8 ขั้นตอนในการกู้คืนระบบเครือข่ายขององค์กร จากเหตุร้ายที่คุณไม่คาดฝัน!

[Ailie662]

การวางแผนรองรับเหตุไม่คิด และภาวะหยุดชะงักในการให้บริการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อันเพราะว่าสายเคเบิลใต้น้ำ, โครงข่ายภาคพื้นดิน, หรือระบบดาวเทียมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้จัดการด้านไอทีในองค์กร การปรับปรุงแผนจัดการอยู่ตลอดก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเลือกสำหรับการแบ๊กอัพเพิ่มจากแต่ก่อนมากมาย

อย่างเหตุภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำที่ตัดขาดลิงก์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเดียวไปยังประเทศตองก้า ที่เป็นเกาะกลางทะเลเมื่อเดือนที่แล้วนั้น นับว่าเป็นสัญญาณเตือนให้เหล่าผู้บริหารไอทีทั่วทั้งโลกต้องหันมาทวนแผนแบ๊กอัพแล้วก็กู้คืนระบบกันใหม่ อีกทั้งด้านองค์ประกอบเบื้องต้นเน็ตเวิร์กและก็เครื่องมือที่เชื่อมต่อ

ไม่ว่าที่มาของเรื่องไม่พึงปรารถนาจะมาจากรถยนต์แบ๊กโฮไปตัดโดยสาย, จากอาชญากรรม, หรือเรื่องบังเอิญอื่นที่คาดคะเนไม่ได้ องค์กรทั้งหลายก็จำเป็นต้องมีแผนสำหรับการสำรองสำหรับทุกพื้นที่ที่จำเป็นจะต้องไม่ว่าขนาดใหญ่หรือเล็ก อยู่ใกล้หรือกระจัดกระจายทั้งโลก เพื่อลดความสูญเสียให้เยอะที่สุดดังต่อไปนี้

ขั้นที่ 1 กางแผนที่ลิงก์ของผู้ให้บริการมอง
ถ้าผู้ให้บริการเครือข่ายของคุณยังไม่เคยให้แผนที่การเชื่อมต่อ รวมทั้งแผนสำรองสำหรับบริการที่คุณใช้อยู่ ก็จำต้องบีบคั้นเอามาให้ได้ เพื่อจะได้ใช้มองหาข้อบกพร่องในแผนของคุณ ระวังว่าถึงจะใช้ผู้ให้บริการหลายรายก็ไม่ได้ช่วยสำรองลิงก์ได้ เพราะเหตุว่าหลายรายใช้ลิงก์ข้ามประเทศเดียวกันก็มี

ขั้นที่ 2 ลดความเสี่ยงสายไฟเบอร์โดนตัดขาด
Jimmy Yu รองประธานของกรุ๊ปตลาดติดต่อผ่านสายไฟเบอร์ของกรุ๊ป Dell'Oro.` ที่เป็นบริษัทพินิจพิจารณารวมทั้งวิจัยได้กล่าวว่า "แนวทางที่เยี่ยมที่สุดสำหรับในการลดผลพวงจากสายไฟเบอร์ตัดขาดคือ การเลือกผู้ให้บริการที่มีเส้นทางโยงลิงก์แยกกันสองทางในทุกๆที่"

"หรือหันมาใช้บริการจากผู้ให้บริการสองรายที่มีเส้นทางโยงสายไฟเบอร์ต่างกันแทน" ซึ่งทั้งคู่กรณีดังกล่าว ถ้าหากลิงก์เส้นใยหนึ่งขาด เน็ตเวิร์กก็จะหาเส้นทางใหม่ให้ทราฟิกของลูกค้าไปทางสำรองแทนด้านในไม่กี่นาที อีกทั้งโครงข่ายพื้นทวีปและใต้น้ำ

ขั้นที่ 3 หาทางเลือกสื่อส่งสัญญาณหลายแบบ
ในเมื่อสายไฟเบอร์ขาดนั้นดูเลี่ยงไม่ได้ ผู้จัดการด้านไอทีก็ควรจะพิจารณาหนทางการส่งสัญญาณข้อมูลแบบอย่างอื่นอย่างโครงข่ายไร้สายหรือผ่านดาวเทียมเอาไว้ในแผนสำรองไว้ด้วย หากไซต์งานอยู่ห่างจากเขตแดนไม่เกิน 100 กม. การใช้สัญญาณไมโครเวฟส่งแบบ Point-to-Point ก็เหมาะมาก

