ทำความรู้จัก QueQ แอปที่จะทำให้ท่านจองคิวได้ง่ายขึ้น

[Jenny937]

QueQ เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ทำหน้าที่ซัพพอร์ตด้านธุรกิจและผู้คนให้สามารถจัดการเวลาได้อย่างดีที่สุดผ่านทางเทคโนโลยีการจัดการที่ทันสมัยโดยเริ่มต้นที่การรอคิว โดยผู้เริ่มต้นคิดการทำแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่ช่วย ร้านค้า ธนาคาร และอีก ๆ หลาย ๆ องค์กรในการจัดการนัดคิวทำธุระต่าง ๆ ได้ล่วงหน้าและยังเป็นบุคคลที่ทำให้แอปพลิเคชัน QueQ เป็นที่รู้จักและมีผู้ใช้งานจริงถึง 2 ล้านคน ในเมืองไทย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และสุดท้ายไต้หวัน และใช้ทุนเพียงเดือนละไม่กี่หมื่นเท่านั้น เขาคือ รังสรรค์ พรมประสิทธิ์ ชื่อเล่น โจ้ อายุ 42 ปี เขาคือผู้นำทีมสตาร์ทอัพ QueQ เจ้าของสโลแกน Spend your time wisely แปลเป็นไทยว่า  ใช้เวลาของคุณอย่างชาญฉลาด คุณโจ้ผ่านเรื่องราวมามากมายกว่าจะประสบความสำเร็จดั่งทุกวันนี้ โดยก่อนที่เขาจะผันตัวมาทำงานด้านสตาร์ทอัพเต็มตัวเขาเคยทำบริษัทผู้รับผลิตซอฟต์แวร์ให้องค์กรอื่น ๆ มาถึง 7 ปีเลยทีเดียวแต่แล้วก็ต้องเจอกับปัญหาที่ผู้เริ่มธุรกิจหลาย ๆ คนต้องเจอคือเจอคู่แข่งที่เขามีพร้อมมากกว่าทั้งต้นทุนและทรัพยากรณ์จากเหตุการณ์นี้ คุณโจ้จึงได้ตั้งทีมมาคิดไอเดียใหม่ ๆ และแอป QueQ ก็คือไอเดียใหม่ที่คิดขึ้นมาเริ่มต้นจากร้านอาหารเพราะมันคือสถานที่ ๆ คนจะใช้บริการสูงมาก ๆ ในแต่ละวัน ความพิเศษอีกอย่างของ QueQ คือการที่เขาสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำของคนในวงกว้างได้โดยที่ใช้เงินกับมันไม่มากเดือนไม่กี่หมื่น อีกวิธีของ QueQ ที่ใช้ในการสร้างจุดเด่นให้แอปคือ การสร้างตัวละครการ์ตูนน่ารัก ๆ ให้เป็นที่จดจำของคน หลังจากการพยายามอย่างหนักจนทำให้ QueQ เป็นที่รู้จักและตรงตามจุดประสงค์ของผู้ใช้ได้สูงสุดแล้วจึงเป็นการก้าวต่อไปในจุดที่สูงขึ้นอย่างไปเปิดตลาดในประเทศต่าง ๆ ในยุคนี้แอป QueQ ได้เข้าไปเปิดตลาดการจัดการคิวร้านอาหาร ในประเทศมาเลเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน และยังมีทีมงานไปประจำการอยู่ในประเทศเหล่านี้เพื่อพัฒนาระบบในแต่ละประเทศต่อไป และยังมีการนำสินค้าไปทดลองกับร้านอาหารที่ฟิลิปปินส์ ธนาคารที่ลาว และโรงพยาบาลที่กัมพูชา โดยพิจารณาจากปัญหาของประเทศนั้น ๆ และนี้คือบริษัทstartupของแบรนด์ QueQ ที่เจริญเติบโตอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมา และคุณโจ้ก็ถือเป็นตัวอย่างของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอีกคน โดยแอป ๆ นี้เหมาะกับสถานการณ์ในสมัยนี้เป็นอย่างมากเพราะการจองคิวออนไลน์ทำให้คุณลดความเสี่ยงในการติดโรคโควิด19 ไปได้มากเลยทีเดียว