• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Panitsupa

#5417


โรงเรียนประภามนตรี 2 เปิดภาพ "ลิซ่า BlackPink" หรือ "ลลิษา มโนบาล" ศิษย์เก่าที่เคยศึกษาในระดับมัธยม เผยภาพเมื่อครั้งที่ลิซ่า ทำกิจกรรมในโรงเรียน

ยอดวิวล่มทลาย หลัง "ลิซ่า BlackPink" หรือ "ลลิษา มโนบาล" ปล่อย MV เพลง "LALISA" เปิดตัวเป็นซิงเกิ้ลแรกในอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก นอกจากนี้ในเอ็มวี "ลิซ่า" ยังมีการนำศิลปะไทยเข้าไปผสมผสานกับความเป็นสากลร่วมสมัย รวมถึง "ปราสาทหิน" ที่เป็นหนึ่งในฉากเด่น สะท้อนตัวตนของเธอซึ่งเกิดที่บุรีรัมย์ได้เป็นอย่างดี

ล่าสุด วันนี้ (11 ก.ย.) เพจ "Praphamontree II School" หรือ โรงเรียนประภามนตรี 2 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ "ลิซ่า BlackPink" ที่เคยศึกษาในระดับมัธยม ได้เผยภาพลิซ่า สมัยเรียนและทำกิจกรรมในโรงเรียน พร้อมระบุข้อความว่า "โรงเรียนประภามนตรี 2 ขอแสดงความยินดีและชื่นชม น้องลิซ่า (Lisa BlackPink) ในฐานะศิษย์เก่าของโรงเรียนประภามนตรีในเครือ ในการ solo เดี่ยวเป็นครั้งแรกกับเพลง " lalisa " lalisa blackpink"

สำหรับ ลิซ่า Blackpink มีชื่อว่า "ลลิษา มโนบาล" แต่ชื่อเดิมคือ "ปราณปรียา มโนบาล" ลิซ่าจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนประภามนตรี 1 และ 2 เธอได้รับการเรียกขานว่าเป็น "เด็กกิจกรรมตัวยง" ของโรงเรียน นอกจากนี้ ลิซ่า เคยเป็นตัวแทนโรงเรียนประกวดร้องเพลงในโครงการ "3 คุณธรรมนำไทย" ที่จัดโดยศูนย์คุณธรรม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ประเภททีม เมื่อ พ.ศ. 2552
 
#5418


เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 ทางโครงการ "การพัฒนากลไก Provincial Think Tank" ในการเชื่อมโยง demand-supply และผลักดันนำงานวิจัยและนวัตกรรมมาใช้เพื่อการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน:โมเดล 8 จังหวัดภาคตะวันออก" ซึ่งมี ผศ.ดร.วศิน ยุวนะเตมีย์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี เป็นหัวหน้าโครงการ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(สกสว.) ได้จัดงานเสวนา "การประชุมหารือแนวทางความร่วมมือในการส่งมอบงานวิจัยให้หน่วยงานในพื้นที่ใช้ประโยชน์ผ่านกลไก Provincial Think Tank"

โดยเป้าหมายในการนำเสนอโมเดล "Provincial Think Tank" ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนใน 8 จังหวัดภาคตะวันออกและหารือแนวทางในการร่วมขับเคลื่อนโมเดลดังกล่าวให้สามารถเป็นกลไกในการเชื่อมโยงความต้องการงานวิจัยในพื้นที่กับแหล่งความรู้งานวิจัยและนวัตกรรมพร้อมใช้จำนวนมากในระบบ ววน.เพื่อนำไปสู่การใช้ยกระดับหรือพัฒนาพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาระบบและกลไกกลางในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ในภาพประเทศต่อไป

สำหรับ ผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายธิติ เอกบุญยืน ประธานสภาอุตสาหกรรม นายธีระ วงษ์เจริญ ประธานสภาเกษตรกร จังหวัดจันทบุรี รองศาสตราจารย์ ดร. สุดสวาสดิ์ ดวงศรีไสย์ รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ด้านการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยบูรพา เกษตรและสหกรณ์จังหวัดจันทบุรี อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สนใจเข้าฟังการเสวนากว่า 50 คน

     นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย
นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย

นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าเรื่องของความรู้เกี่ยวกับไม้ผล ภาคการเกษตร และเรื่องของอัญมณี ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่มีมาช้านาน แต่ปัจจุบันได้มีการนำนวัตกรรมต่างๆของมหาวิทยาลัยในพื้นที่ที่ได้ทำการศึกษาและนำผลการศึกษาไปใช้ประโยชน์ เข้ามาเพิ่มศักยภาพผลผลิตของจังหวัด ทางจังหวัดจันทบุรีสนับสนุนอย่างยิ่งที่จะให้มีการนำเอาผลงานวิจัยของหน่วยงานต่างๆที่ได้รับงบประมาณวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจาก สกสว. ไปลองปฏิบัติจริง และต่อยอดออกไปสู่การทำให้เกิดรายได้ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของสินค้าให้กับจังหวัดจันทบุรี โดยสนับสนุนกลไก provincial think tank ที่จะมาทำงานเชิงรุกในการเชื่อมโยงข้อมูลงานวิจัยที่มีประโยชน์มาส่งต่อและนำเสนอให้กับหน่วยงานต่างๆในจังหวัดไปใช้ประโยชน์

นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า วันนี้สมาชิกหอการค้าไทยของภาคตะวันออกมาเข้าร่วมประชุมจำนวนมากเพราะเห็นความสำคัญของงานวิจัย ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกันกับ ม.บูรพา และ สกสว. เป็นเวลานาน สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับจังหวัดจันทบุรีเป็นอย่างมาก นโยบายที่มีมาจากส่วนกลาง หรือหน่วยงานต่างๆ ถ้าจะให้มีผลดีต่อประชาชนก็ต้องส่งมายังส่วนภูมิภาค ต้องมีการมอบอำนาจให้พื้นที่สั่งการและทำงาน ตัดสินใจด้วยตัวเองให้ได้ และมีทรัพยากรบางอย่างให้พื้นที่เป็นคนจัดการเอง ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย หลังการระบาดของโควิด-19 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเปลี่ยนไปมาก มีข้อตกลงทางการค้าใหม่ๆ ออกมาอีกมาก แต่ละจังหวัดในภาคตะวันออกมีจุดมุ่งเน้นที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละจังหวัด แต่สิ่งที่ขอฝากไว้คือความต้องการงานวิจัยในพื้นที่ไม่ได้มีเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังต้องการงานวิจัยด้านสังคมรวมไปถึงงานวิจัยที่จะไปขยายช่องทางตลาดใหม่ๆอีกด้วย

นายธิติ เอกบุญยืน ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดจันทบุรี และนายธีระ วงษ์เจริญ ประธานสภาเกษตรกร จังหวัดจันทบุรี กล่าวสนับสนุนให้มีกลไก provincial think tank นี้ เพราะภาคเอกชนและเอกชนในพื้นที่มีความต้องการงานวิจัยไปใช้จำนวนมาก ทั้งเรื่องอัญมณี การประมง เกษตรแม่นยำ การแปรรูปผลไม้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากจะฝากไว้ นอกเหนือจากการนำงานวิจัยเดิมไปสู่การใช้ประโยชน์แล้ว สำหรับงานวิจัยใหม่ๆอยากให้มีการนำความต้องการของทั้งเอกชนและเกษตรกรในพื้นที่ไปใช้ในการกำหนดโจทย์วิจัยใหม่ๆด้วย



รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวถึงโมเดล การใช้ประโยชน์ "Provincial Think Tank" โดยภาพรวมคือ ในมุมของ สกสว. ประการแรก
ต้องการเห็น ต้นแบบของการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ โดยทุนที่ Project-based สามารถสร้างกลไกต่อเนื่องในพื้นที่ได้จริง และเป็นจุดเริ่มต้นในการทำต้นแบบตามความต้องการของพื้นที่ ไม่ว่าจะภาคการเกษตรกร โดยที่หน่วยงานในพื้นที่ สามารถดึงมาใช้ประโยชน์ได้ทันที ในขณะที่บางเรื่องจะมีประเด็นเกี่ยวกับสิทธิบัตร ซึ่งทำให้ไม่สามารถดึงมาใช้ทันทีได้ 

ทั้งนี้  ต้องนำมาสร้างเป็นชุดความรู้ นำมาคัดกรอง ปรับปรุง แล้วจะนำมาสู่นวัตกรรมที่เหมาะสม สิ่งที่ สกสว. อยากเห็นคือ วงจร PDCA ซึ่งเป็นกลไกการตัดสินใจและการเลือกงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่ง P คือ การกำหนดเป้าหมาย การออกแบบ D คือ การนำงานวิจัยไปใช้ในกระบวนการขับเคลื่อน การร่วมดำเนินการ การร่วมทุน การวิจัยต่อยอด C คือ การติดตาม ประเมินผล การเรียนรู้ และ A คือ การปรับปรุง ทั้งนี้ในวงจรดังกล่าว มหาวิทยาลัยในพื้นที่โดยหน่วยผลักดันการใช้ประโยชน์ (Research Utilization : RU unit) จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันและส่งต่องานวิจัยให้กับหน่วยงานในพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป

ในการเสวนาครั้งนี้มีการแลกเปลี่ยนจากทุกภาคส่วน และได้มีการสะท้อนถึง "Provincial Think Tank เหมือนเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตของงานวิจัย" ที่จะสามารถยกระดับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมต่างๆในพื้นที่ ซึ่งกลไกดังกล่าวสามารถขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆได้ในอนาคต
#5419
ข้าวมะลิแดง ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวกล้องมะลิแดง ข้าวกล้องหอมมะลิแดง ข้าวมะลิแดงสุรินทร์ ข้าวหอมมะลิแดงสุรินทร์ ข้าวกล้องมะลิแดงสุรินทร์
"ข้าวหอมมะลิแดง" /    ข้าวหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์    อาหารผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
"ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง " (Red Jasmine Rice) คือ ข้าวเจ้าพันธุ์หนึ่งของไทย ปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง   ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ เมล็ดข้าวมีรูปร่างเรียวยาว มีสีน้ำตาลแดง มีความนุ่ม หอม อร่อย ไม่ต่างจาก "ข้าวหอมมะลิ หรือมองง่ายๆก้คือ ข้าวหอมมะลิ ที่มีสีแดงเลยเรียกกันว่า "ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง  /  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ"




