• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#2881


ตามที่ได้มีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา ให้ประชาชนสามารถใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถวินิจฉัย รักษา และป้องกันที่เหมาะสมโดยเร็ว ทำให้เกิดความต้องการอุปกรณ์ดังกล่าวมาใช้ทดสอบด้วยตัวเองอย่างแพร่หลายนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดเสวนาออนไลน์แนะวิธีใช้ชุดตรวจ COVID-19 เบื้องต้นด้วยตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสต่อโรค ย้ำให้กำจัดชุดตรวจที่ใช้แล้วด้วยจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

อ.ดร.ทนพ.เมธี ศรีประพันธ์ อาจารย์นักเทคนิคการแพทย์ ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงวิธีการตรวจยืนยันการติดโรค COVID-19 ในปัจจุบันว่า ยังคงเป็นวิธี RT-PCR ซึ่งข้อดีของการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ตรวจคัดกรอง COVID-19 ที่ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อมาตรวจได้ด้วยตัวเองนั้น คือ จะช่วยในการแยก หรือคัดกรองผู้ที่มีผลบวกเบื้องต้น หรือกลุ่มเสี่ยงให้เข้ารับการรักษา หรือดูแลในระบบสาธารณสุขให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ หากผู้ตรวจมีความจำเป็นต้องใช้หลักฐานการตรวจที่รับรองโดยแพทย์ จะต้องไปตรวจในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลเท่านั้น ซึ่งสำหรับผู้ที่ยังไม่มีความเสี่ยงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจ และหากจำเป็นต้องตรวจเมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และซื้อจากสถานพยาบาล คลินิกเวชกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ และร้านยาที่มีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษาเท่านั้น ไม่ควรหาซื้อเองผ่านทางออนไลน์ ตลาดนัด หรือผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์

ซึ่งตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 6 ที่ว่าด้วยน้ำและระบบสุขาภิบาลสะอาด (Clean Water and Sanitation) ควรใช้ชุดตรวจ COVID-19 ด้วยจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสก่อโรค COVID-19 โดยผู้ตรวจจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่การเลือกชุดตรวจที่ผ่านการรับรองคุณภาพ การเก็บและเตรียมตัวอย่างตรวจ การใช้งานชุดตรวจ การอ่านและแปลผล รวมถึงการกำจัดชุดตรวจที่ใช้งานแล้ว ซึ่งการเก็บตัวอย่างตรวจ ไม่ว่าจะเป็นการแหย่จมูก (swab) โดยใช้ก้านสำลีที่ให้มากับชุดตรวจ สอดเข้าไปในรูจมูกเพื่อเก็บตัวอย่าง หรือการเก็บตัวอย่างตรวจโดยใช้น้ำลาย รวมถึงการดำเนินการตรวจนั้น ควรทำด้วยตัวเอง ในพื้นที่ที่แยกจากบริเวณอื่น และควรทำตามขั้นตอน หรือคำแนะนำในเอกสารประกอบชุดตรวจ หรือ VDO Clip ของชุดตรวจแต่ละยี่ห้อ ซึ่งสามารถสแกนได้จาก QR Code ที่แนบมากับผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด ซึ่งการเพิ่มหรือลดขั้นตอนเอง อาจทำให้ผลการตรวจผิดพลาดได้ ภายหลังการตรวจและอ่านผลแล้วให้ทิ้งชุดตรวจ รวมถึงอุปกรณ์ทั้งหมดในถุงพลาสติกที่มีน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยควรซ้อนถุง 2 ชั้น และรัดปากถุงให้แน่นก่อนทิ้ง รวมถึงเขียนข้อความติดไว้ด้วยว่า "ชุดตรวจ COVID-19 ใส่น้ำยาแล้ว" จากนั้น จึงนำไปทิ้งในถังขยะติดเชื้อ (ถังสีแดง) เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้อื่น แต่ถ้าไม่มี สามารถอนุโลมให้ใส่ถังขยะทั่วไปได้

ส่วนวิธีการแปลผลตรวจนั้นก็สามารถศึกษาจาก VDO Clip ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผลการตรวจที่เป็นบวกจะมีแถบสีขึ้นทั้งที่ C และ T ในขณะที่ผลการตรวจที่เป็นลบจะมีแถบสีขึ้นที่ C ด้านเดียว นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงหากตรวจแล้วได้ผลลบ ให้เว้นช่วงและรักษาระยะห่าง รวมถึงกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน นับจากวันที่มีความเสี่ยง หรือสัมผัสผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้ จะต้องตรวจซ้ำเป็นระยะๆ เช่น ทุก 3 - 5 วัน จนครบเวลากักตัว อย่างไรก็ตามหากผลตรวจขึ้นแถบสีที่ T ด้านเดียว หรือไม่มีแถบสีใดขึ้นเลย จะไม่สามารถอ่านและแปลผลได้ ต้องตรวจซ้ำ หรือเปลี่ยนชุดตรวจใหม่

ชุดตรวจ ATK สำหรับตรวจคัดกรองด้วยตัวเองมีจำหน่ายที่ สถานปฏิบัติการเภสัชชุมชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ เปิดทำการทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 15.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2644-4609
#2882
ตู้ลิ้นชัก อุปกรณ์ที่ให้ประโยชน์กับเรานั้นได้หลายรูปแบบ ให้ประโยชน์ได้มากมายหลากหลายตามที่เราต้องการเป็นอย่างมาก หลายคนอาจจะบอกว่า ตู้ลิ้นชักพลาสติก เอาไว้ใส่สำหรับเสื้อผ้าหรือเกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่มของเราแต่เพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะในส่วนของเสื้อผ้า เราอาจจะเอาไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์อย่างอื่นก็ได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเอาไว้ในส่วนของเสื้อผ้าเราอาจจะแบ่ง ตู้ลิ้นชักใส่เสื้อผ้า ตรงนี้มาเป็นอุปกรณ์ในการเก็บพวกสบู่ แชมพู ยาสีฟันได้ด้วยเช่นกัน หรือบางครั้งการใช้อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะรวมไปถึงการเก็บของที่เหลือใช้สำหรับตัวเองได้อีกด้วย

การเก็บของที่เหลือใช้อาจจะเป็นในเรื่องของการเอกสารสำคัญ ที่เราไม่อยากให้คนอื่นนั้นได้มาพบได้มาเจอ การเก็บไว้ในห้องถือว่าเป็นการเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเหมือนกับเป็นตู้เซฟเล็ก ๆ สำหรับตัวเราเอง อาจจะไม่ได้เก็บของมีมูลค่ามากมายมากนัก แต่เชื่อได้ว่าห้องนอนของเราเป็นห้องที่เราเอาไว้สำหรับพักผ่อน ก็คงจะมีแต่เรากับคนที่เรารักเท่านั้นที่เข้ามาใช้งานได้ ในบางครั้งการเลือกใช้ตู้ลิ้นชักพลาสติกก็ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้ตามจุดต่าง ๆ ได้หลากหลายกันด้วย ปัจจุบันคนที่มีลูกหลานอยู่กับบ้านก็เลือกที่ใช้ ตู้ลิ้นชักพลาสติก ในการเก็บอุปกรณ์หลายอย่าง สอนให้เด็กใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ตนเองนั้นควรจะต้องเก็บเอาไว้

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ตู้ลิ้นชักพลาสติก 1 ใบจะมีอยู่ประมาณ 3 ช่องเพราะอาจจะระบุทั้ง 3 ช่องให้มีการเก็บของที่แตกต่างกันออกไป สอนให้เด็กรู้ว่าของเล่นนั้นไว้ในส่วนล่างสุด ส่วนที่ 2 ถัดมาอาจจะเป็นการเตรียมอุปกรณ์ส่วนตัวของเด็กอย่างเช่น เสื้อผ้าหรือของที่ตนเองนั้นชอบหรือจะเป็นตุ๊กตาก็ได้ ในส่วนด้านบนของตู้สำหรับการเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนที่เด็ก ๆ นั้นชอบจะมีพื้นที่ส่วนตัวก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน

แต่ละบ้านควรจะมี ตู้ลิ้นชัก อย่างน้อย 2-3 ใบเอาไว้แยกอุปกรณ์การเก็บที่แตกต่างกันและถือว่าเป็นของใช้ประจำตัวของแต่ละคน ซึ่งราคาของตู้เหล่านี้ไม่ได้มีราคาแพง เลือกให้เข้ากับตัวบ้านก็กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ชนิดหนึ่งได้เป็นอย่างดี
#2883


แกร็บ ประเทศไทย เปิดตัว "GrabExpress 4 Hours" บริการรับส่งพัสดุด่วนภายในเวลา 4 ชั่วโมงด้วยราคา 59 บาท ขานรับตลาดอีคอมเมิร์ซโตแบบก้าวกระโดด ชู 3 จุดเด่น "ย่อมเยา ยืดหยุ่น ปลอดภัย" เล็งเจาะกลุ่มร้านค้าออนไลน์ (Social Seller)

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาเกือบสองปี ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปในทุกด้าน คนหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือการซื้อขายสินค้าออนไลน์นั้นมีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งนี้ จากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปี 2563 โดย Google, Temasek และ Bain & Company ระบุว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตที่รวดเร็วอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุด โดยในปี พ.ศ. 2563 มีมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 81% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตถึง 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า" 

"เทรนด์การซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้มีปริมาณความต้องการของบริการจัดส่งสินค้า-พัสดุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องมีทั้งความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและมีราคาที่ย่อมเยา ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทย จึงได้เปิดตัว 'GrabExpress 4 Hours' บริการจัดส่งสินค้า-พัสดุภายในระยะเวลา 4 ชั่วโมงด้วยแกร็บเอ็กซ์เพรส ในราคาเริ่มต้นเพียง 59 บาท ซึ่งถือเป็นบริการรูปแบบใหม่ล่าสุดที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยปิดจุดอ่อนของบริการจัดส่งพัสดุด่วนแบบเรียลไทม์ (Instant Delivery) ที่มีราคาค่อนข้างสูง และบริการจัดส่งสินค้าในวันถัดไป (Next Day Delivery) ที่แม้ราคาค่าบริการจะถูกกว่าแต่ลูกค้าต้องรอนานข้ามวัน โดยบริการ GrabExpress 4 Hours นี้มาพร้อมจุดเด่น 3 ด้านที่สร้างความแตกต่าง ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สามารถส่งมอบสินค้าได้ทันใจและประหยัดต้นทุนไปพร้อมๆ กัน" 



จุดเด่น 3 ประการของบริการ GrabExpress 4 Hours ประกอบด้วย
• ราคาย่อมเยาเข้าถึงได้ (Affordability): ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 59 บาทซึ่งเป็นราคาเหมาสำหรับการจัดส่งสินค้าหรือพัสดุขนาดเล็กภายในระยะทาง 15 กิโลเมตรแรก โดยใช้เวลาจัดส่งถึงมือลูกค้าเพียง 4 ชั่วโมงนับจากเวลาที่กดใช้บริการ (อัตราค่าบริการจัดส่งเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 10 บาทตั้งแต่ระยะทาง 15 - 30 กิโลเมตร)
• ความยืดหยุ่นในการให้บริการ (Flexibility): สามารถเรียกใช้บริการจัดส่งได้ตลอดวันตั้งแต่ 08.00 - 18.00 น. (สำหรับในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น.) โดยมีพาร์ทเนอร์คนขับไปรับสินค้าหรือพัสดุจากผู้ส่งถึงมือ ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดส่งด้วยตัวเอง
• ความปลอดภัยในการใช้บริการ (Service Guarantee): สามารถตรวจสอบและติดตามสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน Grab ทั้งยังการประกันสินค้า ครอบคลุมมูลค่าสูงสุดถึง 10,000 บาทต่อการจัดส่งในแต่ละครั้ง

