• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Panitsupa

#5461
ข้าวกล้องโภชนาการสูง ข้าวออร์แกนิค ข้าวหอมสุรินทร์ แท้  100% 
ข้าวฮอร์   ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิสุรินทร์ 100%  ขายข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย
  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์  ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิจังหวัดสุรินทร์ ข้าวหอมสุรินทร์ ข้าวหอมอินทรีย์ คัดพิเศษ 100%
"ข้าวฮอร์ ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์"   ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ เป็นผลิตผลจากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ด้วยการปลูกข้าวแบบปลอดสารพิษในทุกขั้นตอน ณ ดินแดนสุรินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งดินและน้ำ เหมาะแก่การปลูกข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง ประกอบกับกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน การเตรียมพันธุ์ข้าว การหว่าน การดูแลแปลงนา และการเก็บเกี่ยว โดยครอบครัวชาวนาที่มีประสบการณ์และร่ำรวยความสุขจากการทำนาอินทรีย์แบบปลอดสารพิษ เพื่อให้เมล็ดข้าว  กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ที่ได้นั้น มีความหอม นุ่ม อร่อย ดีต่อสุขภาพและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบครัน การมีสุขภาพดี คือ ความสุขที่อยู่ใกล้ตัวเรา นอกจากตนเองแล้ว เราควรแบ่งปันความสุขให้กับคนที่เรารักด้วยข้าวหอมมะลิ   ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ ขัดสีไม่ขาวเพื่อคงคุณค่าและใยอาหาร มีกลิ่นหอม นุ่ม ตามเอกลักษณ์ของ ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิสุรินทร์ 100%




ข้าวหอมมะลิออแกนิคคือ ได้รับมาตราฐานเกษตรอินทรีย์ -มีวิตามินและสารอาหารจากข้าวสูง -สะอาด..บริสุทธิ์..จากธรรมชาติ ทุกขั้นตอน"ข้าวอินทรีย์ (  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์)" ที่ผ่านกระบวนการเพาะปลูก และบำรุงรักษาทุกขั้นตอน ด้วยวิถีของเกษตรอินทรีย์ -ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนการผลิต"เมล็ดพันธุ์" คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ แต่ละชนิด ด้วยความรัก ใส่ใจ ในรายละเอียดทุกเมล็ด -ด้วยกระบวนการปักดำ..อย่างพิถีพิถันจากธรรมชาติ"พื้นที่เพาะปลูก" ในจังหวัดสุรินทร์ - ทำการเพาะปลูก และควบคุมเองทุกขั้นตอน"แหล่งน้ำ"  ข้าวหอมมะลิออแกนิกอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติที่ตกตามฤดูกาล"ปุ๋ยที่ใช้" ไถกลบตอซังหลังเก็บเกี่ยวทุกครั้ง และปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน, -  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ,ปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน"การกำจัดศัตรูพืช" ควบคุมด้วยระบบนิเวศน์หรือใส่สารสกัดจากพืชสมุนไพรแทนการฉีดสารฆ่าแมลง

  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา
ข้าวฮอร์ (HOR) ได้รับมาตรฐาน
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้" จากกรมการข้าว จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเภทของ
2.1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)
2.2 ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)
2.3 ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ปลูกข้าวหอมมะลิออแกนิค 
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ขายข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์
Facebook : www.facebook.com/OrganicRiceForBaby/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @ Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.ข้าวหอมสุรินทร์
2.ข้าวกล้องหอมสุรินทร์
3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์)
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ปลูกข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค
6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ
7.  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวหอมมะลิ #ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ #ข้าวหอมมะลิปลอดสาร #ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ #ข้าวหอมมะลิออร์แกนิก #ข้าวหอมสุรินทร์ #ข้าวหอมมะลิออร์แกนิค
 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#5463


กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล กรณีที่ประเทศญี่ปุ่นบริจาครถไฟมือสอง จำนวน 17 คัน ให้ไทยฟรี ซึ่งมีบางส่วนแสดงความเห็นว่าอาจจะเป็นการนำขยะเศษเหล็กมาทิ้งในประเทศไทย

มาทำความรู้จักกับ 7 เรื่องน่ารู้รถไฟขบวนดังกล่าวกัน

1. รถไฟมือสองที่ญี่ปุ่นบริจาคให้ประเทศไทย เป็นรถดีเซลราง (DMU) รุ่น KiHa 183 (คีฮา 183) ของบริษัทรถไฟฮอกไกโด (JR Hokkaido) ในภูมิภาคฮอกไกโด โดยบริจาคมาจำนวน 17 คัน ในราคากลาง 42,500,000 บาท

สภาพภายในตู้โดยสาร รถไฟมือ 2 ที่ญี่ปุ่น บริจาคให้ไทย (ภาพจาก : เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย)
สภาพภายในตู้โดยสาร รถไฟมือ 2 ที่ญี่ปุ่น บริจาคให้ไทย (ภาพจาก : เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย)

