• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - kaidee20

#2761


สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันพุธ(11ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 96 เซนต์หลังสหรัฐระบุว่าอยู่ระหว่างติดต่อไปยังสมาชิกโอเปกและพันธมิตรผู้ผลิตน้ำมัน โดยไม่เรียกร้องให้บรรดาผู้ส่งออกเพิ่มกำลังผลิตแต่มีเป้าหมายเพื่อประสานงานในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องได้รับการตอบสนองในทันที



นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐที่ระบุในวันพุธ(11ส.ค.) ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนสต๊อกเบนซินลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งในภาพรวมคลังน้ำมันดิบสำรองลดลงต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ สืบเนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ ปิดที่ 69.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ ปิดที่ 71.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

เติมด่วน! 'โออาร์-บางจาก' ปรับขึ้นน้ำมันทุกชนิด 40 สต. เว้น E85 ขยับ 20 สต.

เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 "โออาร์-บางจาก" ผู้ค้าน้ำมันปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิด 40 สต./ลิตร ยกเว้น E85 ขึ้น 20 สต./ลิตร มีผลวันที่ 28 ก.ค. 64 เวลา 05.00 น.


สำหรับราคาใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล วันพรุ่งนี้จะเป็นดังนี้

ดีเซล B7 ลิตรละ 29.39 บาท
E85 ลิตรละ 22.84 บาท
E20 ลิตรละ 28.34 บาท
แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 29.58 บาท
แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 29.85 บาท
(ราคานี้ยังไม่รวมภาษีท้องที่ของแต่ละจังหวัด)
#2762

<img src="https://i.ibb.co/z8n48w8/750x422-954014-1628605077.jpg" alt="750x422-954014-1628605077" border="0">
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดตัว 10 สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศ จากโครงการ Space Economy: Lifting Off 2021 ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนและส่งเสริมให้สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการทำเทคโนโลยี ระบบ หรือบริการด้านกิจการอวกาศสามารถต่อยอดสู่ธุรกิจจริง และสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจอวกาศโลก โดยเตรียมผลักดันสตาร์ทอัพทั้ง 10 ราย ผ่านแนวทางการส่งเสริมอย่างหลากหลาย อาทิ การสนับสนุนงานด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้บริษัทสตาร์ทอัพสามารถนำงานวิจัยไปต่อยอดในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการ การเตรียมพร้อมรองรับเศรษฐกิจอวกาศด้วยการพัฒนาให้สตาร์ทอัพสามารถผลิตดาวเทียมได้เองและสร้างธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอวกาศ เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ


รองรับการเติบโตอนาคต

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า เอ็นไอเอ มีนโยบายในการสนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัพที่สนใจทำธุรกิจนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ หรือ Spacetech ผ่านโครงการ Space Economy: Lifting Off 2021 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเศรษฐกิจอวกาศซึ่งปัจจุบันมูลค่าสูงกว่า 5 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ และในอนาคตอีกประมาณ 20 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าสูงขึ้นจากปัจจุบันกว่า 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์หรือประมาณ 33 ล้านล้านบาท (ที่มา: สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA)

โดยโครงการดังกล่าวเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย และพัฒนาบุคลากรของประเทศให้เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงผลักดันให้เกิดการนำประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศไปพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ยังเห็นว่าเศรษฐกิจอวกาศจะกลายเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องยนต์ในการกระตุ้น GDP ของไทยให้สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อให้เกิดการการส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้เชี่ยวชาญ ในการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเศรษฐกิจอวกาศผ่านกลไกต่าง ๆ ดังนี้

1.สนับสนุนงานด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้สตาร์ทอัพสามารถนำไปต่อยอดในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการ

2.ส่งเสริมให้เกิดการผลิตและการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางอวกาศ เช่น สถานีภาคพื้นดิน

3.เตรียมพร้อมรองรับการส่งจรวดและดาวเทียมด้วยการพัฒนาให้สตาร์ทอัพสามารถผลิตดาวเทียมได้เองเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ

4.สนับสนุนการใช้งานด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบนำทาง โทรศัพท์สัญญาณดาวเทียม และบริการด้านอุตุนิยมวิทยา 

5.การสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์จากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอวกาศให้แก่สตาร์ทอัพของไทยที่สนใจเปลี่ยนมาทำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีอวกาศ

โดยสตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีม ล้วนมีความน่าสนใจและมีศักยภาพที่จะต่อยอดไปสู่การสร้างมูลค่าเศรษฐกิจอวกาศในอนาคต ซึ่งประกอบด้วย "Space Composites" ผู้พัฒนาเทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ชั้นสูงที่ใช้ออกแบบและผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์เพื่อการสำรวจอวกาศ "iEMTEK" สายอากาศและอุปกรณ์เชื่อมต่อสั่งงานสำหรับระบบสื่อสารบนดาวเทียมขนาดเล็ก "NBSPACE" ดาวเทียมขนาดเล็กเพื่อการศึกษาสภาพทางอวกาศ "Irissar" เรดาร์ อุปกรณ์ และระบบที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ "Halogen" .ลูนเพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ

"Plus IT Solution" ระบบวิเคราะห์พื้นที่จากภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ และการใช้ประโยชน์อื่น ๆ "Krypton" นวัตกรรมโปรเจกต์คริปโตไนท์ ซึ่งเป็นวิวัฒนาการดาวเทียมในรูปแบบใหม่ "Spacedox" ระบบวิเคราะห์และแจ้งคุณภาพอากาศโดยใช้.ลูนลอยสูงผ่านเครือข่าย Lora และข้อมูลการตรวจวัดจากดาวเทียม "Emone" เทคโนโลยีควบคุมความเร็วการโคจรวัตถุในอวกาศเพื่อลดปริมาณขยะจากอวกาศ และ "Tripler Adhesive" สูตรกาวและสารยึดเกาะเพื่อใช้สำหรับอุปกรณ์หรือเครื่องมือทางอวกาศ


รุกอุตสาหกรรมอวกาศ

สตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีมได้รับการอบรมบ่มเพาะจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมด้านอวกาศ เพื่อให้สามารถพัฒนาโครงการ และตอบโจทย์ความต้องการในภาคอุตสาหกรรมอวกาศได้อย่างตรงจุด รวมทั้งสามารถสร้างโมเดลธุรกิจที่เป็นรูปธรรมและต่อยอดได้จริงผ่านการทำงานกับหน่วยงานพันธมิตรที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมอวกาศในรูปแบบ co-creation

โดยตั้งเป้าหมายว่าปลายปีนี้จะช่วยให้สตาร์ทอัพเกิดความเข้าใจในธุรกิจด้านเศรษฐกิจอวกาศ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ตรงตามความต้องการของตลาด รวมถึงนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดเพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าเศรษฐกิจอวกาศของโลกในอนาคต

ด้าน กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า โครงการ Space Economy: Lifting Off 2021 เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ดำเนินการร่วมกับ Thai Space Consortium เพื่อผลักดันเศรษฐกิจอวกาศให้เกิดขึ้น ด้วยการพัฒนาผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีอวกาศให้มีบทบาทและสามารถเติบโตได้ในอุตสาหกรรมอวกาศ โดยได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเอ็นไอเอได้เฟ้นหาบริษัทสตาร์ทอัพที่มีความสนใจหรืออยู่ในธุรกิจอวกาศของประเทศไทย

เพื่อเข้ามาร่วมโครงการบ่มเพาะและพัฒนาในรูปแบบของการร่วมรังสรรค์ (co-creation) เพื่อปูทางไปสู่การสร้างเศรษฐกิจอวกาศให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยบริษัทสตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมอวกาศ จำนวนทั้งสิ้น 10 ทีม ซึ่งมีทั้งสตาร์ทอัพที่อยู่ในอุตสาหกรรมอวกาศอยู่แล้ว

และที่มีเทคโนโลยีเชิงลึก และพร้อมที่จะต่อยอดธุรกิจในอุตสาหกรรมอวกาศ อย่างไรก็ตามการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ทำให้ และหน่วยร่วมเห็นว่าบริษัทสตาร์ทอัพในประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจ และที่สำคัญสร้างสรรค์โดยคนไทย โดยบริษัทเหล่านี้มีโอกาสจะเติบโตในอุตสาหกรรมอวกาศได้ชัดเจน และสามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศ รวมถึงการเติบโตและพัฒนาไปสู่ตลาดต่างประเทศได้ในอนาคต

"NBSPACE" ผู้ออกแบบและพัฒนาดาวเทียมดวงเล็กเพื่อใช้สื่อสารกับภาคพื้นดิน Thai-Made Space System หรือ ชิ้นส่วนระบบอวกาศที่ออกแบบและผลิตในประเทศไทย หนึ่งในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศ จากโครงการ Space Economy: Lifting Off 2021 และได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการนำเสนอรูปแบบเทคโนโลยี นวัตกรรม และแผนธุรกิจ The best Startup in Space Economy: Lifting Off 2021

โดย NBSPACE ให้บริการออกแบบและสร้างดาวเทียมโดยมีแพลตฟอร์มดาวเทียมพร้อมให้บริการ รวมถึงสามารถออกแบบ payload ตามความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศในประเทศได้ ส่วนรายละเอียดหลักๆของเทคโนโลยีคือ ออกแบบและพัฒนาระบบสื่อสารบนดาวเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่สำคัญของดาวเทียมเพื่อใช้สื่อสารกับภาคพื้นดิน

ส่วนอันดับ 2 ได้แก่บริษัท "Irissar" เรดาร์อุปกรณ์และระบบที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ อันดับที่ 3 บริษัท "Plus IT Solution" ระบบวิเคราะห์พื้นที่จากภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ และการใช้ประโยชน์อื่นๆ

สำหรับรางวัล The Popular ได้แก่ "Halogen" .ลูนเพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ โดยพัฒนา High altitude ballooning platform เพื่อใช้ส่ง payload ต่างๆขึ้นสู่ชั้น stratosphere ที่มีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับอวกาศจริง ด้วยแพลตฟอร์มนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถทำการทดลอง วิจัย พัฒนา หรือตรวจสอบประสิทธิภาพในการทำงานของดาวเทียมก่อนขึ้นสู่อวกาศได้ในราคาที่ถูกกว่าการใช้จรวดทำให้ทุกภาคส่วน อาทิ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือบริษัทเอกชน ก็สามารถเข้าถึงนวัตกรรมอวกาศได้

