• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#2861


วันนี้ (23 ส.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า ขยับเข้าใกล้เป้าหมาย 100 ล้านโดส ส่วนตัวผม ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมเอาใจช่วยให้รัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าปี 64 ที่ 100 ล้านโดส และผมก็หวังว่าคนไทยทุกคนเอาใจช่วยให้รัฐบาลทำสำเร็จ

เพราะนี่คือแผน ที่จะทำให้เราสามารถจัดการกับโรคได้ หากใครมานั่งแช่งในเรื่องนี้ ก็แย่เต็มทน แต่ผมก็เชื่อว่ามีแน่นอน เพราะการเมืองไทย ระยะหลังเล่นกันแรงมาก มาถึงจุดนี้ ผมเชื่อว่า เป้าฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส เราจะไปถึงจุดนั้นได้ ด้วยปัจจัยบวก 2 ข้อ คือ



1. จำนวนวัคซีน ที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ
2. การขยายจุดฉีด กระจายไปยังต่างจังหวัด
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ผมลองทำใจให้สงบแล้วหาข้อมูล ก่อนจะพบว่า รัฐบาลไทย สามารถสั่งวัคซีน เพื่อนำมาฉีดให้ประชาชน ในฐานะสิทธิ์ด้านสุขภาพ กว่า 110 ล้านโดส
แบ่งเป็น
แอสตราเซเนก้า 61 ล้านโดส
ซิโนแวค 19.5 ล้านโดส
และไฟเซอร์ 30 ล้านโดส

เหล่านี้บรรลุสัญญาแล้ว และมีการทยอยส่งมอบตลอดปีนี้แน่นอน
นี่ยังไม่นับรวมจำนวนวัคซีนที่นานาชาติสนับสนุนไทย ไปจนถึงวัคซีนทางเลือก ที่มีการสั่งเข้ามาตลอด
เท่ากับเราได้คลี่คลายปัญหาเรื่อง SUPPLY ไปได้
ในส่วนของการกระจายฉีดวัคซีน นโยบายภาครัฐล่าสุด คือ ให้ระดมฉีดในต่างจังหวัด หลังจากฉีดกลุ่มเสี่ยงในกรุงเทพได้ตามเป้า

ล่าสุด เร่ง ให้ รพ.สต.ทั่วประเทศเป็นจุดบริการวัคซีน เพราะมีทั้งความพร้อม และเครื่องมือ
เท่ากับเราจะมีจุดฉีดเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งจ้องวิจารณ์
แต่คนทำงานก็ยังคงขันแข็ง ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ประเทศไทย มีคนอยู่ 2 กลุ่ม ครับ
คือคนที่วิจารณ์
กับคนที่ทำงาน และเราเดินไปข้างหน้าได้ เพราะคนกลุ่มนี้
#สู่เป้าหมาย100ล้านโดส+

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงาน ยอดการสั่งจองวัคซีน จากข้อมูลของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า ประเทศไทย สั่งจองวัคซีน Sinovac แล้ว 19.5 ล้านโดส ส่งมอบแล้ว 13.4 ล้านโดส ได้รับการสนับสนุนวัคซีน Sinovac จากจีน 1 ล้านโดส

สั่งซื้อแอสตร้าเซเนก้า แล้ว 61 ล้านโดส ได้รับแล้ว 14.7 ล้านโดส ญี่ปุ่นสนับสนุนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 1.05 ล้านโดส สหราชอาณาจักร ให้การสนับสนุนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 0.41 ล้านโดส ภูฎาน ให้ยืม วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 0.15 ล้านโดส
ไทยได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มแล้ว 5 ล้านโดส และได้รับการสนับสนุนวัคซีนซิโนฟาร์มจากจีน 0.5 ล้านโดส พร้อมทำสัญญาจัดหาวัคซีนจากไฟเซอร์แล้ว 30 ล้านโดส ได้รับการสนับสนุนวัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ 2.5 ล้านโดส และจัดหาวัคซีนจากจอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส
#2862


อิเกีย เพิ่มความสะดวกและความคุ้มค่าให้กับลูกค้าชาวไทยในช่วงล็อกดาวน์ ช้อปเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านผ่านอิเกีย ออนไลน์ ที่ IKEA.co.th ให้การใช้ชีวิตในบ้านเป็นไปอย่างปลอดภัยและตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ในราคาประหยัด และง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่ ค่าส่งพัสดุ 99 บาท จุได้ถึง 24 กิโลกรัม ราคาเดียวทุกพื้นที่จัดส่ง, บริการจัดส่งโดยรถบรรทุก เริ่มต้น 290 บาท (เฉพาะพื้นที่ที่ร่วมรายการ) ไม่จำกัดจำนวน, บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์ แล้วไปรับที่สโตร์ ไม่มีค่าใช้จ่าย, บริการออกแบบออนไลน์ และบริการผ่อน 0% นาน 10 เดือน พบกับบริการและข้อเสนอสุดพิเศษจากอิเกียออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564

บริการและข้อเสนอต่างๆ จากอิเกีย
- โปรโมชั่นค่าส่งแบบพัสดุ 99 บาท (จากปกติ 149 บาท) ช้อปจุใจได้ถึง 24 กิโลกรัม สำหรับสินค้าที่มีปริมาตรไม่เกิน 76 ลิตร และสินค้าแต่ละชิ้นมีความยาวไม่เกิน 1.4 เมตร
- โปรโมชั่นค่าจัดส่งโดยรถบรรทุก เริ่มต้น 290 บาท* (ปกติ 570 บาท) ช้อปเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ได้จุใจ *เฉพาะพื้นที่จัดส่งที่ร่วมรายการ
- บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์สะดวกและปลอดภัยจากที่บ้าน แล้วมารับสินค้าได้ที่จุดรับสินค้าที่สโตร์อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ พร้อมให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00 น.
- บริการออกแบบออนไลน์ ฟรี! สำหรับลูกค้าที่ต้องการออกแบบตู้เสื้อผ้า PAX เพิ่มความสะดวกออกแบบตู้เสื้อผ้าโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อได้ที่ IKEA.TH.planning@ikano.asia
- บริการผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และมียอดซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท

ทั้งนี้ อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ ปิดให้บริการชั่วคราวตามประกาศของ ศบค. และหวังว่าจะได้ต้อนรับทุกคนที่สโตร์อีกครั้งในเร็วๆ นี้
#2863


มวยปล้ำ WWE เตรียมเปิดให้ชาวอเมริกันเชียร์ติดขอบสนามอีกครั้ง! กับศึก SmackDown และ RAW พร้อมชมการคืนสนามของ จอห์น ซีน่า ในรอบ 17 เดือน ชาวไทยดูสด ๆ ได้ทาง 3BB GIGATV

ภายหลังจากสถานการณ์โควิดในอเมริกาเริ่มคลี่คลาย สมาคมมวยปล้ำ WWE ได้ปรับให้มีการเปิดเข้าชมของแฟนมวยปล้ำอีกครั้ง ประเดิมเปิดเวทีกับสองรายการสุดฮิตที่คอมวยปล้ำชื่นชอบ รายการ Smackdown และ RAW กับบรรยากาศแฟนมวยปล้ำลุ้นเต็มขอบสนามจริง ภายหลังที่ต้องชมผ่าน WWE Network มาเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง หลังสถานการณ์โควิดในอเมริกาดีขึ้น และเมื่อเปิดให้มีการจองบัตรที่นั่ง ปรากฏว่าบัตรเต็มในเวลาอันสั้น!!!

วินซ์ แม็กแมน (Vince McMahon) ประธานบริหารและ CEO สมาคม WWE เผยว่า "กว่าหนึ่งปีครึ่ง ที่ WWE ขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดของโชว์ไป นั่นคือแฟนๆ ของเรา แม้ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ทั้งไม่เคยหยุดออกอากาศ ยืดหยัดสร้างสรรค์ผลิตรายการออกมาเสมอ ลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ซึ่งนำพาแฟนๆ เกือบล้านคนเข้ามาอยู่ในโชว์ของเราผ่านจอวิดีโอบอร์ด แต่มันก็ไม่เหมือนที่เคยเป็น ท่วงทำนองของเราขาดหายไปประสบการณ์ที่เราสัมผัสร่วมกัน อารมณ์ความรู้สึก ปฏิกิริยาของผู้ชมที่ทำให้ทุกการกระแทกและรอยฟกช้ำที่เกิดขึ้นนั้นคุ้มค่า มันขาดหายไป พรุ่งนี้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป"

ทาง WWE ยังเอาใจแฟนมวยปล้ำ ด้วยการปรากฏตัวของ จอห์น ซีน่า (John Cena) ตำนานนักมวยปล้ำชื่อดัง อดีตแชมป์โลก 16 สมัย ซึ่งปัจจุบันผันตัวเป็นนักแสดงชื่อดังในฮอลลีวูด (เรื่อง Fast9) นี่คือการกลับมาคืนจอ WWE ครั้งแรกของซีน่า นับตั้งแต่ Firefly Fun House ใน WrestleMania 36 ซึ่งเป็นการอัดเทปในสถานที่ปิดไร้ผู้ชม แต่ครั้งนี้คือการกลับมาท่ามกลางผู้ชมในสนามครั้งแรกของเขา ในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่รายการ SmackDown กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ก่อน COVID-19 pandemic และนี่คือ เวที WWE ที่เปิดรับผู้ชมกลับมาคืนสนามเต็มความจุอีกครั้ง

ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ แฟนมวยปล้ำชาวไทย สามารถรับชมความสนุกเร้าใจกับความสนุกทุกคู่ เลือดสาดทุกแมตช์ เกรี้ยวกราดทุกช็อต ชั้นเชิงขั้นเทพแบบโหด-เลว-ดี ไม่มีสิ้นสุด ชมกันแบบเต็มอิ่มได้ลุ้นเหมือนได้นั่งเชียร์ที่ขอบสนามด้วยตัวเอง ทุกเช้าวันอังคาร จะได้ชมรายการ RAW เวลา 07.00 - 10.00 น. และ ทุกเช้าวันเสาร์ ชมรายการ SMACKDOWN เวลา 07.00 - 09.00 น. ที่ช่อง 3BB SPROTS ONE หมายเลข 401 ผ่านบริการ 3BB GIGATV สอบถามเพิ่มเติม โทร 1530
#2864


    คู่รักบางคู่โชคดีมีลูกง่ายโดยไม่ต้องพยายามมากนัก  แต่มีอีกหลายคู่ที่พยายามกันแล้ว ใช้เวลานานก็ไม่สำเร็จ ไม่ตั้งครรภ์สักที ปัญหามีลูกยากแท้จริงแล้วอธิบายง่าย ๆ ว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ การใช้ชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราเป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีลูกยาก ความเครียดนั้นเกิดจาก ภารกิจที่ยุ่งวุ่นวายในแต่ละวัน ใจผูกติดอยู่กับงาน ส่งผลต่อฮอร์โมน และ การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้โอกาสตั้งครรภ์น้อยลงไปด้วย

     แต่ถ้ามาที่คลินิก Genesis Fertility Center (GFC) ศูนย์รวมบริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีบุตรยากแบบครบวงจร ทุกอย่างจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปที่จะเติมคำว่า ครอบครัว ให้เต็มด้วยคำว่าแก้วตาดวงใจ ลูกน้อย ที่เป็นโซ่คล้องใจสำคัญสำหรับพ่อแม่ทุกคู่ ที่ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอลูกน้อยมานานจนเกือบท้อแต่อย่าหมดหวัง เพราะ "คุณหมอเอ็ม ชมพูนุช จันทรกระวี" (หมอเอ็ม) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำหรับผู้มีบุตรยาก พร้อมให้ทำปรึกษาและทำให้หลายครอบครัวต่างก็ประสบความสำเร็จได้ลูกอย่างที่หวังมาหลายครอบครัวแล้วนั้น

    งานนี้เลยต้องขอส่องโปรโฟล์ของ คุณหมอเอ็ม ชมพูนุช จันทรกระวี ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆบ้านมีลูกสมดั่งที่ใจหวัง ก็ต้องบอกเลยว่าโปรไฟล์ คุณหมอเอ็ม เพอร์เฟคมาก เพราะได้เรียนจบ แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถมยังชอบกีฬาที่หลากหลาย อาทิ ต่อยมวย โยคะ แล้ว

    คุณหมอเอ็ม ยังได้เผยอีกว่าที่เลือกมาทำด้านนี้ก็เพราะ ความรู้ของด้านนี้สนุก และมีอัพเดตไม่สิ้นสุด มีวิทยาการใหม่ๆที่สามารถนำมาใช้รักษาคนไข้ นอกจากนั้นมันเหมือนเป็นความท้าทายเล็กๆ ว่าเราจะทำอย่างไรให้คนไข้ตั้งครรภ์ได้และคลอดน้อง มีน้องที่สมบูรณ์ แข็งแรง ความสำเร็จประมาณ 70% ค่ะ ทุกเคสก็มีความยากมาก ยากน้อยต่างกันไป (ถ้าเคสง่ายก็มักจะท้องได้เองไม่ได้มาเจอหมอค่ะ) เคสที่ยาก เช่น เคสที่รักษาจากที่อื่น เก็บไข่มา 3 รอบ โดยน้ำเชื้อที่ใช้มาจากการทำ TESE (ตัดชิ้นเนื้อบางส่วนจากอัณฑะ เพื่อหาอสุจิมาใช้ในการปฏิสนธิ) ได้ตัวอ่อน ตรวจโครโมโซมทุกครั้ง ใส่ตัวอ่อนไป 2 รอบ ยังไม่ตั้งครรภ์ เปลี่ยนมารักษาที่ GFC ก็เริ่มกระตุ้นไข่ใหม่และทำ TESE ตัวอ่อนที่ได้เราเลี้ยงในตู้เลี้ยง EEVA เพื่อเพิ่มคุณภาพตัวอ่อน หลังตรวจโครโมโซมผ่าน เตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกค่อนข้างยาก เพราะเยื่อบุบางมาก ใช้ยาเยอะมาก แต่พอได้ใส่ตัวอ่อนรอบแรกติดค่ะ เคสนี้ลุ้นมาก ซึ่งในทุกขั้นตอนการดูแลให้คำปรึกษาและรักษาตั้งแต่ต้นจนจบ ระหว่างทางเราจะมีคุณพยาบาลที่ช่วยให้คำแนะนำทั้งการฉีดยา การดูแลตัวเองตั้งแต่ก่อนท้องจนตั้งครรภ์เราก็ดูแลกันไปตลอด ที่ขาดไม่ได้คือทีมนักวิทยาศาสตร์เลี้ยงตัวอ่อนที่ช่วยดูแลเด็กน้อยให้แข็งแรงก่อนที่จะส่งไปอยู่กับคุณแม่ ทุกฝ่ายดูแลจากใจจริงๆค่ะ จนวันนี้ก็ยังดีใจไม่หายที่ช่วยให้หลายๆครอบครัวได้มีคุณลูกตัวน้อยสมหวังอย่างที่ตั้งใจ หากคุณประสบปัญหากับภาวะมีบุตรยากมาหาเราที่ GFC นะคะ เราพร้อมสร้างฝันให้เป็นจริงได้ สามารถปรึกษาและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-108-6413-14 หรือ 0974845335 หรือ ทางเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/GFC.Bangkok และ Line OA : @gfcclinic "
#2865


วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564 — Entrust ผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลการระบุตัวตน การชำระเงิน และการป้องกันข้อมูลขั้นสูง ประกาศว่าบริษัทและ MK Group Joint Stock Company (MK Group) ประเทศเวียดนาม ได้ร่วมกันเปิดตัวโครงการบัตรประจำตัวประชาชนสมาร์ทการ์ดของเวียดนาม โดย Entrust และ MK Group จะนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงพร้อมกับการสนับสนุนภาคสนามร่วมกันในการดำเนินการโครงการนี้ในประเทศเวียดนาม เพื่อให้สามารถออกบัตรประจำตัวสมาร์ทการ์ดได้ 50 ล้านใบแก่พลเมืองโดยเริ่มมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ต้นปีนี้

ระบบการออกบัตรและโซลูชั่นซอฟต์แวร์ของ Entrust ร่วมกับ MK Group ประเทศเวียดนามซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการงานภาคสนามและดูแลการออกบัตรในภูมิภาคต่างๆ ในประเทศ จะช่วยให้ประชาชนเวียดนามชุดแรกกว่า 50 ล้านคนมีบัตรประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ภายใต้การควบคุมดูแลข้อมูลส่วนบุคคลขั้นสูง บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดใหม่นี้จะแทนที่และรวมบัตรประจำตัวประชาชนสามแบบหลังที่ทำการออกให้ประชาชน อันได้แก่ บัตรประชาชนแบบเลขประจำตัว 9 หลัก แบบเลขประจำตัว 12 หลัก และแบบบาร์โค้ด ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ. 2542, 2555 และ 2559 ตามลำดับ ด้วยบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดใหม่นี้จะทำให้กระบวนการต่างๆ ในการตรวจสอบตัวตนของพลเมืองเวียดนามมีความปลอดภัยและเป็นมาตรฐานมากขึ้น

MK Smart ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ MK Group ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการของชิปบนสมาร์ทการ์ดและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ตามมาตรฐาน ICAO และข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของประเทศเวียดนาม บัตรประจำตัวที่ฝังชิปนี้จะเก็บข้อมูล e-ID ตามมาตรฐาน ICAO โดยมีความสามารถในการลงลายมือชื่อแบบไบโอเมตริกซ์และดิจิทัล เพื่อใช้เข้าสู่ระบบเวปพอร์ทัลภาครัฐและเอกชนหลายหลายพันรายที่ให้บริการแก่ประชาชนในปัจจุบัน รวมถึงประชาชนยังสามารถใช้บัตรสมาร์ทการ์ดนี้เพื่อรับรองตัวตนกับหน่วยงานราชการและธนาคารได้