2. รถไฟดีเซลราง KiHa 183 เป็นรถที่พัฒนาโดย การรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่น (Japanese National Railways : JNR) มีวัตถุประสงค์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อวิ่งในเส้นทางบนเกาะฮอกไกโด จุดกำเนิดของ KiHa 183 เริ่มต้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 เมื่อการรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่นมองเห็นความจำเป็นในการเปลี่ยนรถไฟรุ่น KiHa 80 ที่ใช้มานานและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากความหนาวเย็นอย่างมากของฤดูหนาวในฮอกไกโด จึงมีการพัฒนารถไฟรุ่นใหม่ทั้งหมด พร้อมกับตั้งชื่อรุ่นว่า KiHa 183

3. KiHa 183 เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1980 บนเส้นทางโอโซระ ฮกไก โอค็อตสค์ และโฮคุโตะบนเส้นทางเซกิโช หลังจากนั้นก็มีการสร้างเพื่อใช้ในเส้นทางอื่นๆ เพิ่มเติมในอีกไม่กี่ปีต่อมา

4. KiHa 183 ทะยอยยุติให้บริการตั้งแต่ปี 2001-2016 โดยปกติแล้วการบำรุงรักษารถไฟของญี่ปุ่นค่อนข้างดีมาก แม้ว่ารถไฟคันนั้นจะให้บริการมายาวนานหลายสิบปี

5. รถไฟของญี่ปุ่นที่ถึงเวลาต้องปลดระวาง จะมีทั้งการทำลายทิ้งโดยเครื่องบดอัดแล้วนำวัสดุมารีไซเคิล หรืออาจจะส่งมอบรถไฟขบวนนั้นให้ประเทศอื่นๆ เพื่อใช้งานต่อไป อย่างเช่นที่ส่งมอบ KiHa 183 ให้แก่ประเทศไทย

สภาพภายในตู้โดยสาร รถไฟมือ 2 ที่ญี่ปุ่น บริจาคให้ไทย (ภาพจาก : เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย)
สภาพภายในตู้โดยสาร รถไฟมือ 2 ที่ญี่ปุ่น บริจาคให้ไทย (ภาพจาก : เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย)

6. การส่งมอบ KiHa 183 ให้แกประเทสไทย เป็นการยกให้ฟรีๆ แต่ไทยต้องดำเนินการขนย้าย และจ่ายค่าขนย้ายเอง

7. อันที่จริงแล้วประเทศไทยเคยได้รับรถไฟมือสองจากญี่ปุ่นมาแล้ว อย่างเมื่อช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ ที่กรุงเทพมหานคร ไทยได้รับรถไฟดีเซลราง Kiha58 มาวิ่งเป็นรถขบวนพิเศษงานเอเชียนเกมส์ ระหว่างธรรมศาสตร์-หลักสี่-มักกะสัน-หัวหมาก เพื่อเชื่อม 3 สนามกีฬาหลัก และต่อมายังมีรถไฟนั่งและนอน นำมาวิ่งเป็นรถด่วนขบวนพิเศษราชพฤกษ์ กรุงเทพ-เชียงใหม่ สำหรับงานพืชสวนโลก และรถนำเที่ยว กรุงเทพ-บ้านวะตะแบก เพื่อไปเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว ก่อนจะมาเป็นรถขบวนรถนอน 13/14 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ

สำหรับ รถไฟดีเซลราง KiHa 183 ที่จะได้รับจากญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะถูกนำมาปรับปรุงให้เป็นอย่างไรต่อไป ต้องรอติดตามต่อไปในอนาคต
#5464


บทความ : ดร.ณัชชา สุขะวัธนกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

    ในปัจจุบันพื้นที่ทางทะเลของประเทศไทยถูกใช้งานเพื่อกิจกรรมทางทะเลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเดินเรือ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญอันอาจสังเกตุได้จากรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คน การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เป็นพฤติกรรมที่ส่งผลต่อปัจจัยที่ขับเคลื่อนการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นรูปแบบการเคลื่อนย้ายสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ระยะเวลา ปริมาณและราคา นอกเหนือจากเทคโนโลยีและความเป็นเลิศของตัวเรือเองซึ่งสนับสนุนการขนส่งทางทะเลที่มีคุณภาพแล้ว การบริหารจัดการและความล้ำสมัยของท่าเรือ ยังเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ของการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลที่มีความสำคัญและเชื่อมโยงกับประเด็นทางกฎหมายที่หลากหลาย 
 
    ในยุค 4.0 นี้ประเทศไทยได้ต่อยอดนโยบายเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมยุทธศาสตร์ชาติเพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อความเติบโตทางเศรษฐกิจ ประเด็นการจัดการพื้นที่ใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจจึงกลับมาได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากการประชาสัมพันธ์แนวความคิดนี้ของธนาคารโลก (World Bank) ที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กับการพัฒนางานระบบการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศหรือ Maritime Logistic ได้ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบงานท่าเรือให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ลดการทำงานโดยมนุษย์ นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ รวมถึงตอบสนองต่อแนวนโยบายสากลในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมนั้นมีความสำคัญอย่างมหาศาลในด้านความมั่นคงและอาณาเขตทางทะเลรวมถึงการสะท้อนแนวคิดเศรษฐกิจสีน้ำเงินอีกด้วย 


