• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - fairya

#2821


นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสที่ 2/2564 ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยเศรษฐกิจไทยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการลงทุนรวม 8.1% ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัว 27.5% สาขาอุตสาหกรรมขยายตัว  16.8% สาขาขนส่งขยายตัว 11.6% 

ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกขยายตัวได้ 2% โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวในภาคการส่งออก  การให้การบริการด้านอาหาร ขณะที่การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวโดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 1.5 แสนคน จากประมาณการเดิม 5 แสนคน 

 "เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่มีโมเมนตั้มของบางส่วนของการผลิตและกิจกรรมาทางเศรษฐกิจที่ลดลง ตั้งแต่การระบาดของโควิดที่รุนแรงขึ้นตั้งเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา" นายดนุชากล่าว


นอกจากนี้ สศช.ยังปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยทั้งปีในปีนี้ลงจากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 1.5 - 2.5% เหลือ  0.7 - 1.2 % เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรงขึ้นในขณะนี้ 

โดยคาดว่าเดือน ก.ย.จะเริ่มมีผู้ติดเชื้อลดลงหลังจากที่เดือน ส.ค.มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุด และเริ่มมีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี รวมทั้งสามารถที่จะไม่มีการระบาดที่รุนแรงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ฐานการผลิต รวมทั้งการกระจายวัคซีนได้ 85 ล้านโดสในปี 2564

สำหรับคาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจในปี 2564  ณ วันการแถลงในวันที่ 16 ส.ค.ที่สำคัญได้แก่ การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 1.1%  การบริโภคภาครัฐขยายตัวได้ 4.3% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% การลงทุนภาครัฐลดลงเหลือ 8.7% ขณะที่การส่งออก สศช.คาดว่าจะขยายตัวได้ 16.3% 


สศช.ยังเสนอแนะประเด็นบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2564 7 ประเด็นสำคัญในการบริหารเศรษฐกิจมหภาคได้แก่ 

1.การควบคุมสถานการณ์การระบาดให้อยู่ในวงจำกัด รวมทั้งการเร่งรัดจัดหาและการกระจายวัคซีนอย่างเพียงพอและทั่วถึง

2.การช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แรงงาน และภาคธุรกิจในช่วงที่การระบาดของโรคมีความรุนแรงและมีการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด  ควบคู่ไปกับการปรับมาตรการและดำเนินมาตรการเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม เข้าถึงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับการระบาดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น การพิจารณามาตรการช่วยเหลือ
ภาคแรงงานผ่านมาตรการรักษาระดับการจ้างงาน ควบคู่ไปกับการพิจารณามาตรการสร้างงานใหม่
และมาตรการพัฒนาทักษะแรงงาน และมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในลักษณะเฉพาะเจาะจงให้กับผู้ประกอบการธุรกิจในสาขาที่ได้รับผลกระทบรุนแรง

3.การดำเนินมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเมื่อสถานการณ์การระบาดผ่อนคลายลง โดยให้ความสำคัญกับมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวของการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวภายในประเทศ 

4.การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า ควบคุมการแพร่ระบาดในฐานการผลิตที่สำคัญ การเร่งรัดแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อจำกัดและอุปสรรคในการขนส่งสินค้า การแก้ไขปัญหาการขาดแรงงานต่างชาติในภาคการผลิต การขับเคลื่อนการส่งออกไปยังตลาดหลักที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน และการสร้างตลาดใหม่ให้กับสินค้าที่มีศักยภาพ การเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ ๆ

5.การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ

6.การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน  และ 7.การรักษาบรรยากาศทางการเมืองและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
#2822


นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดเป็นวงกว้างส่งผลกระทบต่อทุกคนจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาแรงงานถูกเลิกจ้างงาน สถานประกอบการบางแห่งต้องปรับลดอัตรากำลังการจ้างงานให้น้อยลง ลดเวลาการทำงาน ส่งผลกระทบต่อรายได้ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้

'คนพิการไม่มีงานทำ' มากกว่า 7 หมื่นคน
จากรายงาน ข้อมูลสถานการณ์ด้านคนพิการในประเทศไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปี 2564 พบ 'คนพิการ' วัยทำงานที่ยังไม่มีอาชีพ จำนวน 72,466 คน จากจำนวนคนพิการวัยทำงานทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ 857,253 คน


พัฒนาชุมชนต้นแบบ เกิดการจ้างงาน
สสส. ได้ร่วมกับ มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพความมั่นคงทางอาหารสู่การพัฒนาชุมชนต้นแบบด้านสุขภาวะ เพื่อพัฒนาการจ้างงานคนพิการระยะยาวในวิกฤตโควิด-19 โดยใช้กลไกชุมชนด้านความมั่นคงทางอาหาร มาจ้างงานเชิงสังคม ให้คนพิการทำงานที่บ้านและในท้องถิ่นของตัวเองได้ เช่น เกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ เพราะการจ้างงานลักษณะนี้คนพิการมีความรู้พื้นฐานเป็นทุนเดิม ทำให้ไม่ต้องปรับตัวจากการทำงานมาก และเป็นอาชีพที่สามารถทำงานที่บ้านและไม่ขาดแคลนอาหารในการบริโภค


3 เป้าหมายพัฒนาคนพิการ
โดยโมเดลความมั่นคงทางอาหารและสนับสนุนอาชีพคนพิการมีเป้าหมาย 3 อย่าง คือ

1. พัฒนาทักษะคนพิการให้มีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพที่ท้องถิ่นของตัวเองในภาวะวิกฤต

2. พัฒนาให้คนพิการทำงานตามแผนการประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.พัฒนาเป็นพื้นที่นำร่องเพื่อถอดบทเรียนการทำชุมชนต้นแบบด้านสุขภาวะ ระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ ในอนาคต


"ในวิกฤตโควิด-19 นี้ ถือเป็นโอกาสสร้างอาชีพแก่คนพิการซึ่งเป็นอีกกลุ่มประชากรที่ควรได้รับความเป็นธรรมทางสุขภาพในทุกมิติ ทั้งกาย จิต ปัญญา และสังคม การที่คนพิการสามารถประกอบอาชีพ และมีรายได้จากการทำงานเหมือนคนทั่วไป ทำให้เกิดความภูมิใจในตัวเอง และช่วยให้คนพิการมีพฤติกรรมทางสุขภาพที่ดีขึ้น เกิดการยอมรับจากสังคม  โดยที่ผ่านมา สสส. ได้สนับสนุนเรื่องการส่งเสริมโอกาสการมีงานทำ ทั้งเรื่องการเตรียมความพร้อมของทั้งคนพิการ สถานประกอบการ และการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการผ่านการมีส่วนร่วมในชุมชนอยู่แล้ว" นางภรณี กล่าว


โครงการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร 
นายอภิชาติ  การุณกรสกุล ประธานมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม กล่าวว่า โครงการส่งเสริมอาชีพความมั่นคงทางอาหารสู่การพัฒนาชุมชนต้นแบบด้านสุขภาวะ สนับสนุนโดย สสส. จะเป็นการร่วมกันพัฒนาอาชีพไปยังคนพิการและครอบครัวในต่างจังหวัด ที่ตั้งใจพัฒนาเรื่องอาชีพและต้องการมีรายได้ในช่วงโควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างหรือมีรายได้น้อยลง

โดยบริษัทที่จ้างงานจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายเรื่องวัตถุดิบอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ และประสานเรื่องการจัดทำเอกสารและติดตามส่งรายงานให้บริษัทที่เข้าร่วมการจ้างงานเชิงสังคม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550  


คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ 
ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องมีบัตรคนพิการ อายุ 20 – 70 ปี

ผู้ดูแลจะต้องมีชื่อหลังบัตรคนพิการให้สามารถใช้สิทธิแทนคนพิการ เพื่อนำเงินไปเตรียมพื้นที่สำหรับการประกอบอาชีพ

ซึ่งครอบครัวคนพิการส่วนใหญ่จะนิยมปลูกผัก สมุนไพร ผลไม้ และเลี้ยงสัตว์ และหลังจากผลผลิตถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็จะถูกจำหน่ายหรือมีผู้ค้าเข้ามารับซื้อ และผลผลิตส่วนที่เหลือหรือแบ่งเก็บไว้ครอบครัวคนพิการจะนำมาบริโภคเป็นอาหาร ซึ่งเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในภาวะวิกฤตโควิด-19 โดยผลกำไรหรือรายได้ทั้งหมดที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของคนพิการและครอบครัว


บริษัทจะไม่เรียกรับเงินคืน เพราะต้องการสร้างอาชีพให้คนพิการในระยะยาวและสามารถต่อยอดไปถึงอนาคตได้ ปัจจุบันได้จัดทำนำร่องไปแล้วตั้งแต่โควิด-19 ระลอกแรกเมื่อปี 2563 ที่บ้านยางชุม และบ้านวังศิลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ และเตรียมขยายพื้นที่เพิ่มไปยังจังหวัดต่างๆ ในอนาคตโดยมีโมเดลนำร่องจากที่นี่เป็นแบบอย่าง

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ แฟนเพจเฟซบุ๊ก คนพิการต้องมีงานทำ-มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 02 279- 9385
#2823


บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น แจ้งผลงานไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 220.6ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 35.5 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาสที่แล้ว โดยไตรมาสนี้มีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดที่เติบโตตามความต้องการของตลาด เบี้ยประกันภัย COVID-19 ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ทำยอดขายได้ตามเป้า 25,000 ล้านบาท ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ พร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้


ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 ว่า บริษัท ฯ มีกำไรสุทธิ 220.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้รวม 858.3 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าบริการ จำนวน 835.7 ล้านบาท บริษัทฯ สร้างยอดขายประกันภัยได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทุกช่องทาง และยังมีรายได้จากประกันโควิดทั้งจากการต่ออายุและที่เติบโตตามความต้องการของตลาดที่ในไตรมาสนี้มีความตื่นตัวของการทำประกันภัยโควิดในวงกว้าง เบี้ยประกันภัยโควิด ทำได้เกือบ 700 ล้านบาท โดยช่องทางหลักยังเป็นช่องทางออนไลน์ ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าสะสมกว่า 2 ล้านราย

ขณะเดียวกัน บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 45.7% ของรายได้รวม หรือลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 48.4.% ของรายได้รวม ส่งผลให้บริษัท ฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 53.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 188 ล้านบาท คิดเป็น 21.9% ของรายได้รวม

ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตในครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าสามารถปิดยอดขายตามเป้า 25,000 ล้านบาท ทั้งนี้มั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ประกันภัยยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เพราะเมื่อเกิดเหตุประกันจะมาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็เห็นความสำคัญของประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการตื่นตัวในการทำประกันโควิดซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสัมผัสได้จริงว่าประกันสามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้

ขณะเดียวกันบริษัท ฯ ยังคงเดินหน้าบุกผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการประกันของผู้บริโภคในทุกมิติ ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันให้เหมาะสมกับ Lifestyle ของผู้บริโภค และครอบคลุมได้ทุก Segment เต็มรูปแบบ โดยบริษัทพร้อมเปิดตัว Innovative ในการเลือกซื้อประกันภัยบ้านเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ช่องทางเทเลที่ทางหลักของบริษัทก็ได้มีการวางระบบการทำงานแบบ Work from home ไว้รองรับตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้สามารถขายประกันได้ไม่หยุดชะงัก รวมทั้งงานบริการก็ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้เต็มรูปแบบ ขณะที่ช่องทางออนไลน์บริษัทมีฐานลูกค้ากว่า 2 ล้านราย ซึ่งบริษัทสามารถต่อยอดจากฐานลูกค้าได้ โดยเฉพาะประกันสุขภาพที่เป็นผู้บริโภคให้ความสนใจกันมากยิ่งขึ้น ดร.อัญชลิน กล่าว
#2824
รับลงประกาศขายบ้าน จ้าง 2 งาน ฟรี 1 งาน โดยทีมงาน มืออาชีพ

แบบที่ 1 รับลงประกาศขายบ้าน
การทำตลาดออนไลน์ การโพสขายบ้าน ที่ดิน คอนโด หรืออื่นๆ บนเน็ต เป็นเรื่องจำเป็นมาก มีเปอร์เซ็นต์การขายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าวิธี อื่นๆ

จุดเด่นของบริการ
เว็บอสังหาฯ top 5 เราโพสให้ท่านทุกเว็บ

เลิกจ้างแล้วกระทู้ที่ประกาศขายคงอยู่ประมาณ 2 ปี


ข้อดีของการ รับลงประกาศขายบ้าน
ไม่มีค่านายหน้า

ประหยัดค่าใช้จ่าย

ประหยัดเวลา

ท่านรับสายเอง

ขายได้เร็ว

โพสเว็บกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ

ไม่ใช้โปรแกรมโพส และมีรายงานให้เมื่อเสร็จงาน

รองรับ 2 ภาษา ไทย-อังกฤษ
ฟรี ! แปลเป็นอังกฤษให้ท่าน หากต้องการ

ปรับแต่งเนื้อหาให้รองรับ seo เพื่อการค้นหาใน google ได้ง่าย
สิ่งที่ต้องเตรียมในการใช้บริการ รับลงประกาศขายบ้าน
เตรียมเนื้อหา 5-20 ประโยค

รูปอย่างน้อย 1 รูป (สามารถส่งได้มากสุด 15 รูป)

เตรียมเนื้อหาอย่างไร
บ้านตั้งอยู่บนที่ดินกี่ตารางวา?

พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านกี่ตารางเมตร?

บ้านมีกี่ชั้น กี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ?

ที่ตั้งของบ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด

แอร์กี่ตัว จอดรถได้กี่คัน
สถานที่ใกล้เคียงมีอะไรบ้าง เช่น ร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน ห้าง สถานีรถไฟฟ้า

ชื่อติดต่อ เบอร์โทร ไลน์
ตัวอย่างเว็บชั้นนำที่โพส
Prakard.com Livinginsider.com DDproperty Baanfinder

Thaihometown Poolprop thaiproperty.in.th Pantipmaket
hipflat.co.th thaihomeonline.com zmyhome.com

livingjoin.com ddteedin.com teedin108.com buyhome.in.th
ขายบ้านที่ดิน.com teedinchiangmai teedindd terrabkk.com


อัตตราค่าจ้างแบบโพส 200 เว็บ
เลือกโพสเฉพาะเว็บอสังหาฯ ที่มีคนดูเยอะ Page Rank สูง

โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 1 เดือน ราคา 690 บาท

โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 2 เดือน ราคา 1000 บาท (แนะนำ)

โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 3 เดือน ราคา 1250 บาท (ประหยัด)
โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 6 เดือน ราคา 1800 บาท 

โพส 200 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 1 ปี ราคา 2500 บาท 

ดันกระทู้ทุกวัน

สนใจติดต่อ โทร./LINE ID :: 0625606456

รับจ้างโพสขายบ้าน
อัตตราค่าจ้างแบบโพส 100 เว็บ
เลือกโพสเฉพาะเว็บอสังหาฯ ที่มีคนดูเยอะ Page Rank สูง

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 1 เดือน ราคา 490 บาท

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 2 เดือน ราคา 900 บาท (แนะนำ)

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 3 เดือน ราคา 1000 บาท (ประหยัด)

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 6 เดือน ราคา 1500 บาท 

โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน ดันกระทู้ 1 ปี ราคา 2300 บาท 

ดันกระทู้ทุกวัน

สนใจติดต่อ โทร./LINE ID :: 0625606456

รับจ้างโพสขายบ้าน
อัตตราค่าจ้างแบบโพส 100 เว็บ โพสครั้งเดียว
สำหรับนายหน้าที่มีทรัพย์เยอะ
โพส 20 ทรัพย์ขึ้นไปสามารถลดได้อีก
เลือกโพสเฉพาะเว็บอสังหาฯ ที่มีคนดูเยอะ Page Rank สูง
โพส 100 เว็บไม่ซ้ำกัน 300 บาท
โพส ครั้งเดียวจบ ไม่ดันกระทู้

สนใจติดต่อ โทร./LINE ID :: 0625606456

Tags :: รับลงประกาศขายบ้าน,รับจ้างโพสขายบ้าน,รับโพสอสังหา
#2825


บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จัดกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านมาแอดไลน์เป็นเพื่อนกับบริษัทกลางฯ ผ่านไลน์ @iRVP ลุ้นรับหมวกนิรภัย มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ฟรี จำนวน 50 ใบ ทุกสัปดาห์ กติกาง่ายๆ เพียงแค่มาเป็นเพื่อนกับบริษัทกลางฯ ที่ Line Official Account พิมพ์ @iRVP หรือคลิกเพิ่มเพื่อนผ่านลิงค์ http://rvp.co/LineiRVPหรือจะสแกนผ่าน QR Code ก็ได้ ร่วมสนุกได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2564 ประกาศรายชื่อผู้โชคดี ผ่าน Facebook page บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และที่ไลน์ @iRVP หลังจากนั้นบริษัทกลางฯ จะจัดส่งหมวกนิรภัยไปให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้ หลังจากประกาศผลรางวัล

Line @iRVP จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือต่อประกันภัย พ.ร.บ., ตรวจสอบสิทธิความคุ้มครอง หรือแจ้งอุบัติเหตุ

ไม่อยากพลาดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ อย่าลืมแอดมาเป็นเพื่อนกับเราที่ ไลน์ @iRVP ของบริษัทกลางฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะมาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ในยุค New Normal ที่ต้องเลี่ยงการสัมผัส "สะดวก รวดเร็ว ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา" อยู่ที่ไหนก็ทำได้ และได้รับความคุ้มครองทันที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call center บริษัทกลางฯ โทร. 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง
#2826


โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อประชาชนที่มีฐานะยากจน "ปทุมธานีโมเดล" เป็นโครงการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่เคยตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณริมคลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในอดีตคลองรังสิตเป็นคลองสายหลักในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี มีการขุดคลองนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2433 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้คลองรังสิตนี้ ทำหน้าที่ระบายน้ำจากแม่น้ำนครนายกกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆเพื่อเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของทุ่งรังสิต การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาริมคลองนี้มีชุมชนเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่เป็นรูปแบบบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชนที่บุกรุก โดยพบว่าชุมชนบุกรุกมีการก่อตั้งบ้านเรือนรุกล้ำเข้าไปในคลองต่างๆจำนวนมาก ทำให้ปัญหาเรื่องการระบายน้ำ การแก้ไขปัญหาการระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนในการรักษาความสะอาด รวมทั้งการรื้อถอนบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำลำคลอง

ในปีพ.ศ.2559รัฐบาลได้มี นโยบายแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนที่บุกรุกที่สาธารณะริมคลอง สร้างโอกาสให้มีที่พักอย่างอาศัยที่มั่นคง ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่สาธารณะริมคลองหนึ่ง ใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้รับการจัดสรรพื้นที่ให้เป็นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงในด้านที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการปทุมธานีโมเดล

นาย ธนัช นฤพรพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จของโครงการปทุมธานีโมเดล ว่า " ปทุมธานีโมเดล มุ่งแก้ไขพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณริมคลองในเขตปทุมธานี ในบริเวณ คลอง 1 ซึ่งมีชุมชนที่บุกรุก 16 ชุมชน 1000 กว่าครัวเรือน กระทรวงการพัฒนาชุมชน ร่วมกับผู้ว่าจังหวัดปทุมธานี ร่วมมือกัน จัดทำโครงการ "ปทุมธานีโมเดล" แก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและพัฒนาชุมชนไปพร้อมกัน โครงการปทุมธานีโมเดล มีการแก้ปัญหา 3รูปแบบ



รูปแบบที่ 1เป็นการร่วมมือของ 3 หน่วยงานคือ จังหวัดปทุมธานี กรมธนารักษ์ และ พ.อ.ช. กรมธนารักษ์จัดหาที่ราชพัสดุ ประมาณ 30 ไร่ ใกล้กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ให้ชุมชนเช่าอยู่อาศัย โดยวางแผนจัดสร้างเป็นที่พักแบบอาคารชุด 6 อาคาร โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้ว 4 อาคาร และเริ่มมีเข้าผู้พักอาศัยแล้ว

รูปแบบที่ 2 ชุมชนรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ รวมกันซื้อที่ดินเองในการปลูกสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัย ได้ซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่เศษ ประชาชนประมาณ 100 กว่าครัวเรือน รื้อบ้านที่อยู่ริมคลอง มาอยู่ในที่ดินแห่งใหม่ โครงการก็เริ่มมาตั้งแต่ 2559 เหมือนกับโครงการรูปแบบที่ 1 และดำเนินการสร้างพักเสร็จปลายปี 2560 ประชาชนเข้ามาอยู่อาศัยได้ประมาณ 3 ปี แล้ว โครงการรูปแบบที่ 2 นี้ สำเร็จไปแล้วทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์

รูปแบบที่ 3 คืออยู่บริเวณเดียวกับรูปแบบที่ 1 ในพื้นที่ 30 ไร่ ของราชพัสดุ โดยเป็นชุมชนที่บุกรุกเดิมในพื้นที่ เปลี่ยนจากการบุกรุกมาสู่การสร้างที่พักอาศัยในบริเวณเดิมที่บุกรุกของจำนวน 34 ครัวเรือน

การคืบหน้าของโครงการทั้ง 3 รูปแบบ มีประชาชนที่เข้ามาพักอาศัยแล้ว 300 ครัวเรือน จากเป้าหมาย 1084ครัวเรือน เป็นพื้นที่รวม 16 กิโลเมตร ตั้งกระจายอยู่ตามเส้นทางตั้งแต่ ชุมชนริมคลอง 1 ถึงวัดคุณหญิงส้มจีน อีก 700 กว่าครัวเรือนจะเป็นระยะต่อไป ที่จะต้องพูดคุยกับชุมชน และหาที่ดินรองรับ ให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อเข้าสู่โครงการระยะต่อไป


จากความสำเร็จของโครงการที่คลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร และปทุมธานีโมเดลระยะที่ 1 ได้สร้างความสั่นคงในที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน นับเป็นความสำเร็จที่ ทำให้เกิดความเข้าใจและการตอบรับที่ดีจากชุมชน ในโครงการปทุมธานีโมเดล ระยะ ที่ 2

บ้านที่อยู่อาศัย นับเป็นปัจจัย 1 ใน 4 ในการดำเนินชีวิต เริ่มจากการมีบ้านที่มั่นคง มีสภาพแวดล้อมที่ดี และมีชุมชนที่เข็มแข็ง จะทำให้การเดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาน ทำได้อย่างเต็มที่และมรประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาต่างๆก็ดีขึ้น เช่นปัญหาการป้องกันแพร่กระจายของโควิด – 19 ในชุมชนที่ได้รับการพัฒนาแล้ว จะทำได้ดีกว่าชุมชนเดิม ที่เป็นชุมชนแออัด เพราะในชุมชนมีพื้นที่ส่วนกลางของสหกรณ์ที่สามารถนำมาปรับให้เป็นพื้นที่พักคอยรอการส่งต่อ และในบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านแฝด 2 ชั้น มีห้องพักที่สามารถให้ผู้ป่วยในระบบ Homeisolate ผู้ป่วยสามารถแยกกักตัวได้ การมีผู้นำชุมชนแบบเป็นทางการจากชุมชนใหม่ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความแข็งแรงของชุมชน สามารถดูแลสมาชิกในชุมชนได้ดีขึ้นเป็นระบบมากขึ้น การจัดทำโครงการบ้านมั่นคงในรูปแบบสหกรณ์เป็นกลไกลในการบริหารโครงการกรรมการสหกรณ์ก็สามารถเป็นกลไกลที่ช่วยเหลือสมาชิกในชุมชนได้ การดำเนินโครงการต้องมีอุปสรรคบ้างจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยปัญหาเหล่านี้ทาง พ.อ.ช เน้นเรื่องการพูดคุย สร้างความเข้าใจให้กับคนในชุมชนซึ่งส่วนใหญ่ เข้าใจและให้ความร่วมมือทำให้โครงการดำเนินต่อไปได้อย่างดี การพัฒนาที่อยู่อาศัยอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ ชาติ 20 ปี เป็นนโยบายที่รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะดำเนินการ โดยมีจุดมุ่งหมายว่าประชาชนทุกคนต้องมีบ้านที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีชุมชนที่เข็มแข็ง ทุกคนภายในปี 2579 พ.อ.ช.มุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายตามแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม มีสภาพแวดล้อมที่ดี สร้างชุมชนที่ดี สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทั่วประเทศ

นอกจากที่อยู่อาศัยที่มั่นคงอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีแล้ว การมีอาชีพที่มั่นคงถือเป็นความสำคัญ ประชาชนมีรายได้เลี้ยงตนเอง สร้างความมั่นคงในทางเศรษฐกิจให้ตนเองและชุมชน ตัวอย่างเช่นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ ต.จอเบาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส

อรุณี ยะโย ประธานวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ กล่าวถึงการรวมกลุ่มว่า "วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ เกิดจากการรวมกลุ่มของแม่บ้าน ที่มองเห็นถึงโอกาสในการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรแปรรูปให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ เมื่อเกิดการรวมกลุ่มแม่บ้าน ก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหลายหน่วยงาน เช่น พช.เข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนด้านเทคนิคการผลิต การให้ความรู้ สนับสนุนอุปกรณ์ ทำให้กลุ่มเข็มแข็งมากขึ้น การดำเนินของกลุ่มจะรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรเช่นลูกหยีและผลผลิตตามฤดูกาลเช่น ส้มแขก ทุเรียน แต่ผลผลิตหลักคือลูกหยี เพราะสามารถเก็บไปได้นาน การแปรรูปลูกหยีมีหลากหลายรสชาติ สามารถจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ และยังต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวชุมชน ทำให้กลุ่มและชุมชน มีรายได้จากการท่องเที่ยวและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปเหล่านี้"

วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประสานกับการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทางกลุ่ม ให้มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลูกหยีกวน ลูกหยีทรงเครื่อง หรือส้มแขกแช่อิ่ม โดยที่ผ่านมาทาง วิสาหกิจชุมชนแปรรูปทางการเกษตรบ้านนากอก็ได้รับการสนับสนุน จากหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ และมอบอุปกรณ์และพัฒนาระบบการผลิตให้มาตราฐาน

น.อ.วิชชา พรหมคีรี รอง ผอ.รมน.จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า " กอ.รมน.มีบทบาทในการประสานงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่และดูแลความสงบเรียบร้อย ช่วยเหลือประชาชน มีการส่งเสริมในการประกอบอาชีพต่าง วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ เป็นชุมชนที่มีความเข็มแข็ง ทั้งด้านการท่องเที่ยว และมีความสามารถ มีความคิดริเริ่มในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในท้องถิ่นให้เป็นสินค้า สามารถจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับกลุ่มและชุมชน และได้รับการส่งเสริมจากหลากหลายหน่วยงานในจังหวัดทำให้ชุมชนมีความเข็มแข็งมากขึ้น "

ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่นคงและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสมาชิกได้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางกลุ่มมีแนวคิดสร้างเครือข่ายชุมชนสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน โดยมีการหารือแนวทางในการร่วมกันบริหารจัดการและสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการขึ้นทะเบียน GMP เพื่อที่ช่วยยกระดับมาตรฐาน และสร้างความมั่นใจ

การสร้างโอกาสให้กับประชาชนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะคนทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อยู่อย่างเท่าเทียมกัน การสร้างโอกาสทางอาชีพที่เหมาะสมให้ผู้มีความบกพร่องทางร่างกายทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีอาชีพ สามารถหารายได้เพื่อเลี้ยงดูตัวเอง พร้อมเปิดโอกาสให้เขาได้ทำประโยชน์แก่สังคม

โครงการสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพและสร้างรายได้เครือข่ายกลุ่มคนพิการ มูลนิธิเพื่อพัฒนาคนพิการ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เป็นมูลนิธิที่ทำงานอยู่กับคนที่มีความผิดปกติหรือบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งอยู่ในชุมชนบัวใหญ่มาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี โดยงานหลักของมูลนิธิ นั่นคือการช่วยเหลือและสนับสนุนคนพิการให้มีอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและความครัวได้ ผลจากข้อนี้ก็จะช่วยให้คนพิการเกิดการยอมรับจากคนในสังคมมากขึ้น เกิดเป็นความภาคภูมิใจในตัวเองและมีสุขภาพจิตที่ดี ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้เห็นความสำเร็จพร้อมๆ กับปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน จึงเกิดแนวคิดสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพ และสร้างรายได้เครือข่ายกลุ่มคนพิการเพื่อให้พวกเค้าเกิดเป็นองค์ความรู้สำหรับการต่อยอด และนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการพัฒนาร่วมกับคนพิการต่อไปในอนาคต

