• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

พาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) เรื่องน่ารู้ของคนอยากร็อก

Started by Chigaru, March 11, 2022, 05:27:14 AM

Previous topic - Next topic

Chigaru



คอร์ด คืออะไร?


ก่อนจะกล่าวถึงพาวเวอร์คอร์ด (Power chord) คงจำต้องเล่าเกี่ยวกับคำว่าคอร์ด (chord) ซักนิด เอาแบบเข้าใจง่ายๆไม่ต้องหลักการมากมาย เอาโครงสร้างของคอร์ด C มาอธิบายดีกว่าเนอะ

โน้ตของกีตาร์เริ่มตั้งแต่ C หรือ โด ในระบบโน้ตสากล ไล่ไป D, E, F, G, A, B และวนกลับมาที่ C อีกครั้ง ซึ่งหากนับโน้ตที่ไม่ซ้ำกัน มันก็มีอยู่ 7 ตัว

ต่อไปนี้ คอร์ด ก็คือกลุ่มของโน้ตที่เอามาเรียงกันขั้นต่ำ 3 ตัว โดยการเอาโน้ตลำดับที่ 1, 3 และ 5 มาใช้ โดยให้เอาโน้ตตัวที่เราต้องการให้เป็นชื่อคอร์ดไปวางไว้เป็นลำดับแรกสุด ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นคอร์ด C เราก็เอาโน้ตมาเรียงกันโดยเริ่มจาก

1 = C

2 = D

3 = E

4 = F

5 = G

6 = A

7 = B

เมื่อเราก็เอาโน้ตลำดับที่ 1, 3 แล้วก็ 5 หรือก็คือ C, E, G มาเรียงกัน พวกเราก็จะได้คอร์ด C

แล้วพาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) ล่ะ มันจับอย่างไร?

แนวทางของพาวเวอร์คอร์ดนั้นง่ายมาก คือให้เรากดโน้ตตัวที่ 1 และก็ 5 ของคอร์ด และบอดโน้ตอื่นๆให้หมด Power Chord เรียกอีกอย่างว่าคอร์ดคู่ 5 แล้วก็เขียนคอร์ดมีเลข 5 ต่อท้ายชื่อคอร์ด ยกตัวอย่างเช่น C5, G5, A5 เป็นต้น

ฟอร์มการจับนั้น จะว่าไปมันก็ดูคล้ายๆการจับแบบทาบคอร์ดนั่นแหละ แต่เราจะกดให้มันดังเพียงแค่สาย 6-4 หรือไม่ก็สาย 5-3 ตัวอย่าง ถ้าเกิดเป็นคอร์ด C แบบพาวเวอร์ (หรือคู่ 5) จากเดิมที่เราเคยทาบคอร์ดแบบใช้ทุกนิ้ว มันก็จะเหลือให้พวกเรากด แค่โน้ต C กับ G แบบนี้

หรือคอร์ด A จับแบบพาวเวอร์คอร์ด มันก็จะมีเพียงแค่โน้ต A คู่กับ E แบบนี้

หรือถ้าหากเราอยากที่จะให้เสียงมันมีย่านแหลมใสเติมเข้ามาบ้าง เราก็แค่เพิ่มนิ้วนางเข้ามา ซึ่งมันก็เป็นโน้ตเดียวกับนิ้วชี้บนสายหกเป๊ะ ฉะนั้นการจับแบบนี้จึงยังเป็นพาวเวอร์คอร์ด เพียงแต่เพิ่มความไพเราะอีกนิดนั่นเอง

ตารางเพาเวอร์คอร์ด (Power Chord)




ทำไมพาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) จึงเหมาะกับเพลงร็อก

การเล่นให้มีเพียงเสียงโน้ต 1 กับ 5 เพียงสองโน้ตในคอร์ด ทำให้ไม่มีโน้ตอื่นๆมาตกแต่งให้เป็นโทนเมเจอร์ ไมเนอร์ เซเว่นธ์ ฯลฯ ใดๆทั้งสิ้น มีเพียงแต่เสียงหัวโน้ตหลักจากคอร์ดนั้นดังโดดๆหนาๆเนื่องจากคอร์ดแนวนี้มักเล่นบนสาย 4 – 6 เป็นหลัก ก็เลยเหมาะสมกับการเล่นริทึ่มมากยิ่งกว่า และจะยิ่งเหมาะเป็นพิเศษสำหรับเล่นกับเสียง distortion หรือเสียงแตก เพราะเหตุว่าจะให้โทนเสียงที่หนา ดุ ร็อก

นอกเหนือจากเสียงที่ดุดัน หนา สะใจเมื่อใสเสียงแตกแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของการจับคอร์ดโน้ตน้อยๆแบบนี้ก็คือ เราสามารถโยกย้ายมือเปลี่ยนคอร์ดได้เร็วกว่าการจับคอร์ดปกติมาก เพราะอย่างที่บอก พาวเวอร์คอร์ดไม่มีเมเจอร์ ไมเนอร์ พวกเราก็แค่จำโน้ตหลักว่าอยู่ตรงเฟรทไหน และก็เลื่อนบล็อคนิ้วกลับไปกลับมาเท่านั้นเอง ง่ายนิดเดียว

ง่ายดีนะ ถ้าอย่างนั้นจับคอร์ดอย่างนี้แทนการทาบไปเลยได้มั้ย?

แต่ด้วยความที่คอร์ดอย่างนี้มีจำนวนโน้ตที่น้อย เสียงที่ได้จึงไม่ได้มีมิติสีสันอะไร มีแต่เสียงเด่นๆจากโน้ตหลักของคอร์ด (root) เพียงแค่นั้น และควรต้องเล่นกับเสียงแตกเป็นสำคัญ เนื่องจากเล่นคอร์ดอย่างนี้กับเสียง clean คงคล้ายๆกับการดีดเบสเล่นนั่นเอง การใช้พาวเวอร์คอร์ดให้ถูกที่ถูกเวลาจึงเป็นคำตอบของเรื่องนี้

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหัดเล่นกีตาร์อยู่นะ กีตาร์ยังมีอะไรให้เล่นพลิกแพลงมากกว่านี้อีกเยอะแยะ ไว้ครั้งหน้าจะมาเล่าให้ฟังอีกครับผม

สนใจสั่งซื้อกีต้าร์ไฟฟ้า ได้ที่ BigTone
** ติดต่อ สั่งซื้อ หรือ สอบถามเพิ่มเติม คลิกเลย!!