เนื่องจากทีมงานมองเห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังคิดว่าเทคโนโลยีอวกาศเป็นเรื่องไกลตัว ปัญหาใหญ่ที่อุตสาหกรรมอวกาศในประเทศไทยกำลังเผชิญคือ ปัญหาการขาดแคลนกลุ่มลูกค้าและบุคลากร เพราะคิดว่าการทำอะไรที่เกี่ยวกับอวกาศจำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาลและผลที่ได้ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนไป

ส่วนรายละเอียดเทคโนโลยีหลัก คือ Automatic nozzle controlled decent ระบบควบคุมทิศทางการตกของ payload หลังจากที่.ลูนแตกออกให้ไปตกลงที่ที่สามารถเข้าไปเก็บกู้ได้ง่ายและไม่เป็นอันตรายต่อชุมชนหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆในพื้นที่ใกล้เคียง แบบอัตโนมัติ โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยยกระดับความปลอดภัยของภารกิจขึ้นอย่างมาก

ภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอวกาศได้กลายมาเป็นจุดสนใจของนักลงทุนและผู้ประกอบการจำนวนมากโดยเฉพาะโซนยุโรป และอเมริกา ทำให้มีเงินและเทคโนโลยีจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ แต่ไทยกลับไม่มีการพูดถึงอุตสาหกรรมอวกาศ ด้วยสาเหตุผลที่ว่า 1.ราคาสูง มีเพียงภาครัฐและภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่เข้าถึงได้ 2.การศึกษา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับด้านอวกาศมากนัก

ทางทีมจึงต้องการแก้ปัญหานี้จึงจะนำ High altitude ballooning platform มาทำให้อวกาศมีราคาถูกลง มีความเสี่ยงต่ำ สามารถเข้าถึงได้ด้วยคนจำนวนมากขึ้น

โดยที่ทางแพลตฟอร์มมีขั้นตอนบริหารจัดการ 3 ขั้นตอนคือ 1.ออกแบบและพัฒนา ทางทีมจะทำงานร่วมกับลูกค้าในการออกแบบทั้งภารกิจและ payload  2.การดำเนินการส่ง.ลูนขึ้นไปพร้อมกับ payload ที่ความสูงประมาณ 35 กิโลเมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศที่มีความใกล้เคียงกับชั้นอวกาศ 3.หลังจาก payload ตกลงมาที่พื้นจะมีการส่งทีมงานไปเก็บกู้กลับมาและนำมาพัฒนาต่อเพื่อทำการทดลองใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้แพลตฟอร์มจะเน้นให้ความรู้ คำแนะนำ ทำให้ลูกค้ามีความรู้สามารถออกแบบ payload ได้ตามต้องการ ทำให้แพลตฟอร์มของ Halogen เหมาะสมต่อการนำมาใช้ในการศึกษาตรงกลุ่มเป้าหมาย 1.Academics อาทิ โรงเรียน สถาบันวิจัย ฯลฯ 2.Non-Academics อาทิ หน่วยงานรัฐ เอกชน เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ

โดยไทม์ไลน์คือในช่วงปีแรกจะเน้นการวิจัยและพัฒนา High altitude ballooning platform เพื่อให้ทำงานไม่มีปัญหา ส่วนปีที่สองจะเปิดให้บริการการส่งการทดลองไปในชั้นบรรยากาศเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ภายในปี 5 ต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการยิงจรวดขึ้นจาก.ลูน

ส่วนคู่แข่งไม่มีในเซกเมนต์นี้ในประเทศไทยยังไม่มี แต่ระดับโลกจะมีบ้างบางราย สำหรับรายได้จะมาจาก 1.Education การให้คำปรึกษา ความรู้ คำแนะนำ space engineering การออกแบบ payload ต่างๆ และค่าดำเนินการจะได้จากการส่งการทดลองต่างๆขึ้นไปในชั้นบรรยากาศด้วย.ลูนของบริษัท 2.Technology & Supply ที่จะมีการจำหน่ายเทคโนโลยีให้กับบริษัทและหน่วยงานที่ต้องการใช้

ขณะเดียวกันแผนดำเนินการทางการเงิน ในปีแรกตั้งใจจะใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์ม โดยเริ่มทำกำไรได้ในปีที่ 2 เป็นต้นไป และภายในระยะเวลา 5 ปี ตั้งเป้าที่จะได้กำไรอย่างต่ำ 5 ล้านบาท
#2763


เชื่อสถานการณ์โควิด-19 ถึงจุดพีคแล้ว หวังครึ่งปีหลังสถานการณ์คลี่คลาย เสนาฯชี้อสังหาฯวิกฤตซ้อนวิกฤต หลังต้นทุนก่อสร้างขยับ แรงงานขาด เหล็กราคาพุ่ง เผยอสังหาฯต้องประสบกับภาวะ"Zombie Firm"รายได้ต่ำกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ระบุปัญหาการจ้างานส่งผลกำลังซื้อหด หนี้ครัวเรือนพุ่ง ดีมานด์ชะลอตัวผู้ประกอบการติดกับดักกระแสเงินสดขาดมือ หนุนรายใหญ่การเงินแกร่ครองแชร์ตลาดแตะ70-80% เสนาฯมั่นใจ "คิดท์คอนโด" เรือธงปี64 ถูกที่ถูกเวลาแม้แบงก์เข้มยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง เหตุกลุ่มเป้าหมายเป็นเรียลดีมานด์ แจงวครึ่งปียอดขาย 3,000 ล้านบาทเศษ

ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ว่าภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ในเดือนส.ค. นี้น่าจะเป็นช่วงที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดแล้วหลังจากนี้ไปคาดว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดจำนวนลง ไม่น่าจะมีจำนวนพูดติดเชื้อเพิ่มขึ้น ถึง 30,000-40,000 คนต่อวันอย่างที่มีการคาดการณ์ไว้ในช่วงแรก ทั้งนี้สถานการณ์การดังกล่าวส่งผลต่อ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ จำนวนมากต้องประสบกับภาวะซมไข้ยาวนาน" หรือเรียกว่า "Zombie Firm" (ซอมบี้เฟิร์ม) หรือภาวะธุรกิจที่มีค่า interest coverage ratio (ICR) หรือมีกำไรจากการดำเนินงานไม่เพียงพอต่อการจ่ายดอกเบี้ย ต่ำกว่า 1 เท่า ติดต่อกัน 3 รอบปีบัญชีล่าสุด ซึ่งค่า ICR สะท้อนมาจากยอดขายของธุรกิจ เมื่อคำนวณแล้ว ICR ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูง เพราะมีรายได้ต่ำกว่าดอกเบี้ย จากเงินกู้

ขณะเดียวกัน ปัญหาการจ้างงานยังส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ผู้บริโภคปรับตัวลดลงมีผลต่อกำลังซื้อให้หดตัวประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงทำให้กำลังซื้อลดลงและกระทบ ต่อการชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งกระทบต่อยอดขายของบริษัทอสังหาฯ ลดลง ส่งผลต่อกระแสเงินสดหรือเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทอสังหาฯขนาดกลางและเล็ก ภาวะดังกล่าวทำให้เกิดการกระจุกตัวของสินค้าในกลุ่มของ ผู้ประกอบการรายใหญ่ จากเดิมที่ รายใหญ่มีแชร์อยู่ในตลาดรวม 50% ก็มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 70-80% เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินโดยเฉพาะในภาวะปัจจุบันนี้ ปัจจัยที่จะทำให้ ผู้ประกอบการก้าวข้ามวิกฤตที่เกิดขึ้นคือความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและการบริหารจัดการ

ในส่วนของความต้องการที่อยู่อาศัย ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เพราะกำลังซื้อและความสามารถในการก่อหนี้ของผู้บริโภคปรับตัวลดลงตามรายได้ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ปัจจัยดังกล่าวมีผลต่อการตัดสินใจและชะลอแผนในการซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ต้องใช้ระยะเวลาในการผ่อนนานทำให้มีผลต่อการตัดสินใจโดยเฉพาะในช่วงที่ผู้บริโภคมีรายได้ที่ลดลงและหนี้ครัวเรือนปรับตัว ขึ้นนอกจากนี้ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินยังเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเข้มงวดการปล่อยกู้โดยในส่วนของเสนาฯนั้น มียอดการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 30%

ดร.เกษรา กล่าวว่า นอกจากนี้สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบันยังสามารถเรียกได้ว่าวิกฤตซ้อนวิกฤต เพราะโดยปกติแล้วในช่วงที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจขึ้นวัดถุดิบหรือวัสดุก่อสร้างต้นทุนต่าง ๆ จะปรับตัวลดลงแต่ในครั้งนี้ต้นทุนทางด้านการก่อสร้าง กลับปรับตัวสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นต้นทุนแรงงานก่อสร้างต้นทุนวัสดุก่อสร้างเช่นเหล็กซึ่งปรับตัวสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก ที่สำคัญต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นจากผลกระทบการล็อกดาวแคมก่อสร้างทำให้งานก่อสร้างต่าง ๆ ต้องหยุดชะงักลงผู้ประกอบการไม่สามารถเร่งงานก่อสร้างและส่งมอบหรือโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าได้ทัน และแม้ว่าขณะนี้จะปลดล็อคดาวน์แล้วแต่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งงานก่อสร้างให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันกำหนดส่งมอบให้กับลูกค้าทำให้มีต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตามภาวะการ หดตัว ของดีมานในปัจจุบันจะเกิดเพียงระยะสั้นแต่ในระยะยาวโอกาสของการขยายตัวของเมืองโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ยังมีแนวโน้มการขยายตัวที่ต่อเนื่องทำให้ในอนาคตความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองจะยังขยายตัวได้อีกมากประกอบกับการผลักดันสินค้าที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีมากขึ้นเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมยังมีแนวโน้มการขยายตัว ได้อีกมากเนื่องจากแนวโน้มการกระจายตัวของครัวเรือนยังมีอยู่ต่อเนื่อง

จากแนวโน้มการหดตัวของดีมานในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่ยังรุนแรงอยู่ทำให้บริษัทมีการพิจารณาปรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่โดยในบางโครงการอาจมีการเลื่อนเวลาการเปิดออกไปจากเดิมเล็กน้อยแต่อย่างไรก็ตามเสนาฯยังคง แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ไว้ 18 โครงการตามแผนเดิมโดยในปีนี้โครงการคอนโดแบรนด์เดอะคิดท์ ยังคงเป็นเรือธงสำคัญในการทำตลาดเนื่องจากเป็นการจับกลุ่มเดียวดีมานด์อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายแล้ว 3,000 ล้านบาทเศษโดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วสี่โครงการส่วนในไตรมาสที่ 3 ได้มีการเปิดตัวไปแล้วหนึ่งโครงการในทำเลลาดกระบังโดยสามารถทำยอดขายได้ 500 ยูนิตในวันแรกที่เปิดขายส่วนโครงการที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วงหนึ่งถึงสองเดือนนี้อาจจะมีการเลื่อนระยะเวลาการเปิดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดโดยอาจจะเลื่อนไปเปิดตัวในช่วงเดือน ต.ค. เดิมที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วงเดือน ก.ย.
#2764