คุณสมบัติเด่น   ข้าวหอมมะลิแดงorganic ใช้เป็นอาหารหลักในการฟื้นฟูกำลัง และเยียวยาผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน
ประโยชน์ของ "ข้าวหอมมะลิแดง / ข้าวมะลิแดง  / ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์"-   ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิก อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง
-ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์ ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิว
-  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ  เป็น Growth Factor ตามธรรมชาติสามารถช่วยการเจริญของเซลล์ผิว
-   ข้าวหอมมะลิแดงorganic ช่วยชะลอการเกิดและต้านริ้วรอย คงความอ่อนเยาว์
-   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค คืนความมีชีวิตชีวาให้กับผิว
-  กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์ อุดมไปด้วยวิตามินบีเช่นเดียวกับข้าวงอก ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง และช่วยลดอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย
-  กลุ่มข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ มีไฟเบอร์หรือกากใยสูง ช่วยในการดูดซึมไขมัน ทำให้อิ่มนาน และทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
-   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ  อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและทองแดงที่ช่วยบำรุงเลือด เป็นอาหารหลักที่ควรกินสำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจางหรือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
-  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค มีสารไนอะซินทำให้ผิวแข็งแรง ลดการเกิดโรคผิวหนังและปัญหาผิวพรรณหยาบกร้าน
-   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค มีแคโรทินที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ช่วยบำรุงดวงตาให้แข็งแรง
รวมถึงอุดมด้วยใยอาหาร ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ มีเบต้าแคโรทีน และธาตุเหล็กสูง เป็นข้าวกล้องที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ    ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง  ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน คนป่วยเบาหวานและคนที่กำลังคุมน้ำหนักสามารถกินได้อย่างสบายใจ 
ข้าว Hor.Boutique  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก   ข้าวอินทรีย์หอมมะลิแดง ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   สถานการณ์ข้าวอินทรีย์ไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000 โทร. 092-8245655
website : สถานการณ์ข้าวอินทรีย์ไทย
Facebook : www.facebook.com/Organic.Red.Jasmine.Rice/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ / ข้าวปลอดสาร   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค เพื่อสุขภาพ 7 ประเภท
1. ข้าวมะลินิลเพื่อสุขภาพ
2.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ 3. ข้าวสุขภาพผกาอำปึล4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารพิษ จ.สุรินทร์5.  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิคสำหรับทารก 6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ 7.   ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค

#ข้าวมะลิแดง #ข้าวหอมมะลิแดง #ข้าวกล้องมะลิแดง #ข้าวกล้องหอมมะลิแดง #ข้าวมะลิแดงสุรินทร์  #ข้าวหอมมะลิแดงสุรินทร์  #ข้าวกล้องมะลิแดงสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงสุรินทร์ #ข้าวมะลิแดงอินทรีย์  #ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์ #ข้าวมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสาร  #ข้าวกล้องมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสาร #ข้าวมะลิแดงเพื่อสุขภาพ #ข้าวหอมมะลิแดงเพื่อสุขภาพ #ข้าวกล้องมะลิแดงสุขภาพ   #ข้าวกล้องหอมมะลิแดงสุขภาพ
#5420
"USANA" อ่านว่า "ยูซานา" หมายความว่า "สุขภาพที่แท้จริง"





THE BEST CELLULAR NUTRITION ด้วยนวัตกรรม InCelligence ใน CellSentials สิทธิบัตรหนึ่งเดียวจาก USANA ที่ช่วยบำรุง ปกป้อง แล้วก็ฟื้นฟู เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแบบองค์รวม ได้รับการการันตีจากการวิจัยระดับโลกด้วยรางวัลชนะเลิศ 5ดาว แพลทินัม-พลัส จาก Comparative Guide to Nutrition Supplement ในปี 2017 





usana product ผลิตโดยบริษัทมาตรฐานระดับโลก อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NYSE นักกีฬาระดับโลกหลากหลายคนให้ความไว้ใจ ใช้จริง เพราะไม่มีสารตกค้าง


#5421


นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ประชากรกลุ่มเฉพาะเป็นกลุ่มที่เผชิญกับความเสี่ยงนานับประการ ทั้งในสถานการณ์ปกติและช่วงโควิด-19 พบคนกลุ่มนี้ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียม และต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในปัจจุบัน ซึ่งสสส.ได้สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตในประชากรเฉพาะ 9 กลุ่ม ได้แก่ 1.คนพิการ 2.คนไร้บ้าน 3. ผู้สูงอายุ 4. ผู้หญิง 5.ผู้ต้องขัง 6. แรงงานนอกระบบ 7. ผู้มีสถานะบุคคล/ประชากรข้ามชาติ 8. มุสลิม และ 9.ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งอุปสรรคส่วนหนึ่งของการพัฒนาคุณภาพชีวิตในประชากรกลุ่มเฉพาะคือ การถูกมองเป็นคนนอก เป็นคนที่ไม่สมควรได้รับสิทธิ สวัสดิการ หรือเป็นคนหลังๆที่ควรได้รับโอกาสเหล่านั้น สสส. ร่วมกับมูลนิธิคนตัวดี พัฒนาการสื่อสารสร้างการรับรู้เพื่อลดช่องว่างของปัญหาต่างๆ ในรูปแบบรายการวิทยุ ชื่อ "นับเราด้วยคน" เพื่อเป็นสื่อกลางสาธารณะที่ช่วยกันสร้างสังคมแห่งความเข้าใจ ยอมรับ และช่วยเหลือกัน ตามเจตนารมณ์ของ สสส. ที่ต้องการส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสังคม



"รายการวิทยุนับเราด้วยคนตั้งใจทำให้สังคมเกิดความเป็นธรรมทางสุขภาพในประชากรกลุ่มเฉพาะ เนื้อหารายการจะมีนักจัดรายการวิทยุมาร่วมพูดคุยกับภาคีเครือข่ายที่ลงพื้นที่ และขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสิทธิของประชากรกลุ่มเฉพาะมาร่วมพูดคุยกันแบบเจาะลึก เพื่อสะท้อนปัญหาและเสนอแนวทางจัดการ โดยมีจุดยืนที่มุ่งสร้างการรับรู้ให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ เพื่อลดความแตกต่างในการเข้าถึงสิทธิและโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาวะ และต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติจากความแตกต่างทางร่างกาย โดย สสส. จะเผยแพร่ผลงานภาคีเครือข่ายผ่านสื่อออนไลน์ www.นับเราด้วยคน.com เพื่อบอกเล่าเรื่องราวข้อมูล และผลลัพธ์การทำงานที่สังคม จุดประกายให้คนทุกกลุ่มเห็นความสำคัญของการเข้าถึงสิทธิบริการทางสุขภาพ และการมีองค์ความรู้ต่างๆ ในการดูแลตัวเองเพื่อสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน" นางภรณี กล่าว



นายกฤตตฤณ พรมเสน กรรมการเลขานุการมูลนิธิคนตัวดี กล่าวว่า ความเสมอภาคและเป็นธรรม คือการทำให้สังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ไม่ทอดทิ้งกัน ทั้งในระดับประเทศและในระดับพื้นที่ ดังนั้นกลุ่มคนที่มีความเปราะบางจึงต้องมีระบบสุขภาพที่ดีไม่ต่างจากคนทั่วไป เพราะทุกคนมีคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน รายการวิทยุนับเราด้วยคน เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาวะที่ต้องการขับเคลื่อนให้ประชากรกลุ่มเฉพาะและทุกคนได้ตระหนักเรื่องการมีองค์ความรู้เรื่องการเข้าถึงสิทธิและการพิสูจน์สิทธิของประชากรเพื่อการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ หรือสวัสดิการสังคมตามสิทธิที่พึงมีพึงได้ เช่น สิทธิประกันสังคม และสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น โดยรายการวิทยุนับเราด้วยคนจะมีทั้งหมด 100 ตอน และมีคลิปวิดีโอสื่อสารสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเข้าใจคำว่าประชากรกลุ่มเฉพาะจำนวน 50 คลิป โดยสามารถรับฟังรายการสด จะออกอากาศทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 17.00 – 18.00 น. ผ่านทางคลื่นวิทยุ FM 105 MHz. และสามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ช่อง Youtube: นับเราด้วยคน www.นับเราด้วยคน.com และเฟซบุ๊กนับเราด้วยคน
#5422

  • ช่วยกำจัดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันออกได้อย่างหมดจด
  • ช่วยทำความสะอาดฟันที่เราทำความสะอาดไม่ได้ เช่น ฟันซ้อน เราจะใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง
  • บริเวณ ที่แปรงสีฟันเข้าไปไม่ถึง ไหมขัดฟันก็จะช่วยทำความสะอาดได้
  • อุปกรณ์ที่รวมเอาไหมขัดฟันและไม้จิ้มฟันเข้าด้วยกัน
  • มีขนาดกะทัดรัดเหมาะแก่การพกพา
  • แนะนำสำหรับผู้เริ่มใช้ไหมขัดฟัน เพราะไม่จำเป็นต้องพันไหมด้วยตนเอง
  • ส่วนของไม้จิ้มฟันนั้น มีประสิทธิภาพดีกว่าไม้จิ้มฟันที่เป็นไม้ เนื่องจากเป็นพลาสติก จึงทำให้โค้งงอไปขจัดเศษอาหารได้ง่ายกว่า
  • ภายในบรรจุจำนวน 100 ชิ้น
  • ที่สำคัญไม่เป็นเชื้อรา