สำหรับประเทศไทยในขณะนี้มีแนวโน้มในการผลักดันสายการเดินเรือแห่งชาติและการพัฒนาระบบขนส่งทางทะเลอัจฉริยะ หรือเรือขนส่งสินค้าที่ไม่ใช้การควบคุมโดยมนุษย์ซึ่งถือเป็นแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีในด้านการจัดการเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้สนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ คำถามที่เกิดขึ้นคือความจำเป็นในการพัฒนางานท่าเรือให้ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีอัจฉริยะ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ในปัจจุบันงานการท่าเรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมีท่าเรือที่รองรับการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศอยู่หลายแห่งในภูมิภาคที่แตกต่างกันไป เช่น ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือระนอง 

    กฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ใช้บังคับต่อการทำงานและระบบขับเคลื่อนท่าเรือในประเทศไทยในปัจจุบันคือ พระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2543 เป็นหลัก ประกาศและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชกฤษฎีกากำหนดอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่องวิธีดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าเรือเดินทะเลต่างประเทศเป็นต้น ทั้งนี้การจัดการการท่าเรือในประเทศไทยยังดำเนินการร่วมกับกรมเจ้าท่าและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ซึ่งหากในอนาคตประเทศไทยจะพัฒนางานท่าเรือไปสู่ระบบอัจฉริยะหรือการควบคุมงานโดยปัญญาประดิษฐ์รูปแบบต่าง ๆ กฎหมายและแนวนโยบายที่สนับสนุนงานท่าเรือจำต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและแก้ไขให้สอดคล้องกัน


สำหรับประเทศที่มีความก้าวหน้าในการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะอย่างมีนัยสำคัญในระยะห้าถึงสิบปีนี้ซึ่งจะได้ขอหยิบยกมาเป็นกรณีศึกษาเปรียบเทียบคือ ประเทศสหพันธรัฐเยอรมนี โดยจะขอกล่าวถึงเมืองแห่งท่าเรือคือ ท่าเรือแห่งเมืองฮัมบวร์ก (The Port of Hamburg) สภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้งของท่าเรือฮัมบวร์กได้เปรียบในด้านการเป็นจุดยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นท่าเรือระหว่างประเทศแห่งทะเล.ติก  (Baltic Sea) ซึ่งมีส่วนต่อขยายกับท่าเรือภายในประเทศมากมายส่งผลให้ได้รับความนิยมมาก มีสายการเดินเรือเข้ามาใช้บริการและเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าจากแต่ละภูมิภาคมากมายเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว 

    ท่าเรือแห่งนี้ก้าวสู่การเป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Port Digitalization) มาเป็นเวลากว่า 17 ปีแล้ว ข้อกฎหมายประการแรกที่กำกับระบบงานท่าเรือฮัมบวร์กคือ Hamburg Port Authority Law ซึ่งเมื่อเยอรมนีเป็นประเทศที่เริ่มมีการสนับสนุนเศรษฐกิจทางทะเลอย่างจริงจัง จึงได้จัดให้มีทั้งข้อบังคับในระดับกฎหมายระดับรัฐสมาชิก และกฎหมายระดับสหพันธ์ (German Government และ Federal State Government) เพื่อสนับสนุนแนวนโยบายท่าเรืออัจฉริยะดังต่อไปนี้

    หลักการท่าเรือสีเขียวของท่าเรือฮัมบวร์ก (Green Port of Hamburg) ที่บทบัญญัติทางกฎหมายจากหลัก EU Directive 2014/94/EU กำหนดให้เทคโนโลยีแห่งท่าเรือนั้น ๆ จะต้องถูกพัฒนาอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจากของเสียบริเวณท่าเรือ การรักษาความปลอดภัยและระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืน ซึ่งนอกจากกฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศซึ่งบังคับในเรื่องการปล่อยควันพิษ มลพิษทางเสียงและน้ำเสียบริเวณท่าเรือแล้ว ยังมีการกำกับดูแลด้วย Energy and Electricity Taxation Acts เพื่อให้การบริหารงานในท่าเรือครบถ้วนสมบูรณ์โดยบังคับใช้ในเมือง Hamburg และ Lubeck

    ประการต่อมาความจำเป็นด้านการใช้ประโยชน์และการก่อสร้างท่าเรืออัจฉริยะจะอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญเยอรมัน และการกำกับดูแลอื่น ๆ ตามแผนการพัฒนาท่าเรือ  Digitalizing Hamburg Port 2021- 2025 ซึ่งจะดำเนินการภายใต้กฎหมายระดับสหพันธ์อย่างกฎหมายการจัดการน้ำ, บทบัญญัติเพื่อการปกป้องธรรมชาติและการก่อสร้างท่าเรือ  ในด้านระบบการเงินในท่าเรือขณะนี้อาศัยหลัก Privatization, Public-Private Partnerships (PPP) ซึ่งถูกกำกับโดยหลักกฎหมายแพ่งและกฎหมายมหาชนของเยอรมันเพื่อกำหนดทิศทางในด้านการเงิน การลงทุนและการบริหารงบประมาณในท่าเรือที่อาศัยการทำงานของเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์