Entrust ได้ทำการส่งมอบระบบการออกบัตรที่มีคุณภาพสูงพร้อมทั้งให้บริการคำปรึกษาในด้านต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญได้อย่างครบถ้วน และโครงการสามารถเริ่มดำเนินการออกบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด 50 ล้านใบแรกได้เรียบร้อยแล้ว
#2866


เทศกาล "สารทจีน" เป็นประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยตามปฏิทินทางจันทรคติจะตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเดือนปล่อยผี เป็นวันที่ประตูนรกเปิดให้ดวงวิญญาณออกมารับส่วนบุญส่วนกุศล ดังนั้น วันสารทจีนจึงเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะได้ทำบุญครั้งใหญ่ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564

โดยปกติแล้ว "พิธีเซ่นไหว้" ของคนไทยเชื้อสายจีน เป็นการตั้งโต๊ะไหว้ช่วงเช้าและบ่าย โดยจะไหว้ครบหมดทั้งเจ้าที่ ตี่จู้เอี๊ยะ ต่อด้วยบรรพบุรุษที่ล่วงลับ และจบที่ทำบุญให้แก่สัมภเวสี ผีไม่มีญาติต่างๆ

แต่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 การรวมกลุ่มญาติมิตรจัดเต็มเครื่องไหว้ชุดใหญ่ร่วมกัน คงต้องเลี่ยงๆ กันไปก่อน ไหนจะปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้รายได้ฝืดเคือง เงินในกระเป๋าลดน้อยลงไปอีก อาจทำให้หลายคนกังวลว่าจะเซ่นไหว้บรรพบุรุษยังไงถึงจะเหมาะสม 

ซินแสนัตโตะ หมอดูเที่ยงคืน จึงได้มีคำแนะนำในการไหว้สารทจีนในยุคโควิด ที่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มเติมอีก แต่รับรองได้ว่าจะได้รับความเฮงไม่น้อยไปกว่าปีก่อนๆ แน่นอน โดยให้ปฏิบัติ ดังนี้

1. ควรแต่งกายอย่างไร?

ซินแสนัตโตะ แนะนำว่าการเตรียมตัวก่อนเซ่นไหว้นั้น อันดับแรกที่ทั้ง 12 นักษัตรต้องทำ คือ ใส่เสื้อสีแดง เพื่อเป็นมงคลในวันสารทจีน

2. วิธีเซ่นไหว้ "สารทจีน" ให้เฮงเฮงเฮง

ส่วนพิธีไหว้แบบง่ายๆ แต่ได้ผลดี มีดังนี้

จุดที่ 1 ไหว้เจ้าที่ ตี่จู้เอี๊ยะ : ใช้ส้ม 5 ผล + น้ำชา 5 ถ้วย + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 2 ชิ้น จุดนี้ใช้ธูป 5 ดอก

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ หงึ่งเตี๋ย 5 ชุด + คอซี กระทงทอง 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่)

จุดที่ 2 ตั้งโต๊ะจัดของไหว้บรรพบุรุษ : ใช้ข้าวสวย 1 ชาม (เคล็ดลับความเฮง คือ ตักข้าวให้พูนสูงๆ) + น้ำแกง/แกงจืด 1 ชาม + น้ำชา 1 ถ้วย + ส้ม 4 ผล + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 1 หรือ 3 ชิ้น (ต้องเป็นจำนวนเลขคี่เท่านั้น เพื่อความเฮง) ใช้ธูป 3 ดอก

เคล็ดลับ : ข้าวและกับข้าวต่อบรรพบุรุษ 1 คน และสามารถเปิดหนัง ละคร ซีรีส์ งิ้ว เพลงที่ท่านชอบระหว่างไหว้ได้ด้วย

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ อ่วงแซจี๊ ใบเบิกทาง เวลาเผาเป็นอันดับแรก2 ชุด + กิมจั้วกระดาษเงินกระดาษทอง 1 ชุด + ตั่วกิม กระดาษทองขอบส้ม เงินจีนโบราณ 1 ชุด + ธนบัตรกงเต๊ก 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่)

จุดที่ 3 โอนเงินออนไลน์ร่วมทำบุญ : เช่น ทำบุญโลงศพพร้อมผ้าดิบ หรือร่วมทำบุญในพิธีทิ้งกระจาด ตามวัดจีน ศาลเจ้า แล้วใช้น้ำขวดลิตร กรวดน้ำอุทิศให้ได้ จบพิธี แบบง่ายสุด โดยไม่ต้องจัดไหว้ (ให้ทำบุญตามกำลัง)

จุดที่ 4 เซ่นไหว้ผีไม่มีญาติ : ให้ตั้งโต๊ะไหว้ที่นอกบ้าน (ตำแหน่งหน้าบ้าน) โดยปูเสื่อ หรือใช้โต๊ะเตี้ยในการไหว้ผีไม่มีญาติ (ฮ่อเฮียตี๋) ส่วน "ของไหว้" ได้แก่ ข้าวสวย 1 ชาม (ตักข้าวให้พูนสูงๆ) + กับข้าว 1 อย่าง + ขนมหวาน 1 อย่าง + ส้ม 1 ผล + น้ำเปล่า/น้ำชา 1 ถ้วย  + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 1 หรือ 3 ชิ้นเป็นจำนวนเลขคี่

เคล็ดลับ : สามารถจัดของไหว้มากกว่านี้ได้ตามสะดวก จุดนี้ให้ใช้ธูปอย่างละ 1 ดอก ปักลงบนกับข้าว โดยมีความเชื่อที่ว่า เหล่าสัมภเวสีอิ่มแล้วก็จะไม่มากวน มาให้โชคลาภ ในแนวทางที่ว่าคนดีผีคุ้มนั่นเอง

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ อ่วงแซจี๊ ใบเบิกทาง เวลาเผาอันดับแรก 1 ชุด + กิมจั้วกระดาษเงินกระดาษทอง 1 ชุด + ธนบัตรกงเต๊ก 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่ จุดนี้ต้องเผากระดาษแยก ห้ามปน)

3. สิ่งสำคัญห้ามขาดในชุด "ของไหว้"

ไฮไลท์สำคัญของการไหว้สารทจีนแบบง่ายๆ แต่ได้ผลดี  ต้องห้ามขาด 2 สิ่งนี้เด็ดขาด คือ

ส้มสีทอง หมายถึง ความโชคดี มีเงินทอง เป็นสิริมงคล เปลี่ยนเรื่องร้ายกลายเป็นดี ถ้าดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งๆ ขึ้นไป
ขนมเทียน ขนมเข่ง หมายถึง การมีชีวิตที่ดี มีความราบรื่น ชีวิตมีแต่ความหวานชื่น มีความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิต
4. คำนวณค่าใช้จ่าย "สารทจีน" ปีนี้ต้องประหยัด!

ค่าใช้จ่ายในการไหว้สารทจีนคร่าวๆ (ไม่รวมกระดาษไหว้) แบบที่ซินแสนัตโตะแนะนำ ก็อยู่ที่ราวๆ หลักร้อยเท่านั้น โดยแบ่งเป็น ข้าว น้ำแกง ประมาณ 100 บาท, ส้ม 10 ผล ประมาณ 150 บาท, ใบชา 30 บาท/กล่อง, ขนมเทียน ราคา 8 บาท/ชิ้น และขนมเข่ง ราคา 15 บาท/ชิ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของไหว้ที่ใช้

5. วิธีไหว้สารทจีนแบบจัดเต็ม เหล้าห้ามขาด!

ส่วนใครที่สามารถจัดชุดของไหว้แบบจัดเต็ม ซาแซ โหงวแซ ตามธรรมเนียมปกติได้นั้น เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ให้ทำต่อไป แต่อย่าลืมเตรียมเหล้าขาวหรือเหล้าจีน ไว้ไหว้ด้วยจะให้ผลที่ดีมาก เพราะหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์สูงสุด โดยไหว้เป็นจำนวนเลขคี่ จะ 3, 5, 7 หรือ 9  ถ้วยก็ได้

ดั่งตำราจีนโบราณว่าไว้ว่า " อันว่าเหล้า คือ ของดีที่ฟ้าประทาน พระราชาใช้บำรุงเลี้ยงแผ่นดิน เซ่นไหว้ขอโชคลาภ ฟื้นฟูความเสื่อมโทรม รักษาโรคภัย พิธีการทั้งหลายขาดเหล้าไม่ได้ "

สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนแล้ว วันสารทจีนมีความสำคัญพอๆ กับวันตรุษจีน เพราะเป็นเทศกาลที่ทำให้เราไม่ลืมตัวตนและรากเหง้า ได้แสดงความเคารพ ความกตัญญูกตเวที ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต่อทั้งคนเป็นและคนตาย แต่อีกสิ่งที่สำคัญ นั่นคือ ต้องมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่ยังมีชีวิตด้วย
#2867
 ขายทีดินบ้านแพ้วติดแม่น้ำ  ขายที่ดินติดแม่น้ำท่าจีนบ้านแพ้ว สมุทรสาคร ที่สวยขายถูก ถมแล้ว 9 ไร่ 21 ตร.

 ขายทีดินติดแม่น้ำบ้านแพ้ว   ขายที่ดินติดแม่น้ำท่าจีนบ้านแพ้ว ขายที่ดินบ้านแพ้วติดแม่น้ำท่าจีน บ้านแพ้ว สมุทรสาคร ถมแล้ว 9 ไร่ 21 ตรว ขายถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง เหมาะทำร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่ดินจัดสรร แบ่งขาย ใกล้แหล่งท่องเที่ยว สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ที่ดินทำเลทองขายถูก เพียง ตรว. 9,500 บ 

ขายที่ดินติดแม่น้ำท่าจีน บ้านแพ้ว สมุทรสาคร
ขายที่ดินติดแม่น้ำท่าจีน ขายที่ดินบ้านแพ้วติดแม่น้ำท่าจีน ด้านหน้าติถนน ใกล้ร้านอาหาร ท่าน้ำบางลำภู Cafe and restaurant ด้านข้างติดคลอง ทีดินติดแม่น้ำยาว 100 เมตร มีทีงอกประมาณ2ไร่ ใกล้กรุงเทพ ที่ดินห่างจากอนุสารีย์ประชาธิปไตย เพียง 30 กม 

เหมาะทำร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท ที่ จัดสรร ขายท| ใกล้แหล่งท่องเที่ยว สมุทรสาคร สมุทรสงคราม
ทำเลที่ตั้ง ที่ดินติดแม่น้ำท่าจีน ที่ดิน ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว สมุทรสาคร

สนใจ ขายที่ดินบ้านแพ้วติดแม่น้ำท่าจีน ติดต่อ
เจ้าของขายเอง ขายถูกกว่าใกล้เคียง ขายเพียง ไร่ละ 3.8 ล้าน ติดต่อ คุณป้อม 089-8931375, 081 8121814
รายละเอียดเพิ่มเติม

https://asungha987.com/?p=3165

คำค้น
ขายถูกที่ดินติดแม่น้ำท่าจีน , ขายที่ดินบ้านแพ้วสมุทรสาครติดแม่น้ำท่าจีน,  ที่สวยขายถูกที่ติดแม่น้ำท่าจีน, ขายที่ดินสมุทรสาครติดแม่น้ำท่าจีน
#2868
อีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่มองข้ามไม่ได้เลยคือการเลือกใช้งาน หลอดไฟ ให้เหมาะสมกับบ้านพักอาศัยของท่าน หลอดไฟ ในท้องตลอดมีมากมายหลากหลายรูปแบบ การนำมาใช้งานนั้นนอกจากจะต้องคำนึงถึงความสะดวกสบาย ความง่ายต่อการติดตั้ง และความคุ้มค่าสมราคาแล้ว ยังต้องเน้นไปที่การประหยัดไฟเป็นหลัก แม้บางประเภทจะมีราคาที่ถูกมาก แต่หากนำมาใช้ในปริมาณที่เยอะอัตราค่าไฟก็อาจจะไม่คุ้มค่ากับการใช้งานในระยะยาวก็ได้ ดังนั้นเรามาดูชนิดของฟลอดไฟประเภทต่าง ๆ ดังนี้

หลอดไส้

เรียกได้ว่าเป็นหลอดพื้นฐานที่นิยมใช้สำหรับการติดตั้งภายในบ้าน โดยระบบการทำงานของหลอดประเภทนี้จะใช้ขดลวดที่อยู่ภายในซึ่งทำมาจากทังสเตน เมื่อมีการเปิดใช้งานนั้นกระแสไฟฟ้าจะทำให้ขดลวดดังกล่าวเกิดความร้อน จึงทำให้ตัวหลอดมีความสว่างขึ้น โดยยิ่งเกิดความร้อนมากเท่าไหร่ก็จะสว่างมากขึ้นเท่านั้น แต่เป็นหลอดที่สิ้นเปลืองพลังงานแม้จะมีราคาถูก สำหรับคนที่มีงบประมาณมักจะเปลี่ยนไปใช้หลอดรูปแบบอื่นแทน เช่น หลอด LED ที่มีการกินไฟน้อยกว่า

หลอดฟลูออเรสเซนต์

หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งที่น่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีคือ "หลอดนีออน" หลอดประเภทนี้อาศัยแก็สบรรจะอยู่ภายในตัวแก้ว และมีขั้วหลอดทำงานอยู่สองฝั่ง เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลจากขั้นหลอดด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่ง ทำให้อิเล็กตรอนมีการเคลื่อนที่และเมื่อไปชนกับอะตอมปรอทก็จะทำให้เกิดรังสีอัลตราไวโอเล็ตเกิดเป็นแสงสว่างขึ้นมาโดยอาศัยการทำงานร่วมกับบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ เพื่อให้สามารถปล่อยแสงในช่วงที่ตามองเห็นออกมาได้

หลอดไฟ LED

หรือเรียกย่อ ๆ ว่าหลอด LED (Light Emitting Diodes) เป็นหลอดนวัตกรรมใหม่ที่เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากมีความประหยัดไฟในระยะยาวและมาอายุการใช้งานที่ยาวนานมาแทนทีjแบบเก่า ๆ และมีแนวโน้มว่าจะมีราคาที่ถูกลงในอนาคตอีกด้วยหลักการทำงานของหลอดชนิดนี้ จะอาศัยการปล่อยกระแสไฟฟ้าไปที่ชิป และให้แสงสว่างจากอิเล็กตรอนโดยไม่มีการทำให้เกิดความร้อน ด้วยรูปทรงที่มีขนาดเล็กทำให้มีการลดข้อจำกัดในเรื่องของการหาพื้นที่ที่สามารถติดตั้งได้อย่างเหมาะสม แม้พื้นที่แคบ ๆ ก็สามารถนำหลอดแอลอีดีไปใช้งานได้จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า หลอดไฟ แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับอุปกรณ์หรือพื้นที่ในบริเวณบ้านรวมถึงความคุ้มค่าและการประหยัดไฟก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นควรต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในระยะยาวก่อนทำการตัดสินใจซื้อมาติดตั้งภายในบ้านทุกครั้ง
#2869


หนึ่งในโครงการสำคัญในเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) คือโครงการพัฒนา "สนามบินอู่ตะเภา" และ"เมืองการบินภาคตะวันออก" ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองการบินรวมทั้งเริ่มต้นลงทุนระบบเติมน้ำมันอากาศยาน

การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มีการวางแผนแม่บทฉบับสมบูรณ์แล้ว และหลังจากนี้จะเป็นการพัฒนาในแต่ละส่วน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานรองรับ โดยความคืบหน้า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่มีการรายงานต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 พบว่า

บริษัทอู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ซึ่งรับหน้าที่พัฒนาสนามบิน ได้จัดทำแผนแม่บทสนามบินฉบับสมบูรณ์เสร็จแล้ว และมีการจ้างผู้ออกแบบระดับโลก

กองทัพเรือ (ทร.) ที่รับหน้าที่พัฒนาสนามบินได้ออกแบบทางวิ่ง 2 เสร็จแล้ว และมีการปรับถมดินทางขับระยะที่ 1 คืบหน้า 80.53%

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ "อีสท์วอเตอร์" รับผิดชอบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้เตรียมก่อสร้างระบบประปาและบำบัดน้ำเสีย

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) รับผิดชอบวางแผนแม่บทการพัฒนาภายในสนามบินได้จัดทำแผนแม่บทศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) แผนแม่บทศูนย์บริการอุปกรณ์ภาคพื้น และแผนแม่บทศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรทักษะชั้นสูงด้านอุตสาหกรรมการบิน

บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่เคยมีแผนพัฒนา MRO ได้กันพื้นที่ให้การบินไทย 103 ไร่ หากต้องการลงทุนในอนาคต

ในขณะที่การวางระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ซึ่งผู้ได้รับคัดเลือก คือ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) ซึ่งร่วมทุนระหว่าง บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ "BAFS" ถือหุ้น 55% และ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ "OR" ถือหุ้น 45% ภายใต้ทุนจะทะเบียน 600 ล้านบาท

สกพอ.ได้ลงนามการเช่าพื้นที่ราชพัสดุเพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศยานกับบริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2564 โดยเป็นการเช่าพื้นที่บริเวณสนามบินอู่ตะเภา 17 ไร่ สัญญาเช่า 14 ปี

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานพิธีลงนามครั้งนี้ โดยระบุว่า โครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คืบหน้าเป็นลำดับแต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้โครงการที่เกี่ยวข้องกับการบิน 3 โครงการ สะดุดบ้าง แต่มั่นใจว่าเมื่อควบคุมการแพร่ระบาดได้ และมีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นจะทำให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการบินในสนามบินอู่ตะเภาคืบหน้า โดยการลงทุนระบบการเติมเชื้อเพลิงอากาศยานที่เป็นการเตรียมความพร้อมสำคัญที่จะเดินหน้าโครงการต่างๆ ในอีอีซี โดยเฉพาะการขนส่งทางอากาศทั้งการขนส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานภายในสนามบินเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญของสนามบิน

คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ.กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดย สกพอ.ร่วมกับกองทัพเรือคัดเลือกเอกชนพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ซึ่ง GAA มีประสบการณ์มานานและเชี่ยวชาญ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่จากภาคเอกชน อีกทั้งลดภาระงบประมาณและบุคลากรภาครัฐ และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้ทำธุรกิจมากขึ้น


หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ประธานกรรมการ GAA กล่าวว่า การเช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุน โดยโครงการมีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรก 2,237 ล้านบาท ซึ่ง GAA จะเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ส่งเสริมศักยภาพสนามบินอู่ตะเภาที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรองรับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของสนามบินอู่ตะเภา ในปี 2568 และการเติบโตของอีอีซีตามนโยบายการพัฒนาประเทศ

รวมทั้ง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคม ด้วยความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจด้านการบริหารจัดการและการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานและธุรกิจด้านพลังงาน มามากกว่า 30 ปี โดย BAFS และ OR จะสนับสนุนให้ GAA มีศักยภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การบริหารจัดการและการให้บริการณสนามบินอู่ตะเภามีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการค้าน้ำมันเสรีแบบ Open Access ดูแลระบบท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอด

ประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS กล่าวว่า "BAFS" เป็นผู้นำในด้านการให้บริการระบบเติมน้ำมันอากาศยานแบบครบวงจรของประเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทน้ำมันและสายการบินจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมการบินของประเทศ โดยการจัดตั้ง GAA จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และเป็นก้าวสำคัญในการรองรับการเติบโตของโครงการในอีอีซีและประเทศไทยต่อไปในอนาคต

จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า OR ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Flagship ของกลุ่ม ปตท. และเป็นผู้นำด้านพลังงาน OR ให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานภายในสนามบินอู่ตะเภา สอดคล้องเป้าหมายยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานานชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3
#2870


มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม ม.40 ม.39 ลูกจ้าง-นายจ้าง ม.33 มีรายละเอียดความคืบหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ เสนออนุมัติวงเงิน 33,471 ล้านบาท เนื่องจากการประกาศเพิ่มจำนวนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จาก 13 จังหวัด ก่อนจะเพิ่มอีก 16 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด

โดยกรอบการเยียวยาที่จะนำไปจ่ายให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ซึ่งเป็นแรงงานอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ สัญชาติไทย รายละ 5,000 บาท โดยโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน โดยใน 29 จังหวัด แบ่งออกเป็นผู้ประกันตน ม.39 จำนวน 1.4 ล้านคน และม.40 จำนวน 5.25 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 6,694,200 คน

ขณะที่ กลุ่มผู้ประกันตน ม.39 และม.40 ใน 13 จังหวัด จะได้รับเงินเยียวยารวม 2 เดือน โดย ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานไปทำรายละเอียดที่จะได้อีก 1 เดือน เสนอต่อการประชุมครม. ครั้งต่อไป

โดยตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคมที่จะจ่ายให้แต่ละกลุ่มจะมีรายละเอียด และเงื่อนไขการจ่ายเงินแตกต่างกัน ดังนี้

ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 16 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ตาก มีอยู่ราว 3-4 แสนราย

ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 13 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา (บางส่วนที่ชำระเงินสมทบก่อนวันที่ 3 ส.ค.64 ) จำนวน 4.2 ล้านราย

ผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 ใน 16 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ตาก

ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์เงินเยียวยาประกันสังคม 

1.เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th หรือ คลิกที่นี่ 

2.เลือกตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนตามกลุ่มของตน คือ 

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่ 

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยานายจ้าง สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

- ตรวจสอบสถานะสิทธิ์โครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

3.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด

4.จากนั้นกดค้นหา

5.ระบบจะแสดงผลการค้นหา พร้อมระบุจะอัปเดตข้อมูลล่าสุด ตามวันเวลาที่กำหนดอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

'ประกันสังคม' ม.33 ม.39 ม.40 เช็คที่นี่วิธีผูกพร้อมเพย์รอเงินเยียวยาเข้า 5 พัน
เช็คเงิน 'เยียวยาประกันสังคม' ม.33 โอนเงิน 2,500 บาท พื้นที่สีแดงเข้ม 16 จังหวัด

ส่วนสาเหตุ ที่ตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม เข้าไปตรวจสอบในระบบ แต่กลับพบว่า ไม่ได้รับสิทธิ อาจจะมีสาเหตุ มาจาก ชื่อหรือนามสกุล ในระบบผู้ประกันตนมีตัวสะกดไม่ตรงกับบัตรประชาชน เพราะผู้ประกันตนอาจมีการเปลี่ยนชื่อภายหลัง หรือตอนสมัครมีการสะกดผิด สามารถเข้าระบบสมาชิกผู้ประกันตนได้ ที่นี่

ขณะเดียวกัน ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย แจ้งผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 โอน เงินเยียวยา ผ่านพร้อมเพย์ด้วยบัตรประชาชน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งหมด 29 จังหวัด เริ่ม 23 ส.ค. 64

สมัครพร้อมเพย์ผ่านแอปฯ KrungthaiNEXT หรือตู้ ATM/ATM+

วิธีการสมัคร

1. เลือกเมนู พร้อมเพย์
2. เลือกหมายเลข ที่ต้องการสมัคร พร้อมเพย์ รับเงินจากภาครัฐต้องผูกกับ หมายเลขบัตรประชาชนเท่านั้น
3. อ่านข้อกำหนดและ เงื่อนไข พร้อมทำ เครื่องหมายและ กด ยอมรับ
4. เลือกบัญชีที่ต้องการ ผูกกับหมายเลข พร้อมเพย์
5. ตรวจสอบ และ ยืนยันข้อมูล
6. สมัครสำเร็จ

โดยรายละเอียดการตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม สามารถแยกรายละเอียดได้ดังนี้ 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 2,500 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 20 ส.ค.64 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 23 ส.ค.64 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 24 -26 ส.ค.64 โอนละวันละ 1.5 ล้านราย

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 27 ส.ค.64
#2871


นายธนา ต่อสหะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด (MDPC) กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 64 เป็นต้นมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 และระลอก 3 ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อเช่า ทยอยได้รับความนิยมมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดคอนโดเพื่อเช่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/64 มีผู้สนใจเข้ามาสอบถามห้องชุดให้เช่าเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 ขณะที่ในไตรมาส 2/64 จำนวนผู้ที่สนใจเข้ามาสอบถามห้องชุดให้เช่าเพิ่มขึ้นสูงถึง 42% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63

จากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความสนใจเช่าห้องชุดมากขึ้น รวมถึงปรับเปลี่ยนทำเลและพฤติกรรมในการพักอาศัย เช่น เดิมผู้เช่าสนใจห้อง 1 ห้องนอน ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. ที่เน้นพื้นที่ภายในห้องนอนมากกว่าพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันผู้เช่ามองหาห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43-60 ตร.ม. ที่เน้นประโยชน์จากการใช้ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้อย่างคุ้มค่า พื้นที่ห้องอเนกประสงค์สามารถปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่ทำงานแบบ Work From Home หรือปรับเป็นพื้นที่ในการออกกำลังกายได้ รวมทั้งต้องการพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ เพื่อปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับห้องพัก

นายธนา กล่าวว่า แม้พฤติกรรมการหาห้องชุดเพื่อเช่าจะเปลี่ยนไป แต่ผู้เช่ายังให้ความสำคัญกับเรื่องของ ทำเล โดยยังคงมองหาห้องชุดในทำเลกลางใจเมือง มีระบบการเดินทางที่สะดวกสบาย และใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ช้อปปิ้งมอลล์ สำหรับทำเลที่ผู้เช่าให้ความสนใจและมีอัตราการเช่าเติบโตอย่างต่อเนื่องคือ ทำสุขุมวิทตอนกลางถึงตอนปลาย ลาดพร้าว-พหลโยธิน

โดยทำเลย่านสุขุมวิทตอนกลาง เริ่มตั้งแต่แยกอโศกไปถึงสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง พบว่า มีความหลากหลายของการใช้ชีวิตมากที่สุด โดยเฉพาะ "ทองหล่อ-เอกมัย" เพราะเป็นทำเลที่มีปัจจัยหนุนเอื้อต่อการเติบโตในอนาคตอ อาทิ เป็นทำเลยอดนิยมในการพักอาศัยชาวต่างชาติ เพราะมีระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อครอบคลุมช่วยเสริมศักยภาพพื้นที่ ส่งผลให้ปัจจุบันอัตราการเช่าในพื้นที่ดังกล่าวสูงถึง 40 % โดยส่วนใหญ่เป็นผู้เช่าชาวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% และมีอัตราค่าเช่าห้องชุดขนาดประมาณ 40-60 ตร.ม. เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนเข้ามาลงทุนเพื่อปล่อยเช่าจำนวนมาก โดยมีอัตรา Rental Yield เฉลี่ย อยู่ที่ 4-6% ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ในทำเลสุขุมวิท

ส่วนทำเลสุขุมวิทตอนปลาย ที่เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าพระโขนงไปจนถึงสถานีแบริ่งนั้นเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนวัยทำงาน หรือ First Jobber อย่างมาก โดยมีสัดส่วนการเช่าสูงถึง 50% จากกลุ่มผู้เช่าทั้งหมด เนื่องจากราคาปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมยังไม่สูงมาก ห้องชุดขนาดประมาณ 40-60 ตร.ม. จะมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ. 24,000 บาทต่อเดือน