#5423


จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์แชร์ประสบการณ์เผยว่าตนถูกบริษัทขนส่งชื่อดังที่มีคนแอบกรีดกล่องพัสดุนำของข้างในไป ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือ ราคา 33,500 บาท ผู้เสียหายไปติดต่อที่ทางบริษัทขนส่งปลายทางสาขาละงู จ.สตูล กลับไม่อนุญาตเปิดกล้องวงจรปิดให้ดูพร้อมอ้างว่าไม่มีหลักฐานแจ้งความ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 ก.ย. มีรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกมาชี้แจงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางบริษัทฯ รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด และประสานไปยังลูกค้าเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และจากการตรวจสอบพบว่าพัสดุได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่งจริง ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้รับผิดชอบด้วยการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ลูกค้าตามนโยบายการรับประกันสินค้าของทางบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บริษัทฯ ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ และใช้บริการเคอรี่ เอ็กซ์เพรส เสมอมา เราขอเน้นย้ำว่ามาตรฐานด้านการบริการถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางบริษัทฯ จะพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้มีการจัดอบรมมาตรฐานการบริการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการทำงานของพนักงานในทุกภาคส่วนอยู่เสมอเพื่อยกระดับการบริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
#5425
ข้าวกล้องโภชนาการสูง ข้าวออร์แกนิค ข้าวหอมสุรินทร์ แท้  100% 
ข้าวฮอร์   ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิสุรินทร์ 100%  ขายข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย
  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์  ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิจังหวัดสุรินทร์ ข้าวหอมสุรินทร์ ข้าวหอมอินทรีย์ คัดพิเศษ 100%
"ข้าวฮอร์ ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์"   ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ เป็นผลิตผลจากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ด้วยการปลูกข้าวแบบปลอดสารพิษในทุกขั้นตอน ณ ดินแดนสุรินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งดินและน้ำ เหมาะแก่การปลูกข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง ประกอบกับกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน การเตรียมพันธุ์ข้าว การหว่าน การดูแลแปลงนา และการเก็บเกี่ยว โดยครอบครัวชาวนาที่มีประสบการณ์และร่ำรวยความสุขจากการทำนาอินทรีย์แบบปลอดสารพิษ เพื่อให้เมล็ดข้าว  กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ที่ได้นั้น มีความหอม นุ่ม อร่อย ดีต่อสุขภาพและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบครัน การมีสุขภาพดี คือ ความสุขที่อยู่ใกล้ตัวเรา นอกจากตนเองแล้ว เราควรแบ่งปันความสุขให้กับคนที่เรารักด้วยข้าวหอมมะลิ   ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ ขัดสีไม่ขาวเพื่อคงคุณค่าและใยอาหาร มีกลิ่นหอม นุ่ม ตามเอกลักษณ์ของ ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิสุรินทร์ 100%




ข้าวหอมมะลิออแกนิคคือ ได้รับมาตราฐานเกษตรอินทรีย์ -มีวิตามินและสารอาหารจากข้าวสูง -สะอาด..บริสุทธิ์..จากธรรมชาติ ทุกขั้นตอน"ข้าวอินทรีย์ (  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์)" ที่ผ่านกระบวนการเพาะปลูก และบำรุงรักษาทุกขั้นตอน ด้วยวิถีของเกษตรอินทรีย์ -ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนการผลิต"เมล็ดพันธุ์" คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ แต่ละชนิด ด้วยความรัก ใส่ใจ ในรายละเอียดทุกเมล็ด -ด้วยกระบวนการปักดำ..อย่างพิถีพิถันจากธรรมชาติ"พื้นที่เพาะปลูก" ในจังหวัดสุรินทร์ - ทำการเพาะปลูก และควบคุมเองทุกขั้นตอน"แหล่งน้ำ"  ข้าวหอมมะลิออแกนิกอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติที่ตกตามฤดูกาล"ปุ๋ยที่ใช้" ไถกลบตอซังหลังเก็บเกี่ยวทุกครั้ง และปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน, -  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ,ปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน"การกำจัดศัตรูพืช" ควบคุมด้วยระบบนิเวศน์หรือใส่สารสกัดจากพืชสมุนไพรแทนการฉีดสารฆ่าแมลง

  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา
ข้าวฮอร์ (HOR) ได้รับมาตรฐาน
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้" จากกรมการข้าว จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเภทของ
2.1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)
2.2 ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)
2.3 ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ปลูกข้าวหอมมะลิออแกนิค 
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ขายข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์
Facebook : www.facebook.com/OrganicRiceForBaby/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @ Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.ข้าวหอมสุรินทร์
2.ข้าวกล้องหอมสุรินทร์
3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์)
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ปลูกข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค
6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ
7.  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวหอมมะลิ #ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ #ข้าวหอมมะลิปลอดสาร #ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ #ข้าวหอมมะลิออร์แกนิก #ข้าวหอมสุรินทร์ #ข้าวหอมมะลิออร์แกนิค
 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#5427


กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล กรณีที่ประเทศญี่ปุ่นบริจาครถไฟมือสอง จำนวน 17 คัน ให้ไทยฟรี ซึ่งมีบางส่วนแสดงความเห็นว่าอาจจะเป็นการนำขยะเศษเหล็กมาทิ้งในประเทศไทย

มาทำความรู้จักกับ 7 เรื่องน่ารู้รถไฟขบวนดังกล่าวกัน

1. รถไฟมือสองที่ญี่ปุ่นบริจาคให้ประเทศไทย เป็นรถดีเซลราง (DMU) รุ่น KiHa 183 (คีฮา 183) ของบริษัทรถไฟฮอกไกโด (JR Hokkaido) ในภูมิภาคฮอกไกโด โดยบริจาคมาจำนวน 17 คัน ในราคากลาง 42,500,000 บาท

