• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#2861


"ทีมพี่เลี้ยง" 2 หัวหอกสหภาพแรงงานฯ แท็กทีมเครือข่ายเชิงพื้นที่ผนึก กสศ.ฉุดเยาวชนแรงงานสู้วัฎจักรเหลื่อมล้ำทางการศึกษาก้าวข้ามกับดักความยากจน

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. เป็นองค์กรแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้กับรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษาด้วยการนำเสนอ "โครงการนำร่อง" เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการศึกษาและแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา เบื้องต้นมีหลักฐานบ่งชี้ว่าภาคประชาสังคม องค์กรพัฒนาเอกชน หรือ เอ็นจีโอ รวมถึงชุมชนสามารถเข้าถึง ค้นหาและสนับสนุนเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาได้ในฐานะเกาะติดในพื้นที่ จึงเกิดความร่วมมือระหว่าง กสศ. กับ โครงการพัฒนาครูและเด็กนอกระบบการศึกษา โดยเครือข่ายเชิงพื้นที่ : ภาคตะวันออก จังหวัดปราจีนบุรี

จังหวัดปราจีนบุรีเป็นหนึ่งในพื้นที่ทำงานที่ กสศ. ต้องการสนับสนุน "เยาวชนแรงงานนอกระบบการศึกษา" อายุระหว่าง 18 ถึง 25 ปี ในเขตนิคมอุตสาหกรรมให้สามารถฝ่าข้ามสถานการณ์เศรษฐกิจอันเปราะบางจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด – 19 อาจทำให้เกิดปัญหาว่างงานได้ในอนาคตและเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เนื่องจากการศึกษาเชิงพื้นที่พบว่า วัฏจักรแห่งความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจากรุ่นสู่รุ่น คือ "ติดกับดักค่าจ้าง" จากอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ , ค่าล่วงเวลา หรือ โอที ,โบนัสประจำปี และเบี้ยขยันขึ้นอยู่กับชั่วโมงการทำงานมากน้อยเพียงใด



ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจครอบครัว จำเป็นต้องงทำงานหนักอันเป็นผลพวงจากการศึกษาต่ำ จึงทำให้โอกาสในการเลือกประกอบอาชีพที่มีรายได้สูงย่อมแคบลง ประกอบกับปัญหาครอบครัวและหนี้สินสะสม จำเป็นต้องทนทำงานเป็นเวลายยาวนานเฉลี่ย 12 ถึง 14 ชั่วโมงต่อวันเป็นอย่างน้อย จึงส่งผลให้ไม่มีเวลาดูแลครอบครัวและบุตรสุ่มเสี่ยงหลุดนอกระบบการศึกษาได้โดยง่าย นอกจากนี้ยังไม่มีเวลาในการศึกษาหรือพัฒนาทักษะใหม่ และ ปัญหาสุขภาพจากการทำงานในระยะยาวต้องแบกต้นทุนการดูแลสุขภาพจากโรคเรื้อรังรุมเร้าในช่วงบั้นปลายชีวิต

ในการขับเคลื่อนงานเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเยาวชนแรงงานนอกระบบการศึกษา "ปัญญา ตลุกไธสง" ประธานสหภาพแรงงานฮิตาชิแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานกลุ่มสหภาพแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี ถือเป็นหัวหอกคนสำคัญในการนำ "ทีมพี่เลี้ยง" จำนวน 20 คน ร่วมกับชุมชนทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายความร่วมมือในพื้นที่ โดยกลุ่มสหภาพแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี มีบทบาทเป็นแหล่งค้นหากลุ่มเป้าหมาย ประชาสัมพันธ์และสื่อสารภายในสมาชิกสหภาพฯ ที่ทำงานในโรงงาน 9 แห่ง พร้อมเก็บข้อมูลเบื้องต้น ประสานครอบครัวและชุมชนให้มาเข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงอำนวยความสะดวกสถานที่จัดกิจกรรม ทั้งยังผนึกความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายหน่วยงานรัฐ อาทิ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานปราจีนบุรี , สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานปราจีนบุรี และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี เข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ หลักสูตรและวิทยากร ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาร่วมจัดฝึกอบรมทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ



ทั้งนี้ กสศ. ได้สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ "ทีมพี่เลี้ยง" ให้เข้ามาช่วยดูแลเยาวชนแรงงานนอกระบบการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยเฉพาะแกนนำสหภาพแรงงานจังหวัดปราจีนบุรีที่แต่ละสหภาพฯมีความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพที่ตนเองถนัดตามศักยภาพเข้ามาร่วมจัดพื้นที่การเรียนรู้ใหม่ที่เหมาะสมกับเยาวชนแรงงานและสภาพพื้นที่ อาทิ เพิ่มทักษะอาชีพเสริม หรือ ต่อยอดอาชีพเดิม เช่น ตัดผมเสริมสวย อัดกรอบพระ เบเกอรี่อาหารเครื่องดื่ม หรือ สนับสนุนทุนและทักษะอาชีพแบบรายกลุ่มที่สอดคล้องกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของโรงงานที่เยาวชนแรงงานนอกระบบการศึกษาทำงานอยู่นำมาจัดจำหน่าย หรือ ให้บริการภายในชุมชน อาทิ "ฮิตาชิ" และ "ไฮเออร์" โรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ตู้แช่ ปั๊มน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ สนับสนุนให้เกิดอาชีพบริการ "ช่างชุมชน" หารายได้เสริมระหว่างทำงานในโรงงานในช่วงวันหยุด

เช่นเดียวกับ "ธีระพงษ์ อุ่นฤดี" แกนนำสหภาพแรงงานซันโยแห่งประเทศไทย หรือ บริษัท ไฮเออร์ อีเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด อีกหนึ่งแนวหน้าที่เข้ามาร่วมหนุนเสริม เพราะเห็นว่าโครงการฯ กสศ. สอดคล้องกับปัญหาและสถานการณ์เชิงพื้นที่ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจครอบครัวผู้ใช้แรงงานอย่างมาก เนื่องจากรายได้หลักเกินครึ่งหนึ่งมาจากการทำงานล่วงเวลา หรือ โอที แต่พอเกิดสถานการณ์โควิด รายได้จากโอทีหดหาย ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเริ่มใช้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทดแทนแรงงานไทยมากขึ้น ดังนั้นแรงงานไทยต้องพัฒนาฝีมือแรงงานอยู่เสมอไม่เช่นนั้นตกงาน



ยิ่งซ้ำร้ายไปกว่านั้น เริ่มมีสัญญาณไม่ดี ลดค่าจ้าง ลดโอที หรือ บางแห่งถึงขั้นปิดโรงงานลอยลอยแพพนักงานจากวิกฤตโควิด จึงทำให้สถานะทางเศรษฐกิจครอบครัวของเยาวชนแรงงานนอกระบบการศึกษาเปราะบางมาก ดังนั้นการมีอาชีพเสริม หรือ อาชีพทางเลือกระหว่างทำงานประจำในโรงงาน จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงต่อเศรษฐกิจครอบครัว จึงกลายเป็นความร่วมมือระหว่าง กสศ.กับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ท่ามกลางสถานการณ์โควิด

"แรงงานที่ติดโควิด ทั้งเพราะไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวว่าติดแต่ก็ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวถูกนายจ้างไล่ออกจากงาน เพราะงานที่ทำอยู่รายได้ก็ไม่พอกินอยู่แล้ว หากติดโควิดหรือต้องกักตัวก็ขาดรายได้แล้วจะอยู่ได้อย่างไร" แกนนำสหภาพซันโยฯ กล่าวถึงผลกระทบวิกฤตโควิดในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน แนวทางการดำเนินการต่อไปที่ภาคีเครือข่ายในพื้นที่นำเสนอแนะว่า ควรเน้น "ขยายความร่วมมือ" เพิ่มกับโรงงานอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในพื้นที่ มุ่งเน้น "เข้าถึงชุมชน" ในพื้นที่โดยรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของครอบครัวผู้ใช้แรงงานโดยดึงผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมสำรวจ ค้นหาและสนับสนุนการพัฒนาทักษะอาชีพและทักษะชีวิตเยาวชนแรงงานนอกระบบการศึกษา พร้อมกับสนับสนุนควรจัดตั้ง "ศูนย์ประสานภาคีความร่วมมือการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยมีชุมชนเป็นฐาน" โดยยึดหลักไม่เน้นจัดตั้งเป็นองค์กร แต่เน้นสร้าง "ภาคีความร่วมมือ" และ "การมีส่วนร่วม" จากทุกภาคส่วนในพื้นที่มาทำงานหรือจัดกิจกรรมร่วมกับ กสศ. เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาอย่างยั่งยืนต่อไป

https:// m.mgronline.com/politics/detail/9640000075266
#2862


นายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด ("บล. Zcom") เปิดเผยว่า จากการสนับสนุนทางการเงินอย่างแข็งแกร่งจากบริษัทใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นและสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรทั้งหมดที่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของตลาดมาร์จิ้นในไทย บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของยอดลูกหนี้มาร์จิ้นได้อย่างต่อเนื่อง