นางพัชราภรณ์ ชนภัณฑารักษ์ กล่าวถึงความเป็นมาของมูลนิธิว่า "จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ปัญหาของกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการเข้าถึงสิทธิ์ แต่เป็นปัญหาเรื่องการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม ทางมูลนิธิได้นำงานวิจัยมาทอดบทเรียนได้ต้นแบบ 4 ต้นแบบ นำต้นแบบมาขยายผลสู่เยาวชน 40 คน เยาวชนกลุ่มนี้ได้เข้ารับการฝึกอบรมด้านอาชีพ และกลับมาเป็นแกนนำ ต่อจากนั้นทางมูลนิธิได้ขอทุนสนับสนุน จาก กศศ เพื่อใช้ในการพัฒนาและยกระดับ กลุ่มคนพิการ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนผู้มีบกพร่องทางร่างกาย ให้เข้าถึงสิทธิ์ต่างๆของทางภาครัฐและได้รับอุปกรณ์ ส่งเสริมให้มีอาชีพ มีรายได้ และสามารถพึ่งพิงตัวเองได้ครับ ทั้งนี้มูลนิธิเพื่อพัฒนาคนพิการ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ได้จัดโครงการสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพของเครือข่ายกลุ่มคนพิการขึ้น เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ ด้านภูมิปัญญางานหัตถกรรมพื้นบ้าน ที่ใช้สมองและงานฝีมือ ให้พวกเขามีอาชีพและสร้างรายได้ตามศักยภาพของตนเอง และวางแผนขยายช่องทางการตลาดผ่านระบบออนไลน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากการฝึกอบรมการขายแบบออนไลน์ให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ผลปรากฏว่ามียอดการสั่งจองสินค้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้พิการมีรายได้มากขึ้น"

นอกจากการส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมแล้ว ยังมีการส่งเสริมอาชีพการทำการเกษตรให้กับคนพิการบางกลุ่มที่ไม่มีความถนัดในงานหัตกรรม การส่งเสริม การประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประกอบด้วยการเลี้ยงไก่ การปลูกผักอินทรีย์ โดยเน้นปลูกผักใช้น้ำน้อย สามารถดูแลได้ง่าย เพื่อให้รายได้ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ซึ่งเพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ และมูลนิธิยังคอยติดตามช่วยเหลือแนะนำ รวมทั้งรับซื้อผลผลิตของกลุ่มผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายด้วย โครงการสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพและสร้างรายได้เครือข่ายกลุ่มคนพิการของมูลนิธิเพื่อพัฒนาคนพิการ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สร้างพลังให้กลุ่มคนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย สร้างความภาคภูมิใจและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
#2827


บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ  BEC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า  บริษัทมีผลกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2/2564 อยู่ที่ 184.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 169.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน  โดยผลประกอบการของบริษัทฯ พลิกกลับเป็นกำไรมาสี่ไตรมาสติดต่อกัน ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2563 จนถึงไตรมาสนี้  ถึงแม้การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในระลอกที่ 3 จะยังคงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่การใช้เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมในไตรมาสที่ 2/2564 มีการขยายตัวจากการปรับตัวของผู้ซื้อโฆษณา


BEC ได้มีการปรับปรุงคอนเทนต์รายการข่าวทั้งผัง และมีผู้ประกาศข่าวที่มีความนิยมสูง เช่น คุณสรยุทธ ทัศนจินดา มาดำเนินรายการ รวมถึงการนำเสนอละครใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่อง และมีความยืดหยุ่นในการการปรับผังรายการต่างๆ ตามเม็ดเงินโฆษณา ทำให้รายได้รวมของกลุ่ม BEC เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสที่ 2/2563 และจากไตรมาสที่ 1/2564 อย่างต่อเนื่อง

จากกลยุทธ์"Single Content Multiple Platform" ของกลุ่ม BEC ธุรกิจการจัดจำหน่ายลิขสิทธ์ละครไปต่างประเทศ (Global Content Licensing) และธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม (Digital Platform) มีการขยายตัวอย่างมาก ซึ่งไตรมาสนี้มีรายได้รวม 225.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.0% รายได้รวมของกลุ่ม BEC 

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในงบแสดงฐานะการเงินเพิ่มขึ้น 1,099.4 ล้านบาทหรือ 39.9% จาก ณ สิ้นปี2563 มาอยู่ที่ 3,587.7 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2564 โดยมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน 1,844.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2563
#2828


โรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างยักษ์ชาวเบลเยียม กลับสู่บ้านหลังเก่าเป็นคำรบสอง หลังจัดการเปิดตัวชูเสื้อเป็นดาวยิงของ เชลซี อย่างเป็นทางการ ด้วยค่าตัว 98 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,510 ล้านบาท)

หัวหอกชาวเบลเยียม ก่อนหน้านี้โชว์ฟอร์มเฉิดฉายกับ อินเตอร์ มิลาน จนคว้าโทรฟี กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ซีซั่นที่ผ่านมา ก่อนจะย้ายกลับมาเล่นที่ พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง และเป็น เชลซี ที่ได้ตัวกลับมา

แข้งวัย 28 ปี ปรากฏตัวที่สนามบิน บิกกิน ฮิลล์ เมื่อกลางสัปดาห์ ก่อนเข้ารับการตรวจร่างกาย และสะบัดหมึกเซ็นสัญญาเป็นนักเตะ "สิงห์บลูส์" คำรบสอง หลังเคยอยู่กับทีมเมื่อปี 2011-2014

"ผมมีความสุขมากที่ได้กลับมายังสโมสรที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้ ถือเป็นการเดินทางอันยาวนาน ผมเคยอยู่ที่นี่ในฐานะเด็กที่ยังอ่อนประสบการณ์ แต่ตอนนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์มากขึ้นแล้ว"

"ผมเป็นแฟน เชลซี ตั้งแต่เด็ก และการกลับมาครั้งนี้เพื่อช่วยให้พวกเขาคว้าแชมป์รายการต่างๆ ก็เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ แนวทางของทีมสอดคล้องกับความทะเยอะทะยานของผมในวัย 28 ปี ซึ่งหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จด้วยกันมากกว่านี้"
#2829


ผู้ถือหุ้น SIMAT แฮปปี้กันถ้วนหน้า พร้อมใจโหวตหนุนแผนเพิ่มทุน 160 ล้านหุ้น เพื่อรองรับ SIMAT-W5 อัตรา 4.07:1 โดยไม่คิดมูลค่า ราคาใช้สิทธิ 2 บาท/หุ้น เติมฐานทุนแกร่ง รองรับแผนขยายธุรกิจติดปีก กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 18 ส.ค.นี้

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (SIMAT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 5 (SIMAT-W5) เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในจำนวนไม่เกิน 160,000,000 หน่วย (โดยไม่คิดมูลค่า) โดยมีอัตราส่วนการจัดสรร 4.07 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วย ซึ่งกำหนดราคาใช้สิทธิ 2 บาทต่อหุ้น และได้กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ (XW) ในวันที่ 18 สิงหาคม 2564

"SIMAT ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน ที่อนุมัติการเพิ่มทุนและแจกวอแรนต์ในครั้งนี้ จะส่งผลให้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมั่นคง รองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้"

นายธีรวุฒิ กล่าวอีกว่า การออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 5 (SIMAT-W5) ถือเป็นการเสริมสร้างฐานะทางการเงินในระยะยาวของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และช่วยรองรับแผนการขยายธุรกิจใหม่ๆที่เป็น New s-curve ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตรอบใหม่ในอนาคต  หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการเข้าลงทุนในบริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (HST)
เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนั้น ทั้งในแง่การรับรู้กำไร และเตรียมที่จะผลักดันให้ฮินซิซึเข้าจดทะเบียนในปี 2565 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น
#2830
 
ทำไมข้าวปลอดสารถึงดี
ทำไม  ข้าวจังหวัดสุรินทร์   (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ?  ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์  หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ ข้าวเกษตรอินทรีย์ทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา  ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุขภาพ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของ ข้าวปลอดสารพิษ สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูปข้าวอินทรีย์กรมการข้าว

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวออร์แกนิคส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ ปลูกข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย
1.  ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก
3.  ปลูกข้าวปะกาอำปึลออแกนิค
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ จ.สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิก
6.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลินิล
7.  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
 

 
 
#2831


หลายคนอาจมองว่า การทำความดีนั้นเป็นเรื่องยาก การทำไม่ดีนั้นดูเหมือนจะง่ายกว่า แต่ความจริงแล้วการทำความดี เป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้ นอกจากจะเกิดผลดีกับตนเองแล้ว อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้อีกมากมาย แล้วจะดีแค่ไหน ถ้ามีช่องทางให้เราได้ส่งต่อความดีแบบง่าย ๆ เพียงแค่ปลายนิ้วคลิก

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง องค์กรสาธารณกุศล ที่มุ่งมั่นบรรเทาทุกข์ และบำรุงสุขให้แก่เพื่อนมนุษย์ ภายใต้ปณิธาน "ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต" อยู่เคียงคู่ชีวิตคนไทยมายาวนาน 110 ปี ได้จัดทำต้นไม้แห่งความดี ในรูปแบบดิจิตอล "110 ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง" เพื่อให้คนไทยได้ร่วมกันสืบสานความดีให้ครบ 1,100,000 ความดี ในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ผู้ที่ต้องการเข้าไปร่วมส่งต่อปณิธานความดี สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเข้าไปที่ www.ต้นไม้แห่งความดี.com เมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นโลโก้ "110ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง" ถัดลงมาจะมีฟีเจอร์ 3 ปุ่มด้านล่างให้คลิก ได้แก่ เรื่องราวความดี สะสมความดี สร้างบัญชี สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกใหม่ เริ่มต้นตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