สภาพภายในตู้โดยสาร รถไฟมือ 2 ที่ญี่ปุ่น บริจาคให้ไทย (ภาพจาก : เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย)
สภาพภายในตู้โดยสาร รถไฟมือ 2 ที่ญี่ปุ่น บริจาคให้ไทย (ภาพจาก : เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย)

2. รถไฟดีเซลราง KiHa 183 เป็นรถที่พัฒนาโดย การรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่น (Japanese National Railways : JNR) มีวัตถุประสงค์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อวิ่งในเส้นทางบนเกาะฮอกไกโด จุดกำเนิดของ KiHa 183 เริ่มต้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 เมื่อการรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่นมองเห็นความจำเป็นในการเปลี่ยนรถไฟรุ่น KiHa 80 ที่ใช้มานานและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากความหนาวเย็นอย่างมากของฤดูหนาวในฮอกไกโด จึงมีการพัฒนารถไฟรุ่นใหม่ทั้งหมด พร้อมกับตั้งชื่อรุ่นว่า KiHa 183

3. KiHa 183 เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1980 บนเส้นทางโอโซระ ฮกไก โอค็อตสค์ และโฮคุโตะบนเส้นทางเซกิโช หลังจากนั้นก็มีการสร้างเพื่อใช้ในเส้นทางอื่นๆ เพิ่มเติมในอีกไม่กี่ปีต่อมา

4. KiHa 183 ทะยอยยุติให้บริการตั้งแต่ปี 2001-2016 โดยปกติแล้วการบำรุงรักษารถไฟของญี่ปุ่นค่อนข้างดีมาก แม้ว่ารถไฟคันนั้นจะให้บริการมายาวนานหลายสิบปี

5. รถไฟของญี่ปุ่นที่ถึงเวลาต้องปลดระวาง จะมีทั้งการทำลายทิ้งโดยเครื่องบดอัดแล้วนำวัสดุมารีไซเคิล หรืออาจจะส่งมอบรถไฟขบวนนั้นให้ประเทศอื่นๆ เพื่อใช้งานต่อไป อย่างเช่นที่ส่งมอบ KiHa 183 ให้แก่ประเทศไทย

สภาพภายในตู้โดยสาร รถไฟมือ 2 ที่ญี่ปุ่น บริจาคให้ไทย (ภาพจาก : เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย)
สภาพภายในตู้โดยสาร รถไฟมือ 2 ที่ญี่ปุ่น บริจาคให้ไทย (ภาพจาก : เพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย)

6. การส่งมอบ KiHa 183 ให้แกประเทสไทย เป็นการยกให้ฟรีๆ แต่ไทยต้องดำเนินการขนย้าย และจ่ายค่าขนย้ายเอง

7. อันที่จริงแล้วประเทศไทยเคยได้รับรถไฟมือสองจากญี่ปุ่นมาแล้ว อย่างเมื่อช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ ที่กรุงเทพมหานคร ไทยได้รับรถไฟดีเซลราง Kiha58 มาวิ่งเป็นรถขบวนพิเศษงานเอเชียนเกมส์ ระหว่างธรรมศาสตร์-หลักสี่-มักกะสัน-หัวหมาก เพื่อเชื่อม 3 สนามกีฬาหลัก และต่อมายังมีรถไฟนั่งและนอน นำมาวิ่งเป็นรถด่วนขบวนพิเศษราชพฤกษ์ กรุงเทพ-เชียงใหม่ สำหรับงานพืชสวนโลก และรถนำเที่ยว กรุงเทพ-บ้านวะตะแบก เพื่อไปเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว ก่อนจะมาเป็นรถขบวนรถนอน 13/14 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ

สำหรับ รถไฟดีเซลราง KiHa 183 ที่จะได้รับจากญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะถูกนำมาปรับปรุงให้เป็นอย่างไรต่อไป ต้องรอติดตามต่อไปในอนาคต
#5428


บทความ : ดร.ณัชชา สุขะวัธนกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

    ในปัจจุบันพื้นที่ทางทะเลของประเทศไทยถูกใช้งานเพื่อกิจกรรมทางทะเลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเดินเรือ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญอันอาจสังเกตุได้จากรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คน การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เป็นพฤติกรรมที่ส่งผลต่อปัจจัยที่ขับเคลื่อนการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นรูปแบบการเคลื่อนย้ายสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ระยะเวลา ปริมาณและราคา นอกเหนือจากเทคโนโลยีและความเป็นเลิศของตัวเรือเองซึ่งสนับสนุนการขนส่งทางทะเลที่มีคุณภาพแล้ว การบริหารจัดการและความล้ำสมัยของท่าเรือ ยังเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ของการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลที่มีความสำคัญและเชื่อมโยงกับประเด็นทางกฎหมายที่หลากหลาย 
 
