• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Panitsupa

#5446


8 ส.ค. 64 เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจความพร้อมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตบางแค แห่งที่ 2 บริเวณโรงเรียนคลองหนองใหญ่ เขตบางแค โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักงานเขตบางแค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล

ทั้งนี้ กทม.ได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต โดยมีเป้าหมายเปิดศูนย์พักคอยฯ ให้ได้มากที่สุด เพื่อแยกผู้ป่วยโควิด-19 ออกมาจากบ้าน นำมาพักคอยที่ศูนย์ฯ มีการคัดกรองอาการและดูแลเบื้องต้น เพื่อรอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล ลดปัญหาการแพร่ระบาดและติดเชื้อของคนในครอบครัวและชุมชน

สำหรับศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตบางแค แห่งที่ 2 โรงเรียนคลองหนองใหญ่ ใช้พื้นที่อาคารเรียน 5 ชั้น 2 อาคาร สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 312 เตียง แบ่งเป็น ผู้ป่วยระดับสีเหลือง/แดง 48 เตียง ผู้ที่มีผลการตรวจ ATK ติดเชื้อ 33 เตียง และผู้ป่วยระดับสีเขียว 231 เตียง โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลบางปะกอก 8 และศูนย์บริการสาธารณสุข 40 บางแค เป็นผู้บริหารจัดการผู้ป่วย กำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 9 ส.ค. 64 นี้


จากนั้น เวลา 11.15 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะ ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตบางแค แห่งที่ 1 ตั้งอยู่ที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค (เรืองสอน) ซึ่งเป็นศูนย์พักคอย 1 ใน 7 แห่ง ที่กรุงเทพมหานครเตรียมขยายศักยภาพในการรองรับผู้ป่วย


โดยได้ปรับเป็นศูนย์พักคอยกึ่งโรงพยาบาลสนาม (Community Isolation plus : CI plus) เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีอาการระดับสีเหลืองได้รับการรักษาเพิ่มขึ้น สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 150 เตียง แบ่งเป็น ชาย 62 เตียง หญิง 77 เตียง พ่อลูกอ่อน 4 เตียง และแม่ลูกอ่อน 7 เตียง โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ เป็นผู้บริหารจัดการผู้ป่วย

ทั้งนี้ ศูนย์พักคอยฯ เขตบางแค เริ่มรับผู้ป่วยเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยที่เข้าพักในศูนย์พักคอยฯ จำนวนสะสม 443 ราย และพักรักษาจนครบกำหนด 14 วันโดยไม่มีอาการรุนแรง และหายเป็นปกติกลับบ้านได้แล้ว คิดเป็นร้อยละ 60 และส่งต่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล คิดเป็นร้อยละ 20 (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ส.ค. 64 เวลา 11.00 น.)

ซึ่งศูนย์พักคอยฯ มีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการดูแลผู้ป่วย ด้วยทีมแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมยารักษาและเครื่องมือทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจร ถังออกซิเจน เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว อาหารหลัก 3 มื้อ และของใช้จำเป็นอื่ๆ ให้กับผู้ป่วยด้วย ศูนย์พักคอยฯ ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมที่จะให้บริการประชาชน เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด

ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อแล้ว 65 แห่ง สามารถเปิดรับผู้ป่วยได้แล้ว 50 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ 8,597 ราย และยังมีศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถานประกอบการและประชาชนทั่วไป อีก 5 แห่ง สามารถรับผู้ป่วยได้ 960 ราย

นอกจากนี้ยังมีศูนย์พักคอยแบบ Semi Community Isolation อีก 23 แห่ง สามารถรับผู้ป่วยได้ 527 รวมจำนวนศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 93 แห่ง สามารถรับผู้ป่วยได้ 10,084 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ส.ค. 64 เวลา 09.55 น.)

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 สามารถโทรติดต่อสายด่วน 1330 หรือ สายด่วนโควิด 50 เขต 20 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับการประเมินเข้าสู่ระบบการรักษาแบบแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation : HI) หรือเข้าพักที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) หรือโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
#5447


Google ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่คนไทยสนใจค้นหาบน Google Search ในเทศกาลวันแม่ที่กำลังจะถึงในเดือนสิงหาคม 2564  ซึ่งปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่คนไทยยังต้องฉลองเทศกาลต่างๆ แบบเว้นระยะห่าง   แต่สิ่งที่ผู้คนนิยมมากขึ้นคือความสนใจในการค้นหาไอเดีย ของขวัญ และสิ่งต่างๆ ทางออนไลน์  โดย Google ได้รวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Google Trends ซึ่งสะท้อนสิ่งที่คนไทยกำลังมองหาและต้องการในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อช่วยให้คนไทยฉลองเทศกาลวันแม่ได้ดีที่สุด 

โดยคำค้นหาที่ได้รับความสนใจในช่วงเทศกาลวันแม่แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสินค้าเพื่อแม่ และกลุ่มสินค้าเพื่อลูก  