 โดย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 บริษัทมียอดมูลหนี้จากการให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์มากกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญตามที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีกว่านับตั้งแต่บริษัทเริ่มเปิดให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ครั้งแรกในไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าในการปรับกลยุทธ์ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่ม และก้าวสู่อันดับหนึ่งในการเป็นผู้ให้บริการด้านบัญชีมาร์จิ้นในธุรกิจหลักทรัพย์ของประเทศไทย

บริการด้านบัญชีมาร์จิ้นหรือบัญชีเครดิตบาลานซ์ ของ บล. Zcom เปิดให้บริการแก่นักลงทุนที่ต้องการกู้ยืมเงิน เพื่อเพิ่มอำนาจซื้อหลักทรัพย์ โดยนักลงทุนจำเป็นต้องนำหลักประกันมาวางไว้กับบริษัทฯ ตามอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin) ของหลักทรัพย์ที่ต้องการลงทุน ซึ่งมีให้เลือกมากกว่า 600 หลักทรัพย์ ในอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ 5.95% ต่อปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ 02-088-8111
#2863


ส.อ.ท.เปิดเผยผลสำรวจปัญหาแรงงานในช่วงวิกฤติโควิด-19 พบแรงงานติดเชื้อในโรงงานผสมกับภาวะการขาดแคลนแรงงานส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงและเริ่มกระทบส่งออกไทย วอนรัฐเร่งฉีดวัคซีนให้แรงงานม.33 เร่งด่วน ขณะที่การจ้างงาน ลดลง 10 – 20% คิดเป็น 31.3% ส่วนการจ้างงานลดลงมากว่า 50% คิดเป็น 4.8 %

       นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 8 ในเดือนกรกฎาคม 2564 ภายใต้หัวข้อ "การจัดการปัญหาแรงงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19" พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มองว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อแรงงานในภาคอุตสาหกรรมทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แรงงานเข้มข้น จนส่งผลทำให้กำลังการผลิตลดลงและกระทบต่อการส่งออกของไทย ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์หลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นี้ จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้แก่แรงงาน ม.33 เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานประกอบการ รวมทั้ง รักษาศักยภาพในการผลิตและการส่งออกของประเทศ

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 166 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 75 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า อัตราการจ้างงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดนั้น ส่วนใหญ่ภาคอุตสาหกรรมยังสามารถคงอัตราการจ้างงานเท่าเดิม คิดเป็น 53.6% มีการจ้างงานลดลง 10 – 20% คิดเป็น 31.3% มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 10 – 20% คิดเป็น 10.3% และมีการจ้างงานลดลงมากว่า 50% คิดเป็น 4.8 %

ในส่วนของผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พบว่า โรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนได้รับผลกระทบทำให้ต้องลดกำลังการผลิตลง น้อยกว่า 30% คิดเป็น 45.2% โรงงานที่ไม่ได้รับผลกระทบ คิดเป็น 26.5% โรงงานที่กำลังการผลิตลดลง 30 – 50% คิดเป็น 20.5% และโรงงานที่กำลังการผลิตลดลงมากกว่า 50% คิดเป็น 7.8% เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ แรงงานบางส่วนต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาโรค หรือกักตัว รวมทั้ง การปิดโรงงานชั่วคราวตามข้อกำหนด คิดเป็น 51.8% รองลงมา สถานประกอบการไม่สามารถหาแรงงานสัญชาติไทยได้เพียงพอต่อความต้องการ คิดเป็น 49.4% และมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกพื้นที่ของแรงงานข้ามจังหวัด คิดเป็น 41.6%

สำหรับมาตรการที่ภาครัฐควรนำมาดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การสนับสนุนเงินอุดหนุนในการจ้างแรงงานไทย และขยายโครงการจ้างงานเด็กจบใหม่ คิดเป็น 50% รองลงมา เป็นการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรมทดแทนการใช้แรงงาน คิดเป็น 48.8% และการอนุญาตให้นำเข้าแรงงานต่างด้าวภายใต้ MOU เฉพาะแรงงานที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้ว มีการทำประกันสุขภาพ และต้องผ่านการกักตัว 14 วัน เข้ามาทำงาน คิดเป็น45.8%

กรณีที่ภาครัฐจะมีการเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตาม MOU ควรมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องใด พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การเตรียมความพร้อมระบบคัดกรอง ติดตาม และประเมินสถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าว คิดเป็น 69.9% รองลงมา การจัดตั้งศูนย์ One Stop Service สำหรับนายจ้างที่ต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว คิดเป็น 66.9% และการปรับลดขั้นตอน เอกสารที่ไม่จำเป็น และปรับมาดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็น 65.1 %

ทั้งนี้ FTI Poll ยังได้เจาะลึกถึงมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานประกอบการอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การเร่งจัดหาวัคซีนและเร่งฉีดให้กับแรงงาน ม.33 คิดเป็น 92.8๔ รองลงมา การสนับสนุนด้านการรักษาพยาบาลแรงงานที่ติดเชื้อ และสนับสนุนยา อาหาร และเวชภัณฑ์ให้แก่แรงงานที่ติดเชื้อในการรักษาตัวที่บ้าน (Home isolation) คิดเป็น 69.9% และการลดเงินสมทบประกันสังคม เหลือ 1% ถึงสิ้นปี 2564 คิดเป็น 66.9 %

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังมองว่ามาตรการที่ภาคเอกชนมีความพร้อมและสามารถที่จะดำเนินการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานประกอบการได้ พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การมีระบบคัดกรองแรงงานก่อนเข้าโรงงาน และการเฝ้าระวังผู้ปฏิบัติงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงตามมาตรการ Bubble & Seal คิดเป็น 83.1% รองลงมา การจัดหาวัคซีนทางเลือกให้แก่แรงงานในสถานประกอบการ คิดเป็น 68.1% และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด (D-M-H-T-T-A) คิดเป็น 65.7%
#2864
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี










#2865



ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะแดดแรงแค่ไหนหรือไม่มีแดดเลยก็ควรต้องทาเพื่อป้องกันไม่ให้ผิว หน้าโดนทำร้ายจากแสงและยังช่วยปกป้องผิวจากสัญญาณทั่วไป เช่น ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ ริ้ว รอย ดังนั้นขั้นตอนการทาครีมกันแดดไม่อาจละเลยได้ ซึ่งครีมกันแดดนั้นไม่เหมือนกับผลิตภัณฑ์เสริมความงาม อื่น ๆ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ หรือ เซรั่ม ที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวภายในไม่กี่วินาที หลายคนมีปัญหาทาครีมกันแดดทุกวันแต่ทำไมผิวหน้าแอบไหม้ นั้นแปลว่าคุณกำลังทาครีมกันแดดผิดวิธี

ถึงครีมบำรุงจะมีส่วนผสมของเอสพีเอฟ แต่ก็อย่าลืมที่จะทาครีมกันแดด ปัจจุบันแม้มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของเอสพีเอฟมากมาย แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่ากับครีมกันแดด ถ้าสาว ๆ เห็นผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่มีส่วนผสมของเอสพีเอฟก็อย่าชะล่าใจให้นำมาใช้ควบคู่กับครีมกันแดดจะดีที่สุด โดยเกลี่ยครีมกันแดดให้ทั่วหน้าแล้วรอให้ซึมเข้าสู่ผิว การทาครีมกันแดดให้ทั่วหน้าเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่า หน้าจะได้รับการป้องกัน อย่างเต็มที่ ทาครีมให้ทั่วใบหน้า คอ หู และริมฝีปากแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าจากนั้นรอให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวก่อนสัก 20 นาที หลังจากนั้นสามารถแต่งหน้าต่อได้เลย หรือในวันสบาย ๆ ไม่อยากแต่งหน้าก็แค่ทาครีมกันแดดแล้วรอสัก 20 นาที ก็พร้อมออกจากบ้านได้เลย


ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เมื่อต้องอยู่กลางแจ้งทั้งวัน! สำหรับสาว ๆ คนไหนที่ต้องอยู่กลางแจ้งและโดนแสงแดดโดยตรง จำเป็นมากที่ต้องทาครีมกันแดดซ้ำ ทุก 2-3 ชั่วโมง แต่ก็มีไม่กี่คนหรอกที่จะทากันแดดระหว่างวันจริงมั้ย? เพราะจะไปทำลายเครื่องสำอางของเรา แต่มีตัวเลือกที่สามารถทาครีมกันแดดระหว่างวันได้โดยไม่ทำร้ายเครื่องสำอางคือ การใช้สเปรย์กันแดด หรือสาว ๆ คนไหนที่แต่งหน้าหนาก็ให้ใช้แป้งฝุ่น ที่มีส่วนผสมของเอสพีเอฟแทนก็ได้นะ เห็นอย่างนี้แล้วการทาครีมกันแดดก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่ต้องใช้เวลาให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวก่อน

ถ้าอยากมีผิวที่สวยก็ต้องใจเย็นกันนะคะสาว ๆ

https:// www.dailynews.co.th/news/112279/
#2866
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด กนง.'คงดอกเบี้ย0.50%'ในการประชุม4ส.ค.64


"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย"ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ กนง. จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงอย่างมากจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งส่งผลให้การแพร่ระบาดมีแนวโน้มควบคุมได้ยากขึ้น

ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขของไทยเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น คาดว่าภาครัฐจึงจำเป็นต้องต่ออายุมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการจ้างงาน และมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้ทรุดตัวไปกว่าเดิม

