ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 100 จุด ส่งสัญญาณวอลล์สตรีทฟื้น หลังทรุดหนักวานนี้

[deam205]

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากทรุดตัวลงอย่างหนักวานนี้

ณ เวลา 20.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 101 จุด หรือ 0.28% สู่ระดับ 36,392 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 400 จุดวานนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทรุดหนักสุดในรอบเกือบ 1 ปี หลังจากรายงานการประชุมเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ ขานรับการที่เฟดมีแนวโน้มเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นเช่นกันตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานระบุว่า ดัชนี S&P 500 มีแนวโน้มพุ่งขึ้นทะลุ 5,000 จุดในช่วงสิ้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ปได้ปรับเป้าดัชนี S&P 500 สู่ระดับ 5,100 จุดในสิ้นปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4,900 จุดในรายงานเดือนต.ค.2564

บริษัทในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการสูงกว่าคาดในปีที่แล้ว โดยมีกำไรพุ่งขึ้น 52.8%, 96.3% และ 42.6% ในไตรมาส 1,2 และ 3 ตามลำดับ เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ไตรมาส 4 คาดว่าจะมีกำไรพุ่งขึ้น 22.3% โดยได้ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล, การอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของราคาสินค้า และการพุ่งขึ้นของอุปสงค์ในตลาด

ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่าแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสในปีนี้จะยังคงช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ แม้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 422,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.1%

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 210,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 581,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.5%