    ประการสุดท้ายการจัดการด้านแรงงานจะอาศัยหลัก EU Trade Union และ Regulation (EU) 2017/352 ซึ่งวางระบบในด้านความโปร่งใสทางการเงินและการจัดการแรงงาน ที่ให้บริการในท่าเรือ ซึ่งมีการวางแนวทางเอาไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งกฎหมายยังครอบคลุมไปถึงการชดเชยความเสียหาย จากการทำงานในท่าเรือระบบอัจฉริยะอีกด้วย จะเห็นได้ว่าการจะพัฒนาระบบท่าเรืออัจฉริยะซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจสีน้ำเงินยังมีประเด็นที่ต้องหันกลับมามองกฎหมายและนโยบายที่มีอยู่อีกหลายส่วนด้วยกัน ในการเตรียมความพร้อมหากจะพัฒนาส่งเสริมในด้านนี้ จึงควรต้องมีการพิจารณาถึงการบังคับใช้และการกำหนดบทลงโทษจากกฎหมายโดยอาจศึกษาจากต้นแบบที่มีความเกี่ยวข้องและรากฐานทางกฎหมายที่คล้ายคลึงกันให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้.
#5465


ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย เผยภาพแรกอย่างเป็นทางการของ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ หรือ #NextGenRanger โดยมีกำหนดเผยโฉมเป็นครั้งแรกพร้อมกันทั่วโลกในปลายปีนี้ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2565

ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยภาพรถฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ พร้อมคลิปวีดีโอ ซึ่งมีการเผยให้เห็นถึงการทดสอบอย่างสมบุกสมบันในหลากหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นทางฝุ่น ทางแบบดินโคลน และ พื้นผิวลื่นแบบหิมะ โดยมีการใช้สติกเกอร์เพื่ออำพรางตัวในระหว่างการทดสอบ

ทั้งนี้ในรายงานข่าวของฟอร์ด ระบุว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ เป็น รถกระบะที่แกร่งที่สุด สมบุกสมบันที่สุด และมีระบบเชื่อมต่อที่ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา โดยคันจริงมีกำหนดเผยโฉมในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่การเปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในปี พ.ศ. 2565
#5466


ชลธิชา แสงพันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท แอนะลิติสต์ จำกัด ผู้สร้างแพลตฟอร์ม GROWTHai ระบุว่า อยากให้แพลตฟอร์ม GROWTHai ซึ่งเกิดจากบริษัทคนไทย 100% นี้เป็นตัวแทนของคนไทยที่จะไปเรียนรู้ แบ่งปัน และในทางกลับกันเป็นโอกาสไปรับความรู้จากสตาร์ทอัป CDP จากทั่วโลก และมุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์เพื่อขยายธุรกิจร่วมกันในอนาคตอีกด้วย 

"ธุรกิจไทยต้องมีเครื่องมือทางการตลาดที่ชาญฉลาด และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยอย่างแท้จริง สังเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันเวลา และที่สำคัญอยู่ในงบประมาณที่คุ้มการลงทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น"



สำหรับ GROWTHai คือ CDP (Customer Data Platform) ซึ่งนับเป็น MarTech (Marketing Technology) ที่จะเข้ามายกระดับการตลาดไทยนำทุกธุรกิจมุ่งสู่ Growth Marketing อย่างแท้จริง หรือในเชิงเทคนิค GROWTHai คือ เครื่องมือการตลาดแบบอัตโนมัติ ขับเคลื่อนด้วยผลดาต้าที่มาจากการวิเคราะห์เชิงลึกในแบบเรียลไทม์

ภายในจะประกอบด้วย GROWTHai Predict ในการวิเคราะห์คอนซูเมอร์อินไซต์ เพื่อหาความต้องการใหม่ๆ จนถึงคาดการณ์ความต้องการแบบเรียลไทม์ GROWTHai Customer 360 รวมทุกข้อมูลจากทุกช่องทางเข้าด้วยกัน GROWTHai Segment ในการแบ่งกลุ่มลูกค้าแบบอัตโนมัติ

รวมถึง GROWTHai Lottovip Automation ในการสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุดให้ลูกค้าในแต่ละกลุ่มมแบบอัตโนมัติ และที่สำคัญคือระบบรักษาความปลอดภัย GROWTHai Protection ที่มีการคำนึงถึงสิทธิในการใช้งานข้อมูล การบริหาร จัดเก็บแบบอัตโนมัติ
#5467


กลุ่มผู้เข้าร่วมหลักสูตร RoLD2020: The Resilient Leader กลุ่ม J (Justice) จัดโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เปิดตัวโครงการ "LET'S GET TOGETHER" #คิดต่างไม่เห็นเป็นไร เชิญชวนร่วมแสดงความคิดเห็น ผ่านแบบทดสอบ "Quiz เปิดใจ มองต่างมุม" ในประเด็นการอยู่ร่วมกันของคนคิดต่างว่าจะสามารถสื่อสารกันได้อย่างไร หวังเป็นแนวทางลดอคติ สร้างความเข้าอกเข้าใจและความเคารพในความต่างของกันและกัน