"GrabExpress 4 Hours ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของบริการจัดส่งสินค้า-พัสดุแบบออนดีมานด์ ซึ่งมุ่งเน้นตอบโจทย์ให้กับกลุ่มร้านค้าออนไลน์เป็นหลัก โดยเราริเริ่มขึ้นเพื่อต่อยอดโครงการ 'GrabExpress Sellers Club' คู่คิดพิชิตธุรกิจออนไลน์ ที่แกร็บเพิ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยหวังว่าบริการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจและลดต้นทุนให้แก่ร้านค้าออนไลน์ได้ ซึ่งแกร็บเตรียมขยายบริการดังกล่าวไปในจังหวัดอื่นๆ ต่อไปในอนาคต" นางสาวจันต์สุดา กล่าวทิ้งท้าย

แกร็บ (Grab) คือ ผู้นำด้านซูเปอร์แอปที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันแอปพลิเคชันแกร็บได้ถูกดาวน์โหลดแล้วบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า 214 ล้านเครื่อง ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงพาร์ทเนอร์คนขับ พาร์ทเนอร์ร้านค้า รวมถึงตัวแทนกว่าหลายล้านราย โดยนำเสนอบริการต่างๆ แบบออนดีมานด์ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทาง การจัดส่งอาหาร สินค้าและพัสดุ ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนบริการทางการเงิน เพื่อตอบสนองผู้ใช้บริการทั่วทั้ง 428 เมืองใน 8 ประเทศ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแกร็บได้ที่ www.grab.com
#2884
ชั้นวางทีวี บางบ้านนั้นมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ชนิดนี้ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเลือก ตู้วางทีวี หรือ โต๊ะวางทีวี ให้เหมาะสมต่อบ้านของเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปทรง ประโยชน์ในการใช้งานจะต้องเน้นย้ำในเรื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ตัวนี้ โชว์ให้กับเพื่อนบ้านหรือทุกคนที่เข้ามาดูทีวีของเราเกิดความประทับใจเป็นอันดับแรกกันด้วย

แต่ความเป็นจริงหรือหลักที่ถูกต้องที่สุดคือเราควรจะเลือก ชั้นวางทีวี ที่เกิดประโยชน์กับตัวเลือกหลากหลายที่สุด เราควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ตัวนี้ให้เกิดประโยชน์กับเราอย่าง เช่นจะต้องมีลิ้นชักในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ นานา โดยส่วนใหญ่แล้วทีวี 1 เครื่องก็จะมีเครื่องเสียงที่วางอยู่ด้านข้างประกบกันด้วย เรียกว่าปัจจุบันทีวีก็มีขนาดจอที่ใหญ่โตมโหฬาร สามารถตั้งเป็นโฮมเธียเตอร์สำหรับบ้านของเราได้และนั่นหมายความว่าการตั้งโชว์บน ชั้นวางทีวี ก็ควรจะมีจุดเด่นมีเอกลักษณ์ประจำตัวที่ดูแล้วให้ความสุขและความอลังการอย่างเต็มที่สำหรับตัวของผู้ชมเอง

สำหรับหลักการเลือก ชั้นวางทีวี หรือ โต๊ะวางทีวี เราควรจะไปเลือกด้วยตัวของเราเองหรือมีการจัดสีสันที่เหมาะสมสำหรับการวางเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่บ้านของเรา บางครั้งการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีสีที่แตกต่างกันของจอทีวีก็ทำให้ ตัวของทีวีหรืออุปกรณ์เครื่องเสียงต่างๆ นั้นดูโดดเด่นมากเพิ่มขึ้นไปด้วย การวางสีโทนเดียวกันทั้งหมดอาจจะทำให้ดูเรียบง่ายเรียบหรู ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแล้วแต่ว่าแต่ละคนนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปแบบไหนซึ่งถามว่า การเลือกเฟอร์นิเจอร์นั้นมีเรื่องของความผิดหรือความถูกในการเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือไม่ก็คงจะไม่มีเรื่องของความผิดถูก แต่สำหรับคนที่เชื่อในเรื่องของการจัดวางหลักฮวงจุ้ยหากจำเป็นจะต้องดูในเรื่องของสีสัน ของชั้นวางทีวีกันสักเล็กน้อยเพื่อเสริมดวงเสริมดวงชะตาให้กับเราเองประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆรอบตัวกันไปด้วย ซึ่งเดี๋ยวนี้ ชั้นวางทีวี มีสีสันมากมายให้กับเราได้เลือกใช้ ลองเปรียบเทียบกันดูว่าสีสันไหนและรูปแบบไหนจะเหมาะกับเราและเกิดประโยชน์เสริมฮวงจุ้ยเสริมดวงให้กับเรา เลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราในทุกทิศทางกันดู
#2885


บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ภายใต้พันธกิจ 'EMPOWER LIVING' ที่มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ จัดแคมเปญ 'บ้านสร้างบุญ' ได้บ้าน ได้บุญ ได้ส่วนลด ทุกการจองบ้านกลางเมือง และพลีโน่ในกว่า 50 ทำเลทั่วกรุงเทพ เอพีร่วมสมทบทุนบริจาคด้านการแพทย์สู้ภัย โควิด-19 เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายนนี้

นายเมธา รักธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง และต้องทุ่มเทกายใจเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ ทางกลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ฮีโร่ด่านหน้าของไทย ในการสู้วิกฤตโควิด-19 ผ่านแคมเปญ 'บ้านสร้างบุญ' ได้ร่วมทำบุญ ได้บ้าน ได้ส่วนลดเพิ่ม ซึ่งทุกๆ เงินจองที่ลูกค้าจองซื้อทาวน์โฮมเครือเอพี ทั้งแบรนด์ 'บ้านกลางเมือง หรือ 'พลีโน่' ในกว่า 50 โครงการทั่วกรุงเทพ

นอกจากลูกค้าจะได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเท่าจำนวนเงินจองแล้วนั้น บริษัทฯ จะร่วมสมทบทุนบริจาคเพิ่มเท่ากับจำนวนเงินจองซื้อโครงการ และนำไปส่งมอบให้แก่ 3 องค์กรทางการแพทย์ ได้แก่ กองทุนศิริราชสู้ภัยโควิด ศิริราชมูลนิธิ, โครงการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และโครงการป้องกันและช่วยเหลือสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี เพื่อใช้เป็นทุนในการจัดหาอุปกรณ์สู้ภัยโควิด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานให้กับทีมแพทย์และบุคลากรด่านหน้าผ่านแคมเปญ "บ้านสร้างบุญ : ได้บ้าน ได้บุญ ได้ส่วนลด" ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 64



"ตั้งแต่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาด นอกเหนือจากการดูแลลูกบ้านในโครงการให้ห่างไกลจากโควิด-19 แล้วนั้น ที่ผ่านมาเรายังได้จัดทำแคมเปญ SAVE LIVES PROTECT PEOPLE - เอพี เซฟชีวิต เซฟสังคมขึ้น เพื่อช่วยเหลือและจุดประกายสังคมไทยในการหยิบยื่นความช่วยเหลือตามกำลังให้แก่กลุ่มคนที่อาจถูกมองข้าม และแคมเปญ บ้านสร้างบุญ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่เราอยากเป็นสะพานบุญให้ลูกค้าเอพีทุกท่านได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการทำงานให้แก่นักรบชุดขาวที่เหน็ดเหนื่อยเพื่อพวกเราอย่างไม่มีวันหยุดร่วมกัน"

ทั้งนี้ เอพี ไทยแลนด์ เรามุ่ง 'EMPOWER LIVING' ทุกมิติการอยู่อาศัย การทำงานในทุกด้านจะให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้า โดยกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมในเครือเอพี ทั้งบ้านกลางเมือง ทาวน์โฮม 3 ชั้น ในทำเลศักยภาพ และพลีโน่ ทาวน์โฮม 2 ชั้น บ้านหลังแรกที่ดีที่สุด คือ สองแบรนด์ยอดนิยมที่ลูกค้าให้การตอบรับอย่างดียิ่ง ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Next Normal ได้เหนือกว่าใคร เราเชื่อมั่นว่าแคมเปญ 'บ้านสร้างบุญ' ได้บ้าน ได้ส่วนลด ได้บุญ จะมีส่วนในการเอ็มพาวเวอร์ให้สังคมไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 และสามารถกลับมายิ้มด้วยกันอีกครั้งในเร็ววันนี้

เอพี ไทยแลนด์ ภายใต้พันธกิจ 'EMPOWER LIVING'
มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้
#2886
 
 
ข้าวอินทรีย์สำหรับแม่ให้นมลูก
กลุ่มข้าวอินทรีย์สุรินทร์ จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวอินทรีย์  เกษตรอินทรีย์  การผลิตข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ข้าวอินทรีย์กรมการข้าว)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ  ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด  " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1. ข้าวกล้องมะลินิลออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิคสำหรับทารก, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องหอมมะลิorganic, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5. ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์กรมการข้าว, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวหอมมะลิแดงorganic, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9. ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคคือ, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ
3.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิก   ข้าวกล้องผกาอำปึลออร์แกนิค(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารเคมีจังหวัดสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง 6.  ขายข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์
7.  ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์กรมการข้าว ข้าวไรซ์เบอร์รี่เพื่อสุขภาพ 

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 
 
#2887


วันที่ 15 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ให้สัมภาษณ์ในรายการสุทธิชัยไลฟ์ ในหัวข้อ "มุมมอง ธนินท์ เจียรวนนท์ โควิดกับทางออกของประเทศไทย" โดยพิธีกร คือ นายสุทธิชัย หยุ่น เปิดประเด็นว่า ได้สัมภาษณ์บุคคลจากหลายภาคส่วน และ วันนี้จะเป็นการพูดคุยกับนายธนินท์ในบทบาทภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และ แนวโน้มทางเศรษฐกิจของไทย


นายธนินท์ กล่าวว่า เป็นหัวเลี้ยว หัวต่อของประเทศไทย ซึ่งวิกฤตโควิดเป็นเหมือนสงครามโลก (โรค) ครั้งที่ 3 ก็ว่าได้ เพราะทุกประเทศในโลกได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่หากประเทศใดปรับตัวได้ ก็จะก้าวกระโดด แต่หากประเทศไทยขาดนโยบายที่มีความพร้อม และมีการเปลี่ยนแปลงไม่เร็วพอ ก็จะตกขบวน ตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ในสถานการณ์ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลง และยังไม่แน่ใจว่า ฟ้าจะกลับมาสว่างอีกครั้งเมื่อใด ทั้งนี้ นายธนินท์ ได้กล่าวถึง 4 ประเด็น ที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ 1) ปากท้อง 2) ป้องกัน 3) รักษา 4) อนาคต

ประเด็นแรก คือเรื่อง "ปากท้อง" โดยนายธนินท์กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน คนได้รับความลำบากมาก คนลำบากในต่างจังหวัด ยังพอมีญาติ มีอาหารมาแบ่งปัน ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ยังพอประทังชีพได้ แต่คนมีรายได้น้อยในเมือง และคนที่มีภาระ เมื่อเจอเข้ากับวิกฤตที่ต้องกักตัว ไปทำงานไม่ได้ จะทำให้ลำบากมาก แม้กระทั่งอาหาร บางครั้งยังไม่เพียงพอ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ภาครัฐต้องมีมาตรการมาดูแล แต่ในส่วนของภาคเอกชน เราทำได้เพียงช่วยแบ่งเบาภาระ