ลิโอเนล เมสซี เตรียมเลือกสวมเบอร์ 30 ซึ่งถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยในการเล่นให้กับต้นสังกัดใหม่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แห่งศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส

เบอร์ประจำของ เมสซี ก็คือ หมายเลข 10 ที่ บาร์เซโลน่า แต่สำหรับที่ เปแอสเช แนวรุกอาร์เจนไตน์วัย 34 ปี จะไม่ขอเอามาจาก เนย์มาร์ กองหน้าบราซิล ที่เตรียมประสานงานกันล่าตาข่ายอีกครั้ง

ดังนั้น เมสซี่ จะหันไปเลือกเบอร์ 30 ซึ่งถือว่าเป็นหมายเลขแรกที่เจ้าตัวสวมลงเล่นระดับอาชีพหนแรกอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปี 2004

ตอนที่ เมสซี ขึ้นมาเล่นให้ บาร์เซโลน่า ใหม่ๆ นั้นเบอร์ 10 ยังเป็นของ โรนัลดินโญ่ จากนั้นเมื่อปี 2008 แข้งบราซิลย้ายไปเล่นให้ เอซี มิลาน หมายเลขจอมทัพดังกล่าวจึงถูกส่งต่อมาให้กับนักเตะอาร์เจนไตน์จนปัจจุบันที่หมดสัญญาลงในซัมเมอร์นี้

ขณะที่เบอร์ 30 ของ เปแอสเช ในตอนนี้เป็นของ อเล็กซานเดร เลเทลลิเยร์ มือกาววัย 30 ปี ที่ไม่เคยเล่นชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียว ดังนั้น ก็ไม่มีปัญหาหาก เมสซี่ ต้องการ

ฟาก บาร์เซโลน่า การเสีย เมสซี่ ได้มีการเรียกร้องให้แขวนเบอร์ 10 เป็นเกียรติแก่ตำนาน แต่ทำไม่ได้ เนื่องจาก สมาคมฟุต.สเปน มีกฎว่าทีมของรัฐจะต้องกำหนดหมายเลขให้นักเตะภายในทีมเป็นเบอร์ 1 ถึง 25 ให้ครบ
#2765


ฝ่ายประชาสัมพันธ์​การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ. โดยกระทรวงคมนาคม จะดำเนินการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ รวม 3 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) จำนวน 19 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) จำนวน 31 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) จำนวน 10 ด่าน ในวันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม 2564 (วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หรือ วันแม่แห่งชาติ) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึง 24.00 น. จำนวน 1 วัน

ซึ่งเป็นวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทาน ฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน


อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 กทพ. ได้จำกัดการให้บริการ ทางพิเศษทุกด่านฯ ทุกสายทาง เว้นแต่รถที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนด ระหว่างเวลา 21.00 น.- 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น มาตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ กทพ.ขอความร่วมมือให้ผู้ใช้ทางพิเศษอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ หากไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทาง ออกนอกบ้าน หรือหากจำเป็นต้องใช้ทางพิเศษเดินทางในวันปกติที่ไม่ได้ยกเว้นค่าผ่านทาง ควรสมัครใช้บัตร Easy Pass เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับธนบัตรหรือเหรียญ ซึ่งอาจจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค รวมถึงใช้บริการเติมเงิน ในบัตร Easy Pass ผ่าน Application ของธนาคารต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะได้รับความสะดวกรวดเร็วแล้วยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากการรับหรือแพร่เชื้อ COVID-19 ได้อีกด้วย
#2766


เป็นอีกหนึ่งบุคคลในวงการบันเทิง ที่ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 สำหรับหนุ่ม "ฟลุค-จิระ" นักแสดงจากละคร "ขุมทรัพย์ลำโขง" ทางช่อง 8 ที่ล่าสุด ร่วมกับ โรงพยาบาล เวชการุณย์รัศมิ์ ทำโครงการ Home isolation ด้วยการรับบริจาค เงินหรือสิ่งของ เพื่อทำถุงยังชีพจำนวน 1,000 ใบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาเร็ว รักษาเร็ว โดยมีวิธีการคือ ตรวจและจ่ายยาเลย สำหรับคน rapid positive ไปรักษาตัวที่บ้าน เนื่องจากปัญหาเตียงที่โรงพยาบาล และ โรงพยาบาลสนาม หลายแห่งเริ่มไม่เพียงพอ ล่าสุดตอนนี้คนมาบริจาคเยอะ จนต้องปิดรับบริจาคแล้ว และ หนุ่มฟลุคแย้มอีกว่า ใครไม่ทันร่วมสมทบทุนรอบแรก รอบสองยังมีอีกแน่นอน รายละเอียดที่มาที่ไปของโครงการนี้เป็นอย่างไร มีบทสัมภาษณ์มาให้อ่านกัน

ล่าสุดทำ โครงการดี ๆ ร่วมกับ รพ.เวชการุณย์รัศมิ์ โครงการ Home Isolation ช่วยเหลือผู้ป่วย

เป็นการร่วมบุญกันของตัวผมกับเพื่อนๆ เกิดจากที่ผมเคยไปช่วยโรงพยาบาลนี้แถวหนองจอก ชื่อโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ ซึ่งโรงพยาบาลนี้ช่วยเรื่อง ผ้าห่ม สำหรับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลสนามที่อยู่สนามกีฬาบางกอกอารีนา ข้างๆโรงพยาบาลครับ จนคราวนี้โรงพยาบาลมีอะไรที่ต้องการ ก็จะส่งเรื่องเข้ามา เผื่อเราอยากจะทำบุญ อย่างตอนนี้ มีเรื่องห้องแรงดันลบ ที่เคยช่วยเขาไป ซึ่งตอนนี้เขาก็ส่งเรื่องเข้ามา เพราะผู้ป่วยฉุกเฉินตอนนี้เริ่มไม่มีที่อยู่ ก็ต้องใช้บริเวณลานจอดรถเป็นแรงดันฉุกเฉิน ก็ต้องใช้เงิน ผมก็ระดมเงินจากเพื่อนฝูง โพสต์เฟสบุ๊คบ้าง ทีนี้พอผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ทำให้โรงพยาบาลมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ไปโรงพยาบาลสนามก็เต็ม จนเป็นที่มาของโครงการ Home Isolation ที่ผมกับเพื่อน รวบรวมเงินสร้างกันขึ้นมา ครับ

ได้ข่าวว่าไม่ได้ทำคนเดียวด้วยโครงการนี้

"ใช่ครับไม่ใช่เงินผมคนเดียว แต่เป็นเงินของผมและเพื่อน ส่งให้กันในกรุ๊ปเพื่อนๆนักแสดงช่อง 8 เพื่อนๆสมัยมัธยม ซึ่งพวกเขาก็รู้อยู่แล้ว เวลาผมส่งเรื่องราวแบบนี้ เขาจะรู้ได้ทันทีเลยว่า ผมเอาไปทำประโยชน์จริงๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกสื่อ ก็ อย่างรอบนี้ ทางโรงพยาบาลก็มีอีกหนึ่งโครงการมานำเสนอผมก็คือ ผู้ป่วยพอมาตรวจ แล้วพบ เพียงแค่พบจาก Rapid Test ไม่ต้องถึง Swab นะ หากพบปุ๊ป ให้ยา ให้ถุงยังชีพกลับไปที่บ้านเลย โดยในถุงจะมียา เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ถุงขยะติดเชื้อ แมส เจลแอลกอฮอล์ และอุปกรณ์ยังชีพ ก็เลยทำโครงการเริ่มต้นที่ 1,000 ถุง ก็เลยเริ่มรวบรวมเงิน ปรากฏว่าได้มาไวมากเลย คนมาช่วยกัน เยอะมากจนเราต้องรีบปิด บอกว่าไม่ต้องสมทบแล้วนะ เดี๋ยวที่เหลือผมจ่ายเอง เพราะไม่งั้นเดี๋ยวผมไม่ได้จ่ายอะไรเลย แล้วจะกลายเป็นเกิน แล้วถ้าเกิน ผมก็ต้องไปหาที่ลงอีก ว่าจะซื้ออะไรต่ออีก ซึ่งมันผิดเจตนารมณ์ คนที่เขาสมทบ เขาอยากสมทบเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น เลยคือเงินห้ามเกิน แล้วถ้าเงินขาด เราจะเป็นคนสมทบเอง

ครั้งนี้ก็คือปิดรับบริจาคแล้ว จะมีครั้งต่อไปไหม

"มีแน่นอนครับ (ยิ้ม) ถ้าเปิดอีกรอบผมจะเปิดบัญชีใหม่ เพราะว่าดูแล้วมันไม่มีทางพอ เราให้ได้แค่ 1,000 ถุงเองนะ แล้วเขาติดกันทั้งประเทศเป็นเกือบสองหมื่นคนต่อวัน มันไม่มีทางพออยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่เราทำมันเป็นแค่จุดเล็กๆ พอช่วยคนได้บางกลุ่มเท่านั้นเอง ส่วนตัวผมที่มีครอบครัวแล้ว มีลูกเราแล้ว เราก็ไม่ได้ลุยทำบุญเหมือนเมื่อก่อน ที่แบบว่าขึ้นเขา ลงห้วย ไปช่วยคน ตอนนี้เรามีความเป็นห่วงตัวมากขึ้น อย่างที่บอก เรามีลูก แล้วยิ่งสถานการณ์โรคระบาดตอนนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราเอาตัวเราเข้าไปเสี่ยง ผมก็อาจจะทำให้ลูกผมทั้งสองคนมาเสี่ยงด้วยอีก ผมก็เลยตัดสินใจว่า เราช่วยเป็นทางนี้ดีกว่า เรารวบรวมเงิน เราทำอยู่ห่างๆ ช่วยอยู่ห่างๆ แบบนี้ดีกว่า