ดังนั้น มาตรการทางการเงินแบบผ่อนคลายยังคงมีความจำเป็นในการช่วยประคับประคองเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการทางการคลังที่ออกมาเพิ่มเติม ซึ่งในการประชุมกนง.ที่จะถึงนี้ คาดว่ากนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% เพื่อเก็บกระสุนไว้ใช้ในยามสถานการณ์เศรษฐกิจแย่ลงไปกว่านี้ ท่ามกลางความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) ที่มีจำกัด

ในขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะยังคงมุ่งเน้นการใช้มาตรการที่ตรงจุดเพื่อช่วยลดภาระหนี้สินของภาคธุรกิจและครัวเรือน โดยล่าสุดธปท. ร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและสมาคมธนาคารนานาชาติได้เห็นร่วมกันออกมาตรการเร่งด่วนด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และ รายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือนให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ

 อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์เศรษฐกิจแย่ลงกว่าที่คาด กนง. คงเผชิญแรงกดดันให้ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า โดยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งที่กนง. อาจนำมาพิจารณา

ทั้งนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายไตรมาส 3ปี2564 และส่งผลให้ทางการยังจำเป็นต้องต่ออายุมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต่อไปในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยงเชิงลบเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งทางภาครัฐคงจำเป็นต้องออกมาตรการทางการเงินและการคลังเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจ

โดยธปท. น่าจะยังคงมาตรการเฉพาะจุดที่ช่วยลดภาระหนี้สิน เช่น การพักชำระหนี้ ต่อไป ขณะที่ มีความเป็นไปได้ที่กนง. อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้าหากมีความจำเป็น เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะช่วยลดภาระทางการเงินของครัวเรือนและภาคธุรกิจอย่างทั่วถึง

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อโลกขาขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าที่คาด อาจนำมาซึ่งความท้าทายในการดำเนินนโยบายทางการเงินของธปท. โดยนโยบายการเงินของเฟดที่เปลี่ยนไปในทิศทางเข้มงวดมากขึ้นจะส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets)ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าประเทศ อื่นๆ อันส่งผลให้กนง. อาจจำเป็นจะต้องพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสวนทางกับธนาคารกลางอื่นๆ จะยิ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดเงินทุนไหลออกจากตลาดเงินไทย และอาจเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินบาทในระยะข้างหน้า 
#2867



หลังจากที่ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวไทยเบอร์ 1 ของโลกในรุ่น 49 กก.หญิง คว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์เหรียญแรกให้กับทีมเทควันโดไทย และเหรียญแรกให้กับทัพนักกีฬาไทย ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่สนามมาคูฮาริ เมสเสะ ฮอลล์เอ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น

โดย "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2020 เดินทางถึงประเทศไทย และอยู่ในช่วงกักตัวที่จังหวัดภูเก็ต


ล่าสุดเจ้าตัว เผยกับทีมงานข่าวสด ผ่านรายการ "ลุยโตเกียว สเปเชียล" ถึงที่มาของการใส่รองเท้าเตะสีชมพูดังกล่าวเข้าสนามทุกเกม โดยบางช่วงบางตอนรายนาทีที่ 10.55 น้องเทนนิส เผยถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเพราะลืมเอารองเท้าผ้าใบไปเท่านั้น

"ลืมรองเท้าผ้าใบคะพี่ วันแข่งถือของพะรุงพะรัง มีอุปกรณ์เยอะ แล้วรอบนี้เราไปกันน้อย มีนักกีฬาแค่ 2 คน ก็ช่วยกันถือของทำให้ลืมรองเท้าผ้าใบ ก็ทำให้ต้องใส่รองเท้าแตะขึ้นรับเหรียญ ไม่ได้เป็นการถือเคล็ด หรือได้มาจากบุคคลสำคัญแต่อย่างใด"
#2868


ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวหรือผื่นจากการใส่มาสก์ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสียดสีกับผิวหน้าขณะใส่ ความสกปรกภายในหน้ากากที่สะสมระหว่างวัน ความเครียด วัสดุจากหน้ากากมีการปนเปื้อน และโรคผิวหนังเดิมที่เคยเป็นอยู่
การเสียดสีของของหน้ากากอนามัยกับผิวหน้า ส่งผลให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผู้ที่ใส่หน้ากากหลายชั้น
หากพบว่ามีสิวขึ้นหรือมีผื่นแพ้ ในเบื้องต้นควรหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แล้วแก้ตามสาเหตุนั้น หากทำตามทุกวิธีแล้วยังมีสิวขึ้นหรือผื่นภูมิแพ้ ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนที่สิวหรือผื่นนั้นจะลุกลาม
ไลฟ์สไตล์ติดตาม

วิถีชีวิตใหม่แบบ New Normal ที่เกิดขึ้นในยุคที่มีการระบาดของไวรัสก่อโรค Covid-19 นั้น การสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำเสมอเวลาออกจากบ้าน แต่เมื่อต้องใส่เป็นประจำทุกวัน หลายคนมักเกิดปัญหาสิว ผดผื่นคัน บริเวณที่ใส่หน้ากากอนามัยตามมา จนเกิดอาการไม่อยากใส่ แต่ยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อต้องใส่ทุกวันและเกือบจะตลอดเวลาแล้วนั้นก็ทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังตามมาได้

ใส่หน้ากากอนามัยแล้วเป็นสิว หรือผิวแพ้มาสก์ เกิดจากอะไร

การเสียดสีของของหน้ากากอนามัยกับผิวหน้า ส่งผลให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผู้ที่ใส่หน้ากากหลายชั้นหรือสวมหมวกกันน็อกทับเวลาขับขี่รถมอเตอร์ไซค์

ความสกปรกภายในมาสก์ เช่น ละอองน้ำลาย เหงื่อ น้ำมันจากผิวหน้า ร่องรอยเครื่องสำอาง ผสมกับความชื้นภายในหน้ากากโดยเฉพาะเวลาอากาศร้อนอบอ้าว แบคทีเรียก็จะมีการเพิ่มจำนวนและเติบโตขึ้นที่รูขุมขนมากขึ้น ทำให้เกิดสิวทั้งอุดตันและอักเสบตามมาได้ง่ายขึ้น

ปัจจัยภายใน เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งเสริมกับปัจจัยเรื่องการเสียดสี หรือความสกปรกภายในหน้ากาก

เกิดจากมลภาวะหรือ PM2.5 เนื่องจากสารตั้งต้นของ PM2.5 ก่อนจะรวมตัวกับไอน้ำ และฝุ่นควัน คือ ก๊าซพิษ ซึ่งทำตัวเสมือนสารก่อระคายเคืองผิว กระตุ้นการเกิดสิว และทำให้ผิวแพ้ง่าย เป็นที่ทราบกันดีว่า หน้ากากทั่วไปที่เราใส่ ไม่สามารถป้องกัน PM2.5 ได้ และมลภาวะสามารถเข้าทางด้านข้างของหน้ากากได้ด้วยเช่นกัน

หน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้งบางยี่ห้อที่ผสมสารป้องกันแบคทีเรียบางชนิดที่อาจระคายเคืองผิวได้ หรือเป็นที่ตัววัสดุเอง เช่น ผ้าสปันบอนด์ (spunbond) ซึ่งเป็นผ้าที่เกิดจากการอัดขึ้นรูปจากเส้นใยพลาสติกพวกพอลีโพรพิลีน (Polypropylene) มาประกอบเป็นหน้ากากชั้นนอกและชั้นในเพื่อป้องกันการซึมผ่านของน้ำและละอองฝอยต่างๆ

เกิดจากน้ำหอมจากผลิตภัณฑ์ซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้ซักหน้ากากผ้า ทางที่ดี ควรซักล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม

โรคผิวหนังเดิมที่เป็นอยู่ แต่ถูกกระตุ้นให้เป็นมากขึ้นในช่วงที่ใส่หน้ากาก เพราะความอบอ้าว ความชื้น โดย 2 โรคที่พบได้บ่อย เช่น

- โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) ซึ่งเป็นภาวะทางผิวหนังที่พบบ่อย โดยจะเกิดรอยแดงและมองเห็นเส้นเลือดบนใบหน้าได้ชัดเจน อาจเกิดตุ่มหนองคล้ายสิวหรือตุ่มสีแดงขนาดเล็ก และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตาแห้ง ตาบวมแดงและระคายเคือง เปลือกตาแดง รู้สึกแสบหรือชาที่ผิวหนัง ผิวแห้ง ผิวหยาบ และรูขุมขนกว้าง

- โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis) เป็นอาการของผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ทำให้ผิวแห้ง แดง มีผื่นตามบริเวณต่างๆ และมีอาการคันอย่างต่อเนื่อง บางรายมีตุ่มพอง ซึ่งอาจแตกและมีของเหลวไหลออกมาได้เมื่อถูกเกา
8 วิธี ป้องกันสิวผิวแพ้มาสก์

1. ป้องกันการเสียดสีกับหน้ากาก โดยสามารถสอดแผ่นทิชชู่ที่นุ่มและสะอาดรองบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อยๆ

2. หากอากาศร้อนมากๆ ร่างกายจะมีการสร้างเหงื่อและน้ำมันออกมาจากผิวมากขึ้น ความอับชื้นจึงตามมา เราสามารถซับเหงื่อและความมันระหว่างวันได้ก่อนใส่หน้ากากกลับไปที่เดิม