โดยเครือซีพี มีโครงการครัวปันอิ่ม แจกอาหาร 2 ล้านกล่อง ในเวลา 2 เดือน ร่วมกับ 100 พันธมิตรอาสาสมัคร ไปแจกให้กับชุมชน โดยอาหารจำนวน 1 ล้านกล่องจากจำนวนทั้งหมด จะสั่งซื้อจากร้านอาหาร ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และ ขนาดจิ๋ว เป็นเป็นการช่วยเหลือจากปัญหาร้านถูกปิด เพื่อให้ร้านต่าง ๆ พออยู่ได้ และ ยังช่วยให้ชุมชนต่าง ๆ ที่ลำบาก เข้าถึงอาหาร และ หน้ากากอนามัย ที่แจกในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ จะทำการคัดเลือกร้านที่สะอาด ปลอดภัย และช่วยโปร โมทร้านอาหาร พร้อมใส่เบอร์โทร หากใครสนใจก็สั่งซื้อจากร้านได้โดยตรงอีกด้วย


ประเด็นที่สอง คือ "ป้องกัน" โดยนายธนินท์ เน้นความสำคัญของวัคซีน ยิ่งฉีดได้ครอบคลุมรวดเร็วมากเท่าไหร่ ก็จะลดผลกระทบได้มากเท่านั้น ตัวอย่างมีให้ดูหลายประเทศ เช่น อังกฤษ พอฉีดได้จำนวนมาก ก็กลับมาเปิดประเทศ ถึงแม้ว่าจะติดเชื้อเพิ่ม แต่ก็ไม่ตาย ไม่เจ็บหนัก ก็จะทำให้ประเทศสามารถเดินต่อไปได้ ซึ่งต้องตั้งเป้าหมายฉีดให้ครบ 100% ไปเลย โดยนำเข้าวัคซีนทุกยี่ห้อ

ในตอนหนี่งของการสัมภาษณ์ นายสุทธิชัย หยุ่น ได้ถามว่า นายธนินท์ หรือซีพี มีส่วนในการนำเข้าวัคซีนซิโนแวคของรัฐบาลหรือไม่  ซึ่งนายธนินท์ ได้ตอบอย่างเคลียร์ชัดว่า ไม่เกี่ยวข้องแน่นอน เพราะการผลิตวัคซีนทั้งหมดของซิโนแวคต้องส่งให้กับรัฐบาลจีน และต่อให้เอกชนอยากซื้อก็ซื้อไม่ได้ พนักงานเครือซีพีในประเทศจีน ยังไม่สามารถซื้อซิโนแวคมาฉีดให้พนักงานได้เลย ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจีนทั้งหมด นายธนินท์กล่าวเสริมที่มาของประเด็นซิโนแวคว่า

ตอนที่บริษัทซิโนแวคตั้งต้นจะทำวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มีเงินไม่พอ ต้องการระดมทุนเพิ่ม หลานชายซึ่งรู้จักกับหมอและนักวิจัยด้านยา ก็ได้รับเชิญชวนให้เข้าไปช่วยลงทุนในยามที่บริษัทนี้เงินไม่พอ ซึ่งต่อมาบริษัทนี้ซึ่งอยู่ในเครือฯของซิโนแวคก็ให้เป็นหุ้นบริษัทคืนแก่หลานชายในประเทศจีนมา 15% ในอัตราเท่ากับนักวิจัยที่มีหุ้นกันละ 15% ซึ่งในช่วงนั้น จริง ๆ เป็นการช่วยเหลือนักวิจัยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ  แต่ไปสั่งการอะไรไม่ได้ จะขอซื้อวัคซีนก็ทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งในประเทศไทย ซีพียังต้องสั่งซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มมา 1 แสนโด้ส มาดูแลพนักงานของบริษัทเอง โดยซื้อจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะซื้อตรงก็ยังทำไม่ได้ เพราะวัคซีน ถูกควบคุมทั้งหมด

นอกจากนี้ วัคซีนทุกยี่ห้อ หากผู้ผลิต กล้าฉีดให้คนประเทศของเขา ก็มั่นใจได้ว่า มีความปลอดภัยระดับสูง โดยนายธนินท์เอง ก็ฉีดวัคซีน แอสตร้าซินิก้า เพราะคนอังกฤษฉีดกัน ยอดผู้ป่วยหนัก และ ผู้เสียชีวิตก็ยังน้อย ดังนั้น ต้องนำเข้าวัคซีนหลาย ๆ ยี่ห้อ เข้ามาฉีด ของทางอเมริกา ยุโรป ก็มีเทคโนโลยีที่ดี และประเทศเหล่านั้นได้ฉีดให้คนของเขาจำนวนมาก เราจะกลัวอะไร ยิ่งมีทางเลือกมาก ประชาชนก็มั่นใจ และ ฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น

ประเด็นที่สาม คือ "รักษา" โดยกล่าวถึง การรักษาที่ต้องเร็ว ถึงแม้ว่าผู้ป่วย 90% หายได้ด้วยการดูแลตัวเอง แต่การที่ผู้ป่วยต้องอยู่บ้านเป็น Home Isolation มากขึ้น ยังจำเป็นต้องดำเนินการคู่กับหมอทางไกล Telehealth และต้องเข้าถึงยาโดยเร็ว หากคนไข้ได้ปรึกษาอาการกับหมอ มีหมอออนไลน์ จะมีกำลังใจ นอกจากนี้นายธนินท์ได้ย้ำว่าเรื่องการเข้าถึงยามีความสำคัญอย่างมาก อย่ารอให้คนไข้มีอาการหนัก และควรกระจายยาอย่างรวดเร็ว ลดขั้นตอน ยุคนี้ต้องเร็วและมีคุณภาพ

สำหรับเครือซีพี คงช่วยได้บ้างในเรื่องการปลูกฟ้าทะลายโจรในโครงการ ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร แจกฟรี 30 ล้านเม็ด ในพื้นที่ 100 ไร่ ใน 100 วัน เราจะปลูกเพื่อแจกจ่ายฟรี เพราะตอนนี้ฟ้าทะลายโจรขนาดตลาดมาก เป็นเพียงเข้าไปเสริมในตลาด ทำให้ผู้ประกอบการเดิมไม่กระทบ ดังนั้น เราเป็นการเติมซัพพลาย เข้าไปลดความขาดแคลนเท่านั้น โดยเป็นการแจกฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายแน่นอน โดยจะปลูกโดยควบคุมเป็นแบบปลอดสารพิษทั้งหมด และจะถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกร ชาวบ้าน โดยมีอิสระในการปลูก การขาย และขยายผล โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ทั้งนี้ การบริโภคฟ้าทะลายโจร ต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของสาธารสุข

ประเด็นที่ 4 คือ "อนาคต" ซึ่งนายนินท์ ชี้ประเด็นประเทศไทยเสี่ยงถดถอย หากภาครัฐไม่มีมาตรการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ปัจจุบัน ธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก กลาง ใหญ่ ล้วนได้รับผลกระทบ และหากต้องล้มหาย ตายจากไป หลังพ้นวิกฤต บริษัทที่จะจ่ายภาษีให้ประเทศได้จะมีจำนวนลดน้อยลง และเครื่องจักรเศรษฐกิจ เช่น ท่องเที่ยว ส่งออก จะใช้เวลาฟื้นตัวช้า หากมีการปิดกิจการไปแล้ว ดังนั้น ต้องดูแลให้ธุรกิจทุกระดับอยู่รอด และ ปรับตัวสู่ธุรกิจอนาคต โดยเฉพาะ ธุรกิจ 4.0 และที่สำคัญต้องเตรียมพร้อมเรื่องคน วันนี้ประเทศไทยแข่งเรื่องแรงงานราคาถูก กับประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้แล้ว เพราะเรายังต้องใช้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน

ดังนั้น ไทย ต้องขยับไปสู่ธุรกิจไฮเทค แต่ก็ตามมาเรื่องคน คนเราพร้อมหรือไม่ รัฐบาลพูดไป แต่ยังขับเคลื่อนได้ช้า เราต้องออกไปเชิญชวนการลงทุน มาเพื่อสร้างงานในประเทศไทย ดึงดูดนักลงทุน ให้มาลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ในประเทศไทย ไม่ใช่ไปประเทศเพื่อนบ้าน ทุกบริษัทระดับโลกด้านไฮเทค ล้วนเนื้อหอม ทุกประเทศอยากดึงบริษัทเหล่านี้ไปลงทุนในประเทศกันทั้งนั้น 

แล้วประเทศไทย จะมีมาตรการเชิงรุกอะไร ในการไปดึงบริษัทเหล่านี้เข้ามา ดึงคนเก่งทั่วโลก มาอยู่เมืองไทย มาใช้จ่ายที่ประเทศไทย มาจ่ายภาษีให้ประเทศไทย เหมือนเช่นอเมริกา ดึงคนยุโรป จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ไปอยู่อเมริกา หรือ คนสิงค์โปร์มีประชากรครึ่งหนึ่ง เป็นคนจากต่างประเทศที่เข้าไปลงทุน เศรษฐกิจใหม่ ก็จะเกิดขึ้น แต่ที่พูดมาทั้งหมด ต้องทำควบคู่กันทั้งหมด ยามมืดสุด ต้องคิดว่า เมื่อสว่างแล้ว ประเทศจะเป็นอย่างไร

 

ดังนั้น ทั้ง 4 ประเด็น ตั้งแต่ปากท้องที่ต้องดูแล ป้องกันโดยการหาวัคซีนให้มากและเร็วที่สุด หากเอกชนจะช่วยนำเข้า รัฐควรรีบสนับสนุน วัคซีนยี่ห้อไหนดี ต้องพยายามนำเข้ามาทั้งหมด การรักษาที่ต้องรวดเร็ว ต้องเข้าถึงยา อย่าปล่อยให้หนัก และสุดท้ายคือ ต้องมองเรื่องอนาคตควบคู่ ทั้ง 4 เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ต้องทำพร้อมกัน ในยามวิกฤต จะใช้ขั้นตอนแบบเดิมไม่ได้ ต้องรวดเร็วและมีคุณภาพ

นายธนินท์ ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ได้เรียนรู้จากวิกฤตครั้งนี้คือ ความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง การปรับตัว หากใครไม่สามารถปรับตัวได้ก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้ ไม่ว่าบริษัทจะใหญ่หรือเล็ก ประเทศใดปรับตัวได้จะเป็นผู้นำใหม่ ประเทศที่เคยเป็นผู้นำ หากปรับตัวไม่ได้ ก็จะกลายเป็นผู้ตาม และนี่แหละ คือ สงครามโลก(โรค) ครั้งที่ 3 ที่ทุกหย่อมหญ้า ได้รับผลกระทบอย่างเท่าเทียม
#2888


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 16 ส.ค.2564 พบว่า สถาบันในประเทศ (กองทุน) มียอดขายสุทธิ 430.75 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 125.34 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,433.42 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ขายสุทธิ 1,128.00 ล้านบาท



ทั้งนี้ ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 - 16 ส.ค. กองทุน ซื้อสุทธิ 5,776.58 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 235.12 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 9,929.16 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 3,917.46 ล้านบาท

ส่วนมูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. - 16 ส.ค. กองทุน ขายสุทธิ 38,571.01 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 9,696.03 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 103,211.42 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 132,086.41 ล้านบาท

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหว "ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ ปิดตลาดดัชนี SET Index อยู่ที่ 1,531.24 จุด เพิ่มขึ้น 2.92 จุด หรือ 0.19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77,166.69 ล้านบาท ระหว่างวันเคลื่อนไหว "สูงสุด" แตะระดับ 1,532.94 จุด และต่ำสุด 1,512.28 จุด 
#2889


นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ซึ่งมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการ ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และแนวทางการพัฒนาระยะเร่งด่วนรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายจีน-ลาว ภายในเดือนธ.ค. 2564

รวมทั้งระยะปานกลาง และระยะยาวในช่วงที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จการเปิดเส้นทางรถไฟสายลาว-จีน เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการค้าสินค้าเกษตรไทยไปยังจีน เนื่องจากที่ผ่านมา จีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญอันดับที่ 1 ของไทย โดยปี 2563 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีน 314,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่าส่งออก 281,577 ล้านบาท

สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปจีน ได้แก่ ยางธรรมชาติผลไม้และผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ/สัตว์ ข้าวและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น และมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตรจากจีนมายังไทย 53,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่าส่งออก 52,944ล้านบาท

ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญจากจีนมายังไทย ได้แก่ ผลไม้และผลิตภัณฑ์ ผักและผลิตภัณฑ์ พืชอาหาร และน้ำตาลและผลิตภัณฑ์เป็นต้น ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายลาว-จีนอย่างเต็มรูปแบบในระยะยาว จะเป็นโอกาสที่ดีของไทย ทำให้มีทางเลือกในการขนส่งสินค้าไปยังจีนได้มากขึ้น และคาดว่า จะทำให้การส่งออก-นำเข้าของทั้งลาวและจีน ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้


เมื่อเดือนมิ.ย.2564 นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตร ในที่ประชุมได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. เร่งพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) และปรับลดขั้นตอนในการนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตรให้แล้วเสร็จในสิ้นปี2564

จัดตั้งคณะทำงานจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการเส้นทางรถไฟไทย-ลาว-จีน ระยะเร่งด่วน ปานกลางและ ยาว เพื่อรองรับการเปิดให้บริการในสิ้นปี 2564 และเตรียมความพร้อมไว้ระหว่างรอการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แล้วเสร็จในระยะยาว และ 3. เร่งเจรจาเพื่อลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สาม เพื่อสามารถให้บริการได้ภายในสิ้นปี 2564
ทั้งนี้ สินค้าเกษตรมีความยากและซับซ้อนมากกว่าสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ เนื่องจากสินค้าเกษตรมีความหลากหลายแตกต่างกันในแต่ละชนิดสินค้า ซึ่งมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัด แบ่งออกเป็น 2 มิติ คือมิติต้นทุน กรณีส่งออกผลไม้สดจะมีเรื่องของการสูญเสียระหว่างขนส่งมากกว่าสินค้าแปรรูป ซึ่งความสดใหม่และการเน่าเสียจะง่ายกว่า จำเป็นต้องใช้เทคนิคในการบรรจุภัณฑ์เพื่อป้องกันการกระแทก และรักษาคุณภาพของผลผลิตมากกว่าสินค้าแปรรูป

มิติเวลา กรณีส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปแช่แข็ง จำเป็นต้องใช้การขนส่งที่เหมาะสมด้วยระบบcold chain เข้ามาช่วยรักษาคุณภาพของสินค้า ให้ไม่เกิดการเน่าเสียประเด็นปัญหาสำคัญของการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากสินค้าที่ส่งออกทางรางจากด่านหนองคายจะไปสุดปลายทางที่ท่านาแล้ง สปป.ลาว ซึ่งยังไม่เชื่อมต่อจุดที่ขนส่งทางรางไปยังจีน

ดังนั้น สินค้าจะต้องถูกเปลี่ยนถ่ายจากรถไฟไปสู่รถบรรทุกขนส่ง ณ ท่านาแล้ง สู่สถานีคำสว่างของลาวระยะทาง 15-20 กม. ถึงจะเปลี่ยนถ่ายจากรถบรรทุกขนส่งไปยังรถไฟก่อนส่งต่อไปยังจีนได้ ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจากรถไฟ-รถบรรทุก-รถไฟ จะต้องใช้ระยะเวลาในการขนถ่าย ซึ่งหากบริหารจัดการไม่ดี จะเป็นปัญหาของการขนส่งสินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย เรื่องนี้ เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลไทย-ลาว-จีน ต้องหารือเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป


อย่างไรก็ตามเกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร ต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเส้นทางรถไฟสายลาว-จีน ในส่วนของเกษตรกรผู้ผลิต ควรเน้นในเรื่องการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐานการส่งออก ซึ่ง กระทรวงเกษตรให้ความสำคัญและส่งเสริมเรื่องนี้มาโดยตลอด ส่วนการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร ในระยะแรกที่เปิดให้บริการเส้นทางรถไฟ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องศึกษาความคุ้มค่าในการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านเส้นทางดังกล่าวให้รอบคอบ เนื่องจากมีจุดที่ขาดการเชื่อมโยง Missing linkระยะทาง 15-20 กม. ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายสินค้า ดังกล่าว 
#2890


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้ที่กระทำผิดกฏหมายกรณีขายฟ้าทะลายโจรและชุดตรวจ ATK   ว่า พบผู้กระทำความผิดจำหน่ายฟ้าทะลายโจรและชุดตรวจ ATK แพงเกินเกินควรซึ่งเข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรรวมแล้ว 22 ราย  โดยในส่วนของฟ้าทะลายโจรล่าสุดพบเพิ่มอีก  9  ราย โดยขายผ่าน Shopee 2 ราย Lazada 7 ราย มีการนำยี่ห้ออภัยภูเบศรขนาด 60 เม็ด ราคาปกติ 80 บาท แต่ไปขายราคา 325-499 บาท สูงกว่าราคาปกติ 306-524% เข้าค่ายค้ากำไรเกินควร ส่วนอีก 2 ราย เป็นยี่ห้อไฟโตแคร์ ขนาด 60 เม็ดราคาปกติ 75 บาท แต่เอาไปขายราคา 369-399 ซึ่งแพงกว่าราคาปกติ 392-432% ถือว่าค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน

 ส่วนกรณีค้ากำไรเกินควรชุดตรวจ ATK พบอีก 1 ราย ที่ร้านขายยาย่านบางใหญ่ ซึ่งราคาที่แจ้งไว้คือ 300 บาท แต่ขายในราคา 380 บาท สูงกว่าราคาที่แจ้งไว้ 27% ก็ถือว่าเข้าข่ายค้ากำไรเกินควร โดยกรมการค้าภายในและตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ.จะร่วมกันไปแจ้งความแจ้งความผู้ขายและแจ้งความดำเนินคดีกับผู้มีอำนาจตามกฏหมายของ Shopee และ Lazada ในประเทศไทย ข้อหากระทำผิดมาตรา 29 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 "หากประชาชนผู้บริโภคพบกรณีที่คิดว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานค้ากำไรเกินควร กรุณาแจ้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศหรือแจ้งสายด่วน 1569 ซึ่งเป็นสายด่วนกลางของกระทรวงพาณิชย์ เจ้าหน้าที่จะไปตรวจสอบให้ " นายจุรินทร์ กล่าว


ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ตายสูง! พบเสียชีวิต 239 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 20,128 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,102 ราย
ด่วน! ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นัดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนโควิด 20,000 ราย
'ChulaCOV19' ประสิทธิภาพเทียบเท่า 'ไฟเซอร์' คาดทันใช้กระตุ้นเข็ม 3
ส่วนการแก้ปัญหาลำไยที่ทางจีนประกาศห้ามนำเข้าลำไยจากไทย นั้น สัปดาห์นี้ได้รับแจ้งจากทูตพาณิชย์จากจีนว่าจะร่วมกับทูตเกษตรในการนัดหมายเจรจากับทางฝ่ายจีน โดยกรมวิชาการเกษตรจะเป็นเจ้าของเรื่องโดยตรงในการกำหนดมาตรการแนวทางในการดูแลในเรื่องสุขอนามัยของลำไยไทยที่ส่งออกไปยังจีนต่อไปด้วย
#2891


ภาษีศุลกากรจัดเก็บเอากับสินค้านำเข้าจากประเทศจีนซึ่งใช้กันมาตั้งแต่สมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเป็นเชื้อเพลิงทำให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯขึ้นสู่งเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันก็คุกคามโอกาสของพรรคเดโมแครตของไบเดน ในการชนะเลือกตั้งกลางสมัยปี 2022

นิวยอร์ก - ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยที่ทั่วทั้งประชาคมธุรกิจอเมริกัน –องค์กรทางธุรกิจขนาดใหญ่ๆ มากกว่า 30 แห่ง – พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน อย่างที่พวกเขาได้กระทำในคำร้องเรียนถึงคณะบริหารไบเดนเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม เพื่อขอให้ยกเลิกภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากประเทศจีน

ในการเมืองอเมริกัน ไม่มีบุคคลหรือกลุ่มองค์กรไหนอีกแล้วที่ขี้ขลาดตาขาวยิ่งไปกว่าพวกล็อบบี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแวดวงธุรกิจ พวกเขาเหล่านี้แทบทั้งหมดทำงานแบบมุ่งล็อบบี้กันเงียบๆ เพื่อให้มีการผ่อนคลายมาตรการของฝ่ายบริหารและปรับเปลี่ยนน้ำหนักของกฎหมายข้อบังคับต่างๆ ดังนั้น การออกมาเรียกร้องแบบเป็นข่าวเกรียวกราวเช่นนี้ จึงบ่งบอกให้เห็นว่า พวกองค์กรธุรกิจเหล่านี้เชื่อว่าเวลานี้กำลังมีการเดินหน้าเพื่อทำข้อตกลงกันอยู่แล้ว

การตกลงกันน่าที่จะเกิดขึ้น สืบเนื่องจากภาวะเงินเฟ้ออาจจะกลายเป็นยาพิษที่ทำลายโอกาสของพรรคเดโมแครตในการชนะการเลือกตั้งกลางสมัยปี 2022 และต้องคืนอำนาจควบคุมรัฐสภาสหรัฐฯไปให้แก่พรรครีพับลิกัน การตัดลดอัตราภาษีศุลกากรนี่แหละ คือหนทางอันรวดเร็วที่สุดในการลดเงินเฟ้อ นอกเหนือจากเรื่องเลขคณิตของการเมืองเพื่อการเลือกตั้งแล้ว ฉันทามติอย่างหนึ่งกำลังปรากฏโฉมออกมาให้เห็น ซึ่งได้แก่ความคิดเห็นที่ว่า มาตรการแซงก์ชั่นด้านเทคโนโลยีที่ ทรัมป์ นำมาบังคับใช้กับจีนนั้น ประสบความล้มเหลว และแม้กระทั่งอาจจะทำให้เกิดผลเสียหายย้อนกลับคืนสหรัฐฯเองอีกด้วย

กลุ่มธุรกิจต่างๆ มากกว่า 30 กลุ่ม ในจำนวนนี้มีทั้ง หอการค้า (Chamber of Commerce), กลุ่มโต๊ะกลมธุรกิจ (Business Roundtable สมาคมของพวกประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบรรดาบริษัทใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ -ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Business_Roundtable), สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Industry Association) ตลอดจนตัวแทนของอุตสาหกรรมขายปลีก, การเกษตร, และอุตสาหกรรมการผลิต ร่วมกันทำหนังสือร้องเรียนให้ไบเดนตัดลดภาษีศุลกากร และเปิดการหารือทางการค้ากับจีนขึ้นมาใหม่

หนังสือฉบับนี้ระบุว่า "วาระการค้าที่มุ่งถือคนงานเป็นศูนย์กลาง (worker-centered trade agenda คณะบริหารไบเดนถือเรื่องนี้เป็น ส่วนประกอบสำคัญในนโยบายการค้าของตน ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://ustr.gov/sites/default/files/files/reports/2021/2021%20Trade%20Agenda/2021%20Trade%20Report%20Fact%20Sheet.pdf -ผู้แปล) ควรต้องคำนึงถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายซึ่งภาษีศุลกากรของสหรัฐฯและของจีนบังคับเรียกเอากับชาวอเมริกันภายในสหรัฐฯ และต้องยกเลิกภาษีศุลกากรที่สร้างอันตรายให้แก่ผลประโยชน์ต่างๆ ของสหรัฐฯ"

เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐมนตรีคลัง เจเนต เยลเลน (Jenet Yellen) ก็บอกกับนิวยอร์กไทมส์ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nytimes.com/2021/07/16/us/politics/yellen-us-china-trade.html) ว่า ภาษีศุลกากรเหล่านี้ "สร้างความเจ็บปวดให้แก่บรรดาผู้บริโภคอเมริกัน" ตั้งแต่ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในตอนนั้น สั่งจัดเก็บภาษีศุลกากรในอัตราราว 20% จากสินค้าประมาณครึ่งหนึ่งที่อเมริกาซื้อจากจีน กระทรวงการคลังสามารถจัดเก็บภาษีนี้ได้เงินราวๆ 100,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าแทบทั้งหมดของจำนวนนี้ ผู้บริโภคสหรัฐฯนั่นแหละคือคนที่จ่าย

ภาษีศุลกากรเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ซึ่งอธิบายถึงการที่อัตราเงินเฟ้อเมื่อคำนวณจากพวกสินค้าคงทน พุ่งขึ้นสูงลิ่วในช่วงปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ราคาผู้บริโภคสำหรับพวกสินค้าคงทนอยู่ในสภาพลดต่ำลงอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วงระหว่างปี 1995 ถึงปี 2020 โดยที่สำคัญเป็นเพราะพวกอิเล็กทรอนิกส์มีราคาลดลง ดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับสินค้าคงทนนั้นตกลงราว 25% ทีเดียวในช่วงระหว่างปี 1997 ถึงปี 2020 ก่อนที่มันจะเด้งกลับขึ้นมาประมาณ 15% นับตั้งแต่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ต่อสู้กับโรคโควิด-19

อย่างที่แสดงให้เห็นในแผนภูมิข้างล่างนี้ การที่สินค้าซึ่งสหรัฐฯนำเข้าจากจีนมีราคาที่ลดต่ำลงนั้น มีผลกระทบอย่างใหญ่โตทีเดียวต่อราคาที่ชาวอเมริกันต้องจ่ายเพื่อซื้อพวกสินค้าคงทน



ผลสำรวจความคิดเห็นของ ว็อกซ์/ดาตา ฟอร์ โพรเกรสสีฟ โพลล์ (Vox/Data for Progress poll) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vox.com/22600551/inflation-rate-poll-jobs-infrastructure-fed) ระบุเอาไว้ว่า ในทัศนะของผู้ออกเสียงชาวอเมริกัน เรื่องเงินเฟ้อคือประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจเร่งด่วนที่สุด

เวลานี้ สหรัฐฯนำเข้าสินค้าต่างๆ จากจีนคิดเป็นมูลค่าประมาณปีละ 550,000 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับเกือบๆ หนึ่งในสี่ของผลผลิตด้านอุตสาหกรรมการผลิตของอเมริกา ซึ่งอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เมื่อคำนวณจากพื้นฐานตัวเลขจีดีพี ในเมื่อสินค้านำเข้าจากจีนประมาณครึ่งหนึ่งทีเดียว ถูกจัดเก็บภาษีศุลกากรในอัตราราวๆ 20% ดังนั้นเพียงใช้หลักเลขคณิตธรรมดาๆ ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การยกเลิกภาษีศุลกากรเช่นนี้ไป สมควรจะลดต้นทุนของสินค้าคงทนในสหรัฐฯลงได้ประมาณ 2% กว่าๆ

จิน ชั่นหรง (Jin Canrong) ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเหรินหมิน (Renmin University) ในกรุงปักกิ่ง และเป็นนักวิชาการจีนคนสำคัญคนหนึ่งซึ่งเป็นที่ติดตามกันอย่างใกล้ชิดในวอชิงตัน ออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัตราเงินเฟ้อสามารถที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯล้มละลายได้ เนื่องจากกำลังทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยในภาระหนี้สินของสหรัฐฯพุ่งสูงลิ่ว เขากล่าวต่อไปด้วยว่า สหรัฐฯจำเป็นต้องอาศัยสายโซ่อุปทานของจีน เพื่อกดให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ข้อเขียนเรื่อง "Will China bail out Biden?," วันที่ 3 สิงหาคม 2021 https://asiatimes.com/2021/08/will-china-bail-out-biden/)

โกล.ไทมส์ (Global Times) หนังสือพิมพ์ในการควบคุมของรัฐจีน เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ได้เสนอความเห็นเอาไว้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของตน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.globaltimes.cn/page/202108/1230787.shtml) ว่า "นโยบายจัดเก็บภาษีศุลกากรอัตราสูงของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ฝืนกับแนวโน้มของช่วงเวลานี้ และจะไม่สามารถยืนโรงไปได้นาน พวกบริษัทจีนโดยทั่วไปสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่เช่นนี้แล้ว ขณะที่สหรัฐฯกลับกำลังเจ็บปวดเสียหายจากภาษีศุลกากรเหล่านี้มากกว่าจีน  เรื่องนี้กำลังค่อยๆ ก่อรูปกลายเป็นฉันทามติในมติสาธารณชนสหรัฐฯ  และนี่ทำให้จีนมีเงื่อนไขที่ได้เปรียบกว่าในการธำรงรักษาจุดโฟกัสทางยุทธศาสตร์ของตน  อันที่จริงแล้ว มันยังเป็นการประกาศให้เห็นกันอย่างชัดเจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ถึงความแข็งแกร่งอย่างรอบด้านของจีน"

เวลาเดียวกันนี้ พวกนักยุทธศาสตร์ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ยังกำลังมีข้อสรุปอีกประการหนึ่งว่า ทรัมป์ประสบความล้มเหลวในการพยายามเหนี่ยวรั้งดึงถ่วงให้จีนก้าวหน้าช้าลงมา จากวิธีการตัดขาดไม่ให้จีนสามารถเข้าถึงพวกเซมิคอนดักเตอร์ระดับไฮ-เอนด์ ซึ่งผลิตขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีสหรัฐฯ ทั้งนี้เอเชียไทมส์คือสื่อเจ้าแรกซึ่งรายงานเอาไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วว่า จีนมีศักยภาพด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่สามารถหลบหลีกข้ามลอดมาตรการแซงก์ชั่นอเมริกันซึ่งมุ่งสกัดขัดขวางพวกแอปพลิเคชั่นสำคัญขั้นเป็นตายทั้งหลาย อย่างเช่น การสร้างเครือข่าย 5จี รวมทั้งยังรายงานว่าจีนกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในการนำเอา 5จี มาใช้ประโยชน์ในแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างกว้างขวาง (ดูเพิ่มเติมได้ที่ข้อเขียนเรื่อง "China is first out of the gate to Industry 4.0," วันที่ 26 มิถุนายน 2021 https://asiatimes.com/2021/06/china-is-first-out-of-the-gate-to-industry-4-0/)

ภายในปีนี้ จีนจะสร้างสถานีฐานของเครือข่าย 5จี ได้เกือบๆ 1 ล้านแห่ง ถือเป็นฝีก้าวที่ล้ำหน้าดินแดนส่วนอื่นๆ ของโลกไปไกลทีเดียว ยิ่งกว่านั้น แหล่งข่าวหลายรายในแวดวงอุตสาหกรรมจีนรายงานว่า เครือข่าย 5จี ที่มีความประณีตซับซ้อน สำหรับใช้ในโรงงาน, ท่าเรือ, โกดังคลังสินค้า, เหมืองแร่, และระบบขนส่งภายในตัวเมืองใหญ่ จำนวนหลายหมื่นระบบ กำลังจะได้รับการติดตั้งขึ้นมาให้ใช้งานได้ภายในช่วงปีหน้า

ในเดือนกรกฎาคม 2021 สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานว่าด้วยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.semiconductors.org/wp-content/uploads/2021/07/Taking-Stock-of-China%E2%80%99s-Semiconductor-Industry_final.pdf) โดยพูดเอาไว้ดังนี้:

"เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง จีนได้ส่งทีมนักบินอวกาศขึ้นสู่อวกาศเพื่อเข้าไปประจำอยู่ในสถานีอวกาศแห่งใหม่ ก่อนหน้านั้นในปีนี้ จีนยังจัดส่งยานสำรวจไปยังดาวอังคาร พวกสื่อภาครัฐของจีนรายงานว่า ทั้งภายในสถานีอวกาศ และภายในยานสำรวจดาวอังคารของจีนเหล่านี้ ต่างใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่ออกแบบและผลิตขึ้นภายในประเทศล้วนๆ 100% เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงสมรรถนะด้านไมโครชิประดับประณีตซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของจีน

กระนั้นก็ตาม ขณะที่จีนแสดงให้เห็นว่ามีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีด้านชิปบางอย่างบางด้าน  ทว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพื่อการพาณิชย์ของแดนมังกรโดยรวมกลับยังคงอยู่ในอาการค่อนข้างเริ่มต้นเติบโตเท่านั้น  แต่รัฐบาลจีนก็กำลังใช้ความพยายามอย่างจริงจังเพื่ออุดช่วงห่างนี้ ด้วยการลงทุนในเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ เป็นมูลค่ามากกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์ ในระยะเวลาตั้งแต่ปี 2014 ไปจนถึงปี 2030 และด้วยการหนุนส่งจากตลาดที่กำลังบูม ตลอดจนการลงทุนต่างๆ เหล่านี้ของรัฐบาล จีนจึงอยู่ในฐานะที่จะมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นในบางภาคส่วนของตลาดเซมิคอนดักเตอร์"

ในบทวิจารณ์ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.project-syndicate.org/commentary/china-
versus-america-ai-race-pandemic-by-eric-schmidt-and-graham-allison-2020-08) ที่เขียนให้ โปรเจ็คต์ ซินดิเคต (Project Syndicate) เมื่อวันที่ 4สิงหาคม เกรแฮม แอลลิสัน (Graham Allison)ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ อีริก ชมิดต์ (Eric Schmidt)อดีตซีอีไอของ กูเกิล กล่าวเตือนเอาไว้ว่า:

"ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ทึกทักเอาว่า ความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีก้าวหน้าด้านต่างๆ ของประเทศชาติของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ ขณะเดียวกันก็มีผู้คนจำนวนมากในประชาคมความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯยืนกรานว่า จีนไม่มีทางเลยที่ไปได้ไกลเกินกว่าการเป็น "คู่แข่งขันที่ตามหลังมาใกล้ๆ"ของสหรัฐฯ ในด้าน เอไอ (AI ย่อมาจาก artificial intelligenceปัญญาประดิษฐ์) ในความเป็นจริงแล้ว จีนเป็นคู่แข่งขันระดับเท่าเทียมเต็มที่ของสหรัฐฯอยู่แล้วในเรื่องแอปพลิเคชั่น เอไอ ทั้งในเชิงพาณิชย์และในด้านความมั่นคงแห่งชาติ จีนไม่ได้เพียงแค่กำลังพยายามเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเท่านั้น พวกเขามีความเชี่ยวชาญในเรื่องเอไออยู่แล้ว

โรคระบาดใหญ่คราวนี้เป็นการเสนอเวทีทดสอบอย่างเปิดเผยรุ่นแรกๆ ในเรื่องความสามารถของแต่ละประเทศที่จะระดมเอาเอไอออกมาใช้เพื่อตอบโต้กับภัยคุกคามทางความมั่นคงแห่งชาติ  ในสหรัฐฯ คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าตนนำเอาเทคโนโลยีลำสมัยมาใช้งานเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศ"ทำสงคราม" กับไวรัสโคโรนา ทว่าส่วนใหญ่ที่สุดแล้ว เทคโนโลยีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเอไอ ถูกนำมาใช้ในฐานะเป็นวลีถ้อยคำที่ทำให้เกิดความรู้สึกประทับใจเสียมากกว่า