ช่วงที่กักตัวอยู่บ้านนานๆเวลาเครียด ทำยังไง

"ทุกคนเวลาอยู่บ้านนานๆ มันเครียดอยู่แล้วแหละ วิถีชีวิตมันถูกทำลาย เมื่อก่อนออกจากบ้านทุกวัน การที่อยู่บ้าน ต้องไม่มีอะไรทำ ต้องว่างจริงๆถึงจะอยู่บ้าน แต่ตอนนี้มันเปลื่ยนไป ก็คือ ทุกวันที่เราตื่นมา เราต้องคิดว่า วันนี้เราจะทำอะไร สำหรับคนที่ไม่มีงาน ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอะไร อย่างเรา เรายังคิดว่า วันนี้เราจะทำอะไร แต่สำหรับบางคนที่ไม่มีงานทำเลย ตื่นมาแล้วไม่มีอะไรเลย ผมว่าเขาต้องเครียดมาก ส่วนวิธีการคลายเครียดของผมก็คือ ท่ามกลางความเครียดนั้น เราจะต้องพยายามหาความสุขให้เจอ อย่างความสุขที่เราหาเจอในบ้าน ของผมก็คือลูกๆ การที่ผมได้ใช้เวลากับลูก ผมมีความสุขมาก ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่เราไม่มีละครถ่าย ยิ่งมีความสุขมากเลย เพราะว่าเราได้อยู่กับลูกทุกช่วงเวลา ตั้งแต่เขาตื่น เขากิน จนเขาหลับ"

แฟน ๆ เริ่มคิดถึงผลงานละครแล้ว

"ใช่ครับ ตอนนี้ก็มีแฟน ๆ ถามถึงละครก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ละครขุมทรัพย์ลำโขงออกอากาศ ใหม่อีกรอบพอดี ดีใจมากเลยครับ ผมดูแล้วเหมือนเป็นละครใหม่เลย มีการทำซีจีใหม่ มีการตัดต่อ หรือแม้กระทั่งทำให้กระชับขึ้นเพิ่มซีจีพญานาค แล้วอีกอย่างคือ มันมีฟีดแบคที่ดีกลับมา มีแฟนๆแท็กสตอรี่ในไอจีมาหาผม เราก็ดีใจ มีคนพูดถึง บรมชัย เขารู้อยู่แล้วแหละ ว่าบรมชัยเป็นยังไง เขาก็ยังมาชื่นชม มาพูดถึง และหลายๆคนก็คิดถึงด้วย เพราะเราก็ห่างละครมานาน เพราะโควิดอะเนอะ ก็ได้หายคิดถึงกันไป ที่สำคัญนึกถึงทีมงานนักแสดงที่ลำบากมาด้วยกัน กว่าจะได้ผลงานนี้ ผมว่ามันเป็นละครเรื่องหนึ่งที่ ถ่ายทำยากที่สุด ที่ผมทำมานะ มันเป็นบู๊ แล้วก็ยังมี ดราม่า ไหนจะมีการหักมุม เป็นคาแรคเตอร์ที่แปลกใหม่ด้วยสำหรับผม ไม่เคยเล่นแบบนี้มาก่อน ใครคิดถึง ตัวละครบรมชัย สามารถติดตามชม "ขุมทรัพย์ลำโขง" ออกอากาศทุกวันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 19.00 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27 ครับ"
#2767


รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.รับทราบรายงานผลการดำเนินงานมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 พร้อมอนุมัติจ่ายเงินชดเชยให้ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการอ่างเก็บน้ำแม่มอก 103 ราย รายละ20,000 บาท

วันนี้ (10 ส.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานผลการดำเนินงานมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบด้วย

1. มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) และลูกหนี้รายย่อยด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมทั้งสถาบันการเงิน ได้ดำเนินมาตรการแบ่งเบาภาระหนี้สินโดยพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน ให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรง เริ่มตั้งแต่งวดชำระหนี้เดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคม 2564 แล้วแต่กรณี และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการพักชำระหนี้แล้วจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้

นอกจากนี้ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้ แต่มีรายได้ลดลงจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของภาครัฐตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้เป็นกรณีไป

อย่างไรก็ตาม การดำเนินมาตรการพักชำระหนี้ดังกล่าวอาจจะกระทบต่อฐานะ และผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมทั้งตัวชี้วัดทางการเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ผูกพันไว้กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ จึงได้มอบหมายให้สคร.พิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจแล้ว

2. มาตรการควบคุมการทวงถามหนี้ที่ดำเนินการไม่เป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ ร่างประกาศคณะกรรมการกำกับติดตามทวงถามหนี้ เรื่อง การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใดๆ ในการทวงถามหนี้ และมอบหมายฝ่ายเลขานุการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ กรณีประชาชนพบผู้ทวงถามหนี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม สามารถร้องเรียนไปยังคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ประจำจังหวัด และประจำกรุงเทพมหานครได้

น.ส.ไตรศุลี ยังกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทาน จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการของรัฐ กรณีโครงการอ่างเก็บน้ำแม่มอก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำปาง จากการเข้าทำประโยชน์ในแปลงจัดสรรที่ดินไม่ได้จำนวน 103 ราย ในอัตรารายละ 20,000 บาท ในส่วนของอัตรดอกเบี้ยให้เริ่มนับตั้งแต่วั นถัดจากที่ราษฎรร้องเรียนเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินค่าชดเชยเสร็จ

ทั้งนี้ เพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และป้องกันไม่ให้บุคคล หรือกลุ่มบุคคลแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากราษฎร ครม. จึงเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินจำนวน14 ราย โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานกรรมการ

ให้มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบบุคคลผู้มีสิทธิจำนวน 103 ราย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งกำกับดูแลการจ่ายเงินค่าชดเชยให้เป็นไปอย่างถูกต้องเรียบร้อย

สำหรับการจ่ายเงินจะใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร (จ่ายตรง) ตามบัญชีรายชื่อบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการฯ หรือทายาทของบุคคลดังกล่าว และให้ระบุในหลักฐานการรับเงินด้วยว่า "ข้าพเจ้ายินยอมรับเงินค่าชดเชยในครั้งนี้ และจะไม่มาเรียกร้องหรือขอรับความช่วยเหลือใดๆในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการอ่างเก็บน้ำแม่มอก อันเนื่องมากจากพระราชดำริ จังหวัดลำปาง จากทางราชการอีก"

สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำแม่มอก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงมอก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ดำเนินการก่อสร้างระหว่างปี 2534-2543
#2769


โลกเปลี่ยน ภูมิทัศน์สื่อปรับ และธุรกิจ "ทีวี" เข้าสู่ขาลงหลายปี "แกรมมี่" เจ้าของทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม ยังเดินหน้าหาช่องเติบโต รุกต่อ "ทีวีดาวเทียม" พลิกเพิ่มสัดส่วนขายกล่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตทีวีแตะ 20–30% ต่อจิ๊กซอว์คอนเทนท์โปรวายเดอร์

ตั้งแต่ปี 2554  ที่บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ธุรกิจกล่อง รับสัญญาณทีวีดาวเทียม และเริ่มมีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง ในนาม  "จีเอ็มเอ็ม  แซท"   จากวันนั้นถึงวันนี้ บริษัทฯ  ผลิตกล่องรับสัญญาณฯ มาแล้วกว่า 10 รุ่น มีการพัฒนาคุณภาพความคมชัดจากกล่องรับสัญญาณระดับหรือ SD : Standard definition สู่ ระดับความคมชัดสูงหรือ HD : High definition 

ปัจจุบันบริษัทมีกล่องดาวเทียมที่จำหน่ายไปแล้วด้วยแพลตฟอร์มจีเอ็มเอ็ม แซทมากกว่า 7 ล้านกล่อง ซึ่งมีสัดส่วนของกล่องประเภทเอสดี  45%  และกล่องประเภท HD 55%  ทั้งในระบบ C Band  และ KU Band พร้อมช่องรายการในกล่องกว่า 180 ช่อง โดยสินค้าของ จีเอ็มเอ็ม  แซท มีจุดเด่นในเรื่องของคุณภาพความคงทนในการใช้งาน  ประกอบจากวัสดุคุณภาพดี และใช้งานง่าย ด้วยการออกแบบรีโมทให้มีปุ่มกดที่เรียกว่า Smart button ให้เข้าถึงช่องรายการหรือเมนูการตั้งค่าได้ง่าย นับเป็นจุดต่างจากสินค้าอื่นในตลาด

ทั้งนี้  จีเอ็มเอ็ม แซท เล็งเห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปโดยหันมารับชม VOD (Video on demand) มากขึ้น ยอดขายของกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมจึงถูกเข้ามาแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ของผู้ผลิตคอนเทนต์ (Content provider)  ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มนำคอนเทนต์ตัวเองขึ้น Streaming platforms รวมไปถึงต่างประเทศที่รุกเข้ามาเปิดธุรกิจในไทย และการแข่งขันของคอนเทนต์ไทยเองที่ต้องแย่งชิงพื้นที่ในตลาด เพื่อเปลี่ยนรายได้จากเม็ดเงินโฆษณาไปเป็นรายได้แบบระบบสมาชิก  

ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลยุทธ์ สายธุรกิจจีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท  จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันธุรกิจของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และธุรกิจในเครือกำลังก้าวเข้าสู่ดิจิทัลสตรีมมิงอย่างเต็มตัว การรับชมคอนเทนท์ต่างๆ ของจีเอ็มเอ็ม ประสบความสำเร็จในแต่ละแพลตฟอร์ม ดังนั้น การรับชมที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคจึงต้องเปลี่ยนไป จากการรับชมด้วยเสาอากาศ หรือผ่านจานรับสัญญาณ จำเป็นต้องเปลี่ยนไปเป็นกล่องรับสัญญาณหรืออุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตทีวี ซึ่งทางเรากำลังเร่งเพิ่มสัดส่วนของการจำหน่ายกล่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตทีวีให้ได้ตามเป้าหมาย 20 – 30 % ของกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมในปีหน้า เพื่อรองรับคอนเทนต์ทั้งหมดของจีเอ็มเอ็มในอนาคต



สำหรับกลยุทธ์การตลาดในครั้งนี้ จีเอ็มเอ็ม แซท ได้เลือก "เต-ตะวัน วิหครัตน์" นักแสดงจาก จีเอ็มเอ็ม ทีวี เป็น Brand Ambassador สินค้าตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายของคนรุ่นใหม่ GEN Y และ GEN Z ที่มีพฤติกรรมการรับชมแบบ VOD  Streaming  เป็นส่วนใหญ่   