และเนื่องด้วยสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้การค้นหาประเภทร้านอาหารและการท่องเที่ยวน้อยลง โดยลูกๆ ต่างมองหากิจกรรมทดแทนและข้อเสนอพิเศษต่างๆ สำหรับของขวัญในวันแม่ โดยการค้นหาเหล่านี้มักเริ่มขึ้น 2 สัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลวันแม่

สำหรับคำค้นหาที่คนไทยให้ความสนใจ "กลุ่มสินค้าเพื่อแม่" คือ
• วิธีทำการ์ด วันแม่ เพิ่มขึ้น 200%
• ดอกไม้ พวงมาลัยมะลิ เพิ่มขึ้น 90%
• โปร วันแม่ เพิ่มขึ้น 35%

โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มสินค้าเพื่อแม่นี้เป็นตัวเลขในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้า

นอกเหนือจากลูกๆ จะหากิจกรรมพิเศษเพื่อแม่แล้ว กลุ่มคุณแม่ก็ยังมองหา "กลุ่มสินค้าเพื่อลูก" สำหรับทำกิจกรรมร่วมกับลูกเช่นกัน สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อเด็ก เป็น กลุ่มที่มีการค้นหาเพิ่มสูงขึ้นมาก

• แบบฝึกหัด อนุบาล 2 เพิ่มขึ้น 250%
• รถไฟฟ้าเด็ก เพิ่มขึ้น 140%
• ยาสำหรับลูก เพิ่มขึ้น 100%

โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มสินค้าเพื่อลูก เป็นตัวเลขระหว่างช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2654 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว  นอกจากนี้ สามารถค้นหาบทความข้อมูลเชิงลึกผู้บริโภค กลยุทธ์ และเครื่องมือสำหรับนักการตลาดเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.thinkwithgoogle.com/th
#5448


"ธนกร" เผยประชาชนยังใช้สิทธิมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐต่อเนื่อง แม้บางพื้นที่ถูกล็อกดาวน์ แจงยอดใช้จ่ายคนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้-บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำเศรษฐกิจในประเทศหมุนเวียนกว่า 5.8 หมื่นล้าน คาดภายใน ต.ค.64 เชื่อมแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ใช้"คนละครึ่ง" ได้

วันนี้(8 ส.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เพิ่มจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด เนื่องจากอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด- 29 เชิงรุกทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ขอให้ประชาชนงดออกจากเคหสถาน หรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 แต่รัฐบาลก็มีมาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเร่งด่วนผู้ประกอบการนายจ้าง ลูกจ้าง ตลอดจนแรงงานกลุ่มอาชีพอิสระ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ 9 ประเภท 29 จังหวัดล็อกดาวน์ โดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้โอนเงินเยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ใน 10 จังหวัด (กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา) เข้าบัญชีไปแล้ว 2,434,182 คน เบิกจ่ายเป็นเงินรวมแล้ว 6,085.45 ล้านบาท แต่มีบางส่วนที่เกิดความขัดข้อง โอนเงินไม่ผ่าน เนื่องจากอาจจะมีข้อมูลผิดพลาด ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลหน้าเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมได้จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2564 หากข้อมูลได้รับแก้แก้ไขตรวจถูกต้องแล้ว จะดำเนินการโอนในวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของนายจ้าง ม. 33 สำนักงานประกันสังคมอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลสถานะจำนวนลูกจ้าง และจะเริ่มทยอยโอนให้นายจ้าง 3,000 ต่อจำนวนลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564

นายธนกร กล่าวต่อว่า แม้จะมีข้อติดขัดเรื่องการออกมาใช้จ่ายของประชาชนบางพื้นที่บ้างในช่วงนี้ แต่จากการรายงานของกระทรวงการคลังพบว่า มาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ยังมีการใช้สิทธิอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 37.66 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม รวม 58,495.4 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 23.22 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 52,466.8 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 26,600.7 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 25,866.1 ล้านบาท 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 63,093 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 977.5 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.45 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 4,760.2 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 931,228 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 290.9 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน และเข้าใจสถานการณ์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบบริการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ให้สามารถเชื่อมกับโครงการ "คนละครึ่ง" สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยกระทรวงการคลังได้กำชับให้ธนาคารกรุงไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงระบบการเชื่อมระบบโครงการ "คนละครึ่ง" กับระบบของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ คาดว่าจะดำเนินการเชื่อมระบบเสร็จสิ้นและพร้อมใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เพื่อรองรับการใช้จ่าย หลังกระทรวงการคลังโอนเงิน "คนละครึ่ง" รอบ 2 อีก 1,500 บาทเข้าแอพพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งประชาชนสามารถใช้จ่ายได้จนถึงสิ้นปี 2564
#5449