3. ขณะที่ใส่หน้ากากอนามัย หากจำเป็นต้องพูดคุย สามารถรองกระดาษทิชชู่ไว้ที่ปาก หากพูดเสร็จให้ทิ้งทิชชู่นั้น

4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งเสริมการเกิดสิวได้

5. เมื่อกลับถึงบ้าน ควรรีบถอดหน้ากากแล้วล้างหน้าให้สะอาดทันที เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกตกค้าง รวมทั้งมลภาวะทางอากาศที่ผ่านเข้าหน้ากากจากด้านข้าง

6. หากมีอาการแพ้หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากชนิดที่ใช้ในการผ่าตัด (กรณีที่ไม่ใช่แพทย์และบุคลากรที่ผ่าตัด) สามารถเปลี่ยนมาใช้หน้ากากผ้า หรือหน้ากากชนิดอื่นๆ แทนได้

7. หากใช้หน้ากากผ้า ควรซักด้วยน้ำยาซักผ้าเด็กหรือน้ำสบู่อ่อน หรือซักด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ซักล้างและปรับผ้านุ่มที่ผสมน้ำหอม

8. หากทำตามทุกวิธีแล้วยังมีสิวขึ้นหรือผื่นภูมิแพ้ อาจเกิดจากโรคผิวหนังเดิมที่เป็นอยู่ ให้หยุดครีมบำรุงผิวทุกชนิดในช่วงแรก งดแต่งหน้า และรีบมาปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยเร็วที่สุด

บทความโดย : พญ. พีรธิดา รัตตกุล แพทย์ผู้ชำนาญสาขาตจวิทยา โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
#2869



อาร์แซน เวนเกอร์ ตกเป็นข่าวอาจกลับมารับงานคุมทีมข้างสนามอีกครั้ง โดยอาจยกระดับก้าวขึ้นไปทำงานในระดับชาติเป็นครั้งแรก

กุนซือมาดนิ่งวัย 71 ปีชาวฝรั่งเศส ถึงแม้จะก้าวขึ้นไปทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงของฟีฟ่า ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอล หลังแยกทางจากอาร์เซนอลเมื่อปี 2018 แต่ก็ยังมีข่าวลือว่า หลายสโมสรชั้นนำของยุโรป ต่างพยายามตามจีบให้กลับมาคุมทีมอีกครั้ง

รวมถึงล่าสุด Blick สื่อชื่อดังแห่งแดนนาฬิการายงานว่า สมาคมฟุตบอลสวิตเซอร์แลนด์ เตรียมทาบทาม เวนเกอร์ ทำหน้าที่กุนซือทีมชาติคนใหม่ เพื่อแทนที่ของ วลาดิเมียร์ เพตโควิช ที่ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบศึกฟุตบอลยูโร 2020 ก่อนย้ายไปรับงานคุมทีมบอร์กโดซ์ ในศึกลีก เอิง ของฝรั่งเศส

รายงานระบุว่า การทาบทามในครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาระยะสั้นจนถึงฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์เท่านั้น และการเจรจารวมถึงแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ อาจมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ก่อนที่เกมคัดบอลโลกรอบต่อไป จะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายนนี้

สำหรับ อาร์แซน เวนเกอร์ ถึงแม้จะยังไม่เคยคุมทีมในระดับชาติ แต่ก็ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องกับสโมสรชั้นนำของยุโรปทั้ง โมนาโก และ อาร์เซนอล ในช่วงก่อนหน้านี้.

https:// www.thairath.co.th/sport/eurofootball/otherleague/2153071
#2870



ผจญภัยไปกับ มาริโอ้ เมาเร่อ เฟรนด์ ออฟ ลองจินส์ ประเทศไทยกับเบื้องหลังการถ่ายทำวีดีโอ โปรโมท LonginesHydroConquest (ลองจินส์ไฮโดรคองเควสต์) คอลเลกชั่นนาฬิกาสปอร์ตที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์มาพร้อมกับสีสันใหม่เวอร์ชั่นทูโทนที่ออกแบบมาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์หนุ่มนักกีฬาและผู้ชื่นชอบความท้าทายโดยเฉพาะโดยถ่ายทำที่จังหวัดกระบี่ซึ่งเป็นสวรรค์สำหรับนักดำน้ำ


โดยการถ่ายทำในครั้งนี้ 'หนุ่มโอ้' ปักหลักเริ่มต้นภารกิจกันที่โรงแรม พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.กระบี่ ก่อนเดินทางไปยังเกาะห้าเพื่อทำกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีม ไม่ว่าจะเป็นขับเรือ Cruising Trimaran หรือ ดำน้ำ (Free Dive) เรียกว่าโชว์สกิลทางด้านกีฬาอย่างเต็มที่ แถมเพิ่มดีกรีความเป็นหนุ่มฮอตแข่งกับอุณหภูมิอันร้อนระอุท่ามกลางท้องทะเลด้วยไอเท็มนาฬิกาคอลเลกชั่น HydroConquest ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก โลกแห่งกีฬาทางน้ำ งานนี้เลยมีรูปมาฝากแฟนๆ กันเพียบ

นักแสดงหนุ่มได้บอกเล่าความรู้สึกของการถ่ายทำว่า "ช่วงที่ไปถ่ายทำวีดีโอนั้นสนุกมากครับ ได้ทำกิจกรรมที่ชอบ อย่างพวกกีฬาเอ็กซ์ตรีมต่างๆ ซึ่งโอ้ได้ Free Dive ด้วยก็ลุยแบบเต็มที่ นอกจากนี้โอ้ยังทึ่งกับประสิทธิภาพของนาฬิกา HydroConquest ซึ่งเป็นนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจากลองจินส์ ที่สามารถกันน้ำได้ถึง 300 เมตร รับประกันนาฬิกา 5 ปี เหมาะกับกิจกรรม Free Dive มากๆ แถมตัวเรือนก็ดีไซน์แบบสปอร์ต ทันสมัยตอบโจทย์ทุกการผจญภัยจริงๆ ครับ แต่ช่วงนี้โอ้ก็อยากให้ทุกคนรักษาสุขภาพกันก่อน รอวันสถานการณ์ดีขึ้น เราคงได้กลับไปสนุกกับทุกกิจกรรมกันอีกครั้ง"



สามารถเป็นเจ้าของนาฬิกา ลองจินส์ (Longines) แบรนด์นาฬิการะดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป หรือทางออนไลน์ที่ Longines Official Store @Lazada และ @Shopee สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/LonginesTH และ Line official : @Longines_th
#2871
ไอดินไทย เครื่องประดับดินปั้น ด้วยอินสไปเรชั่นทำเครื่องประดับดินปั้นมาจากความชื่นชมที่มีต่อละครมนต์รักลูกทุ่งแล้วก็แฟชั่นการแต่งกายยุคนั้น





ทำให้คุณพัชร์ชิสา ไชยวีรวัฒน์ เกิดแนวคิดสำหรับในการทำเครื่องประดับร่วมกับการเล่าเรียนปั้นดินไทยของชุมชนระแหง จังหวัดตาก จนเกิดเป็นเครื่องประดับดินปั้นที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากกว่า 10 ปี





ซึ่งตัววัสดุนั้นเป็นดินไทยที่ผสมกับดินท้องถิ่นของจังหวัดตาก มีความงดงามผสมความเป็นไทย สีสันสดใส ความเป็นธรรมชาติและยิ่งไปกว่านี้ทุกสินค้ามีรอยนิ้วมือจากการปั้น โดยไม่ใช้เครื่องจักร แสดงถึงงานฝีมืออย่างแท้จริง


#2872



นายธีระพงษ์ ลิมป์ประเสริฐ หัวหน้าสายงานจัดส่งสินค้าและบริหารค้าปลีก บริษัท เอบีพีโอ จำกัด ในเครือ บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าครบวงจร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างผลกระทบต่อระบบขนส่งพัสดุของกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ค้าออนไลน์ หรือลูกค้าทั่วไป ให้มีความล่าช้าลง อันเนื่องจากผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุจำเป็นต้องชะลอการให้บริการบางสาขาลงชั่วคราว

บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี บริษัทฯ มีการเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี บริษัทฯ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าต่อไปในวิกฤตินี้

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้นำกลุ่มธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าครบวงจร (Fulfillment Service) ร่วมช่วยเหลือการจัดส่งพัสดุของกลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ค้าออนไลน์หรือลูกค้าทั่วไป ตั้งแต่สินค้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่น้ำหนักไม่เกิน 30-150 กิโลกรัม โดยสามารถรองรับการขนส่งพัสดุสูงสุด 10,000 ชิ้นต่อวัน ซึ่งบริษัทฯ จะนำศูนย์กระจายสินค้าในทุกภูมิภาคของประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ นนทบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และระยอง ฯลฯ ให้บริการรับ-ส่งพัสดุทั่วประเทศ ทั้งจากผู้ค้าออนไลน์ กลุ่มเอสเอ็มอี และลูกค้าทั่วไป ด้วยอัตราค่าบริการที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจัดเตรียมส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่ส่งพัสดุจำนวนมาก 300 ชิ้นขึ้นไปต่อวัน (ตามข้อตกลง) โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์โทร 0-2793-2022 กด 3


สำหรับประเภทการจัดส่งสินค้า บริษัทฯ เปิดให้บริการฝากส่งสินค้าทุกประเภท เช่น อาหารสำเร็จรูป กล้าพันธุ์ไม้  เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องออกกำลังกาย เป็นต้น สามารถจัดส่งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภายใน 2 วัน ส่วนในต่างจังหวัดใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ยกว่า 3 วัน และกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาบริการส่งพัสดุด่วน 1 วัน (SAME DAY)


ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยลูกค้าที่เข้าใช้บริการโดยเจ้าหน้าที่จะสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาระหว่างให้บริการ ระบบการคัดกรองก่อนเข้าทำงาน และเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนคาดว่าจะครบทุกคนในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ยังพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบนพัสดุทุกชิ้น เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19


"ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้ในสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ผู้ค้าออนไลน์ และลูกค้าทั่วไป ซึ่งหลังจากประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว อัตราการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เติบโตเพิ่มขึ้น จากปกติอัตราขนส่งพัสดุในประเทศไทยโดยเฉลี่ย 4 ล้านชิ้นต่อวัน ดังนั้นทีวี ไดเร็คขอเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมต่อโลกการช้อปปิ้งออนไลน์ให้สามารถเดินหน้าต่อไป ด้วยบริการจัดส่งพัสดุถึงมือลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพและปลอดภัย โดยพร้อมยืนอยู่เคียงข้างและร่วมฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน"

สำหรับภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซของทีวี ไดเร็ค บนเว็บไซต์ หลังจากประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ยอดขายสินค้าในช่องทางดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนรายได้จากลูกค้าอีคอมเมิร์ซเพิ่มจาก 10% เป็น 15% และจากการเพิ่มรายการสินค้าให้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้สัดส่วนรายได้จากลูกค้าอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มเป็น 20% ส่วนรายได้อีก 80% จะมาจากลูกค้าในช่องทางทีวีโฮมช้อปปิ้งและคอลล์เซ็นเตอร์
#2873


นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2564 โดยมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 11,250,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 45,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท

จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 113,538,062 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่เป็นจำนวน 124,788,062 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 499,152,248 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท


นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 45,000,000 หุ้นเพื่อเสนอขายในคราวเดียวกันหรือต่างคราวกันให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 72/2558 เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทจดทะเบียนเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจำกัด ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวม 148,500,000 บาท ได้แก่

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 15,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ บริษัท ไท่เว่ ไบโอเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 18,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นางละออ ตั้งคารวคุณ

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่ที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นายวิชัย ด่านรัตน

- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ นางนธีรา บริรักษ์คูเจริญ

โดยวัตถุประสงค์ของการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน และเพื่อรองรับกับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และรองรับการขยายกิจการในอนาคต โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ในการขยายธุรกิจหลักของบริษัทและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นตามแผนการลงทุนของบริษัท และเพื่อเสริมสภาพคล่องและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในไตรมาส 4 ของปี 2564 เป็นต้นไป

ในการนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 13 ก.ย.2564 เวลา 10.00 - 12.00 น. ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยถ่ายทอดสด ณ ห้องประชุม สำนักงานใหญ่ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 56/9-10 ซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 12/ ณนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 16 ส.ค.2564 (Record Date)
#2874



เมื่อ 'วิกฤติโควิด' กำลังทำให้คนไทยเครียด และคิดสั้นมากขึ้น ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ รัฐบาลจึงควรใส่ใจ นอกจากเร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข

วิกฤติโควิด กำลังทำให้คนไทยเครียด และคิดสั้นมากขึ้น หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคนฆ่าตัวตายจำนวนมาก ทั้ง

- กรณี 'ประกายฟ้า หรือ ฟ้า' ยูทูปเบอร์ชื่อดัง กระโดดลานจอดรถ เสียชีวิต

- ตำรวจติดโควิด ผูกคอตายเสียชีวิต 

- ลูกป่วยโควิดตาย พ่อกระโดดตึกตายตาม


จากข่าวคนฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ สะท้อนความเครียดที่เพิ่มขึ้นของประชาชนในยุคโควิด ความกังวลดังกล่าวสอดคล้องกับกรมสุขภาพจิต ที่ออกมาเตือนว่าโควิด 19 กำลังทำให้คนคิดสั้นมากขึ้น

การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนฆ่าตัวตายในสถานการณ์โควิดเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่การระบาดรุนแรง เช่นในญี่ปุ่น ปีก่อนพบว่าอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงสุดในรอบ 11 ปี จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงร่วมกับสถาบันผู้สูงอายุในโตเกียว พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายช่วง ก.ค. ถึง ต.ค. 2563 เพิ่มขึ้นถึง 16 % จากช่วงเดียวกันของปี 2562

หรือในเกาหลีใต้ ที่สถานการณ์โควิดทำให้อัตราการฆ่าตัวตาย และซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ข้อมูลจากศูนย์สุขภาพจิต ประเทศเกาหลีใต้ พบว่า จำนวนประชาชนปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นถึง 20% จากปี 2562 

สำหรับประเทศไทยนับจากวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 หรือต้มยำกุ้ง อัตราการฆ่าตัวตายก็ลดลงมาโดยตลอด กระทั่งปัจจุบัน จากปัญหาโควิด ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนโควิด สถิติคนไทยฆ่าตัวตายอยู่ที่ประมาณ 6-7 คนต่อประชากร 1 แสนคน/ปี เช่น

- ปี 2560 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6 คน

- ปี 2561 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6-6.5 คน 

- ปี 2562 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 6.36-6.6 คน แต่นับจากมีโควิด สถิติก็เพิ่มขึ้น

- ปี 2563 ในประชากร 1 แสนคน/ปี มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จที่ 7.37 คน สูงขึ้นจากปี 2562 ราว 10% - ขณะที่ใน 5 เดือนแรกของปี 2564 สถิติใกล้เคียงกับทั้งปีของปีก่อน

ตราบใดที่การระบาดยังเพิ่ม มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากขึ้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น ก็เสี่ยงทำให้คนเครียด และคิดสั้นมากขึ้น ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับไปดูตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง สถิติฆ่าตัวตายอยู่ที่ 8 คนต่อ 1 แสนคน วิกฤติโควิดคราวนี้กำลังพาสังคมไทยกลับไปสู่จุดนั้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ อาจแบ่งความเครียดหลักๆ ได้จาก 2 สาเหตุ

สาเหตุแรก ความเครียดจากโรคภัย ทั้งกลัวติด กลัวตาย ความเครียดที่ติดโควิดแล้วต้องรอเตียงอย่างไม่รู้อนาคต หาเตียงไม่ได้ ความเครียดจากกลัวแพร่โรคให้คนในครอบครัว ความเครียดจากการต้องอยู่คนเดียวระหว่างรอเตียงหรือทำการรักษา นำไปสู่ความสิ้นหวังและขาดกำลังใจ

สาเหตุที่สอง ความเครียดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งตกงาน ถูกลดชั่วโมงทำงาน สถานประกอบการถูกปิดทั้งจากพิษเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาของรัฐ ทำให้รายได้ลดลง ผู้นำครอบครัวขาดความสามารถดูแลครอบครัว รู้สึกหมดหวัง สูญเสียคุณค่าในตัวเอง 

ตัวอย่างผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น ล่าสุดสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ระบุว่า โควิด 19 เสี่ยงทำให้ 1 ใน 4 ของแรงงานภาคท่องเที่ยวตกงาน หรือคิดเป็นจำนวนมากถึง 4 ล้านคน โดยหวั่นว่า แรงงานกลุ่มนี้จะเครียดและฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของไทยเมื่อปีก่อน ที่พบว่า กลุ่มอาชีพพนักงานและคนว่างงานมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจกำลังทำให้คนคิดสั้นเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ มีข้อควรระวังอีก 2 ประการ กล่าวคือ 

ประการแรก พบว่าความเครียดหรือวิตกกังวลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องปฏิบัติงานอย่างหนักภายใต้ความเครียด มาเป็นระยะเวลานาน 

ประการที่สอง จากประสบการณ์รับมือการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในอดีตพบว่า ความเครียดหรือวิตกกังวลก่อผลกระทบ ทิ้งร่องรอยยาวนานแม้การแพร่ระบาดจบลงแล้ว โดยเกิดขึ้นทั้งในคนธรรมดา และบุคลากรด้านสาธารณสุข

เรียกว่าวิกฤติโควิด ในทางตรง ทำให้คนเจ็บป่วยทางกาย ในทางอ้อม ยังส่งผลให้คนเจ็บป่วยทางใจด้วย โดยความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นได้ ในทุกชนชั้นรายได้ วัย อาชีพ ไม่เลือกว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ 

จากสถานการณ์โควิดที่รุนแรงขึ้น ยังไม่เห็นปลายทางของวิกฤต ผลกระทบจากปัญหาสุขภาพและเศรษฐกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เสี่ยงทำให้คนไทยเครียดและคิดสั้นมากขึ้น 

รัฐบาลจึงควรใส่ใจ นอกจากเร่งแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ควบคุมการระบาดให้ได้ ยังควรพยายามเยียวยาเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจให้ประชาชนอย่างทันท่วงที 