•คลิกที่ปุ่มสร้างบัญชี กรอกรายละเอียดและข้อมูลพร้อมตั้งรหัสผ่าน เพื่อเข้าสู่การสะสมความดี หรือเลื่อนลงมาที่แถบล่างก็สามารถกดลิงก์เพื่อเชื่อมการลงทะเบียนผ่าน Facebook หรือ Gmail ได้อีกทางหนึ่ง

•เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วระบบจะเข้าสู่หน้าหลัก และคลิกไปที่ปุ่มสะสมความดี เพื่อทำการสะสมความดีผ่านช่องทางที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว และสามารถเลือกหมวดสะสมความดี "11 รากแก้วแห่งความดี" ที่มีอยู่ทั้งหมด 11 หมวด

•จากนั้นพิมพ์ชื่อและความดีที่ทำลงในใบโพธิ์ไม่เกิน 150 ตัวอักษร โดยขั้นตอนนี้สามารถบันทึกภาพลงในมือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ และยังสามารถส่งต่อความดีในหน้า Facebook ของเราได้อีกด้วย

มาร่วมกันส่งต่อปณิธานความดี จะเป็นสิ่งใดก็ได้ที่ทำด้วยความตั้งใจ ความดีจาก 1 ใบโพธิ์เล็ก ๆ จะผลิใบเจริญงอกงาม กลายเป็นต้นโพธิ์ใหญ่แผ่ร่มเงา เปรียบเสมือนหลายล้านความดีรวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยต่อไป
#2832


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในเช้าวันนี้ โดยบางส่วนได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงตามทิศทางราคาน้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในหลายประเทศ

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,488.66 จุด ลดลง 5.97 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,887.03 จุด เพิ่มขึ้น 66.99 จุด หรือ +0.24% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,456.61 จุด เพิ่มขึ้น 173.21 จุด หรือ +0.66%

นักลงทุนยังคงจับตาการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในหลายพื้นที่ โดยล่าสุดนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐได้เพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางสู่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศไทย, อิสราเอล, ฝรั่งเศส, ไอซ์แลนด์, เวสต์แบงก์และกาซา รวมทั้งอีกหลายพื้นที่ เนื่องจากยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างมากในประเทศเหล่านี้

นอกจากนี้ CDC ยังได้เพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางสู่ระดับ 3 สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังออสเตรีย, โครเอเชีย, เอลซาลวาดอร์, อาร์เซอร์ไบจาน, กวม, เคนยา และจาไมกา CDC ยังระบุว่า ชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้

นักลงทุนในภูมิภาคยังจับตาความเคลื่อนไหวหุ้นของบริษัทในเครือซัมซุง หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากมีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้ประกาศวานนี้ว่า นายเจย์ วาย. ลี หรือนายลี แจยง ทายาทของซัมซุง กรุ๊ป จะได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลสูงกรุงโซลของเกาหลีใต้ ได้ตัดสินจำคุกนายลี แจยง เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ฐานติดสินบนนางชเว ซุน-ซิล คนสนิทของอดีตประธานาธิบดีปาร์ค กึน เฮ เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนแผนการสืบทอดอำนาจในซัมซุง กรุ๊ป

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้น Samsung Electronics ลดลง 0.25% และหุ้น Samsung C&T ร่วงลง 1.05% ขณะที่หุ้น Samsung Life Insurance เพิ่มขึ้น 0.78%

ตลาดยังจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคในวันนี้ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ของออสเตรเลีย
#2833


นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ Combined PET, IOD และ Fibers บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 D/E จะลดลงต่ำกว่าระดับ 1.2 เท่า จาก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ระดับ 1.27 เท่า เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A)

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัท อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท Ultrapar เพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัท Oxiteno S.A. ประเทศบราซิล โดย Oxiteno เป็นผู้ผลิตสารลดแรงตึงผิวแบบบูรณาการในทวีปอเมริกาและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา เบื้องต้นประเมินมูลค่าดีลซื้อกิจการเบื้องต้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5 หมื่นล้านบาท)


อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจากการเตรียมความพร้อมทั้งกระแสเงินสดและ D/E ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน อีกทั้งมูลค่าการซื้อขายมีโอกาสน้อยกว่าที่เคยแจ้งนักลงทุนเอาไว้

นอกจากนี้ IVL ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เบื้องต้นคาดว่ายอดขายจะเติบโต 9% โดยมาจากธุรกิจออกไซด์และอนุพันธ์แบบบูรณาการ (Integrated Oxide and Derivatives: IOD) ที่คาดว่าจะฟื้นตัว จากช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ถูกผลกระทบโควิด-19 สภาพอากาศหนาวจัด (Polar Vortex) และโรงงานก๊าซแครกเกอร์ใน Lake Charles ประเทศสหรัฐที่จะกลับมาเดินเครื่องครึ่งแรกในไตรมาส 3 ปี 2564 หลังปิดซ่อมบำรุงจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าตั้งแต่เดือน ส.ค.2563

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนของไทยจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงกว่า 10% นั้น มองเป็นผลบวกต่อบริษัท เนื่องจากมีสัดส่วนกำไรในต่างประเทศที่สูง โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ขณะที่สัดส่วนพอร์ตในเอเชียที่ 8-9% มาจากหลายประเทศไม่เฉพาะไทยเท่านั้น เมื่อแปลงกำไรในสกุลเงินอื่นๆ กลับเข้ามาในประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากค่าเงินเพิ่มขึ้น
#2834


"เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ยอดนักกีฬาเทควันโด ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกของไทยคนล่าสุด เข้ารับการประดับเครื่องหมายยศ ร.ต. อย่างเป็นทางการ ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดย 'บิ๊กแอร์บูล'พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศร.ต. ให้แก่ ว่าที่ ร.ต.หญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ 'น้องเทนนิส' เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจ ที่ได้รับเหรียญทองจากกีฬาเทควันโด ในโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

'น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รู้สึกเป็นปลื้มที่ได้รับการแต่งยศในครั้งนี้ โดยโพสต์ขอบคุณกองทัพอากาศ ที่ได้ให้โอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา

"ดิฉันเรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ขอขอบพระคุณกองทัพอากาศ ผู้บังคับบัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก แอร์บูล สุทธิวรรณ , รองผู้บัญชาการทหารอากาศทุกท่าน,ผู้บังคับบัญชาทุกๆท่าน และกรมสวัสดิการทหารอากาศ ที่ให้โอกาสหนูได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ~ เป็นหมวดนิสแล้วนะคะทุกคน" เทนนิส กล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
 
#2835


โฆษกรัฐบาล เผย ครม.ปรับโครงการเยียวยา ม.33 เพิ่มกรอบวงเงินจำนวนทั้งสิ้น 17,050 ล้านบาท ครอบคลุม 29 จังหวัดแดงเข้ม อนุมัติวงเงิน 33,471 ล้านบาท เยียวยาผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม

วันนี้ (10 ส.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม ปรับปรุงรายละเอียดสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้

(1) เปลี่ยนชื่อโครงการ เป็น โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากเดิม โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง

(2) ขยายพื้นที่ดำเนินการจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยเพิ่มเติม 16 จังหวัด (กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง)

(3) กรอบวงเงินโครงการ จากเดิม 15,027.6860 ล้านบาท เป็น 17,050.4145 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,022.7285 ล้านบาท
(4) ขยายระยะเวลาให้นายจ้างในพื้นที่ 3 จังหวัด (ข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 28) และ 16 จังหวัด (ข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 30) สามารถขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ได้ โดยสำนักงานประกันสังคมจะตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2564 นี้

นายอนุชา ยังเปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เห็นชอบกรอบวงเงิน 33,471.0050 ล้านบาท เยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐตามข้อกำหนดฯ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 5,000 บาท รวมทั้งสิ้น 6,694,201 คน โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

1. พื้นที่ดำเนินการ 29 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี

2. กลุ่มเป้าหมายรวมประมาณ 6,694,201 คน ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จำนวน 1,436,171 คน และมาตรา 40 จำนวน 5,258,030 คน

3. คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่มีสัญชาติไทย สถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะ A (Active) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด) หรือ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564 (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 16 จังหวัด) กรณีเป็นผู้สมัครเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในฐานทะเบียนประกันสังคมที่มีสถานะรอชำระเงิน W (Wait) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ต้องไม่เป็นข้าราชการหรือผู้รับบำนาญของกรมบัญชีกลาง

4. วิธีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะโอนเงินให้กับผู้ประกันตนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) เฉพาะที่ผูกบัญชีกับเลขประจำตัวประชาชน

โฆษกรัฐบาลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.ยังให้กระทรวงแรงงาน เร่งตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือตามเป้าหมายเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน รวมทั้งขอให้โอนเงินให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนตาม ม.39 และ ม.40 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 10 จังหวัด ก่อนระยะเวลาที่กำหนด ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ที่มีสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงและได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ก่อนพื้นที่อื่นๆ อีกทั้งกำหนดให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมในพื้นที่ 10 จังหวัด ต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 และในพื้นที่ 19 จังหวัดต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบงวดแรกภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564

นอกจากนี้ ได้ให้กระทรวงแรงงานจัดทำข้อเสนอขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายที่รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัดเพิ่มเติม อีกจำนวน 1 เดือน ซึ่งจะช่วยให้การให้ความช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
#2836


"เงินบาท" ปิดตลาดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. อ่อนค่าที่่ระดับ 33.38 บาทต่อดอลลาร์ และนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าสุดในภูมิภาคเอเชียที่ 10.3% โดยระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าสุดที่ 33.39 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ3ปี             

'บาทอ่อน'จากปัจจัยในปท.-ศก.ถดถอย       

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center (EIC)ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เปิดเผยว่า  สถานการณ์เงินบาทที่อ่อนค่าเร็วและมีความผันผวนในระยะสั้น มาจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก คือ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการแพร่ระบาดโควิด ระลอก 3 ยังรุนแรงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมานี้  รวมถึงการกลับมาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในรอบ 8 ปี และยังมีแนวโน้มเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งเป็นปัจจัยนอกประเทศเข้ามากดดัน  

ทั้งนี้ยังต้องติดตามการคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19รอบนี้จะยืดเยื้อหรือไม่ ปัจจุบันยังคงคาดการณ์เงินบาทในปีนี้ที่ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ภายใต้กรณีฐาน คาดว่าจีดีพีปีนี้ที่ 0.9% สามารถคุมการแพร่ระบาดได้ในช่วงต้นถึงกลางไตรมาส 4 ปีนี้ มีการกระจาย วัคซีนได้มากขึ้น เศรษฐกิจค่อยๆปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงปลายปีนี้  ทำให้เงินบาทน่าจะกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บางในช่วงปลายปี แต่ทั้งปีนี้ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่กรณีเลวร้าย โควิด-19ยังแพร่ระบาดต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4  ยังล็อกดาวน์ต่อเนื่อง ผลกระทบลามสู่อุตสาหกรรมกระทบส่งออกทำให้ ธปท. มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ได้  ทำให้จีดีพีปีนี้ ติดลบ 0.4% ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องในครึ่งปีหลังและสิ้นปีนี้อ่อนค่าทะลุ 33 บาทต่อดอลลาร์

นายยรรยง กล่าวว่า สถานการณ์เงินบาทอ่อนค่าในปีนี้ จะยังไม่กระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย เพราะเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  สามารถดูแลได้ จากปัจจุบันที่มีทุนสำรองฯ อยู่ในระดับสูง ทำให้สามารถเข้ามาดูแลให้เงินบาทอ่อนค่าแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่ผันผวนมากนัก ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออกอีกด้วย ช่วงให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19ที่มีภาระต้นทุนอื่นๆ เพิ่มขึ้น


'เดลตา'ระบาดแรงฉุดศก.ติดลบ   

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า ธนาคารปรับมุมมองทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าขึ้นในระยะสั้น ไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ จากเดิมที่ 32.50บาทต่อดอลลาร์ และมีโอกาสหลุด 33.50 บาทต่อดอลลาร์ได้  

ทั้งนี้จากปัจจัยการแพร่ระบาดโควิด-19สายพันธุ์เดลตาที่รุนแรงขึ้น จนมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเร่งตัวขึ้น ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย มีควาามเสี่ยงมากขึ้นที่จะติดลบต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน หากการแพร่ระบาดลามสู่ภาคอุตสาหกรรมและอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยซึ่งนักลงทุนกังวลจุดนี้ รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีโอกาสลดคิวอีในปีนี้

แต่หากคุมการแพร่ระบาดโควิดรอบนี้ได้ภายในเดือน ส.ค.หรือเดือนก.ย.นี้ น่าจะเริ่มเห็นสัญญาณยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงได้ เหลือระดับ 1 หมื่นคน นักลงทุนต่างชาติน่าจะเริ่มกลับมาได้ คาดว่า หลังจากนั้น สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย ทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่าไปมากหรืออาจกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ 

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่าที่คาดจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ทั้งผลกระทบโควิด-19สายพันธุ์เดลตายังลามในไตรมาส 4 ปีนี้ ล็อกดาวน์ต่อเนื่องทั้งปี และลามสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นจนกระทบส่งออก แม้เงินบาทอ่อนค่าก็ไม่ได้ช่วยส่งออกได้ เพราะส่งออกไทยสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันแล้ว ส่งผลให้จีดีพีปีนี้ติดลบ 

รวมถึงยังไม่สามารถจัดหาและกระจายวัคซีนได้ตามเป้าหมายในปีนี้  แน่นอนว่าหากสถานการณ์ยังเลวร้ายในเดือนส.ค.นี้ ธปท.มีโอกาสจะลดดอกเบี้ยนโยบายได้ในการประชุมครั้งหน้าเดือนก.ย. ทำให้ความน่าสนใจสินทรัพย์ในรูปเงินบาทลดลงอีก 

ทั้งหมดเป็นความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่กดดัน เงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องไปแตะ 34 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ต้องรอจับตาสถานการณ์คุมการแพร่ระบาดกลางเดือนส.ค.นี้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน

แนะขยาย 'ล็อกดาวน์' ถึงสิ้นปี

นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี ธนาคารทหารไทยธนชาต เปิดเผยว่ ช่วงครึ่งปีหลังนี้เงิินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าขาเดียว คือไม่กลับมาแข็งค่าอีกรอบ โดยสิ้นปีนี้มองกรอบค่าเงินบาทที่ระดับ  33.50 -34.00 บาทต่อดอลาร์

จากปัจจัยยอดผู้ติดเชื่อใหม่ในประเทศยังพุ่งสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาค  และดุลบัญชีเดินสะพัดยังขาดดุลต่อเนื่องในระดับสูง รวมถึงเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น 

หากเฟดมีความมั่นใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐและส่งสัญญาณพร้อมลดคิวอี  ที่สำคัญในช่วงปลายปีนี้ มองว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นชัดเจนการแพร่ระบาดสายพันธุ์เดลตาไม่มีผลกระทบมากเมื่อเทียบกับฝั่งประเทศเกิดใหม่ แน่นอนว่า มีโอกาสที่เงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องไปถึงปีหน้ามองไว้ที่ระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์

"เราต้องรอประเมินสถานการณ์คุมโควิด-19กลางเดือนส.ค.นี้ก่อนว่า จะคุมได้มากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนี้มองว่า ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่เพิ่มขึ้นและน่าจะไปถึงจุดสูงในเดือนก.ย.หรือเดือน ต.ค.จะนั้นสถานการณ์น่าจะค่อยๆ ดีขึ้น มาตรการล็อกดาวน์น่าจะขยายต่อถึงสิ้นปีนี้และโอกาสที่จะเปิดประเทศปลายปีนี้เป็นไปไม่ได้ ทำให้มีโอกาสปรับลดจีดีพีปีนี้จากเดิมคาดไว้ที่  0.9%" 

"กรุงศรีโกล.มาร์เก็ตส์" ประเมินกรอบค่าเงินบาทไตรมาส 3 ปีนี้ ยังอ่อนค่าที่ 33.25 บาทต่อดอลลาร์ จากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันน่าจะสูงสุดในไตรมาส 4  กระจายวัคซีนลาช้า ยังมีมาตรการล็อกดาวน์  และเฟดเล็งถอนคิวอีในปีนี้  แต่คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะกลับมาแข็งค่าที่ 32.75บาทต่อดอลลาร์ จากเงินบาทน่าจะสะท้อนปัจจัยเชิงลบไปพอสมควร แต่หากสถานการณ์โควิดในประเทศยังไม่ดีขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้ แน่นอนว่า ทิศทางเงินบาทยังอ่อนค่ากว่าที่คาดและต่อเนื่องไปถึงสิ้นปีนี้ 

ดอลล์แข็งค่ารับจ้างงานสหรัฐแกร่ง

ขณะที่ ดอลลาร์สหรัฐ ยังคงแข็งค่า เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก เมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจาก นักลงทุนขานรับสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือน ก.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.58% แตะที่ 92.7918

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.20 เยน จากระดับ 109.75 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9150 ฟรังก์ จากระดับ 0.9061 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2559 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2494 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1758 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1835 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3877 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3932 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7352 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7404 ดอลลาร์

บรรดานักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด

 โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
#2837


อินเตอร์ มิลาน แชมป์ กัลโช เซเรีย อา ต้องการ อองโตนี มาร์กซิยาล กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทดแทน โรเมลู ลูกากู หัวหอกไซส์ยักษ์ ซึ่งกำลังจะย้ายสังกัด ช่วงซัมเมอร์นี้

ลูกากู จ่ออำลาถิ่น ซาน ซิโร กลับ เชลซี ค่าตัว 98 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,410 ล้านบาท) เยียวยาปัญหาด้านการเงินของสโมสร

กรณี ดาวยิงดีกรีทีมชาติเบลเยียม ร่วมทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" อย่างเป็นทางการ อินเตอร์ฯ จะพยายามดึง มาร์กซิยาล มาล่าตาข่าย แบบยืมตัว 1 ซีซัน

"เดอะ ซัน" แท็บลอยด์หัวดังของอังกฤษ เผยว่า ยูไนเต็ด น่าจะตอบรับข้อเสนอแบบซื้อขาดมากกว่าปล่อยตัวชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่า ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลขา อาจยอมรับข้อเสนอยืมตัว 12 เดือน หากระบุอ็อปชันซื้อขาดราคาประมาณ 50 ล้านปอนด์ (2,250 ล้านบาท)

หาก "เนรัซซูรี" ยอมจ่ายเงินตามที่ตั้งไว้ ก็น่าจะเซ็นสัญญา อดีตนักเตะ โมนาโก ซึ่งเคยอยู่ในลิสต์เสริมทัพ เมื่อ 2 ก่อน แต่ถ้าไม่มีความคืบหน้า มาร์กซิยาล จะเหลือสัญญา 3 ปี ค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ (9 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์

