คาร์ราเกอร์ชี้เหตุผลทำไมโซลชายังอยู่รอดได้ทั้งที่ผลงานบู่

[Prichas]

เจมี่ คาร์ราเกอร์ ระบุ ปัจจัยหลักที่ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นแค่เพราะเขาคือฮีโร่ของแฟนๆ ซึ่งต่างกับ มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่ อาร์เซน่อล ที่โดนตัดสินจากผลงานเป็นหลัก
    เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตยอดกองหลังของ ลิเวอร์พูล สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังเป็นผู้จัดการทีมให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาจนถึงทุกวันนี้ได้เพียงแค่เพราะเขาเป็นที่รักของแฟนๆ เท่านั้น

    ในสมัยที่ยังเป็นนักเตะ โซลชา ถือเป็นขวัญใจของเหล่าแฟน. แมนฯ ยูไนเต็ด จากการที่เขาสามารถทำประตูให้ทีมในเกมสำคัญๆ ได้หลายนัด รวมถึงไม่ค่อยปริปากบ่นแม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงด้วย นั่นทำให้ตอนที่ โซลชา ได้เข้ามาเป็นกุนซือของทีมนั้น บรรดา "เร้ด อาร์มี่" เลยดีใจกันสุดๆ


    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน โซลชา กำลังเจอกับความกดดันอย่างหนักภายหลังพาทีมทำผลงานได้ย่ำแย่ในช่วงหลายนัดที่ผ่านมาจนถึงขั้นทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะในลีกได้แค่นัดเดียวจากการลงเล่น 6 เกมหลังสุด (นับก่อนถึงเกมกับ วัตฟอร์ด) และทำให้เริ่มมีกระแสขับไล่เขาบ้างแล้วด้วย

    ทั้งนี้ ล่าสุด คาร์ราเกอร์ เขียนคอลัมน์เกี่ยวกับ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ที่ตอนนี้กำลังพาทีมทำผลงานได้ร้อนแรงสุดๆ ต่างกับช่วงเปิดซีซั่นที่มีฟอร์มย่ำแย่จนถึงขั้นมีข่าวว่า อาร์เตต้า อาจจะโดนปลด ซึ่งในช่วงหนึ่งเขาเขียนว่า "สำหรับผมแล้วตอนที่ อาร์เตต้า ได้รับงานกับ อาร์เซน่อล น่ะ ความสัมพันธ์ของเขากับสโมสรมันเป็นประเด็นรองเท่านั้น เพราะประเด็นหลักคือการที่เขาเคยได้รับการสั่งสอนจาก กวาร์ดิโอล่า ในตอนที่อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการที่เขาถูกมองว่าเป็นโค้ชสมัยใหม่ที่เข้าใจว่าเกมฟุต.กำลังพัฒนาไปในทิศทางไหน ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นคนที่จะเข้ามาแช่ตัวอยู่กับวัฒนธรรมของ อาร์เซน่อล"

    "เรื่องนั้น (การที่ อาร์เตต้า ได้รับงานเพราะมีวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจ) มันถือว่ามีความสำคัญมากกว่าแค่เรื่องความรู้สึกที่ผูกติดอยู่กับคนที่เคยเป็นนักเตะของทีม เพราะว่า อาร์เตต้า มักจะโดนตัดสินจากคุณภาพในการทำงานของเขา ซึ่งนั่นถือว่าต่างกับ โซลชา ที่ถึงแม้จะทำให้ทีมมีผลการแข่งขันกับฟอร์มที่น่าผิดหวังเหมือนกับคนอื่นๆ (หมายถึงเหมือนกับเหล่าอดีตนักเตะที่กลับไปรับงานกุนซือให้ทีมที่เคยเล่นด้วย อย่างเช่น แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ อันเดรีย ปีร์โล่) แต่ก็ยังได้รับโอกาสทำงานนานกว่าคนเหล่านั้นด้วยสาเหตุที่ว่าเขาเป็นที่รักของแฟน. แต่ผมพูดแบบนี้ด้วยความเคารพที่มีต่อพวกเขาอย่างสูงนะ"