สำหรับทำเลย่านลาดพร้าว – พหลโยธิน ถือเป็นอีหนึ่งทำเลที่มีอัตราการเติบโตของตลาดเช่าค่อนข้างดี เนื่องจากการขยายตัวของรถไฟฟ้าสายใหม่อย่างสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) ส่งผลให้มีประชากรในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งพื้นที่อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ สถานศึกษา ก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญที่จะทำให้ตลาดเช่ามีอัตราการเติบโตในอนาคต โดยปัจจุบันราคาค่าเช่าเฉลี่ยในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 18,000 บาทต่อเดือน โดยกลุ่มผู้เช่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยทำงาน นักศึกษา สำหรับอัตราผลตอบแทนในการลงทุนปล่อยเช่า เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5%
#2872


โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวนด์หลังคลายกังวลเฟดปรับลด QE ตัวเลขผู้ติดเชื้อไทยลดลง โดยวันนี้มองว่าหุ้นกลุ่ม Domestic ได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก มีโอกาสฟื้นตัวได้รับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณบวก

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้รีบาวนด์ฟื้นตัวขึ้นมาได้ หลังจากความกังวลการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มคลี่คลาย ซึ่งตลาดสหรัฐฯ และยุโรปได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้ว และให้จับตาการประชุมประจำปีของเฟดในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ว่าเฟดจะปรับลด QE หรือไม่

นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศวันนี้ต่ำกว่า 2 หมื่นรายในรอบ 10 วัน จากวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่มีตัวเลขสูงสุดที่ 23,418 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบวก จะเป็นการสะท้อนมาตรการ lock down เห็นผล และเมื่อถึง 31 ส.ค.นี้รัฐบาลจะประเมินว่าจะผ่อนคลายได้หรือไม่

วันนี้มองว่าหุ้นกลุ่ม Domestic ได้แก่ กลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก มีโอกาสฟื้นตัวได้รับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีสัญญาณบวก

ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลดมา 6 วัน เข้าใกล้เขตรีบาวนด์ ทำให้อาจไม่กดดันกลุ่มพลังงานมาก

"ตลาดวันนี้เห็นการรีบาวนด์ และไม่หลุด 1,540 จุด และนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อวานนี้กว่า 500 ล้านบาท ตลาดน่าจะขึ้นทดสอบ 1,550 จุด"

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,540, 1,533 จุด แนวต้านที่ 1,550, 1,554 จุด
#2873


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในภูมิภาคยังสร้างความวิตกกังวลให้นักลงทุน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,442.51 จุด ลดลง 23.04 จุด หรือ -0.66%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,238.45 จุด ลดลง 42.72 จุด หรือ -0.16% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,241.32 จุด ลดลง 75.01 จุด หรือ -0.30%

ภาวะการซื้อขายในภูมิภาคยังคงถูกกดดันจากปัจจัยลบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยเมื่อวานนี้ ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เมืองหลวงของรัฐบางแห่งยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในประเทศ

รายงานระบุว่า ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 754 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดมีจำนวนมากกว่า 41,000 ราย

ขณะที่เขตเมืองหลวงของออสเตรเลีย (ACT) ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ได้ขยายมาตรการดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 2 ก.ย. และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 16 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่ในกรุงแคนเบอร์ราขณะนี้อยู่ที่ 83 ราย มาตรการดังกล่าวส่งผลให้กรุงแคนเบอร์ราเป็นเมืองใหญ่อีกแห่งของออสเตรเลียที่บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เช่นเดียวกับซิดนีย์ และเมลเบิร์น

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาควันนี้ นักลงทุนยังจับตาธนาคารกลางจีน (PBOC) เตรียมประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี และประเภท 5 ปีในเช้าวันนี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี ไว้ที่ระดับ 3.85% และตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ไว้ที่ระดับ 4.65%

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) ของเกาหลีใต้และอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน ก.ค.ในวันนี้ด้วย
#2874


ท่ามกลางกรณีพิพาทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของอาเซียนทำให้กลายเป็นสนามรบหลักสำหรับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมดิจิทัลของทั้งสองประเทศมหาอำนาจโลก

สำหรับตลาดอาเซียน อเมซอน ดอท คอม ไมโครซอฟต์ กูเกิล อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง และบรรดาผู้เล่นรายอื่นๆทุ่มลงทุนอย่างหนักในคลาวด์ คอมพิวติง ซึ่งเป็นบริการที่ครอบคลุมถึงการให้ใช้กำลังประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆจากผู้ให้บริการซึ่งมีทั้งบริษัททุกขนาดและหน่วยงานรัฐ เพื่อลดความยุ่งยากในการติดตั้ง ดูแลระบบ ช่วยประหยัดเวลา และลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย

อาคารสูง 11 ชั้นบนพื้นที่ 170,000 ตารางเมตรในตุนจุง คลิง ห่างจากใจกลางเมืองของสิงคโปร์เพียงช่วงเวลาขับรถ20นาที มองเผินๆเหมือนเป็นศูนย์กลางโลจิสติกขนาดใหญ่ หรือคลังสินค้าแต่ทีมงานรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด รวมทั้งกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งรอบบริเวณตึกบ่งชี้ว่านี่ไม่ใช่แค่ที่เก็บสินค้าธรรมดา อีกทั้งเมื่อผู้สื่อข่าวคนหนึ่งหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะถ่ายภาพอาคารแห่งนี้ไว้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาห้ามและเตือนว่า"นี่เป็นที่ส่วนบุคคลไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป"

ทันทีที่เสร็จสมบูรณ์ ที่"ส่วนบุคคล"แห่งนี้จะเต็มไปไปด้วยเซอร์เวอร์เรียงรายเป็นแถวๆที่รองรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายร้อยล้านราย และถือเป็นศูนย์ข้อมูลสำหรับลูกค้าแห่งแรกของเฟซบุ๊คในเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทประกาศว่าจะลงทุน 1,400 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์(1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)ในโครงการนี้

นี่เป็นหนึ่งในศูนย์ข้อมูลอีกหลายแห่งที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีโลกกำลังสร้างขึ้นในสิงคโปร์ เนื่องจากประเทศนี้มีระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพและมีแรงงานที่มีทักษะความชำนาญด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก ประกอบกับภูมิภาคนี้มีการต่อเชื่อมกับเคเบิ้ลสื่อสารใต้ทะเลที่เชื่อมโยงกับส่วนที่เหลือของโลก


สิงคโปร์จึงกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ๆในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องการเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจให้บริการคลาวด์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ข้อมูลของคุชแมน และเวคฟิลด์ บริษัทให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่าตอนนี้ศูนย์ข้อมูลของสิงคโปร์มีศักยภาพ 410 เมกะวัตส์และจะมีความสามารถเพิ่มอีก 170 เมกะวัตส์ในอนาคตอันใกล้ ทำให้สิงคโปร์เป็น"ฮับ"ข้อมูลระดับโลก ที่เทียบเคียงได้กับนครแฟรงเฟิร์ต ในประเทศเยอรมนี และนครชิคาโก ของสหรัฐ

แต่ความโดดเด่นของสิงคโปร์ไม่ได้เป็นที่ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันเท่านั้น แต่เป็นที่หมายปองในฐานะเป็นฐานที่มั่นทางยุทธศาสตร์สำหรับบริษัทเทคโนโลยีจีนด้วย ทั้งอาลีบาบา และเทนเซนต์ที่ต่างก็แข่งกันแย่งลูกค้ากลุ่มเดียวกัน

ขณะที่อเมซอนเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์ โดยคานัลลิสต์ บริษัทวิจัยระบุว่า อเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (เอดับเบิลยูเอส)คุมส่วนแบ่งตลาดกว่า 30% ในธุรกิจคลาวด์ทั่วโลกในช่วงไตรมาส2ของปี 2564 และปัจจุบัน อเมซอนกำลังเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565

ศูนย์ข้อมูลในกรุงจาการ์ตาจะเป็นศูนย์ข้อมูลแห่งที่สองของเอดับเบิลยูเอสในตลาดอาเซียน ส่วนในสิงคโปร์ เอดับเบิลยูเอสเข้าไปตั้งศูนย์ข้อมูลตั้งแต่ปี 2553

"เอดับเบิลยูเอสมองเห็นศักยภาพการเติบโตอย่างมากและรวดเร็วในอาเซียน และในภาพรวม เรามองเห็นว่าทุกเซคเมนท์ ที่รวมถึง สตาร์อัพ กิจการต่างๆและธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง(เอสเอ็มอี)เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจคลาวด์"โคเนอร์ แมคนามารา กรรมการผู้อำนวยการเอดับเบิลยูเอส ประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าว

ส่วนไมโครซอฟต์ ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่สุดอันดับสอง ประกาศเมื่อต้นปีนี้ว่า ได้ตั้งศูนย์ข้อมูลในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งต่างก็เป็นตลาดคลาวด์ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