ในประเทศจีนไม่ใช่อย่างนั้น เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสร้าย จีนล็อกดาวน์ประชากรทั้งหมดในมณฑลเหอเป่ย –ผู้คนจำนวน 60 ล้านคน  นั่นคือมากกว่าจำนวนของผู้พำนักอาศัยอยู่ทางฝั่งอีสต์โคสต์ของสหรัฐฯทุกๆรัฐ ไล่ตั้งแต่รัฐฟลอริดาจนถึงรัฐเมน จีนดูแลรักษาเขตควบคุมโรคอันใหญ่โตมโหฬารที่ขีดวงขึ้นมานี้ โดยใช้อัลกอริธึมที่ผ่านการปรับปรุงยกระดับโดยเอไอ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของผู้พำนักอาศัย และยกระดับสมรรถนะในการตรวจหาเชื้อ เวลาเดียวกันนั้นก็สร้างสถานรักษาพยาบาลขนาดมหึมาแห่งใหม่

เอเชียไทมส์เป็นสื่อรายแรกที่รายงานข่าวเรื่องจีนใช้ เอไอ เพื่อควบคุมโรคระบาดใหญ่คราวนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2020  (ในข้อเขียนเรื่อง ("China suppressed Covid-19 with AI and big data"https://asiatimes.com/2020/03/china-suppressed-covid-19-with-ai-and-big-data/)

มาตรการแซงก์ชั่นเทคโนโลยีของคณะบริหารทรัมป์ ไม่ได้ดึงรั้งจีนให้เชื่องช้าลง ในทางตรงกันข้าม อย่างที่ แอลลิสัน และชมิดต์ ยืนยันเอาไว้ จีนกำลังเคลื่อนตัวไปได้รวดเร็วกว่าสหรัฐฯ  และในบางแวดวงกระทั่งแซงหน้าสหรัฐฯไปแล้ว  เมื่อพิจารณากันด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและเหตุผลทางยุทธศาสตร์  คณะบริหารไบเดนน่าที่จะนำเอานโยบายจีนที่ล้มเหลวแล้วของทรัมป์ไปกลบฝังอย่างเหมาะสม  แล้วจะได้เดินหน้ากันต่อไป
#2892


ค่าเงินริงกิตร่วงลงมาอยู่ที่ 4.2410 ริงกิต/ดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.ค.2563 ขณะที่ดัชนี FTSE Bursa Malaysia KLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ร่วงลง 0.6% หลังเริ่มเปิดการซื้อขายได้ไม่กี่นาที

สื่อหลายสำนักรายงานว่า นายยัสซินเตรียมลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ หลังสูญเสียเสียงข้างมากในรัฐสภา

ด้านสำนักข่าวมาเลเซียกินิของมาเลเซีย รายงานโดยอ้างนักการเมืองรายหนึ่งว่า นายยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เตรียมลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ แม้ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งลั่นเดินหน้าต่อสู้ในสภาหลังถูกบีบให้ลงจากตำแหน่ง

รายงานข่าวระบุว่า นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ได้แจ้งให้สมาชิกพรรคทราบเรื่องการตัดสินใจลาออกแล้ว โดยเขาจะเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีรอบพิเศษในวันนี้ ก่อนที่จะยื่นลาออกต่อกษัตริย์อัล-สุลต่าน อับดุลลาห์ หลังประชุมเสร็จแล้ว

นายยัสซินซึ่งก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในเดือนมี.ค.ปีที่แล้วได้ครองที่นั่งเสียงข้างน้อยในรัฐสภา โดยนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายยัสซินพยายามหลีกเลี่ยงการโหวตเสียงในรัฐสภาเพราะเกรงว่าพรรคฝ่ายค้านจะใช้สิทธิในการโหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

นายยัสซินเผชิญกับแรงกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากกษัตริย์อัล-สุลต่าน อับดุลลาห์ ได้แสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลเพิกถอนกฎหมายว่าด้วยการใช้สถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐสภาตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ
#2893


ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ Live สดผ่าน facebook : คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Ecommerce กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัวโครงการ "เกษตรกร Happy" phase 2 เพื่อช่วยเกษตรกรชาวสวนลำไย เงาะ ลองกอง ในการขายผลไม้คุณภาพดี สดจากสวน ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นแผนการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงและเข้าขั้นวิกฤต จนทำให้มีการเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์ทั้งในและต่างประเทศ ตลาดต่างประเทศมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากขึ้น ระบบขนส่งระหว่างประเทศเกิดความติดขัด ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แรงงานและผู้ค้า

 รวมทั้งบริษัทขนส่งในประเทศติดโควิดเพิ่มมากขึ้น ผู้ส่งออกและล้งลดจำนวนลง ในขณะที่ผลไม้อยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวพร้อม ๆ กัน ทั้งมังคุด เงาะ ลำไย และลองกอง เป็นต้น โครงการนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1) รณรงค์ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยภายในประเทศ 2) เพิ่มกิจกรรมการค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อระบบการค้าที่เป็นธรรม และ 3) ยกระดับราคา เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ภายใต้แนวคิด "คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทยแฮปปี้" และ "คนไทยไม่ทิ้งกัน"


        และจากการดำเนินโครงการ "เกษตรกร Happy" phase 1 ในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนมังคุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งได้รับความรวมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กรมประชาสัมพันธ์ ททบ.5 กองทัพบก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, บริษัท แกร็บ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท เซ็นทรัล กรุ๊ป จำกัด, เครือข่ายร้านธงฟ้า คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Ecommerce คณะกรรมการธุรกิจเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกแขนงที่ช่วยในการสื่อสารรณรงค์จนประสบความสำเร็จ และสามารถระบายมังคุดออกจากกลไกตลาดและรักษาเสถียรภาพราคาได้ในระดับที่น่าพอใจ


"ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันดำเนินโครงการเกษตรกร Happy ซึ่งในวันนี้เป็นการดำเนินโครงการเฟส 2 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่กำลังออกตามฤดูกาล ทั้งลำไย ลองกอง และเงาะ โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการในหลายมิติ ทั้งการรณรงค์บริโภคผลไม้ไทย การขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้อุดหนุนผลไม้ไทย และได้มอบ หมายปลัดเกษตรฯ ตั้งทีมกระจายผลไม้เฉพาะกิจ เพื่อประสานงานไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ

            สำหรับการแก้ไขปัญหาด้านการส่งออกลำไย ตามที่จีนมีหนังสือเพื่อให้ไทยสั่งระงับการส่งออกลำไยจาก66 ล้งที่ตรวจพบเพลี้ยแป้งปนเปื้อน นั้น กรมวิชาการเกษตรอยู่ระหว่างเจรจากับจีนโดยต่อรองให้จีนอนุโลมให้ล้งที่ตรวจพบเพลี้ยแป้งไม่มาก และไทยพร้อมจะสุ่มตรวจเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 % เป็น 5-10 %  คาดว่าจีนจะรับข้อเสนอของไทย  

            นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ ยังอยู่ระหว่างประสานกับเวียดนามเพื่อให้เปิดตลาดกับไทยด้วย  อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจะประสบความสำเร็จได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กระทรวงเกษตรฯ จึงพยายามเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและง่ายที่สุด จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องหันมาบริโภคผลไม้ไทย และร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในตลาดโลกและตลาดภูมิภาค เช่น มีพื้นที่เพาะปลูกถึง 7 ล้านไร่ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี ทั้งผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง และผลไม้แปรรูป ซึ่งในปี 2564 ได้ประมาณการว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 23% จากปีที่ผ่านมา จาก 4.4 ล้านตัน เป็น 5.4 ล้านตัน และถึงแม้ว่าเราจะเผชิญกับสถานการณ์การโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563

 

กระทรวงเกษตรฯ ได้บริหารจัดการเชิงรุก โดยได้เร่งพัฒนาการบริหารผลไม้จัดการทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิต การสร้างมาตรฐาน GAP/GMP การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างแบรนด์ผลไม้ การบริหารโลจิสติกส์ ตลอดจนการตลาดสมัยใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ผลไม้สามารถครองแชมป์การส่งออก ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 185% ทุเรียนส่งออกขยายตัว 172% และมังคุดเติบโตถึง 488% ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรโดยรวม มีมูลค่า 71,473 ล้านบาท โดยมีอัตราการขยายตัวสูงสุดถึง 59.8% นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี และเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องกัน
#2894


ศึกฟุต.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 เป็นเกมนัดแรกของฤดูกาล 2021/22 คู่ดึก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยกพลไปเยือน "นกขมิ้น" นอริช ซิตี ทีมน้องใหม่

ลิเวอร์พูล ของกุนซือเยอร์เก้น คล็อปป์ ได้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังชาวดัตช์ กลับมาคุมแนวรับอีกครั้ง หลังต้องพักยาวมาตั้งแต่ซีซันก่อน โดยจับคู่กับ โฌเอล มาติป ส่วน 3 แนวรุกใช้บริการ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน และ ดิโอโก โชตา

ขณะที่ นอริช ซิตี เพิ่งเลื่อนชั้นกลับมาสู่ลีกสูงสุดของอังกฤษอีกครั้ง เกมนี้นำทัพโดย ติโม ปุ๊กกี กองหน้าตัวเก่ง โดยมี ท็อดด์ คานต์เวลล์ และ มิลอต ราชิกา สนับสนุนอยู่ข้างหลัง ขณะที่ บิลลี กิลมัวร์ คุมเกมแดนกลาง

ลิเวอร์พูล เปิดฉากบุกเข้าใส่เจ้าถิ่นอย่างต่อเนื่อง และนาทีที่ 26 ก็มาออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิด.มาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จับ.ไม่ดี แต่เด้งมาเข้าทาง ดิโอโก โชตา ซัดหนีมือนายทวารเจ้าถิ่นเข้าไป และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งเวลาหลัง น.65 ลิเวอร์พูล มาหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะสวนกลับ โรแบร์โต ฟีร์มิโน จ่ายให้ ซาดิโอ มาเน ยิงไปติดกองหลังเจ้าถิ่น แต่.เด้งมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปาดเข้ากลางให้ ฟีร์มิโน่ ซัดล่อเป้าเข้าไป

น.74 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 จากจังหวะลูกเตะมุม กองหลังนอริช ซิตี สกัดกันไม่ขาดมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปั่นโค้งๆ ด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษเข้าประตูไปอย่างสุดสวย

ช่วงเวลาที่เหลืองทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ นอริช ซิตี 3-0 ประเดิมคว้าสามแต้มได้สำเร็จ

รายชื่อ 11 ตัวจิงของทั้งสองทีม
นอริช ซิตี : ทิม ครูล (GK), แม็กซ์ อารอนส์, เบนจามิน กิบสัน, แกรนท์ ฮานเลย์, ดิมิทริส จิอันนูลิส, บิลลี กิลมัวร์, ลูคัส รัปป์, ปิแอร์ ลีส์ เมลู, ท็อดด์ คานต์เวลล์, มิลอต ราชิกา, ติโม ปุ๊กกี

ลิเวอร์พูล : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โฌเอล มาติป, คอนสตันตินอส ซิมิกาส, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิตา, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก โชตา


ผลฟุต.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 คู่อื่นๆ
แมนฯ ยูไนเต็ด 5-1 ลีดส์ ยูไนเต็ด
เบิร์นลีย์ 1-2 ไบร์ทตัน แอนด์ โฮล์ฟ อัลเบียน
เชลซี 3-0 คริสตัล พาเลซ
เอฟเวอร์ตัน 3-1 เซาแธมป์ตัน
วัตฟอร์ด 3-2 แอสตัน วิลล่า
#2895


รวมถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ในเดือน ก.ค. 2564 ลดลง 0.5 จุด เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง

ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้นำปัจจัยเหล่านี้ มาวิเคราะห์ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบICE Brentระยะสั้นสัปดาห์นี้ จะอยู่ระหว่าง 72– 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แม้ว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปีนี้ จะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ในระยะสั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินว่า คงยังขึ้นไปแตะระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไม่ง่ายนัก