8 ส.ค.2564  นายพยัพ คำพันธุ์  เซียนพระชื่อดัง และศิลปินรุ่นใหญ่ ร่วมกับ นาย คฑาวุธ ทองไทย หรือ อ.ไข่ นักร้องชื่อดังวงมาลีฮวนน่า ในฐานะประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย จัดทำโครงการธารน้ำใจ – ภัย COVID-19 #อย่าสิ้นหวัง #ยังมีเรา #มนต์พระและเสียงเพลง เพื่อช่วยเหลือคนในวงการบันเทิงและคนในวงการพระเครื่อง ที่ติดเชื้อโควิด พร้อมซื้อน้ำมันถวายวัดสำหรับเผาศพผู้ป่วยโควิด, ซื้อถุงซิปบรรจุศพ และชุด PPE ถวายวัด และให้อาสาสมัครกู้ภัย จัดหาเตาเผาศพสำรองสำหรับเผาศพผู้ป่วยโควิด และเยียวยา ช่วยเหลือนักดนตรี-คนในวงการพระเครื่อง


โดย นาย พยัพ   เผยว่า ตอนนี้พี่น้องเราลำบากทุกวงการ เงินที่ได้มาเราจะเอาไปช่วยพี่น้องวงการพระที่ป่วยโควิด ติดเตียง วงการเพลงก็เช่นเดียวกัน 

"ที่โครงการเราบริจาคเตาครั้งนี้ ก็ได้มาจากพี่น้องวงการพระเครื่องทั่วประเทศ และศิลปินวงการเพลง เพราะทางวัดเตาเผาพังหมดแล้ว ก็ต้องขอบคุณเจ้าของเตาที่เอามาตั้งไว้ให้ก่อน ซึ่งตอนนี้เตายังผ่อนส่งอยู่ จึงบอกบุญมายังพี่น้องทั้งวงการพระและวงการเพลง เงินที่พี่น้องได้ทำบุญไม่ได้สูญหายไปไหน เราจะทำทุกอย่างให้เห็น ขอบคุณพี่น้องที่ช่วยบริจาคกันมา เงิน 1 บาทก็สามารถเยียวยาพี่น้องของเราได้"  

 

ด้าน อ.ไข่ มาลีฮวนน่า กล่าวว่า วงการเพลงต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่จะมาร่วมดนตรีเปิดหมวก ร่วมบริจาค ซึ่งการเล่นเปิดหมวก  นักร้อง นักดนตรี สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทุกแนวดนตรี มี 2 ลักษณะคือ เป็นบัญชีช่วยเหลือนักดนตรีจริงๆ คือท่านเล่น 3 เพลงใน 15 นาที ก็สามารถขายของได้ ลงหมายเลขบัญชีได้ อีกบัญชีคือบัญชีกองกลางของธนาคารกรุงไทย ท่านไหนที่ต้องการบริจาคก็บริจาคได้ โดยกิจกรรมไลฟ์เปิดหมวกสามารถส่งคลิปมาได้ภายในวันที่ 10 สิงหาคม นี้ และจะมีการออนแอร์ระหว่างวันที่ 13 – 15 สิงหาคม 2564 เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ทาง Fanpage : Maleehuana Official เพจไผ่ร้อยกอโปรดักชั่น เพจสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และลิ้งก์ไปที่เพจคาราบาว เพจคนด่านเกวียน เพจคาราวาน เราร่วมกันได้ครับ เงิน 1 บาท 1 ล้าน คุณค่าทางหัวใจเท่ากัน เราช่วยกันตอนเป็นดีกว่าเห็นกันตอนตาย  เชิญชวนเพื่อนพี่น้องร่วมใจบริจาคกันได้ตามจิตศรัทธา


ทั้งนี้โครงการ ธารน้ำใจ-ภัย COVID-19 เป็นความร่วมมือของบุคคลในวงการพระเครื่อง ศิลปินวงการเพลง และผู้ใหญ่ในวงการบันเทิง อาทิ หงา คาราวาน, แอ๊ด คาราบาว, สีเผือก คนด่านเกวียน , เอกชัย ศรีวิชัย, วงพัทลุง, ศิลปินจากค่ายไผ่ร้อยกอ,วงฟิวส์, รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข, พิศาล เตชะวิภาค(ต้อย เมืองนนท์), ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์, กชสร พิพัฒนกุล (ปู มรดกไทย), ชาติชาย สุขไสย และจิระนันท์ พิตรปรีชา     

ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการได้สำเร็จลุล่วงในเบื้องต้นกับการจัดหาเตาเผาศพสำรองสำหรับเผาศพผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ซึ่ง พยัพ คำพันธุ์, อ.ไข่ มาลีฮวนน่า  ผู้จัดทำโครงการ ธารน้ำใจ-ภัย COVID-19 พร้อมด้วย นก-บริพันธ์ ชัยภูมิ ผู้บริหาร บริษัท เซเว่นสตาร์ สตูดิโอ จำกัด ผู้ผลิตรายการ ชุมทางดาวทอง, ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ ค่ายกันตนาฯ และ ดร.มนัส  โนนุช ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ได้ทำการส่งมอบเตาเผาศพสำรอง ให้กับพระครูปลัดไพฑูรย์ ฐิตาวิทูโร เจ้าอาวาสวัดเสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว     สำหรับผู้ที่จะร่วมบริจาคสามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 096 – 0 – 32605 – 7
#5451


บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 มีจำนวน 2,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 406 ล้านบาท หรือ 21% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่ 2 ปี 2563 

โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไชยะบุรี และการรับรู้รายได้บางส่วนจากเงินชดเชยค่าประกันภัยของโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงาน ระยะที่ 5 และกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนค่าก๊าชธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่า กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ลดลง เนื่องจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันมีการหยุดชอมบำรุง

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2564 กำไรสุทธิของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 329 ล้านบาท หรือ17 % โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไชยะบุรี และการรับรู้รายได้บางส่วนจากเงินชดเชยค่าประกันภัยของโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงาน ระยะที่ 5 และกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) ที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่า กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ลดลง

เนื่องจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ รับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษี จำนวน 436 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ซึ่งส่วนหลักได้รับจากการบริหารจัดการการผลิตและใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน การบริหารส่วนการพาณิชย์ การบริหารจัดการงานจัดซื้อและงานช้อมบำรุงรักษา

บริษัทประเมินว่า เศรษฐกิจไทย ธนาคารแห่งประทศไยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนน้มขยายตัวร้อยละ 18 เนื่องจากการระบาดระของ COVD-19 ที่ยึดเยื้อและมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม แรงกระตุ้นเติมจาก พ.ร.ก. กู้เงินฯ ฉบับใหม่ แผนการจัดหาและการกระจายวัคในของไทยที่คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น

ตลอดจนสินค้าที่ขยายตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการกลับมาเปิดดำเนินการของกิจกรรมเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยชะลอลงไม่มากนัก และสำหรับปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 3.9โดยยังได้รับเงินสนับสนุนเศรษฐกิจจากภาค
คาดว่า ประเทศไทยะสามารถสร้างระดับภูคุ้มกันหมูได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้นภายในปี 2565

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. มีมติตรึงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) สำหรับการเรียกเก็บถึงธันวาคม 2564 โดยยังคงเรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งทาง กกพ. ให้หตุผลสำหรับการตงค่เอฟทีต่อเนื่องไปอีก 4 เดือน เนื่องจากการของเศรษฐกิจโลกในช่วง 2-3 เดืนที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาก๊าชธรรมชาติเนเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น หากราคาน้ำมันดิบในตตลาดโลกที่พิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้นทั้งนี้ หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้น กกพ. จะจารณาปัจจัยดังกล่าวเพื่อทำให้ค่าไฟามีเสถียรภาพมีความมั่นคง และร่วมขับเคลื่อนตามนโยบายต่างๆของกาครัฐในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ที่ยังคงรุนแรงและขยาย
พื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน
#5454


ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้หลังขาดปัจจัยชี้นำที่ชัดเจน ขณะที่นักลงทุนรอดูการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,465.48 จุด ลดลง 1.07 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,709.22 จุด ลดลง 18.90 จุด หรือ -0.07% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,262.97 จุด เพิ่มขึ้น 58.28 จุด หรือ +0.22%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานจะพุ่งขึ้น 926,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 385,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 366,000 ราย สู่ระดับ 2.93 ล้านราย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องอยู่ที่ต่ำกว่าระดับ 3 ล้านรายนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.2563

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาคที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย.ของเกาหลีใต้และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนมิ.ย.ของญี่ปุ่น
#5455


นางสาวอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า คาดรายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จะเติบโตต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับขึ้น โดยบริษัทประเมินสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้ที่ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2564 เฉลี่ยที่ 66.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และคาดว่าในช่วงที่เหลือราคาน้ำมันดิบจะแกว่งในกรอบ 60-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ บริษัทยังได้อานิสงส์จากการปรับราคาก๊าซธรรมชาติย้อนหลังตามราคาพลังงานที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 อีกด้วย

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ ในประเทศยังเผชิญปัญหาในการเข้าพัฒนาพื้นที่โครงการจี 1/61 (แหล่ง เอราวัณ) แม้บริษัทจะยอมรับเงื่อนไขของผู้รับสัมปทานเดิมแล้วก็ตาม จึงคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ตามสัญญาที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (MMSCFD)  โดยบริษัทได้จัดทำแผนรับมือเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตในแหล่งอื่นบริเวณอ่าวไทยเข้ามาชดเชย รวมถึงการเตรียมแท่นผลิตในกรณีที่สามารถเข้าพื้นที่ได้ในระยะถัดไป

ส่วนโครงการจี 2/61 (แหล่งบงกช) คาดว่าจะดำเนินการได้ตามแผน จากปัจจุบันที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและติดตั้งแพลตฟอร์ม โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.2564 นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมขุดเจาะและเจรจาซื้อขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ในต่างประเทศ คาดว่าจะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตโครงการ Oman Block 61 ในโอมานเต็มที่ 1,500 MMSCFD ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.9 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ส่วนโครงการฮาสสิ เบอร์ราเคซ (HBR) ในแอลจีเรียคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ กำลังการผลิต 1-1.3 หมื่นล้านบาร์เรลต่อวัน