ปัจจุบันความขัดแย้งในหมู่คนที่มีความเห็นต่างกันโดยเฉพาะในระหว่างคนต่างรุ่น ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นและได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างจนไม่ได้จำกัดอยู่แต่เรื่องการเมืองแต่ครอบคลุมประเด็นทางสังคมอื่นๆ ด้วย กระทบทั้งคนในองค์กรเดียวกันและแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน สะท้อนทั้งจากการแสดงออกผ่านโลกออนไลน์และออฟไลน์ เช่น เหตุการณ์ทัวร์ลง หรือ เปิดเครื่องด่า ซึ่งก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในสังคมในหลายแง่มุม บางครั้งการเปิดบทสนทนา อาจนำไปสู่สภาวะที่ต่างฝ่ายไม่ต้องการรับฟังซึ่งกันและกัน นำไปสู่ความอึดอัดและเกิดความไม่ไว้วางใจกันในสังคม

นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมและการแสดงออกทางความคิดนั้นมีรูปแบบที่แปลกใหม่และแตกต่างไปจากความคุ้นเคยดั้งเดิมมาก แสดงให้เห็นช่องว่างระหว่างกลุ่มบุคคลในสังคมที่มีความต่างในช่วงวัย และต่างประสบการณ์ จึงเกิดคำถามว่า ความไม่คุ้นชินเหล่านี้จะตอกย้ำให้คนต่างรุ่นยิ่งมองเห็นกันเป็นอื่นมากยิ่งขึ้นหรือไม่ แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความร้าวลึกหรือความเกลียดชังมากขึ้นกับคนต่างความคิดในสังคม จึงเป็นที่มาของการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจคนที่คิดต่าง และเข้าใจพื้นฐานที่มาที่ไปของคนแต่ละรุ่น เพื่อจะมองเห็นทั้งจุดต่าง จุดร่วมสะท้อนภาพของสังคมที่เกิดขึ้น
เราจึงขอเชิญชวนเปลี่ยนมุมมองด้วยการเข้าร่วมโครงการ "LET'S GET TOGETHER" ผ่านแบบทดสอบ "Quiz เปิดใจ มองต่างมุม" ที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ค้นหาจุดร่วมในความต่าง หามุมเหมือนในความขัดแย้ง ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนต่างมุม ต่างวัย ได้ปรับตัว หรือจูนคลื่นเข้าหากัน และสื่อสารถึงกันได้ แล้วทุกคนอาจจะพบว่า "เรา..ไม่ต่างกันอย่างที่คิด..และแม้จะต่างเราก็ไปด้วยกันได้ดีกว่าที่เห็นอยู่ได้"

เริ่มต้นง่ายๆ เพียงคลิกเพื่อทดลองด้วยตัวเองที่ https://tijrold.org/rold-in-action/letsgettogether/ คำตอบที่ได้จะช่วยพัฒนาฐานข้อมูลในการเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งในสังคมไทย เมื่อทำแบบสอบถามเสร็จก็จะได้เห็นข้อมูลสถิติของสิ่งที่ผู้ตอบแบบทดสอบคนอื่นในรุ่นเดียวกันและต่างรุ่นตอบทันทีพร้อมข้อสังเกตที่น่าสนใจ ทั้งยังมีข้อแนะนำที่ชวนให้ทำความเข้าใจภูมิหลังทางเศรษฐกิจสังคมการเมืองที่อาจส่งผลต่อโลกทัศน์ของคนแต่ละรุ่นอีกด้วย โดยสถาบันฯ จะมีการเก็บข้อมูลนับจากนี้ไปอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อมูลที่ทำให้เราเข้าใจคนในสังคมชัดเจนมากขึ้น

หลังจากทำแบบทดสอบแล้ว ยังสามารถศึกษาคู่มือ 4E: วิธีสื่อสารข้ามรุ่น คู่มือสำหรับการสื่อสารกับคนต่างวัย ที่อาจจะมีมุมมองขัดแย้งกันได้ที่ https://tijrold.org/book/lets-get-together/

วันนี้ การสร้างความเปลี่ยนแปลง สามารถเริ่มได้ที่ตัวเรา #LetsGetTogether #คิดต่างไม่เห็นเป็นไร
#5468


ไอคอนสยาม อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต โดยเจ้าของโครงการคือ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ออกแบบโดย บริษัท เออร์เบิ้น อาร์คิเต็คส์ จำกัด ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะสร้างไอคอนสยามให้เป็นศูนย์รวมทุกมิติของภูมิปัญญาคนไทย ศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทยไปแข่งขันระดับโลก ได้ขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 4 ศูนย์การค้าที่ดีที่สุดของโลก บนเวทีประกวดอสังหาริมทรัพย์ MIPIM Awards 2021 ซึ่งเป็น Global Awards ที่มีมานานกว่า 30 ปี เมื่อวันที่ 8 กันยายน ณ เมืองคานส์ (Cannes) ประเทศฝรั่งเศส โดยนับว่าเป็นครั้งแรกของโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกจากประเทศไทยที่ได้รับเกียรตินี้

