• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

อันตรายจากการกิน “บอแรกซ์”

Started by plawamin, April 01, 2022, 12:31:50 PM

Previous topic - Next topic

plawamin



ผู้เชี่ยวชาญแนะ บอแรกซ์ อันตรายต่อสุขภาพ หลังมีกระแสแนะนำให้กินกันมากขึ้นเรื่อยๆในโลกอินเตอร์เน็ต ผู้ที่กินบอแรกซ์อาจมีอาการเมื่อยล้า เบื่อข้าว น้ำหนักลด เป็นพิษต่อไตรวมทั้งสมอง ขึ้นกับจำนวนที่กิน

ในโลกอินเตอร์เน็ตมีการเชิญให้บริโภค "บอแรกซ์" โดยอ้างสรรพคุณว่าช่วยกระตุ้นฮอร์โมนทางเพศ แล้วก็ดีต่อสุขภาพ แต่ว่าในทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งการแพทย์แล้ว บอแรกซ์เป็นสิ่งให้โทษต่อสุขภาพ

ข้อมูลที่ได้รับมาจาก เพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นแบบงี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ของ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คุณครูประจำสาขาวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงมือณ์มหาวิทยาลัย แล้วก็เพจ แพทย์แล็บแพนด้า ต่างก็บอกว่า บอแรกซ์เป็นสารเคมีที่ไม่ควรเอามาบริโภคเยอะเกินไป หรือสม่ำเสมอนานเหลือเกิน และไม่น่าจะมุ่งเน้นบริโภคในเชิงเป็นอาหารเสริม เพื่อสุขภาพแต่อย่างใด

บอแรกซ์ เป็นอย่างไร
บอแรกซ์ ชื่อว่า โซเดียมโบเรท (Sodium Borate) หรือที่พวกเราเรียกกันว่าผงกรอบหรือบอแร็ก เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นผุยผงสีขาว ไม่มีกลิ่น มีรสขมบางส่วน มีชื่ออื่นๆอีก อย่างเช่น บอแร็ก สารข้าวตอก ผงกันบูด เพ่งพินิศแซ เม่งแซ ผงเนื้อนิ่ม

บอแรกซ์ เป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรม อย่างเช่น ใช้ทำแก้วเพื่อทำให้ทนความร้อน เป็นสารผสานในการเชื่อมทอง และก็เป็นสารยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อราในแป้งทาตัว ฯลฯ

อันตรายของบอแรกซ์
มีการนำบอแรกซ์มาใช้ไม่ถูกเป้าประสงค์โดยนำมาผสมในอาหาร เพื่อให้อาหารมีความหยุ่นกรอบ คงตัวได้นาน ไม่บูดเสียง่าย อาหารที่พบได้บ่อยว่ามีสารบอแรกซ์ เช่น หมูบด ลูกชิ้น ทอดมัน หมูสด เนื้อสด ไส้กรอก ผลไม้ดอง ทับทิมกรอบ ลอดช่อง เป็นต้น

บอแรกซ์ เป็นอันตรายในของกิน (food hazard) ชนิดอันตรายทางเคมี (chemical hazard) เป็นสารเคมีห้ามใช้ในอาหาร (prohibit substances) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 151 (พ.ศ. 2536) เรื่องวัตถุที่ห้ามใช้ในของกิน

พิษของสารบอแรกซ์ เกิดได้สองกรณีเป็น

พิษแบบกะทันหัน จะมีลักษณะอาการอ้วก อาเจียน คนแก่ ได้รับสารบอแรกซ์ 15 กรัม แล้วก็ เด็ก ได้รับ 5 กรัม จะก่อให้อาเจียนเป็นเลือดและก็ถึงแก่ความตายได้ ข้างใน 3-4 ชม.
พิษแบบเรื้อรัง จะมีลักษณะอาการหมดแรง เบื่ออาหาร ผิวหนังแห้ง หน้าตาบวม เยื่อตาอักเสบ รวมทั้งตับไตอักเสบ
ความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับจำนวนที่กินเข้าไปภายในร่างกาย

บอแรกซ์ เป็นประโยชน์หรือเปล่า
จากที่มีการอ้างสรรพคุณของบอแรกซ์ว่าใช้ผสมกับสารเคมีตัวอื่นๆเพื่อใช้ผลิตยาหยอดตา รวมทั้งยาลดอาการปวดบวม ซึ่งล้วนแล้วแต่ใช้ด้านนอกร่างกาย แม้กระนั้นเวลาเดียวกัน หลายข้อที่อ้างถึงว่ากินบอแรกซ์แล้วได้ประโยชน์นั้น (เป็นต้นว่า คุ้มครองป้องกันโรคไขข้อ ไขปัญหาฮอร์โมนเพศ) ทาง Lybrate เพจสุขภาพของประเทศอินเดีย อ้างอิงจากหนังสือเรียนยาจีน และตำรายาประเทศอินเดียโบราณที่ชื่อว่า คัมภีร์อายุรเวท AYURVEDA โดยอ้างถึงบทความเรื่อง Utilization of Borax In The PharmaceuticoTherapeutics of Ayurveda in India ตีพิมพ์ในวารสาร Indian Journal of History of Science (นิตยสารประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ของประเทศอินเดีย) ซึ่งเนื้อหานี้เรียบเรียงเรื่องการนำเอาบอแรกซ์มาใช้ในยุคประเทศอินเดียโบราณกว่า 5 พันปีก่อนไม่ใช่เรื่องของการพิสูจน์ยืนยันแล้วว่าสามารถประยุกต์ใช้สำเร็จจริง ด้วยหลักฐานทางการแพทย์ในขณะนี้

ขณะที่ เนื้อหาบทความส่วนที่กล่าวถึงเรื่องผลข้างเคียงรวมทั้งอาการแพ้ของบอแรกซ์นั้น ทางเพจได้อ้างถึงบทความเรื่อง Toxicologic studies on borax and boric acid. จากนิตยสาร Toxicology and applied pharmacology ซึ่งเป็นวารสารด้านวิทยาศาสตร์ด้านพิษวิทยาและเภสัชศาสตร์ ที่มีความน่าวางใจใช้ได้ รวมทั้งตรงกับองค์วิชาความรู้ทั่วๆไปในขณะนี้ที่พวกเรามี ว่าบอแรกซ์ทำให้เป็นอันตรายอย่างไรบ้าง

ซึ่งทางเพจ Lybrate เอง ก็สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับผลข้างเคียงของบอแรกซ์ไว้ว่า "โดยปกติไม่เสนอแนะให้บริโภคบอแรกซ์เข้าไป แล้วการใช้ด้านนอกนั้น ก็กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความระคายต่อผิวได้ไพเราะเพราะพริ้งมันมีความเป็นด่างสูง ยังมีรายงานอีกด้วยถึงผลลบต่อระบบสืบพันธุ์แล้วก็การเติบโตของทารกในท้อง และก็ยังไม่ชี้แนะให้ใช้สม่ำเสมอเป็นระยะเวลานานอีกด้วย เพราะว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำให้ไตดำเนินการแตกต่างจากปรกติจากการที่บอแรกซ์สะสมในร่างกาย พิษของบอแรกซ์ยังสามารถนำไปสู่ความอ่อนแรงและก็คลื่นไส้ อื่นๆอีกมากมาย"

ดังนั้น โดยรวมแล้ว การกล่าวอ้างว่าบอแรกซ์มีประโยชน์ต่อร่างกายจนถึงเอามาเป็นความเชื่อกันนั้น จำนวนมากก็คืออ้างตามศาสตร์การแพทย์ประเทศอินเดียโบราณ ไม่ใช่ขั้นตอนการใช้เป็นยา ตามวิชาความรู้ทางการแพทย์ของพวกเราในขณะนี้แต่ว่าอย่างไร แล้วก็ยังเสี่ยงมีผลใกล้กันต่อร่างกายด้วยซ้ำ

อ่านบทความอื่นๆ