สำหรับโครงการลัง เลอบาห์ (Lang Lebah) ในมาเลเซียคาดว่าจะตัดสินใจขั้นสุดท้าย (FID) ได้ตามแผน และจะเริ่มดำเนินการขุดเจาะได้ภายในปี 2565 ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ค้นพบเพิ่มขึ้น ส่วนโครงการซาราวัก SK438 และ PM407 อยู่ระหว่างประเมินศักยภาพทางปิโตรเลียม


ในการนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายปี2573 ธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจเทคโนโลยี ธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจพลังงานทางเลือก จะมีกำไรสุทธิ 20% ส่วนธุรกิจหลักคือการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมจะลดสัดส่วนลงเหลือ 80%

ทั้งนี้ บริษัทประเมินยอดขายไตรมาส 3 ปี 2564 จะลดลงเหลือ 4.05 แสนบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานแยกก๊าซของ บมจ.ปตท. (PTT) แต่คาดว่ายอดขายทั้งปีจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 4.12 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น จากปี 2563 หนุนให้อัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายขั้นต้น (EBITDA Margin) เติบโตตามเป้าหมายที่ 70-75%
#5456


ประเทศไทยได้ก้าวสู่ยุคแห่งนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยุคที่ทั้งผู้คนและภาคธุรกิจต่างยอมรับเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงกระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่ารวดเร็วเสียจนบางทีก็เร็วเกินกว่าเมืองที่เราอาศัยอยู่จะปรับตัวได้ทัน

อีกเพียงไม่นาน ประเทศไทยจะขยับเข้าใกล้ความเป็นไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งผู้บริหารของเมืองต่าง ๆ ในประเทศกำลังมองหาหนทางที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่ในปกครองของตน สิ่งนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ปรากฏอยู่ในแผนงานพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City Plan) ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาเมือง 100 แห่งทั่วประเทศไทยให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะภายในปี 2565 และยังช่วยให้ประเทศได้ตระหนักถึงเป้าหมายในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

กระนั้นก็ดี การแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้ดิสรัปชั่นดังกล่าวเป็นไปอย่างรวดเร็วและชัดเจนยิ่งขึ้น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะไม่สามารถให้ความสำคัญแต่เพียงเรื่องของการเปลี่ยนสู่ความเป็นดิจิทัลเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สามารถปรับระดับขีดความสามารถ และสามารถใช้ในสถานการณ์จริงได้ด้วย

การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ได้สอนพวกเราว่าความยั่งยืนควรเป็นปัจจัยสนับสนุนในการก่อร่างสร้างตัวของเมืองอัจฉริยะ ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้เมืองเหล่านั้นจะต้องเข้าถึงจุดที่เป็นสามารถเชื่อมต่อหากันได้ทุกมิติ (hyperconnected maturity)

อะไรที่ช่วยทำให้เมืองเกิดการเชื่อมต่อในทุกมิติได้

โดยพื้นฐานนั้น เมืองที่มีการเชื่อมต่อในทุกมิติ หรือ hyperconnected city จะสามารถปลดล็อคค่านิยมทางด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และสังคมที่มีความสำคัญได้ด้วยการผลักดันการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมต่อในจุดที่สำคัญต่อระบบนิเวศเมืองให้กับประชากรด้วยความรอบคอบ สิ่งที่ทำจะต้องเป็นมากกว่าแนวความคิดทั่วไปของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่ง hyperconnected city จะให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี ขณะเดียวกันก็ยังเชื่อมต่อกับหน่วยงานรัฐบาล สถานประกอบการธุรกิจ สถาบันการศึกษา และประชาชน เพื่อปรับปรุงพัฒนาในการส่งมอบบริการอัจฉริยะต่าง ๆ ซึ่งทำได้โดยผ่านการกำหนดองค์ประกอบหลักทั้งสี่ ที่เมืองเหล่านั้นจะสามารถรับรู้ถึงผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

แต่ว่าเราจะประเมินความแข็งแกร่งของการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบทั้งสี่ในเมือง ๆ หนึ่งได้อย่างไร และองค์ประกอบสี่อย่างนั้นมีอะไรบ้าง จากรายงานเรื่อง Building a Hyperconnected City ที่โนเกียได้ทำงานร่วมกับ ESI ThoughtLab การเชื่อมต่อจะต้องถูกประเมินโดยพิจารณาสี่องค์ประกอบหลักของการเปลี่ยนแปลงเมือง ได้แก่ เทคโนโลยี ข้อมูลและการวิเคราะห์ ความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ และประชากรที่เชื่อมโยงถึงกัน