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ผู้บริหารไอคอนสยาม กล่าวว่า "ไอคอนสยามเป็นโครงการที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมที่สุดของความเป็นไทยมานำเสนอให้คนทั่วโลกได้สัมผัสและชื่นชม ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Co-creation" และ "Creating Shared Lottovip Value" โดยได้รวมพลังคนไทยจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันสร้างสรรค์โครงการที่มอบคุณค่าและการสมประโยชน์ให้เกิดแก่ชุมชนและบรรดาธุรกิจต่างๆ ที่รายล้อมสังคม และประเทศชาติเป็นวงกว้าง ซึ่งแม้วิกฤตการณ์โควิด-19 ได้ทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างยากลำบากเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ไอคอนสยามก็ยังคงยึดมั่นในปณิธานที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ชุมชน และผู้คนให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ การที่ไอคอนสยามได้รับคัดเลือกจาก MIPIM Awards 2021 ให้เป็นโครงการแรกจากประเทศไทยที่ได้ขึ้นทำเนียบ 1 ใน 4 ศูนย์การค้าที่ดีที่สุดในโลกครั้งนี้ นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่จะส่งพลังใจให้แก่ผู้ประกอบการในวงการค้าปลีก และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนจากต่างประเทศได้ตระหนักถึงศักยภาพของคนไทย และประเทศไทย"



ไอคอนสยามติด 1 ใน 4 ศูนย์การค้าที่ดีที่สุดในโลกจากจำนวนผู้เข้าแข่งขัน 172 โครงการจาก 36 ประเทศ และถือเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกแรกในประเทศไทยที่ได้รับเกียรติจาก MIPIM Awards ซึ่งเป็นเวทีประกวดโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกที่มีมานานกว่า 30 ปี และได้รับการยกย่องจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากทั่วโลกให้เป็นรางวัลออสการ์แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ 

ด้วยวิสัยทัศน์ในการทำโครงการแนวใหม่ของไอคอนสยามที่ถือกำเนิดจากความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งแห่งยุคจากผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ ทั่วโลกรวม 15 ชาติ และผู้เชี่ยวชาญคนไทยจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสถาปนิก วิศวกร ศิลปิน ช่างฝีมือ ผู้นำชุมชนจากหลายจังหวัดทั่วไทย รวมถึงภาครัฐและภาคเอกชน ประชาสังคม ตลอดจนผู้ประกอบการร้านค้ากว่า 1,000 ราย เพื่อสร้างโครงการที่เสนอที่สุดแห่งความเป็นไทยภายใต้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ทั้งยังเป็นโครงการที่ถูกวางรากฐานให้ส่งต่อประโยชน์ และความเจริญรุ่งเรืองไปสู่ชุมชนและธุรกิจที่รายล้อมอย่างมหาศาล เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นโครงการที่มีศักยภาพเป็นที่ยอมรับนับถือระดับโลก



ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดให้บริการเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ไอคอนสยามได้รับรางวัลชนะเลิศแล้วถึง 13 รางวัลในสาขาต่างๆ จากเวทีชั้นนำของโลกมาเป็นลำดับ เช่น รางวัล โครงการที่ออกแบบดีที่สุดในโลก หรือ Best Design of the Year จาก World Retail Awards 2019 โดยสภาการค้าปลีกโลก และรางวัลชนะเลิศ สาขาศูนย์การค้าที่ดีที่สุด จากเวที MAPIC Awards 2019 เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส และรางวัล VIVA Best-of-the-Best Awards 2020 ในฐานะโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกดีที่สุดในโลก จาก International Council Shopping Centers เป็นต้น

"กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ยึดมั่นในการเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่มุ่งจะสร้างปรากฏการณ์แรกในมิติต่างๆ ให้เกิดขึ้นเพื่อมอบให้แก่คนไทยและประเทศไทย วิสัยทัศน์ของสยามพิวรรธน์คือการนำศักยภาพของคนไทย และประเทศไทยไปชนะบนเวทีโลกและชนะใจคนทั้งโลก เราได้ก้าวข้ามการแข่งขันในประเทศไปสู่การยอมรับนับถือบนเวทีโลกได้สำเร็จ ทุกโครงการของเราคว้ารางวัลชนะเลิศ global awards มากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสิ้นนี้เป็นพลังใจให้เรามุ่งมั่นเดินหน้าที่จะทำโครงการที่มอบความประทับใจเหนือความคาดหมาย สร้างความสำเร็จอันยั่งยืนให้แก่บรรดาผู้ประกอบการที่ฝากอนาคตไว้กับเรา รวมทั้งส่งมอบประโยชน์ให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติสืบต่อไป" นางชฎาทิพ กล่าวปิดท้าย



ไอคอนสยาม ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่หลักในการจัดงาน countdown ปีใหม่ของประเทศไทยติดต่อกันมาถึง 3 ปี ได้มอบประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจและมอบความสุขให้แก่คนไทยและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนตลอดมา ในวันนี้ไอคอนสยามพร้อมแล้วหลังจากรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ที่จะนำเสนอสินค้าและประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แบรนด์ชั้นนำของไทยและทั่วโลกมากมายที่ได้เปิดกิจการเพิ่มเติมท่ามกลางวิกฤตโควิดในปีนี้บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตรเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจ เช่น

• ร้าน Starbucks Reserve Chao Phraya Riverfront (สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ เจ้าพระยา ริเวอร์ฟรอนต์) เป็นร้านกาแฟสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยพื้นที่ 1,260 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบเพื่อส่งมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟที่มีชีวิตชีวา ท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทย

• ร้าน MUJI เปิดสาขาใหม่บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 1,300 ตารางเมตร ครบครันด้วยทุกกรุ๊ปไอเท็มสินค้ากว่า 6,193 รายการ และครบทุกบริการ เช่น Labo รวมเสื้อผ้าที่ใช้ได้ทุกโอกาส โซนอาหารท้องถิ่นและของดีหารับประทานยากทั่วประเทศไทย และมี MUJI Coffee Corner ท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลายพร้อมมอบความสุขกับการดื่มกาแฟด้วยเมล็ดกาแฟจากดอยตุง อีกทั้งมีบริการปรึกษาออกแบบภายในอีกด้วย

• Great Wall Motors บริษัทผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริดจากประเทศจีนที่จะมาเปิด Experience Center ครั้งแรกในประเทศไทยบนพื้นที่ถึงสองชั้น ขนาดพื้นที่ 1,638 ตารางเมตร

• Mega HarborLand สนามเด็กเล่นในร่มที่ได้มาตรฐานระดับโลกบนพื้นที่ 4,438 ตารางเมตร ออกแบบโดยบริษัทผู้ผลิตเครื่องเล่นชั้นนำของโลก ในคอนเซ็ปต์สนุกสนาน Little Thailand โดยมีกำหนดเปิดมกราคม 2022



รวมทั้งการกลับมาของสุขสยาม พื้นที่รวมสุดยอดอาหารจากทั่วไทยและผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจาก 77 จังหวัด ไอคอนสยามได้เตรียมโปรโมชันเพื่อช่วยส่งเสริมการขายให้แก่บรรดาร้านค้าเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อีกด้วย

เกี่ยวกับรางวัล MIPIM Awards
The MIPIM Awards เป็นเวทีประกวดระดับโลกด้านอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1991 โดย The MIPIM Awards ได้รับการยกย่องให้เป็นเสมือนรางวัลออสการ์ของวงการอสังหาริมทรัพย์ในระดับโลกและในภูมิภาคเอเชีย The MIPIM Awards จึงนับเป็นรางวัลเกียรติยศที่มอบแก่โครงการอสังหาริมทรัพย์และโครงการค้าปลีกที่โดดเด่นและดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก นอกจากการมอบรางวัลแล้ว MIPIM ยังจัดงานสัมมนาและอีเวนต์ระดับโลกด้านอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี ค.ศ.  1990 ซึ่งเป็นเสมือนงานรวมตัวของผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญทั่วโลก
#5471


มาเรีย ชาราโปว่า อดีตนักเทนนิสขวัญใจแฟนทั่วโลก ส่งกำลังใจถึง นาโอมิ โอซากะ นักหวดรุ่นน้องที่กำลังเผชิญกับช่วงเวลายากลำบากในสนาม จากปัญหาเรื่องสภาพจิตใจและการรับมือกับสังคมรอบตัวยามลงแข่งทัวร์นาเมนต์

โอซากะ ดีกรีแชมป์ แกรนด์ สแลม 4 สมัย ประกาศวางมือจากเทนนิสเป็นรอบ 2 หลังตกรอบศึก ยูเอส โอเพน หนล่าสุด ประกอบกับความผิดหวังที่ร่วง โอลิมปิก ในบ้านเกิด รวมถึงเสียงวิจารณ์บนโซเชียลฯ จนทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่

หลายคนมีความเป็นห่วงว่านักหวดสาวชาวญี่ปุ่น อาจเลิกเล่นเทนนิสก่อนเวลาอันควรเพราะเรื่องของจิตใจ และมีอาการป่วยซึมเศร้าเป็นทุนเดิม กระนั้น ชาราโปว่า ที่เฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ ก็แสดงความเป็นห่วงและอยากให้แฟนๆ ช่วยกันสนับสนุนเธอในยามลำบาก

ชาราโปว่า เผยว่า 'ทุกคนต้องส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาที่กำลังเจอกับช่วงเวลายากลำบากในอาชีพการงาน นาโอมิ เป็นนักกีฬาที่น่าทึ่งและเป็นมนุษย์ที่จิตใจดี เธอมีเส้นทางในอาชีพที่ทอดยาวได้อีกไกล และเราต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ'

'เมื่อพวกเขารู้สึกแย่หรือเล่นเทนนิสได้ต่ำกว่ามาตรฐาน มีไม่กี่คนที่รู้ว่าอะไรที่อยู่เบื้องหลังและความรู้สึกของพวกเขาเป็นยังไง คุณเห็นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม ถ้าเราคอยให้กำลังใจพวกเขาได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น'

ส่วนกรณีที่ โอซากะ เคยปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อจนเป็นดราม่าใน เฟรนช์ โอเพน อดีตมือ 1 โลกอย่าง ชาราโปว่า ที่เคยมีช่วงเวลาปฏิเสธสื่อมวลชนมาก่อนสมัยเป็นวัยรุ่น ตอบว่า 'ฉันเข้าใจเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็แล้วคุณก็ต้องไปเจอกับสื่อมวลชน แสดงความเป็นมืออาชีพ ทำให้ดีขึ้น และพูดถึงแมตช์ที่ผ่านไป'
#5472


นางสาวพัทธ์หทัย กุลจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท  อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด  หรือ ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต ภายใต้แบรนด์ "กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์" เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจสินเชื่อผ่อนชำระค่าสินค้าในภูมิภาคอาเซียน( Lottovip  AEC) พร้อมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา เนื่องจาก ประเทศกลุ่มอาเซียนในมีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ดีที่สุดผ่านแฟลตฟอร์มธนาคารเพื่อรายย่อยของประเทศไทยและการเป็นธนาคารพาณิชย์ในประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนหน้านี้ขยายไปในลาวและกัมพูชาแล้ว 

 ล่าสุด บริษัทได้ร่วมเข้าไปขยายตลาดสินเชื่อผ่อนชำระค่าสินค้า ในฟิลิปปินส์ ด้วย  หลังจากธนาคารกรุงศรี เข้าถือหุ้น 50% ในบริษัท เอสบี ไฟแนนซ์ คอมปานี อิงค์ (SBF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ในเครือซีเคียวริตี้ แบงก์ คอร์ปอเรชั่น (SBC) หนึ่งในธนาคารชั้นนำของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ที่ให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค


ทั้งนี้ กลุ่มธนาคารกรุงศรีฯ เตรียมนำเสนอสินเชื่อบุคคล  สินเชื่อคาร์ฟอร์แคช สินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระสินค้า และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไปให้บริหาร คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายปี 2564 โดยในส่วนสินเชื่อผ่อนชำระค่าสินค้า ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ คาดว่า จะออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตที่ใช้ผ่อนชำระค่าสินค้าและเบิกเงินสดหรือสินเชื่อทูอินวัน เหมือนในไทยแต่จะทำในรูปแบบดิจิทัล 

"มองว่า ตลาดฟิลิปปินส์ยังมีโอกาสเติบโตสูง ด้วยประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภควัยทำงาน และใช้โซเชียลมีเดียอย่างก้าวกระโดดมากกว่าในไทยทั้งชอปปิงออนไลน์และการใช้โมบายแบงกิ้ง  และปัจจุบันเริ่มกลับมาเปิดประเทศหลังผ่อนคลายคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 มีการพักชำระหนี้ 2 รอบบัญชี ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวและวอลุ่มสินเชื่อบุคคลเริ่มกลับมาแล้ว"  


นางสาวพัทธ์หทัย กล่าวว่า  การขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ช่วยหนุนสร้างรายได้จากธุรกรรมดังกล่าวโตต่อเนื่องกลับมาที่กลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาในระยะยาว  เนื่องจากจังหวะนี้ถือว่าตอบโจทย์ลดข้อจำกัดตลาดในไทยมีผลกระทบจากการกำกับดูแลและสถานการณ์โควิด-19 แต่ต่างประเทศยังโตได้ในหลายส่วน  นอกจากนี้ยังมองว่า ธุรกิจประกันในAECขยายตัวสูงนำมาผูกกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้  ซึ่งยังเป็นโอกาสในสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นด้วย 
#5475


เอดูอาร์โด คามาวิงกา มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส เดินทางมาเปิดตัวกับ เรอัล มาดริด อย่างเป็นทางการ หลังย้ายร่วมทีมในวันปิดตลาดซื้อขายนักเตะเมื่อสิ้นเดือนก่อน

กองกลางวัย 18 ปี ย้ายจาก แรนส์ ในลีกเอิง ฝรั่งเศส มาร่วมทัพ 'ราชันชุดขาว' ด้วยค่าตัว 31 ล้านยูโรพร้อมแอดออน และเซ็นสัญญากัน 6 ปีเต็ม แต่เจ้าตัวเพิ่งจะได้ฤกษ์เดินทางมายังประเทศสเปนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังเสร็จสิ้นภารกิจกับทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี

ล่าสุดเขาผ่านการตรวจร่างกายกับ เรอัล มาดริด ในวันนี้ (8 กันยายน) ก่อนเดินทางไปเปิดตัวกับสโมสร พร้อมกับเจอเพื่อนร่วมทีมที่สนามซ้อม

'ผมมีความสุขมากที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ผมภูมิใจที่ได้ย้ายมาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสร ผมอยากขอบคุณท่านประธาน ฟลอเรนติโน เปเรซ และครอบครัวของผมทุกคน ถ้าหลายปีก่อนมีคนบอกผมว่าผมจะมาอยู่ตรงนี้ผมคงไม่เชื่อ' คามาวิงกา เริ่มกล่าว

'เหตุผลหลักที่ผมตัดสินใจมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพื่อเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของผมให้กลายเป็นจริง ผมอยากเล่นร่วมกับนักเตะที่ยอดเยี่ยมในสโมสรแห่งนี้ พวกเขาจะสอนอะไรหลายๆอย่างให้ผมแน่'

'ผมไม่คิดมากเลยในตอนที่ได้รับโอกาส และผมก็มีความสุขมากจริงๆ ผมพร้อมจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับสโมสรแห่งนี้' มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 18 ปี ทิ้งท้าย

สำหรับ เอดูอาร์โด คามาวิงกา เพิ่งจะลงสนามให้กับทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ไป 2 เกม ในช่วงพักเบรกทีมชาติที่ผ่านมา และสามารถทำประตูได้ในเกมที่ 'ตราไก่' เอาชนะมาซิโดเนีย 3-0 ก่อนจะมาพลิกล็อกเสมอหมู่เกาะแฟโรในวันจันทร์ที่ผ่านมา