ขั้นที่ 4 มองหาสายเคเบิลใหม่ จากผู้ให้บริการรายใหม่ ที่โยงเส้นทางใหม่ๆ
จากความอยากที่จะขยายและก็ป้องกันการเชื่อมต่อบริการบนคลาวด์ และทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเองเสถียรสูงที่สุด ทำให้ทั้งกูเกิ้ล ไมโครซอฟท์ และก็เฟซบุ๊ก ต่างลากสายเคเบิลใต้น้ำเองมากยิ่งกว่า 20 เส้น ลากผ่านเมืองใหญ่หรือแม้แต่ผ่านประเทศไปๆมาๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางใหม่ๆทั้งโลก

ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดพบว่า แค่กูเกิ้ลเจ้าเดียวก็มีสายเคเบิลใต้น้ำมากถึง 16 เส้นแล้ว ในเวลาที่ทางไมโครซอฟท์และเฟซบุ๊กก็แข่งไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นข่าวดีของพวกเราที่บริการเหล่านี้เชื่อมต่อไปถึงพื้นที่ใหม่ๆและมีการสำรองลิงก์ในตนเองด้วย แม้จะยากที่เจ้าใหญ่พวกนี้จะยอมแบ่งเช่าแบนด์วิธให้องค์กรอื่น

ขั้นที่ 5 กระจายต้นแบบลิงก์สายเคเบิลเพื่อหนีภัย
ที่ผ่านมา สายเคเบิลใต้น้ำถือเป็นของสมาพันธ์ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่มาจากความร่วมแรงร่วมใจของกลุ่มธุรกิจนานาประเทศ ซึ่งเป็นผู้คอยบริหารจัดการทุกสิ่ง แต่เมื่อเกิดเฮอร์ริเคนแซนดี้เข้ามากระหน่ำนิวพบร์ซีย์เมื่อเดือนตุลาคม 2021 จนถึงกำเนิดดาวน์ไทม์กระจัดกระจายวงกว้างมาก

โดย Frank Rey ผู้อำนวยการด้านที่มีความสำคัญในการรบเครือข่ายทั้งโลกในส่วนของระบบคลาวด์ไมโครซอฟท์พูดว่า "ถือได้ว่าเป็นการหยุดชะงักครั้งยิ่งใหญ่ กระทบทั่วอเมริกาเหนือและยุโรปไปหลายชั่วโมง ทำให้พวกเราจะต้องไตร่ตรองเพิ่มทางเลือกสำหรับเพื่อการใช้อีกทั้งสายพื้นทวีป รวมทั้งสายเคเบิลใต้น้ำผ่านห้วงสมุทรร่วมกัน"

ขั้นที่ 6 มองการขยายลิงก์ขึ้นเขาคลาวด์
เภทภัยต่างๆได้ผลักดันความเจริญก้าวหน้าสำหรับในการสร้างความมีประสิทธิภาพให้ระบบเน็ตเวิร์ก อย่างพายุเฮอร์ริเคนที่กระตุ้นให้ทั้งไมโครซอฟท์ เฟซบุ๊ก และคู่สัญญาอย่าง Telexius ในการลากสายเคเบิลใต้น้ำผ่านมหาสมุทรแอตแลนติก ที่แบนด์วิธสูงที่สุดที่เคยมีมาจนเสร็จพร้อมใช้งานเมื่อปี 2019

ขั้นที่ 7 ตรวจสอบ SLA ต่างๆ
ผู้จัดการด้านไอทีในองค์กรจำเป็นจะต้องทบทวนข้อตกลงระดับการให้บริการหรือ SLA ที่ทำกับผู้ให้บริการโครงข่ายของตน ทั้งด้านความพร้อมการให้บริการ แล้วก็เวลาสำหรับการกู้คืนระบบ เนื่องด้วยผู้ให้บริการบางรายไม่สามารถคำสัญญาเวลาการเข้าจัดแจงรวมทั้งแก้ไขปัญหาได้

ขั้นที่ 8 ไตร่ตรองลงทุนกับเครื่องไม้เครื่องมือแบ็คอัพ
หากงบประมาณมีจำกัด แล้วก็ราคาของที่เกี่ยวพุ่งสูง การจัดซื้อเครื่องมือมาตั้งทิ้งเอาไว้เฉยๆนานๆก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรีบจัดแจงเยอะแค่ไหน บางพื้นที่อาจเลือกใช้แผนสำรองตามปริมาณการใช้แรงงานหรือสิ่งที่ต้องการแทน พวกเราอาจมองการหาพวกเราเตอร์รวมทั้งเกตเวย์ IoT เพิ่มอีกเพื่อสำรองระบบได้

MyMainer.com