"ถ้าพิจารณาตลาดอาเซียนที่มีประชากร 650 ล้านคนถือว่ามีขนาดใหญ่กว่ายุโรปประมาณ 50% โดยยุโรปมีประชากร 446 ล้านคน "อาห์เหม็ด มาซาริ ประธานไมโครซอฟต์ เอเชีย กล่าวและว่า การเข้าถึงมือถือและการเข้าถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่ครั้งแรกของประชากรไม่เหมือนพื้นที่ใดๆในโลก และยังมีโอกาสที่ธุรกิจคลาวด์จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อาลีบาบา อันดับ4ในตลาดให้บริการคลาวด์โลก ตามหลังอเมซอน ไมโครซอฟต์และกูเกิล ในเดือนมิ.ย.บริษัทประกาศว่าลงทุนเป็นเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา3ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนบรรดานักพัฒนาและสนับสนุนสตาร์ทอัพในเอเชีย-แปซิฟิก

"เราเห็นความต้องการเทคโนโลยีคลาวด์เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ตั้งแต่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ แพลทฟอร์มโลจิสติก ไปจนถึงฟินเทคและบันเทิงทางออนไลน์"เจฟฟ์ จาง ประธานอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าว

หน่วยงานด้านคลาวด์ของบริษัทอาลีบาบาเปิดตัวศูนย์ข้อมูลแห่งที่3 ในอินโดนีเซียและมีแผนที่จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูลในฟิลิปปินส์ภายในปีนี้

คานัลลิสต์ ระบุว่า ธุรกิจบริการคลาวด์จะสร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทต่างๆ โดยในไตรมาส2ของปีนี้ มูลค่าของธุรกิจคลาวด์ทั่วโลกอยู่ที่ 47,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อนหน้านี้
#2875


นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี 2564 ออกมาแล้วจำนวน  501 บริษัท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)ที่96%มีกำไรสุทธิ 269,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 124,277 ล้านบาท โดยถือว่าออกมาดีกว่าที่คาด 

ทั้งนี้จากบริษัทขนาดใหญ่มีรายการพิเศษ เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)และ บริษัท พีทีที โกล. เคมิคอล จำกัด(มหาชน)หรือ  PTTGC  ซึ่ง2 บริษัทดังกล่าวมีกำไรพิเศษรวมกัน 25,351 ล้านบาท ประกอบกับฐานกำไรช่วงเดียวกันปีก่อนที่ต่ำ  และหากเทียบกับไตรมาส1ปีนี้ ที่กำไรสุทธิ258,030 ล้านบาท  จะเติบโต4% 


ดังนั้นทำให้ครึ่งปีแรก2564 บจ.มีกำไรสุทธิ  527,213 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 62.7% ของประมาณที่บล.เอเซียพลัส ที่คาดทั้งปีนี้บจ.กำไรสุทธิ 845,000 ล้านบาท  หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)ที่ 73.60 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาด 71.2 บาท เพื่อสะท้อนกับกำไรพิเศษของบจ.ในช่วงไตรมาส2ปีนี้ 

สำหรับแนวโน้มในช่วงไตรมาส3ปี 2564 คาดว่าผลการดำเนินงานของบจ.จะปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์  ทำให้คาดว่าผลดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวลดลงกว่าครึ่งปีแรกประมาณ 40%  ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนปรับประมาณการกำไรปีนี้ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่่ในส่วนของ ประมาณการของบล.อื่น อาจต้องปรับลดลง เพราะ Bloomberg Consensus  EPS ล่าสุดอยู่ที่ 85.43 บาทต่อหุ้นซึ่งถือว่าสูงมาก 

"กำไรไตรมาส2/64ออกมาดีกว่าที่คาด เพราะเดิมเราคาดว่าแต่ละไตรมาสบจ.จะมีกำไรไม่เกิน2.6 แสนล้านบาท แต่หากไม่มีรายการพิเศษเกิดขึ้นก็จะเป็นไปตามที่เราคาด  ส่วนแนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลังมีทิศทางปรับตัวลดลงจากครึ่งปีแรก  มีโอกาสลดลงไม่น้อยกว่า 40% หากผู้ติดเชื้อยืนเหนือระดับ 2 หมื่นรายต่อวัน ไปจนถึงช่วงปลายปีนี้"
#2876


เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ยังรุนแรงต่อเนื่องขึ้นทุกวัน "อ.นิ่ม เทวจิตศิษย์ปู่" ซึ่งเป็นหมอดูชื่อดังเว็บรวยruay  สื่อเจ้าที่จิตสัมผัส เป็นต้นฉบับการไหว้เจ้าที่กลางบ้าน ที่ได้รับความไว้วางใจเป็นที่ปรึกษาให้กับนักแสดงหลายๆท่านอาทิ "แม่ก้อย ทาริกา,ไก่ วรายุฑ,หน่อง หมอเจี๊ยบ ลลนา,จอย รินลณี,อาย กมลเนตร,แจ็คกี้ ชาเคอลีน,ใบเฟิร์น อัญชสา,ติ๊นา ศุภนาฎ ,นิวเคลียร์ หรรษา" ได้ให้คำแนะนำทำพิธีไหว้เจ้าที่กลางบ้านด้วยตนเอง ผ่อนร้ายกลายเป็นเบา เสริมพลังเจ้าที่ให้มีพลัง   ใครกำลังติดขัด การเงินมีปัญหา ต่อเติมบ้าน สร้างบ้านไม่เสร็จสักที ลองทำวิธีนี้ดู

"การไหว้เจ้าที่กลางบ้าน คือการไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าของที่เจ้าของทาง เจ้าของบ้านเจ้าของเรือน ไหว้เพื่อขอขมา ขอเปิดทางทำมาหากิน เปิดทางรับทรัพย์ สามารถไหว้เองได้แต่ต้องเป็นอังคารหรือเสาร์เที่ยงตรงเพราะเป็นวันรับ วันแข็ง  ปกติใน1ปีจะห้ามไหว้เองคือเดือนเมษายนและเดือนตุลาคม  เมษายนเป็นเดือนร้อน ส่วนเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่สัมภเวสีจะมาขอส่วนบุญ จึงให้งดไหว้เอง สำหรับปีนี้ที่แนะนำให้ไหว้เดือนสิงหาคม เพราะเชื่อกันว่าเป็นเดือนประตูนรกเปิด และในเดือนนี้ตรงกับวันสารทจีน ทำให้เดือนสิงที่ควรเป็นสิงห์ กลับเป็นเดือนที่อ่อนแอแทนจึงควรเพิ่มพลังให้เจ้าที่"

"ในส่วนของดวงเมืองคงต้องดูยาวๆไปถึงเมษายนปีหน้า โรคระบาดก็เฝ้าระวังแบบ100% จนถึงตุลาคม เพราะกันยายน-ตุลาคมดวงเมืองมีความระส่ำ อุทกภัยหนัก ปลายปี ทั้งน้ำทั้งไฟ แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกเป็นเพียงการคาดการณ์ต้องเฝ้าระวัง เพราะต้องดูแลตัวเองเท่านั้นถึงจะรอด แต่ถ้าด้านจิตใจก็ให้เน้นสวดบทมหาจักรพรรดิ์ เปิดทางทั้ง3โลก ปรับภพภูมิให้กับทุกสิ่ง"

สำหรับการไหว้เจ้าที่กลางบ้าน สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่
You Toub :นิ่มจูเมเตลู ค้นหา การไหว้เจ้าที่กลางบ้านฉบับเต็ม โดย อ.นิ่ม เทวจิตศิษย์ปู่
Face book: อ.นิ่ม เทวจิตศิษย์ปู่ ไหว้เจ้าที่กลางบ้าน

อ้างอิง https://th.wikipedia.org/wiki/บทสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
#2877


ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WORLD) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีรายได้รวม 1,213.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,199.30 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเกิน 100% แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,189.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,175.88 ล้านบาท เกิดจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในนิคมอุตสาหกรรม คิดเป็น 79% ของพื้นที่ในโซนอุตสาหกรรม หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของมูลค่าโครงการ

ขณะที่รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจำนวน 6.66 ล้านบาท มาจากบริษัทย่อยที่เริ่มมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในไตรมาส 2 เป็นงวดแรก โดยรับรู้ตามวิธี Cost-to-Cost Method ซึ่งเป็นวิธีประมาณการอัตราส่วนความสำเร็จของงานจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบันเทียบกับประมาณการต้นทุนค่าก่อสร้างทั้งสิ้น

"ทีมผู้บริหารมีความตั้งใจอย่างเต็มที่และทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยพยายามสร้างรายได้และกำไรของ WORLD ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งขณะนี้ผลงานเริ่มเป็นที่ประจักษ์โดยเริ่มจากผลประกอบการเทิร์นอะราวนด์ที่เด่นชัดในครั้งนี้"

โดยในงบไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิ 55.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 56 ล้านบาท ที่ขาดทุนสุทธิ 0.45 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 65.41 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4.74 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน 1,158.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,143.30 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเกิน 100% แบ่งเป็นต้นทุนขายจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,007.68 ล้านบาท โดยรับรู้ต้นทุนขายจากการปันส่วนตามพื้นที่ขาย ต้นทุนจากการก่อสร้างจำนวน 4.52 ล้านบาท รับรู้ตามต้นทุนจริงที่เกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 81.34 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่านายหน้าจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม และค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ต้นทุนทางการเงินจำนวน 0.07 ล้านบาท

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1.โครงการนิคมอุตสาหกรรมในรูปแบบของที่ดินเปล่า โกดังสินค้า โรงงาน อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์เพื่อจำหนาย และให้เช่า รวมถึงการให้ซื้อขายสาธารณูปโภค การให้บริการด้านสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรม 2.โครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของที่ดินเปล่า บ้าน วิลล่า คอนโดมิเนียม โรงแรมเพื่อจำหน่ายและให้เช่า รวมถึงการให้บริการในการบริหารนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโครงการเชิงอุตสาหกรรมและพาณิชย์แนวราบเพื่อจำหน่าย ประกอบไปด้วยโครงการนิคมอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ 3.ธุรกิจรับเหมากอสร้าง และ 4.ธุรกิจโรงพยาบาลและบริการด้านสุขภาพ จำหน่ายเครื่องมือแพทย์ (ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้)
#2878


นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า เพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก (Megatrends) ที่ส่งผลกระทบและสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และธุรกิจ IRPC  จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ขึ้น เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนองค์กร ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม

 วิสัยทัศน์ใหม่ของ IRPC ที่จะเริ่มใช้ในปี 2564 คือ การเป็นองค์กรที่ "สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life) ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ ของโลก อาทิ เทคโนโลยี การสื่อสาร การคมนาคม ความต้องการของลูกค้า ที่กำลังเข้าสู่การเป็นสังคมเมืองและสังคมผู้สูงอายุ ความห่วงใยสิ่งแวดล้อม รวมถึงสงครามการค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ IRPC ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วย


IRPC จะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้วัสดุหมุนเวียนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานทางการแพทย์ และสุขภาพ ที่สร้างประโยชน์เพื่อคนไทยโดยคนไทยเป็นรายแรกของประเทศ อาทิ การสร้างสรรค์นวัตกรรมเม็ดพลาสติก พีพี เกรด เมลต์โบลน (PP Melt blown: Polypropylene Melt blown) วัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) หรือแม้แต่กลุ่มนวัตกรรมทางการเกษตร ได้แก่ ซิงค์ออกไซด์นาโน (ZnO NANO) ที่พัฒนาต่อยอดมาจากซิงค์ออกไซด์ (ZnO) ทำให้มีขนาดเล็กระดับอนุภาคนาโน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ดียิ่งขึ้นเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม

สำหรับการสร้างสรรค์ด้านการใช้พลังงานนั้น IRPC จะขยายผลธุรกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแห่งอนาคต ทั้งพลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน เช่น วัสดุเคลือบแผงโซลาร์เซลล์ลดความร้อน และอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากขึ้น 

"เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ใหม่ การดำเนินธุรกิจและสิ่งที่ IRPC จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อม เราไม่เพียงแต่ขยายฐานจากการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตปิโตรเคมีและการกลั่นที่เราเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 40 ปี และมีความมั่นคงเท่านั้น แต่เราต้องต่อยอดองค์ความรู้ที่มีและเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสร้างนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนจากความสมดุลของทั้งชีวิตผู้คน และสิ่งแวดล้อม"

สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจหลังจากนี้ IRPC จะใช้องค์ความรู้ขององค์กร ที่ประกอบด้วยนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญของบุคลากร รวมถึงความพร้อมในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ว่องไว ทันต่อสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
#2879


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ลดลง 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 80 เซนต์ ปิดที่ 68.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (เอพีไอ) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

อีไอเอยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล

ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันร่วงลง 4 วันติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอในเอเชีย

ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ได้เทขายสัญญาน้ำมันในสัปดาห์ที่แล้วเป็นสัปดาห์ที่ 6 ในรอบ 8 สัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ยุโรป และอเมริกาเหนือจะส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) ระบุว่า เศรษฐกิจจีนยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งภัยพิบัติจากน้ำท่วม ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ

นอกจากนี้ การกลั่นน้ำมันดิบของจีนในเดือนก.ค.ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบรายวันนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 ขณะที่โรงกลั่นอิสระพากันลดการผลิตน้ำมัน อันเนื่องจากกำไรที่ลดต่ำลง

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ออกรายงานเตือนว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะฉุดความต้องการใช้น้ำมันลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ไออีเอได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2564 ลงสู่ระดับ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ไออีเอได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2565 สู่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 3 ล้านบาร์เรล/วัน
#2880


The 1 ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ตอกย้ำวิสัยทัศน์ Your Everyday Lifestyle App ดัน The 1 Today มุ่งสู่ Shopping & Deals Destination ผนึกกลยุทธ์ View-to-Purchase นำเสนอครบจบบนแอป The 1 ในเพียง 3 ขั้นตอน อ่าน-เช็ค-ช้อป พร้อมเสริมทัพ 17 คอนเทนต์พาร์ทเนอร์ด้านไลฟ์สไตล์ ช้อปแบบ Omnichannel

นางสาวมิ่งขวัญ พฤฒิสถาพร Head of Program Management, The 1 App Discovery - The 1 กล่าวว่า The 1 Today หนึ่งในฟีเจอร์หลักของแอป The 1 นั้นเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดที่คอยมอบคำแนะนำเรื่องการช้อปปิ้งให้กับผู้อ่านได้อย่างตรงใจ ล่าสุด เราได้เพิ่มความสะดวกสบายด้วย View-to-Purchase อ่าน-เช็ค-ช้อป โดยได้นำข้อมูลสินค้า แคมเปญโปรโมชั่นดีๆ ไปจนถึงช่องทางสั่งซื้อมารวมไว้ในแอป The 1 ที่เดียว

นอกจากสมาชิก The 1 ทั้ง 18 ล้านคนแล้ว เรายังมีเว็บไซต์ และระบบ Guest Mode ในแอป เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึง The 1 Today ได้ในวงกว้าง The 1 เชื่อว่าการนำเสนอประการณ์ครบวงจรเช่นนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถช้อปออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อยิ่งขึ้น

หลังจากที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2563 The 1 Today ได้กลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของแอป The 1 โดยมีผู้อ่านเพิ่มขึ้นกว่า 30% และอัตราการเข้าชมบทความเพิ่มขึ้นถึง 160% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับต้นปี ด้วยจำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มขึ้นและจำนวนบทความกว่า 1,000 บทความต่อเดือน ทีมงาน The 1 จึงพัฒนาแอปให้สามารถรองรับความต้องการที่มากขึ้นอยู่เสมอ โดยปัจจุบันนอกจากจะจัดกลุ่มบทความเป็นหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น ช้อปปิ้ง ข่าวสาร ไลฟ์สไตล์ จัดอันดับ Top 10 ดูดวง เป็นต้น สมาชิก The 1 ยังสามารถค้นหาบทความด้วยแฮชแท็กที่สนใจได้อีกด้วย

นายศุภณัฏฐ์ โรจน์สุข Head of Content Partnerships & Content Operation - The 1 กล่าว "นอกจากการมอบแรงบันดาลใจและความเพลิดเพลินให้กับผู้อ่านแล้ว คอนเทนต์ใน The 1 Today ยังมุ่งเน้นสาระประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับคอนเทนต์ช้อปปิ้งที่โดดเด่นกว่าบนแพล็ตฟอร์มอื่นๆ เพราะ The 1 สามารถนำข้อมูลจาก The 1 Insight มานำเสนอสินค้าที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้นๆ ได้แบบเรียลไทม์ ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจให้กับผู้อ่านนั่นเอง โดย The 1 Today นับว่าประสบความสำเร็จแล้วในก้าวแรกด้วยการเพิ่มยอดขายให้กับเครือเซ็นทรัลได้มากขึ้นถึง 10 เท่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา"

นอกจากคอนเทนต์สำหรับสายช้อปที่มีทั้งคอนเทนต์รีวิวสินค้าและแคมเปญต่างๆ คอนเทนต์นำเสนอสินค้า Top 10 และคอนเทนต์ Must-Have ที่ต่างก็ได้รับความนิยมจากสมาชิก โดยมีตัวเลขผู้เข้าชมรวมสูงสุดจากทุกหมวด The 1 Today ยังนำเสนอบทความจาก 17 พันธมิตรสื่อไลฟ์สไตล์อย่างหลากหลาย ได้แก่ สายอัปเดตข่าว อาทิ เรื่องเล่าเช้านี้, Sanook! และ Infoquest สายคัลเจอร์ อาทิ The Standard Pop, Time Out Bangkok, Hello!, Soimilk, Soul4Street, Coundsheck's Journey และ ILI.U สายกิน อาทิ Gourmet & Cuisine, Krua.co และตามล่า Fine Dining และ สายดูดวง อาทิ aดวง, Horosociety พ. พาทินี และหมอจันทรา