อินเตอร์ฯ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มีความสัมพันธ์ที่ดี เนื่องจากทำธุรกิจกันมาหลายครั้ง อาทิ การเจรจาซื้อ-ขาย แอชลีย์ ยัง และ อเล็กซิส ซานเชซ ดังนั้นทั้ง 2 สโมสรน่าจะตกลงกันได้ไม่ยาก

การย้ายไปพิสูจน์ฝีเท้า ที่ประเทศอิตาลี น่าจะส่งผลดีต่อ มาร์กซิยาล ซึ่งไม่สามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงในยุคของ โซลชา ได้

บิ๊กบอสชาวนอร์เวย์ กล่าวหลังแมตช์อุ่นเครื่อง ถล่ม เอฟเวอร์ตัน 4-0 วันเสาร์ที่ผ่านมา (6 ส.ค.) "อองโตนี มีช่วงเวลาอันเลวร้าย เนื่องจากอาการบาดเจ็บ เขาฝึกซ้อมกับเราได้ดี แต่ธรรมดาของผู้เล่นที่หายหน้าหายตาไประยะหนึ่ง พวกเขาต้องใช้เวลาลับฝีเท้า และทำงานหนักมากขึ้น"

"เขาพยายามทำตามที่เราคาดหวัง มันไม่ได้เห็นผลทันตาตลอดเวลา แต่มันยังดีกว่าสิ่งที่เรากลัวในบางครั้ง ตอนเขาบาดเจ็บนาน 5 เดือน (ตั้งแต่มีนาคม)"
#2838


ศึกฟุต. พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ 2021-22 ได้ฤกษ์เปิดฉากวันที่ 13 ถึง 15 กลางเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งแน่นอนมีไฮไลต์ให้จับตาดูเพียบ แต่วันนี้เราจะขอเริ่มต้นที่บรรดาดาวรุ่งของแต่ละทีมที่มีลุ้นต่อแถวกันขึ้นมาแจ้งเกิด ส่วนจะมีใครบ้างนั้นไปดูกันเลย

โฟลาริน บาโลกัน (อาร์เซนอล) - ที่ผ่านมา สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" ต่างโหยหากองหน้าดาวรุ่งที่จะขึ้นชั้นมาเป็นความหวังหรืออาจจะถึงระดับตำนานต่อจาก เธียร์รี อองรี แต่ทั้ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี กับ เอ็ดดี้ เอ็นเคเตียห์ ต่างก็ยังไม่ใช่ ล่าสุด มาถึงคิวของ บาโลกัน ฤดูกาลที่แล้วลงเล่น 6 นัด ยิง 2 ประตู โดยเป็นศึก ยูโรปา ลีก ถึง 5 นัด ที่สำคัญ เมื่อเดือนเมษายนปี 2021 เพิ่งได้สัญญาระยะยาวส่งสัญญาณว่ามีลุ้นดันขึ้นชุดใหญ่แบบเต็มตัวในปีที่จะมาถึงนี้ สำหรับพื้นเพครอบครัวเป็นไนจีเรีย แต่แข้งวัย 20 ปี เกิดที่ นิวยอร์ก ซิตี แต่มาเติบโตที่ลอนดอน

มอยเซส ไซเซโด (ไบรจ์ตัน) -รายงานระบุว่า ไบรจ์ตัน เอาชนะทีมดังมากมายคว้ากองกลางวัย 19 ปี มาร่วมทัพเมื่อหน้าหนาวที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ แน่นอนนักเตะมาจากเอกวาดอร์ ต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับ พรีเมียร์ ลีก รวมถึงอากาศอาหารการกินและวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่อังกฤษ ส่วนตอนนี้ก็ต้องปล่อยของระดับยู 23 ไปก่อนเพื่อให้ฟอร์มเข้าตา

เลียม ดีแล็ป (แมนฯซิตี) - ถ้าไม่นับ แฮร์รี่ เคน ดาวเด่นของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่กำลังล่าตัว เท่ากับว่า แมนฯซิตี เหลือกองหน้าคนเดียว คือ กาเบรียล เฮซุส หลังปล่อย เซร์คิโอ อกูเอโร เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เท่ากับว่า เป็นโอกาสของดาวรุ่งอย่าง ดีแล็ป วัย 18 ปี กระนั้นก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ "เรือใบสีฟ้า" ชอบดันแนวรุกอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง ไปยืนหน้า ขณะที่ ดีแล็ป นั้นเป็นลูกชายของ รอรีย์ ดีแล็ป อดีตจอมทุ่มไกลของ สโต๊ก ซิตี โดย เป๊ป ไปคว้ามาจาก ดาร์บี เคาน์ตี ปีที่แล้วกดประตูให้ทีมชุดใหญ่ได้แล้วในศึก คาราบาว คัพ รอบ 3

อาหมัด ดิยัลโล (แมนฯยูไนเต็ด) - โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ แมนฯยู ใช้เวลา 2 ปี ในการล่าตัว จาดอน ซานโช ซึ่งแน่นอนว่ากระทบกับตำแหน่งและโอกาสของ ดิยัลโล ปีกวัย 19 ปี ที่ได้ตัวมาจาก อตาลันต้า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ เจ้าหนูรายนี้จากประเทศโกตดิวัวร์ ถือว่าเป็นคนที่ใครมากมายอยากเห็นฟอร์มชัดๆ เต็ม 2 ตา เพราะมีทั้งทักษะ เทคนิค และความเร็ว ถือเป็นฝันร้ายของกองหลัง พรีเมียร์ ลีก ก็ว่าได้ ซึ่งตอนนี้ต้องอดทนรอโอกาส เพราะปีหน้านี้ "ผีแดง" ต้องเล่นถึง 4 ถ้วย อาจจะได้ลงตัวจริงมากขึ้นในไม่ช้า

โคดี้ ดราเมห์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด) - ปีที่แล้วได้รับคำชมไม่น้อยสำหรับ ลีดส์ ภายใต้บังเหียนของ มาร์เซโล บิเอลซ่า เพราะดันนักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีแจ้งเกิดขึ้นมาหลายคน ล่าสุด ปีหน้าอาจจะเป็นรายของ ดราเมห์ วัย 19 ปี ถือเป็นตัวเลือกในตำแหน่งแบ็กขวาที่น่าสนใจหน่วยก้านก็ใช้ได้ เหลือแต่เก็บประสบการณ์ขัดกระดูกให้แข็งระดับ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (ลิเวอร์พูล) - ขวัญใจของสาวก "เดอะ ค็อป" เพราะถือว่ากรีดเลือดออกมาเป็น ลิเวอร์พูล ก็ว่าได้ ย้ายจาก ฟูแล่ม ตอนอายุ 16 ปี 30 วัน ตอนนี้อายุ 18 ปี แล้วถือว่าเหมาะที่จะใช้งาน ล่าสุด กรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่งต่อสัญญาระยะยาวออกไป ปีที่แล้วยืมตัวอยู่กับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 42 นัด ยิง 7 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ เดิมทีเล่นเป็นปีก แต่ว่า เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ "หงส์แดง" ประทับใจฟอร์มตอนเป็นมิดฟิลด์ ถือเป็นเรื่องดีที่มีดาวรุ่งไว้สำรองเพิ่มความหลากหลายเผื่อ โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรเบอร์โต ฟีร์มิโน เล่นไม่ออก

บิลลี กิลมัวร์ (เชลซี) -ปีที่แล้วอยู่ในทีมชุดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แต่ฤดูกาลหน้านี้ เชลซี ปล่อยให้กับ นอริช ซิตี ยืมตัวใช้งาน โดยกองกลางวัย 20 ปี เพิ่งช่วย สกอตแลนด์ ลุยศึก ยูโร 2020 เรียกได้ว่าถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชั้นดี เพราะหากอยู่กับทีมตอนนี้ยากแย่งตำแหน่งจาก จอร์กินโญ่, เอ็นโกโล ก็องเต้ และ มาเตโอ โควาซิช

มาร์ค เกฮี (คริสตัล พาเลซ) - เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 21 ปี อยู่ไปก็ไม่มีตำแหน่งให้ลง เชลซี เลยตัดใจขายให้ พาเลซ ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นอีกคนที่หน่วยก้านดูสูงถึง 182 เซนติเมตร ฤดูกาลหน้านี้น่าจะได้รับโอกาสมากขึ้นจากกุนซือใหม่ของ พาเลซ ก็คือ ปาทริค วิเอร่า ส่วนปีที่แล้วยืมตัวอยู่กับ สวอนซี ซิตี ถือว่าเล่นได้น่าประทับใจไม่น้อยทีเดียว

โอลิเวอร์ สคิปป์ (ท็อตแนม ฮอตสเปอร์) - กลับสู่ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้ หลังจากปีที่แล้วช่วย นอริช ซิตี แบบยืมตัวใช้งานพร้อมได้เหรียญแชมป์ลีก แชมเปียนชิป เป็นที่ระลึกจากผลงานลงเล่น 45 นัด เรียกได้ว่ารับประสบการณ์มาแบบเต็มๆ โดยกองกลางวัย 20 ปี จะกลับมาลุ้นตำแหน่งกับ "ไก่เดือยทอง" ที่เปลี่ยนกุนซือเป็น นูโน เอสปิริโต ซานโตส ที่พร้อมจะให้โอกาสดาวรุ่งทุกคนเหมือนว่าทุกคนได้กลับมารีเซตเริ่มต้นกันใหม่หมด โดยที่ผ่านมา สคิปป์ เคยลงเล่น พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ให้กับ สเปอร์ส รวม 15 นัดฤดูกาล 2018-19 กับ 2019-20
#2839


เปิดเทคนิคที่จะช่วยให้การ "ขายออนไลน์" สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ ทำให้ขายสินค้าได้ทั่วโลก โดยที่ส่งของได้รวดเร็ว ราบรื่น และสะดวกสบาย

มีแม่ค้าออนไลน์หลายรายที่เริ่มมองหากลุ่มลูกค้าในประเทศอื่นๆ เพื่อขยายตลาดให้ร้านค้าออนไลน์ของตนเอง เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางหารายได้ให้เพิ่มพูนมากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องยากลำบากและไกลตัว แต่รู้หรือไม่? ยุคนี้เป็นยุคทองของการ "ขายออนไลน์" ดังนั้นคุณจึงไม่ควรหยุดความฝันนั้นอีกต่อไป 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลที่ต้องรู้ในการเริ่มต้นค้าขายออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ รวมถึงขั้นตอนการส่งของข้ามประเทศที่สะดวกสบายด้วยบริการ "Courier Post" มาฝากกัน ดังนี้

1. รู้จัก E-MARKETPLACE ในต่างประเทศ

ก่อนอื่น "แม่ค้าออนไลน์" ต้องรู้จักช่องทางการขายที่เรียกว่า E-Marketplace หรือเว็บไซต์ที่ใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในต่างประเทศ โดยคุณสามารถสร้างร้านค้าและขายสินค้าผ่านเว็บเหล่านี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมี Dealer และไม่จำกัดขนาดธุรกิจ

แล้วจะขายในเว็บไซต์ไหนดี?

คำตอบคือ มีเว็บไซต์ขายออนไลน์ในต่างประเทศให้เลือกหลากหลาย เช่น eBay, Amazon, Best Buy, Alibaba, AliExpress, JD Worldwide, TMall, Taobao, WalMart, FlipKart, PayPay Mall ฯลฯ คุณสามารถลงทะเบียนและเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ในเว็บไซต์ที่คุณสนใจ ทั้งนี้แต่ละเว็บไซต์ก็จะคิดค่าบริการในราคาแตกต่างกันไป


2. เช็ค "สินค้าไทย" ที่โดนใจลูกค้าต่างชาติ

มีข้อมูลจาก "กระทรวงพาณิชย์" ที่เผยแพร่ในช่วงการจัดแคมเปญ DITP's Online Reseller Connect (24 พ.ค.64) ระบุว่า สินค้าที่อยู่ในความสนใจของยี่ปั๊วต่างประเทศ ได้แก่

สินค้าผลไม้สดและผลไม้แปรรูป
เครื่องดื่ม
ซอสปรุงรส
ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงาม
ผลิตภัณฑ์สปา
เครื่องประดับสำหรับเจ้าสาว
ของใช้บนโต๊ะอาหาร ของตกแต่งบ้าน
นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มสินค้าไทยที่ขายดีตลอดกาลในตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ยาดม ยาหม่อง, ผ้าไหมไทย และผ้าทอมือไทย, กางเกงมวยไทย, ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เช่น น้ำมันมะพร้าว สครับมะพร้าว สบู่มะพร้าว, เครื่องหอมไทย อุปกรณ์สปา, ของประดับตกแต่งบ้าน เช่น รูปปั้นช้าง โมเดลรถตุ๊กตุ๊ก, กระเป๋าแฮนด์เมด เช่น กระเป๋าสาน หมวกสาน เป็นต้น

3. ใช้ "COURIER POST" ส่งของต่างประเทศได้เร็ว

อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อต้องการขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก นั่นคือ "วิธีการส่งสินค้า" แม่ค้าต้องศึกษาให้ดีว่าจะส่งของกับขนส่งเจ้าไหน ถึงจะได้รับบริการดี รวดเร็ว ปลอดภัย ราบรื่น หนึ่งในระบบขนส่งที่น่าลองใช้บริการ คือ "คูเรียร์โพสต์" ของไปรษณีย์ไทย ที่มีบริการส่งของไปต่างประเทศเช่นกัน เป็นบริการจัดส่งสิ่งของด่วนระหว่างประเทศทางอากาศ ทั้งในรูปแบบ Document และ Package (Merchandise)

คิดราคาตามน้ำหนักที่ชั่งจริงเท่านั้น (Gross weight) ราคา Net Price ไม่มีบวกเพิ่ม
สำหรับการส่งเอกสาร (Document) น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 2 กก.
สำหรับสิ่งของ (Merchandise) น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 30 กก.
รองรับการส่งสินค้าประเภทส่งของเหลวและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ได้
สิ่งของที่จะส่ง ต้องมี Package ที่ได้มาตรฐานและต้องมาบรรจุและหุ้มห่อต่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์
ผู้ส่งสามารถขอรับกล่อง/ซองฟรีของบริการ Courier Post ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 
4. มีบริการส่งของแบบ Door to Door

คูเรียร์โพสต์มีบริการ On Demand Delivery (ODD) นั่นคือ ผู้รับสามารถเลือกรูปแบบการนำจ่ายได้ (เวลา /สถานที่) โดยไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม และการนำจ่ายถึงผู้รับในปลายทางต่างประเทศแบบ Door to Door หมายถึง บริการดำเนินผ่านพิธีการศุลกากรแบบเบ็ดเสร็จ ณ ประเทศปลายทาง

โดยทีมงานของระบบขนส่งที่ปลายทาง จะดำเนินการผ่านพิธีการขาเข้า ผู้รับที่ปลายทางจะเป็นผู้ชำระค่าภาษี (ถ้ามี) และขนส่งจะนำสินค้าไปส่งยังสถานที่ปลายทางที่ได้กำหนดไว้ โดยจะนำจ่ายสินค้าถึงที่อยู่ผู้รับในต่างประเทศภายใน 2 - 4 วัน (ไม่นับวันที่รับฝากและไม่รวมระยะเวลาดำเนินพิธีการศุลกากร ณ ประเทศปลายทาง)

5. มีเงินประกันค่าเสียหายให้

คูเรียร์โพสต์มีอัตราชดใช้ค่าเสียหาย กล่าวคือจะมีวงเงินชดใช้กรณีสูญหาย/เสียหาย จากความผิดพลาดของผู้ขนส่ง โดยจะชดใช้ตามมูลค่าที่เกิดขึ้นจริง โดยชดใช้ไม่เกิน 5,000 บาท สำหรับเอกสาร (Document) และชดใช้ไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับสิ่งของ (Merchandise) อีกทั้ง ผู้ฝากส่งยังสามารถซื้อประกันคุ้มครองเพิ่มสูงสุดไม่เกิน 1,000 SDR (ปี 2564: 1 SRD = 43.2231 บาท)

------------------------------

อ้างอิง : 

ebaythailand

sell.amazon

corporate.jd

smmagonline

commercenewsagency

POST family
#2840
รับจำนำทะเบียนรถทุกชนิด (ไม่ต้องจอดรถ)ไม่ต้องโอนเปลี่ยนป้ายทะเบียน ยังคงป้ายทะเบียนเลขเดิม
- รีไฟแนนซ์รถยนต์
- ย้ายไฟแนนซ์รถยนต์
- รับปิดบัญชีไฟแนนซ์เดิม

- ไถ่ถอนรถ โดนยึด
- ไม่เช็คแบล๊คลิตส์ บูโร ไม่ใช้เสตทเม้น และ สลิปเงินเดือน
- ติดบูโรก็จัดไฟแนนซ์ได้ รับลูกค้าทุกสาขาอาชีพ

 คุณสามารถใช้บริการของเราได้ หากคุณคือ ...
- เจ้าของรถที่มีเล่มแล้ว ต้องการใช้เงินสดโดยสามารถใช้งานรถได้ตามปกติ
เพียงนำเล่มทะเบียนรถมาทำธุรกรรมกับบริษัท
- เจ้าของรถที่ยังผ่อนไฟแนนซ์อยู่ ต้องการใช้เงินสดสามารถย้ายไฟแนนซ์
โดยขอเพิ่มวงเงินและจะได้รับเงินส่วนต่างไว้ใช้
- เจ้าของรถที่ยังผ่อนไฟแนนซ์อยู่ ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ ขยายเวลาผ่อน
เพื่อให้ผ่อนค่างวดน้อยลง

รถที่กำลังผ่อนอยู่ ผ่อนครึ่งทาง จัดใหม่ได้ ( มีเงินเหลือใช้ )
- รถที่ค้าง ค่างวด... ( จัดใหม่ได้ )....ย้ายไฟแนนซ์ได้ ปิดบัญชีให้
- รถที่กำลังจะถูกยึด.( จัดใหม่ได้ )...ย้ายไฟแนนซ์ได้ ปิดบัญชีให้
- รถค้างค่างวดติดต่อกัน3งวดแล้ว
- ประวัติผ่อนที่เก่าไม่ดี.. ( ก็จัดได้ )


มีปัญหา ถูกฝ่ายเร่งรัดติดตาม ( โทรปรึกษาได้ )
- รถทะเบียนต่างจังหวัด ( ใช้ทะเบียนเดิมได้ ) ไม่ต้องย้ายเข้า
- บริการรับปิดบัญชี ไฟแนนซ์ ธนาคารต่างๆ โดยไม่ต้องจอดรถ 

- บริการสำรองเงินไปไถ่ถอนให้ก่อน
- สำรองเงินให้ก่อนทันที กรณีเร่งใช้เงินด่วน แต่ติดปัญหายังผ่อนไม่หมด


*** จัดที่อื่นไม่ผ่าน จัดกับเราผ่านแน่นอน
*** ที่นี่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด ....
*** ยินดีให้คำปรึกษาติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง
*** ไม่เว้นวันหยุดราชการ
*** โทรด่วนได้ที่เบอร์ 081-350-3419

หรือ LINE ID: 0812684662 
LINE ID: CAR_789

LINE ID: adminpage

https://car4cash.ifelse.co/


https://www.youtube.com/watch?v=6bgGpZIEvO8&t=4s