    ในยุค 4.0 นี้ประเทศไทยได้ต่อยอดนโยบายเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมยุทธศาสตร์ชาติเพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อความเติบโตทางเศรษฐกิจ ประเด็นการจัดการพื้นที่ใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจจึงกลับมาได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากการประชาสัมพันธ์แนวความคิดนี้ของธนาคารโลก (World Bank) ที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กับการพัฒนางานระบบการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศหรือ Maritime Logistic ได้ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบงานท่าเรือให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ลดการทำงานโดยมนุษย์ นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ รวมถึงตอบสนองต่อแนวนโยบายสากลในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมนั้นมีความสำคัญอย่างมหาศาลในด้านความมั่นคงและอาณาเขตทางทะเลรวมถึงการสะท้อนแนวคิดเศรษฐกิจสีน้ำเงินอีกด้วย 


สำหรับประเทศไทยในขณะนี้มีแนวโน้มในการผลักดันสายการเดินเรือแห่งชาติและการพัฒนาระบบขนส่งทางทะเลอัจฉริยะ หรือเรือขนส่งสินค้าที่ไม่ใช้การควบคุมโดยมนุษย์ซึ่งถือเป็นแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีในด้านการจัดการเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้สนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ คำถามที่เกิดขึ้นคือความจำเป็นในการพัฒนางานท่าเรือให้ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีอัจฉริยะ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ในปัจจุบันงานการท่าเรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมีท่าเรือที่รองรับการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศอยู่หลายแห่งในภูมิภาคที่แตกต่างกันไป เช่น ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือระนอง 

    กฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ใช้บังคับต่อการทำงานและระบบขับเคลื่อนท่าเรือในประเทศไทยในปัจจุบันคือ พระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2543 เป็นหลัก ประกาศและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชกฤษฎีกากำหนดอาณาบริเวณของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่องวิธีดำเนินการบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าเรือเดินทะเลต่างประเทศเป็นต้น ทั้งนี้การจัดการการท่าเรือในประเทศไทยยังดำเนินการร่วมกับกรมเจ้าท่าและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ซึ่งหากในอนาคตประเทศไทยจะพัฒนางานท่าเรือไปสู่ระบบอัจฉริยะหรือการควบคุมงานโดยปัญญาประดิษฐ์รูปแบบต่าง ๆ กฎหมายและแนวนโยบายที่สนับสนุนงานท่าเรือจำต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและแก้ไขให้สอดคล้องกัน


สำหรับประเทศที่มีความก้าวหน้าในการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะอย่างมีนัยสำคัญในระยะห้าถึงสิบปีนี้ซึ่งจะได้ขอหยิบยกมาเป็นกรณีศึกษาเปรียบเทียบคือ ประเทศสหพันธรัฐเยอรมนี โดยจะขอกล่าวถึงเมืองแห่งท่าเรือคือ ท่าเรือแห่งเมืองฮัมบวร์ก (The Port of Hamburg) สภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้งของท่าเรือฮัมบวร์กได้เปรียบในด้านการเป็นจุดยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นท่าเรือระหว่างประเทศแห่งทะเล.ติก  (Baltic Sea) ซึ่งมีส่วนต่อขยายกับท่าเรือภายในประเทศมากมายส่งผลให้ได้รับความนิยมมาก มีสายการเดินเรือเข้ามาใช้บริการและเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าจากแต่ละภูมิภาคมากมายเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว 

    ท่าเรือแห่งนี้ก้าวสู่การเป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Port Digitalization) มาเป็นเวลากว่า 17 ปีแล้ว ข้อกฎหมายประการแรกที่กำกับระบบงานท่าเรือฮัมบวร์กคือ Hamburg Port Authority Law ซึ่งเมื่อเยอรมนีเป็นประเทศที่เริ่มมีการสนับสนุนเศรษฐกิจทางทะเลอย่างจริงจัง จึงได้จัดให้มีทั้งข้อบังคับในระดับกฎหมายระดับรัฐสมาชิก และกฎหมายระดับสหพันธ์ (German Government และ Federal State Government) เพื่อสนับสนุนแนวนโยบายท่าเรืออัจฉริยะดังต่อไปนี้

    หลักการท่าเรือสีเขียวของท่าเรือฮัมบวร์ก (Green Port of Hamburg) ที่บทบัญญัติทางกฎหมายจากหลัก EU Directive 2014/94/EU กำหนดให้เทคโนโลยีแห่งท่าเรือนั้น ๆ จะต้องถูกพัฒนาอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจากของเสียบริเวณท่าเรือ การรักษาความปลอดภัยและระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืน ซึ่งนอกจากกฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศซึ่งบังคับในเรื่องการปล่อยควันพิษ มลพิษทางเสียงและน้ำเสียบริเวณท่าเรือแล้ว ยังมีการกำกับดูแลด้วย Energy and Electricity Taxation Acts เพื่อให้การบริหารงานในท่าเรือครบถ้วนสมบูรณ์โดยบังคับใช้ในเมือง Hamburg และ Lubeck

