• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Shopd2

#2841



นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่าขณะนี้ทรีนีตี้เองมีลูกค้าที่ปรึกษาในการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในมือ อยู่ราว 7-9 บริษัท และช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทรีนีตี้ได้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ให้กับ 3 บริษัท  คือ บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเชีย (AMR) บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) และบมจ.เบริล 8 พลัส (BE8)

ทั้งนี้ ทิศทางธุรกิจการให้บริการด้านวาณิชธนกิจ ถือเป็นธุรกิจที่สำคัญและมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุน นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในธุรกิจที่ได้ประโยชน์หรือไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยตรง ซึ่งบริษัทเหล่านี้ยังคงต้องการระดมเงินทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ เช่น ธุรกิจด้านเทคโนโลยี ธุรกิจด้านพลังงาน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตาม "วิถีชีวิตใหม่"

ขณะที่บางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและอาจจะชะลอแผนการระดมทุนเข้าตลาดหุ้นออกไป  คาดว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายในปีหน้าก็น่าจะทยอยกลับเข้ามาได้ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เพราะตลาดทุนคือแหล่งเงินทุนที่สำคัญ ทำให้ธุรกิจให้บริการด้านวาณิชธนกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก


นายดิถดนัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาในการออกและเสนอขายหุ้น IPOนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งของทีมวาณิชธนกิจของทรีนีตี้ โดยนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจวาณิชธนกิจแล้ว ยังทำให้ลูกค้าของบริษัทได้มีโอกาสลงทุนในหุ้น IPO ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีด้วย

โดยปี 2563 บริษัทได้รับรางวัลยอดเยี่ยม หรือ Deal of the Year ด้านการระดมทุนในฐานะที่ปรึกษาการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เสนอขายหุ้น IPO ให้กับ บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ในงาน SET Awards ปี 2020 โดยช่วง 3 ปีที่่ผ่านมาบริษัท  ได้เป็นที่ปรึกษานำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 4 บริษัท และมีมูลค่าระดมทุนรวมราว 10,000 ล้านบาท


บริษัท มีบริการที่ปรึกษาทางการเงิน และงานวาณิชธนกิจครบวงจร หรือ "ONE STOP SERVICE" ครอบคลุมด้านการระดมทุนผ่านตราสารทุนและตราสารทุนหนี้ การควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ตลอดจนต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยได้มีการจัดตั้งบริษัท ทรีนีตี้ อินเทลลิเจนส์ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จะเข้าไปวางระบบการควบคุมภายใน หรือการตรวจสอบภายในให้แก่บริษัทที่กำลังเตรียมความพร้อม

โดยให้บริการลูกค้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำและเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับบริษัทในการสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาธุรกิจให้มีมาตรฐาน มีโครงสร้างและระบบการบริหารจัดการที่ดีขึ้น รวมทั้งมีระบบการควบคุมภายในที่ดี เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่ว่าบริษัทนั้นจะมีเป้าหมายในการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือไม่ก็ตาม เพราะถือว่าเราได้มีส่วนสำคัญในการเข้าไปพัฒนาและยกระดับมาตรฐานธุรกิจให้ลูกค้าและหากลูกค้ามีเป้าหมายที่่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ถือเป็นการส่งต่อบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีคุณภาพให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วย    
#2842



"สกาย ไอซีที" จับมือ AppMan เชื่อมโยงเทคโนโลยี Face Recognition กับ Optical Character Recognition ต่อยอดระบบโครงสร้างพื้นฐาน e-KYC ครบวงจรและปลอดภัยยิ่งขึ้น รองรับความต้องการแห่งอนาคต หลังภาครัฐ-เอกชนมุ่งสู่ดิจิทัล ต้องการระบบความปลอดภัยยืนยันตัวตนผ่านออนไลน์ 

นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY กล่าวว่า เทคโนโลยีการทำความรู้จักลูกค้าด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ถือเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของธุรกิจและแพลตฟอร์มต่างๆ สำหรับการเปิดให้บริการบนช่องทางออนไลน์ บริษัทในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย จึงร่วมกับบริษัท แอพแมน จำกัด (AppMan) ผู้นำเทคโนโลยี OCR อันดับหนึ่งในตลาดเรื่องความแม่นยำในการอ่านอักขระโดยเฉพาะภาษาไทย เชื่อมโยงเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน เพื่อสนับสนุนการทำสร้างระบบ e-KYC Solution ครบวงจร พร้อมตอบโจทย์โลกแห่งอนาคต

"เรามีความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้า หรือ Face Recognition ที่ได้รับเทคโนโลยีมาจากพันธมิตรชั้นนำด้าน AI ของโลกอย่าง SenseTime ขณะเดียวกัน AppMan ก็ถือเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการอ่านอักขระด้วยแสง หรือ Optical Character Recognition เมื่อเราเชื่อมโยงเทคโนโลยีของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน จะช่วยให้เราสามารถสร้าง e-KYC Solution ครบวงจร สร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยให้แก่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่กำลังมุ่งหน้าสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายสิทธิเดช กล่าว

ทั้งนี้ เทคโนโลยี e-KYC ของทั้ง 2 บริษัทจะช่วยพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้งานผ่านการสแกนบัตรประชาชน สแกนเอกสารทางราชการ ตลอดจนสแกนใบหน้าบนแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันต่างๆ ช่วยให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถป้องกันการปลอมแปลงเอกสารหรือตัวตน ป้องกันความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เรียกใช้ข้อมูลได้ง่ายจากฐานข้อมูล ลดขั้นตอนการทำงานเมื่อเทียบกับการต้องยืนยันตัวตนแบบต่อหน้า (Face to Face) ขณะเดียวกัน ยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ลดขั้นตอนการกรอกเอกสาร ลดระยะเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเทคโนโลยี Face Recognition และ OCR ของบริษัทยังมีจุดแตกต่างจากเทคโนโลยี e-KYC ทั่วไปที่มักมีต้นทุนต่อการทำธุรกรรม (Transaction) ค่อนข้างสูง การผนึกกำลังระหว่าง 2 บริษัทจะส่งผลให้ลูกค้ามีต้นทุนต่อ Transaction ต่ำลง เพื่อให้บริการในราคาที่เข้าถึงได้ มีความแม่นยำสูง อีกทั้งมีความปลอดภัยมาตรฐาน Banking Grade

ด้านนายธนภูมิ เจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอพแมน จำกัด หรือ AppMan ผู้นำเทคโนโลยี OCR อันดับหนึ่งในตลาด กล่าวว่า เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่มีความเปราะบางสูง บริษัทฯ จึงสร้างความเชื่อมั่นปกป้องข้อมูลความปลอดภัย ผ่านการตรวจสอบ (Audit) ทุกขั้นตอนมาตรฐานสากลระดับ CSA- Star Level 2 และ ISO/IEC27001 ก่อนนำเสนอสู่ตลาด พร้อมให้บริการบน Cloud อีกทั้งในระดับโลกนั้น เทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกับ e-KYC เข้ามามีบทบาทสำคัญมากในหลากหลายกลุ่มธุรกิจระยะหนึ่งแล้ว เช่น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลโดยตรง เช่น ธุรกิจศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใช้ e-KYC เข้ามายืนยันตัวตน ป้องกันการโจรกรรมทางการเงินและการฟอกเงิน กลุ่มธุรกิจการศึกษาที่ปัจจุบันเริ่มมีสถาบันการศึกษาดิจิทัล หรือแม้กระทั่งการเรียนออนไลน์ของสถาบันการศึกษาต่างๆ ใช้ e-KYC เข้ามาช่วยยืนยันตัวตนผู้เข้าเรียนและผู้เข้าสอบ

"ในไทยเอง e-KYC เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในแทบทุกกลุ่มธุรกิจ เช่น ในกลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ มีการปรับตัวให้บริการคำปรึกษาด้านสุขภาพแบบ Online Video Consultation ต้องมีกระบวนการ Digital Onboarding และ e-KYC เข้ามาเกี่ยวข้อง ความร่วมมือกับสกาย ไอซีทีในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ทั้ง 2 บริษัทขยายโอกาสในการบริการกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น รองรับทั้งการเติบโตในไทยและระดับโลก" นายธนภูมิ กล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ทั้ง 2 บริษัทจะมุ่งเจาะตลาด มีทั้งกลุ่มหน่วยงานภาครัฐที่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการพิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบเอกสารทางราชการเพื่อความปลอดภัย กลุ่มภาคเอกชนในหลากหลายประเภทธุรกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มธุรกิจประกันภัย กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจการศึกษา กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ กลุ่มธุรกิจขนส่งอาหาร กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เป็นบริษัท Tech Company เต็มรูปแบบที่เน้นการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions ให้ลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะของ SKY ICT

ขณะที่บริษัท แอพแมน จำกัด หรือ AppMan เป็นบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีกระบวนการทำงานอัจฉริยะ หรือ Intelligent Working Process (IWP) ดิจิทัลโซลูชันหลากหลายรูปแบบด้วยความเชี่ยวชาญเทคโนโลยี OCR, เอไอ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning) ครอบคลุมทุกธุรกิจ เสริมศักยภาพและขยายอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ทุกองค์กรตามมาตรฐานสากล
#2843



นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า บทบาทหน้าที่หลักของดีพร้อม คือ การเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพภาคการผลิตให้อุตสาหกรรมไทย โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ดีพร้อมได้เร่งดำเนินการ คือ การบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน โดยมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพสถานประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล รวมทั้งสถานประกอบการที่มีต้นทุนด้านโลจิสติกส์ค่อนข้างสูง จะต้องลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ทั้งในด้านการจัดการสินค้าคงคลัง การจัดการคลังสินค้า การจัดการการขนส่ง และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลดต้นทุนโลจิสติกส์ทั้งหมด


จากแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ดีพร้อมจึงได้เดินหน้าเร่งผลักดันโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจโดยมีเป้าหมายในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดรวมถึงการเพิ่มความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันขององค์กร การพัฒนาระบบมาตรฐานด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานสากลของโลก เพื่อให้มีศักยภาพและได้ผลสัมฤทธิ์ต่อการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ รวมไปถึงการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ

ซึ่งต้นทุนโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 3 ด้านหลัก 1. ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง (Inventory Holding Cost) ได้แก่ ต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลัง (Inventory Carrying Cost) และต้นทุนการบริหารคลังสินค้า (Warehousing Cost) 2. ต้นทุนการขนส่งสินค้า (Transportation Cost) และ 3. ต้นทุนการบริหารจัดการ (Administration Cost) นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสำหรับสถานประกอบการใน 3 มิติหลัก ๆ คือ ต้นทุน เวลา และความน่าเชื่อถือ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินธุรกิจ


ทั้งนี้ กิจกรรมสำคัญของโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 5 กิจกรรมหลัก คือ 1. กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์ เพื่อการลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 2. กิจกรรมพลิกธุรกิจด้วยโลจิสติกส์กับการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ (Business Rebirth by Logistics (BRL))  3. กิจกรรมเสริมสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ดำเนินการโดยการ Coaching การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยง (Supply Chain Network) และสร้างความร่วมมือในโซ่อุปทานทั้งภายในและภายนอกกลุ่มอุตสาหกรรม 4. กิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) สัญจรขยายผลความรู้ด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมสู่ภูมิภาค 5. กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรด้านการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน โดยการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับบุคลากร

"ดีพร้อมตั้งเป้าในการดำเนินงานในปี 2564 คือการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการลดลงคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาทซึ่งสถานประกอบการเป้าหมายในปี 2564 อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนโลจิสติกส์สูง ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีและพลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางพาราและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และสถานประกอบการ เช่น เกษตรแปรรูป และเครื่องจักรกลรวมถึงดำเนินการพัฒนาสถานประกอบการไม่ต่ำกว่า 170 กิจการ และพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมให้มีทักษะและองค์ความรู้ด้านจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานที่นำไปใช้ได้จริงไม่ต่ำกว่า จำนวน 100 ราย" ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย
#2844



อเมริกันชนที่วัคซีนต้านโควิด-19 ครบแล้ว ควรกลับไปสวมหน้ากากอีกครั้งยามอยู่ในสถานที่สาธารณะในร่ม ตามภูมิภาคต่างๆที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะตัวกลายพันธฺุ์เดลตากำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผยว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาบังคับลูกจ้างรัฐฉีดวัคซีน เชื่อเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับหลีกเลี่ยงล็อกดาวน์อีกรอบ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ยังแนะนำให้นักเรียนทุกคนและครูสอนตามโรงเรียนอนุบาลจนถึงเกรด 12 สวมหน้ากากโดยไม่พิจารณาว่าฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ขณะที่ซีดีซีเชื่อว่าเด็กๆน่าจะกลับคืนสู่ชั้นเรียนในห้องเรียนและเต็มเวลา ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ภายใต้ยุทธศาสตร์การป้องกันอย่างเหมาะสม

การกลับลำคำแนะนำจากที่เคยแถลงเมื่อเดือนพฤษภาคมของทางซีดีซีในครั้งนี้ กระตุ้นประชาชนชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องควานหาหน้ากากปกปิดใบหน้าตนเอง

สหรัฐฯเป็นชาติลำดับต้นๆที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงที่สุดในโลก คิดเป็น 1 เคสในทุกๆ 9 เคสที่ทั่วโลกรายงานในแต่ละวัน เวลานี้ค่าเฉลี่ย 7 วันของผู้ติดเชื้อรายใหม่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ 57,126 ราย แต่ยังเป็นแค่ 1 ใน 4 ของช่วงพีคสุดของการระบาด

"ตามพื้นที่ต่างๆที่มีการแพร่ระบาดสูง ซีดีซีแนะนำคนฉีดวัคซีนแล้วสวมหน้ากากยามอยู่ในสถานที่สาธารณะในร่ม เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาและปกป้องคนอื่นๆ" ซีดีซีระบุ พร้อมเผยว่าในบรรดาเคาน์ตีต่างๆของสหรัฐฯ มีราว 63% ที่มีอัตราการแพร่กระจายเชื้อในระดับสูง ซึ่งจำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาด

ในเดือนพฤษภาคม ซีดีซีเคยออกคำแนะนำว่าบุคคลที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากยามอยู่กลางแจ้ง และสามารถหลีกเลี่ยงสวมหน้ากากยามอยู่ในร่มเกือบทุกสถานที่ โดยภายใต้คำแนะนำครั้งนั้น ซีดีซีบอกว่ามันเป็นการเปิดทางให้วิถีชีวิตเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ



นายแพทย์เดวิด ดัวดี นักระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ็อปปินส์ ระบุว่าคำแนะนำล่าสุดของซีดีซี มีแรงจูงใจจากลักษณะการแพร่ระบาดที่เปลี่ยนแปลงไป "เรากำลังเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก 10 วันหรือมากกว่านั้น"

คำแนะนำใหม่ของซีดีซีไม่ได้ผลผูกพันและอเมริกันจำนวนมาก โดยเฉพาะในรัฐต่างๆที่มีความโน้มเอียงฝักใฝ่รีพับลิกัน อาจเลือกไม่ปฏิบัติตาม ในขณะที่เวลานี้มีรัฐต่างๆอย่างน้อย 8 แห่ง ห้ามสถาบันการศึกษาบังคับสวมหน้ากาก

เมื่อวันจันทร์(26ก.พ.) ทำเนียบขาวยืนยัน ยังไม่ยกเลิกมาตรการห้ามคนต่างชาติเดินทางเข้าสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลกับการระบาดรุนแรงของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำให้รัฐแคลิฟอร์เนียและนครนิวยอร์ก รวมทั้งกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกสั่งให้ลูกจ้างรัฐต้องฉีดวัคซีนหรือตรวจหาเชื้อเป็นประจำ

หน้ากากกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในสหรัฐฯ ครั้งอยู่ภายใต้การบริหารงานของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขัดขืนบังคับสวมหน้ากาก ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อ้าแขนรับมาตรการสวมหน้ากากและออกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากตามศูนย์กลางด้านการขนส่งต่างๆ ไม่กี่วันหลังเข้ารับตำแหน่ง

ไบเดน ระบุในวันอังคาร(27ก.พ.) ว่าสวมหน้ากากและเพิ่มจำนวนผู้ฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากตัวกลายพันธุ์เดลตา คือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับหลีกเลี่ยงมาตรการล็อกดาวน์แบบเดียวที่ประเทศแห่งนี้ต้องประสบเมื่อปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ไบเดน บอกับผู้สื่อข่าวด้วยว่ารัฐบาลของเขากำลังพิจารณาบังคับลูกจ้างรัฐของรัฐบาลกลางวัคซีน ตามอย่างรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก "ตอนนี้มันอยู่ภายใต้การพิจารณา" ประธานาธิบดีสหรัฐฯระบุ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์(26ก.ค.) เจน ซากี เลขานุการด้านสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว เปิดเผยว่ารัฐบาลยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะถึงขั้นต้องออกกฎหมายบังคับลูกจ้างรัฐของรัฐบาลกลางฉีดวัคซีนหรือไม่ ในขณะที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯคือนายจ้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

(ที่มา:รอยเตอร์)
#2845


 
 
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" (Phuket Sandbox) ของภาครัฐที่เริ่มต้นไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นการนำร่องดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกลับมาที่เกาะภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีความสวยงามติดอันดับโลก ซึ่งนอกจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวแล้ว  ยังจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในภาคอื่นๆ ในพื้นที่กลับมาฟื้นตัวได้เช่นกัน โดยพฤกษาได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมาแล้วหลายโครงการ  เพื่อสนองนโยบายของภาครัฐ จึงขอมอบสิทธิพิเศษให้กับชาวภูเก็ตที่กำลังมองหาบ้านพร้อมอยู่คุณภาพภายใต้แคมเปญ "ลด! ช็อคทั้งเกาะ น็อคทุกค่าย"  ในราคาเริ่มต้น 1.79 ล้าน รับลดสูงสุดถึง  700,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น อยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน, ฟรี!ทุกค่าใช้จ่าย ณ วันโอนฯ และฟรีบริการ Internet AIS Fiber 1 ปี  สำหรับโครงการพฤกษาวิลล์พร้อมเข้าอยู่ 2 ทำเล  ได้แก่ 
 
โครงการพฤกษาวิลล์ ถลาง-เทพกระษัตรี  ทาวน์โฮม 2 ชั้น 3 ห้องนอน สไตล์ Contemporary Modern สเปคเทียบเท่าบ้านเดี่ยว สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งาน Flexi – Multi Space ได้อย่างอิสระ โดดเด่นด้วยทำเลติดเมืองถลาง ห่างจากถนนเทพกระษัตรี เพียง 900 เมตร ใกล้สนามบิน โลตัส, แม็คโคร, โฮมโปร ถลาง เพียง 15 นาที    อุ่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยเข้า-ออกโครงการ ด้วยระบบ Auto Access Card และระบบประตูล็อก 2 ชั้น Check Point สะดวก ปลอดภัย ด้วยระบบ Card Scan กล้องวงจรปิด CCTV ที่ทางเข้าหลัก (Main Gate) พร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ 
 
โครงพฤกษาวิลล์ เจ้าฟ้า-เทพอนุสรณ์ ทาวน์โฮม 2 ชั้นสไตล์บาหลี รองรับการใช้ชีวิตของครอบครัวด้วยแบบบ้านใหม่ 4 ห้องนอน มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รวมถึงสวนส่วนกลางที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบประตูระบบล็อก 2 ชั้น CCTV ตลอดทางเข้าหลักของโครงการ พร้อมจุด Check Point ด้วยเครื่องสแกน และ Security Guard ตลอด 24 ชั่วโมง เดินทางสะดวกเข้าสู่ตัวอำเภอเมืองภูเก็ตเพียง 10 นาที  ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอ่าวฉลอง หาดราไวย์ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง อาทิ คิงพาวเวอร์, เซ็นทรัลเฟสติวัล, อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ 
 
นอกจากนี้ พฤกษายังใส่ใจห่วงใยในสุขภาพของพนักงานและลูกค้า โดยให้พนักงานฝ่ายขายและฝ่ายบริการลูกค้าของพฤกษาทุกโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบแล้ว พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 อย่างเข้มงวดสูงสุด ลูกค้าสามารถเข้าชมโครงการได้อย่างมั่นใจไร้กังวล หรือนัดหมายวันเวลาเพื่อเยี่ยมชมโครงการแบบส่วนตัวได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น. 
#2846



วันนี้ (27 ก.ค.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบ Video Conference ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พิจารณาอนุมัติ แนวทางการช่วยเหลือผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด โดยเฉพาะมาตรการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการเรียนให้นักเรียน-ผู้ปกครอง รายละ 2,000 บาท วงเงินงบประมาณ 23,000 ล้านบาท สำหรับนักเรียนในระบบการศึกษาไทย ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 ดังนี้

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เสนอมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครองและนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ กรอบวงเงิน10,000 ล้านบาท

โดยจะลด ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาสูงสุดถึงร้อยละ 50 ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณให้ร้อยละ 60 และสถาบันอุดมศึกษาสมทบอีกร้อยละ 40 

ขณะที่ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน รัฐบาลจะสนับสนุนลดค่าเล่าเรียนค่าธรรมเนียมการศึกษาคนละ 5,000 บาท และให้ทางสถาบันอุดมศึกษาเอกชนพิจารณาลดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม ตลอดจนการสนับสนุนมาตรการอื่นๆ ให้กับนักศึกษา อาทิ การขยายเวลาผ่อนชำระค่าเล่าเรียน การจัดหาอุปกรณ์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับนักศึกษายืมเพื่อใช้ในศึกษาออนไลน์  
#2847



เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของประเทศไทย โดยถือเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 ของไทย ต่อจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ในปี พ.ศ. 2534 และ กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ในปี พ.ศ. 2548

กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรีมีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วยพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง และ 1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี

ในการพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้น ยูเนสโก พิจารณาภายใต้เกณฑ์ข้อที่ 10 คือ เป็นถิ่นอาศัยทางธรรมชาติในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงพบชนิดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มีคุณค่ายิ่งด้านการอนุรักษ์และวิทยาศาสตร์ โดยมีชนิดพันธุ์สำคัญที่ถูกคุกคามเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (หลักเกณฑ์การพิจารณาเป็นมรดกโลก มี 10 ข้อ ข้อที่1-6 เป็นหลักเกณฑ์แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ข้อที่ 7-10 เป็นหลักเกณฑ์แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ) โดยมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่สำรวจพบในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน มีจำนวน 459 ชนิด จำแนกตามสถานภาพตามบัญชีแดงของสหภาพสากลเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List)
#2848



นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ กล่าวว่า หลังจากที่ภาครัฐเปิดโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" เกือบ 1 เดือนที่ผ่านมานั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าโมเดลดังกล่าวช่วยเหลือผู้ประกอบการภูเก็ตได้มากน้อยเพียงใด เพราะยังไม่มีการประเมินจากภาครัฐในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น แทบจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะชาวต่างชาติหวังเข้ามาท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ไม่มีเจตนาเข้ามาลงทุนแต่อย่างใด ในขณะที่ชาวต่างชาติบางส่วน ที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 ไว้ที่ภูเก็ตก่อนหน้านี้ ก็ไม่สามารถเข้าพักได้ทีเดียว เนื่องจากต้องไปกักตัวในโรงแรมในระบบที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้ก่อน 14 วัน จึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ชาวต่างชาติไม่อยากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งมองว่าภาครัฐยังขาดความพร้อมและการวางแผนที่รัดกุม

ทั้งนี้การเปิด "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" มีข้อดีคือได้ทดลองเปิดดู หากผลเสียมีมากกว่า ธุรกิจทั่วไปยังไม่ได้รับผลประโยชน์ และนักท่องเที่ยวยังถูกจำกัดการทำกิจกรรมอยู่ ก็ยังรู้สึกไม่เกิดผลดีกับภาพรวมของภูเก็ต ซึ่งมองว่า ต้องหยุดเรื่องการติดเชื้อให้ลดน้อยลงที่สุดก่อน หากนำวัคซีนที่มีคุณภาพเข้ามาได้ ก็จะสามารถเปิดทุกกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ภาครัฐต้องแก้ไขปัญหา ประเมินข้อดี ข้อเสียก่อน เพื่อให้ทุกอย่างรัดกุมมากกว่านี้

"นักท่องเที่ยวพอมาถึงประเทศไทยและได้ยินข้อมูลด้านลบ เพราะในภูเก็ตยังมีการติดเชื้ออยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับการติดเชื้อไปด้วย ทำให้บรรยากาศรู้สึกไม่ปลอดภัย และนักท่องเที่ยวเกิดความกังวล ทำให้รีบเดินทางกลับประเทศ ส่วนคนที่กำลังจะมาภูเก็ตก็รอดูท่าทีก่อน โมเดลนี้ไม่ถือว่าล้มเหลว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อเริ่มทดลองและได้เห็นปัญหา ซึ่งก็ต้องนำปัญหานั้นมาแก้ไข แต่ไม่ทราบว่าภาครัฐมีการแก้ไขมากน้อยเพียงใด หากเปิดประเทศไม่ได้ แต่สามารถเปิดภูเก็ตได้ เพราะช่วงไฮซีซั่นก็ต้องมีชาวต่างชาติกลับมาอย่างแน่นอน ซึ่งควรแก้ปัญหาด้วยการหาวัคซีนมาฉีดให้คนในภูเก็ตให้หมด และคลายกฎให้นักท่องเที่ยว รวมไปถึงทำประชาสัมพันธ์ระดับโลกว่าภูเก็ตมีอัตราการติดเชื้อต่ำ ซึ่งภาครัฐอาจมองในมุมที่ต่างจากผู้ประกอบการเพราะประเทศไทยไม่ได้ใช้ระบบการทำการตลาดไปทั่วโลก ให้ชาวต่างชาติรับรู้ว่าภูเก็ตมีความพร้อมแล้ว แต่สิ่งที่รัฐขาดคือความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้การประชาสัมพันธ์การเปิด 'ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์' ไม่เป็นไปในทิศทางที่จะเป็น แต่ก็ยังมีเวลาที่จะแก้ไขได้ก่อนที่จะถึงช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาภูเก็ตอย่างแน่นอน" นายอรรถนพ กล่าว

สำหรับ ผู้ประกอบการอสังหาฯในภูเก็ตมีความต่างกันพอสมควร เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกในสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตทุกคน ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการที่สร้างบ้านเพื่อขาย และลงทุน มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ดังนั้นจึงอยากจะฝากถึงรัฐบาล ในการช่วยภาคธุรกิจอสังหาฯและท่องเที่ยว หากมีการทำประชาสัมพันธ์เมืองภูเก็ต ก็ควรที่จะดึงงบประมาณบางส่วนให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกนักท่องเที่ยวมาแล้วรู้สึกประทับใจ ระบบราชการต้องมีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล รวมไปถึงควรตัดวงจรกลุ่มที่ขูดรีดชาวต่างชาติ และคนไทยด้วยกันออกไปให้หมด และควรมีงบบำรุงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อีกทั้งเพื่อความยั่งยืนของภูเก็ตควรเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาร่วมทุนกับภาครัฐเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในภูเก็ตมากขึ้น

"การที่จะดึงให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูเก็ต ภาครัฐควรมีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ อาทิ 1. ดึงนักลงทุนมาลงทุนอสังหาฯด้วยการแก้ไขสิทธิกฎหมายการเช่าที่ดินจากเดิม 30 ปี เป็น 90 ปี , 2. เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดได้ 100% จากเดิม 49% , 3. การลงทุนกิจการในภูเก็ตไม่ควรคิดมาตรการด้านภาษีรายได้ โดยไม่หักภาษีชาวต่างชาติ เพื่อให้นำเงินออกนอกประเทศได้ ซึ่งจะทำให้เกิดเงินสะพัด ภาคธุรกิจมีการเติบโต และ 4.หากชาวต่างชาติที่มีการลงทุนเกิน 30 ล้านบาท ควรให้วีซ่าเกิน 30 ปีไปเลย หากสามารถปลดกฎพวกนี้ได้ ราคาที่ดินภูเก็ตจะพุ่งขึ้นเป็น 2-3 เท่าตัวอย่างแน่นอน และทำให้เกิดการจ้างงาน เงินสะพัด เพราะที่ยุโรป อเมริกาก็ทำกันมาก ซี่งอยากให้รัฐเข้าใจและพัฒนาอย่างจริงจัง" นายอรรถนพ กล่าว

ในส่วนของ "ซิซซา กรุ๊ป" นั้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิต-19 ได้พยายามประคับประคองธุรกิจให้อยู่ได้ ทั้งส่วนของการพัฒนาอสังหาฯเพื่อการขายและธุรกิจโรงแรม รวมไปถึงพยายามหารายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการจัดแคมเปญต่างๆหรือมีการลดราคาสินค้า เพื่อดันยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งหาช่องทางหรือเปิดธุรกิจใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้ เช่น การร่วมทุนกับกลุ่มพันธมิตรเปิดตัวโครงการ "Natai Medical Center & Resort" ที่จะขายแพ็กเกจให้กับนักลงทุนล่าสุดเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 3/2564 บริษัทได้นำโครงการ "วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต" มาจัดโปรโมชั่น "Pay Less Get TRIPLE" ซื้อ 1 ได้ถึง 3 ต่อ คุ้มค่าเหนือทุกเงื่อนไข กับการลงทุนแบบ Unit Ownership
#2849



เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด  (ปณท) เปิดเผยกับ "เดลินิวส์" ถึงการบริหารจัดการการขนส่งพัสดุในช่วงสถาณการณ์การระบาดของโควิด-19 ว่า การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น จนส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ไทยบางที่ทำการฯ มีการติดเชื้อ หรือต้องกักตัว ทำให้ทาง ปณท ต้องปิดที่ทำการไปรษณีย์ในบางแห่ง  ซึ่งอาจทำให้การขนส่งพัสดุเกิดการล่าช้าบ้างในบางพื้นที่  ทั้งนี้​ ปณท ได้มีแผนไว้รองรับ โดยการจัดเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาทำงานแทน และ แจ้งผู้ใช้บริการก่อนรับฝากว่ามีพื้นที่ไหนบ้างที่พัสดุอาจถึงล่าช้า เพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินใจก่อนใช้บริการ รวมถึงแจ้งงดรับฝากสิ่งของที่เน่าเสียได้ง่าย เช่น ผัก ผลไม้ ต้นไม้ ฯลฯ จนถึง 31 ก.ค. นี้ เนื่องจากมีวันหยุดยาว และบางพื้นที่ของอาจถึงล่าช้า ป้องกันสิ่งของเสียหาย

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มศูนย์ไปรษณีย์รับและกระจายพัสดุเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง และบริหารจัดการเรื่องคนโดยแบ่งทีมกันทำงานแยกจากกัน ลดการพบปะเพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยศูนย์ฯ​ ที่มีอยู่จะเคลียร์ของพัสดุในทุกวันไม่มีของตกค้าง ในส่วนของพนักงานนำจ่ายหากพื้นที่ไหนไม่เพียงพอ ก็จะนำพนักงานพื้นที่ใกล้เคียงมาเสริม เพื่อไม่ให้ล่าช้ามาก และแจ้งที่ทำการฯ​ ใกล้เคียงที่สามารถไปใช้บริการหากที่ทำการฯ​ ใกล้บ้านปิด อย่างไรก็ตามในกรณีพัสดุของลูกค้าเกิดความเสียหายทาง ปณท ก็จะมีการชดเชยให้ตามระเบียบ โดยสามารถติดต่อ ที่ทำการไปรษณีย์ที่นำส่งได้

"สถานการณ์ตอนนี้ ต้องมีการบริหารจัดการเรื่องคนให้ดี เพราะบางพื้นที่อาจมีต้องปิดที่ทำการก็ต้องแจ้ง ให้ลูกค้าทราบ ก่อนรับฝากอาจมีการล่าช้าบ้าง และแจ้งที่ทำการฯ​ ​ใกล้เคียงที่สามารถไปใช้บริการ หากที่ทำการฯ​ ใกล้บ้านปิด รวมถึงปัจจุบันผู้ให้บริหารขนส่งรายอื่นๆ​ มีปัญหาอาจทำให้มีการเปลี่ยนมาฝากส่งที่ ปณท มากขึ้น ซึ่ง ปณท ก็มีแผนรองรับอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้การขนส่งสินค้าและพัสดุของคนไทยเกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้น" ดร.ดนันท์ กล่าว


ทั้งนี้ทางไปรษณีย์ไทย จะทำการแจ้งข้อมูลที่ทำการไปรษณีย์ที่ปิดให้บริการรับฝากชั่วคราว หรืองดนำจ่ายชั่วคราว หรือนำจ่ายล่าช้า รวมทั้งการปิดทำการชั่วคราวของไปรษณีย์บางแห่ง ให้ผู้ใช้บริการทราบทุกวันผ่านเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th เฟซบุ๊ก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ทวิตเตอร์ @Thailand_Post  หรือตรวจสอบการอัพเดทได้ทุกวันที่ลิงก์​ https://drive.google.com/drive/folders/14K4FF9bpulrrYXm7M6nq1AzRsif_7zrm?usp=sharing

ด้าน น.ส.เสาวรัตน์ เส็นสด แม่ค้าออนไลน์จำหน่ายผลไม้ใน จ.เชียงราย กล่าวว่า จากกรณีที่ บริษัทขนส่งใหญ่บางราย งดให้บริการรับส่งสินค้าในบางพื้นที่ และงดรับฝากส่งผลไม้ ต้นไม้ต่างๆ​ ​นั้น ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยล่าสุดทางร้านได้นำลำไยมาจัดส่งซึ่งเดิมเป็นสมาชิกและติดต่อส่งสินค้ากับทางพนักงานอยู่เป็นประจำแต่กลับถูกปฏิเสธรับให้บริการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้เสียเวลาในการขนสินค้ามาและขนกลับ รวมทั้งต้องไปจัดส่งสินค้ากับผู้ให้บริการรายใหม่ที่ยังคงรับให้บริการ แต่พบว่าราคาที่ให้บริการแพงขึ้นถึง 3 เท่าตัว เช่น จากเดิมค่าจัดส่งทั้งหมดประมาณ 1,000 บาท เพิ่มเป็น 3,000 บาท ส่งผลให้กำไรจากการขายยิ่งลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนหน้านี้ยังเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่แห่งหนึ่งไม่รับผิดชอบสินค้าในทุกกรณี มีการคัดแยกส่งสินค้าไปยังปลายทางผิดอำเภอ ทำให้ส่งสินค้าล่าช้าไป 2 วัน จนผลไม้เน่าเสียจนทางร้านต้องออกมา รับผิดชอบต่อลูกค้าด้วยการจัดส่งสินค้าใหม่ไปให้ลูกค้าอีกครั้ง ทำให้ร้านค้าขาดทุนมากกว่าได้กำไร

ขณะที่ น.ส.ธวัลณัฐ สามัคคี แม่ค้าออนไลน์จำหน่ายผลไม้และสินค้าอื่นๆ กล่าวว่า ระยะนี้ได้รับผลกระทบในเรื่องขนส่งสินค้าจากกรณีที่มีพนักงาน ขนส่งบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ออกมาประท้วง และพนักงานบางส่วนติดโควิด ทำให้ขนส่งสินค้าล่าช้า ทางร้านจึงต้องออกมารับผิดชอบด้วยการส่งสินค้าใหม่ไปให้ลูกค้าอีกครั้ง ขณะที่สินค้าอื่นที่ทางร้านจำหน่ายควบคู่กันไปด้วย เช่น ที่ตรวจครรภ์แบบเก็บเงินปลายทาง ซึ่งมีการจัดส่งที่ล่าช้า จนลูกค้าทนรอไม่ไหว เปลี่ยนใจปฏิเสธการรับของทำให้มีสินค้าถูกตีกลับเป็นจำนวนมากอีกด้วย.... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/95111/
#2850
ใคร ๆ ก็ไม่รัก ไปไหนมีแต่คนไม่ชอบหน้า ขาดเสน่ห์ ไม่มั่นใจ

น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตก แค่ท่องคาถา
เจิมที่หน้าผากตัวเรา บังเกิดออร่าน่าจับตามอง
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา
น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตกให้ทุกขวด ขวดละ 399 บาท
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ
ตะกรุดนะอกแตก เป็นมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาละลวย แก่มนุษย์ทั้งหญิงชายทั้งหลาย
คาถากำกับ
โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ
อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ
นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ
(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)
ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999
เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/34

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1867850932-s5770096982...

shopee https://shopee.co.th/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1...
#2851


วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม 2564 รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน(มทร.อีสาน) เปิดเผยว่า มทร.อีสาน ภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายด้าน Food and Health โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภา มทร.อีสานได้มอบหมายนโยบายในการให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยศาสตร์ด้านแพทย์แผนไทยและการใช้พืชสมุนไพรไทยของคนในพื้นที่ภาคอีสาน ผ่านการดำเนินงานของโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยสกลนคร (หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท) ที่เป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการรักษาผู้ป่วยด้วยการแพทย์แผนไทย เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้และวิจัยด้านสุขภาพแบบนวัตวิถี เมื่อประเทศไทยเกิดสภาวการณ์วิกฤติการระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)

          มทร.อีสาน ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร เปิดให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 การนำองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยและการใช้ยาสมุนไพรไทยเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ ศูนย์ดูแลในชุมชน (แผนไทย): TTM-CI (TTMCI: Thai Traditional Medicine Community Isolation) โดยได้รับเกียรติจาก นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ณ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย สกลนคร(หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท) อ.พังโคนจ.สกลนคร

          สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดในจังหวัดสกลนครมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ติดเชื้อมาจากต่างจังหวัดแต่ขอกลับมารักษาตัวที่ภูมิลำเนา และการติดเชื้อภายในจังหวัดและอำเภอต่างๆ เอง จึงต้องจัดเตรียมพื้นที่รองรับผู้ป่วยให้เพียงพอดังนั้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร จึงประสานขอความร่วมมือมทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร โดยจัดตั้งศูนย์ TTM-CI ที่ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย สกลนคร (หลวงปู่แฟ๊บสุภัทโท) เป็นที่รองรับผู้ป่วยโควิดของจังหวัดสกลนคร ที่ตรวจพบติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว แต่ยังไม่แสดงอาการมีเพียงอาการไม่พึงประสงค์และไม่ใส่อุปกรณ์ช่วยชีวิต หากผู้ป่วยมีอาการหนักขึ้น (เชื้อลงปอด) จะส่งต่อไปที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ โรงพยาบาลพังโคนโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร หรือโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน

          ในส่วนการรักษาอาการจากการติดเชื้อโควิด-19 ของศูนย์ TTM-CI นี้จะเป็นการรักษาด้วยศาสตร์ด้านแพทย์แผนไทยบูรณาการร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน ตามแนวทางของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข โดยใช้สมุนไพรไทย อาทิ ฟ้าทะลายโจร แก้ไข้ ระงับอาการอักเสบ ยาตรีผลา บรรเทา อาการไอ ขับเสมหะ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ยาปราบชมพูทวีป บรรเทาอาการไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ แก้ท้องอืดเฟ้อ

          นอกจากนี้ มีตำรับยาสมุนไพรอื่นๆ ได้แก่ ยาจันทลีลา ยาประสะจันทร์แดง ยาหอม นวโกศฐ ยาห้ารากยาน้ำสาบานจากวัดคำประมง และตำรับยาจากหมอพื้นบ้าน  โดยรักษาควบคู่ไปกับการบริโภคอาหารตามธาตุของผู้ป่วย โดยปรุงอาหารจากเครื่องเทศที่มีสรรพคุณต้านเชื้อโควิดและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค
 
         รศ.ดร.โฆษิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้จัดเตรียมสถานที่โดยใช้พื้นที่อาคารผู้ป่วยนอก สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 50 เตียง มีบุคลากรทางการแพทย์จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนครและ มทร.อีสาน มีกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัย และใช้ Social media ในการติดต่อประสานงาน หากจำนวนผู้ป่วยมีเพิ่มมากขึ้น สามารถขยายไปอาคารผู้ป่วยในรับได้อีกกว่า 100 เตียง

          "อนึ่ง คณะทรัพยากรธรรมชาติมทร.อีสาน มีโรงงานแปรรูปอาหารและโรงงานผลิตยาสมุนไพรที่ได้มาตรฐาน มีการสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีและระดับปริญญาโท ในสาขาแพทย์แผนไทย และสาขาเกษตร จึงมีความพร้อมและศักยภาพการผลิตอาหารสุขภาพและยาสมุนไพรสำหรับผู้ป่วยโควิดได้ดี ทั้งยังมีนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงภายใต้มูลนิธิ BCL จำนวนกว่า 70 คนที่สามารถผลิตวัตถุดิบอาหารและยาสมุนไพรได้อย่างต่อเนื่อง สร้างทักษะการเรียนรู้ และใช้ประโยชน์ได้ทันสถานการณ์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นโมเดลต้นแบบของการพัฒนาระบบสุขภาพไทยอย่างครบวงจรและยั่งยืน" รศ.ดร.โฆษิต กล่าวทิ้งท้าย
#2852



เมื่อวันที่ 25 ก.ค.64 นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายวีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายราตรีสวัสดิ์ ธนานันต์ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้แทนจากโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ร่วมตรวจเยี่ยมหอพักสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (หอพัก สกสค.) ภายในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อดูความพร้อมเป็นสถานที่ในการดูแล ช่วยเหลือ กักตัว เพื่อดูอาการของบุคลากร/ครอบครัว ศธ. ที่ติดเชื้อโรคโควิด 19 ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวตรีนุช เทียนทอง)

ปลัด ศธ. กล่าวว่า หอพัก สกสค. จะเป็นสถานที่นำร่องด้านศูนย์พักคอยในชุมชน (Community Isolation Center : CIC) ของ ศธ. จากการตรวจเยี่ยมเบื้องต้นด้านกายภาพ พบว่าจำนวนห้อง จำนวนเตียง ระบบระบายอากาศ มีความพร้อมพอสมควร แต่อาจจะต้องมีการปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อให้ได้มาตรฐานตามที่กรมอนามัย และกรมควบคุมโรค กำหนด ซึ่งจะนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับทราบและดำเนินการต่อไป

นางเกศทิพย์ ศุภวานิช โฆษก ศธ. กล่าวว่า ศบค.ศธ.ได้ช่วยเหลือนักเรียน ครู บุคลากร และผู้ปกครอง ที่ได้แจ้งเรื่องร้องเรียนในช่วงสถานการณ์โควิด 19 บางส่วน ซึ่งได้ประสานผู้เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจ ให้คำแนะนำ และช่วยเหลือ กรณีที่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร เพื่อให้ช่วยบรรเทาความไม่สบายและการปฏิบัติที่ถูกต้อง เช่น กรณีของนักเรียนชั้น ม.3 สองคน ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี

– นักเรียนรายแรก ครอบครัวติดเชื้อโควิดทั้งครอบครัว แต่นักเรียนไม่ติด ต้องไปพักที่สถานที่กักตัว ซึ่งไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ และมีความกังวลใจเรื่องการเข้าเรียนออนไลน์ โรงเรียนจึงได้ติดตามแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าเรียน มอบหมายงานให้กับนักเรียน และให้เวลาเรียนกับนักเรียนในช่วงที่นักเรียนต้องกักตัว พร้อมทั้งหาวิธีการช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เพิ่มเติมแล้ว

– นักเรียนรายที่สอง มีฐานะยากจน บิดาพิการ หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายการเรียนออนไลน์ โดยโรงเรียนได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนเรียบร้อยแล้ว และครูที่ปรึกษาจะติดตามปัญหา พร้อมหาแนวทางแก้ไขให้ในลำดับต่อไป

กรณีครูผู้ที่ได้รับผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด 19 เนื่องจากได้ทราบข่าวว่า รมว.ศธ. ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือ จึงได้ติดต่อสอบถามมายัง ศบค.ศธ. จึงได้โทรกลับไป เพื่อสอบถามประสานขอรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือ ได้ข้อมูลว่า ผู้แจ้งขอทราบผลตรวจยืนยันจากโรงพยาบาลให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่งก่อน เนื่องจากครั้งแรกเป็นผลที่ตรวจจากชุดตรวจ COVID-19 Rapid Antigen Test เอง และจะประสานแจ้งมาอีกครั้ง เพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือต่อไป

ครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งติดเชื้อโควิด 19 ทั้งครอบครัว จึงแจ้งขอความช่วยเหลือมายัง ศบค.ศธ. โดยรองประธาน ศบค.ศธ. ช่วยติดต่อประสานขอคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทราบว่าได้รับคำแนะนำให้พักดูอาการด้วยรูปแบบ Home Isolation (HI) และได้จัดส่งอุปกรณ์ฆ่าเชื้อทำความสะอาด (แอลกอฮอล์แบบน้ำ 5 แกลลอน) ไปให้ ตามที่ได้ขอรับการสนับสนุนมาแล้ว
#2853
WFH ง่ายๆ ด้วย Zoom app downloadใครหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับการเรียน หรือ การทำงานแบบ work from home กันอยู่ช่วงนี้นะครับ ซึ่งไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่า โปรแกรมสุดเป็นที่นิยมระดับโลกนั่นก็คือ โปรแกรม ZOOM ซึ่งผมคิดว่า ไม่ต้องปริปากกันเยอะสำหรับโปรแกรมนี้ ที่มันจำเป็นจริงๆ
โดยปรกติ เราน่าจะคลุกคลีกับการใช้โปรแกรมนี้ผ่านคอมพิวเตอร์ สำหรับเรียน หรือ ทำงานกันบ้างแล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเกี่ยวกับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือเท่าใดนัก เนื่องจากว่า มันอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ สำหรับงานดังกล่าว
แต่ก็มีการใช้งานบ่อยอยู่ครับ เนื่องจากบางทีเป็นการประชุมเร่งด่วนขณะอยู่บนรถ หรือ ขณะทัศนาจร ซึ่งในอุปกรณ์มือถือ
จะต้องไปที่ Zoom app download ซึ่งมีอยู่ได้ทั้ง 2 ระบบ คือ IOS และ Andriod ซึ่งดาวน์โหลดได้ฟรี แต่อาจมีข้อจำกัด หากต้องการสร้างห้องประชุมเอง จะรองรับคนไม่เกิน 100 คน และ ไม่เกิน 40 นาทีเท่านั้น ซึ่งอาจต้องซื้อ Licensed เพื่อปลดล็อคเรื่องเหล่านี้ ซึ่งผมมองว่า มันคุ้มค่ามากเพราะในปัจจุบันยังไงเราก็ต้องใช้งานอยู่แล้ว

 โดยเข้าไปที่ App Stor หรือ Google play พิมพ์ค้นหาชื่อแอปว่า Zoom meeting แล้วดาวน์โหลดได้เลยครับหรือ จะเข้าไปดาวน์โหลดที่ลิงค์ของตัวแทนจำหน่ายก็ได้ เพื่อจะได้สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ ตามลิงค์ที่ผมแนบได้เลยครับ  (Zoom app download)



























  >> ดาวน์โหลดทีนี่Tag : Zoom  / Zoom app download
#2854
แม่ค้าออนไลน์ต้องรู้ 6 วิธีเพิ่มจำนวนคนเห็นโพสต์แบบไม่ต้องเสียเงินhttps://www.chatstickmarket.com/single-post/onlinesellersmustknow6waystoincreasethenumberofpeoplewhoseepostswithoutpaying

#2856


ธปท.จ่อคุมหนี้สหกรณ์ ดันเข้าฐานเครดิตบูโร เดินสายหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง "สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ-ครู" วงในการเงินเผยเบื้องต้น 150 แห่ง ที่มีสินทรัพย์เกิน 2 หมื่นล้าน

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ข้อมูลหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 1 ปี 2564 จำนวน 14.1 ล้านล้านบาท กว่า 1 ใน 4 เป็นเจ้าหนี้ ที่อยู่นอกการกำกับ ธปท. สะท้อนว่า การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนต้องอาศัยความร่วมมือหลายฝ่าย ธปท.จึงหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหา เช่น ปรับปรุงฐานข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร) และนำแนวทางกำกับปัจจุบัน ธปท.ไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาหนี้

โดยเฉพาะหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ที่ไม่อยู่ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร อีกทั้งมีความเสี่ยงจากการกำหนดดอกเบี้ยเงินฝากที่สูง เพื่อจูงใจให้สมาชิกนำเงินมาฝาก จึงต้องกำหนดดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงตามไปด้วย การหารือเพื่อแก้ปัญหาหนี้จะเริ่มจากสหกรณ์ที่มีมูลหนี้สูงก่อน ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ผ่านการหารือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ รวมถึงพูดคุยกับเจ้าหนี้อย่างตำรวจ กระทรวงศึกษาธิการโดยตรง ซึ่งธปท.จะทยอยขยายการแก้ปัญหาไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์อื่นๆ ในระยะถัดไป


นอกจากนี้ ธปท.อยู่ระหว่างหารือกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อนำแนวทางกำกับดูแลปัจจุบันไปช่วยกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษาจบใหม่ ที่ถูกผลกระทบโควิด-19 ไม่สามารถหางานได้ และส่งผลให้บางรายถูกฟ้องร้องจากผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งมีผลต่อการสมัครงานในอนาคต แนวทางช่วยเหลือ เช่น กำหนดชำระค่างวดเป็นงวดย่อย จากเดิม กยศ.ให้ชำระค่างวดปีละ 1 ครั้ง รวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง เนื่องจากเป็นหนี้ที่ยืมไปใช้เพื่อการศึกษา คาดว่า จะเห็นความชัดเจนในปีนี้

ส่วนปี 2565 ธปท.จะเริ่มแก้ไขปัญหาหนี้เกษตร ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะเป็นหนี้ที่ซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จึงไม่สามารถใช้วิธีเดียวกับสถาบันการเงินเอกชน เช่น ตัดหนี้ (แฮร์คัท) เพราะจะส่งผลกระทบต่อรายได้รัฐ

'เพิ่มงบช่วยปชช.-พยุงศก.'-แผนฝ่าวิกฤตโควิดอินโดฯ
แหล่งข่าวจากวงการการเงิน กล่าวว่า ล่าสุดได้แต่งตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้น ประกอบด้วยตัวแทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และ ธปท.เพื่อดันให้ออกประกาศกรมส่งเสริมสหกรณ์บังคับให้สหกรณ์ออมทรัพย์ใหญ่ราว 150 แห่ง สินทรัพย์เกิน 20,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบเครดิตบูโร และกรณีที่ออกกฎกระทรวงบังคับให้สหกรณ์นำส่งข้อมูล อาจกำหนดขั้นตอนให้สหกรณ์ใหญ่ 170 แห่ง เป็นสมาชิกเครดิตบูโรใน 1 ปี


ปัจจุบัน การกู้ยืมสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ อยู่ระดับสูง ทั้งยังเสี่ยงจากปล่อยกู้ระหว่างกัน การเข้าสู่ระบบเครดิตบูโรทำให้ ธปท.กำกับและดูแลได้มากขึ้น และจะส่งผลให้สหกรณ์เห็นความเสี่ยงกว้างมากขึ้นเพื่อใช้พิจารณาปล่อยกู้ในอนาคตให้ดีขึ้นลดความเสี่ยงเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และดูแลการปล่อยสินเชื่อให้อยู่ในระดับเหมาะสม ไม่ปล่อยกู้เกินความสามารถการชำระหนี้ของผู้กู้ได้ในอนาคต
#2857


ทำความเข้าใจก่อนเข้าร่วม "มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้" เมื่อ "พักหนี้" กับ "พักชำระหนี้" มีความแตกต่างกัน

หลังจากรัฐบาลประกาศความร่วมมือกับ "ธนาคารของรัฐ" และ "ธนาคารพาณิชย์" ออกมาตรการ "ช่วยลูกหนี้" เพื่อแบ่งเบาภาระค่างวด หลังจากที่มีการยกระดับความเข้มข้นของการ "ล็อกดาวน์" ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ โดยมีมาตรการ "พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 เดือน" 

หลายคนเข้าใจผิดว่าการ "พักชำระหนี้" คือการหยุดจ่ายหนี้เฉยๆ แต่นั่นผิดถนัด!

เพราะความเป็นจริงแล้วการพักชำระหนี้ ยังคงมีการคิดดอกเบี้ยอยู่ แต่จะถูกคิดในภายหลัง ต่างจากการ "พักหนี้" ที่เป็นการพักชำระแบบหยุดคิดดอกเบี้ยด้วย 

"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะและเงื่อนไขที่แตกต่างกันระหว่างการ "พักชำระหนี้" และการ "พักหนี้" เพื่อให้เข้าใจก่อนเข้าร่วมมาตรการ และวางแผนการชำระหนี้คืนได้ง่ายขึ้น

พักชำระหนี้ 
พักชำระหนี้ หมายความว่า งวดที่ได้รับการพักชำระหนี้จะ "ไม่ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย" แต่ธนาคารจะยังคิดดอกเบี้ยของแต่ละงวดต่อไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมาเรียกเก็บดอกเบี้ยในภายหลัง 

เช่น นาย ก. เป็นลูกค้าของธนาคาร ที่ให้มาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน ระหว่างที่มีการพักชำระหนี้ นาย ก. ไม่ต้องชำระเงินให้กับธนาคารเลยในช่วง 2 เดือนนั้นเนื่องจากถูกพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยไว้ 

แต่หลังจากพ้นระยะเวลาพักชำระหนี้ 2 เดือนนี้ แล้ว นาย ก. จะต้องกลับมาผ่อนชำระค่างวดตามปกติในงวดถัดไป และจะต้องจ่ายดอกเบี้ยของงวดที่ถูกพักชำระหนี้ไปด้วย 

ตัวอย่างการพักชำระหนี้

เช่น สมมติมียอดหนี้คงเหลืออยู่ 1,000,000 บาท โดยปกติต้องผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาท (เงินต้น 4,000 บาท ดอกเบี้ย 6,000 บาท) หลังพักชำระหนี้ นาย ก. ต้องกลับมาผ่อนชำระ 10,000 บาทตามปกติ + ดอกเบี้ยค้างชำระ 2 เดือนที่พักชำระหนี้ไป คือเดือนละ 6,000 เป็นเวลา 2 เดือน เท่ากับมีดอกเบี้ยคงค้างจากงวดที่พักชำระหนี้จำนวน 12,000 บาท 

ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างจะไม่เรียกเก็บในทันที อาจเรียกเก็บในการผ่อนชำระงวดสุดท้าย หรือมีรูปแบบอื่นๆ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร

แม้จะมีดอกเบี้ยวิ่งอยู่ แต่ ข้อดีของการพักชำระหนี้ คือ 1. มีเงินสดเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นในช่วงวิกฤติ 2. ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ และ 3. ไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต

ซึ่งเงื่อนไขการ "พักชำระหนี้" ที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น ต่างจากการ "พักหนี้" ซึ่งเป็นคำใกล้เคียงกันมากๆ แต่มีรายละเอียดจากการ "พักชำระหนี้" อยู่เล็กน้อย ดังนี้
          

 พักหนี้ 
"พักหนี้" หมายความว่า ในงวดที่ได้รับการพักหนี้ให้ "ไม่ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย" และธนาคารจะ "หยุดคิดดอกเบี้ยในช่วงที่เราพักหนี้" ด้วย

พูดง่ายๆ ก็คือ เราจะไม่ต้องจ่ายอะไร และไม่มีอะไรติดค้างจากงวดมีการ "พักหนี้" เลย เมื่อหมดการพักหนี้แล้ว ก็กลับมาจ่ายหนี้ตามสัญญาปกติ 

ตัวอย่างคือ นาย ข. เป็นลูกค้าของธนาคารที่มีมาตรการพักหนี้ 2 เดือน เขาไม่ต้องชำระเงินให้กับธนาคารเลย ในงวดที่ธนาคารพักหนี้ให้ เหมือนกับกรณีการพักชำระหนี้ แต่ในระหว่าง 2 เดือนที่ไม่ได้ชำระหนี้นั้น ธนาคารจะ "หยุดคิดดอกเบี้ย" ของนาย ข. ด้วย

ซึ่งหมายความว่า เมื่อพ้นระยะเวลาพักหนี้ไปแล้ว นาย ข. จะสามารถกลับมาผ่อนชำระค่างวดเดือนละ 10,000 บาทตามเดิม ในงวดต่อไปได้ตามปกติ เหมือนว่า 2 เดือนที่ผ่านมาธนาคารหยุดเวลาไว้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นการ "พักหนี้" จึงต่างจากการ "พักชำระหนี้" ตรงที่ทำให้ลูกหนี้ไม่มีดอกเบี้ยค้างจ่ายกับธนาคารตามมาทีหลังนั่นเอง

ดังนั้น ผู้ที่ร่วมมาตรการ "พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย" อาจต้องเตรียมตัวในการผ่อนชำระหนี้ในส่วน "ดอกเบี้ย" ช่วงที่มีการพักชำระหนี้ให้ไว้ด้วย

ส่วนผู้ที่ยังมีกำลังในการจ่ายไหวในช่วงนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย แนะนำว่า 

"การเลื่อนกำหนดชำระหนี้ออกไป (พักชำระหนี้) ภาระหนี้จะยังคงอยู่และในช่วงที่ผ่อนปรน ดอกเบี้ยยังเดินอยู่ ซึ่งแต่ละคนอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกันและสามารถเลือกวิธีผ่อนชำระที่เหมาะสมกับรายได้และเงินในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองได้

หากยังอยู่ในกลุ่มที่ยังพอมีศักยภาพ อาจเลือกชำระตามปกติเพราะจะช่วยให้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติม หนี้ไม่เพิ่ม และบางธนาคารให้สิทธิพิเศษปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่สำหรับท่านที่ได้รับผลกระทบ มีสภาพคล่องไม่พอ แนวทางการเลื่อนหรือพักชำระหนี้ก็จะเป็นทางออกหนึ่งสำหรับช่วงนี้ด้วย"


 ลูกหนี้ที่อยากขอ "พักชำระหนี้ 2 เดือน" ต้องทำอย่างไร ?  

1. ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองว่าเป็นไปตามเงื่อนไขที่มาตรการกำหนดหรือไม่


2. แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน กับสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่เป็น "เจ้าหนี้" ของเรา

 
#2858


ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (20 ก.ค.) เปิดตลาดปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยร่วงหนักช่วงปิดตลาดภาคเช้าลดลง 25.39 จุด อยู่ที่ 1,530.62 จุด ก่อนรีบาวด์ในช่วงบ่าย กลับมาปิดตลาดที่ 1,538.86 จุด ลดลง 17.15 จุด หรือ 1.10% มูลค่าซื้อขาย 92,956.58 ล้านบาท

นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 5,410.89 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 811.83 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,062.54 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 5,160.17 ล้านบาท

นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ ที่เน้นกลยุทธ์การลงทุนเชิงเทคนิค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับทางเทคนิคต่อเนื่อง ตั้งแต่แนวรับ 1,585 จุด และล่าสุดแนวรับ 1,546 จุด โดยตนมองแนวรับดัชนีถัดไปที่ 1,515-1,500 จุด ตามลำดับ และในกรณีเลวร้ายที่สุดไม่ควรหลุด 1,483 จุด เพราะจะส่งผลให้ตลาดหุ้นพลิกกลับไปเป็นขาลง

ขณะที่การลงทุนส่วนตัวได้ลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยตั้งแต่ดัชนีหลุดแนวรับ 1,585 จุดไปแล้ว ส่วนโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นอีกครั้งจะเกิดขึ้นต่อเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาหายเพิ่มขึ้นสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน


นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนรายใหญ่แบบเน้นคุณค่า (นักลงทุนวีไอ) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงตอบรับความเสี่ยงที่สถานการณ์โควิด-19 ลุกลามและมีการติดเชื้อเพิ่ม รวมถึงความกังวลมาตรการล็อกดาวน์อาจมีความเสี่ยงต้องขยายออกไปอีก อย่างไรก็ดี เชื่อว่าท้ายที่สุดสถานการณ์จะสงบลงได้ เพราะโควิด-19 เป็นวิกฤติที่ประเทศขนาดใหญ่เผชิญเช่นกัน จึงมีการส่งต่อความช่วยเหลือมายังประเทศขนาดเล็กเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำ ขณะที่การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้วิกฤติจบลง

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นคาดว่านักลงทุนจะยังขายหุ้นเพราะตื่นตระหนก และมีความเสี่ยงที่ดัชนีอาจหลุดแนวรับ 1,500 จุด แต่เชื่อว่าจะสามารถปรับขึ้นได้ในระยะถัดไป

ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในระยะยาวยังสามารถลงทุนได้ เพราะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไม่ได้เจ็บหนักจากโควิด-19 แต่สำหรับกลุ่มที่ถูกผลกระทบจากการระบาดโดยตรง เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มโรงแรม ยังไม่แนะนำลงทุน เพราะหากสถานการณ์โควิด-19 ลากยาวจะเป็นความเสี่ยงให้ถึงจุดหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ต้องเพิ่มทุนหรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น


 นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นไทยปรับฐานรอบนี้ จากการแพร่ระบาด โควิด -19 สายพันธุ์เดลต้าที่รุนแรงขึ้นทั่วโลกและไทย โดยยอดผู้ติดเชื้อในไทยยังไม่เห็นจุดสูงสุด และยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ ยังต้องติดตามผลในช่วง 2 สัปดาห์ถึง1 เดือน ว่ายอดผู้ติดเชื้อในไทยจะลดลงได้หรือไม่

       ประกอบกับตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงมาหลังจากปรับขึ้นมาต่อเนื่องก่อนหน้านี้ และค่อนข้างอ่อนไหวต่อปัจจัยการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าทั่วโลกกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลก  ทำให้มีผลต่อราคาตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรป แต่อย่างไรก็ตามความรุนแรงการระบาดรอบนี้ไม่รุนแรงเท่าปีก่อน เพราะสหรัฐและยุโรป มีประชากรที่ได้รับวัคซีนไปมากกว่าครึ่งของประชากรแล้ว ทำให้อัตราการเสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ระดับต่ำ และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดน่าจะยังคงใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป มีโอกาสเลื่ือนการลดคิวอีออกไปได้  

        ดังนั้น เรายังมองว่า ตลาดหุ้นไทยปรับฐานรอบนี้แค่ระยะสั้นและไม่น่ากลัว เท่าช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหากดัชนีรอบนี้ยังยืนที่ระดับ 1,530 จุด บวกลบต่อได้ โดยยังมีอัพไซด์ปลายปีนี้คาดไว้ที่1,600 จุด  กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนขณะนี้เปลี่ยนโหมดมาเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตและปรับตัวลงกว่า คือ กลุ่มเทคโนโลยี  และกลุ่มส่งออก ที่ได้ประโยชน์จากผลประกอบการปรับตัวดีต่อเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าและการส่งออกขยายตัวสูง 

       แต่การเข้าลงทุนหุ้นไทยยังต้องระมัดระวังรอความชัดเจนของสถานการณ์คุมการแพร่ระบาดรอบนี้ เพราะตอนนี้ยังคาดเดายากว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวันจะทะลุ 20,000คนหรือไม่ยังเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทย

       นายวิริยะชัย จิตตวัฒนรัตน์   รองผู้อำนวยการฝ่าย กลยุทธ์การลงทุน ไพรเวทเมเนจท์เม้นท์ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เราแนะนำนักลงทุนปรับลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight)หุ้นไทย โดยคาดแนวโน้มหุ้นไทยมีแนวรับทางเทคนิคที่ 1,500จุด    หลังจากการระบาดอย่างหนักของ โควิด-19 สายพันธุ์ เดลต้า รอบล่าสุดส่งผลไปถึงการประกาศล็อดดาวน์  ทำให้เรามองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มซบเซาหนักและยาวนานกว่า โดยมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะไม่ขยายตัวเลย ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนในการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่แย่ลงในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้   แต่สิ้นปีนี้ยังมองแนวโน้มดัชนีที่ 1,600จุด หากสามารถคุมการแพร่ระบาดคลี่คลายได้และตลาดต่างประเทศปรับฐานระยะสั้น 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันทำการแรกของสัปดาห์ (19 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการขยายมาตรการล็อกดาวน์และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังทรงตัวสูงที่ 1.1 หมื่นราย รวมถึงแรงขายตามข่าว (Sell on Fact) ภายหลังบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศกำไรไตรมาส 2 ปี 2564 นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับลงล้อกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปิดลบจากความกังวลไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง

อย่างไรก็ดี ระยะข้างหน้าคาดว่าดัชนีหุ้นจะเริ่มปรับลงอย่างจำกัด เพราะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักต่อดัชนีสูง ราคาหุ้นได้ปรับลงไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจ (Reopening) และประเมินแนวรับดัชนีที่ 1,530 จุด และถัดไปที่บริเวณ 1,510-1,500 จุด ตามลำดับ ดังนั้น การลงทุนจึงแนะนำสะสมหุ้นบริเวณแนวรับเพื่อรอขายในช่วงที่ดัชนีฟื้นตัว

"เราไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลงต่อเนื่องแบบไม่มีแนวรับ เพราะได้แรงหนุนจากกำไรบจ.ไตรมาส 2 ที่ออกมาดี รวมถึงปัจจัยบวกจากเงินเยียวยาเศรษฐกิจของรัฐบาล และความคืบหน้าการนำเข้าวัคซีน ยกเว้นในกรณีเลวร้ายที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตต้องหยุดนิ่ง คาดว่าดัชนีจะหลุดแนวรับ 1,500 จุด และเลวร้ายสุด 1,300 จุดอาจเอาไม่อยู่"
#2859


"ล็อกดาวน์" ปิดช่องทำมาหากินของร้านอาหารในห้างค้าปลีก เดลิเวอรี่-ซื้อกลับบ้าน ทำไม่ได้ ผู้ประกอบการดิ้นใหม่ ประกาศหาพื้นที่เช่านอกศูนย์การค้า ผุดครัวกลาง หน้าร้านเสิร์ฟลูกค้า ต่อลมหายใจ

โอกาสทองของคนมีพื้นที่ เมื่อแบรนด์ร้านอาหารดัง ทั้งเล็กใหญ่ เร่งปรับตัวด่วน! เพื่อประคองธุรกิจให้รอดในระยะสั้น หลังโดนมาตรการ "ล็อกดาวน์" ของรัฐปิดโอกาสทำมาค้าขายผ่านเดลิเวอรี่ และซื้อกลับบ้าน จากร้านสาขาในห้างค้าปลีก ทำให้ต้อง "หาพื้นที่เช่า" ในทำเลต่างๆ ทั้งโรงแรม ที่มีครัวกลาง อุปกรณ์พร้อม เพื่อเปิดให้บริการเดลิเวอรี่ ซื้อกลับบ้าน ส่องตัวอย่างแบรนด์หาหน้าร้านด่วนๆ 

แบรนด์ "โปเตโต้ คอร์เนอร์"(Potato Corner) ประกาศหาพื้นที่เช่าด่วน ในช่วง 14 วัน (20 ก.ค. - 2 ส.ค.) ระบุรายละเอียด ไม่จำเป็นต้องมีครัว หรือเป็นร้านอาหาร เพียงแค่มีขนาดพื้นที่มากกว่า 15 ตารางเมต(ตร.ม.)ขึ้นไป ในพื้นที่ย่านต่างๆ เช่น นพื้นที่ลาดพร้าว, เอกมัย, ศรีนครินทร์ บางนา, บางใหญ่, ท่าพระฯ เพื่อทำหน้าร้านให้บริการเดลิเวอรี่นั่นเอง ผลลัพธ์คือมีลูกค้าจำนวนมากให้ข้อมูลพื้นที่ ทำเลให้กับร้าน

ส่วนแบรนด์ "อาฟเตอร์ยู"(After You) มีสาขาที่ยังเปิดให้บริการปกติมี 7 สาขา เช่น ท่ามหาราช สุขุมวิท 11 มาบุญครอง ดิออฟฟิศ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ฯ โดยลูกค้าสามารถสั่งเดลิเวอรี่ผ่านทาง After you app / LINEMAN / Grab และไลน์ @afteryoudelivery ได้ปกติ ขณะเดียวกันบริษัทกำลังเร่งทำ cloud kitchen กันอยู่เพื่อกระจายสาขาออกไปให้ได้มากที่สุด โดยจะมาอัพเดทให้ผู้บริโภคทราบต่อไป 

ฟาก "ชินคันเซ็น ซูชิ"(shinkanzensushi) ระบุว่า สืบเนื่องจากประกาศล่าสุดของรัฐบาล ไม่อนุญาตให้ร้านอาหารในศูนย์การค้าเปิดการขายเดลิเวอรี่ได้ แต่ทางร้านยังมีพนักงานอีกหลายคนที่ต้องดูเเล เพื่อให้พนักงานยังมีงานและรายได้ ทางร้านจึงขอประกาศตามหาพื้นที่เช่า (ระยะสั้น) ทำครัวชั่วคราวสำหรับขาย delivery ไม่ว่าจะเป็น ตึกเเถว ร้านอาหารเก่า cloud kitchen หรือเป็นครัวโรงเเรมที่หยุดดำเนินการในช่วงนี้ โดยพื้นที่ที่ต้องการคือ


1. เป็นพื้นที่ขนาด 20-40 ตรม เเละมีส่วนที่สามารถทำครัวได้

2. มีที่จอดรถสำหรับให้ ไรเดอร์จอดได้

3. มีน้ำ-ไฟ พร้อมใช้

รบกวนส่งรายละเอียด มาที่ line@: @shinkanzensushi หรือ inbox มาที่เพจนี้ เเล้วแอดมินจะรีบติดต่อกลับไปทันที พร้อมติดแฮชแท็ก #สู้ไม่ถอย


 เซ็น กรุ๊ป สนใจเช่าพื้นที่ร้านอาหาร หรือโรงแรมที่ปิดให้บริการชั่วคราว ในทำเลที่มีศักยภาพเพื่อรองรับการกับความต้องการของลูกค้าครอบคลุมทุกโซนของกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่ ลาดพร้าว, อนุสาวรีย์, ทองหล่อ, สาทร, สีลม, เพลินจิต, พระราม 3 สาธุประดิษฐ์, รามอินทรา (แฟชั่นไอส์แลนด์), เจริญนคร, บางกะปิ, สยาม, พร้อมพงษ์, รัตนาธิเบศร์, งามวงศ์วาน, ปิ่นเกล้า, บางแค, บางนา, พระราม 9 เบื้องต้นมีระยะเวลาการเช่าพื้นที่ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป  หรือจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย และผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดให้บริการทุกแผนก 


นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง รัฐออกมาตรการการล็อกดาวน์ยกระดับคุมเข้มการระบาด ปิดศูนย์การค้า ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกยาและเวชภัณฑ์ ที่ฉีดวัคซีน ทำให้ร้านอาหารได้รับผลกระทบเพราะบริการซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรี่ไม่สามารถทำได้ ต้องปรับตัวหาเช่าพื้นที่ร้านอาหารนอกห้าง หรือตามโรงแรมที่มีครัวและอุปกรณ์ครัว เพื่อให้บริการอาหารแบบเดลิเวอรี่และผูกปิ่นโต สำหรับแบรนด์ เซ็น เรสเตอรองค์, ออนเดอะเทเบิ้ล และอากะ   


 "เนื่องจากร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้าต้องปิดให้บริการชั่วคราวตามนโยบายภาครัฐ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่ลูกค้ายังมีความต้องการบริโภคอาหารที่ดีมีคุณภาพ สะอาด สดใหม่และมีความปลอดภัย บริษัทจึงหาเช่าพื้นที่ครัวในทำเลต่างของพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเปิดครัวใกล้บ้านให้ลูกค้าไม่พลาดกับเมนูอาหารจากแบรนด์ในเครือของเรา ซึ่งโมเดลธุรกิจในครั้งนี้ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านอาหาร ที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราวจากการแพร่ระบาดของไวรัสอีกด้วย"  

 ขณะที่การให้บริการรูปแบบเดลิเวอรี่ นับตั้งแต่มาตรการล็อกดาวน์ ยอดผู้ใช้บริการเดลิเวอรี่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัวเทียบกับช่วงปกติ โดยแบรนด์ที่มียอดการสั่งซื้อเติบโตอย่างชัดเจน ได้แก่ เขียง ร้านอาหารไทยสตรีทฟู้ด  และ ZEN Restaurant  มั่นใจว่าการเช่าพื้นที่เป็นครัวสำหรับเสิร์ฟเมนูอาหาร หรือผูกปิ่นโต ที่อยู่ในทำเลใกล้บ้านลูกค้ามากขึ้น จะผลักดันให้ยอดขายเดลิเวอรี่มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงก่อนล็อกดาวน์ สำหรับผู้ที่สนใจให้เช่าพื้นที่สามารถส่งรายละเอียดให้พิจารณาดังนี้  ส่ง 1. Location (พร้อม Google map) 2. รูปหน้าร้าน ภายในร้านและห้องครัว 3.โซนของร้านอาหาร และ 4. ขนาดพื้นที่ครัว โดยสามารถติดต่อที่ info@zengroup.co.th หรือโทร. 084-6757553 
#2860

เทคนิคการซื้อหวยยังไงให้ถูก

เริ่มกันที่ เคล็ดลับถูกหวย จากทฤษฎีความน่าจะเป็นกันก่อน เมื่อคุณซื้อหวย คุณก็ต้องหวังถูกรางวัลที่ 1 ไม่ก็รางวัล 2 ตัวท้าย หรือ 3 ตัวท้ายอยู่แล้ว ซึ่งตามสถิติการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลพบว่าในสลาก 1,000,000 ใบ มีสลากเพียง 14,168 ใบเท่านั้นที่ถูกรางวัล หากจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็มีเพียงแค่ 1.4168% เท่านั้น และหวยนั้นออกรางวัลโดยการสุ่มตัวเลข ซึ่งคุณไม่สามารถรู้ผลลัพธ์ของมันได้เลย 

แต่ถึงแม้จะรู้ดีว่าโอกาสถูกหวยเป็นไปได้ยากมาก แต่เงินรางวัลหลักล้านมันช่างล่อใจเหลือเกิน จึงหยุดความเสี่ยงนี้ไม่ได้ หรือบางคนเคยถูกมาแล้วก็อยากที่จะสัมผัสกลิ่นของเงินแบบนั้นอีก ฉะนั้นวิธีหาเลขเด็ดกับวิธีแทงหวยยังไงให้ถูก ที่อยากให้คอหวยทั้งหลายทดลองไปใช้กันดูก็คือ

ดูสถิติการออกหวยย้อนหลัง 
เนื่องจากคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหวยจะออกอะไร ฉะนั้นก็ต้องมาศึกษาสถิติของหวยว่าเลขไหนออกบ่อยที่สุด เพราะในการออกเลขแบบสุ่ม เลขแต่ละตัวจะมีโอกาสออกได้เท่า ๆ กัน ดังนั้นเลขที่ออกน้อยที่สุดจะมีโอกาสเกิดได้มากกว่าเลขที่ออกบ่อยแล้ว

กระจายความเสี่ยงในการซื้อหวย 
การจะซื้อหวยให้ถูก หรือ วิธีถูกหวยทุกงวด นั้น คุณต้องรู้จักกระจายความเสี่ยง ถึงแม้ว่าเงินที่ได้มาจะน้อยแต่โอกาสในการถูกหวยมีมาก ยกตัวอย่างเช่น คุณจะซื้อเลข 9 คุณก็ต้องเลือกซื้อแบบ 19 ประตู ดังนี้ 09, 19, 90, 91, ... ,98, 89 วิธีแบบนี้จะทำให้คุณถูกหวยได้มากขึ้น 

หรือเลือกกระจายความเสี่ยงด้วยการ เล่นหวยต่างประเทศ เช่น หวยลาว หวยฮานอย หวยหุ้นต่างประเทศ ก็สามารถสร้างโอกาสและรายได้มากขึ้น เนื่องจากหวยเหล่านี้ มีการ.ได้หลากหลายรอบเวลา และสามารถลุ้นรวยได้ทุกวัน

วางแผนการซื้อหวยให้ดี
หากคุณสามารถวางแผนการแทงหวยให้ดีได้แล้วจะไม่มีคำว่าขาดทุน โดยใช้กลยุทธ์แบบ Martingale หลักของกลยุทธ์นี้ คือ

การที่ลงเงินในอัตราเพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อไม่ถูกหวย ก็กลับไปเริ่มลงเงินเท่าครั้งแรก 
กฎตายตัวของกลยุทธ์นี้ คือ ไม่ว่าคุณจะขาดทุนไปกี่บาท ครั้งต่อไปที่คุณถูกหวย คุณก็จะได้กำไรมากกว่า 1 บาทเสมอ

10 วิธีถูกหวยทุกงวด 
วิธีถูกหวยทุกงวด 
บางคนซื้อทุกงวด เล่นมาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยถูกรางวัลเลย บางคนอาจจะนาน ๆ จะถูกสักที หรือว่าบางคนถูกเกือบทุกงวด ทั้ง ๆที่แทบจะไม่ได้ตั้งใจซื้อด้วยซ้ำ แต่กลับถูกรางวัลแบบงง ๆ สำหรับใครที่อยากจะถูกรางวัล และลองมาสารพัดเทคนิคแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าเป้าสักที ก็คงต้องพึ่งดวงเข้าสายมูเตลูกันสักหน่อย ซึ่งเราจะมาบอกเทคนิคการเสี่ยงโชคอย่างมีกึ๋น ตามแบบฉบับของ "อ.เจน เปิดลิขิต ธูปพยากรณ์" กับ 10 วิธีถูกหวยทุกงวด เพิ่มสิริมงคลให้กับตัวเอง ดังต่อไปนี้

ข้อที่ 1 ห้ามแช่งผู้อื่น
สำหรับคนที่เป็นนักเสี่ยงโชคสิ่งที่ห้ามทำเป็นอย่างยิ่งนั่นคือ การไปขัดลาภคนอื่นเด็ดขาด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเห็นคนใกล้ตัวของคุณกำลังที่จะซื้อลอตเตอรี่ ห้ามไปทักท้วงเด็ดขาด หรือไปขัดลาภคนอื่นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นตัวเลขที่คุณจำไว้มีโอกาสคาดเคลื่อนได้

และที่สำคัญผู้ที่เสี่ยงโชคนั้นไม่ควรไปดูถูกเลขของคนอื่นเด็ดขาด ไม่ว่าเลขของเขาจะมาจากแหล่งใดก็ตาม เพราะจะทำให้เทพเจ้าแห่งโชคลาภไม่เข้าข้างคุณ และจะทำให้งวดนั้นคุณมีสิทธิ์ที่จะคาดเคลื่อนในเรื่องของการถูกหวยไปได้เลย

ข้อที่ 2 ห้ามเล่นเลขเดิม เกินกว่า 4 งวด
รู้หรือไม่ว่าการเล่นเลขซ้ำ ๆ เลขเดิม ๆ ติดกันเกินกว่า 4 งวด นั้นจะทำให้ดึงเลขตัวอื่นของคุณไม่ถูกไปด้วย ดังนั้นใครที่มีเลขในใจตามซื้อเกิน 4 งวดแล้วก็ยังไม่ถูก แนะนำให้พักการเล่นเลขนั้น ๆ ไปก่อนสัก 1-2 งวด แล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่ เพราะหากตามเลขเดิมเลขซ้ำๆ 4 งวดติดกันอาจทำให้คุณนั้นชวดเรื่องโชคลาภได้

ข้อที่ 3 ห้ามหยิบยืมเงินคนอื่นในการเสี่ยงโชคเด็ดขาด
เข้าใจว่ายุคนี้เป็น สังคมไร้เงินสด บางคนไม่ได้พกเงินจึงอาจมีการไปหยิบยืมเงินคนอื่นเพื่อมา ซื้อหวย ซื้อลอตเตอรี่ เกิดขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถยืมได้ แต่ก็ควรที่จะคืนเงินให้เขาทันทีในวันนั้นไม่ควรคืนเงินข้ามวัน หรือไม่ควรรอหวยออกก่อนแล้วค่อยคืนเงิน เพราะหากทำแบบนั้นจะเป็นการฉุดโชคลาภของตัวเอง ทำให้ลอตเตอรี่ใบนั้นมีโอกาสถูกน้อยนิดเดียว หรือไม่มีโอกาสถูกเลย

หรือในกรณีที่ใครมีโอกาสได้ไปจับฉลากอะไรมา แล้วได้ของขวัญเป็นลอตเตอรี่ อยากแนะนำให้คุณมอบเงินคืนกลับไป 1 บาท (ขั้นต่ำ) เพื่อเป็นการแลกกับลอตเตอรี่ที่เขามอบให้กับคุณ เพื่อเป็นการแก้เคล็ด เผื่อว่าการเสี่ยงโชคของคุณในครั้งนั้นหรือการได้รับลอตเตอรี่ในครั้งนั้นจะได้ถูกหวยกันทั้งผู้ให้และผู้รับ

ข้อที่ 4 หากคุณถูกหวย  4 งวดติดกันให้หยุดเล่นงวดต่อไป
อย่างที่บอกไปว่าโอกาสการถูกหวยนั้นเป็นไปได้ยาก แต่หากดวงคนที่ถูกหวย 4 งวดติดกันส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่ดวงขึ้น ฉะนั้นแล้วเมื่อคุณได้รับโชคลาภมาแล้วถึง 4 งวด อยากให้คุณหยุดเล่นในงวดที่ 5 ก่อน เพื่อให้พลังโชคลาภในตัวคุณได้ถูกกระตุ้นอีกครั้งหนึ่ง 

ข้อที่ 5 ห้ามบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไม่ควรบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้คุณถูกหวย แต่ถ้ามีโอกาสไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ควรขอก็อาจจะขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นได้มอบในเรื่องของโชคลาภให้ ไม่ต้องไปคาดหวังว่าอยากจะได้รางวัลที่ 1 หรือรางวัลอะไร เพราะถ้าคุณมีโชคสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะมอบโชคให้กับคุณอยู่ดี ไม่ว่าคุณจะอ้าปากขอหรือไม่ก็ตาม

ข้อที่ 6 หลักการขึ้นเงินลอตเตอรี่เพื่อรับโชคอย่างต่อเนื่อง
เมื่อใดก็ตามที่คุณถูกหวย ให้คุณขึ้นเงินภายใน 15 วัน หลังหวยออก ไม่ควรขึ้นเงินข้ามผ่านไปในการออกหวยงวดใหม่ เพราะถ้าทำแบบนั้นโชคลาภของคนนั้นจะขาดช่วง และที่สำคัญหากอยากได้ วิธีถูกหวยทุกงวด 

เมื่อถูกลอตเตอรี่แล้วให้แบ่งเงิน 5% จากรางวัลไปทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคให้สังคมการทำบุญคนยากจน ยากไร้ การทำบุญใส่บาตร ทำสังฆทาน ทำบุญโลงศพ การทำบุญเกี่ยวข้องกับวัด การทำบุญสร้างโรงพยาบาลการทำบุญบริจาคเลือดกับสภากาชาดไทย หรืออะไรก็ได้ที่คุณสะดวกและสบายใจที่จะทำ ก็จะส่งเสริมให้พลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และโชคลาภอยู่กับคุณ

ข้อที่ 7 แบ่งเงินถูกหวย
การ บริหารเงินถูกหวย เป็นอีกเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ โดยสามารถแบ่งเงินที่ถูกหวยออกเป็น 

3% ให้นำไปใส่กระปุกเพื่อเป็น เงินขวัญถุง
4% ให้ไปทำบุญ ทำบุญอะไรก็ได้ และให้กรวดน้ำ อุทิศบุญให้กับเทวดาผู้รักษาตัวเรา ครูบาอาจารย์ บรรพบุรุษ และเจ้ากรรมนายเวร
โดยแนะนำให้ทำภายใน 15 วัน หลังจากที่คุณได้เงินจากผู้ให้รางวัลหวยทางเลือก เพียงเท่านี้ก็เป็น วิธีถูกหวยทุกงวด แถมยังมีเงินขวัญถุงให้ต่อยอดในงวดต่อ ๆ ไปอีกด้วย

ข้อที่ 8 แก้ปัญหาโชคลาภเฉียดไปเฉียดมา
ที่ผ่านมาเรามักจะใช้คำว่า "เฉียด" มากกว่า "ถูก" อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเฉียดมากเฉียดน้อย เฉียดใกล้เฉียดไกล ความหมายของคำว่าเฉียดก็เหมือนเดิม คือเราไม่ได้แม้แต่บาทเดียว วิธีแก้ดวงลักษณะแบบนี้ ทำได้โดย

ทำความสะอาดหิ้งพระ สำหรับใครไม่มีหิ้งพระ อาจทำความสะอาดสร้อย หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บูชาอยู่ก็ได้
กระตุ้นโชคลาภของตัวคุณด้วยการสวดอิติปิโส มากกว่าอายุ 1 จบ แล้วก็ คาถาเงินล้าน 9 จบติดต่อกันทุกคืน 9 วัน คลิกดูบทสวดมนต์ที่นี่!!
ข้อที่ 9 ไม่ต้องไปแข่งบุญแข่งวาสนาแข่งโชคลาภกับใคร
การจะถูกหวย ถูกรางวัลที่ 1 หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทริคการซื้อหรือการเล่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาราศี และบุญกุศลของแต่ละคนด้วย ในเมื่อแต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกัน ต่างวัน ต่างเวลา ตำแหน่งดวงดาวตอนเกิดก็ไม่เหมือนกัน เรื่องของดวงมีโชคใหญ่จึงแตกต่างกัน บางคนเกิดมาไม่มีโชคใหญ่เลยก็มี

ฉะนั้นอย่าไปอิจฉาอย่าไปริษยาใครต่อใครในเรื่องของโชคลาภวาสนาเลย เพราะสิ่งที่เราทำได้ก็คือ การกระทำจากตัวของเราเอง ซึ่งบางทีโชคลาภอาจไม่ได้มากในรูปแบบของหวย แต่อาจมาให้รูปแบบของการงาน การเงิน หรือความรักก็เป็นได้

ข้อที่ 10 ไม่นำเงินที่ได้จากการโกง ไปซื้อลอตเตอรี่
ไม่ควรนำเงินที่คุณขโมยมา นำเงินที่คุณฉ้อโกงนำเงินที่ได้มาด้วยความไม่ชอบธรรม สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นไปซื้อลอตเตอรี่ เพราะนั่นถือเป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นการดึงกรรม ดึงเคราะห์เข้าตัวเอง ถ้าอยากจะมีโชคลาภที่ยั่งยืนต้องมี วิธีถูกหวยทุกงวด ที่เกิดขึ้นจากความถูกต้องเท่านั้น เชื่อได้เลยว่าโชคลาภก็จะงอกเงยและประสบผลสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สรุป
ก่อนอื่นเลยต้องยอมรับก่อนว่าไม่มีใครคนไหนในโลกใบนี้หรอกที่จะถูกหวยทุกงวด เพียงแต่เราแค่นำเสนอ วิธีถูกหวยทุกงวด เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกให้มากขึ้นก็เท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วการซื้อหวยมันขึ้นอยู่กับ "ดวง" ด้วย ดังนั้นหาเวลาทำบุญให้มากขึ้น และตั้งใจทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริตต่อไป เพราะสุดท้ายแล้ว ความพยายามเป็นส่วนสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จได้มากที่สุด

สุดท้ายแล้วอย่าลืมติดตามข่าวหวยไทยรัฐ ข่าวหวยไทยรัฐทีวี ข่าวหวยแม่จําเนียร ข่าวหวย ข่าวดัง เลขเด็ด แนวทางหวยลาว หวยฮานอย หวยออนไลน์ หวยหุ้นออนไลน์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดลับเสริมดวง ทำนายฝัน ทายนิสัย และอื่น ๆ อีกมากมาย จากทางเว็บไซต์ของ haihuayonline ที่มีมาอัพเดทให้อยู่ทุกวัน รับประกันว่าเซียนหวยทั้งหลายห้ามพลาดในทุกรูปแบบ