• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - luktan1479

#6316
สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด
#6317
ทาวเวอร์เบียร์ ราคาถูก!!!!!
#6319
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#6320
 สีผึ้งว่านดอกทอง ฝังดอกว่านดอกทองและตะกรุดนะเมตตามหานิยม



พุทธคุณ เน้นเรื่อง เสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ก่อนว่าคาถาก็ให้นึกขอบารมีพระพุทธเจ้า และคุณครูบาอาจารย์

คาถากำกับ

โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ 

นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ

(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)

แล้วใช้นิ้วชี้ข้างขวาป้าย แล้วทาที่ปาก

ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ



ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i2632497251.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfF8zGh5



#6321
แฮนด์ สเปรย์แอลกอฮอล์การ์ด ราคาถูกกกก!!!!!
#6322
 

เกิดเหตุการณ์ดุเดือดก่อนที่เกมระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับ ลีดส์ ยูไนเต็ด หลังแฟน.ทั้งสองทีมตะลุมบอนกันอย่างสุดนัว จากการที่เป็นคู่รักคู่แค้นกันมาอย่างยาวนาน

แฟน. "ปีศาจแดง" และ "ยูงทอง" ทะเลาะวิวาทกันก่อนเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดเปิดสนามฤดูกาล 2021/22 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ตามการรายงานระบุว่า กองเชียร์ของทั้งสองทีมมีเรื่องกันบริเวณใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ มีทั้งการวิ่งไล่ชกต่อยกัน รวมไปถึงการใช้เก้าอี้ขว้างปาใส่กัน โดยสื่ออังกฤษคาดว่าเหตุทะเลาะวิวาทดังกล่าวเป็นเพราะทั้งสองทีมถือเป็นคู่รักคู่แค้นการมาอย่างยาวนาน

ทั้งนี้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อนุญาตให้แฟน.เข้าชมในสนามได้อีกครั้งในฤดูกาล 2021/22 หลังซีซันที่ผ่านมาต้องเล่นกันแบบไม่มีคนดูตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยผลการแข่งขันของคู่นี้จบลงที่ชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไล่ต้อนทีมเยือนไป 5-1
#6323


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงดีอีเอสตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดตั้งศูนย์พักคอยสถานีกลางบางซื่อเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และป้องกันการแพร่ระบาดของโรค จึงได้มอบหมายให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) NT ดำเนินการสร้างโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมชั่วคราวเป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตร พร้อมติดตั้ง FTTx จำนวน 7 วงจร AP 5 ตัว แบ่งเป็น ในห้องวอรูม 1 วงจร สำหรับใช้เชื่อมกล้อง cctv 1 วงจร และบริเวณโรงนอนจำนวน 5 วงจร เพื่อให้บริการแก่เจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงผู้ป่วยโควิด-19 ได้ใช้ในการปฏิบัติงานและรักษาตัวได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยหวังผลให้ระบบทั้งหมดสามารถสนับสนุนภารกิจหลักของศูนย์ในการเป็นจุดรองรับผู้ป่วยติดเชื้อให้มาพักรักษาตัวแยกออกมาจากบ้าน ระหว่างรอส่งต่อรักษาในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า NT ได้เข้าดำเนินการติดตั้งระบบสื่อสารโทรคมนาคมชั่วคราวครอบคลุมพื้นที่โดยรอบของศูนย์พักคอยสถานีกลางบางซื่อ พร้อมกับส่งมอบอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย CCTV Dome จำนวน 32 ตัว CCTV Bullet จำนวน 8 ตัว NVR 16 Ch จำนวน 2 ตัว NVR 8 Ch จำนวน 1 ตัว HDD 4 TB จำนวน 5 ตัว Switch 16 Port จำนวน 3 ตัว TV 43 นิ้ว จำนวน 3 ตัวIntercom Master จำนวน 1 ตัว และ Intercom Sub จำนวน 5 ตัว เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆดำเนินการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และสามารถรองรับผู้ป่วยจำนวน 400 เตียงได้อย่างเต็มศักยภาพ