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กระทรวงพลังงาน ยังติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด และพยายามรักษาเสถียรภาพราคา โดยยังยึดหลักการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการเข้ามาดูแลราคา ซึ่งหากราคาน้ำมันสูงเกินระดับที่ตั้งไว้ก็จะใช้กลไกกองทุนฯเข้าไปดูแล เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้น้ำมัน

ขณะที่เรื่องของค่าไฟฟ้า ภาครัฐก็ยังดูแลให้ ผ่านมาตรการส่วนลดค่าไฟ และเรื่องของก๊าซหุงต้ม(LPG) ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ก็ยังดูแลราคาต่อไป รวมถึงการช่วยเหลือราคาพลังงานผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ยังดูแลเช่นกัน

"การกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำมาดูแลเสถียรภาพราคาในอนาคต ก็อยู่ในอำนาจอยู่แล้ว ไม่ได้มีประเด็นอะไร แต่ขอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะตอนนี้ ราคา LPG เป็นขาขึ้น ก็ต้องดูว่าจะลากยาวอย่างไร"

ส่วนความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลามาตรการช่วยส่วนลดค่าไฟฟ้าที่จะสิ้นสุดในสิ้นเดือนส.ค.นี้ ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ดำเนินการได้ แต่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลคาดหวังให้การควบคุมโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรัฐบาลพร้อมออกมาตรการเยียวยาผลกระทบให้กับประชาชน



ส่วนแนวทางในการลดการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 10 สตางค์ต่อลิตร เพื่อนำไปลดต้นทุนราคาน้ำมันนั้นในอนาคตนั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ ซึ่งยังต้องรอเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ (บอร์ดกองทุนฯ) ในเร็วๆนี้ เพื่อพิจารณาลดการจัดสรรเงินกองทุนฯในปี 2565 แต่ในส่วนนี้ ก็ต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการเก็บเงินที่จะต้องไม่กระทบต่อแผนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้ได้ไม่น้อยกว่า 30% ด้วย

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงาน ได้สั่งกำชับให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันและLPGอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงาน ยังยึดหลักการดูแลราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้เกิดภาระต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมันและต้นทุนการขนส่งสินค้า

อีกทั้ง ทาง สกนช. ยังได้เตรียมแผนการกู้เงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับรับมือกรณีที่กองทุนน้ำมันฯต้องรับภาระดูแลราคา LPG และราคาน้ำมัน จนส่งผลกระทบต่อสถานะกองทุนฯในอนาคตด้วย 


คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. ระบุว่า การดูแลค่าไฟฟ้าไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 นั้น กกพ.ได้มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วย ต่อไปจนถึงสิ้นปี

"ราคาก๊าซฯ ขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณความต้องการการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์การเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงก็เป็นผลลบต่อราคาพลังงาน"

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2565 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแล้ว ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะราคาพลังงานขาขึ้น ทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที)ในปี 2565 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ดังนั้น การบริหารค่าเอฟทีในปี 2565 จะเป็นไปในทิศทางเพื่อสร้างให้ค่าไฟฟ้ามีเสถียรภาพ โดยขณะนี้ กกพ.ยังมีเงินเหลืออีกกว่า 2,000 ล้านบาท ที่จะนำมาบริหารจัดค่าไฟฟ้าในอนาคต แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเพียงพอหรือไม่ เพราะยังต้องดูหลายปัจจัยในขณะนั้นด้วย 

ดับ 304 ศพสังเวย'แผ่นดินไหวเฮติ'
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังหนัก! พบติดเชื้อเพิ่ม 21,882 ราย เสียชีวิต 209 ราย ไม่รวม ATK อีก 1,586 ราย
'เดินเร็ว' ออกกำลังกายยอดฮิตวัยทำงาน ช่วงโควิด-19

ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า แม้โควิด -19 จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย แต่การส่งออกสินค้าเกษตรไทย ยังขยายตัวได้ดี ตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ถือว่าเป็นอีกแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2564 (เดือนม.ค.- มิ.ย.)มีมูลค่า716,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1 % สินค้าสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ยางพารา เนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ กุ้งและผลิตภัณฑ์ และน้ำมันปาล์ม โดย ตลาดส่งออกหลักที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ผลกระทบโควิด-19พบว่าภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับ ภาคอื่น ๆโดย

ผลกระทบที่ได้รับมีสาเหตุหลักมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อสินค้าเกษตรที่อ่อนตัวลง เพราะมาตรการ ที่ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19โดยผลวิเคราะห์พบว่ากรณีโควิด-19 กระทบ 5 เดือน (เม.ย.-ส.ค. 2564) มูลค่าทางเศรษฐกิจการเกษตรในส่วนของการบริโภคสินค้าเกษตรในประเทศ จะลดลงรวมทั้งสิ้น13,895 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อสาขาการผลิตทางการเกษตร 5 อันดับแรก (กรณี 5 เดือน) พบว่าสาขาการผลิตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ การทำสวนผัก มูลค่าทางเศรษฐกิจลดลง 3,049 ล้านบาท รองลงมา คือ การทำสวนผลไม้ มูลค่าลดลง 2,061 ล้านบาท การทำนา มูลค่าลดลง 2,038 ล้านบาท การประมงทะเลและการประมงชายฝั่ง มูลค่าลดลง 1,007 ล้านบาท และการเลี้ยงสัตว์ปีก มูลค่าลดลง 908 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากโครงสร้างการบริโภคของประเทศไทย มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริโภค ผัก ผลไม้ และข้าว มากที่สุด


อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตร เป็นภาคสำคัญที่รองรับการย้ายคืนถิ่นในช่วงการระบาดโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานเมือง และความรู้และเทคโนโลยี จึงถือเป็นการสร้างโอกาสการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรและเร่งกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคให้เกิดขึ้นจริงได้ เพราะกลุ่มแรงงานคืนถิ่นรุ่นใหม่กลุ่มนี้ จะเพื่อเป็นกำลังสำคัญทั้งการสร้างมูลค่าใหม่ทางการเกษตร มูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปเกษตรอย่างง่าย รวมทั้งพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสุขภาพ

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมแนวทางดำเนินนโยบายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ตลอดจนผลักดันนโยบายดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการพัฒนาและปรับทักษะแรงงาน (upskill/reskill) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล (Smart Farm) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ (economic shocks) ในอนาคตได้

"โควิดระลอกนี้เสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวช้าลง จะขยายตัวเพียง 0.7% เท่านั้นขณะที่ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร(จีดีพี เกษตร)ในไตรมาส 2 ปี 2564 สศก. พบว่า ขยายตัว 1.2% "
#2896


เจมี คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังของ ลิเวอร์พูล แสดงทัศนะว่า ทัพนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีมูลค่ารวมกันมหาศาล ไม่สมควรพลาดหยิบแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้

แมนฯยู มีคิวเปิดศึก พรีเมียร์ ลีก ซีซันใหม่ เจอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่บ้านของตัวเอง วันที่ 14 สิงหาคม ขณะเดียวกัน ยังนับเป็นปีที่ 3 แล้วที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม

"ผีแดง" ซีซันนี้ใช้เงินก้อนโตจ่ายค่าตัวนักเตะบิ๊กเนมอย่าง เจดอน ซานโช ที่ 73 ล้านปอนด์ และ ราฟาเอล วาราน กองหลังคนใหม่ 42 ล้านปอนด์ ซึ่งหากเมื่อนับค่าตัวของนักเตะชุดปัจจุบันทั้งทีม ก็อยู่ที่ 500 ล้านปอนด์

และนั่นทำให้ คาร์ราเกอร์ อดีตแนวรับ ลิเวอร์พูล มองว่า ถึงเวลาแล้วที่ลูกทีมของ โซลชา ต้องรีดฟอร์มยอดเยี่ยมไปคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ให้ได้โดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ เพราะถือว่ามีขุมกำลังที่เพียบพร้อมที่สุดแล้วในปีนี้

"โซลชา กำลังเข้าสู่การทำงานปีที่ 3 ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และสโมสรก็ต่อสัญญากับเขาอีก 3 ปี มันถึงเวลาแล้วที่ ยูไนเต็ด จะต้องลุยเพื่อแชมป์ลีก นั่นคือ ความคาดหวังที่แท้จริง และคุณไม่สามารถลดระดับความทะเยอะทะยานนั้นได้"

"ซีซันที่แล้ว ยูไนเต็ด มีศักยภาพที่จะชิงแชมป์ แต่กลับล้มเหลวเมื่อถึงเดือนมกราคม พวกเขาต้องดีกว่านี้ ยูไนเต็ด มี 11 ตัวจริงที่ราคาแพงที่สุดที่ 500 ล้านปอนด์ ดีกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่มี แจ๊ค เกรียลิช ในราคา 100 ล้านปอนด์"

"นี่คือทีมที่ดีและมีราคาแพงทีเดียว ซึ่งน่าจะส่งผลถึงความกดดันที่มีต่อ ยูไนเต็ด ด้วยเช่นกัน กระนั้น พวกเขาผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว"
#2897


ไทยประกันชีวิตพัฒนาแบบประกัน Par Product "มันนี่ ฟิต เวลท์ตี้ 12/6" และ "มันนี่ ฟิต เวลท์ตี้ 15/5" ตอบโจทย์คนวัยทำงานที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ชูจุดเด่นมีเงินคืนตลอดสัญญา พร้อมโอกาสรับเงินปันผล และสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท

นายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Life Operation Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากนโยบายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต หรือ Life Solutions ผ่านการส่งมอบสุขภาพที่ดีและการสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน ด้วยนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและการเงินที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มในทุกช่วงชีวิต ภายใต้แนวคิด "ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง" หรือ Customer Centric

ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ บริษัทฯ จึงได้พัฒนาแบบประกันใหม่ Life Solutions Product ในกลุ่มมันนี่ฟิต (Money Fit) 2 แบบ คือ "มันนี่ ฟิต เวลท์ตี้ 12/6" (มีเงินปันผล) และ "มันนี่ ฟิต เวลท์ตี้ 15/5" (มีเงินปันผล) ซึ่งเป็นสินค้าแบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล (Participating Product) ที่มีการให้ผลประโยชน์เพิ่มเติมในรูปแบบเงินปันผล เหมาะสำหรับกลุ่มคนวัยทำงานหรือผู้มีเงินได้ ที่ต้องการสร้างหลักประกันชีวิตควบคู่การออมที่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า การสร้างกองทุนเกษียณอายุ หรือใช้เป็นกองทุนสำรองในยามฉุกเฉิน เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางการเงินในอนาคต

แบบประกัน "มันนี่ ฟิต เวลท์ตี้ 12/6" (มีเงินปันผล) ชำระเบี้ยประกันภัย 6 ปี ระยะเวลาคุ้มครอง 12 ปี ระหว่างสัญญารับเงินคืน 2% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีที่ 1-4 และรับเงินคืนเพิ่มเป็น 3% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีที่ 5-8 และรับเงินคืน 4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีที่ 9-11 ครบกำหนดสัญญารับเงินก้อน 600% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย กรณีเสียชีวิตระหว่างสัญญาจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดตั้งแต่ 100% - 600% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

และแบบประกัน "มันนี่ ฟิต เวลท์ตี้ 15/5" (มีเงินปันผล) ชำระเบี้ยฯ เพียง 5 ปี ให้ความคุ้มครองชีวิตนาน 15 ปี รับเงินคืนระหว่างสัญญา 8% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีที่ 1-10 และรับเงินคืน 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีที่ 11-14 ครบกำหนดสัญญารับเงินก้อน 400% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตระหว่างสัญญา รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดตั้งแต่ 100% - 500% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