    ประการต่อมาความจำเป็นด้านการใช้ประโยชน์และการก่อสร้างท่าเรืออัจฉริยะจะอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญเยอรมัน และการกำกับดูแลอื่น ๆ ตามแผนการพัฒนาท่าเรือ  Digitalizing Hamburg Port 2021- 2025 ซึ่งจะดำเนินการภายใต้กฎหมายระดับสหพันธ์อย่างกฎหมายการจัดการน้ำ, บทบัญญัติเพื่อการปกป้องธรรมชาติและการก่อสร้างท่าเรือ  ในด้านระบบการเงินในท่าเรือขณะนี้อาศัยหลัก Privatization, Public-Private Partnerships (PPP) ซึ่งถูกกำกับโดยหลักกฎหมายแพ่งและกฎหมายมหาชนของเยอรมันเพื่อกำหนดทิศทางในด้านการเงิน การลงทุนและการบริหารงบประมาณในท่าเรือที่อาศัยการทำงานของเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์

    ประการสุดท้ายการจัดการด้านแรงงานจะอาศัยหลัก EU Trade Union และ Regulation (EU) 2017/352 ซึ่งวางระบบในด้านความโปร่งใสทางการเงินและการจัดการแรงงาน ที่ให้บริการในท่าเรือ ซึ่งมีการวางแนวทางเอาไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งกฎหมายยังครอบคลุมไปถึงการชดเชยความเสียหาย จากการทำงานในท่าเรือระบบอัจฉริยะอีกด้วย จะเห็นได้ว่าการจะพัฒนาระบบท่าเรืออัจฉริยะซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจสีน้ำเงินยังมีประเด็นที่ต้องหันกลับมามองกฎหมายและนโยบายที่มีอยู่อีกหลายส่วนด้วยกัน ในการเตรียมความพร้อมหากจะพัฒนาส่งเสริมในด้านนี้ จึงควรต้องมีการพิจารณาถึงการบังคับใช้และการกำหนดบทลงโทษจากกฎหมายโดยอาจศึกษาจากต้นแบบที่มีความเกี่ยวข้องและรากฐานทางกฎหมายที่คล้ายคลึงกันให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้.
#5429


ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย เผยภาพแรกอย่างเป็นทางการของ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ หรือ #NextGenRanger โดยมีกำหนดเผยโฉมเป็นครั้งแรกพร้อมกันทั่วโลกในปลายปีนี้ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2565

ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยภาพรถฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ พร้อมคลิปวีดีโอ ซึ่งมีการเผยให้เห็นถึงการทดสอบอย่างสมบุกสมบันในหลากหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นทางฝุ่น ทางแบบดินโคลน และ พื้นผิวลื่นแบบหิมะ โดยมีการใช้สติกเกอร์เพื่ออำพรางตัวในระหว่างการทดสอบ

ทั้งนี้ในรายงานข่าวของฟอร์ด ระบุว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ เป็น รถกระบะที่แกร่งที่สุด สมบุกสมบันที่สุด และมีระบบเชื่อมต่อที่ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา โดยคันจริงมีกำหนดเผยโฉมในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่การเปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในปี พ.ศ. 2565
#5430


ชลธิชา แสงพันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท แอนะลิติสต์ จำกัด ผู้สร้างแพลตฟอร์ม GROWTHai ระบุว่า อยากให้แพลตฟอร์ม GROWTHai ซึ่งเกิดจากบริษัทคนไทย 100% นี้เป็นตัวแทนของคนไทยที่จะไปเรียนรู้ แบ่งปัน และในทางกลับกันเป็นโอกาสไปรับความรู้จากสตาร์ทอัป CDP จากทั่วโลก และมุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์เพื่อขยายธุรกิจร่วมกันในอนาคตอีกด้วย 

"ธุรกิจไทยต้องมีเครื่องมือทางการตลาดที่ชาญฉลาด และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยอย่างแท้จริง สังเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันเวลา และที่สำคัญอยู่ในงบประมาณที่คุ้มการลงทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น"



สำหรับ GROWTHai คือ CDP (Customer Data Platform) ซึ่งนับเป็น MarTech (Marketing Technology) ที่จะเข้ามายกระดับการตลาดไทยนำทุกธุรกิจมุ่งสู่ Growth Marketing อย่างแท้จริง หรือในเชิงเทคนิค GROWTHai คือ เครื่องมือการตลาดแบบอัตโนมัติ ขับเคลื่อนด้วยผลดาต้าที่มาจากการวิเคราะห์เชิงลึกในแบบเรียลไทม์

ภายในจะประกอบด้วย GROWTHai Predict ในการวิเคราะห์คอนซูเมอร์อินไซต์ เพื่อหาความต้องการใหม่ๆ จนถึงคาดการณ์ความต้องการแบบเรียลไทม์ GROWTHai Customer 360 รวมทุกข้อมูลจากทุกช่องทางเข้าด้วยกัน GROWTHai Segment ในการแบ่งกลุ่มลูกค้าแบบอัตโนมัติ

รวมถึง GROWTHai Lottovip Automation ในการสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุดให้ลูกค้าในแต่ละกลุ่มมแบบอัตโนมัติ และที่สำคัญคือระบบรักษาความปลอดภัย GROWTHai Protection ที่มีการคำนึงถึงสิทธิในการใช้งานข้อมูล การบริหาร จัดเก็บแบบอัตโนมัติ