บนพื้นฐานขององค์ประกอบหลักทั้งสี่นั้น เราระบุได้ว่าในปัจจุบันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมี 20 เมืองที่สามารถถูกจัดกลุ่มให้เป็น hyperconnected city ได้ ขณะที่แต่ละเมืองได้เข้าถึงบางส่วนของการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบหลักต่าง ๆ นั้น เมืองเหล่านั้นก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่จากระดับวุฒิภาวะในการเข้าถึงการเชื่อมต่อที่ต่างกัน อย่างเช่นกรุงเทพมหานครก็เป็นหนึ่งในเมืองเหล่านั้นและได้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีการดำเนินการที่เหมาะสมและเป็นลำดับขั้นตอนอย่างไรในการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ ถึงอย่างไรก็ตาม เมืองไทยยังเฝ้ารอโอกาสในการส่งเสริมการพัฒนาในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น ดังเห็นได้จากความพยายามที่จะพัฒนาพื้นที่สำคัญ ๆ ของประเทศ อย่างโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ที่เป็นความร่วมมือขององค์กรภาครัฐและเอกชน ผู้บริหารเมือง เอ็นจีโอ และสถาบันการศึกษา

การยอมรับ IoT ของประเทศไทย

Hyperconnected city ทั้งหลายกำลังขยายขอบข่ายการใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูงไปทั่วทั้งระบบนิเวศเมือง ขณะนี้ทั้ง 20 เมืองที่กล่าวถึงข้างต้นกำลังเร่งเดินหน้าให้เกิดการยอมรับความก้าวหน้านี้ด้วยการปรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล การสื่อสารโทรคมนาคม และโซลูชั่นเทคโนโลยีด้าน Mobility เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบองค์รวม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีไอโอที (IoT: Internet of Things) และการยอมรับเทคโนโลยีดังกล่าวในเมืองต่าง ๆ ทั่วเอเชียทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ที่มุ่งไปสู่ความเจริญแบบเมืองอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชากรมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น และคนอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ความยั่งยืนในแบบเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างสถานที่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและปลอดภัยต่อการอยู่อาศัยและทำงานให้กับชาวเมือง และ IoT สามารถช่วยให้เมืองเหล่านี้ใช้เครื่องมือดิจิทัลที่สามารถช่วยเพิ่มศักยภาพการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน (และในอนาคต) ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด

ประเทศไทยกำลังขยายการใช้งาน IoT ให้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว การยอมรับการใช้งานในขอบข่ายนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในภาคส่วนหลัก ๆ ของประเทศ อาทิ ภาคการผลิต โลจิสติกส์ และการขนส่ง ที่ยังนับรวมไปถึงด้านบริการสาธารณะต่าง ๆ ด้วย เช่น มาตรการที่เคยดำเนินการโดยบริษัทไปรษณีย์ไทยที่จะประยุกต์ใช้งาน IoT ในการสร้างกล่องไปรษณีย์อัจฉริยะ (smart mailboxes) ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริการไปรษณีย์ทั่วประเทศ

จากงานวิจัยของโนเกีย กรุงเทพฯ และเมืองอื่น ๆ อีก 19 แห่งที่ได้รับการสำรวจ ต่างมองหาลู่ทางที่จะขับเคลื่อนการใช้งาน IoT ต่อไปในระยะสามปีข้างหน้านี้ เมืองเหล่านี้เองยังได้มีการจัดให้ IoT มีความสำคัญในลำดับต้น ๆ ในแง่ของการสร้างข้อมูลที่มีประโยชน์ที่สามารถนำไปใช้งานเพื่อการปรับพัฒนาการบริหารจัดการเมืองให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

เพิ่มศักยภาพความเป็นเมืองอัจฉริยะของไทยด้วยการบริหารข้อมูล

Hyperconnected city ทั้งหลายใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่าง IoT เพื่อกระตุ้นการใช้ข้อมูลที่หลากหลายในวงกว้างให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่มีส่วนร่วมในการบริหารเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลแบบดั้งเดิม อาทิ ข้อมูลที่รวบรวมมาจากส่วนงานต่าง ๆ ของเมือง สถานประกอบการท้องถิ่น และการสำรวจประชากร และข้อมูลรูปแบบใหม่ เช่น จากระบบตรวจจับด้วย IoT ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแม้กระทั่งที่ได้มาจากโซเชียลมีเดีย

ด้วยการผสานการใช้งานทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงและข้อมูลที่นำไปใช้ได้จริงจากแหล่งต่าง ๆ hyperconnected city จะช่วยพัฒนาการบริหารและความยั่งยืนของเมืองได้ ตัวอย่างเช่น เมืองส่วนใหญ่ที่เราได้ทำการสำรวจไปนั้นมีการปรับใช้ข้อมูลเพื่อบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคม โดยขณะที่กึ่งหนึ่งกำลังใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ในด้านบริการและระบบทางด้านการเงิน การรับส่งข้อมูลแบบเคลื่อนที่ (mobility) และการคมนาคมขนส่ง เช่นเดียวกับงานระบบรักษาความปลอดภัย (ทั้งทางกายภาพและดิจิทัล) ขณะเดียวกัน ส่วนที่สามของการใช้งานข้อมูลเหล่านั้นก็เป็นไปในเรื่องของความปลอดภัย การสาธารณสุข และการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนในเมืองนั้น ๆ

สำหรับประเทศไทย มีความพยายามที่จะผลักดันให้เกิดการใช้งานข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้นในเมืองต่าง ๆ ซึ่งสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงในหัวเมืองใหญ่ ๆ อย่างเช่นกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในอีกหลาย ๆ จังหวัด เช่น ชลบุรี และ ระยอง เป็นต้น