แบบประกันทั้งสองแบบนี้ ผู้เอาประกันภัยมีโอกาสจะได้รับเงินปันผล ตามอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนกลุ่มสินทรัพย์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์แบบมีส่วนร่วมในเงินปันผล หรือ Par Fund ในแต่ละปี หากมีผลตอบแทนมากกว่าเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด ผลตอบแทนส่วนที่เกินจะถูกนำมาจัดสรรเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้เอาประกันภัย ในรูปแบบของเงินปันผลระหว่างสัญญา และเงินปันผลเมื่อครบกำหนดสัญญา ซึ่งการพิจารณาจ่ายเงินปันผล จะขึ้นอยู่กับผลตอบแทนจากการลงทุน Par Fund โดยบริษัทฯ จะพิจารณาจ่ายเงินปันผลทุกวันครบรอบปีกรมธรรม์ ตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 2 เป็นต้นไป


"ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในปัจจุบัน แบบประกันที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้น ถือเป็นทางเลือกที่ตอบความต้องการของผู้บริโภค เพราะให้ทั้งความคุ้มครองชีวิต มีเงินคืนตลอดสัญญา และมีโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มจากเงินปันผล รวมถึงสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท รองรับทุกแผนการเงินในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้สนใจสามารถสมัครได้ง่ายๆ โดยไม่ตรวจและไม่ต้องแถลงสุขภาพอีกด้วย" นายสวัสดิ์กล่าว

นอกจากนี้ ผู้เอาประกันภัยของบริษัทฯ ยังได้รับบริการที่มากกว่าการประกันชีวิต อาทิ ไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์และเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ ทั่วโลก ไทยประกันชีวิตแคร์เซ็นเตอร์ ศูนย์ดูแลสิทธิประโยชน์และให้บริการข้อมูลแก่ผู้เอาประกันภัย โทร.1124 หรือตรวจสอบข้อมูลพร้อมทำธุรกรรมด้วยตัวเองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต โดยมีตัวแทนฯ Life Partner กว่า 50,000 คน พร้อมเป็นที่ปรึกษาดูแลชีวิตและวางแผนการเงินอย่างมืออาชีพ
#2898


สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลบ 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ราคา 68.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ราคา 71.10 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ไออีเอ ออกรายงานเตือนว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลาจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ไออีเอ เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนส.ค. โดยได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2564 สู่ระดับ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ดี ไออีเอ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2565 สู่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 3 ล้านบาร์เรล/วัน

รายงานของไออีเอ ระบุว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้ทำข้อตกลงเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่าจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น ได้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาน แต่ก็อาจทำให้ตลาดน้ำมันโลกตกอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาดภายในไตรมาส 1/2565 หากโอเปกพลัสยังคงเดินหน้าเพิ่มการผลิต

'ขณะเดียวกัน ไออีเอได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปทานน้ำมันในประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสในปีนี้ สู่ระดับ 600,000 บาร์เรล/วัน จากระดับ 770,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากผลกระทบที่รุนแรงเกินคาดจากการที่โรงกลั่นในภูมิภาคทะเลเหนือและบราซิลปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดี ไออีเอได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปทานน้ำมันในประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสในปีหน้าสู่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน
#2899


ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ได้เปิดบริการใหม่ เซ็นทรัล คิทเช่น (Central Kitchen) ส่งความอิ่มอร่อยจากเซ็นทรัลสู่บ้านคุณ สะดวก สะอาด ดี ครบ จบในที่เดียว อำนวยความสะดวกให้กับคนไทยได้อิ่มอร่อยกับเมนูอาหารจากร้านดังระดับโลกกว่า 2,000 เมนู รวมทั้งร้านมิชลินสตาร์ มิชลินไกด์ และร้านอร่อยแห่งเดียวในไทย พร้อมเสิร์ฟถึงบ้านแบบไม่ต้องต่อคิว ตอกย้ำการเป็น Food destination

ไม่ว่าจะสั่งอยู่ที่บ้าน หรือแวะสั่งที่เคาน์เตอร์ Central Kitchen ข้างซูเปอร์มาร์เก็ตที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทั้ง 21 สาขา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี ระยอง โคราช และหาดใหญ่  เพียง Add Line OA หรือโทรตรงที่สาขาใกล้บ้าน  คลิก https://www.centralplaza.co.th/CentralKitchen/

"เซ็นทรัลพัฒนา ไม่หยุดนิ่งพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้า และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ซึ่งบริการใหม่ล่าสุด 'Central Kitchen' นี้ จะเป็นจุดศูนย์กลางการให้บริการผ่านช่องทางการสั่ง ที่ง่ายและสะดวกกว่า ทั้งแบบโทรตรงหรือ Add LINE OA สาขาใกล้บ้าน คลิกเลือกเมนูที่ชอบ และรอรับอาหารที่บ้าน ทางร้านมีบริการเรียกไรเดอร์ส่งให้ หรือจะแวะมาสั่งที่เคาน์เตอร์ Central Kitchen ก่อนเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต เสร็จแล้วออกมารับได้เลยด้วยบริการแบบ Touchless experiences"  

ทั้งนี้ Central Kitchen รวบรวมร้านดังตั้งแต่ Street food อร่อยทานง่ายจานเดียวจบ ชาบู ปิ้งย่าง ชานมไข่มุก ไปจนถึงร้านที่มาเปิดแห่งแรกในไทย และร้านดังระดับโลก การันตีด้วยมิชลินสตาร์ และมิชลินไกด์ รวมแล้วกว่า 1,000 ร้าน 2,000 เมนู  อาทิ Kam' Roast ห่านย่างชื่อดังระดับตำนาน  มิชลินสตาร์ 7 ปีซ้อน, Song Fa บักกุ๊ดเต๋ระดับ Michelin Guide Singapore สาขาแรกในไทย, Din Tai Fung อาหารจีนระดับมิชลินสตาร์สไตล์ไต้หวัน ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก, TP Tea ชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลก และ The Coffee Academics คอฟฟี่เฮ้าส์แบรนด์ดังจากฮ่องกง หนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลก, % Arabica ร้านกาแฟชื่อดังจากเกียวโต

ยังมีเมนูเด็ดจากร้านดังมากมายในศูนย์ฯ อาทิ Haidilao หม่าล่าหม้อไฟชื่อดัง, Sushiro ร้านซูชิสายพานอันดับ 1จากญี่ปุ่น, La Meow หม่าล่าชื่อดังสูตรเมืองจีนมณฑลหูหนานแท้ , Seoga & Cook, แหลมเจริญซีฟู้ด, SUSHI DEN, SIZZLER, Spaghetti Factory, OOTOYA, MOMO PARADISE, SUSHI HIRO, PEPPER LUNCH, SUBWAY, CHUAN KITCHEN  Jones' SALAD, คำพูน, ลาวญวน, เพลินพุง, ตำตำ,  คัตสึยะ, ร้านของหวานร้านดัง อร่อยเด็ด ที่ต้องโดน อาทิ, Peak Chocolate , S&P, mx cake & bakery,  Paul Bakery, ERIC  KAYSER, Haagen-Dazs, Cheevit Cheeva, Swensen's, Cold Stone,  Krispy Kreme , Koomi, Kyo Roll En, Olino , Toku Dessert, Mom & Sis , KYO ROLL EN , BAIMIANG ดื่มด่ำความสดชื่นจากร้านชาไข่มุก และคาเฟ่ร้านดังยอดนิยม  อาทิ host & AMBER, GAGA, LOUISA COFFEE, KOI Thé  และอื่นๆอีกมาก รวมถึงร้านอร่อยใน FOOD PARK  

มั่นใจมาตรฐานสะอาด ปลอดภัย "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ x 2"

พร้อมกันนี้ เซ็นทรัลพัฒนา คุมเข้ม มาตรการ อย่างเต็มที่ ทั้งพนักงาน พื้นที่ส่วนกลาง และร้านค้า อาทิ จัดเส้นทางเข้าออกชัดเจน และกำหนดจุดคัดกรองพนักงานเข้มงวดก่อนการปฏิบัติงานทุกวัน, คุมเข้ม 100% Social distancing งดความแออัด, ติดตาม Timeline ของพนักงานทุกวัน, พนักงานต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน 2 ชั้น Double Protection ใส่หน้ากาก 2 ชั้น หรือหน้ากากและ Face shield, รวมถึงมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ในทุกขั้นตอน และ Big Cleaning ทุกวันเป็นประจำ

สำหรับบริการ Delivery พนักงานไรเดอร์ทุกคนต้องผ่านการคัดกรองและประเมิณตนเองผ่าน Thai Stop Covid,  การใช้เจลแอลกฮอล์ฆ่าเชื้อที่ถุงมือและมือก่อน-หลังการรับส่งอาหาร, การจัดพื้นที่เป็นสัดส่วนในการนั่งรอแบบเว้นระยะห่าง และงดการรวมกลุ่มพูดคุยระหว่างรออาหาร เป็นต้น เพื่อความมั่นใจในการใช้บริการของลูกค้าทุกคน

พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแล้ววันนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่  เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, ปิ่นเกล้า, ลาดพร้าว, มหาชัย, แกรนด์ พระราม 9, พระราม 3, พระราม 2, เวสต์เกต, แจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, รามอินทรา, ศาลายา, ระยอง, ชลบุรี, นครราชสีมา, เซ็นทรัล มารีนา, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, อีสต์วิลล์, หาดใหญ่ และเซ็นทรัล วิลเลจ
#2900


บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 ขาดทุน 685 ล้านบาท หรือ ขาดทุนลดลง 77.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2,974 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 64 ขาดทุน 1,431 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 56.79% ที่ขาดทุน 3,313 ล้านบาท หรือ -1.61 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,789.5 ล้านบาท ลดลง 73.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลงจาก 10.274.3 ล้านบาท เป็น 3,970.4 ล้านบาท หรือลดลง 61.4%

สำหรับไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 681.1 ล้านบาท ลดลง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลงจาก 3,705.5 ล้านบาท เป็น 1,936.6 ล้านบาท หรือลดลง 47.7% โดยรายได้จากธุรกิจสายการบิน ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากการให้บริการเที่ยวบินประจำในไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 202.3 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 89.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทเริ่มกลับมาดำเนินการบินในเส้นทางบินภายในประเทศมากขึ้น จากปีก่อนที่เริ่มมีการระบาดและหยุดดำเนินการบินชั่วคราวในทุกเส้นทางภายในประเทศ

สำหรับไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 681.1 ล้านบาท ลดลง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลงจาก 3,705.5 ล้านบาท เป็น 1,936.6 ล้านบาท หรือลดลง 47.7% โดยรายได้จากธุรกิจสายการบิน ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากการให้บริการเที่ยวบินประจำในไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 202.3 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 89.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทเริ่มกลับมาดำเนินการบินในเส้นทางบินภายในประเทศมากขึ้น จากปีก่อนที่เริ่มมีการระบาดและหยุดดำเนินการบินชั่วคราวในทุกเส้นทางภายในประเทศ

ขณะที่รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดย บริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (BAC) มีรายได้ 18.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากลูกค้าเริ่มกลับมาดำเนินการบินหลังจากหยุดดำเนินการไปเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านบริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (BFS Ground) ที่ให้บริการสายการบินอื่น มีรายได้ 248.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการเพิ่มขึ้น 168.1% จากสายการบินลูกค้าเริ่มกลับมาดำเนินการบินหลังจากหยุดดำเนินการบินไปเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แต่อย่างไรก็ดี บริษัทยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มสูงขึ้นและเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 3 ประชาชนในไทยวางแผนชะลอการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเม.ย.64 ในขณะที่รัฐบาลได้เริ่มพิจารณานโยบายเพื่อป้องกันการระบาดระลอกที่ 3 นี้ บริษัทได้ปรับลดจำนวนเที่ยวบินในเส้นทางภายในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการเดินทางในสถานการณ์ปัจจุบันและข้อจำกัดในการเดินทาง