ทั้งนี้นอกจากการการเข้าติดตั้งระบบสื่อสารโทรคมนาคมให้แก่ศูนย์พักคอยสถานีกลางบางซื่อแล้ว NT ยังได้สนับสนุนระบบสื่อสาร ระบบอินเทอร์เน็ต ระบบกล้อง CCTV เครื่องบันทึกภาพกล้อง CCTV พร้อมอุปกรณ์ Monitor และระบบอินเตอร์คอมให้แก่ศูนย์พักคอยในสังกัดกรุงเทพมหานครอีกจำนวน 10 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์กีฬารามอินทรา เขตบางเขน ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ เขตจตุจักร ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตจตุจักร ศูนย์เยาวชน เขตดอนเมือง ศูนย์พักคอยวัดมัชฌินติการาม เขตบางซื่อ ศูนย์พักคอยส่งเสริมและสนับสนุน เขตลาดพร้าว 1 ศูนย์พักคอยวัดราษฎร์นิยมธรรม เขตสายไหม ศูนย์พักคอยส่งเสริมและสนับสนุน เขตลาดพร้าว 2 ศูนย์พักคอยอาคารคลังสินค้าบริษัท อาร์ บี เอส โลจิสติกส์ จำกัด และศูนย์พักคอยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เขตหลักสี่ โดย NT หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีส่วนช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วย นางสมจิตต์ ระชุติกุล รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและปฏิบัติการลูกค้า 2 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และผู้บริหาร ลงพื้นที่ดูแลการติดตั้งโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมส่งมอบอุปกรณ์สื่อสาร ระบบกล้อง CCTV ระบบโทรคมนาคม และน้ำดื่ม ให้แก่ศูนย์พักคอยในสังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนภารกิจหลักของศูนย์ในการเป็นจุดรองรับผู้ป่วยติดเชื้อให้มาพักรักษาตัว แยกออกมาจากบ้าน ระหว่างรอส่งต่อรักษาในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้รับมอบ ณ ศูนย์พักคอยสถานีกลางบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
#6325


เกิดเหตุวุ่นวายที่เมืองแฟรงคลิน รัฐเทนเนสซี สหรัฐฯ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังคณะกรรมการด้านการศึกษาวิลเลียมสัน เคาน์ตี ลงมติกลับมาบังคับทุกบุคคลในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่เกรด 1-12 ในนั้นรวมถึงครู ผู้บริหาร และนักเรียนกลับมาสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางเสียงคัดค้านของบรรดาผู้ปกครองและคนอื่นๆ

บรรดาผู้ปกครองของเด็กๆ ในเขตการศึกษาวิลเลียมสัน เคาน์ตี และชาวบ้านในรัฐเทนเนสซี ที่คัดค้านมาตรการบังคับสวมหน้ากาก พากันตะโกนขู่และด่าทอคณะกรรมการด้านการศึกษา ทั้งระหว่างและหลังการประชุมในประเด็นโต้เถียงดังกล่าว ตามรายงานข่าวของนิวยอร์กโพสต์

รายงานข่าวของเอ็มเอสเอ็นบีซีระบุว่า การประชุมครั้งนี้กินเวลานานถึง 4 ชั่วโมง ระหว่างนั้น 2 กลุ่มที่เห็นต่างกันได้โต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน ส่วนคณะกรรมการด้านการศึกษาก็รับฟังความเห็นจากทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านบังคับสวมหน้ากาก ซึ่งสุดท้ายแล้วทางคณะกรรมการด้านการศึกษาก็ลงมติกลับมาบังคับทุกบุคคลในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ความวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคาร (10 ส.ค.) ในเมืองแฟรงคลิน ตอนคณะกรรมการด้านการศึกษาของวิลเลียมสัน เคาน์ตี ลงมติเห็นชอบบังคับสวมหน้ากากสำหรับโรงเรียนชั้นประถมศึกษา เนื่องจากขณะเดียวกันนั้นมีพวกผู้ประท้วงรวมตัวกันอยู่ด้านนอก" นิวยอร์กโพสต์ระบุอ้างอิงรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น



นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า ระหว่างการโต้เถียงก่อนลงมติเห็นชอบมาตรการนี้ ผู้ปกครองตนเองรายหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าอดีตนาวิกโยธิน ดาเนียล จอห์นแดน บอกกับคณะกรรมการว่าเขา ผู้ปกครองคนอื่นๆ และชาวบ้านจะไล่ล่าสมาชิกคณะกรรมการในแนวทางที่ไม่ใช้ความรุนแรง "การกระทำต่างๆ มีผลลัพธ์ตามมาเสมอ หากคุณเลือกโหวตให้สิ่งนี้ เราจะไล่ล่าคุณ ในแนวทางที่ไม่ใช้ความรุนแรง" จอร์แดน กล่าว

ผู้ปกครองคนอื่นๆ ขู่ฟ้องเขตการศึกษาต่อมาตรการนี้ โดยบอกกับคณะกรรมการว่า "แล้วเจอกันในศาล" และเชื่อว่าคำสั่งบังคับสวมหน้ากากจะถูกตีตกในการยื่นคัดค้านทางกฎหมาย นอกจากนี้แล้วหลายคนได้เน้นย้ำว่าคณะกรรมการการศึกษามาจากการเลือกตั้งของชาวบ้าน ดังนั้น ก็จำเป็นต้องฟังเสียงผู้ปกครอง ซึ่งเป็นคนลงคะแนนโหวตให้พวกเขาเข้ามาทำงานบริหารจัดการเขตการศึกษา

อย่างไรก็ตาม มีผู้ปกครองอย่างน้อย 1 คน ซึ่งระบุตัวเองว่าเป็นแพทย์ดูแลผู้ป่วยหนัก แสดงความคิดเห็นสนับสนุนมาตรการบังคับสวมหน้ากาก "ในฐานะกุมารแพทย์ไอซียู เรากำลังเห็นเด็กๆ ที่มีสุขภาพแข็งแรงล้มป่วยจากภาวะการหายใจล้มเหลวและภาวะทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลันเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล มากกว่าสายพันธุ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ ในขณะที่เด็กๆ ติดเชื้อกันมากขึ้น" เธอกล่าว "แนวโน้มนี้รังแต่จะแย่ลง หากว่าเราไม่ลงมือในตอนนี้"

ประเด็นโต้เถียงเริ่มร้อนแรงขึ้น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าช่วยบรรเทาสถานการณ์ความตึงเครียด ร้องขอให้ผู้เข้าร่วมอยู่ในความสงบ ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่าเจ้าหน้าที่ถึงขั้นต้องพาตัวบุคคลรายหนึ่งออกจากห้องประชุม

กระนั้นก็ตามความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกรอบภายนอกอาคารหลังเสร็จสิ้นการประชุม หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า พวกนักเคลื่อนไหวต่อต้านหน้ากาก พากันกรูไปยังลานจอดรถและเผชิญหน้ากับคณะกรรมการด้านการศึกษาบางคนอีกครั้ง "เรารู้ว่าคุณคือใคร" ผู้ปกครองรายหนึ่งพูดกับสมาชิกคณะกรรมการด้านการศึกษา "คุณสามารถออกไปอย่างอิสระในตอนนี้ แตเราจะหาตัวคุณเจอ"

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกคำแนะนำสวมหน้ากากยามอยู่ในโรงเรียนเมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว บ่งชี้ว่าสืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตาของโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดทั่วประเทศ ประชาชนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่พบเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ควรสวมหน้ากากยามอยู่ในร่ม นอกจากนี้แล้วซีดีซียังแนะนำให้ทุกคนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่เกรด 1-12 สวมหน้ากาก โดยไม่พิจารณาว่าคนเหล่านั้นฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่

(ที่มา : เอ็มเอสเอ็นบีซี/นิวยอร์กโพสต์)
#6326


อย่างที่รู้กันอยู่ว่าทุกวันนี้การสำรวจเรตติ้งในประเทศเรานั้น ที่ได้ยินกันบ่อยๆ และมักจะเอามาอ้างอิงในศึกชิงความเป็นหนึ่งในสมรภูมิหน้าจอทีวีนั้น มักจะอ้างอิงตัวเลขมาจาก "นีลเส็น (Nielsen)" บริษัทวัดเรตติ้งเพื่อการตลาด ซึ่งตัวเลขเหล่านั้นก็จะส่งผลให้เอเจนซี่สามารถนำไปตัดสินใจว่าจะเทเม็ดเงินโฆษณานั้นลงไปให้กับช่องใดบ้าง เพราะถ้าพูดถึงว่าเรตติ้งดีเท่าไหร่ งบโฆษณาในแต่ละไตรมาสก็จะเทมามากเท่านั้น จึงไม่แปลกใจว่าทำไมช่อง 7HD ถึงยืนหนึ่งในเรื่องเรตติ้ง

แต่หลังจากพฤติกรรมคนดูในบ้านเราได้เปลี่ยนไป แม้ทีวีจะยังเป็นสื่อหลักในการเข้าถึงทุกบ้าน แต่ "สื่อออนไลน์" ก็เติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน เลยทำให้ผู้ชมบางส่วนดูผ่านออนไลน์ตามแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งก็มีให้เลือกสรรตามความชอบและความพึ่งพอใจของแต่ละบุคคล จึงทำให้หลายช่องก่อนหน้านี้ ลงทุนให้ "นีสเส็น" จัดตั้งโครงการวัดเรตติ้งทางออนไลน์ซึ่งไม่รวมกับการวัดเรตติ้งจากจอทีวี โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปี 60 ซึ่งมีทีวีดิจิตอลช่องต่างๆ เข้าร่วมอาทิ ช่อง 7, เวิร์คพอยท์ ทีวี, ไทยรัฐทีวี, ช่อง 3

ล่าสุด "สมาคมทีวีดิจิตอล" ได้ยื่นเสนอโครงการขอสนับสนุนงบประมาณ 288.8 ล้านบาท จาก กสทช.ก็ผ่านการพิจารณาอนุมัติและเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจร่วมกันแล้ว โดยมี "นีลเส็น (Nielsen)" เป็นผู้รับจ้างสมาคมฯ ทำการสำรวจแบบข้ามแพลตฟอร์ม (Cross Platform) เพื่อให้ได้ผลความนิยมทั้งจากการรับชมแบบเดิมผ่านหน้าจอทีวีและการรับชมแบบใหม่ผ่านจอออนไลน์ ในกรอบระยะเวลา 4 ปี โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป และแปลตามความเข้าใจแบบชาวบ้านง่ายๆ คือครั้งนี้จะเป็นการวัดเรตติ้งจากแพลตฟอร์มที่เป็นออนไลน์เกือบทั้งหมด เพราะนอกจากจะวัดผลจากหน้าจอทีวีแล้ว ในส่วนของหน้าจอออนไลน์ที่ออกอากาศแบบ streaming สดพร้อมกัน (ไม่นับการดูย้อนหลังแบบ VOD video on demand ) เพื่อรายงานผลเรตติ้งแบบ total rating เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการอีกด้วย โดยในครั้งนี้จะเป็นการวัดทุกช่อง ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจะทำไปพร้อมๆ กันทั้งอุตสาหกรรมทีวีบ้านเรา

โดย "สุภาพ คลี่ขจาย" นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล(ประเทศไทย) ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของโครงการนี้ว่า "เป็นโครงการที่สมาคมฯ ผลักดันอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่าสองปี นับตั้งแต่มีประกาศตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 4/2562 (ม.44) ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของผลการสำรวจความนิยมของผู้ชมเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาคุณภาพรายการของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นสื่อหลักของชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ชมทั้งผ่านจอทีวีและจอออนไลน์ โดยโจทย์สำคัญคือ จะทำอย่างไร ? ให้เกิดความน่าเชื่อถือ แม่นยำ และสามารถตรวจสอบความโปร่งใสในที่มาของกลุ่มตัวอย่างและระเบียบวิธีวิจัยในมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนารูปแบบรายการ และมีเดียเอเจนซีผู้นำไปใช้ประโยชน์วางแผนในการซื้อสื่อโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งสาระสำคัญในการสำรวจความนิยมโทรทัศน์แบบใหม่นี้ จะขยายหน่วยตัวอย่างที่ใช้เป็นพื้นฐานพัฒนาเรตติ้งรายการ จากเดิม 9,000 ตัวอย่าง เป็น 13,000 ตัวอย่าง ควบคู่กับการพัฒนาโปรแกรมการสำรวจ (Software) ระบบใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การวัดความนิยมของรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลตฟอร์ม (Cross Platform) ทั้งจากหน้าจอทีวีภาคพื้นดินและหน้าจอของแพลตฟอร์มออนไลน์ การสำรวจความนิยมรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลตฟอร์มนี้ เป็นเทคโนโลยีระบบการวิจัยล่าสุดที่ นีลเส็น ได้พัฒนาและเริ่มใช้แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก ล่าสุดได้ทำการติดตั้งระบบที่ประเทศเดนมาร์ก และซาอุดิอาระเบีย ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะใช้ระบบการวัดทีวีเรตติ้งแบบใหม่นี้"

และการวัดเรตติ้งในครั้งนี้ทั้งทางหน้าจอทีวี และทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างนั้นๆ จะถือได้ว่าเป็นทางการ โดยตัวเลขที่ได้มานอกจากจะการันตีให้รายการในช่องต่างๆ แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้เอเจนซี่ใช้ไปประกอบการตัดสินใจในการซื้อโฆษณา โดยอาจจะซื้อโฆษณาแบบเป็นแพ็กเกจพร้อมกันทั้งหน้าจอทีวี แพลตฟอร์มออนไลน์ นี่ก็ถือได้ว่าจะทำให้เม็ดเงินในอุตสาหกรรมทีวีบ้านเราเติบโตคักคักอีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญปัญหาโควิดอยู่ ณ ตอนนี้
#6329
สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด
#6330


นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม. 33 ม. 39 และ ม. 40 ว่า เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้โอนเงินเยียวยานายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตน ม. 33 ในพื้นที่ 13 จังหวัดไปแล้ว แบ่งเป็นลูกจ้าง 2,399,459 ราย เป็นเงิน 5,998.65 ล้านบาท และทำการโอนให้นายจ้างไปแล้ว 12,711 กิจการ เป็นเงิน 594.12 ล้านบาท รวมยอดเงินที่ทำการโอนไปแล้วจำนวน 6,592.77 ล้านบาท โดยจะดำเนินการทยอยโอนให้ลูกจ้างและนายจ้าง ม. 33 พื้นที่ 16 จังหวัดที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ต่อไป พร้อมกับโอนเงินให้ผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ใน 29 จังหวัด กลุ่มแรกวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เช่นกัน ซึ่งจะทยอยโอนวันละ 1 ล้านราย โดยผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม

นายธนกร กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้ามาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองและนักเรียนนักศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประจำปีการศึกษา 1/2564 ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ อยู่ระหว่างการยืนยันตรวจสอบสิทธิ์การได้รับความช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นกระทรวงศึกษาธิการ จะโอนเงินช่วยเหลือให้นักเรียนและผู้ปกครองในอัตรา 2,000 บาทต่อคน ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ สำหรับผู้ได้รับเงินเยียวยาในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการมีประมาณ 11 ล้านคน วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท

โฆษก ศบศ. กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษนั้น ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 38 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสมรวม 62,967.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 23.49 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 56,339.7 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 28,588.2 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 27,751.5 ล้านบาท 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 66,101 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,161 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 31 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.48 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 5,110.8 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 979,821 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 325.2 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งพิจารณาเชื่อมต่อแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่เพื่อให้สามารถเชื่อมกับโครงการ "คนละครึ่ง" ด้วย คาดว่าจะดำเนินการเชื่อมระบบเสร็จสิ้นและพร้อมใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เพื่อให้ทันกับการรองรับการโอนเงิน "คนละครึ่ง" รอบ 2 อีก 1,500 บาท ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเร่งเยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม