• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kaidee20

#6406


ไอคอนสยาม แลนด์มาร์คสำคัญของไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยาร่วมมอบความสุขและนำรอยยิ้มสยามกลับคืนสู่ประชาชนคนไทยทุกคนอีกครั้ง โดยได้จับมือกับผู้ประกอบการร้านค้าดังกว่า 100 แบรนด์ จัดงาน"SIAM Smile Market" ขนทัพขบวนสินค้ามากกว่า 1,500 รายการ มาลดราคาสูงสุด 80%เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้กลับมามีรอยยิ้มและสู้ไปด้วยกันอีกครั้ง โดยงานจะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2564 ณ บริเวณเจริญนคร ฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม ภายใต้มาตรการป้องกันขั้นสูงสุดในทุกด้าน ทั้งความสะอาดของสถานที่ พนักงาน และสินค้าที่จัดจำหน่าย  ไอคอนสยาม จัดงาน "SIAM Smile Market" งานออกร้านจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาย่อมเยาว์ โดยได้ร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้านำสินค้าแบรนด์ดัง อาทิ เครื่องสำอาง, เครื่องหนัง, เสื้อผ้า, เครื่องประดับ, รองเท้า, เครื่องใช้ภายในบ้าน, ชุดเครื่องนอน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก, สินค้าสปาความงาม, หน้ากากอนามัย, สเปรย์แอลกอฮอล์ และสินค้าอีกมากมาย จำนวนกว่า 1,500 รายการ มาจัดจำหน่ายให้กับประชาชนราคาลดพิเศษ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้า และประชาชนทั่วไปได้มาจับจ่ายสินค้าคุณภาพในราคาลดพิเศษสุด ทั้งยังบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ช่วยลดภาระค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมคืนความสุขให้กับประชาชนคนไทยทุกคนที่กำลังก้าวข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ ให้กลับมามีรอยยิ้มด้วยกันได้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นด้วย
   



นอกจากนี้ ในระหว่างวันที่ 25 กันยายน – 4 ตุลาคม 2564 ไอคอนสยามยังได้เปิดพื้นที่ลานเมือง 1 เมืองสุขสยาม ชั้น G ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้าชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ร้านค้าจากชุมชนใกล้เคียงย่านคลองสานและธนบุรี มาเปิดบูธขายสินค้าของดีของดังย่านฝั่นธนฯ อาทิ ขนมฝรั่งกุฎีจีน ขนมถ้วยสูตรชาววัง หมูกระจก น้ำพริกกากหมู กล้วยฉาบ เผือกฉาบ น้ำอ้อยเกล็ดหิมะ น้ำสมุนไพร น้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว ขนมจีบต้ม ซาลาเปา กรือโป๊ะ แคปกุ้ง แคปปลา และสินค้าอุปโภคขึ้นชื่อ อาทิ บ้านเรือนไทยจำลอง รองเท้าทำมือ เครื่องประดับทำมือ น้ำมันนวดสมุนไพรไทย เสื้อผ้าผ้าไทย กระเป๋าผ้าไทย เพื่อให้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคได้โดยตรง และเพื่อช่วยลดผลกระทบและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยมาร่วมเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีราคาพิเศษ ภายในงาน "SIAM Smile Market" ได้ระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2564 ณ บริเวณเจริญนคร ฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร ภายใต้มาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยในทุกมิติอย่างสูงสุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 1338
#6407


ผบช.สตม.แถลงจับกุมหนุ่มชาวจีนใช้รอยประทับตราเข้าเมืองปลอม พบเกี่ยวข้องขบวนการลักลอบนำชุดตรวจ ATK เข้าไทย

วันนี้ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ เเสงเสียงฟ้า รอง ผบก.ตม.2 ร่วมเเถลจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญ ดังนี้

คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 และ บก.ปคม. ร่วมกันจับกุมนายไห่ หนิง สัญชาติจีน อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาใช้รอยตราประทับเข้าเมืองปลอม สืบเนื่องจากตำรวจ ตม. และ ปคม. ได้ทำการสืบสวนเเละได้ทราบว่า มีชายชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบนำเข้าชุดตรวจ ATK โควิด-19 จำนวนนับล้านชิ้นซึ่งทำเป็นขบวนการราว 10 คน โดยมีชาวไทยเกี่ยวข้องด้วย เเละชายชาวจีนผู้นี้ยังอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฏหมาย ภายหลังทราบตำรวจจึงบุกจับกุมทราบชื่อคือ นายไห่ หนิง จากการจับกุมไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายใดๆ เเต่พบความผิดปกติในส่วนของหนังสือเดินทางที่มีการใช้รอยประทับเข้าเมืองปลอม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจนวันอนุญาตสิ้นสุด และไม่ได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักร

เบื้องต้นแจ้งข้อหา นายไห่ หนิง ฐานเป็นคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวอยู่โดยการอนุญาตสิ้นสุด และปลอมและใช้รอยตราประทับของหน่วยงานราชการปลอม นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนอีกคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 จับกุม นายโมฮัมเหม็ด สัญชาติอียิปต์ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบพบว่านายโมฮัมเมด เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเเละพำนักอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาติสิ้นสุดมาเป็นเวลากว่า 1 ปีเเล้ว เเละหลังจากการตรวจสอบภายหลังทราบว่า นายโมฮัมเหม็ด เคยถูกจับกุมตัวมาเเล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2561 จากพฤติกรรมเป็นมาเฟียอาหรับ ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในบริเวณซอยนานาให้นักท่องเที่ยวราตรีชาวต่างชาติ ซึ่งในการจับกลุ่มครั้งนั้นนายโมฮัมหมัดก่อนถูกส่งกลับประเทศได้มีการนำหนังสือเดินทางอีกฉบับมาเเสดงเพื่อต้องการกลับมาประเทศไทยอีกครั้งพอครั้งถึงต้นปี 2563 ก่อนการปิดประเทศ นายโมฮัมเหม็ด ก็ได้ปลอมเเปลงชื่อ-สกุล เปลี่ยนวันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด เเปลงสีผมเเละหนวดเครา พร้อมใช้หนังสือเดินทางสัญชาติอียิปต์เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ในครั้งนี้ ในเบื้องต้นต้นเจ้าหน้าที่เเจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต้างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด เเล้วจึงส่งพนักงานสืบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
 
#6408
น้ำมันว่านจูงนาง   ใส่ตะกรุดนะเมตตามหานิยม ให้ทุกขวด  ขวดละ 399 บาท


 หุงด้วย น้ำมันบารมีครู 108 มหามงคล (น้ำมันแช่เหล็กไหลไพลดำ น้ำมันว่านไก่แดง น้ำมันว่าน 108 น้ำมันเกราะเพชร น้ำมันจักรพรรดิ น้ำมันชาตรี มวลสารมหามงคล 108 รัตนชาติฐานรองพระธาตุพระสีวลี )  

ช่วยในเรื่องเมตตา มหาเสน่ห์และโชคลาภ

คาถากำกับ     ปาสุอุชา จิตตังภิกขิรินิเม    ท่อง  9 จบ

แล้วอธิษฐานใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ว่านจูงนางนักเลงชาย หญิง แต่โบราณ ชอบสาว ชอบหนุ่มใด มักจะเอาดอกเอาต้นว่านไปแช่น้ำมันจันทร์บ้างน้ำมันเสน่ห์ต่างๆหรือผสมกับสีผึ้งใช้ติดตัวทางปาก ทาหน้าทางมือ เพราะมีความเชื่อว่าว่านจูงนางนี้มีพลังเสน่ห์เมตตามหานิยมรุนแรง ต่อเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกัน ชักจูงได้ง่าย ทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามง่าย เชื่อง่าย และยังกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายให้เกิดความหลงใหลได้อย่างง่ายดาย และว่านจูงนางนี้ยังสามารถช่วยให้เจรจาค้าขายกับผู้คนต่างๆอย่างได้ผลพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจมักมีติดตัวไว้ใช้กัน

 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลย

หรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
 https://www.lazada.co.th/products/-i1162308605-s2732826682.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store 
#6410
ชื่อดีเสริมมงคล เกื้อหนุนให้ประสบความเจริญรุ่งเรืองดังใจหวัง

รับวิเคราะห์ชื่อให้ฟรี !!!!

