้าทาวน์เฮาส์, บ้านแฝด, บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ด้วยราคาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ โดยขยายทำเลเพิ่มครอบคลุมพื้นที่ 4 ทำเลศักยภาพ (โซนเหนือ , โซนตะวันตก,โซนใต้ และโซนตะวันออก ของกรุงเทพฯและปริมณฑล) เพิ่มกำลังการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัยขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มตลาดบ้านแนวราบ ทำให้ เอ็น.ซี มีความพร้อมที่จะเดินตามแผน ในตลาดศักยภาพใหม่ๆ รุกต่อด้วยเป้ายอดขาย 3,500 ล้านบาท และรับรู้รายได้ปีที่ 2,000 ล้านบาท.
#2818


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 66.57 จุด หรือ 0.19% ปิดที่34,894.12 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 5.53 จุดหรือ 0.13% ปิดที่ 4,405.8 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 15.87 จุดหรือ 0.11% ปิดที่ 14,541.79 จุด


หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ต่างร่วงลงในการซื้อขายวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน ตามราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงเกือบ 4%

ทั้งนี้ รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในปีนี้

ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินคิวอี และเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอี ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ขณะที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด กล่าวเช่นกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว


นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่โกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 เหลือ 5.5% จากเดิมที่ระดับ 9% โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในช่วงที่เหลือของปีนี้

สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไร้ทิศทางในวันนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำสุดในรอบ 17 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน อย่างไรก็ดี เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจมิด-แอตแลนติกต่ำสุดรอบ 8 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ
#2819


กลับมาแล้วสำหรับรายการกีฬาที่จะทำให้คุณดู.ไม่เหงาอีกต่อไป กับ "Live Score" ซีซั่น 3 มาพร้อมกับการเปิดสนาม English Premier League 2021/2022 ในฤดูกาลนี้ที่ทุกคนรอคอย Online Station และ True Sprot Network ยกทัพนักพากย์ฝีปากดีลุ้น.ไปพร้อมกันตลอด 90 นาทีเต็ม พร้อมแพ๊คเกจ True Premier Football ที่จะต้องร้องว้าว...

ยังคงคอนเซปต์ "ถึง.จะแพ้ แต่ฝีปากเราไม่แพ้" สำหรับรายการ "Live Score" ที่เดินทางมาถึงซีซั่นที่ 3 และพร้อมเสริฟความมันส์แบบทวีคูณสร้างสีสันในทุกแมตช์การแข่งขัน การันตีด้วยผู้ชมรวมกว่า 35 ล้านวิวตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา และยังสร้างปรากฏการณ์ ยอดผู้เข้าชม พร้อมกันแบบสดๆ กว่า 2 แสนคนมาแล้ว ในฤดูกาลนี้ Live Score พร้อมแล้วที่จะกลับมาสร้างปรากฏการณ์นี้อีกครั้ง และพาแฟนๆคอ.ไปนั่งเชียร์ ร่วมลุ้นเหมือนหลุดเข้าไปในสนาม

พร้อมกับกูรูของ 4 ทีมชั้นนำ Liverpool, Arsenal, Chelsea และ Manchester United พร้อมด้วยเหล่าบรรดาแฟนพันธุ์แท้ ของแต่ละทีมนำโดย พ่อป๋อง – กพล ทองพลับ, นิค NRsportsRadio, แตงโม – พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน และ พีชชี่ – วรันธร ที่ในซีซั่นนี้เสริมทัพความมันส์ด้วย แจ๊คเล็ก , ตูเต้ – ภูริภัทร , วาว-จารุวัฒน์ ,ต๊อบ จากช่องLomball, เก่ง มนต์ชัย ,DJ ปาล์ม ,บิ๊กแชมป์ และ ครั้งแรกของ ฟลุ๊ค - ธีรยุทธ บัญหนองสา ที่ขอโดดลงมาร่วมในครั้งนี้ด้วย และขอจูงมือเหล่าเซเลบริตี้ที่คลั่งไคล้ในทีมเดียวกัน ที่จะคอยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียน มาร่วมวิเคราะห์ เพิ่มบรรยายกาศการเชียร์ให้ได้อรรถรสมากขึ้น ตลอดการลงสนาม 90 นาทีเต็ม ตลอดฤดูกาล ที่จะมานั่งลุ้น.ไปด้วยกัน

สามารถติดตามทุกแมตช์สำคัญได้ที่ ID Station และไม่พลาดกับ 4 ทีมใหญ่ บนช่องทางของ Sports Influencers เหล่านี้

● เชียร์ลิเวอร์พูล
FB : https://bit.ly/FBNRsportsradio
YT : https://bit.ly/OS_NRsport

● เชียร์แมนยูฯ
FB : https://bit.ly/FBTrueSportNetwork
YT : https://bit.ly/OS_TrueSportNetwork

● เชียร์เชลซี
FB : https://bit.ly/FBTangMO
YT : https://bit.ly/YTTangMo

● เชียร์อาร์เซนอล
FB : https://bit.ly/FBsportrelaxfm99
YT : https://bit.ly/YTTheShockTV

ไปลุ้นและเชียร์.พร้อมกันใน English Premier League ฤดูดาล 2021/2022 กว่า 380 เกมการแข่งขันกับรายการ "Live Score" จะพาทุกคนไปเกาะติดทุกแมตช์การแข่งขัน ทุกช็อตไฮไลท์สำคัญที่คุณจะไม่พลาด สดตามเวลาการแข่งขัน ตลอดฤดูกาล เหมือนนั่งเชียร์อยู่ในสนามไปพร้อมๆ กัน และยังสามารถเลือกแพ็คเกจที่ตรงใจตอบโจทย์ทุกสไตล์ในการดู. ได้ที่: https://trueid.onelink.me/KupK/ac673431 รับชมได้ที่ทรูไอดี ทั้งบนแอป เว็บ และกล่องทรูไอดี ทีวี

มันส์กว่าแน่ที่แท้ทรู ทรูพรีเมียร์ลีก สดทุกที่ สุดทุกเวลา และดูสดฟรีๆมากกว่า 100 แมตช์ตลอดฤดูกาลที่ทรูไอดี แอปเดียวครบ จัดเต็มทุกอารมณ์.
#2820


นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานเปิดงานสัมมนา "โครงการพัฒนาระบบชำระค่าภาษีอากรด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Tax Compensation : DTC)" เพื่อให้ผู้ประกอบการหรือตัวแทนเข้าใจการชำระเงินค่าภาษีอากรด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 500 คน ผ่านระบบ Video Conference : Zoom Cloud Meeting

นายพชรเผยว่า งานสัมมนาในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับชำระค่าภาษีอากร โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ การยื่นขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร การเปลี่ยนบัตรภาษีกระดาษเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ การชำระค่าภาษีอากรด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ของกรมศุลกากร กรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต เป็นต้น

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

สำหรับในส่วนของกรมศุลกากรผู้เข้าร่วมสัมมนาจะมีความเข้าใจในระบบการชำระค่าภาษีอากรด้วยวงเงินชดเชยอิเล็กทรอนิกส์พร้อมกับใบขนสินค้าขาเข้าและใบขนสินค้าขาออก ซึ่งจะสามารถชำระเงินค่าภาษีอากรด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ต้องเดินทางมายังกรมศุลกากร ซึ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจมีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนโครงการ National e-Payment ตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะเริ่มใช้วันที่ 21 ก.ย.นี้เป็นต้นไป

อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา กรมศุลกากรมีช่องทางการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แล้ว 2 ช่องทาง ดังนี้ 1. การชำระเงินโดยวิธีตัดบัญชีธนาคาร e-Payment และ 2. การชำระเงินโดยผ่านช่องทางการให้บริการของธนาคาร/ตัวแทนรับชำระเงิน Bill Payment และ ในครั้งนี้กรมศุลกากรได้เปิดตัว บัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะครบกระบวนการ การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมศุลกากรเป็น 100% อีกทั้ง ยังลดการเดินทาง ลดการสัมผัส ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด – 19 อีกด้วย

ทั้งนี้ ขณะนี้ ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกเกือบทั้งหมดเข้ามาใช้บริการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ที่กรมฯจัดทำขึ้น เหลือเพียงประมาณ 5%เท่านั้น ที่ชำระด้วยเงินสด