ทั้งนี้ สินค้าใหม่ "GMM Z TV STICK" เป็นอุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตทีวี ที่มีระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ขนาดเล็ก พกพาสะดวก ที่จะทำให้ทีวีธรรมดาหรือทีวีรุ่นเก่ากลายเป็น  Smart TV รวมไปถึงยังตอบโจทย์ผู้ที่ใช้ทีวีรุ่นใหม่ได้มากขึ้นด้วย Play Store  ที่สามารถโหลดแอปพลิเคชันได้เหมือนโทรศัพท์มือถือ และยังให้ภาพคมชัดระดับ 4K สามารถใช้งานได้ทั้งบนรถยนต์ รถโดยสาร รวมไปถึงสามารถพกพาไปยังสถานที่ต่างๆ เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย "GMM Z TV STICK" สามารถหาซื้อได้ที่ Advice, Banana IT, IT City และ JIB
#2770


นางสาวอรมงคล ตันติธนาธร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า  ในวันนี้ (10 ส.ค)  บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์(GULF) จะมีการประชุมกับนักวิเคราะห์ ซึ่งยังต้องรอติดตามว่าจากนี้ GULF จะส่งสัญญาณเข้าถือหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เพิ่มเติมอีกหรือไม่หลังทำคำเสนอซื้อถือเป็น42.25% โดยหากมีการเข้าถือหุ้นเพิ่มอีก ฝ่ายวิจัยมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของGULF อีกครั้ง จากวันศุกร์(6ส.ค.) ที่่ผ่านมาได้มีการปรับกำไรขึ้นไปแล้วจากรับรู้กำไรจากสัดส่วนถือหุ้น
ทั้งนี้หากถือหุ้นเกิน50% ในอนาคตทำให้มีการรวบงบการเงินของ INTUCH เข้ามา ซึ่งจะทำให้งบดุลของGULFขยายใหญ่ขึ้น เพราะINTUCHเป็นบริษัทที่มีสถานะเงินสดสุทธิ

สำหรับวันศุกร์ที่ผ่านมา บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของGULF 2564-2566 ขึ้น 10% 22% และ 22% เป็น 8.4 พันล้านบาท 1.40 หมื่นล้านบาท และ 1.53 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ จากเดิมคาดไว้ที่  7.4 พันล้านบาท 1.14 หมื่นล้านบาทและ1.25 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นINTUCH รวมถึงเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 42.75 บาทจาก 42.25 บาท


นายพิสุทธิ์  งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิรไทย  กล่าวว่า การที่กัลฟ์เข้ามาถือหุ้นอินทัชเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ฟรีโทลท หุ้นอินทัชลดลงมาอยู่ที่  30%  ถือว่า ยังไม่ต่ำ แต่อาจถูกปรับลดน้ำหนักเข้ามาคำนวณน้ำหนักในดัชนีต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และกลับมีผลบวกต่อราคาหุ้นอินทัชยังปรับขึ้นได้  บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 67.69 บาท จากเดิมที่ 65 บาทซึ่งเป็นราคาเดียวกับในวันทำ Tender Offer เชื่อว่ามีโอกาสที่จะมีปันผลเพิ่มและการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่ม โดยประเมินจากค่าความเป็นไปได้เพียง 30% และหากราคาปรับลดลงคาดเคลื่อนไหวที่ 63-65 บาท 

    สำหรับการประชุมนักวิเคราะหฺ์ของกัลฟ์ในวันนี้ หากมีความชัดเจนของกลยุทธ์ จนทำให้เพิ่มค่าความเป็นไปได้เป็น100% ก็มีโอกาสที่จะปรับราคาเป้าหมายหุ้นอินทัชขึ้นเป็น 70 บาท  แต่หากไม่มีความชัดจน โดยเฉพะไม่มีการซื้อหุ้นอินทัชเพิ่มแล้ว โดยคืนวงเงินกู้ไปแล้วหมด น่าจะเห็นราคาหุ้นอินทัช ต่ำกว่า 60 บาท  และหากราคาหุ้นแอดวานซ์ยังทรงตัว บล.กสิกรไทย ถึงจะเป็นคำแนะนำมาซื้อหุ้นอินทัช สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นอินทัชเลย จากปัจจุบันที่แนะนำเช่นเดิมว่า สลับเปลี่ยนซื้อหุ้นแอดวานซ์ เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มสื่อสาร จะคุ้มค่ากว่า

 แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นอินทัชอยู่แล้วยังสามารถถือต่อไปได้ เพราะการเข้ามาลงทุนครั้งนี้ของกัลฟ์ต้องสร้างผลตอบแทนที่ดีคุ้มค่าความเสี่ยงแน่นอน โดยมองโอกาสราคาหุ้นปรับลดลง ยังคาดเคลื่อนไหวที่ 63-65 บาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส  กล่าวว่า  เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยได้เพิ่มประมาณการกำไรสุทธิและกำไรปกติของGULFปี 2564  เพิ่มขึ้น 25.45% จากเดิมมาอยู่ที่ 9.8 พันล้านบาท เติบโต 120% จากปีก่อน ขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ พร้อมปรับราคาเป้าหมายปีนี้ที่40.50บาท จากเดิมที่ 38.50 บาท

ทั้งนี้ หากการประชุมนักวิเคราห์วันนี้ หากมีการส่งสัญญาณถือหุ้น INTUCH เพิ่มอีก จะทำให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรเพิ่มได้อีก เพราะจะมีส่วนแบ่งรายได้ที่มากกว่ารายได้เดิมที่มาจากเงินปันผล  อีกทั้งหากมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการบริหาร อาจมีการรวมงบการเงินก็ได้ และการยังมีโอกาสเกิดการซินเนอร์ยี่ในระยะยาว ถือเป็นส่วนเพิ่มที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ ดังนั้น ยังแนะนำหาจังหวะทยอยซื้อสะสม 

 ทางด้านหุ้นอินทัชที่มีฟรีโฟลทลดลงและอาจถูกปรับลดน้ำหนักการคำนวณเข้าลงทุนในดัชนีต่างประเทศ  คาดว่าอาจเกิดแรงขายระยะสั้นเท่านั้น ถือเป็นภาวะปกติ  และปัจจัยพื้นฐานธุรกิจยังไม่ถูกกระทบ ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นอินทัชต่ำกว่า 65 บาท หรือลงราว 10 %จากระดับ 65 บาท เป็นโอกาสเข้าลงทุนได้ เพื่อรับเงินปันผลที่ดีในอนาคต ปัจจุบันเฉลี่ยที่4% ต่อปี     

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์การลงทุนบล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า MSCI และ FTSE ประกาศลดน้ำหนัก INTUCH ระหว่างกาล จากปริมาณหุ้นหมุนเวียน (ฟรีโฟลท) ที่ลดลงมีผลราคาปิดวันนี้(10ส.ค.) คิดเป็นเม็ดเงินไหลออก( Outflow )69.33 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,317 ล้านบาท และ 51 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,704 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้เป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นระยะสั้น แต่แนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เพราะเป็นบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูงปีนี้ที่3.5% ปีหน้า 3.8%
#2771


โดยทั่วไป เมื่อพูดถึง "future of work" ทักษะต่างๆ ที่มักให้ความสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยงข้องกับ การวิเคราะห์ข้อมูล(data analysis), ทักษะการเขียนโค้ดดิ้ง รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์

อามิท ซักซีน่า รองประธานฝ่ายขาย อาเซียน เซลส์ฟอร์ซ เปิดมุมมองว่า ในมุมของการศึกษาวิชาการที่สถานบันศึกษาต่างโฟกัสในการเสริมสร้างทักษะและเพิ่มโอกาสในการทำงานจะเกี่ยวข้องกับสาขาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ หรือที่เราเรียกกันแบบย่อว่า STEM

ด้วยยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ "The Fourth Industrial Revolution" คือยุคแห่งการปฏิวัติพัฒนาทักษะเพื่อรองรับการทำงานในอนาคตอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามในช่วงปีที่ผ่านมา ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจได้สร้างมุมมองของการทำงานที่เปลี่ยนไปให้แก่ธุรกิจ สถานการณ์ล็อคดาวน์และการทำงานจากที่บ้านชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของทักษะในเชิง "soft skills" ซึ่งเป็นทักษะสำคัญไม่ว่าการทำงานนั้นจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือไม่ก็ตาม

เสริมทักษะ ก้าวสู่โลกใหม่การทำงาน

จากรายงานที่เซลส์ฟอร์ซจัดทำขึ้นในประเทศแถบยุโรปพบว่า 74% ของผู้นำทางธุรกิจกล่าวว่าพวกเขาได้หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนา soft skills ให้กับพนักงานมากยิ่งขึ้น

โดยนอกเหนือจากทักษะด้านไอทีของพนักงาน ทักษะเช่น ความสามารถในการจัดการอารมณ์ และความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเริ่มเป็นสิ่งที่ผู้บริหารให้ความสำคัญ ซึ่งเหล่านี้เชื่อมโยงมาจากการที่ผู้นำธุรกิจเหล่านี้ต่างต้องบริหารทั้งธุรกิจและพนักงานในแบบรีโมตแต่ยังต้องคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ จริยธรรม และการบริการลูกค้า

ดังนั้น เพื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงานในแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจไม่ควรมองข้ามการพัฒนาทักษะ soft skills และนี่คืออีก 3 เหตุผลว่าทำไม soft skills จึงเป็นทักษะสำคัญที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญในตัวพนักงาน

ประการแรก วิกฤติเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทักษะในการปรับตัวเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าการที่ธุรกิจมีพนักงานที่มีความสามารถในการปรับตัว ปรับเปลี่ยน โดยไม่กระทบประสิทธิภาพการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ

โดยพนักงานที่มีความสามารถในการปรับตัวเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ มีการคิดในเชิงสร้างสรรค์ สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ จะสามารถคงประสิทธิภาพของการทำงานท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง


เพิ่มสื่อสาร-วัฒนธรรมองค์กร


อีกเหุตุผล การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องทำงานจากต่างสถานที่ แม้ว่าการใช้เทคโนโลยีจะช่วยธุรกิจได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างงานได้ตามความต้องการของลูกค้า หรือช่วยธุรกิจในการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่หากขาดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของพนักงานในองค์กร ธุรกิจก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้อย่างที่สุด

"ความสามารถในการเข้ากับคนและทำงานร่วมกันจึงเป็นอีกหนึ่ง soft skills ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพนักงานแต่ละคนต้องทำงานจากต่างสถานที่อย่างในปัจจุบัน"

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานซึ่งพนักงานทั้งหมดเห็นชอบร่วมกัน หรือกำหนดแนวทางปฎิบัติเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การทำงานของพนักงานได้ การสื่อสารกันระหว่างพนักงานจะช่วยให้การทำงานเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น

สุดท้าย เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวและมีเป้าหมายเดียวกัน วัฒนธรรมขององค์กรคือปัจจัยสำคัญที่พนักงานเลือกที่จะอยู่กับองค์กร แต่ในปัจจุบันที่การแพร่ระบาดส่งผลให้พนักงานต้องทำงานจากต่างสถานที่ วัฒนธรรมขององค์กรจึงเริ่มเป็นเรื่องที่อาจเข้าถึงได้ยาก

การมีทักษะในการสร้างความกลมเกลียวจึงเป็นสิ่งที่พนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับหัวหน้างานควรมีเพื่อปลูกฝังและกระตุ้นความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันของพนักงานทุกคนและให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายของธุรกิจ


ซักซีน่าวิเคราะห์ว่า การสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงต้องมีการสื่อสารที่ดี แต่ยังต้องได้ใจพนักงานด้วย ผู้นำทีมควรมีความสามารถในการสร้างทีม รับฟัง ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ ส่งเสริมในสิ่งที่ขาดของคนในทีม มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ รู้จักเห็นอกเห็นใจ ใฝ่เรียนรู้ ทักษะเหล่านี้จะช่วยให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างมั่นคง

"แม้โลกของการทำงานจะเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง แต่ความต้องการบุคลากรที่มีทักษะความเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพจะยังคงเป็นที่ต้องการไม่เปลี่ยนแปลง"

แม้เทคโนโลยีจะมาเป็นเครื่องมือในการสร้างงานและทักษะ แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้และจะสร้างความแตกต่างทางธุรกิจคือ soft skills ที่พนักงานควรมี ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่สำนักงานหรือจากต่างสถานที่ ความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน ความพร้อมที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกันจะทำให้สถานที่ทำงานในองค์กรนั้นดึงดูดใจพนักงาน
#2772


กรณี "เงินเยียวยา" แรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด 13 จังหวัด 9 ประเภทกิจการ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร , นครปฐม , สมุทรสาคร , ปทุมธานี , นนทบุรี , สมุทรปราการ , สงขลา , ยะลา , ปัตตานี , นราธิวาส , พระนครศรีอยุธยา , ชลบุรี และ ฉะเชิงเทรา ที่ประกาศ ล็อกดาวน์ โดยประกันสังคม เปิดลงทะเบียนผ่าน www.sso.go.th  

ตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยา ผ่านออนไลน์ คลิก  หากได้รับสิทธิ ต้องผูกพร้อมเพย์ กับบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประชาชน เพื่อรับการโอนเงิน  ซึ่งทางกระทรวงแรงงานเริ่มจ่าย "เงินเยียวยา" ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.64 เป็นต้นมานั้น

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 10 จังหวัด 9 กิจการ เป็นที่น่าพอใจ จากรายงานของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) พบว่า โอนเงินแล้ว 2,434,182 ราย เป็นเงิน 6,085,0000,000 บาท ซึ่งไม่มีอะไรติดขัด มีเพียงผู้ประกันตนประมาณ 200,000 ราย ที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการให้ผู้พร้อมเพย์กับบัตรประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เพื่อที่จะเริ่มดำเนินการโอนเงินในวันที่ 13 สิงหาคมนี้


3 จังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา จะโอนเงินในวันที่ 9 สิงหาคมนี้

ผู้ประกันตน ม.33 
รับเงินเยียวยา 2 ส่วน คือ เงินชดเชย 50% ของค่าจ้าง สูงสุด 7,500 บ. และเงินชดเชยเพิ่มเติมอีก 2,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือนคือในเดือน ก.ค. - ส.ค. รวม 5,000 บาท โดยจะดำเนินการทยอยโอนเงินผ่าน "พร้อมเพย์" 

นายจ้าง ม.33 
รับเงินเยียวตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุด 200 คน 

สำหรับ นายจ้างที่ยังไม่ได้ยื่นขอรับค่าชดเชยเยียวยา สามารถยื่นความประสงค์ขอรับเงินได้ที่ ระบบ e – service ของประกันสังคม "www.sso.go.th"  จากนั้นปริ้นข้อมูลแบบรับการ "เงินเยียวยา" แล้วกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม ส่งกลับมาให้ประกันสังคม

นายจ้างที่เป็นนิติบุคคล
ต้องแนบแบบแสดงความจำนง, สำเนาบัญชีธนาคาร,หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจลงนามแทน) กลับมาด้วย

นายจ้างบุคคลธรรมดา
แบบแสดงความจำนง, ผูกบัญชีธนาคารพร้อมเพย์ (ผูกเลขบัตรประชาชนเท่านั้น) เพื่อประกันสังคมจะได้โอนเงินให้โดยเร็ว

สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ขณะนี้ "ประกันสังคม" อยู่ระหว่างประมวลผลข้อมูล 
#2773

กระทรวงสาธารณสุข เผย ส่งวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร้อยละ 50-75 ตามข้อมูลสำรวจจากแต่ละโรงพยาบาล พร้อมให้สำรวจจำนวนที่ต้องการอีกครั้ง เนื่องจากบางโรงพยาบาลมีบุคลากรด่านหน้าจบใหม่ หรือได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้าเพิ่มขึ้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า ยืนยันส่งครบตามสำรวจแน่นอน

วันนี้ (8 ส.ค.) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนโดส เริ่มทยอยจัดส่งวัคซีนตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ครบ 170 แห่ง ทั้ง 77 จังหวัดภายใน 3 วัน โดยเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่วางไว้ 5 วัน ขณะนี้ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ พบอาการปวด บวม ร้อน และไข้เล็กน้อย ไม่มีอาการรุนแรง

"การจัดส่งวัคซีนไปโรงพยาบาลใหญ่ เนื่องจากมีศักยภาพในการเก็บรักษาควบคุมอุณหภูมิและควบคุมติดตามการฉีดได้ง่ายกว่ากระจายไปจุดย่อยๆ เนื่องจากเมื่อเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส วัคซีนจะมีอายุ 31 วัน จึงต้องเร่งฉีดให้หมด โดยวัคซีน 1 ขวดฉีดได้ 6 โดส หากกระจายไปหลายจุดเมื่อเปิดใช้ 1 ขวดอาจไม่ถึง 6 คนจึงต้องรวมไว้ที่โรงพยาบาลใหญ่ก่อนในช่วงแรก" นายแพทย์โสภณ กล่าว

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่ส่งไปล็อตแรกประมาณร้อยละ 50-75 นั้น เนื่องจากได้สำรวจความต้องการฉีด พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนฉีดบูสเตอร์โดสด้วยแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่าร้อยละ 20 ต้องการฉีดไฟเซอร์ประมาณร้อยล 70 ซึ่งการบริหารจัดการด้วยวิธีการทยอยส่งเป็นล็อตทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากส่งไปทั้งหมด 100% ของจำนวนบุคลากร บางพื้นที่อาจได้เกินหรือขาด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน เช่น ผู้ที่จบใหม่ หรือบุคลากรด่านหลังที่ได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้า เพราะว่าในพื้นที่มีโควิดระบาดเพิ่มขึ้น เป็นต้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะจัดส่งครบจำนวนบุคลากรด่านหน้าตามการสำรวจเพิ่มอย่างแน่นอน

นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 645,000 โดส รวมถึงชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนไทยเดินทางไปต่างประเทศ 1.5 แสนโดส จะทยอยส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมนี้ เริ่มจัดบริการได้กลางสัปดาห์ โดยจะฉีดในคนที่ยังไม่เคยได้วัคซีนโควิดตัวอื่นมาก่อนมีการติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน โดยกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคเรื้อรังแพทย์ที่รักษาจะประเมินว่าพร้อมรับวัคซีนหรือไม่ และจะติดตามอาการหลังฉีด โดยรายงานผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งเด็กวัยนี้ใช้แอปพลิเคชันได้ หรือให้ผู้ปกครองช่วยรายงาน หลังฉีดวัคซีนหากมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่นหายใจไม่สะดวก สงสัยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ให้รีบมาโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคนี้รักษาให้หายได้ ทั้งนี้ เคยมีรายงานจากสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลักมีโอกาสพบอาการดังกล่าวได้ประมาณ 4 รายต่อล้านเข็ม โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และเพศชาย ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบอาการเหล่านี้หลังการฉีดวัคซีน

สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ จะมีวัคซีนโควิด 10 ล้านโดส ที่จะทยอยส่งสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส โดยจะส่งไปต่างจังหวัดกว่าร้อยละ 80 จำนวนนี้ครึ่งหนึ่งจะส่งไปยัง 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการระบาดเกิดขึ้นอยู่ โดยเน้นฉีดกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ โดยให้ฉีดเร็วที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองสวมหน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง หากต้องไปสถานที่คนจำนวนมากอาจใส่หน้ากากสองชั้น อยู่ในบ้านก็ต้องระวังผู้สูงอายุติดเชื้อจากลูกหลานที่ออกไปนอกบ้าน ดังนั้น จึงควรออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงไปรับเชื้อนอกบ้านแล้วนำมาติดสมาชิกในครัวเรือน และให้พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายของโรงพยาบาล
#2774


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  เปิดเผยถึงการเสนอขายหุ้นกู้ ปตท. ภายใต้โครงการออกตราสารหนี้ (MTN Program) ประเภทนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (ไม่รวมบุคคลธรรมดา) มูลค่าเสนอขายรวม 47,000 ล้านบาท ว่า ปตท. ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้นกู้ ปตท. เป็นอย่างดีเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยยอดจองกว่า 2.73 เท่าของการเสนอขาย หรือกว่า 95,615.9 ล้านบาท

ปตท. จึงพิจารณาเพิ่มมูลค่าการออกหุ้นกู้จากที่วางแผนไว้ที่ 35,000 ล้านบาท เป็น 47,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ  สถานะทางการเงินที่มั่นคง  และศักยภาพการดำเนินงานของ ปตท.  โดยการจัดหาเงินทุนครั้งนี้  ปตท. จะนำไปใช้ลงทุนเพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานต่อเนื่องตามแผนงาน  รวมถึงชำระคืนเงินกู้ และทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด

 ทั้งนี้ ท่ามกลางความผันผวนจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และวิกฤติ COVID-19 ปตท. ยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ Powering Life with Future Energy and Beyond  ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต  เดินหน้าออกหุ้นกู้เพื่อเป็นช่องทางจัดหาเงินทุน  ให้การบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 


ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่แสวงหาโอกาสในการลงทุนโดยได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม  นับเป็นการช่วยสนับสนุนและพัฒนาตลาดทุนไทย  ด้วยเงินทุนหมุนเวียนในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ประกอบด้วยหุ้นกู้ 5 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ที่ Compounded THOR + 0.18% ต่อปี และรุ่นอายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่ 0.96% 1.31% 1.79% และ 2.37% ต่อปี ตามลำดับ

ซึ่งมีนักลงทุนที่สนใจครอบคลุมทุกประเภท อาทิ กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกันชีวิต กลุ่มสหกรณ์ ธนาคารพาณิชย์

รวมถึงผู้ลงทุนรายใหญ่ (ไม่รวมถึงบุคคลธรรมดา)หุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน เป็นการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว โดยอิงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงธุรกรรมซื้อคืนระยะข้ามคืน (Thai Overnight Repurchase Rate: THOR)

ซึ่ง ปตท. เป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่เสนอขายหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวโดยอ้างอิง THOR ในตลาดตราสารหนี้ไทย เพื่อเป็นการนำร่องและร่วมพัฒนาตลาดทุนให้มีรูปแบบการเสนอขายที่หลากหลายและตอบโจทย์การลงทุนของนักลงทุน 

นางอลิศรา มหาสันทนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นว่า การเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THOR โดย ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนรายแรกในไทยนั้น ถือเป็นต้นแบบของการนำอัตราดอกเบี้ย THOR ไปใช้อ้างอิงได้จริงในการระดมทุนของภาคเอกชน

ธปท. ขอชื่นชมและขอบคุณทาง ปตท. และผู้จัดการการจัดจำหน่ายที่ให้ความร่วมมือกับ ธปท. ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ร่วมตลาด และส่งเสริมการนำอัตราดอกเบี้ย THOR ไปใช้เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดตราสารหนี้ซึ่งมีนักลงทุนหลากหลายกลุ่ม

โดย ธปท. คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตลาดการเงินไทยจะมีการทำธุรกรรมการเงินอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THOR อย่างแพร่หลายและต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากอัตราดอกเบี้ย THBFIX ได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป

สำหรับการจัดจำหน่ายครั้งนี้ มีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย
#2775


จากกรณี ดาราหนุ่มซีรีส์ช่องดัง ทอยทอย-ธนภัทร อายุ 21 ปี ก่อเหตุแทงแฟนสาว  พิม ชัชสรัญ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี เสียชีวิตในบ้านพักย่านเขตคลองสามวา โดยเจ้าตัวอ้างว่าทะเลาะกันมีปากเสียงกันอย่างหนัก ก่อนจะเกิดการต่อสู้และมีการแทงฝ่ายหญิงจนเสียชีวิต ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. หลังเกิดเหตุดังกล่าว ทางด้านโลกออนไลน์ ได้มีการย้อนไปดูที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของ "พิม ชัชสรัญ" พบว่า ก่อนเกิดเหตุสุดสลด เธอเคยโพสต์เล่า เคยถูกคนรักทำร้ายจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์มานานกว่า 2 ปี อีกทั้งทำเรื่องฟ้องหย่ากับสามีเก่า

เมื่อช่วงปี 2562 พิมเคยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล เนื่องมาจากโรคซึมเศร้า และจำเป็นต้องพักรักษาตัว ซึ่งพิมยังเคยโพสต์ภาพที่ตัวเองถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บหลายจุด และเป็นต้นเหตุของอาการซึมเศร้าและไบโพลาร์มาแล้ว

"พิม" ระบุว่า จุดเริ่มต้นของการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์นั้น เป็นมานานกว่า 2 ปี จากการที่พิมถูกทำร้ายจากคนที่เธอรักตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โรคนี้ไม่มีใครอยากเป็น โรคนี้เป็นโรคที่บางคนไม่เคยเข้าใจ เป็นโรคที่ทำให้เธอต้องฆ่าตัวตายมาเป็นสิบ ๆ ครั้ง โรคที่พังชีวิตเธอทุกอย่าง เธอพยายามต่อสู้มาโดยตลอด "จุดจบก็หนีไม่พ้น ถ้าเธอไม่พังชีวิตตัวเอง ก็ไปรักใครมากกว่าตัวเองจนเขามาพังชีวิตเรา"

มีคนชอบพูดกับเธอว่า มีทุกอย่างแล้วทำไมยังไม่หยุดเป็นอะไรแบบนี้ เธออยากถามกลับว่า "เคยได้ยินว่า มีทุกอย่างแต่ไม่มีความสุขไหม" มีแต่คนถามว่า ทำไมเธอไม่รักตัวเอง ไม่รักคนรอบตัวบ้างเหรอ เธออยากบอกว่า "เธอรักจะตาย แต่เข้าใจไหมว่าเซลล์สมองมันไม่ปกติ มันพัง กระบวนการคิดมันไม่เหมือนคนทั่วไป" อยากให้เคสของเธอเป็นตัวอย่างให้ทุกคนพยายามเข้าใจคนป่วยประเภทนี้ โดยเฉพาะคนที่คุณรัก ยาที่ดีที่สุดสำหรับคนป่วยโรคนี้คือ ความรักและความเข้าใจเขาจริง ๆ เพราะคนเหล่านี้เขารักตัวเองไม่ได้ เธอเข้าใจว่า อยู่กับคนป่วยแบบนี้มันเหนื่อย แต่บางทีคุณอาจจะเป็นเหตุผลสุดท้ายที่ทำให้คนคนหนึ่งมีชีวิตอยู่ต่อ "อย่าเห็นโรคนี้เป็นเรื่องตลก อย่ามองว่าเรียกร้องความสนใจ เพราะถ้าวันใดเขาฆ่าตัวตายสำเร็จ คุณจะไม่ตลกกับมันด้วยซ้ำ" สิ่งที่เธอต้องเจอ มันหนักเกินกว่าผู้หญิงคนหนึ่งต้องเจอจริง ๆ และไม่รู้ว่าเมื่อไรความทรมานนี้จะจบลงเสียที

นอกจากนี้ เมื่อย้อนไปเมื่อวันที่ 23 มี.ค. "พิม ชัชสรัญ" เคยโพสต์ว่า ตอนนี้ได้ฟ้องหย่ากับอดีตสามี และมีการฟ้องร้องเรื่องเงินกันเกิดขึ้น เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมา ฝั่งอดีตสามีหนีตลอด ไม่ยอมมาคุยให้จบกันดี ๆ ไม่ยอมมาเซ็นใบหย่า ส่วนสภาพจิตใจและร่างกายของเธอตอนนี้อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว พร้อมขอบคุณทุกคนอย่างใจจริงอีกด้วย..... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/131589/
#2776


ประกันสังคม เปิดให้ผู้ประกันตน ม.33 กลุ่มตกหล่น ตรวจสอบข้อมูลที่ www.sso.go.th พร้อมแจ้งสาเหตุทำไมยังไม่ได้ และเตรียมโอนเงินเยียวยาอีกครั้ง 13 ส.ค.นี้

นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยถึง โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามที่ ครม. มีมติอนุมัติมาตรการเยียวยาในกลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากประกาศ "เคอร์ฟิว" และ "ล็อกดาวน์"

เริ่มจ่ายเงินรอบแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 วันละ 1 ล้านคน โดยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 9 ประเภทกิจการ พื้นที่ 10 จังหวัด กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ซึ่งที่ผ่านมา 2 วัน คือ วันที่ 4 และ 5 สิงหาคม มีผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้รับเงินโอนคนละ 2,500 บาท ไปแล้ว จำนวน 1,829,387 คน คิดเป็น 92 %


ทั้งนี้ ยังมีผู้ประกันตนมาตรา 33 อีกจำนวน 170,613 คน ที่โอนเงินไม่สำเร็จ ด้วยสาเหตุยังไม่ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนสูงถึง 90% จำนวน 157,058 คน และจากสาเหตุอื่น ๆ อีก คือ บัญชีปิด/ไม่มีความเคลื่อนไหว 7% จำนวน 13,553 คน ผูกพร้อมเพย์กับเบอร์โทรศัพท์ และสาเหตุอื่น ๆ อีก 1% ซึ่งทำให้ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือทันในการโอนรอบแรกนี้

ดังนั้น กลุ่มของผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ตกหล่นในการโอนเงินรอบแรกนี้ ขอให้เร่งตรวจสอบข้อมูลตนเอง หากเช็คแล้วว่าเงินยังไม่เข้าบัญชี ให้รีบไปติดต่อธนาคารด่วน
#2777


"เรือใบสีฟ้า" ตกเป็นข่าวกับปีกตัวเก่งทีมชาติอังกฤษมาอย่างยาวนาน ก่อนที่ทีมจะบรรลุข้อตกลงกับ แอสตัน วิลล่า ปิดดีลดึง กรีลิช มาร่วมทัพได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าตัวจะเซ็นสัญญาอยู่โยงกับทีมไปจนถึงปี 2027 และจะได้สวมเสื้อหมายเลข 10 แทนที่ของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า 

การย้ายทีมครั้งนี้ของ แจ็ค กรีลิช ทำให้เขามีค่าตัวเป็นสถิติใหม่ของเกาะอังกฤษ ที่ 100 ล้านปอนด์ หรือประมาณ หรือประมาณ 4,600 ล้านบาท ทุบสถิติเดิมที่ พอล ป็อกบา เคยทำเอาไว้ หลังย้ายจาก ยูเวนตุส กลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ค่าตัว 93.25 ล้านปอนด์

"ผมมีความสุขอย่าไม่น่าเชื่อที่ได้ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้" กรีลิช เริ่มกล่าว

"ซิตี้ เป็นทีมที่ดีที่สุดในประเทศ ณ เวลานี้ โดยมีผู้จัดการทีมที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลก เหมือนความฝันที่เป็นจริงที่ผมได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้"

"ตลอดระยะเวลา 10 ฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาคว้าแชมป์ได้อย่างต่อเนื่อง เป๊ป ช่วยทำให้พวกเขาก้าวขึ้นไปอีกระดับ ฟุต.ที่นี่มันน่าตื่นเต้นที่สุดในยุโรป การลงเล่นภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป ถือเป็นเรื่องที่ดี ผมจะได้เรียนรู้จากเขา ถือเป็นสิ่งที่พิเศษ และนักฟุต.ทุกคนก็ต้องการ"

"ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าทึ่งมากๆ ผมรอแทบไม่ไหวแล้วที่จะได้เริ่มพบปะกับทุกคนที่นี่" เจ้าของค่าตัวแพงที่สุดในเกาะอังกฤษคนใหม่ ทิ้งท้าย
#2778












ขายที่ดินติดลำธาร ลำน้ำมวบ น้ำมวบเมืองเหนือ ต.พงษ์ อ.สันติสุข จ.น่าน  เนื้อที่ 3 ไร่ 35 ตร.ว ราคาไม่แพง 1 ลบ.  เอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ใกล้แหล้งชุมชนน้ำไฟเข้าถึง วิวงามธรรมชาติสมบูรณ์ ทิวเขาล้อมรอบ ลำธารผ่านข้างแปลงทั้งแถบ รูปที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ชุ่มฉ่ำสดชื่นเย็นสบายตลอดปี ไอหมอกยามเช้าแสนบริสุทธิ์ ท่ามกลางธรรมชาติสดชื่นสวยงามตระการตา ยามแสงตะวันทอแสงขึ้นฟ้านกกาหากินตามธรรมชาติ จวบจนตะวันตกดินอากาศเย็นสบายจันทร์ฉายเคลื่อนสลับหมุนเวียนธรรมชาติสุดๆ สมแล้วหลายปากเลืองเล่าเมืองน่านนั่นอากาศดีสดชื่นบริสุทธิ์งดงามเพียงใด ที่ดินเข้าจากถนนคอนกรีต 100 เมตร จากนั่นข้ามผ่านสะพานไม้ที่น้ำมวบม้วนทอดยาวตลอดสาย จากสะพานไม้ลงมาเดินลัดผ่านทางภาระจำยอมสาธารณะอีก 30 เมตร ถึงที่ดินแปลงขาย ราคากันเองต่อรองได้หากชอบฟิลล์นี้จริงๆ

โทร 083-712-4115
Line id : 0837124115

18°52'45.3"N 100°58'19.1"E
https://maps.google.com/?q=18.879262,100.971965

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=110387531058790&id=100062626307647
#2779


สหรัฐฯกำลังทำงานในด้านฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นแก่อเมริกันชนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดเผยของนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของสหัฐฯในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.)

อเมริกากำลังเดินตามอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศสและอิสราเอล ในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพิกเฉยต่อเสียงวิงวอนขององค์การอนามัยโลก(WHO) ที่ขอให้ระงับไว้ชั่วคราวจนกว่าประชากรทั่วโลกจะเข้าถึงวัคซีนเข็มแรกมากกว่านี้

คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐฯจำเป็นต้องอนุมัติวัคซีนโควิด-19 แบบเต็มขั้นหรือไม่ก็ปรับแก้คำแนะนำสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินเสียก่อน แล้วเจ้าหน้าที่ถึงจะสามารถออกคำแนะนำฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น อย่างไรก็ตามศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) กำลังหาทางเปิดทางฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ประชาชน ภายใต้กรณีแวดล้อมบางประการเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

"มันสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา ในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่บุคคลเหล่านั้นและตอนนี้เรากำลังทำงานในเรื่องนี้" เฟาซีกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ทางไกลกับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่าบุคคลที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจไม่ได้รับการปกป้องอย่างพอเพียงจากวัคซีนโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เฟาซี เชื่อว่าสถานการณ์เคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสหรัฐฯ ผลจากการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตา สามารถพลิกผันได้ ด้วยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กระตือรือร้นอย่างที่สุดในความพยายามโน้มน้าวอเมริกันชนบางส่วน ในนั้นรวมถึงพวกคนที่ไม่ไว้วางใจรัฐบาล ให้เข้ารับวัคซีน ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างหนักของตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก

ทำเนียบขาวระบุในวันพฤหัสบดี(5ส.ค.) ว่า 7 รัฐของสหรัฐฯ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่ำที่สุด มีเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล คิดเป็นเกือบราวๆครึ่งหนึ่งของเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ในสัปดาห์ที่แล้ว

รัฐเหล่านั้นประกอบด้วย ฟลอริดา เทกซัส มิสซูรี อาร์คันซอ ลุยเซียนา แอละแบมาและมิสซิสซิปปี

แพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯระบุว่าเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึง 43% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 39% ขณะที่จากการนับของรอยเตอร์พบว่าสหรัฐฯมีเคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเกินกว่า 100,000 คนในวันพุธ(4ส.ค.) สูงที่สุดในรอบ 6 เดือนเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามขณะเดียวกันมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนราว 864,000 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฏาคม

เจฟ ไซนส์ ผู้ประสานงานคณะทำงานเฉพาะกิจโควิด-19 ของทำเนียบขาว ระบุว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน สนับสนุนภาคธุรกิจสหรัฐฯและสถาบันอื่นๆ บังคับพนักงานฉีดวัคซีน

นอกจากนี้แล้วเขายังเผยว่าทางทำเนียบขาวกำลังพิจารณากำหนดให้ชาวต่างชาติเกือบทุกคนที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบเสียก่อน ส่วนหนึ่งในแผนกลับมาเปิดการเดินทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวและยังไม่มีการยกเลิกข้อจำกัดต่างๆในทันทีทันใด

(ที่มา:รอยเตอร์)
#2780


ถือเป็นโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ใช้เวลาในการผลักดันอย่างยาวนานกว่า 2 ปีสำหรับโครงการ "ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3" โครงการสำคัญในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งการล่าช้ามาจากข้อขัดแย้งของเอกชน 2 กลุ่มที่เข้ายื่นซองแข่งขันการประมูล ก่อนที่กลุ่มหนึ่งจะถูกตัดสิทธิ์จากข้อผิดพลาดเรื่องเอกสารทำให้มีการไปฟ้องร้องศาลปกครองเป็นคดีความอยู่นานกว่า 1 ปี ทำให้ขั้นตอนการอนุมัติโครงการ การเซ็นสัญญาล่าช้ามาเป็นเวลาพอสมควร 

ล่าสุดโครงการนี้มีความชัดเจนและความคืบหน้าที่สำคัญ เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันพุธที่ 4 สิงหาคม 2564 ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธานได้พิจารณา ผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ตามที่ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการตาม มติ ครม. เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 

คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่าขณะนี้ได้มีการส่งสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชนให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา จากนั้นจะนำเอาสัญญาที่ผ่านการพิจารณาแล้วเข้าสู่การพิจารณาของ กพอ.นัดพิเศษ และนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้วก็จะมีการเซ็นสัญญากับภาคเอกชนโดยกลุ่มกิจการร่วมค่า GPC กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย คาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือน ส.ค.นี้

ส่วนการก่อสร้างท่าเรือ F1 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2568 และท่าเรือ F2 จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2572 จากนั้นจะเปิดประมูลท่าเรือใกล้เคียงในบริเวณดังกล่าว ได้แก่ ท่าเรือ E ซึ่งจะมีการเชิญชวนเอกชนมาร่วมลงทุนอีกโครงการ 

อนุมัติผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐได้รับจากโครงการฯ เป็นค่าสัมปทานคงที่ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อ TEU (หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งมีขนาด 20 ฟุต)

โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 ได้มีมติให้กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เป็นผู้ผ่านการประเมินข้อเสนอซองที่ 4 ซึ่งได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐได้รับ ตามที่ มติ ครม. ได้อนุมัติไว้

นอกจากนี้ ยังได้เจรจาผลตอบแทนเพิ่มเติม อาทิ เอกชนตกลงเพิ่มเงื่อนไขการสร้างท่าเรือ F2 ให้เร็วขึ้น หากแนวโน้มตู้สินค้าเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เอกชนจะสมทบเงินเข้ากองทุนเยียวยาความเสียหาย ในอัตรา 5,000 บาท/ไร่/ปี นับตั้งแต่วันเริ่มประกอบการท่าเทียบเรือ เป็นต้น

ทั้งนี้ คณะทำงานเจรจาร่างสัญญา ฯ ที่มีผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นประธาน ได้ดำเนินการเจรจาร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชน รวมทั้งสิ้น 14 ครั้ง โดย ยึดหลักเจรจาตามเอกสารการคัดเลือกเอกชน ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใส รัดกุม และประเทศได้ประโยชน์สูงสุด จนได้ข้อยุติในเบื้องต้น จากนั้นคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เจรจาร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนเพิ่มเติมอีก 4 ครั้ง จนได้ข้อยุติในทุกประเด็น

และในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติว่าได้ดำเนินการเจรจาร่างสัญญาร่วมลงทุนครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว จึงเสนอให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และ สกพอ. พิจารณาดำเนินการต่อไป โดย กทท. ได้ส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา ทั้งนี้ได้ข้อตกลงในร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด  โดยจะเร่งนำเสนอ ครม. พิจารณา และลงนามสัญญาต่อไป

โครงการนี้จะก่อให้เกิดการลงทุนรวมกว่า 7.92 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนของภาครัฐประมาณ 4.83 หมื่นล้านบาท และการลงทุนของเอกชนประมาณ 3.08 หมื่นล้านบาท

ก่อนหน้านี้มีการรายงานผลตอบแทนโครงการ และการวิเคราะห์ทางการเงินให้ที่ประชุม ครม.รับทราบเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวจากข้อเสนอซองที่ 4 ด้านผลประโยชน์ตอบแทนนั้น กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เสนอค่าสัมปทานคงที่คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 12,051 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู ซึ่งค่าสัมปทานคงที่ดังกล่าวต่ำกว่าที่รัฐคาดหมายตามมติ ครม. โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เจรจาผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินกับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC จำนวน 6 ครั้ง โดยข้อเสนอสุดท้ายอยู่ที่ 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรคงเดิมที่ 100 บาทต่อทีอียู

ขณะเดียวกัน กทท.และ สกพอ.ได้เสนอความเห็นร่วมกันว่า ผลตอบแทนโครงการเฉพาะส่วนของท่าเทียบเรือ F จะมีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) อยู่ที่ 11.01% และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV ) อยู่ที่ 30,032 ล้านบาท และหากนำมูลค่าที่ดินของ กทท.มาคำนวณเป็นมูลค่าสุดท้าย (Terminal Value) จะมีอัตราผลตอบแทนทางการเงินอยู่ที่ 11.54% และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิอยู่ที่ 39,959 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

  

สำหรับ "กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC" เป็นการร่วมทุนกันของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ "GULF"  บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หรือ "PTT Tank" และ บริษัท ไชนาร์ฮาเบอร์ เอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด โดยถือหุ้นในสัดส่วน 40% 30% และ 30% ตามลำดับ