รับตั้งชื่อ ตั้งชื่อเด็ก เปลี่ยนชื่อ หาชื่อมงคล
ใช้ทั้ง 3 ศาสตร์ คือตามหลักทักษา เลขศาสตร์ อายตนะ

ตามความเชื่อแบบไทย "ชื่อ" เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะไม่เพียงจะเป็นคำที่ใช้แทนตัวเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้คุณให้โทษแก่เราอีกด้วย ดังนั้นการ "ตั้งชื่อ" ให้แก่เด็กหรือแม้แต่เปลี่ยนชื่อให้ตัวท่านเอง ต้องทำตามตำราจึงจะเป็นมงคล

การตั้งชื่อมงคลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตามเงื่อนไขของทุกศาสตร์ทุกตำรา เพื่อจะได้ชื่อดี ๆ สักชื่อนึงไม่ง่ายเลย ต้องมีการวิเคราะห์ชื่อแยกแยะอักขระ คำนวณวิเคราะห์ร้อยชื่อพันชื่อหากโชคดีอาจได้มาสักชื่อนึงก็เป็นได้ ได้ชื่อแล้วจะต้องดูผลคำทำนายรวมกับนามสกุลอีก ใช้แต่ละศาสตร์กลั่นกรองชื่อ แต่ละชื่อใช้เวลาในการคำนวณพอสมควร

ค่าครูในการตั้งชื่อ 299 บาท (จากปกติ 599 บาท) ท่านจะได้รับ

รับชื่อมงคล 2-3 ชื่อ มีคำอ่านและคำแปลของชื่อ
วิเคราะห์ชื่อใหม่ให้ทั้ง 3 ศาสตร์ ไม่ว่าหลักทักษา หลักเลขศาสตร์ หลักอายตนะ
ชื่อที่ได้รับจะผ่านการทำพิธีเสริมดวง เสริมมงคลให้ด้วย
ฤกษ์ในการเปลี่ยนชื่อ
พิธีกรรมที่ส่งเสริมการใช้ชื่อใหม่ ให้เกิดความเป็นสิริมงคล

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์ชื่อฟรี ตั้งชื่อ เปลี่ยนชื่อ ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/3
  
#6411


รองโฆษกสำนักนายกฯ แจงรัฐบาลไม่บังคับฉีดวัคซีน นร. ไม่ได้ฉีดก็ไปเรียนได้ขึ้นอยู่กับ คกก.โรคติดต่อจังหวัด ย้ำฉีดเข็ม 3 ยังคงติดโควิด เหตุเพราะฉีดเพื่อป้องกันป่วยรุนแรง-เสียชีวิต

วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล" ถึงการฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนว่า การฉีดวัคซีนขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งสิ้น 44.7 ล้านโดส เข็มแรก 29 ล้านโดส เข็มสอง 15 ล้านโดส เข็มสาม 6 แสนโดส

สำหรับข้อกังวลฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แล้วทำไมยังติดเชื้ออยู่นั้น ขอชี้แจงว่าไม่ว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งสองหรือสาม อาการติดเชื้อโควิค-19 ก็ยังคงมีอยู่ เพราะการฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันอัตราการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรืออัตราการเสียชีวิตได้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับข้อกังวลในเรื่องการฉีดไฟเซอร์ให้ให้แก่เด็กนักเรียน อายุ 12-17 ปี ราว 4.5 ล้านคนนั้น ทางรัฐบาลไม่ได้บังคับ แต่ให้เป็นไปด้วยความสมัครใจโดยผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมีการให้ข้อมูลมีการชี้แจงถึงข้อดีข้อเสีย ก่อนที่จะกรอกข้อมูลยินยอมว่าจะให้ฉีดวัคซีนหรือไม่ให้ฉีดวัคซีน และให้ส่งกลับมายังสถานศึกษาอีกครั้งหนึ่ง แล้วเมื่อฉีดวัคซีนแล้วจะมีการจัดเก็บระบบอยู่ในฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและติดตามอาการจากการฉีดอย่างต่อเนื่อง

"โดยระยะแรกนี้รัฐบาลจะฉีดให้เป็นวัคซีนของ mRNA ของไฟเซอร์ก่อน ส่วนในระยะถัดไปก็อาจจะมีวัคซีนที่เป็นเชื้อตายเพิ่มมากขึ้น หากผู้ปกครองท่านใดไม่อยากจะให้เด็กฉีดวัคซีนที่เป็น mRNA ก็สามารถที่จะรอวัคซีนเชื้อตายได้ ต้องขอย้ำตรงนี้ว่าการเปิดเรียนไม่ได้เป็นเงื่อนไขสำคัญของการฉีดวัคซีนเพราะหลายแห่งก็ตั้งใจที่จะเปิดการเรียนการสอนอยู่แล้วเพียงแต่การฉีดวัคซีนจะสร้างความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้น เด็กนักเรียนอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็สามารถไปเรียนได้ตามปกติ ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด" น.ส.ไตรศุลี กล่าว.
#6413
ขายถูกที่ติดถนนเอเซียAH1 บ้านตาก (ตากออก) จ.ตาก ไร่ละ1.5ลบ.โทร 0837124115
#6414
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

 

 

#6417


ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นสัปาดาห์ โดยปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1,617.31จุด  ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 1,625.65 จุด หรือ ลดลง 9.70 จุด 
   
ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา(13-17 ก.ย.2564) มีมูลค่าหุ้นที่ถูกชอร์ตเซล รวม33,271.65 ล้านบาท  ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลพบ 10 อันดับหุ้นที่ถูกชอร์ตเชลมากที่สุด ดังนี้ 

1. บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) มูลค่า 2,069.93 ล้านบาท แบ่งเป็นชอร์ตเซลหุ้นสามัญ 92.13 ล้านบาท  และเป็นการชอร์ตใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย( NVDR) จำนวน 1,977.79 ล้านบาท  โดยราคาหุ้น DELTA ปรับตัวลดลง25.53%  หรือ 194 บาท จากราคาหุ้น 760บาท มาปิดที่ 566 บาท  จากประเด็นความกังวลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เตรียมปรับเกณฑ์ คำนวณดัชนีSET50และ SET100  ทำให้กังวลว่าหุ้น DELTA จะหลุดจากการคำนวณดัชนี จากตลท.กำลังหารือการไม่นำหุ้นที่ช่วงนั้นมีปริมาณการซื้อขายผิดปกติ (ติดแคชบาลานซ์) คำนวณดัชนี 


2.บมจ.ปตท. (PTT) มูลค่า 1,967.61 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญ 1,074.87 ล้านบาท และเป็น NVDR 892.74 ล้านบาท  

3.บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์(KCE)มูลค่า 1,157.00 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญ 240.51 ล้านบาท และ NVDR 916.48 ล้านบาท 

4. บมจ.ซีพี ออลล์ จำ(CPALL) มูลค่า 1,137 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญ  378.56 ล้านบาท และNVDR 759.39 ล้านบาท 

5. บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA)มูลค่า  1,088.47 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญ  212.39 ล้านบาท และ  NVDR 876.08 ล้านบาท 

6.บมจ. โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่(GPSC) มูลค่า  999.36 ล้านบาท แบ่งเป็น 225.34 ล้านบาท และ NVDR  774.02 ล้าน บาท 

7. บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มูลค่า  914.19 ล้านบาท  แบ่งเป็น 471.66 ล้านบาท และ NVDR 442.52 ล้านบาท 

8.บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์(INTUCH)  มูลค่า  796.38 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญ  376.57 ล้านบาท และ NVDR 419.81 ล้านบาท 

9.บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)  มูลค่า 770.86 ล้านบาท  แบ่งเป็น หุ้นสามัญ 423.90 ล้านบาท และ NVDR  346.95 ล้านบาท 

10.บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)มูลค่า 747.35 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญ 378.24 ล้านบาท และ NVDR 369.10 ล้านบาท 

เปิด10 อันดับหุ้นถูกชอร์ตเซลมากสุด  DELTAโดนถล่มหนัก


ทั้งนี้ตลท.อนุญาตให้ ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (NVDR) เฉพาะใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทยที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นหุ้นสามัญที่สามารถขายชอร์ตได้ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2562  เป็นต้นไป

NVDR หรือ ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย เป็นตราสารที่ออกโดยบริษัทที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้น ซึ่งคือ "บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด" (Thai NVDR Company Limited) เอ็นวีดีอาร์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนโดยอัตโนมัติ (Automatic List) 

วัตถุประสงค์หลักของเอ็นวีดีอาร์ คือเพื่อกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาดหลักทรัพย์และเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศ ที่สนใจลงทุนในบริษัทจดทะเบียนแต่อาจไม่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์นั้นได้ อันเนื่องมาจากการควบคุมสัดส่วนการถือครองหหลักทรัพย์ของคนต่างด้าวที่ระบุไว้ตามกฎหมายไทย

ดังนั้น เอ็นวีดีอาร์ จึงเป็นอีกทางเลือกให้กับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหลักทรัพย์นั้น ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงิน เช่น เงินปันผล และสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียน แต่ผู้ถือเอ็นวีดีอาร์จะไม่มีสิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมของบริษัทจดทะเบียน (Non-Voting Rights)

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเอ็นวีดีอาร์จะออกมาเพื่อส่งเสริมการลงทุนของผู้ลงทุนชาวต่างประเทศ แต่ผู้ลงทุนไทยก็สามารถลงทุนในเอ็นวีดีอาร์ได้
#6419


จากกรณีที่กรมศุลกากร เตรียมพิจารณาปรับลดพิกัดอัตราขาเข้าสินค้าประเภทไวน์ สุรา และยาสูบประเภทซิการ์ลงกึ่งหนึ่ง เป็นเวลา 5 ปี ตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาพำนักและลงทุนในประเทศ


วันที่ 19 ก.ย.64 ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และหัวหน้าโครงการวิจัย ติดตามและเฝ้าระวังอุตสาหกรรมยาสูบในประเทศไทย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือว่าผิดความคาดหมายของภาคีเครือข่ายนักวิชาการควบคุมยาสูบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมาก ซึ่งทราบกันดีว่ากระทรวงการคลังจะเสนออัตราภาษีบุหรี่ใหม่ให้กับคณะรัฐมนตรีเพื่อมาแทนระบบภาษีปัจจุบันที่ใช้ระบบ 2 อัตรา ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ซึ่งข้อเสนอของภาคนักวิชาการควบคุมยาสูบ เสนอให้ใช้อัตราภาษีเดียวในบุหรี่ทุกประเภท และภาษีอัตราใหม่จะต้องมีผลให้บุหรี่ทุกประเภทมีราคาไม่ถูกลงจากราคาปัจจุบัน เพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน วัยรุ่น ไม่ให้เข้าถึงบุหรี่ได้ง่าย ที่สำคัญภาครัฐจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้น

ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษีบุหรี่โดยเปลี่ยนจากภาษีอัตราเดียวเป็นสองอัตรา เมื่อปี 2560 ทำให้คะแนนประเมินภาษีบุหรี่ของไทย โดย University of Illinois Chicago ในปี 2561 ได้ 1.75 คะแนน ลดลงจาก 2.25 คะแนน ในปี 2559 เป็นช่วงก่อนการปรับโครงสร้างภาษี นอกจากจะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีลดลงแล้ว ยังส่งผลให้ปริมาณบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย คือจาก 3.4% เมื่อปี 2557 เพิ่มเป็น 5.7% ในปี 2561

ขณะที่ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า กระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี จะรู้ทันบริษัทบุหรี่ ไม่หลงกลการนำบุหรี่เถื่อนมาเป็นข้ออ้างไม่ให้ขึ้นภาษี ขอให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ที่คำนึงถึงสุขภาพและชีวิตของคนไทย โดยอัตราภาษีใหม่ควรเป็นอัตราเดียว และต้องทำให้ราคาบุหรี่ขายปลีกมีราคาสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน เพื่อสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้คนเลิกสูบหรือสูบน้อยลง และป้องกันไม่ให้เด็ก เยาวชน เข้ามาเสพติดบุหรี่ เพราะการที่บุหรี่มีราคาถูกเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กและเยาวชนเข้ามาติดบุหรี่ โดยจะต้องทำควบคู่กับการออกนโยบายเพื่อจัดการบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องสุขภาพของคนไทยให้ปลอดภัยจากบุหรี่ และลดค่าใช้จ่ายทางสุขภาพจากโรคที่เกิดจากบุหรี่ของประเทศไทย

สำหรับ ระบบภาษีที่ใช้อยู่ในขณะนี้คือ เป็นระบบ 2 อัตรา คือ บุหรี่ที่มีราคาขายปลีกต่ำกว่าซองละ 60 บาท เก็บภาษี 20% และบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกสูงกว่า 60 บาท เก็บภาษี 40% ซึ่งระบบภาษีนี้มีจุดอ่อนที่เปิดโอกาสให้บริษัทบุหรี่ลดราคาขายปลีกลงมาเท่ากับหรือต่ำกว่าซองละ 60 บาท เพื่อเสียภาษีน้อยลง ทำให้ราคาขายปลีกเฉลี่ยลดลง รัฐบาลเก็บภาษีได้ลดลง
#6420


ไชน่า เอเวอร์แกรนด์กรุ๊ป คือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของจีน มีรายได้รวมในปี 2563 ถึง 7.35 หมื่นล้านดอลลาร์ มีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 1,300 โครงการใน 208 เมืองทั่วประเทศจีน และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้มากเป็นอันดับ 1 ของโลกด้วยคือ เกือบ 2 ล้านล้านหยวน เท่ากับ 3แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มีธนาคารและสถาบันการเงินจีนเป็นเจ้าหนี้กว่า 128 แห่ง เป็นมูลหนี้ 572,000 ล้านหยวน

วันที่ 20 กันยายน ถึงกำหนดจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้บางส่วนของหนี้เหล่านี้ เอเวอร์แกรนด์แจ้งกับเจ้าหนี้เมื่อต้นสัปดาห์ก่อนว่า อาจจะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยตามกำหนดได้ และกำลังเจรจาขอยืดเวลาชำระหนี้รวมทั้งขอรีไฟแนนซ์หนี้บางส่วน สถาบันจัดอันดับเครดิตเอสแอนด์พี และฟิทช์ เรตติ้งส์ ปรับลดความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์ลงไปอยู่ในอันดับที่มีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้

วันที่ 17 กันยายน ธนาคารกลางจีน อัดฉีดเงินสดสูงถึง 90,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 460,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งนับเป็นการอัดฉีดเงินก้อนใหญ่ที่สุดในปีนี้ คาดเดากันว่าเพื่อเสริมสภาพคล่อง รองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ หรือล้มละลาย นอกเหนือจากการอัดฉีดเงินเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ที่ประชาชนจะมีการใช้จ่ายเงินมากกว่าปกติ

เอเวอร์แกรนด์ ยังได้ชื่อว่า เป็นผู้ออก "จังค์บอนด์" หรือตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงรายใหญ่สุดของจีน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านหยวน หรือเท่ากับ 10% ของหนี้ทั้งหมด นอกจากนักลงทุนสถาบันที่ถือตราสารเหล่านี้แล้ว ยังมีนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งพนักงานบางส่วนของเอเวอร์แกรนด์เองที่ซื้อตั๋วเงินของเอเวอร์แกรนด์ ที่ให้ดอกเบี้ยสูง

เจ้าหนี้อีกกลุ่มหนึ่งคือ ผู้ซื้อคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ของเอเวอร์แกรนด์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่จ่ายเงินดาวน์ล่วงหน้าไปแล้วเป็นเจ้าหนี้กลุ่มใหญ่ที่สุด ประมาณ 1.4 ล้านราย คิดเป็นมูลค่า 1.3 ล้านล้านหยวน

นอกจากนั้นยังมีเจ้าหนี้ที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ซัปพลายเออร์ ซึ่งเอเวอร์แกรนด์ติดค้างค่าจ้าง ค่าสินค้าอยู่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งของเจ้าหนี้เหล่านี้หลายร้อยคนไปชุมนุมประท้วงหน้าสำนักงานเอเวอร์แกรนด์ ที่เซินเจิ้นและเฉิงตู เรียกร้องให้บริษัทจ่ายหนี้ที่ค้างอยู่ ที่เมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี นักลงทุนที่ซื้อตั๋วเงินเอเวอร์แกรนด์กว่า 300 คน บุกจับผู้บริหารสาขาเอเวอร์แกรนด์เป็นตัวประกัน เพื่อขอเงินลงทุนคืน

เอเวอร์แกรนด์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่นครเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง โดยสวี่ เจียยิ่นซึ่งได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์เป็นคนรวยอันดับ 3 ของจีน และเป็นอันดับที่ 31 ของโลก เอเวอร์แกรนด์เติบโตอย่างรวดเร็ว ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในรอบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเติบใหญ่ของชนชั้นกลาง ที่เป็นตลาดหลักของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่เป็นตลาดที่เป็นความต้องการที่อยู่อาศัยจริงและตลาดเก็งกำไร

เช่นเดียวกับธุรกิจเอกชนยักษ์ใหญ่อื่นๆ เอเวอร์แกรนด์ระดมทุนโดยการก่อหนี้มาขยายธุรกิจ ทั้งที่เป็นหนี้ที่กู้จากสถาบันการเงิน และการกู้โดยตรงจากตลาดเงิน โดยการออกตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง ขายให้กับนักลงทุนรายย่อย

สองปีที่แล้วรัฐบาลปักกิ่งมีนโยบายจำกัดการก่อหนี้ของภาคเอกชน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับระบบการเงิน และระบบเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนั้น ยังควบคุมการกู้เงินผ่านตลาดการเงิน ในรูปของการออกตราสารหนี้ระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น ตั๋วเงินขายให้กับประชาชนทั่วไป เพราะการระดมทุนในลักษณะดังกล่าว ขยายตัวใหญ่มากจนเกิดเป็น "ธนาคารเงา" ใหญ่กว่าธนาคารในระบบ แต่ไม่มีระบบกำกับดูแล และมีหลายกรณีที่เข้าข่าย "แชร์ลูกโซ่" ที่ทำให้ประชาชนต้องสูญเงินจำนวนมาก

นโยบายจำกัดการก่อหนี้ ทำให้เอเวอร์แกรนด์ประสบปัญหาสภาพคล่องเรื่อยมา นอกจากนั้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในสภาวะซัปพลายมากกว่าดีมานด์หลายเท่า รายได้จากการขายโครงการล่วงหน้า ไม่เพียงพอที่จะทำให้บริษัทลดภาระหนี้สินที่สั่งสมมานานหลายปีให้ลดน้อยลงไปได้

เอเวอร์แกรนด์จึงเปรียบเสมือนระเบิดเวลาลูกใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และระบบเศรษฐกิจจีน ที่ตอนนี้ใกล้จะระเบิดแล้ว มีการเปรียบเทียบเอเวอร์แกรนด์กับเลห์แมน บราเธอร์ส สถาบันการเงิน การลงทุนของสหรัฐอเมริกา ที่ล้มละลายไปเมื่อปี ค.ศ. 2008 และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบการเงินของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า วิกฤตซับไพรม์ หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

แต่เอเวอร์แกรนด์ แม้จะเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จีน แต่เมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจทั้งหมดแล้ว ถือว่าเล็กมาก ไม่ได้ใหญ่จนรัฐบาลต้องอุ้มเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบ หนี้ที่มีกับสถาบันการเงินก็อยู่ในขอบเขตที่จัดการได้ หากว่าจะกลายเป็นหนี้เสีย อีกทั้งนโยบายล่าสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อภาคเอกชนคือ การควบคุมไม่ให้ใหญ่เกินไป และจำกัดการก่อหนี้ไม่ให้เป็นความเสี่ยงต่อระบบ รวมทั้งการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ไม่สนับสนุนการสร้างความร่ำรวยที่มากเกินไป

ดังนั้น รัฐบาลปักกิ่งจึงน่าจะปล่อยให้เอเวอร์แกรนด์แก้ปัญหาเอง ตามครรลองของธุรกิจไม่เข้าไปแทรกแซงโดยไม่จำเป็น ถ้าแก้ไม่ได้ก็ปล่อยให้ล้มไปเอง