Hyperconnectivity - เมื่อการเชื่อมต่อในทุกมิติช่วยสร้างผลกำไรตอบแทนได้มากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากการรับมือกับความท้าทายในเรื่องความยั่งยืนของเมืองโดยตรงแล้ว ผู้บริหารเมืองนั้น ๆ ยังต้องกระตุ้นให้เกิดการลงทุนสำหรับเมืองอัจฉริยะเพื่อสร้างผลกำไรตอบแทนให้ได้มากที่สุด เราเชื่อว่าการจะก้าวสู่สภาวะที่สามารถเชื่อมต่อได้ในทุกมิตินั้น เมืองอัจฉริยะจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการที่สร้างผลตอบแทนที่จับต้องได้โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ เศรษฐกิจ การเงิน สังคม และสิ่งแวดล้อม



อย่างไรก็ดี เมืองทั้งหลายยังต้องทำความเข้าใจว่าการลงทุนในเรื่องอะไรที่จะสามารถสร้างผลกำไรตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดได้ โดยอ้างอิงจากงานวิจัย โครงการธรรมาภิบาล ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในบรรดาการลงทุนด้านอื่น ๆ ภายในระบบนิเวศเมือง ขอยกตัวอย่างโดยเลือกโครงการที่เกี่ยวกับธรรมาภิบาลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับเมืองต่าง ๆ ที่พึ่งจะเริ่มนำโซลูชั่นเพื่อการเชื่อมต่อแบบครบวงจรมาใช้งานจะเห็นว่ามีตัวเลขผลกำไรตอบแทนโดยเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.6 ในขณะที่หัวเมืองชั้นนำที่มีความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมากกว่า ตัวเลขผลกำไรตอบแทนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5.6 และไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่ในทางกลับกัน hyperconnected city ที่อยู่ในการสำรวจของเรายังเป็นเมืองที่มีการให้บริการต่าง ๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-service) และโปรแกรมต่าง ๆ ในระดับสูงที่ช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าในการใช้ชีวิตแบบคนเมือง ดังนั้น เมื่อเมืองต่าง ๆ มีการเชื่อมต่อที่เข้าถึงได้ในทุกมิติมากขึ้น เครือข่ายที่เชื่อมต่อนั้นจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่หลากหลายได้ด้วย

กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองที่มองหาโอกาสเพื่อดึงการลงทุนที่มีมูลค่าสูงให้เพิ่มมากขึ้นผ่านโร้ดแม็ปของแผนยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์ 4.0 ที่รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในด้านบริการสาธารณะ การคมนาคมขนส่ง และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้ผลักดันการสาธารณสุขของประเทศสู่อนาคตด้วยการเริ่มนำบริการด้านสุขภาพทางไกล (telehealth) บนเครือข่าย 5G มาใช้งานตั้งแต่ระยะแรกของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย โดยขณะที่เป้าประสงค์พื้นฐานของการนำระบบนี้มาใช้คือเพื่อลดภาระให้กับบุคลากรด่านหน้า และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการสาธารณสุขแล้ว การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นนี้ยังช่วยสนับสนุนภาคการสาธารณสุขในภาพรวม ซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์เพื่อเสริมสร้างความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคในวงการอุตสาหกรรมนี้ของประเทศด้วย

ผู้มีส่วนในการบริหารเมืองของประเทศไทยต้องให้ความสำคัญและมองหาหนทางที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นในระยะยาว

ณ ตอนนี้ ประเทศไทยกำลังเข้าใกล้ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่มีการเชื่อมต่อในทุกมิติยิ่งกว่าเดิม โดยกรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองชั้นนำในการปรับเปลี่ยนที่ว่านี้ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเมืองต่าง ๆ จะต้องมีการฝึกทักษะด้านความอดทน นั่นคือพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ความต้องการข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ และการประยุกต์ใช้ให้เข้ากับความต้องการของเมือง

แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่า และนำไปใช้ได้กับทุกเมืองคือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดไหนของการพัฒนาความเป็นเมืองอัจฉริยะก็ตาม ผู้บริหารเมืองจะต้องทำให้แน่ใจได้ว่าประชนชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเมืองให้การสนับสนุน โดยการปรับปรุงในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนถือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของแผนงานการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

การสร้างเมือง hyperconnected city จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร หากแต่ผลที่ได้นั้นถือว่าคุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำไปสู่การปรับปรุงสวัสดิการด้านสังคมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการขับเคลื่อนให้เมืองเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้อื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย และเพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น ประเทศไทยได้วางมาตรการเชิงรุกต่างๆ ไว้รองรับแล้ว ดังนั้น ผู้บริหารเมืองต่างๆ ควรจะมองหาโอกาสที่จะส่งเสริมให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ชาติไทยแลนด์ 4.0 ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางเพื่อการเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภูมิทัศน์ทางด้านสังคมและธุรกิจของประเทศได้วิวัฒน์ไปเพื่อการสร้างอุปสงค์ใหม่ในอนาคต
#5458

