• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

แนวทางในการเลือกหัวขับลม กระบอกลม และเกจวัดแรงดัน

Started by Ailie662, March 30, 2022, 01:30:50 PM

Previous topic - Next topic

Ailie662

หัวขับลม
SIRCA Pneumatic actuator หัวขับลม SIRCA
ข้อมูลที่จำเป็นในการเลือกขนาดแอคทูเอเตอร์
1)รู้ว่าแรงบิดที่แท้จริงของวาล์วหรือเครื่องมืออื่นๆจะเป็นแบบอัตโนมัติ โดยพิจารณาถึงสัมประสิทธิ์ความปลอดภัย (SIRCA แนะนำอย่างต่ำ 25%) แรงบิดของวาล์ว (แนะนำความปลอดภัยอย่างต่ำ 25%)
2) ตัดสินใจว่าตัวควบคุมต้องทำหน้าที่สองครั้งหรือสปริงกลับ - การทำงานแบบ Double Act หรือ Spring Return
3) รู้แรงดันอากาศจริงที่พร้อมใช้งาน - แรงดันใช้งานอย่างต่ำที่ใช้ได้ HOW TO SIZE แอคทูเอเตอร์คู่ (DA) - การเลือกแอคทูเอเตอร์คู่ (DA) ขนาดของแอคทูเอเตอร์แบบดับเบิลแอคทูเอเตอร์นั้นง่ายมาก จำเป็นต้องทราบแรงบิดที่ต้องการของวาล์วที่มากขึ้นอย่างน้อย 25%) และก็ความกดอากาศที่มีอยู่ต่อจากนั้น ให้เข้าร่วมการอ้างอิงทั้งคู่และก็รับแบบจำลองแอคทูเอเตอร์ที่เกี่ยวข้องทันที
ตัวอย่าง: จำเป็นต้องทำวาล์วอัตโนมัติที่อยากได้แรงบิด 80Nm เพิ่มขึ้น 25% = 100Nm ที่ 5 บาร์ของการจ่ายอากาศ ตัวเลือกนี้ตกอยู่ที่รุ่น AP 4 DA ซึ่งพัฒนาแรงบิด 119 Nm





ข้อพึงระวัง: ค่าแรงบิดที่เลือกซึ่งระบุรุ่นของแอคชูเอเตอร์ต้องไม่น้อยกว่าค่าแรงบิดของวาล์วที่อยากได้ ระบุแรงบิดของวาล์วที่ต้องการ ซึ่งควรรวมทั้งระยะขอบความปลอดภัย 25% และแรงดันใช้งานอย่างต่ำที่มี อ้างถึงตารางแรงบิดแรงดัน abd เลือกคอลัมน์แรงดันต่ำสุดที่ใช้งานได้ ทำตามคอลัมน์นี้กระทั่งเจอค่าไม่น้อยกว่าที่อยากได้ ถัดไปอ่านข้ามไปที่คอลัมน์ทางด้านซ้ายและอ่านลำดับที่รุ่นที่จะสั่งซื้อ วาล์วทอร์คที่เลือกซึ่งระบุประเภทของแอคทูเอเตอร์จำเป็นจะต้องไม่ต่ำกว่าที่ระบุ ค่าแรงบิดของวาล์ว ทอร์คแอคทูเอเตอร์

กระบอกลม (Pneumatic Air Cylinder)
หรือเรียกอีกชื่อว่า Actuator คืออุปกรณ์ที่ใช้ลมทำให้ก้านกระบอกลมเคลื่อนที่ไปในแนวเส้นตรง หรือหมุน 90, 180, 270 หรือ 360 องศา
เป็นอุปกรณ์ที่แปลงพลังงานในรูปแบบความดันลมให้เป็นพลังงานกลในรูปแบบของการเคลื่อนที่โดยแบ่งตามลักษณะการทำงานหรือการเคลื่อนที่ได้ 3 ประเภท คือ
1. กระบอกลูกสูบลม (Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นตรง
2. กระบอกลม (Air Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นรอบวง
3. กระบอกลมนิวเมติกส์ทำงานแบบพิเศษ (Special Actuator) เป็นกระบอกลมนิวเมติกส์ที่มีลักษณะการทำงานต่างจาก 2 ประเภทที่กล่าวมา กระบอกลมนิวเมติกส์แต่ละประเภทจะมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้งาน