โดยเฉพาะ สำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งรับภาระรักษาผู้ป่วย ที่นับวันเผชิญความเครียดมากขึ้น ต้องดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ในระยะสั้น สิ่งที่รัฐควรทำทันทีคือ รัฐบาลต้องเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันโรค เช่น หาวัคซีนเข็ม 3 ที่มีประสิทธิภาพมาฉีดอย่างรวดเร็ว ตลอดจนเพิ่มค่าตอบแทนให้บุคลากรด้านสาธารณสุขอย่างเหมาะสม ซึ่งอย่างน้อยพอช่วยบรรเทาความเครียด และเพิ่มความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น

สุดท้าย เราทุกคนควรใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเรื่องร้ายกับคนใกล้ตัวกันครับ
#2875



"เราต้องการผลักดันให้คนในชุมชน เห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ป่า ผ่านการทำโครงการที่ทำให้มีรายได้ จากการสร้างอาชีพ การท่องเที่ยว  เพื่อเป็นตัวจุดประกายว่า ทำไมเราต้องอนุรักษ์ป่า ทำไปแล้วได้อะไร"

เสียงสะท้อนจากชาวบ้านต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร  "ชัชวาล ชาวสมุทร "อายุ 55 ปีหรือ น้าหนุ่ย  อาชีพต่อเรือประมงจำลองขาย และมีส่วนร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่ มาตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ปลูกต้นไม้ไม่ขึ้น จนถึงปัจจุบันที่มีป่าชายเลน ทั้งต้นแสมขาว ต้นแสมทะเล เขียวเต็มแนวชายฝั่ง

น้าหนุ่ย  หนึ่งในคณะกรรมการอนุรักษ์ป่าชายเลน ในโครงการ "ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน" เป็นตัวแทนของชุมชนในพื้นที่ ที่ทำงานอนุรักษ์และฟื้นฟูป่า ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และภาครัฐ คือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ซึ่งในระยะที่หนึ่งของโครงการ (ปี 2557 -2561) อนุรักษ์ป่าไปแล้ว 500 ไร่ และปลูกใหม่ 104 ไร่ และในระยะที่สอง(2562-2566) บริษัท ชุมชน และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะร่วมกันอนุรักษ์ป่า 14,000 ไร่ และปลูกป่าเพิ่มเติมอีก 266 ไร่

ซีพีเอฟสานต่อความยั่งยืนของโครงการฯ สนับสนุนตั้งกองทุนอนุรักษ์ป่าชายเลนที่บริหารโดยคณะกรรมการของชุมชนเอง  พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนต.บางหญ้าแพรก และส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และมีรายได้เติมกองทุนฯเพื่อดูแลป่า

น้าหนุ่ย บอกว่า เกลือสปาขัดผิว เกลือหอมอโรม่า มีทั้งกลิ่นดอกโมก กลิ่นมะลิ  สบู่เกลือบาธบอมบ์ ถ่านไบโอชาร์ดูดกลิ่น  เป็นสินค้าที่ชุมชนช่วยกันคิด ปรับปรุงคุณภาพและรูปแบบให้ดูน่าใช้  หรือแม้แต่เรือประมงจำลอง อาชีพที่ต้องใช้ประสบการณ์และฝีมือ เป็นส่วนเติมเต็ม อัตลักษณ์ของชุมชนบางหญ้าแพรก ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้อยู่แล้ว

ด้วยวิถีอาชีพดั้งเดิมของชาวบางหญ้าแพรก  คือ  ทำประมงพื้นบ้าน ทำนาเกลือ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ จึงมาจากแนวคิดใช้วัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น เกลือ มาผลิตเป็นสินค้าชนิดต่างๆ  เกลือสปาสมุนไพรผลิตจากดอกเกลือแท้ ผสมสมุนไพร 5 ชนิด คือ ขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย ไพล ว่านนางคำ ทานาคา ใช้ขัดผิว   ถ่านไบโอชาร์ สินค้าขึ้นชื่อของท้องถิ่น ทำจากเปลือกผลไม้ กิ่งไม้ ลูกไม้ต่างๆ ผ่านกระบวนการเผาด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างจากถ่านหุงข้าว ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นได้ดี

แต่วันนี้ ... โควิด -19 ทำให้รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นศูนย์   ป้าปราณี หอมทอง อายุ 71 ปี มีอาชีพทำนาเกลือ แต่ตอนนี้เข้าฤดูฝน ป้าต้องหยุดทำนาเกลือตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ไปจนถึงตุลาคม

ป้าณี บอกว่า  ตอนที่ไม่มีโควิด-19  ซีพีเอฟช่วยจัดกรุ๊ปนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมฐานการเรียนรู้ต่างๆของชุมชนบางหญ้าแพรก ทั้งทำสปาเกลือ ต่อเรือประมง ทำถ่านไบโอชาร์ ชาวบ้านก็มีรายได้จากสาธิตวิธีการให้นักท่องเที่ยวชม  ป้าณีเป็นอีกคนหนึ่งที่ร่วมกิจกรรมฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่มาเกือบทุกกิจกรรม จนต่อยอดมาสู่การเป็นเส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชนตำบลบางหญ้าแพรก ป้าณีก็มีส่วนร่วมดูแลฐานสาธิตสปาผิวด้วยเกลือสปา แต่ตอนนี้มีโควิด นักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ได้เลย รายได้จากที่เคยได้หรือขายผลิตภัณฑ์เป็นศูููนย์ ตัวป้าเองเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด้วย  ยังพอมีรายได้จากการเป็นอสม. ส่งข้าวให้ผู้ที่ถูกกักตัวอยู่ที่บ้าน อยากให้สถานการณ์กลับมาปกติเร็วๆ จะได้มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ได้เหมือนเดิม

ขณะที่ลุงวิรัตน์ ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำถ่านไบโอชาร์  ลุงเคยมีรายได้เสริมจากการขายถ่านให้ชุมชนนำไปผลิตเป็นถุงสวยงามเพื่อบรรจุถ่านดูดกลิ่น ใช้แขวนในตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า ตู้เย็น  วันนี้ลุงต้องหยุดเผาถ่านเช่นกัน เพราะไม่มีชาวบ้านมาซื้อถ่านไปทำผลิตภัณฑ์  ถึงจะไม่ได้กระทบรายได้ของลุง เพราะมีอาชีพเลี้ยงกุ้งเป็นหลัก แต่ลุงบอกว่าโควิด-19 ทำให้กิจกรรมต่างๆของชุมชนหยุดลง

ในสถานการณ์ที่โควิด-19 ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องหยุดลง รวมทั้งชุมชนบางหญ้าแพรกแห่งนี้ที่ได้รับผลกระทบ แต่ทั้งลุงหนุ่ย ป้าณี ลุงวิรัตน์  และชาวชุมชน ยืนยันว่า พร้อมเดินหน้าดูแลป่าชายเลนในพื้นที่ต่อไปเพราะนี่คือทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าที่ต้องรักษาไว้เพื่อส่งต่อให้กับรุ่นลูกหลาน เช่นเดียวกับ กองทุนอนุรักษ์ป่าชายเลน เป็นความตั้งใจของชาวบ้านที่จะนำเงินกองทุนฯส่วนหนึ่งใช้ดูแลรักษาป่า และอีกส่วนหนึ่งจะต่อยอดสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนอีกหลายๆคน ช่วยอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชน เพื่อเป็นกำลังใจและสร้างความเข้มแข็งให้ชาวชุมชนที่จะช่วยดูแลป่าชายเลนต่อไป ผู้สนใจสามารถติดต่อ ตัวแทนชาวชุมชนบางหญ้าแพรก คุณเมธา พุฒคง
095 -524 9245 
#2876



เบปเป มารอตตา ประธานฝ่ายบริหารของ อินเตอร์ มิลาน แชมป์กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ยืนยัน โรเมลู ลูกากู หัวหอกทีมชาติเบลเยียม ไม่ได้มีไว้ขาย และจะอยู่ล่าตาข่ายในถิ่น จูเซปเป เมอัซซา ต่อไปอย่างแน่นอนในฤดูกาลใหม่

ลูกากู ระเบิดฟอร์มยิงไปถึง 24 ประตูจากการลงเล่น 36 นัดในเซเรีย อา ฤดูกาลที่ผ่านมา และมีส่วนสำคัญในการพา "งูใหญ่" คว้า "สคูเดตโต" ไปครองได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2010 จนทำให้หลายสโมสรให้ความสนใจ โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ซิตี กับ เชลซี ที่กำลังมองหากองหน้าตัวใหม่ไปเสริมคม

อย่างไรก็ตาม มารอตตา ยืนยันว่า ลูกากู คือนักเตะคนสำคัญของ อินเตอร์ และไม่ได้มีไว้ขายแต่อย่างใด โดยระบุว่า "จากมุมมองของฝั่งเรา เราสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า ลูกากู ไม่ได้มีไว้ขาย ลูกากู เป็นนักเตะคนสำคัญสำหรับ ซิโมเน อินซากี (กุนซือคนใหม่ของอินเตอร์)".