เว็บหนังออนไลน์
หนังชนโรง ดูหนังฟรีออนไลน์ ดูซีรี่ย์ออนไลน์ HD 4K มาสเตอร์ แอพดูหนัง free ดูหนังบนทีวี ดูหนังฟรีผ่านมือถือ Tablet พากย์ไทย เต็มเรื่อง คมชัด ไม่กระตุก ซีรี่ย์ตอนใหม่ล่าสุด 2021 อัพเดตหนังใหม่ก่อนใคร หนังใหม่2021 เรามีครบ การ์ตูนอนิเมชั่นดังๆ ละครเกาหลีซับไทย ละครไทย ครบทุกความบันเทิง เว็บ ดูหนังออนไลน์ 2021 ดูฟรียังไม่มีโฆษณา
เว็บหนังที่ใครๆก็แนะนำ ดูหนังออนไลน์ชัด 4K พากย์ไทย เต็มเรื่อง คมชัด โหลดเร็ว ไม่กระตุก ไม่มีสะดุด
https://doonung-5u.com/
#5459


"สิงห์บลูส์" เชลซี นำ 2 ประตูแต่ไม่ชนะ โดน "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไล่ตีเจ๊า 2-2 ในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์

เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ลงสนามเกมอุ่นเครื่องในลอนดอนดาร์บีแมตช์ พบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ โดยเกมนี้มีแฟน.เข้ามาเชียร์เกือบเต็มความจุของสนาม

โธมัส ทูเคิล จัดทัพชุดผสมระหว่างตัวจริงและตัวสำรองของทีม นำทัพโดย ไค ฮาแวร์ตซ์, ติโม แวร์เนอร์, ฮาคิม ซิเยค, มาร์กอส อลอนโซ่, เอ็นโกโล ก็องเต้, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย

ขณะที่ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต เฮดโค้ชชาวโปรตุกีสของทีม "ไก่เดือยทอง" จัดทัพชุดผสมลงเล่นเช่นกัน นำโดย ซอน เฮือง-มิน, ลูคัส มูร่า, สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น, เดเล่ อัลลี, โอลิเวอร์ สคิปป์

ปรากฎว่าเกมนี้ เปิดเกมบุกแลกกันอย่างสนุก เชลซี ได้ประตูออกนำไปก่อน 2-0 จากการเหมาคนเดียว 2 ประตูของ ฮาคิม ซิเยค ในนาทีที่ 16 และ 49 โดย "สิงห์บลูส์" มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นหลายตำแหน่งในครึ่งหลัง

แต่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มาทำ 2 ประตูรวด ไล่ตีเสมอ 2-2 จากการยิงของ ลูคัส มูร่า น.56 และสตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น น.70

หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที เชลซี เปิดบ้านเสมอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 2-2
#5460


ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่พุ่งสูงสู่หลักหมื่นคนต่อวัน ทำให้มีการขยายโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อในหลายพื้นที่ และถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้นมาหลายแห่ง แต่อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงเตียงสนามยังไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ติดเชื้อ ส่งผลให้ไม่สามารถรองรับการรักษาได้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือภาคสาธารณสุข บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จึงได้ร่วมกับกองทัพอากาศ บริษัท ปัญจพลไฟเบอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด บริษัท สถานีการพิมพ์ จำกัด มูลนิธิ SCG บริษัท ซี.พี.ดี.  ชีทบอร์ด จำกัด สนับสนุนการจัดส่งเตียงสนามรวมจำนวน 3,000 เตียง ภายใต้แคมเปญ "ส่งความห่วงใย ส่งให้ สู้ภัย COVID-19" ไปยังสถานพยาบาลและโรงพยาบาลสนามที่ขาดแคลนเตียงในการรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อย่างทันท่วงที

"เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยในระยะที่ต้องได้รับการรักษาจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยในการจัดส่งเตียงสนามของไปรษณีย์ไทยในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้โรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นใหม่มีความพร้อมในการรองรับผู้ป่วยที่ยังคงเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง และสามารถใช้ได้ในอนาคตในกรณีที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายได้ในระยะต่อไป"

ในช่วงที่ทุกภาคส่วนต่างพยายามต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ไปรษณีย์ไทยเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ไม่เคยนิ่งนอนใจกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ใช้ความเชี่ยวชาญในด้านการขนส่งและการเข้าถึงทุกพื้นที่ประสานความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนเพื่อเร่งส่งความช่วยเหลือสู่กลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนเตียงสนามที่ใช้ในการรองรับผู้ป่วย

อย่างไรก็ดี ในส่วนของการจัดส่งเตียงสนามนั้น ไปรษณีย์ไทยได้มีการส่งมอบให้โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศแล้วมากกว่า 3,000 เตียง และจะยังคงเดินหน้าสนับสนุนการขนส่งโดยไม่มีค่าใช้จ่ายไปจนกว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย เพื่อให้ภาคสาธารณสุขและคนไทยก้าวข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน