• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

แนวโน้มดัชนีเช้าพักฐานกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย แต่เชื่อกลุ่มแบงก์-Fund Flow ยังหนุน

Started by dsmol19, November 08, 2022, 11:31:26 AM

Previous topic - Next topic

dsmol19

ตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าพักฐานกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย แต่เชื่อกลุ่มแบงก์-Fund Flow ยังหนุน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งพักฐาน รับแรงกดดันตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) สูงขึ้น หนุนคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดน่าจะปรับตัวลงไม่มาก เนื่องจากบ้านเราคาดว่าจะรับแรงหนุนจากกลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่ยังคงไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปีนี้และปีหน้าแนวโน้มฟื้นต่อเนื่อง ถือว่ามีการเติบโตแข็งแกร่ง

ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน โดยนักลงทุนยังตงจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ต.ค.ของสหรัฐคืนนี้

ให้แนวรับไว้ที่ 1,615-1,620 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,001.25 จุด ลดลง 146.51 จุด หรือ -0.46%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,719.89 จุด ลดลง 39.80 จุด หรือ -1.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,342.94 จุด ลดลง 181.86 จุด หรือ -1.73%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,371.89 จุด ลดลง 291.5 จุด หรือ -1.05%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 15,442.76 จุด เพิ่มขึ้น 103.27 จุด หรือ +0.67% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,997.00 จุด ลดลง 0.81 จุด หรือ -0.03%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 พ.ย.65.) ที่ระดับ 1,625.62 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด, +0.04%
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,916.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 พ.ย.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.(3 พ.ย.)ลดลง 1.83 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 88.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 พ.ย.) อยู่ที่ 5.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 37.99 อ่อนค่าตามภูมิภาค คาดกรอบวันนี้ 37.85-38.10
-"สุพัฒนพงษ์" ตอบปมกฎหมายต่างชาติครองที่ดิน ยันกฎหมาย ที่ออกมารัดกุมกว่าหลายประเทศ ปัดปมขายชาติ เพราะไม่ได้แก้สาระสำคัญกฎหมายฉบับเดิม ชี้หากจะแก้เป็นการเช่าที่ดิน ระยะยาวต้องแก้ พ.ร.บ. ด้าน "อนุพงษ์" ยันกฎกระทรวงต่างชาติครอบครองที่ดิน ไม่มีเจตนาขายชาติ เอื้อนายทุน หากประชาชนไม่สบายใจพร้อมยกเลิก

-"แบงก์ชาติ" เกาะติดค่าเงินบาทหลัง "เฟด" ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ทำส่วนต่างยิ่งถ่างมากขึ้น แต่ย้ำยังไม่พบเงินไหลออกผิดปกติ ด้านนักเศรษฐศาสตร์ห่วงไทยขึ้นดอกเบี้ยช้าอาจคุมเงินเฟ้อไม่อยู่ ทั้งเพิ่มความเสี่ยงเงินไหลออก มองปีหน้าอาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าแตะ 42 ต่อดอลลาร์

ตลท.คาดมี "หุ้นไอพีโอ" เข้าเทรด 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ กว่า 20 บริษัท จากอยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งทั้งหมด 37 บริษัท คาดปีนี้จำนวน-มาร์เก็ตแคปใกล้เคียง ปีก่อน ล่าสุดเข้าเทรดแล้วรวม 26 บริษัท มาร์เก็ตแคป 3.37 แสนล้าน ชี้นักลงทุนเชื่อมั่นลงทุน แม้หุ้นบางตัวเข้าเทรดต่ำจอง บล.กสิกรไทย เตรียมส่ง "ออโรร่า-โมชิ โมชิ" เข้าเทรดปลายปีนี้ ลั่นหุ้นจะเหนือจองได้ธุรกิจต้องน่าสนใจ พื้นฐานดี ตั้งราคาเหมาะสม ขณะที่ผลตอบแทนลงทุนปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) เปิดเผยว่าในปี 66 ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งมีภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 2 เรื่องทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพิ่ม และจากการกลับมาจ่ายเงินนำส่งของสถาบันการเงินให้กับกองทุนฟื้นฟูเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือเอฟไอดีเอฟ จากลดให้ช่วงโควิด 0.23% มาอยู่ที่ 0.46% ต่อปี ทำให้ในส่วนของธนาคารทีทีบี ต้องขึ้นดอกเบี้ยฝั่งสินเชื่ออย่างน้อย 0.50-0.60% ในปี 66 เนื่องจากมีภาระต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งในแต่ละธนาคารขึ้นดอกเบี้ยมีความแตกต่างกันแล้วแต่โครงสร้างแต่ละแห่ง
*หุ้นเด่นวันนี้

SPALI (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 23.00 บาท เก็งงบไตรมาส 3/65 +57%YoY, +30%QoQ ที่ 2.7 พัน ลบ. หนุนด้วยยอดโอนในไตรมาส 3 ที่ทำได้ดี ส่วน Presale อยู่ที่ 6.7 พัน ลบ. มี Backlog ที่ 2.3 หมื่น ลบ. พร้อม Secure เป็นรายได้ราว 3-4 ไตรมาส ทยอยเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องในช่วงปลายปี รับ Demand ที่ฟื้นตัวจากหลังการเปิดเมือง ลุ้นยอดขาย Presale ทั้งปีทำได้เกินเป้าที่ 2.8 หมื่น ลบ. หลัง 9 เดือนทำไปได้แล้วกว่า 2.5 หมื่น ลบ. Outlook อุตสาหกรรมดี DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 7.5 พัน ลบ. และ 7.53 พัน ลบ. +6.3%YoY, +0.3%YoY ตามลำดับ
TOP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 61.00 บาท เชื่อราคาหุ้นลงมาตอบรับผลประกอบการ Q3/65 ที่จะออกมาขาดทุนไปแล้ว ขณะที่ Q4/65 น่าจะเห็นกำไรกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งจากความเสี่ยงการรับรู้ Stock loss ลดลง และค่าเงินบาทที่เริ่มชะลอการอ่อนค่า ส่วนผลประกอบการปกติยังถูกกดดันจากค่าการกลั่นอ้างอิง Singapore GRM ที่ลดลง QoQ แต่อาจได้ส่วนชดเชยจาก Crude premium ที่ลดลง รวมถึง Product spread กลุ่มอะโรมาติกส์และน้ำมันหล่อลื่นเริ่มฟื้นตัว ส่วนระยะสั้นไม่แรงจูงใจจากการประกาศจ่ายปันผล 2 บาท/หุ้น XD วันที่ 10 พ.ย.คิดเป็น Yield 3.6%
NOBLE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท คาด Q3/65 เริ่มพลิกกลับมากำไรครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาสหนุนจากคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 2 แห่ง ขณะที่ Q4/65 มีคอนโดใหม่เริ่มโอนเพิ่มอีก 3 แห่งหนุนกำไรเร่งตัว คาดกำไรปี 65 -27% Y-Y ก่อนฟื้นตัวแรง +45% Y-Y ในปี 66 เป็นหุ้น Turnaround และได้ประโยชน์จากการกลับมาของผู้ซื้อชาวต่างชาติ ปัจจุบันให้ Dividend Yield สูงถึง 6-9% ต่อปี