กระบอกลม Air Cylinder จำพวกต่างๆ
1. กระบอกลมมาตรฐาน (Standard Cylinder)
ส่วนประกอบของกระบอกจะผลิตด้วยวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมเหลว ที่ถูกอัดลงบนแม่พิมพ์กระบอกลมอีกทีหนึ่ง กระบอกลมชนิดนี้จะมีมาตรฐาน ISO 15552 มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ตัวอย่างเช่น กระบอกลมแบบติดวาล์วควบคุมทิศทาง (Pneumatics Control), กระบอกลมแบบสี่เสา(Tie Red Type Cylinders), กระบอกลมแบบโปรไฟล์ (Profile Type Cylinders) และก็กระบอกลมที่เป็นแบบล็อคก้านสูบได้ (Lock Cylinder)
2. กระบอกลมขนาดเล็ก (Mini Cylinder)
เหมาะกับงานที่ใช้แรงดันลมไม่มากนัก งานสร้างสำหรับงานเฉพาะทาง โดยมีขนาดต่างๆยกตัวอย่างเช่น กระบอกลมแบบมินิ (Mini Cylinders), กระบอกลมปากกา (Pen Sign Cylinders)
3. กระบอกลมแบบคอมแพค (Compact Cylinder)
มีความโดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน ลักษณะของกระบอกจะเป็นแบบสี่เหลี่ยม แบบทรงแผ่น แล้วก็แบบมีเพิ่มก้านนำทาง
1. กระบอกลมแบบไม่มีก้านสูบ (Rodless Cylinders)
มีความไม่เหมือนจากกระบอกลมประเภทอื่นตรงที่ไม่มีก้านลูกสูบ มีการใช้งานกันอยู่ 2 ประเภท คือ
– แบบแมคคานิคอลจ๊อย(Mechanically Jointed Rod less Cylinder)
– แบบใช้แรงดูดของแม่เหล็ก (Magnetically Coupled Cylinder)
รูปแบบการทำงานของกระบอกลมประเภทนี้คือ กระบอกลมจะเคลื่อนที่บนแกนเพลาที่ยึดหัวเเละท้าย เคลื่อนที่ได้จากแรงของแม่เหล็กที่เคลื่อนที่ไป-มาอยู่ตลอดเวลา กระบอกลมชนิดนี้เหมาะกับงานที่ต้องการช่วงชักยาว
4. กระบอกลมแบบเลื่อน/สไลด์ (Slide Table Cylinder)
คุณสมบัติเด่นของกระบอกลมชนิดนี้คือ สามารถเลื่อนได้ (Slide Table Air Cylinder) ซึ่งกระบอกลมจำพวกอื่นทำไม่ได้ แบ่งออกเป็น 3 จำพวก
1. แบบแผ่นเลื่อนความแม่นยำสูง (Air Slide Table/Precision Cylinder)
2. แบบเลื่อนยาว (Air Slide Table/Long Stroke)
3. แบบเลื่อนชนิดคอมแพ็ค (Compact Air (Cylinder) Slide Table) สามารถปรับแก้ช่วงชัก หรือตำแหน่งการติดตั้งได้อย่างอิสระ

เกจวัดแรงดัน (pressure gauge)
เป็นอุปกรณ์จำเป็นในการใช้วัดหรืออ่านค่าแรงดันก๊าซแล้วก็ของเหลว เกจวัดแรงดันแบ่งได้หลากหลายชนิดมาก การจะเลือกซื้อเกจวัดแรงดันไปใช้ให้ถูกงานนั้นจะต้องพิจารณาถึงชนิดต่างๆของเกจวัดความดันดังนี้
เกจวัดแรงค่าดันจะแบ่งเป็น 3 จำพวกหลักๆด้วยกัน คือ
1.General pressure gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าบวก
2. Vacuum gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าลบ
3. Compound gauge สามารถวัดแรงดันได้ทั้งค่าบวกแล้วก็ลบได้ในตัวเดียวกัน
เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) เป็นอุปกรณ์ที่สำหรับใช้ในการวัดที่ทนต่อแรงสะเทือนเพื่อใช้สำหรับการวัดความดันซึ่งควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถแบ่งเกจได้เป็นทั้งแบบอนาล็อกและเกจดิจิตอล





เกจวัดแรงดัน อนาล็อกหรือดิจิตอล
1. เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล จะมีราคาสูงกว่าเพจอนาล็อกแต่ว่าจะมีข้อดีกว่าตรงเกจแบบดิจิตอลมีความเที่ยงตรงมากยิ่งกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการการวัดความดันถูกต้องสูง ยิ่งไปกว่านั้นเกจวัดแรงดันแบบดิจิตอลในหลายรุ่นสามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถอ่านค่าได้จากระยะไกลได้ด้วย
เพรสเชอร์เกจแบบดิจิตอล เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล
2. เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก (แบบเข็ม) มีข้อดีก็คือราคาถูกกว่าไม่ต้องการการบำรุงรักษามากมายเมื่อเทียบกับเกจแบบดิจิตอล โดยเกจวัดแรงดันแบบอนาล็อกนั้นแบ่งออกอีกเป็น 2 ชนิด คือ
2.1 เกจวัดแรงดันอนาล็อกปรกติ มีจุดเด่นคือ ราคาไม่แพง แต่ว่าจะรับแรงสะเทือนสูงไม่ได้
โดยทั่วไปสำหรับในการสั่งซื้อสิ่งที่ควรกำหนดสำหรับเครื่องไม้เครื่องมือวัดแรงดันมีดังนี้
- หน่วยวัด(Unit) คือ หน่วยความดันบนหน้าปัดที่พวกเราต้องการที่จะให้อุปกรณ์วัดแสดง
- ย่านการวัด (Range) คือ ช่วงความดันต่ำสุด-สูงสุด ที่เครื่องมือตัวนั้นสามารถวัดให้พวกเราได้
- ขนาดหน้าปัด (Dial Size) คือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหน้าปัดเครื่องมือวัด มักระบุเป็น นิ้วหรือมม.
- ประเภทวัสดุ คือ ประเภทของวัสดุที่ใช้เป็นตัวเรือน : เหล็ก / พลาสติก / สแตนเลส / ทองเหลืองและก็วัสดุใช้ทำเกลียว : ทองเหลือง / สแตนเลสแบบ/ขนาดของเกลียว (Type/Thread size) คือ ขนาดของเกลียวที่จะใช้ต่อกับอุปกรณ์อื่น มีทั้งแบบออกด้านล่างแล้วก็ออกด้านหลัง ตัวอย่างขนาดเกลียวมาตรฐาน NPT แล้วก็ BSP
- ออฟชั่นพิเศษต่างๆอย่างเช่น แบบมีน้ำมัน มีปีกยึดติดตู้