ดีเอ็นเอแห่ง “บาร์ซา”

[Chigaru]

อนาคตของ "บาร์ซา" หลังหมดยุคของ โรนัลด์ คูมัน กำลังจะถูกฝากไว้ในมือของลูกหม้อและตำนานอย่าง ซาบี เอร์นานเดซ ซึ่งให้ความรู้สึกลึก ๆ ไม่ต่างจากครั้งที่ เปป กวาร์ดิโอลา ก้าวขึ้นมากุมบังเ.ยนทีมยังไงยังงั้น...

ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความเคลื่อนไหวเรื่องตัวกุนซือของทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมอยู่นะครับ...


แต่ที่มีความชัดเจนแล้วก็คือ บาร์เซโลนา ที่ตะเพิด โรนัลด์ คูมัน ไปเรียบร้อยหลังพาทีมแพ้ รีล มาดริด คาบ้านในศึก "เอล กลาซิโก" เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ตามด้วยการบุกแพ้ ราโย บาเยกาโน เมื่อช่วงกลางสัปดาห์

ซึ่ง ณ เวลานี้ "บาร์ซา" ดัน เซร์กี บาร์ฆวน อดีตตำนานแบ๊กซ้ายของทีมจากกุนซือทีมชุด B ขึ้นมารั้งบังเ.ยนทีมชุดใหญ่เป็นการชั่วคราวระหว่างสรรหานายใหญ่คนใหม่


ซึ่งลูกศรทั้งหมดชี้ไปทางเดียวกันว่านายใหญ่คนใหม่แห่งถิ่น คัมป์ นู นั้น ไม่น่าจะพลาดจาก ซาบี เอร์นานเดซ ตำนานมิดฟิลด์ของทีม ที่ไปเก็บเลเวลกับ อัล ซาดด์ ในลีกกาตาร์ ในฐานะกุนซือมาตั้งแต่ปี 2019

อัตราต่อรองตอนนี้อยู่ที่แทง 9 จ่าย 1 เป็น.ก็เรียกได้ว่า "เปิดถ้วยแทง"...!!!


ก่อนหน้านี้ถ้าจำกันได้ ในช่วงหลังเวลา "บาร์ซา" มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือทีไร ชื่อของ ซาบี มักจะมีเอี่ยวเสมอ แต่ที่ผ่านมาเจ้าตัวมักออกมาพูดในทำนองที่ว่า เขาเชื่อว่ามันยังไม่ถึงเวลา...

แต่คราวนี้ ทันทีที่ คูมัน โดนกดปุ่มเด้ง "บาร์ซา" เบนหัวเรือเข้าหา ซาบี ทันที และคราวนี้ไม่มีการแตะเบรกจากฝั่งอดีตกัปตันทีม "อาซุลกรานา" กลับกันท่าทีกลายเป็นการอ้าแขนรับโอกาสครั้งนี้อย่างเต็มใจ

หมายความว่า ซาบี มั่นใจแล้วว่าเขาพร้อมเต็มที่กับความท้าทายครั้งนี้ ขณะที่ "บาร์ซา" เองก็เชื่อมั่นไปในทางเดียวกันว่าถึงเวลาแล้วที่อดีตลูกหม้อรายนี้จะคืนรัง

ผลงานการพา อัล ซาดด์ คว้าถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ 7 ใบใน 2 ปีกว่าที่นั่งเก้าอี้กุนซือ รวมถึงการพาทีมรั้งจ่าฝูงของตารางลีกกาตาร์เวลานี้ ถือเป็นการรับประกันในคุณสมบัติการเป็นโค้ชที่ดีของเจ้าตัวได้ในระดับหนึ่ง

แน่นอนว่าหากเทียบกับเหล่าบิ๊กเนมในยุโรป ชื่อชั้นของ ซาบี ย่อมเป็นรอง แต่คุณสมบัติสำคัญที่สุดที่เขามี และทำให้เขาเหมาะกับเก้าอี้กุนซือ "บาร์ซา" ที่สุดในเวลานี้คือ "ดีเอ็นเอ" ความเป็นบาร์เซโลนาที่ฝังอยู่ในสายเลือด


เขาเข้ามาอยู่ใน ลา มาเซีย ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ บ่มเพาะฝีเท้าและแนวทางลูกหนังสไตล์ "บาร์ซา" จนก้าวขึ้นสู่ทีมชุด B ตอนอายุ 17 ปี และก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 18 เมื่อปี 1998 และรับใช้ทีมยาวนาน ก่อนโบกมือลาในปี 2015 ตอนอายุ 35 ปี

เรียกได้ว่ามีความเป็น "บาร์ซา" อยู่ในทุกอณูของร่างกาย และสำหรับแฟน ๆ "อาซุลกรานา" เชื่อว่าความรู้สึกมันน่าจะคล้าย ๆ ตอนที่ทีมตั้ง เปป กวาร์ดิโอลา ขึ้นมาคุมทีมแทน แฟรงค์ ไรจ์การ์ด เมื่อปี 2008...

ซึ่งดูโหงวเฮ้งแล้ว ผมมีความเชื่อลึก ๆ ว่ามันเป็นไปได้

ผิดกับลูกหม้อและตำนานของอีกทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ที่คุมทีมมา 3 ปีแล้วยังลูกผีลูกคน อันนั้นดูยังไงก็ไม่มีวี่แววที่จะประสบความสำเร็จได้เลย...

ผยองเดช.