ภาพ REUTERS... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/95841/
#2877

เรื่องราวแปลกใหม่ของผู้คนที่ไม่คุ้นตา โลกแห่งจินตนาการที่ไม่รู้จบ และการผจญภัยของฮีโร่เพื่อกอบกู้โลก คือคอนเทนต์ที่คนทั่วโลกเลือกเสพเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าจากความเป็นจริงที่จำเจ ซีรีส์และภาพยนตร์จึงเป็นเหมือนตัวช่วยเยียวยาความรู้สึกให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ทีวีซึ่งเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อผู้ชมกับเรื่องราวต่างๆ คือประตูที่พาคนดูเข้าสู่โลกของคอนเทนต์ ซัมซุงสมาร์ททีวีรวมเอาผู้ให้บริการสตรีมมิ่งชั้นนำมาไว้ในที่เดียว พร้อมถ่ายทอดทุกฉากผ่านหน้าจอที่คมชัดและระบบเสียงอันสมจริง เพื่อเปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงภาพยนตร์ส่วนตัว



ในช่วงเวลาที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น การดูคอนเทนต์ผ่านบริการสตรีมมิ่งจึงเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีจำนวนผู้ชมทั่วโลกเพิ่มขึ้นราว 10 เปอร์เซ็นต์ และผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ใช้แพลตฟอร์มมากว่าหนึ่งเพื่อให้ได้เข้าถึงคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้นในปี 2562 ตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 342,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจโตถึง 842,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 6 ปีข้างหน้า บ่งบอกว่าผู้บริโภคต้องการคอนเทนต์แบบสตรีมมิ่งบนทีวีที่มีความหลากหลายและมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง



สมาร์ททีวีที่รวมความสนุกจากทั่วโลก เพื่อสร้างความบันเทิงในห้องนั่งเล่นของคุณ

นิยามความสุขในการดูซีรีส์และภาพยนตร์ของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไม่มากก็น้อย ทำให้คอนเทนต์ที่แต่ละคนเลือกดูจึงต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทเนื้อหา ประเทศผู้ผลิต รวมไปถึงดารานักแสดง และบริการสตรีมมิ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีคอนเทนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ ซัมซุงจึงมุ่งมั่นขยายเครือข่ายพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการเพื่อนำเสนอคอนเทนต์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ

โดยซัมซุงสมาร์ททีวีรวมพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการคอนเทนต์ชั้นนำที่นำเสนอซีรีส์และภาพยนตร์อย่างครบครันจากฝั่งตะวันตกอย่าง Netflix, HBO GO, YouTube รวมถึงคอนเทนต์จากฝั่งเอเชีย เช่น AIS Play, LOOX, Viu และล่าสุดคือ iQiyi ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งสัญชาติจีน ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงคอนเทนท์ยอดนิยมจาก Disney+ Hotstar ง่ายๆ ผ่านการสตรีมมิ่งจากแอพบนสมาร์ทโฟน หรือรับชมผ่านเว็บเบราว์เซอร์ของสมาร์ททีวีได้อีกด้วย



ไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหว เก็บทุกรายละเอียดด้วยสุดยอดเทคโนโลยีภาพ

การรับชมซีรีส์และภาพยนตร์จะสมจริงที่สุดเมื่อถูกถ่ายทอดผ่านหน้าจอความละเอียดสูง สมาร์ททีวีจากซัมซุงโดดเด่นด้วยภาพที่คมชัดและสีสันที่สวยงาม มั่นใจได้ด้วยความเป็นผู้นำในตลาดทีวีระดับโลกด้วยยอดขายอันดับ 1 ต่อเนื่อง 15 ปีซ้อน โดยไลน์อัพทีวีของซัมซุงมีให้เลือกตั้งแต่ความคมชัด 4K จนไปถึง 8K ซัมซุงทีวีมีโปรเซสเซอร์อันทรงพลังช่วยสร้างโทนสีอันซับซ้อนให้ได้ภาพที่สมจริงที่สุด มาพร้อมกับเทคโนโลยีอัปสเกลทำให้ได้คอนเทนต์ความละเอียดสูงไม่ว่าสัญญาณภาพจะเป็นอย่างไร นอกจากนี้ผู้ชมยังสามารถมองเห็นทุกรายละเอียดแม้ในฉากมืดด้วยคอนทราสต์ของแสงและเงาที่มีมิติ



เติมเต็มอรรถรสแห่งเสียง เพื่อการรับชมที่เหนือกว่าทุกประสบการณ์

ความบันเทิงในบ้านของคุณไม่อาจสมบูรณ์แบบไปได้ถ้าไม่มีระบบเสียงที่ดี ซัมซุง Q Soundbar (คิว ซาวด์บาร์) เครื่องเสียงที่ลงตัวกับซัมซุงทีวี มาพร้อมกับเทคโนโลยี Q Symphony ผสานการทำงานระหว่างเสียงจากลำโพงด้านหน้า ลำโพงด้านข้าง ลำโพงระบบยิงเสียงขึ้นด้านบน และลำโพงของทีวี โอบล้อมผู้ชมด้วยคุณภาพเสียงอันสมจริงเพื่อยกระดับประสบการณ์เสียงไปอีกขั้น ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเสียงด้วยนวัตกรรม Acoustic Beam ทำให้เสียงขยับไปพร้อมๆ กับภาพบนหน้าจอ เสมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของซีรีส์และภาพยนตร์

พิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของซัมซุงทีวีปี 2020 และ 2021 ที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2564 สามารถลงทะเบียนเพื่อรับ AIS Play: PLAY PREMIUM Package มูลค่า 597 บาท เพื่อรับชมความบันเทิงฟรีนาน 3 เดือน ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับซัมซุงทีวีทุกรุ่นได้ที่ https:// www.samsung.com/th/tvs/
#2878


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มอบหมายให้ นางสาวสุชาดา มากเกลี้ยง ผู้จัดการสาขาภูเก็ต พร้อมด้วยคณะผู้แทนธนาคารในพื้นที่ ให้การต้อนรับ และร่วมแสดงความยินดีกับ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ผู้สร้างประวัติศาสตร์เหรียญทองแรกของเทควันโดไทยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และเป็นเหรียญทองเหรียญแรกของทัพนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

พร้อมด้วย"โค้ชเช" ชเว ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี นักเทควันโดรุ่น 58 กิโลกรัมชายทีมชาติไทย และคณะทีมงานเทควันโดไทย ในโอกาสเดินทางกลับถึงเมืองไทยในวันนี้(26 กรกฎาคม 2564) เมื่อเวลา 09.25 น. ณ สนามบินนานาชาติภูเก็ต เข้าเพื่อเข้าสู่มาตรการโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ โดยมี ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ร่วมให้การต้อนรับ 

ทั้งนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ปีละ 17 ล้านบาท ล่าสุด คณะกรรมการธนาคารโดยมี นายยุทธนา หยิมการุณ ประธานกรรมการธนาคาร มีมติเห็นชอบให้ธนาคารมอบ 3 ล้านบาท ให้กับ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในฐานะที่ได้สร้างความสุขความภาคภูมิใจให้กับคนไทยในขณะนี้อีกด้วย
#2879


ทนายทิชา หรือ ทิชากร (เบลล่า ราณี) ทนายความสาว Working Woman ที่สวยและเก่งมาก เพียบพร้อมทุกอย่างแต่โสด ถึงแม้มีผู้ชายหลายคนเข้ามาจีบทิชา แต่ทิชาไม่สนใจเรื่องความรักอีกเลยตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าไป เพราะต้องการคว้าตำแหน่งพาร์ตเนอร์ผู้หญิงคนแรกของบริษัท รอสแอนด์ฮาร์วี่ย์ มาเป็นของเธอให้ได้

ขณะที่ คุณนายชุมพร (ใหม่ นัฏฐา) แม่ของทิชาอยากให้ทิชาหาผู้ชายดีๆ เพื่อแต่งงานมีครอบครัวที่ดี แต่ทิชาก็ทำให้แม่ผิดหวังมาตลอด จนกระทั่ง เบนจามิน หรือ บอสเบน (อู๋ ธนากร) MD ของบริษัทฯ ที่ดีพร้อมทุกอย่างทั้งวุฒิการศึกษา หน้าตาและฐานะ ออกตัวแรงว่าอยากจีบทิชา แต่ทิชากลับนิ่งเฉย ขณะที่ น้ำ (มะปราง วิรากานต์) และ เจซซี่ (แป้ง ณัฐณิชา) เพื่อนสนิทของทิชาก็ดีใจมากเช่นกันที่เพื่อนจะขายออกซะที


ทิชาต้องการแข่งขันเรื่องงานกับ คามีเลีย (พิ้งค์กี้ สาวิกา) ทนายความสาวสวยที่เก่งมากอีกคนหนึ่งของบริษัทฯ จริงจังเรื่องงานและจับพิรุธคนเก่ง โดยมีลูกมืออย่าง แต้ว (มายด์ ฑาริกา) เป็นทนายผู้ช่วยทีมเธอ ซึ่งบอกเลยว่าศึกครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ทนายสาวกับลูกน้องทั้งสองทีมพร้อมฟาดเพื่องานและเพื่อหัวใจ ตาต่อตาฟันต่อฟัน ทำให้ทิชารีบสั่งงาน ดาหลา (น้ำฟ้า ธัญญภัสร์) ทนายผู้ช่วยของเธอ ให้นำคดีที่เธอทำค้างไว้ทั้งหมด มาประชุมด่วนเพื่อทำให้สำเร็จโดยเร็ว และเปิดรับทนายฝึกตั๋วคนใหม่เข้าทีมของเธอ คือ คิว (กองทัพ พีค) เด็กหนุ่มคนเดียวที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตและทำให้ทิชาใจสั่นและหวั่นไหวกับความรักได้อีกครั้ง


ย้อนไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คิวอยู่กับ พ่อพงษ์ (กบ ทรงสิทธิ์) สองคนตามลำพัง หลังจากที่ แม่พิม (เต๋า สโรชา) ทิ้งพ่อกับคิวไปมีครอบครัวใหม่ คิวกลายเป็นเด็กเกเรตั้งแต่นั้น จนกระทั่งคิวได้รู้จักทิชา คิวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อนสนิทอย่าง ป้อน (เค้ก นันทวัชร์) กับ ติณ (แก๊ป-จักริน) ยังแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคิว จากเด็กไม่ตั้งใจเรียน กลายเป็นเด็กตั้งใจเรียนที่มีเป้าหมายในชีวิต คือการเป็นทนายความเหมือนทิชาให้ได้ คิวขอร้องให้ทิชาติวหนังสือให้เพื่อเตรียมเอนทรานซ์ ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น เหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่ดี


จนกระทั่ง นรา (อ้น สราวุธ) อัยการหนุ่ม แฟนเก่าของทิชา กลับมาง้อขอคืนดี หลังจากที่แอบนอกใจทิชาจนเลิกรากันไป คิวรับไม่ได้โกรธแทนทิชา และไม่อยากเห็นทิชาต้องเสียใจซ้ำสอง หลังจากวันนั้นคิวกลัวว่าจะเสียทิชาไป คิวตัดสินใจสารภาพรักกับทิชา ทิชาก็รู้สึกหวั่นไหวในใจลึกๆ แต่ไม่ยอมรับใจตัวเอง ทิชาตัดสินใจหายไปจากชีวิตคิวทันทีโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา คิวเสียใจมาก แต่คิวทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่ตั้งใจเรียนเพื่อเรียนจบและเป็นทนายความให้ได้ เพื่อนำพาตัวเองเข้าสู่วงการอาชีพทนายความ และตามหา พี่ทิชา ผู้หญิงที่เขารักให้เจอ


ในที่สุด วันนี้คิวก็ตามหาพี่ทิชาจนเจอ แต่ทิชาช็อกมาก ทิชาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักคิว เพราะทิชาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างเธอกับคิวถูกเปิดเผยในออฟฟิศเวลานี้ ทิชาตัดสินใจปฏิเสธไม่รับคิวเข้าร่วมทีมทันที คิวจึงถูกย้ายไปอยู่ทีม ทนายศักดิ์ (เกิร์ก ชิลเลอร์) ถึงแม้ว่าคิวจะถูกย้ายไปอยู่ทีมทนายศักดิ์ แต่คิวก็แอบช่วยพาทิชาทำคดีสำเร็จ เบนจามินเห็นความสามารถและความตั้งใจของคิว จึงเรียกคิวมาคุยและสั่งย้ายคิวไปอยู่ทีมทิชา


งานแรกที่คิวกับทิชาต้องทำร่วมกันคือคดีของ คุณแอมมี่ (ท็อป ดารณีนุช) สาวใหญ่อายุสี่สิบ อยากยื่นคำร้องฟ้องหย่ากับสามีเด็กชื่อ แจ๊ก (ปาล์ม ศุภชัย) ที่เธอจับได้ว่าเขาแอบคบชู้ ทิชาตั้งใจทำคดีนี้เต็มที่ แต่แอมมี่ไม่ให้ความร่วมมือกับทิชาเท่าไหร่เพราะไม่ชอบชะนี แต่เมื่อเบนจามินพาคิวไปพบแอมมี่ในฐานะทนายผู้ช่วยของทิชา แอมมี่ก็ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะชอบเด็กหนุ่ม สุดท้ายทิชาชนะคดีนี้เพราะสืบหาข้อมูลและพบว่าหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่ มะนาว (ดีใจ ดีดีดี) เพื่อนสนิทของแอมมี่ ที่คดีพลิกไปพลิกมาจนเดาไม่ถูก


กำแพงในใจของทิชาที่มีต่อคิวลดลงไปหน่อยหนึ่ง เธอยอมรับว่าเธอจำคิวได้ แต่ก็ตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคิวชัดเจนว่าเป็นแค่หัวหน้าและลูกน้องกันเท่านั้น หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทำคดีด้วยกันมาเรื่อย ๆ จนคดีนี้ทำให้คิวได้รู้จักกับ จูน (ลาล่า ลาริสา) หลานสาวคุณแอมมี่ที่ชอบคิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน จูนออกตัวแรงเลยว่าเธอชอบคิวและอยากได้คิวเป็นแฟน ทิชาพยายามวางตัวเป็นหัวหน้าของคิว เว้นระยะห่างชัดเจน

เรื่องย่อ ให้รักพิพากษา

แต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของทิชากับคิวพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ต้องแอบคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ จนบางครั้งคิวเริ่มอึดอัดแต่ต้องอดทน เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้เป็นแฟนกับทิชาแล้ว


เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตาม "คดีรัก" ที่รอการ "พิพากษา" ได้ในละครฟีลกู้ด ให้รักพิพากษา Dare To Love ที่ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 กด 33 ละคร ให้รักพิพากษา Dare To Love เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม 2564

 

บทประพันธ์โดย : ทิพย์สุดา ปิยะพันธ์

บทโทรทัศน์โดย : ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส

กำกับการแสดงโดย : วุ้น-ทรงศักดิ์ มงคลทอง

ผลิตโดย : ค่าย ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น


ควบคุมการผลิตโดย : ต้น-ณฐนนท์ ชลลัมพี

 

รายชื่อนักแสดงนำในละคร ให้รักพิพากษา Dare To Love

เบลล่า ราณี แคมเปน รับบท ทิชา

กองทัพ พีค รับบท คิว

อู๋ ธนากร โปษยานนท์ รับบท เบนจามิน

พิ้งค์กี้ สาวิกา ไชยเดช รับบท คามีเลีย

เค้ก นัทธวัชร์ แก้วบัวสาย รับบท ป้อน

ลาล่า ลาริสา มิษฎา วิลมอทท์ รับบท จูน

น้ำฟ้า ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ รับบท ดาหลา

คิน การันต์ อร่ามศรี รับบท กิต

มายด์ ฑาริกา อินสุวรรณ์ รับบท แต้ว

แก๊ป จักริน ภูริพัฒน์ รับบท ติณ

เกริก ชิลเลอร์ รับบท ทนายศักดิ์

จุ๊บแจง วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ รับบท เจ๊ก้อย

บูม วิศรุต หอมหวน รับบท โอม

ใหม่ นัฏฐา ลอยด์ รับบท คุณนายชุมพร

กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท พงษ์

มะปราง วิรากานต์ เสณีตันติกุล รับบท น้ำ

แป้ง ณัฐณิชา ทิพยณฑล รับบท เจซซี่

พีช พิมพ์ลดา ไชยสุภากุลพัทธ์ รับบท เอ้

เต๋า สโรชา วาทิตตพันธ์ รับบท พิม

อั๋น โอลิเวอร์ พูพาร์ท รับบท เรวัติ

อ้น สราวุธ มาตรทอง รับบท อัยการนรา

ปาล์ม ศุภชัย สุวรรณอ่อน รับบท แจ๊ก

ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ รับบท คุณแอมมี่

ผัดไท ดีใจ ดีดีดี รับบท เจ๊มะนาว
#2880


Team Thailand จะแข่งแล้ว มาร่วมกดอิโมจิ และส่งข้อความให้กำลังใจนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยทั้ง 2 คน ก่อนแข่งนัดสำคัญวันพรุ่งนี้  ในการแข่งขัน Olympic Games Tokyo 2020

มาร่วมแสดงความคิดเห็นเชิงบวก และส่งมอบกำลังใจก่อนแข่งไปถึงน้องๆ เพื่อเป็นกำลังใจและแรงผลักดันในการแข่งขัน เราจะไม่ปล่อยให้น้องๆต้องสู้เพียงลำพัง เพราะเราคือทีมเดียวกัน #TeamThailand

ติดตามการแข่งได้ตามวันและเวลาดังต่อไปนี้

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 2564

น้องเทนนิส เริ่มแข่งเวลา 09.38 น. (เวลาไทย)

ฝ่ายหญิง รุ่น -49 กก. สนาม 1 คู่ที่ 8

คู่แข่ง (รอผลคู่ที่ 1)

น้องจูเนียร์ เริ่มแข่งเวลา 10.48 น. (เวลาไทย)

ฝ่ายชาย รุ่น -58 กก. สนาม 1 คู่ที่ 13

คู่แข่งจากประเทศออสเตรเลีย Khalil Safwan

ร่วมเชียร์และส่งกำลังใจให้กับน้องๆ พาชัยชนะกลับมาฝากคนไทยไปด้วยกัน ผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวิดิจิตอล 2 ช่อง คือ GMM 25 และ JKN 18 และทางออนไลน์ AIS Play ช่อง 3

#Tokyoolympics #Olympics #Tokyo2020 #Taekwondo #TeamThailand #Thailand #Tokyo #TaekwondoAssociationofThailand #สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย