• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Beer625

#2821


บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 มียอดขายรวม 43,176 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 2,829 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 1,657 ล้านบาท โดยพบว่ายอดขายและกำไรจากการดำเนินงานเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 172 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 179 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงานรอบไตรมาส 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 พบ บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 115 บริษัท คิดเป็น 67% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด

ผลประกอบการ บจ. mai ไตรมาส 2 ปี 2564 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 มียอดขายรวม 43,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% ต้นทุนรวม 33,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 22.9% มาอยู่ที่ 22.6% กำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) 2,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% โดย บจ. สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.6% เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,657 ล้านบาท ลดลง 24.5% และมีอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 5.1% เป็น 3.8% อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการงวด 6 เดือน ปี 2564 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน พบว่ามียอดขายรวม 85,299 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 5,266 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,851 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9.8%, 62.3% และ 3,882% ตามลำดับ

"ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ภาครัฐเริ่มใช้มาตรการเข้มงวดในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 และได้ผ่อนคลายลงในเวลาถัดมา ทำให้ผลประกอบการช่วงดังกล่าวเป็นจุดต่ำสุด ประกอบกับในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บจ. สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ทำให้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรสุทธิเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3 ลำดับแรก คือ สินค้าอุปโภคบริโภค จากกลุ่มธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องมือแพทย์ รองลงมาคือ ทรัพยากร และ สินค้าอุตสาหกรรม" นายประพันธ์กล่าว

ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 286,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากสิ้นปี 2563 และโครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 1.10 เท่า เท่ากับสิ้นปี 2563

ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 179 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2564) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 507.29 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 374,160 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 5,068 ล้านบาทต่อวัน
#2822


กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำโครงการ Happy Paradise ส่งมอบความสุขและความเชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้กับนักท่องเที่ยวในโครงการ Phuket Sandbox พร้อมกระจายรายได้สู่ชุมชนและผู้ประกอบการธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ด้วยการมอบ Happy Paradise Welcome Kit เพียงแค่โชว์ เข็มกลัด Tourism Ambassador 2021 Special Edition นักท่องเที่ยวจะได้รับสิทธิพิเศษจากสถานประกอบการที่ร่วมโครงการ และ Happy Paradise Souvenir ของที่ระลึกจากชุมชนภาคใต้ อาทิ หน้ากากผ้าปาเตะพร้อมสายคล้องแมสไข่มุก จังหวัดภูเก็ต กระเป๋าเตยปาหนันใส่โทรศัพท์สุดเก๋ จังหวัดกระบี่ พวงกุญแจลูกปัดมโนราห์หลากสีสัน จังหวัดพัทลุง เป็นต้น

รวมทั้งเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้จากกิจกรรมการแสดงรำมโนราห์และระบำร่อนแร่ ซึ่งจัดแสดงในระหว่างวันที่ 18 – 23 สิงหาคม 2564 และกิจกรรมออนไลน์ Thailand Happy Paradise ที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมสนุกตลอดทั้งเดือนสิงหาคม-กันยายน 2564 ด้วยการเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวในภูเก็ต พร้อมถ่ายภาพกับ Happy Paradise Souvenir และใส่แฮชแท็ก #ThailandHappyParadise เพื่อลุ้นรับรางวัล เป็นต้น รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://tourismthailand.org/happyparadise
#2823


นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่หน่วยธุรกิจการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คลังสินค้า ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายบริการคลังสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยบริษัท SGS (Thailand) เป็นผู้ทำการตรวจสอบและรับรองให้เป็นคลังสินค้าที่สามารถดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ เนื่องจากบริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าปรับอากาศขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตปลอดอากร หรือ Customs Free Zone ที่มีความสะดวกในการส่งต่อผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะช่วยปกป้องสินค้าดังกล่าวไม่ให้สัมผัสกับสภาวะอุณหภูมิสูงในระหว่างการขนส่ง รวมทั้งมีการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ดีและถูกสุขลักษณะ

นอกจากนี้ บุคลากรของฝ่ายบริการคลังสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ยังมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการขนส่งและดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์เป็นอย่างดี และผ่านการอบรมมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) เช่นเดียวกัน

อนึ่ง การได้รับการรับรองมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) นี้นับเป็นการประกันคุณภาพการให้บริการคลังสินค้าของการบินไทย ว่าสามารถตอบสนองความต้องการขนส่งสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#2824


ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนือง และถ้าดูจากข้อมูลวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา เทียบกับวันที่ 23 มี.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันที่หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงต่ำสุดจากวิกฤติโควิด-19 พบว่า ดัชนีหุ้น S&P500   ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นมาเท่าตัวแล้ว ทำให้นักลงทุนเกิดคำถามตามมาว่า ถ้าอยากเข้าไปลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ ยังสามารถลงทุนได้หรือไม่ หรือราคาแพงเกินไปแล้ว และถ้ายังลงทุนได้ ต้องเลือกลงทุนอย่างไร

• หุ้นสหรัฐฯ แพงไปหรือยัง
ในเรื่องนี้ สันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง มองว่า หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 แต่ถ้านับจากช่วงที่เริ่มฟื้นตัวจนถึงเวลานี้ (เดือน ส.ค. 2564) ก็ยังเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ตัวแปรที่นักลงทุนชอบดูก่อนลงทุน คือ ราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูง แต่ก็มีแนวโน้มลดลง เพราะก่อนหน้านี้ หุ้นปรับขึ้นตามความคาดหวังของนักลงทุนที่มองไปถึงอนาคตที่สดใสโดยที่ผลประกอบการยังไม่ได้ดีขึ้นตาม เรียกว่า ราคา (P) มา แต่ผลประกอบการ (E) ไม่ได้ขยับตาม ทำให้หุ้นดูราคาไม่สมเหตุสมผล แต่หลังจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเริ่มดีขึ้น ดังนั้น  ก็จะทำให้ P/E ลดลง อีกประเด็นหนึ่ง คือ ในภาวะดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ค่า P/E ก็สามารถอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติได้

ที่สำคัญ คือ การจับจังหวะตลาดเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนักลงทุน และที่ผ่านมา ผลงานตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง แต่กลับมีความผันผวนที่ค่อนข้างน้อย ดังนั้น   นักลงทุนก็ควรมีหุ้นสหรัฐฯ ไว้ในพอร์ต ไม่เพียงเฉพาะด้วยความใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้งในแง่เศรษฐกิจที่มี     ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 22.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 4 ของทั้งโลก หรือตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มูลค่า บริษัทจดทะเบียนรวมกันเกินครึ่งหนึ่งของทั้งโลก แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ บริษัทที่คิดค้นนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบริษัทในสหรัฐฯ และบริษัทเหล่านี้เอง คือ ผู้ขับเคลื่อนผลประกอบการที่ดี

• กลยุทธ์ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่เหมาะสม
แม้เราจะแนะนำว่า นักลงทุนยังเข้าลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ แต่เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า ก็ควรวางกลยุทธ์การลงทุอย่างเหมาะสม โดยเรามองว่า การลงทุนแบบเชิงรุก หรือ Active โดยมุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นเติบโตเหมาะกับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เวลานี้  การลงทุนแบบนี้ สอดคล้องกับแนวทางลงทุนของกองทุนบัวหลวงที่เน้นเรื่อง good stock + good trade = good performance ที่เราเชื่อว่าการเลือกหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสม จะสร้างผลตอบแทน   ที่ดีในระยะยาว

ประเด็นต่อมา คือ จะเลือกหุ้นเติบโตอย่างไร ในเรื่องนี้ กองทุนบัวหลวง ขอยกตัวอย่างแนวทาง     ของกองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า (B-USALPHA) กองทุนน้องใหม่ที่ขาย IPO วันที่ 17-24 ส.ค. นี้ ซึ่งจะไปลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds – US Growth Fund  เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนของกองทุนบัวหลวงจะคัดเลือกลงทุนหุ้นรายตัวในสหรัฐฯ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาผลตอบแทน

หลักการค้นหาหุ้นเติบโตของกองทุนนี้ก็คือ มองหาหุ้นที่เติบโตสอดคล้องกับเทรนด์ระยะยาว เช่น เทคโนโลยี พลังงานสะอาด รวมทั้งหุ้นที่เติบโตตามวัฎจักรเศรษฐกิจ และสิ่งที่โดดเด่นของกองทุนนี้ก็คือ สามารถไปลงทุนได้หลากหลากอุตสาหกรรม ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงนั้นๆ กองทุนมองเห็นโอกาสในกลุ่มไหน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งที่ตอบโจทย์การลงทุนในยุคนี้ได้ดี ยุคที่ตลาดมีความซับซ้อนมากขึ้น มีเทคโนโลยี     เข้ามาเกี่ยวข้องกับการลงทุนมากขึ้นนี่คือ คำแนะนำจากกูรูของกองทุนบัวหลวงว่า ทำไมจึงยังลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว   หากสนใจลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถลงทุนผ่าน B-USALPHA กองทุนน้องใหม่ที่กำลังเปิดขาย IPO ระหว่างวันที่ 17-24 ส.ค.2564 นี้ได้
#2825


ล่าสุดคือ "แอร์เอเชีย ดิจิทัล" หน่วยธุรกิจด้านดิจิทัลของกลุ่มแอร์เอเชีย เปิดตัวบริการใหม่ "แอร์เอเชียฟู้ด" (airasia food) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564 เพื่อยกระดับ "แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ" (airasia super app) โดดเด่นเรื่องสินค้าท่องเที่ยว โดยเฉพาะการจองเที่ยวบินและโรงแรมที่พัก พุ่งเป้าสู่จุดหมายสำคัญ นั่นคือการเป็นซูเปอร์แอพชั้นนั้นของภูมิภาคอาเซียน!

หลังจากเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 เจ้าพ่อสายการบินโลว์คอสต์แห่งอาเซียน "โทนี่ เฟอร์นันเดส" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแอร์เอเชีย ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ "โกเจ็ก" (Gojek) ส่วนที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย ด้วยมูลค่าลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท (50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ขณะที่โกเจ็ก สตาร์ทอัพสัญชาติอินโดนีเซียผู้ให้บริการแพลตฟอร์มมัลติเซอร์วิสรายใหญ่ชั้นนำของอาเซียน จะเข้าถือหุ้นบางส่วนในแอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ ซึ่งมีมูลค่าประเมินทางตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) และทำให้โกเจ็กสามารถเพิ่มการลงทุนในการดำเนินงานได้ โดยเฉพาะในตลาดเวียดนามและสิงคโปร์

วรุฒ วุฒิพงศาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ กล่าวว่า ด้วยการผนึกความรู้ที่ได้จากความสำเร็จของซูเปอร์แอพในมาเลเซียและสิงคโปร์ ความเชี่ยวชาญของทีมเทเลพอร์ต ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของกลุ่มแอร์เอเชีย ความแข็งแกร่งของทีมแอร์เอเชียในเรื่องของธุรกิจท่องเที่ยว และความเข้าใจในตลาดของทีมงานโกเจ็ก ประเทศไทย จึงเชื่อว่า "แอร์เอเชียฟู้ด" จะสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้าที่สุดและกลายเป็นทางเลือกที่ผู้คนในกรุงเทพฯนิยมใช้อย่างแน่นอน

โดยบริการ airasia food เปิดตัวพร้อมแคมเปญฟรี 30,000 มื้อตลอดระยะเวลา 30 วัน และส่วนลดอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมให้บริการสำหรับลูกค้าในกรุงเทพฯ 4 พื้นที่ ได้แก่ ดินแดง จตุจักร ลาดพร้าว และห้วยขวาง

จากนั้นจะขยายพื้นที่ให้บริการอีก 4 เขตเร็วๆ นี้ ได้แก่ พญาไท ราชเทวี ปทุมวัน และวัฒนา โดยในแอพพลิเคชันมีร้านค้ามากมายหลากหลายให้เลือก ตั้งแต่แบรนด์ดังอย่างแมคโดนัลด์ แฟลช คอฟฟี่ หรือคาเฟ่ อเมซอน ไปจนถึงร้านค้าเอสเอ็มอี และเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.30 น. ถึง 19.00 น. ของทุกวัน พร้อมตั้งเป้าขยายสู่พื้นที่อื่นๆ อาทิ เชียงใหม่และภูเก็ตในอนาคตอันใกล้

"และสำหรับร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ในการเปิดตัวเราขอมอบค่าคอมมิชชั่นเพียง 5% ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนร้านค้าในขณะนี้" วรุฒกล่าว



ฟาก "โรบินฮู้ด" (Robinhood) ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด บริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หลังจากรุกทำตลาด "ฟู้ดดิลิเวอรี่" ด้วยการชูจุดขายค่าจีพี (GP: Gross Profit) หรือค่าบริการระบบที่ร้านอาหารจ่ายให้กับแพลตฟอร์มที่ 0% จนสามารถสร้างฐานลูกค้ามากกว่า 2 ล้านรายในปัจจุบัน ให้บริการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 4 จังหวัด มีร้านอาหารเข้าร่วมมากกว่า 1.3 แสนราย ไรเดอร์ 2.6 หมื่นคน

ล่าสุดขอกระโดดร่วมวงชิงส่วนแบ่งตลาดบริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์ หรือ "Online Travel Agents" (OTA) ด้วยการนำคอนเซ็ปต์เดียวกับการบุกตลาดฟู้ดดิลิเวอรี่ ชูจุดขาย "Zero GP OTA" เก็บค่าคอมมิชชั่น 0% จากผู้ประกอบการโรงแรมและท่องเที่ยว เพื่อหนุนโรบินฮู้ดสู่หมุดหมายการเป็นซูเปอร์แอพ!

สีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า โรบินฮู้ดเตรียมเปิดตัวบริการ "โรบินฮู้ด ทราเวล" อย่างเป็นทางการในต้นปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดคนไทยน่าจะออกท่องเที่ยวภายในประเทศได้อีกครั้ง โดยออกแบบบริการให้ครอบคลุมความต้องการสินค้าท่องเที่ยวตลอดเส้นทางการเดินทางของลูกค้า ทั้งที่พักโรงแรม เที่ยวบิน ทัวร์และกิจกรรม รวมถึงบริการรถเช่า

"ธุรกิจ OTA หลายๆ รายของต่างประเทศจะแข่งกันที่ราคา และมีการเก็บค่าคอมมิชชั่นจากผู้ประกอบการประมาณ 30-35% เพื่อทำกำไร แต่โรบินฮู้ดเก็บค่าคอมมิชชั่นที่ 0% เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถออกโปรโมชั่น ขายแพ็คเกจแบบมัดรวม (Bundle Packages) ในการดึงดูดลูกค้าได้ เช่น แพ็คเกจห้องพักแถมสปา แพ็คเกจห้องพักแถมอาหารมื้อค่ำ และอื่นๆ"

พงศ์ศักดิ์ ตฤณธวัช ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ โรบินฮู้ด กล่าวเสริมว่า และในเมื่อไม่มีการเก็บค่าคอมมิชชั่นและค่า Visibility Booster ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มอัตราการปรากฏของสินค้าท่องเที่ยวบนหน้าแพลตฟอร์ม ทางโรบินฮู้ดเลือกใช้วิธีเรียงการนำเสนอผู้ประกอบการกลุ่มที่เป็น "Preferred Partners" ซึ่งมีการนำเสนอดีลพิเศษ เพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น ให้วอยเชอร์ส่วนลดสำหรับใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ และของแถมต่างๆ จัดเป็นแพ็คเกจให้แก่ลูกค้า ให้ปรากฏอยู่ในหน้าแรกๆ ของแพลตฟอร์ม

"ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรมบางแห่งมีข้อตกลงกับ OTA รายอื่นว่าไม่สามารถขายในราคาต่ำกว่านี้ได้ ถ้าเช่นนั้น...โรบินฮู้ดบอกไม่เป็นไร ผู้ประกอบการสามารถเสนอขายในราคาเท่ากับ OTA รายอื่นได้ แต่ขอมีสิทธิประโยชน์เพิ่มแต่แก่ลูกค้าแทน โดยโรบินฮู้ดทราเวลเตรียมให้บริการอย่างไม่เป็นทางการในเดือน พ.ย.นี้ และให้บริการอย่างเป็นทางการทั่วประเทศในไตรมาส 1 ปี 2565"
#2826


โดย พชร ธนภัทรกุล

ชาวแต้จิ๋วเรียกวันนี้ว่า ชิก-ง้วย-ปั่ว-โจ่ย (七月半节) แปลว่าวันสารทกลางเดือนเจ็ด มีบ้างที่เรียกว่า กุยโจ่ย (鬼) คือวันงานของผี ซึ่งตามปฏิทินจันทรคติจีนแล้ว จะตรงกับวันที่ 15 เดือนเจ็ดของทุกปี

ปกติแล้ว ไม่ว่าเทศกาลไหนของจีน ก็จะมีของกินที่เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนั้นๆ เช่น ตรุษจีน มีขนมเข่งขนมฟู วันเช็งเม้ง ชาวแต้จิ๋วในจีนมี จี-พก-ก้วย(积朴粿) แต่ชาวแต้จิ๋วในไทย ดูเหมือนจะไม่มีของกินประจำเทศกาลนี้ เทศกาลตวนอู่หรือวันไหว้บ๊ะจ่าง ก็มีบ๊ะจ่าง เทศกาลตังโจ่ยหรือขนมอี๊ ก็จะมีขนมอี๊ (คล้ายบัวลอย)

แต่เทศกาลสารทจีน สำหรับชาวแต้จิ๋วทั้งในจีนและในไทย ดูจะไม่มีของกินประจำเทศกาล คงมีเพียงของกินที่เป็นของเซ่นเครื่องไหว้เท่านั้น ซึ่งก็เป็นอะไรที่คล้ายๆกับของเซ่นเครื่องไหว้ในเทศกาลอื่น ไม่มีอะไรเด่นเป็นพิเศษ

ชาวจีนเชื่อกันว่า ตลอดเดือนเจ็ดของทุกปีตามปฏิทินจีน ประตูเมืองผีจะเปิดตั้งแต่วันแรกไปจนถึงวันสิ้นเดือน เพื่อให้บรรดาผีทั้งหลายได้มีโอกาสออกจากเมืองนรกกลับมายังโลกมนุษย์เป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อมา "เยี่ยม" ลูกหลาน มาดูว่า ในรอบปีที่ผ่านมา พวกเขาทำดีทำชั่วอะไรไว้ และอยู่ดีมีสุขกันไหม

การไหว้ผีไม่มีญาติ (ไม่จัดโต๊ะ) ขอบคุณภาพจาก http://www.chinalanguages.org/show_cy_lei.aspx?idxiaolei=%E4%B8%83%E6%9C%88%E5%8D%81%E4%BA%94
การไหว้ผีไม่มีญาติ (ไม่จัดโต๊ะ) ขอบคุณภาพจาก http://www.chinalanguages.org/show_cy_lei.aspx?idxiaolei=%E4%B8%83%E6%9C%88%E5%8D%81%E4%BA%94

เมื่อบรรดาผีบรรพชนอุตส่าห์เดินทางจากเมืองผี มา "เยี่ยม" ทั้งที คนบนโลกก็ควรมีพิธีต้อนรับขับสู้กันหน่อย ลูกหลานชาวจีนจึงเลือกเอาวันที่ 15 ของเดือนนี้ จัดเครื่องเซ่นของไหว้ มาเซ่นไหว้บรรพชน

แต่หากไม่มีการเซ่นไหว้ และพ้นวันนี้ไปแล้ว ผีบรรพชนที่ไม่ได้รับการเซ่นไหว้ ก็จะต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนติดอยู่บนโลกมนุษย์ กลับไปเมืองผีไม่ได้ ต้องรอไปอีกหนึ่งปี เมื่อมีการเซ่นไหว้แล้วนั่นแหละ ถึงจะได้กลับไปเมืองผีกัน

ส่วนที่เลือกเซ่นไหว้ผีบรรพชนในวันที่ 15 เดือนเจ็ด ก็เพราะเป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง พืชผลบางชนิด เช่น ข้าวโพด มันเทศ งาและถั่วต่างๆ พุดซาจีน สาลี่ ลูกท้อ ลูกพลับ แม้แต่ฝ้าย ก็เริ่มสุกแก่เก็บเกี่ยวได้แล้ว เพื่อบอกกล่าวถึงผลเก็บเกี่ยวที่ได้ให้บรรพชนได้รับทราบ

ที่เล่ามานี้ เป็นเค้าลางบอกที่มาของวันสารทจีนว่า มาจากอิทธิพลคำสอนของขงจื๊อที่สอนให้ชาวจีนยึดถือความกตัญญูกตเวทิตาเป็นที่ตั้ง คือรู้คุณและแทนคุณ

ต่อมา ทั้งฝ่ายเต๋าและฝ่ายพุทธ ได้มองเห็นว่า ชาวจีนให้ความสำคัญกับวันนี้กันมาก จึงได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญของฝ่ายตนบ้าง กล่าวคือ

ของเซ่นเต้าหู้ (จานตรงกลาง) ขอบคุณภาพจากhttp://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1
ของเซ่นเต้าหู้ (จานตรงกลาง) ขอบคุณภาพจากhttp://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1

ฝ่ายเต๋ากำหนดให้เป็นวันเกิดของเทพเจ้าผู้ดูแลเมืองผี มีชื่อยาวเหยียดว่า 中元二品七炁赦罪地官洞灵清虚大帝青灵帝君 (ขอไม่ถอดเสียงอ่าน เพราะมันยาวเยิ่นเย้อ) แต่ชาวจีนเรียกกันสั้นๆว่า "จง-หยวน-ตี้-กวน" (中元地官) จึงเรียกวันนี้ว่า จง-หยวน-เจี๋ย (中元节)

ไหนๆเป็นวันเกิดทั้งที ท่านเทพเจ้าแห่งเมืองผีเลยใจดี อภัยโทษชั่วคราวแก่ผีทั้งหลาย พร้อมเปิดประตูเมืองผี ให้บรรดาผีไม่มีญาติได้มีโอกาสไป "เที่ยว" บนโลกมนุษย์ ยาวนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม กลายเป็นวันหยุดยาวของบรรดาผีทั้งหลาย แล้วเกิดเป็นประเพณีเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติขึ้น แยกต่างหากจากการเซ่นไหว้ผีบรรพชน

ส่วนทางฝ่ายพุทธ (มหายาน) ก็กำหนดให้วันนี้เป็นวัน "หวี-หลัน-ผึน (盂兰盆节) หรืออุลลัมพัน (ullambana) บอกเล่าเรื่องราวที่ภิกขุมู่เหลียน (目莲) บุกเมืองผีช่วยแม่ให้พ้นจากขุมนรก มาเป็นต้นเรื่อง กลายมาเป็นงานประเพณี ที่ชื่อว่า หวี-หลัน-ผึน-หุ้ย (盂兰盆会) ที่ชาวแต้จิ๋วในไทยเรียก หู่-หลั่ง-เส่ง-หวย (盂兰盛会-เสียงแต้จิ๋ว) โดยในงานจะมีพิธี "โพว-โต่ว-ซิ-โกว" (普度施孤) หรือที่เรารู้จักกันว่า งานประเพณีทิ้งกระจาด จุดประสงค์เดิม คือการแจกทานแก่ผีไม่มีญาติ เพื่อนำพาผีเหล่านี้ให้พ้นจากห้วงทุกข์ ต่อมาก็เลยแจกทานให้ทั้งผีทั้งคน (เน้นคนจน)

จากที่เล่ามา ชาวจีนมีการเซ่นไหว้ผีสองกลุ่ม คือกลุ่มผีไม่มีญาติ กับกลุ่มผีบรรพชนของตัวเอง ซึ่งก็เซ่นไหว้ต่างกัน มาเริ่มกันที่การเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติกันก่อน

ชาวแต้จิ๋วเลี่ยงไม่เรียกผีไม่มีญาติทั้งหลายว่า กุ้ย (鬼) ที่แปลว่า ผี โดยตรง แต่เลี่ยงไปใช้คำที่มีความหมายดีกว่า เช่น โกวเอี๊ย (孤爷) อันเป็นการเรียกยกย่องเปรียบผีไม่มีญาติเหล่านี้ เป็นเจ้าใหญ่นายโต หรือ ฮอเฮียตี๋ (好兄弟) ซึ่งเป็นการเรียกที่แสดงความสนิทชิดเชื้อความเป็นกันเอง และความนับถือพวกเขาเสมือนพี่น้องเครือญาติ ดังนั้น จึงเรียกพิธีเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติเหล่านี้ว่า "ไป้โกวเอี๊ย" (拜孤爷) หรือ"ไป้ฮอเฮียตี๋" (拜好兄弟)

การเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติจะทำกันหลังเที่ยงวันไปแล้ว มีบ้างที่ไหว้หลังบ่ายสามโมงหรือหลังห้าโมงเย็น ต่างกันตามประเพณีของแต่ละถิ่น ชาวแต้จิ๋วในไทยมักไหว้ผีไม่มีญาติกันหลังเที่ยงวัน

ขนมโซวเกี้ยว หรือเกี๊ยวกรอบ (คล้ายกะหรี่ปับ) ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1
ขนมโซวเกี้ยว หรือเกี๊ยวกรอบ (คล้ายกะหรี่ปับ) ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1

ข้อสำคัญในพิธีเซ่นไหว้ คือไม่จัดโต๊ะไหว้ แค่ปูเสื่อปูผ้าวางอาหาร ผลไม้และของเซ่นไหว้ไว้บริเวณริมทางหน้าประตูบ้านนอกตัวอาคารก็พอ

เวลาไหว้ให้หันหน้าออกนอกอาคาร ไม่หันหน้าเข้าหาอาคาร เพื่อไม่เป็นการเชื้อเชิญผีไม่มีญาติเหล่านี้เข้าบ้าน

กระถางธูปให้ใช้กระป๋องหรือกระบอกไม้ไผ่ ใส่ข้าวสารไว้สัก 7 ส่วนทำเป็น "กระถางลอย" คือไม่ต้องเขียนชื่อใดๆติดไว้ คงตั้งลอยไว้อย่างนั้น ตั้งเทียนจีนไว้สองข้างกระถาง พร้อมกะละมังใบใหม่ใส่น้ำครึ่งหนึ่งและผ้าใหม่หนึ่งผืนไว้ให้ "ผี" ล้างหน้าล้างตา และล้างมือก่อนรับอาหารเครื่องเซ่นไหว้

เครื่องเซ่นไหว้ให้จัดอาหารปรุงจากเนื้อเป็ด เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา และผัก รวม 5 อย่าง ทำเป็นอาหารต่างๆราว 6-10-12 ชาม บ้างก็เพิ่มชุดเนื้อสัตว์ 3 อย่างที่เรียกว่า ซาแซ (三牲) มีห่าน (หรือเป็ดไก่) 1 ตัว เนื้อหมูต้มสุก 1 ชิ้น ปลานึ่งสุก 1 ตัว เหล้า 3-5-7-9-11 จอก น้ำชา 3 จอก ข้าวสวยตามจำนวนจอกเหล้า ขนมโก๋ ขนมเปี้ย ขนมโซวเกี้ยว (คล้ายกะหรี่ปับ) ขนมอิ่วจุ๋ง (คล้ายขนมกรอบเกลียว) เส้นหมี่ ข้าวของเครื่องใช้ชุดใหม่ ของแห้ง เช่น เครื่องกระป๋อง น้ำขวด น้ำอัดลม ข้าวสาร และอื่นๆ ที่ขาดไม่ได้คือ เฮียงหู่ (香腐) หรือเต้าหู้แข็ง นัยว่าเต้าหู้นี้เป็นเสมือนพาสปอร์ตวีซ่าใช้ผ่านประตูผีกลับไปเมืองผีได้

ขนมอิ่วจุ๋ง (คล้ายขนมกรอบเกลียว) ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1
ขนมอิ่วจุ๋ง (คล้ายขนมกรอบเกลียว) ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1

สำหรับผลไม้ เลือกใช้ผลไม้ต่างๆตามฤดูกาล ยกเว้นกล้วย ลูกไหน สาลี่ ฝรั่ง มังคุด น้อยหน่า มะเขือเทศ ที่เป็นผลไม้ต้องห้าม เหตุผลน่าจะมาจากชื่อจีนของผลไม้เหล่านี้ ที่ผู้ไหว้คิดว่าไม่เป็นมงคลหรือไม่อยากให้เกิดผลตามชื่อนั้นๆ จึงงดเสียไม่นำมาไหว้ เรื่องของต้องห้ามเหล่านี้แตกต่างกันไปตามประเพณีแต่ละท้องถิ่น จึงเกิดสสภาพที่ ผลไม้อย่างเดียวกัน จีนถิ่นนี้ห้ามนาเซ่นไหว้ แต่จีนถิ่นโน้น เอามาเซ่นไหว้ได้ คือไม่มีข้อห้ามร่วมกันชัดเจน

สิ่งที่ต้องเตรียมอีกรายการคือ กระดาษไหว้ ที่คนแต้จิ๋วเรียกว่า จั๋วจี๊ /จั๊วงึ่ง (纸钱/纸银) ซึ่งเมื่อไหว้เสร็จจะเผาส่งไปให้ผีไม่มีญาติเหล่านี้นำกลับไปใช้ยังเมืองผี ที่ต้องเตรียมมีเสียงึ้ง (小银) เป็นกระดาษติดเงินเปลวใบเล็ก

โกวอี (孤衣) คือกระดาษไหว้พิมพ์ลายหรือตัดพับเป็นรูปข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อผ้า รองเท้า หมวก เป็นต้น

อวงแซจั้ว (往生钱) เป็นกระดาษไหว้ที่พิมพ์บทสวดให้กลับชาติไปเกิดใหม่ สี่มุมพิมพ์คำว่า แดนสุขาวดีตามความเชื่อของพุทธมหายาน

กิมงึ้งไฉ่ป้อ (金银财宝) เป็นกระดาษไหว้ที่พับเป็นเงินก้อนบ้าง ทองแท่งบ้าง

การไหว้เริ่มจากจัดวางตะเกียบให้ครบตามจำนวนจอกเหล้าและชามข้าวสวย จุดเทียนจีน รินน้ำชา รินเหล้า จุดธูปตามจำนวนของเซ่นไหว้บวกเพิ่มอีก 3 ดอก ไหว้แล้วปักธูป 3 ดอกไว้ในกระถางลอย ธูปที่เหลือปักไว้บนของเซ่นไหว้ให้ครบทุกที่ จากนั้นเผากระดาษไหว้โกวอีก่อน เสมือนหนึ่งให้ผีได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนมากินของเซ่น พอธูปหมดไปครึ่งดอก ให้เผากระดาษไหว้ "เสียงึ้ง" และ"กิมงึ้งไฉ่ป้อ" เรียงลำดับจากใหญ่ไปเล็ก เผาเสร็จ เอาเหล้าที่เซ่นไหว้เทใส่เถ้ากระดาษไหว้ บ้างมีการโปรยข้าวสารโปรยเกลือไปตามทางเดิน เพื่อขับไล่ความโชคร้าย แล้วไหว้ลา เสร็จพิธี

ผลไม้และขนม ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1
ผลไม้และขนม ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1

พิธีไหว้บรรพชนก็ทำคล้ายคลึงกัน ต่างกันที่ต้องจัดโต๊ะวางของเซ่นไหว้ มีป้ายชื่อบรรพชน และกระถางไหว้ประจำตระกูล (ไม่ใช่กระถางลอย) จำนวนกับข้าวจะมี 6-8-12 ชาม เวลาไหว้ต้องเริ่มก่อนเที่ยงราว 11 โมงเช้า ในระหว่างไหว้ อาจทอดเวลาออกไปได้ไม่เกินบ่ายโมง ขั้นตอนการไหว้นั้นเหมือนกัน เพียงไม่ต้องปักธูปไว้บนของเซ่นไหว้ กระดาษไหว้ใช้เหมือนกัน แต่ให้เปลี่ยนใช้ตั่วงึ้ง (กระดาษเงินใหญ่) แทนเสียงึ้ง และเพิ่มกิมจั้ว ส่วนธนบัตรกงเต๊กและของมีค่าอื่นๆจะเพิ่มด้วยหรือไม่ก็ได้ พอธูปหมดไปครึ่งดอก ให้จุดธูปไหว้รอบสองและสาม พอธูปรอบสามหมดไปหนึ่งในสามดอก ให้ยกกระดาษไหว้ขึ้นลา การเผาก็ไล่ลำดับเริ่มจากเผาโกวอี กิมจั้ว ตั่วงึ้ง และกิมงึ้งไฉ่ป้อ จากใหญ่ไปหาเล็ก เทเหล้าใส่เถ้ากระดาษไหว้ เก็บของเซ่นไหว้ เสร็จพิธีไหว้บรรพชน

วัฒนธรรมในเรื่องผีของชาวจีนมากด้วยเนื้อหา คงไม่อาจสรุปเอาง่ายๆว่าเป็นเรื่องงมงาย มีเรื่องราวเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมหยั่งรากลึกอยู่ในนั้น สอนในเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจากทั้งฝ่ายเต๋าและฝ่ายพุทธ รวมทั้งความกตัญญูรู้คุณจากคำสอนของขงจื๊อ ซึ่งมีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งในการจรรโลงคุณธรรมของสังคมชุมชนชาวจีน และช่วยสร้างคนดีให้กับครอบครัว สังคมชาวจีน และบ้านเมืองโดยรวม

ดังนั้น เมื่อละเนื้อหาส่วนที่งมงายเสีย ประเพณีสารทจีนจึงเป็นประเพณีที่ดีงามที่สมควรได้รับการสืบทอดต่อๆไปตราบนานเท่านาน
#2827


เมื่อมีผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนน แล้วรถคันที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมีประกันภัย พ.ร.บ.ไม่ว่าจะเป็น "รถใหม่หรือรถเก่า"รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

ดังนั้นเจ้าของรถทุกคัน ไม่ว่าจะรถเก่าหรือรถใหม่ ต้องไม่ลืมทำประกันภัย พ.ร.บ. เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนก็จะได้รับการคุ้มเครองทันที โดยคุ้มครอง กรณีบาดเจ็บเป็นค่ารักษาพยาบาลสูงสุดตามการรักษาจริงไม่เกิน 80,000 บาท กรณีเสียชีวิต คุ้มครองสูงสุด 500,000 บาท หรือกรณีสูญเสียอวัยวะ ความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท และยังมีค่าชดเชย กรณีนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล (ผู้ป่วยใน) ให้อีกวันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน ยกเว้นสำหรับผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันภัย จะได้รับการชดใช้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้นจากบริษัทประกันที่รับประกันภัยรถของตนเท่านั้น และถ้าผู้ขับขี่เป็นฝ่ายถูกก็ต้องไปใช้สิทธิ์เรียกร้องเอาจากฝ่ายที่ต้องรับผิด



สำหรับรถเก่าโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ถ้าจะทำประกันภัย พ.ร.บ. สามารถทำได้ที่บริษัทประกันภัยหรือที่บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เพียงแค่เตรียมเอกสารสำเนาทะเบียนรถและบัตรประชาชนเท่านั้น แต่หากไม่มีสำเนาทะเบียนรถ ก็สามารถนำรถไปให้เจ้าหน้าที่ขูดเลขตัวถังรถเพื่อยืนยันว่าเป็นรถคันที่เอาประกันภัย เพียงเท่านี้ก็ทำประกันภัย พ.ร.บ.ได้ หรือสามารถทำประกันภัยออนไล์ ผ่านไลน์ @iRVP ง่ายๆ คุ้มครองทันที

สอบถามการทำประกันภัย พ.ร.บ.และตรวจสอบการใช้สิทธิตามประกันภัย พ.ร.บ.ได้ที่ www.rvp.co.th หรือติดต่อ Call Center บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โทร 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ไลน์ @iRVP
#2828


สภาสหพันธ์รักษาสันติภาพสหประชาชาติ กับวันมนุษยธรรมโลก (World Humanitarian Day)
United Nations Peace Keepers Federal Council (UNPKFC) สภาสหพันธ์รักษาสันติภาพสหประชาชาติ แจกอาหารช่วยเหลือโควิด-19 เนื่องในวันมนุษยธรรมโลก ประจำปี 2564 (Humanitarian Day 2021) เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. วันมนุษยธรรมโลก (World Humanitarian Day) ตามที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 19 สิงหาคมเป็นวันมนุษยธรรมทั่วโลกในปี 2551 (2008) เพื่อเป็นการระลึกถึงโศกนาฎกรรมการระเบิดที่โรงแรม คาแนล ในกรุงแบกแดดซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ 22 คนเสียชีวิต รวมถึงผู้แทนเลขาธิการพิเศษขององค์การสหประชาชาติในอิรัก คุณ เซอร์จิโอ วีอีรา เดอมอลโล และมีผู้คนได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 150 คน
สภาสหพันธ์รักษาสันติภาพสหประชาชาติ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ต้องสูญเสียชีวิตของพวกเขาในการทำงานเพื่อมนุษยธรรม และผู้ที่ยังคงนำความช่วยเหลือ และการบรรเทาทุกข์ให้กับคนนับล้าน นอกจากนี้เพื่อสร้างการตระหนักถึงความต้องการการสนับสนุนการทำงานด้านมนุษยธรรมทั่วโลก และความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการให้ความช่วยเหลือเหล่านั้นเพียงพอ และวันนี้ องค์กร UNPKFC โดยร่วมมือกับภาคีเครือข่ายระหว่างประเทศ อาทิเช่น
- Wat Benchamabophit, Dusitwanaram Ratchaworawihan
-Dusit District
-Hands that help humanity from Dubai
-Thai - Nepali associations
-World inter-Religions Council
-Asia Nepal Holiday from Nepal
-Frontera Hotel Group
- The Mental Health Association under Royal Patronage
- San Skies Digital Technologies
-karuna Buddhist volunteer
- Pimpawee

นี่เป็นเพียงบางส่วนของความช่วยเหลือความเดือดร้อนที่มีการลงพื้นที่สำรวจชุมชนรอบ ๆ ซึ่งก็คงไม่ต่างจากเสียงสะท้อนของคนไทยทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมาหลังเศรษฐกิจหยุดชะงักจากการล็อกดาวน์ เนื่องจากอยากให้ทุกคน "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" และ "การเว้นระยะห่างทางสังคม" เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด 19 อย่างจำเป็นเร่งด่วน

สภาสหพันธ์รักษาสันติภาพสหประชาชาติ (UNPKFC) ได้ส่งความช่วยเหลือด้านอาหารเพื่อบรรเทาทุกข์จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อรำลึกถึงวันมนุษยธรรมโลก (Humanitarian Day) ขององค์การสหประชาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564

โดยมีการแจกจ่ายอาหารเพื่อบรรเทาทุกข์นี้จำนวน 500 กล่อง ซึ่งประกอบด้วยรายการอาหารที่จำเป็น เครื่องดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง และชุดอุปกรณ์ตรวจโควิด ตลอดจนข้าวกล่องและน้ำ ให้กับผู้ประสบภัยจากการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัส Covid-19 ในชุมชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวและยากจน รวมถึงผู้ว่างงานซึ่งมีผลตรวจเป็นบวกและอยู่ภายใต้การกักกัน
ประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ คือ พระเทพกิตติเวที เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระอารามหลวง พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณรกว่า 79 รูป และก่อนที่ท่านจะให้พรแก่ผู้เข้าร่วมให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ ท่านได้แสดงพระธรรมเทศนาถึงความสำคัญของการบำเพ็ญกุศล โดยเฉพาะความเอื้ออาทร "การให้ทาน" ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสด้วยความเมตตากรุณา ขอบคุณคณะ UNPKFCและคณะทำงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ได้จัดกิจกรรมบรรเทาทุกข์ต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบในสถาณการณ์ที่ยากลำบากในครั้งนี้

ดร.อภินิตา ไชยชนะ ประธานฝ่ายฆราวาส และประธานองค์กร UNPKFC ได้กล่าวว่า ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชน ได้ร่วมกับพันธมิตรในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และภาคีเครือข่ายจิตอาสา ซึ่งถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเราในการสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชนที่อ่อนแอในการต่อสู้กับผลกระทบของการระบาดใหญ่ของ Corona Virus ทั่วโลก อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการด้านมนุษยธรรมของเรา ที่ผ่านมาองค์กร UNPKFC ได้แจกจ่ายเสบียงอาหารและได้ให้ความช่วยเหลือชุมชนได้แจกจ่ายสิ่งของที่จำเป็นให้แก่ครอบครัวมากกว่า 25,000 ครอบครัว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำมาอย่างตลอดและกิจกรรมในวันนี้เป็นความต่อเนื่องขององค์กรของเราในการพยายามให้ความช่วยเหลือสังคมที่ยากจนและกำลังอ่อนแอ ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญและร่วมมือกัน โดยไม่แบ่งฝักผ่าย เปรียบเสมือนทุกคนเผชิญสงครามไวรัสที่มองไม่เห็นเช่นเดียวกันทั่วโลก สิ่งเล็กน้อยที่ทำให้เกิดประโยชน์ในครั้งนี้ เพื่อให้คนที่กำลังประสบปัญหา ได้มีกำลังใจ มีชีวิต และความหวังในการต่อสู้สถาณการณ์ที่ยากลำบากอย่างเข้มแข็งต่อไป และองค์กร UNPKFC จะยังคงติดตามสถาณการณ์อย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้ร่วมให้การช่วยเหลือ ผู้สนับสนุน และอาสาสมัคร ที่ช่วยให้งานด้านมนุษยธรรมครั้งนี้ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งขออนุโมทนาบุญกุศลสำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่ให้การสนับสนุนและให้ร่วมมือ กิจกรรมทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปด้วยดี

การร่วมพิธีในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนต่าง ๆ ได้แก่ นายศรพงศ์ศักดิ์ สุวรรณปรุง ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและบอร์ดบริหารที่ปรึกษา UNPKFC, นายดิชา คงศรี ผู้อำนวยการเขตดุสิต, ดร.สถิตย์ กุมาร ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คณะกรรมการธิการ คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรองประธาน UNPKFC, ศาสตราจารย์ ดร.ชรินทร์ คานิเยาว์ ประธานมูลนิธิ รมน กองทัพภาคที่ 1รุ่น 57 และรองประธาน UNPKFC,ดร.สุทัศน์ เพ็งทลุง ผู้อำนวยการอวุโส UNPKFC ,นายสัตว์แพทย์อนันต์ ฤกษ์ดี ปศุสัตว์พื้นที่ในส่วนราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรร์, ดร. ลัคนา สถานตรีภพ นายกสมาคมสุขภาพจิตแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, นายจูเลียน โก๊ะ ,นายรวีภัทร์ จิรศักดิ์วัฒนา เลขานุการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นางสาวมารีญา ฤกษ์ดี คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย,นายรัฐ ริมธีรกุล, นางดวงนภา ฤกษ์ดี คณะทำงานที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทย และตัวแทนจากสมาคมไทย-เนปาลแห่งประเทศไทยและมี ดารานักแสดง เยาวชน ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

ต่อจากนั้น ผู้แทนฯ UNPKFC นำโดย Dr. Lye Ket Yong รองประธาน UNPKFC และประธานองค์กร "Hands That Help Humanity, UAE"ได้นำอีกหนึ่งทีมงานเดินทางไปยังเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบอาหารเพื่อช่วยเหลืออีก 50 กล่อง ที่มัสยิดมัสยิดอิควานุ้ลมุตตะกีน เขตมีนบุรี ให้กับชุมชนประมาณ 50 ครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการกักกันตัว โดยอิหม่าม นายลอ สะพานเวท ตัวแทนชุมชนมีนบุรี เป็นตัวแทนรับมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในครั้งนี้
ในวันเดียวกัน Mr.Waleed K.Issa ผู้แทน UNPKFC ได้นำอาหารอีกจำนวน 200กล่อง มอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและยากจนในพื้นที่สุขุมวิท ดังกล่าว
#2829


กลุ่มธุรกิจร้านนวดแผนไทยและร้านสปา ยื่นฟ้องดำเนินคดีรัฐเรียกร้องค่าเสียหายชดเชย 200 ล้าน สืบเนื่องจากคำสั่งปิดกิจการตามนโยบายบริหารจัดการโควิด-19 แต่กลับไร้ซึ่งการเยียวยาจากรัฐ นำสู่การฟ้องแพ่งแบบรวมกลุ่ม (Class Action) เรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายที่เกิดขึ้นของผู้ประกอบการ เป็นตัวอย่างสร้างบรรทัดฐานแก่ภาคธุรกิจอื่นๆ

อ้างอิงข้อมูลของ "สมาคมสปาไทย" พบว่า ตลาดสปาและนวดแผนไทยมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรก ซ้ำเติมความเสียหายด้วยระลอกใหม่อย่างต่อเนื่อง จากเดิมปิดชั่วคราวปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจสปาและนวดแผนไทยปิดตัวถาวรแล้วกว่า 80% ส่งผลให้พนักงานตกงานมากกว่า 2 แสนคน โดยส่วนใหญ่ไม่เงินทุนหมุนเวียน เพราะรายได้หายไป 100% เพราะต้องปิดให้บริการตามประกาศของรัฐ อีกทั้งยังต้องแบกรับรายจ่าย ค่าเช่าที่ ค่าน้ำค่าไฟ เงินเดือนพนักงาน ฯลฯ

ทั้งนี้ ร้านนวดแผนไทย ร้านสปา เป็นหนึ่งในกิจการที่ถูกสั่งปิดทุกครั้งที่เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตามคำสั่งของรัฐ แต่ไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐ นายพิทักษ์ โยธานายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าวว่ากลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดได้รับผลกระทบจากนโยบายสั่งปิดกิจการร้านนวดตั้งแต่ปี 2563 และถูกสั่งปิดต่อเนื่องทุกครั้งของการล็อกดาวน์

"คำสั่งของรัฐ ทำให้เรามีภาระหนี้สิน สิ้นเนื้อประดาตัว เราอดทนมาพอแล้ว" นายพิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยา ชดเชยการสูญเสียรายได้ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ การลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค การลดหย่อนหรือยกเว้นการจ่ายภาษีหรือค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงการกำหนดมาตรการที่เอื้อประโยชน์ เพื่อให้กิจการนวดสปาสามารถเปิดดำเนินกิจการต่อไปได้ ทว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่รับการเยียวยาจากภาครัฐ เป็นเหตุผลให้ผู้ประกอบการรวมตัวฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายจากภาครัฐกว่า 200 ล้านบาท

การฟ้องร้องครั้งนี้นำโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะเป็นตัวกลางยื่นฟ้อง พร้อมกับ นายพิทักษ์ โยธานายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย และ น.ส.อักษิกา จันทรวินิจ ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดและสปาในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มรวม 157 คน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน จากการถูกสั่งปิดสถานประกอบการร้านนวดตามคำสั่งของรัฐบาล

นับเป็นการดำเนินการฟ้องแพ่งแบบรวมกลุ่มหรือ Class Action ครั้งแรก ซึ่งถือเป็นคดีแรกและเป็นคดีในประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลจะตัองรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายที่เกิดขึ้นของผู้ประกอบการ ทั้งๆ ที่เป็นมาตรการที่รัฐบาลสั่ง แต่ไม่มีมาตรการที่จะมารองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วที่ผู้ประกอบการร้านนวดเหล่านี้ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ

ดังนั้น การบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่ผิดพลาด ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชน ซึ่งนับเป็นการฟ้องร้องคดีแรกของการฟ้องรวมกลุ่มของกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวด โดยจะขยายไปยังกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ เช่น ร้านอาหาร และผับ บาร์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพและตัวแทนของสมาชิกกลุ่มประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพซึ่งมีสมาชิกกลุ่มรวม 157 คน ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ต่อศาลแพ่งเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ3782/2564 โดยขออนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม อันสรุปคำฟ้องได้ใจความว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease : COVID-19) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ปล่อยปละละเลย จงใจหรือประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดต้นเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวแบบกลุ่มก้อนหลายครั้ง

พลเอกประยุทธ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวผิดพลาดทำให้ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสดังกล่าวและไม่สามารถบริหารจัดการวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤติด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจจนสูญเสียโอกาสในการฟื้นตัวสู่สภาวะปกติ เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวบานปลายจนกระทั่งไม่สามารถควบคุมได้

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ได้ออกข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้ปิดสถานประกอบกิจการร้านนวดหรือนวดแผนไทยทั่วราชอาณาจักรหลายครั้ง ทำให้โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพไม่สามารถประกอบกิจการได้โดยสิ้นเชิง ทั้งยังปล่อยปละละเลยไม่สั่งการหรือดำเนินการเพื่อออกมาตรการรองรับหรือเยียวยาให้แก่โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการถูกสั่งปิดกิจการ ทำให้โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่มร้านนวดเพื่อสุขภาพได้รับความเสียหาย

โดยขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 7,199,262.42 บาท โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 3,597,666.52 บาท และให้แก่สมาชิกกลุ่มสถานประกอบการร้านนวดเพื่อสุขภาพและสปาตามวิธีการคำนวนค่าเสียหายของแต่ละบุคคล พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

อนึ่ง ศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ พ3782/2564 ได้พิจารณาคำร้องและคำฟ้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มวันที่ 21 กันยายน 2564

ด้าน น.ส.มณลภัส ไทยเจริญ เจ้าของร้านสปาเดวาย่านสุขุมวิท 101/1 บอกว่า ร้านของตนถูกปิดมานานกว่า 8-9 เดือนแล้ว มีหนี้สินอยู่หลายแสน แถมยังได้จดหมายทวงหนี้จากรัฐ เรียกเก็บภาษีโรงเรือนภาษีป้าย นอกจากนี้ ผู้เช่ายังต้องเสียค่าเช่าให้กับผู้ให้เช่าอีกเดือนละ 30,000 บาท ถึงตอนนี้ยังต้องจ่าย คิดว่าต่อไปนี้คงเลิกทำอาชีพนี้แล้ว เพราะจ่ายไม่ไหวแล้ว

จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมในงานเขียนเรื่อง สปาและนวดแผนไทย...จะไปอย่างไรต่อ?ของ "สุพริศร์ สุวรรณิก" แห่งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์" พบว่า อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยแบ่งลักษณะกิจการออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) กิจการประเภทสปา เน้นการให้บริการบำบัดดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม และ 2) กิจการประเภทนวดเพื่อสุขภาพ เน้นเรื่องการบำบัดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยวิธีการนวดเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบันกิจการทั้งหลายอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ อุตสาหกรรมมีความเกี่ยวข้องกับแรงงานไทยเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อมูลในงานเสวนา Industry transformation ซึ่งจัดโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อหาข้อเสนอแนะแนวทางช่วยเหลือและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคาดว่ามีการจ้างงานจากทั้งในและนอกระบบสูงถึงกว่า 6.5 แสนราย

เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่การระบาดในระลอกแรก ผู้ประกอบการทุกขนาดในอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐและสถาบันการเงินไปบางส่วนแล้ว เช่น มาตรการ 2/3 ชดเชยรายได้ 5,000 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เน้นให้บริการลูกค้าชาวต่างชาติ เป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสายป่านยาวพอ ยังสามารถประคับประคองธุรกิจอยู่ได้บ้าง ทั้งนี้ ธุรกิจปรับตัวโดยกิจการขนาดใหญ่หลายแห่งลดจำนวนสาขาย่อยลงเพื่อควบคุมต้นทุน ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กมีความพยายามปรับตัวที่หลากหลาย เช่น การให้บริการนวดตามบ้าน เป็นต้น

หนึ่งในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตคือ การเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกอุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยจำนวนมาก โดยกว่าครึ่งได้เปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น ๆ แทน อาทิ พนักงานขนส่งเดลิเวอรี่ และบางส่ วนได้ ย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิม และทำการเกษตร อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทย เป็นส่วนหนึ่งของ health & wellness อันเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของรัฐ จึงควรให้ความสำคัญ และสามารถยกระดับศักยภาพได้

สำหรับการฟ้องร้องดำเนินคดีครั้งนี้ ถือเป็นประเด็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะคดีดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานแก่ภาคธุรกิจอื่นๆ ในการฟ้องร้องต่อไปด้วยความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากคำสั่งรัฐ ดังนั้นจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
#2830


ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เด็กต้องเรียนออนไลน์อยู่บ้าน กระทบต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง บางครอบครัวที่ต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) ควบคู่กับการเลี้ยงลูก และดูแลคุณภาพการศึกษาของลูกให้เป็นไปตามแผนการสอนของโรงเรียน จนอาจทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเกิดภาวะเครียด กังวล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจอาจแสดงพฤติกรรมเชิงลบใส่เด็ก และซ้ำเติมความเครียดของเด็กเพราะข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟ ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สำรวจผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ต่อเด็กและเยาวชนในประเทศไทย อายุ 15-19 ปี จำนวน 6,771 คน เมื่อเดือนมีนาคม-เมษายน 2564 พบเด็กและเยาวชนมีความเครียด วิตกกังวล ด้านการเรียน ร้อยละ 70 อาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตในระยะยาว หากเด็กและเยาวชนไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมจากที่บ้าน

ดร.สุปรีดา กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบดังกล่าวและส่งเสริมสุขภาวะเด็กและครอบครัว สสส. ร่วมกับ สาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาเว็บไซต์ https://www.netpama.com สร้างหลักสูตรฝึกอบรมผู้ปกครองของเด็กที่มีปัญหาพฤติกรรม (Internet-Base Parent Management Training Program: Net PA-MA เน็ต ป๊า-ม้า) ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยพ่อแม่ยุคใหม่ให้รู้วิธีเลี้ยงลูกเชิงบวก และทำให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเอง ผ่านองค์ความรู้ที่นำไปใช้ปฏิบัติได้จริง 6 บทเรียน ได้แก่ 1.ปัจจัยพื้นฐานในการปรับพฤติกรรมเด็ก 2.ทักษะพื้นฐานในการสื่อสาร 3.เทคนิคการชม 4.เทคนิคการให้รางวัล 5.เทคนิคการลงโทษ และ 6.เทคนิคการให้คะแนน โดยบทเรียนเหล่านี้จะทำให้พ่อแม่รู้วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนแผนระยะยาว สสส. จะร่วมกับภาคีเครือข่าย ขยายผลนำหลักสูตรนี้ไปเชื่อมกับองค์กรและบริษัทต่างๆ เพื่อส่งต่อองค์ความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกเชิงบวกในโลกยุคใหม่แก่พนักงานในองค์กรและบริษัท เชื่อว่าหลักสูตรออนไลน์ที่ผสมผสานทั้งสาระและความบันเทิงจะช่วยให้ครอบครัวยุคใหม่รับมือกับสถานการณ์ทั้งช่วงโควิด-19 และในภาวะปกติได้เป็นอย่างดี



รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า พ่อ แม่ที่เครียดเพราะลูกต้องเรียนออนไลน์ช่วงโควิด-19 ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ไม่รู้วิธีเลี้ยงลูกในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และบางครอบครัวอาจมีเด็กพิเศษที่มีปัญหาการเรียนรู้ สมาธิสั้น หรือ ภาวะเรียนรู้บกพร่อง เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเรียนออนไลน์ จึงต้องได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพราะขาด 3 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการเลี้ยงลูก ทักษะการสื่อสาร และทักษะการฝึกวินัยเชิงบวกให้กับลูก จึงทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบด้านอารมณ์และพฤติกรรมในเด็ก เช่น ดื้อ เอาแต่ใจ ต่อต้าน ก้าวร้าว และมีปัญหาเรื่องเข้าสังคม จึงเป็นที่มาของการพัฒนาหลักสูตรนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 ถึงปัจจุบัน ระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี โครงการนี้จึงเป็นการนำความรู้ทางวิชาการและการปฏิบัติจริงมาพัฒนาเป็นหลักสูตรออนไลน์ ให้เหมาะสมสำหรับผู้ปกครองอายุ 25-50 ปี ที่ต้องการศึกษาวิธีเลี้ยงลูกที่ถูกต้องผ่านพฤติกรรมและคำพูดเชิงบวก

"เนื้อหาแต่ละบทเรียน จะสอนเทคนิคต่างๆ เช่น ลูกไม่ทำการบ้าน ไม่มีสมาธิเรียน ทะเลาะกัน และไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ต้องใช้วิธีจัดการหรือใช้คำพูดกับเด็กอย่างไรให้เหมาะสม โดยที่ทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง และเด็ก จะไม่บอบช้ำทางจิตใจ สำหรับพ่อแม่ที่สนใจหลักสูตรเลี้ยงลูกออนไลน์มีคอร์ส 2 รูปแบบ ได้แก่ คอร์สเร่งรัด เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานจิตวิทยาการเลี้ยงลูก ไม่ค่อยมีเวลา อยากเรียนรู้เทคนิคบางอย่าง และ คอร์สจัดเต็ม เหมาะกับคนที่ต้องการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นในการปรับพฤติกรรมเด็กทั้งการสื่อสาร จับอารมณ์ สะท้อนความรู้สึก เทคนิคการชม ให้รางวัล ลงโทษ ฯลฯ สามารถเข้าไปสมัครได้ที่เว็บไซต์ www.netpama.com ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย" รศ.นพ.ชาญวิทย์ กล่าว



นางสาวณัฐพร พีรพุทธรางกูร ผู้ปกครองที่เข้าร่วมหลักสูตรออนไลน์ที่เข้าร่วมสอนเทคนิคในการปรับพฤติกรรมเชิงบวกเด็กกับ www.netpama.com กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมลงทะเบียนเรียน เพราะต้องการมีองค์ความรู้เรื่อง 'จิตวิทยาเด็ก' เพื่อนำไปใช้กับลูกในชีวิตประจำวัน จึงเลือกสมัครคอร์สแบบจัดเต็ม 6 บทเรียน โดยเนื้อหาเรียนทำให้ได้รู้วิธีการและเทคนิคเชิงบวกในการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหลังจากเรียนนอกจากได้รับประกาศนียบัตรและคะแนนสะสมเพื่อใช้เป็นสิทธิพิเศษในการปรึกษาจิตแพทย์เด็ก วัยรุ่น และนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กแล้ว แล้วยังสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้เลี้ยงลูกในระยะยาวได้ ทั้งการสานสัมพันธ์ในครอบครัว การใช้คำพูดและคำชมเชิงบวก รวมถึงวิธีการให้รางวัลและลงโทษที่เหมาะสม และหลังจากนำมาใช้ในการเลี้ยงลูกพบว่า เด็กมีเหตุผล เชื่อฟัง มีความรับผิดชอบมากขึ้น และทำให้ตัวเองในฐานะผู้ปกครองก็ได้มีมุมมองการเลี้ยงลูกแบบใหม่คือ เลิกคาดหวังกับลูก ไม่กดดันในสิ่งที่เด็กไม่ชอบ เพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีความสุข ควบคู่กับการมีสุขภาวะที่ดี
#2831


นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ล่าสุดได้หารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางการเยียวยาภาคธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยขอให้กระทรวงการคลังช่วยพิจารณาจัดวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน จากธนาคารออมสินและธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) วงเงิน 8,000 ล้านบาท มาช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว

"ทางกระทรวงการคลังได้รับทราบเรื่องนี้และพร้อมประสานธนาคารทั้ง 2 แห่งจัดเตรียมวงเงินให้แล้ว โดย เบื้องต้นจะให้การช่วยเหลือเอกชนท่องเที่ยว 5 สมาคมก่อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยื่นหนังสือมายังกระทรวงการท่องเที่ยวฯเพื่อขอความช่วยเหลือ ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมสปาไทย และสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย หลังจากที่ผ่านมาภาคเอกชนกลุ่มนี้ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก และยังได้รับผลกระทบจากการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ด้วย"

นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้รับข้อเสนอของเอกชนท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการกู้เงินจากเดิมที่กำหนดให้ใช้สินทรัพย์ในการค้ำประกันเงินกู้ มาเป็นการกำหนดให้ผู้กู้ที่เป็นภาคเอกชนจาก 5 สมาคมนี้ สามารถค้ำประกันไขว้กันแทนได้ เช่น ค้ำไขว้กันระหว่างบริษัทต่อบริษัท หรือผู้บริหารตัวต่อตัว เนื่องจากมองว่าแนวทางนี้จะสามารถปลดล็อกการกู้เงินได้สะดวกมากกว่า และทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งวงเงินได้ง่ายขึ้น โดยทางกระทรวงการคลังได้รับเรื่องนี้ไปพิจารณาและมอบหมายให้ธนาคารต่างๆ เร่งไปปรับเงื่อนไขโดยเร็ว เพื่อให้สามารถกู้เงินได้ภายในปลายเดือน ส.ค. หรือต้นเดือน ก.ย.2564

"ข้อเสนอเดิมของทางภาคเอกชนได้เสนอขอวงเงินซอฟท์โลน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมารีสตาร์ทธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ แต่ทางนายอาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่าตอนนี้มีเงินอยู่ประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยขอให้ค้ำไขว้กันได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเชิญผู้ประกอบการจากทั้ง 5 สมาคมท่องเที่ยวว่ามีรายใดต้องการสินเชื่อบ้าง และแต่ละรายต้องการวงเงินเท่าไร จากนั้นได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯไปหารือกับปลัดกระทรวงการคลังอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุป โดยจะเร่งทำให้เร็วที่สุด ส่วนวงเงินที่เหลือ นายอาคมบอกว่า หากเงินก้อน 8,000 ล้านบาทเต็มแล้ว อาจให้ธนาคารกรุงไทยเข้ามาปล่อยกู้ด้วยเพื่อให้ครบ 1 หมื่นล้านบาท" นายพิพัฒน์กล่าว

สำหรับการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมานั้น ทางเอสเอ็มอีแบงก์ได้จัดเตรียมซอฟท์โลนเพื่อให้เอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยายกิจกรรม ปรับปรุง ซ่อมแซม ยกระดับมาตรฐานการให้บริการ คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 1 ปี

ขณะที่ธนาคารออมสินได้จัดสินเชื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีภาคการท่องเที่ยว ใช้เป็นเงินทุนดำเนินกิจการหรือเสริมสภาพคล่อง วงเงินกู้สูงสุดรายละ 500,000 บาท ให้กู้เป็นระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีเท่ากับ 3.99% และปลอดชำระเงินต้นในปีแรก
#2832
 
 ข้าวอินทรีย์สำหรับแม่ตั้งครรภ์
เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ปลูกข้าวอินทรีย์  จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวอินทรีย์  ตลาดข้าวอินทรีย์  ปรับเปลี่ยนปลูกข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ข้าวแฟร์เทรด )
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ ข้าวกล้องอินทรีย์  " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1. ข้าวมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิคสำหรับทารก, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.  ข้าวหอมมะลิออแกนิคคือ, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ขายข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9. ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคคือ, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ 
3. ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์  ข้าวผกาอำปึลเพื่อสุขภาพ (ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสาร จ.สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง 6.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลินิล
7.  ข้าวไรซ์เบอรี่เกษตรอินทรีย์  ข้าวสุไรซ์เบอร์รี่ขภาพ

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 
 
#2833
ปลูกข้าวอินทรีย์   ข้าวออแกนิคสำหรับทารกส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวมะลินิลอินทรีย์กรมการข้าว คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice) ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวปะกาอำปึลorganicเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์  เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ขายข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6bf1bev6bzbun6ssb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.   ข้าวหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ 
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิก
3.  ข้าวหอมปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิคสุรินทร์
5. กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลorganic7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 
 
#2834


ในช่วงสถานการณ์การระบาดโควิด – 19 ที่มีมาตรการล็อคดาวน์ออกมาเป็นระยะๆ ทำให้การค้าการขายต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการค้าขาย "Minny & March . enjoy eat drink" ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ขนมที่มีเมนู "เค้กไข่ไต้หวันโฮมเมด" เป็นตัวชูโรง และได้มีการเรียนรู้วิธีการขายตั้งแต่เริ่มต้นแบรนด์ในช่วงวิกฤตโควิด จนสามารถสร้างยอดขายได้แบบก้าวกระโดด ทำรายได้ในสถานการณ์การค้าที่ซบเซาในช่วงนี้


นางสาวศิริรักษ์ เทียนทอง เจ้าของแบรนด์ "Minny & March . enjoy eat drink" เล่าว่าถึงจุดเริ่มต้นว่า แบรนด์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการคลายล็อคดาวน์ครั้งแรกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 1 9 ด้วยหน้าที่การงานที่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ จึงได้ไปลองทำ "เค้กไข่ไต้หวัน" ตามคำชักชวนของเพื่อนที่เปิดร้านขายเครื่องดื่ม ซึ่งในการทำลองทำครั้งแรกนั้นก็ทำออกมาได้สำเร็จ จึงได้ฝึกฝนการทำเมนูนี้จนมั่นใจในรสชาติและรสชาติที่คงที่ และได้มีการแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้ลองกิน พร้อมกับได้รับความคิดเห็นว่ามีรสชาติที่อร่อยและควรทำขาย



แม้ในช่วงแรกจะมีเมนู "เค้กไข่ไต้หวัน" เป็นเมนูเดียวที่ทำออกจำหน่าย แต่ทางแบรนด์ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากทางแบรนด์ได้ใส่ใจในเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะเรื่องการตลาด เนื่องจากแบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เป็นแบรนด์ที่เกิดใหม่ในช่วงวิกฤตโควิด การจะทำให้ลูกค้ายอมรับนอกจากในเรื่องรสชาติของเค้กแล้ว ลูกค้าก็ยังต้องเชื่อใจในตัวแม่ค้าด้วย ซึ่งจะกลายมาเป็น "ความเชื่อใจ" แก่กันและกัน ทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะสั่งเค้ก และมั่นใจว่าจะได้รับเค้กที่มีคุณภาพในทุกๆ ครั้ง



นอกจากการเชื่อใจในเรื่องการค้าขายแล้ว ทางแบรนด์ก็ยังเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยช่องทางหลักในการขายคือช่องทางออนไลน์ ทางแบรนด์จึงใช้ช่องทางนี้ในการพูดคุยและถามความคิดเห็นของลูกค้าเสมอ เนื่องจากในทุกๆ คำติชมของลูกค้า ก็จะนำมาปรับปรุงแก้ไขสูตรขนมให้ดีขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกๆ คน ที่ให้โอกาสซื้อขนมของแบรนด์เรา



"นอกจากคำติชมทางแบรนด์ยังใส่ใจในเรื่องร่างหน้าตาของขนม หากลูกค้าได้รับขนมที่เกิดเสียหายระหว่างขนส่ง ทางแบรนด์ก็จะยินดีไม่รับเงินพร้อมกับส่งขนมชุดใหม่ไปให้กับลูกค้า ด้วยการใช้ใจแลกใจจึงทำให้ขนมแบรนด์ มีออเดอร์ทั้งจากลูกค้าประจำและลูกค้าหน้าใหม่สั่งขนมมาไม่เคยขาด"  ... นางสาวศิริรักษ์ กล่าวเสริม



ไม่ใช่แค่มีการพูดคุยกับลูกค้าผ่านสื่อออนไลน์ หากมีโอกาสก็จะไปส่งเค้กและขนมเมนูอื่นๆ ให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และเรายังเชื่อใจได้ว่าขนมที่เราไปส่งเองจะยังคงคุณภาพในเรื่องรูปร่าง เพราะในบางครั้งเราใช้ไรเดอร์ส่งขนมก็อาจจะเสียรูปทรงระหว่างทาง เรื่องรูปร่างหน้าตาของขนม ทางแบรนด์ก็ใส่ใจเรื่องนี้มากๆ เนื่องจากอยากให้ลูกค้าได้ขนมสดใหม่เหมือนออกมาจากเตาอบเหมือนในรูปที่นำเสนอ สิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดไม่ลับ ที่ทำให้ยอดขายของแบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เติบโตขึ้นอย่างมากจากวันที่เริ่มต้น



ด้วยการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์การขายด้วยตัวเอง จึงทำให้ในวันนี้ แบรนด์ Minny & March . enjoy eat drink เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น และได้มีการต่อยอดพัฒนาเมนูขนมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก เช่น เค้กบราวนี่ บราวนี่คุ๊กกี้ เค้กส้มหน้านิ่ม เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม มัทฉะโรลเค้ก เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น แม้ในช่วงนี้จะมีมาตรการล็อคดาวน์ออกมาเป็นระยะๆ จนทำให้การค้าขายเงียบเหงา แต่ทางแบรนด์ก็ยังมีลูกค้าอุดหนุนไม่เคยขาด และพร้อมที่จะไม่หยุดนิ่งในการเรียนรู้ปรับเปลี่ยนวิธีการขาย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงได้เสมอ





สนใจติดต่อ
FB : Minny & March . enjoy eat dri
โทร. 099 - 059 9496
#2835


นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รักษาการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม( บสย.)เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการหารือที่จะเปิดล็อตสองวงเงินการค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟูตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)สินเชื่อฟื้นฟู-พักทรัพย์-พักหนี้ อีกจำนวน 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19

"คาดว่า ภายในเดือนส.ค.นี้ ยอดค้ำประกันสินเชื่อในล็อตแรกจะเต็มวงเงินที่ 1 แสนล้านบาท จากนั้น ก็คาดว่า จะสามารถเริ่มยอดค้ำประกันในล็อตที่สองได้ในเดือนถัดไป เพื่อให้ยอดค้ำประกันสินเชื่อเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง"

ทั้งนี้ ในล็อตแรกของการค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟูดังกล่าว ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปลายเม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น สามารถค้ำประกันสินเชื่อได้แล้วประมาณ 8 หมื่นล้านบาท จำนวนผู้ประกอบการประมาณ 2.6 หมื่นราย เฉลี่ยยอดค้ำประกันที่ 3 ล้านบาทต่อราย โดยเกินกว่า 50% เป็นยอดค้ำประกันสินเชื่อจากแบงก์พาณิชย์เอกชน

"ส่วนหนึ่งที่ยอดค้ำประกันสินเชื่อมาจากแบงก์พาณิชย์จำนวนมาก เพราะจำนวนแบงก์พาณิชย์มีเยอะกว่าแบงก์รัฐ ในส่วนแบงก์รัฐนั้น ก็ได้ส่งยอดสินเชื่อมาให้บสย.ค้ำประกันเช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่า แบงก์รัฐเองเขาก็มีผลิตภัณฑ์การเงินที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการต่างๆอยู่จำนวนมาก ดังนั้น ยอดสินเชื่อค้ำประกันอาจจะน้อยกว่าแบงก์พาณิชย์ สำหรับแบงก์รัฐที่ส่งยอดสินเชื่อค้ำประกันมาให้เรามากสุด คือ เอ็กซิมแบงก์"

สำหรับประเภทธุรกิจที่มีการค้ำประกันในโครงการมากที่สุด ได้แก่ 1.การบริการ จำนวน ประมาณ 30% ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว 2.การผลิตสินค้าและการค้าอื่นๆ จำนวน 13% 3.การเกษตรกรรม จำนวน 10% 4.อาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 10% และ 5.อื่นๆ อีกประมาณ 40%

สำหรับโครงการค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟู มีระยะเวลาขอสินเชื่อตั้งแต่เดือน 26 เม.ย.2564- 9 ต.ค.2566 วงเงินค้ำประกันสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 150 ล้านบาท ค้ำประกันสูงสุด 10 ปี ค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 1.75% ต่อปี โดยผู้กู้ 1 ราย สามารถขอกู้สินเชื่อได้ 3 สถาบันการเงินรวมแล้วกู้ได้สูงสุด 450 ล้านบาท

โครงการนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ความช่วยเหลือค้ำประกันเงินกู้ แก่ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ทั้งกลุ่มขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ รวมถึงบุคคลธรรมดา ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้มีสภาพคล่อง หรือมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ โดยใช้ บสย.เป็นหลักประกันในการขอกู้เงินจากธนาคาร มีวงเงินค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟู

รักษาการผู้จัดการทั่วไปบสย.กล่าวด้วยว่า ในภาพรวมการค้ำประกันของบสย.ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 1.44 แสนล้านบาท คาดว่า ภายในปีนี้จะมียอดค้ำประกันทะลุ 2 แสนล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มียอดการค้ำประกันที่ 1.41 แสนล้านบาท
#2836


นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เตรียมสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร พัฒนาและยกระดับทำธุรกิจค้าขายสินค้าเกษตรระดับพรีเมี่ยม เพื่อนำผลผลิตการเกษตรจากสมาชิกสหกรณ์หรือเกษตรกรทั่วไป                 ในพื้นที่ต่าง ๆ คัดเกรดคุณภาพมาบริการและจำหน่ายสู่ผู้บริโภค นอกเหนือจากธุรกิจปกติที่สหกรณ์รวบรวมผลผลิตและ                 ส่งจำหน่ายให้กับคู่ค้าประจำ ทั้งห้างโมเดินเทรดและพ่อค้าเอกชนเท่านั้น  
 

 ซึ่งกรมฯจะผลักดันให้สหกรณ์ยกระดับเป็น  ตลาดสินค้าเกษตรเกรดพรีเมี่ยม เป็นตลาดทางเลือกสำหรับให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าซื้อสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและมีความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าจากสหกรณ์  โดยเฉพาะในยุคการค้าออนไลน์ที่ผู้ซื้อสามารถเข้าสั่งซื้อสินค้าได้  ทางอินเตอร์เน็ต คาดว่าแนวทางนี้จะช่วยส่งเสริมให้สหกรณ์การเกษตรเป็นตลาดสินค้าเกษตรกรคุณภาพที่แท้จริง                      สามารถคัดสรรสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตอบสนองผู้บริโภคซึ่งมีความต้องการสินค้าคุณภาพด้วยเช่นกัน


            " ผมหวังว่าสหกรณ์จะเป็นตลาดสินค้าเกษตรพรีเมี่ยม ตลาดใหม่ และต้องดีกว่าทุกตลาดเพราะเป็นความร่วมมือของสหกรณ์และสมาชิกที่ต้องช่วยกันนำเสนอของดีให้กับผู้บริโภคที่ต้องได้ทานของดีเกรดส่งออก จากเดิมที่ประชาชนทั่วไปมักจะได้บริโภคสินค้าเกรดรอง  จนมีคำพูดที่ว่าคนไทยไม่ได้กินของดี ของเกรดส่งออกหากินยาก เป็นต้น "

            เดิมทีสหกรณ์การเกษตรได้มีการซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างกันในเครือข่ายสหกรณ์ หรือเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้า เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกในช่วงฤดูผลไม้ราคาตกต่ำ  เป็นประจำเกือบทุกปี แต่นั่นเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งจากประสบการณ์เหล่านั้น ควรยกระดับมาทำเป็นธุรกิจปกติของสหกรณ์เลย สหกรณ์การเกษตรควรเข้าสู่การทำธุรกิจการค้าสินค้าเกษตรระดับพรีเมี่ยมได้แล้ว  ภายใต้การสนับสนุนของกรมส่งเสริมสหกรณ์

  สินค้าเป้าหมายเบื้องต้น เช่น ข้าว  พืชผัก ผลไม้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือสินค้าเกษตรที่ผู้บริโภคสนใจจะสั่งซื้อจากสหกรณ์ทั่วประเทศ โดยกรมมีตัวอย่างสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จเช่น สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี  จำกัด จังหวัดนครศรีธรรมราช  สหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด และสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สามารถยกระดับการขายมังคุด เงาะ คัดเกรดคุณภาพ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ                 จนเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ  และในปีที่ผ่านมาสหกรณ์การเกษตรสามารถรวบรวมผลไม้ได้กว่า 30,000 ตัน                   มูลค่ากว่า 789 ล้านบาท

 

 

            "กรมฯ พร้อมสนับสนุนสหกรณ์ที่ต้องการพัฒนาและยกระดับธุรกิจเข้าสู่รูปแบบดังกล่าวโดยสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ของกองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.) นอกจากนั้น พร้อมที่จะประสานให้สหกรณ์การเกษตรพรหมคีรี จำกัด เป็นพี่เลี้ยงอบรมการทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ให้อีกทางหนึ่ง  "


อย่างไรก็ตามเป้าหมายสำคัญของโครงการนี้ก็เพื่อให้ขบวนการสหกรณ์เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสมาชิกตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับราคาสินค้าเกษตรของเกษตรกร ขณะที่สหกรณ์เหล่านั้นก็จะต้องเข้าไปช่วยส่งเสริมสมาชิกของท่านในการพัฒนาแปลง พัฒนาสวน พัฒนาไร่ เพื่อยกระดับเป็นแปลงการเกษตรที่ดีหรือจีเอพี  การยกระดับ    โรงคัดบรรจุหรือล้งเป็น GMP เพื่อคัดสรรนำผลผลิตคุณภาพสู่ผู้บริโภค

            ทั้งนี้ก่อนหน้ากรมส่งเสริมสหกรณ์ มีโครงการแก้ปัญหาระยะสั้นในช่วงราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ โดยการสนับสนุนให้มีการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรภายในเครือข่ายสหกรณ์ด้วยกัน เช่น สหกรณ์การเกษตรที่ขายข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับสหกรณ์ที่จำหน่ายผลไม้ในภาคใต้ เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือโครงการแลกผลไม้กับข้าว                    เช่น สหกรณ์ในจังหวัดพะเยาและพิจิตร แลกข้าวกับมะม่วง สหกรณ์ในจังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ด แลกข้าวกับผลไม้                กับสหกรณ์ในภาคใต้ เป็นต้น  ช่วยกระตุ้นราคาสินค้าในพื้นที่ให้สูงขึ้น

 

  ผลจากการแลกเปลี่ยนระหว่างข้าวและผลไม้ ปริมาณกว่า 1,221.33 ตัน มูลค่ากว่า 33 ล้านบาท สามารถดูดซับปริมาณและพยุงราคาผลผลิตของเกษตรกรผู้ผลิต   ไม่ให้ตกต่ำ ผู้บริโภคปลายทางได้บริโภคผลไม้ที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้จำหน่ายและผู้บริโภค

 

            ผลจากการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบัน ปริมาณผลผลิตมังคุดและเงาะของสมาชิกสหกรณ์และ                กลุ่มเกษตรกรในภาคใต้ ผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วกว่า 60 % ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด และคาดว่าปริมาณผลผลิตเงาะจะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ในส่วนของปริมาณผลผลิตมังคุดของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ยังคงเหลือปริมาณผลผลิตที่ต้องเก็บเกี่ยวอีกจำนวน 40 % คาดว่าจะสามารถจำหน่ายผลผลิตได้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งราคารับซื้อผลผลิตมังคุด ปรับตัวสู่ขึ้น จากช่วงเดือนกรกฎาคม ราคาอยู่ที่ 7-10 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 23 – 47 บาท ต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับขนาดของมังคุด ทำให้สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรในพื้นที่มีความพึงพอใจที่สามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เพิ่มสูงขึ้น
#2837



เพราะคนเรามีสภาพผิวแตกต่างกันไป การเลือกใช้ครีมบำรุงผิวแต่ละชิ้นจึงต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรผสมที่ลงตัวเหมาะสมกับสภาพผิวพรรณของตนเอง 

"Ultra Facial Oil-Free Gel Cream" มอยส์เจอร์ไรเซอร์ทาหน้า ขึ้นชื่อเรื่องสามารถช่วยควบคุมความมัน สูตร Fresh Hydration ที่เหมาะสำหรับผู้มีผิวธรรมดาไปจนถึงผู้มีปัญหาผิวหน้ามันที่ต้องการครีมบำรุงสูตรล้ำลึกที่ไม่เพิ่มความมันหรือทำให้ใบหน้าเหนียวเหนอะหนะระหว่างวัน

รู้จักเจลครีมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ผ่านส่วนผสมสำคัญ 
เจลครีมจาก Kiehl's กระปุกนี้ประกอบด้วยส่วนผสมสำคัญหลายชนิดที่มีคุณสมบัติเพื่อการบำรุงผิวหน้าและคุมความมันโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนผสมหลักที่ต้องหยิบยกมาพูดถึงนั้นได้แก่ "สารสกัดจากกลัยโคโปรตีน" (Glacial Glycoprotein) เป็นโปรตีนที่พบได้ในเกลเซียร์หรือธารน้ำแข็งในทะเล (sea glacier) มีประสิทธิภาพช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ชั้นผิว มีส่วนประกอบจาก"สารสกัดหญ้าคา" (Imperata Cylindrica Root Extract) ช่วยควบคุมไม่ให้ผิวหน้าแห้งหรือมันจนเกินไป มี "อะมิโนแอซิดขนาดเล็ก" (Micronized Amino Acid) ช่วยลดน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าพร้อมมอบความรู้สึกเย็นสบายแสนสดชื่นให้แก่ผู้ใช้ได้ทันทีหลังทาเนื้อเจลลงบนผิว

ผลลัพธ์และประสิทธิภาพของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ 
หลังการใช้เป็นประจำติดต่อกัน คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยเจลครีมช่วยเสริมน้ำมาหล่อเลี้ยงผิวได้มากขึ้น ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้นกว่าเดิม ลดปัญหาผิวหน้าแห้งซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาหน้ามัน แม้ใช้ในช่วงกลางวัน หรือก่อนแต่งหน้าก็ไม่ได้ทิ้งความมันเยิ้มไว้ให้เป็นปัญหา หรือต้องคอยใช้กระดาษซับมันซับความมันส่วนเกินออกไป 

ทั้งนี้จากผลการทดสอบความพึงพอใจในผู้ใช้จริงพบว่า 95% รู้สึกว่าผิวดูมีความชุ่มชื้นมากขึ้น และกว่า 98% รู้สึกได้ว่าผิวมีความสมดุลโดยไม่มันหรือแห้งจนเกินไป

เนื้อเจลซึมซาบไว อ่อนโยนต่อผู้แพ้ง่าย
เนื่องจากปราศจากส่วนผสมของน้ำมัน และไม่มีพาราเบน รวมถึงวัตถุกันเสีย เมื่อทา Kiehl's Moisturizer ลงบนผิว เนื้อครีมจะซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างฉับไวไม่เหลือทิ้งไว้เป็นความมันเหนียวเหนอะหนะ นอกจากนี้ยังไม่มีการผสมน้ำหอม ทำให้ไม่อุดตันรูขุมขน และผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้มีผิวแพ้ง่ายสามารถเลือกใช้ได้

วิธีการใช้ — เกลี่ยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ทาหน้าให้ทั่วผิวหน้าที่ผ่านการทำความสะอาดและปรับสภาพแล้วในตอนเช้าและค่ำ หมั่นใช้เป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น 
 
#2838





SHIPPOP สาขาตะลุโบะ จ.ปัตตานี
ร้านรับส่งพัสดุด่วน
ที่รวบรวมขนส่งชั้นนำ พร้อมให้บริการ

ไปรษณีย์ไทย
Flash Express
CJ Logistics
Ninja Van
SCG Express
 Best Express
 J&T Express

#Flashhome #แฟลช #แฟลชโฮม #shippop #ชิ๊ปป๊อบ
#BEST #ส่งของ #ส่งพัสดุ #BESTEXPRESSTHAILAND #BESTEXPRESS #BESTFSCENTER #แพ็กพัสดุ #เคล็ดลับแพ็กพัสดุ #แพ็กพัสดุมือโปร
#NinjaVanThailand #NinjaVan #นินจาแวนส่งเร็วทันใจทั่วประเทศ
#ส่งวันถัดไป #นินจาแวนเข้ารับพัสดุฟรี #นินจาแวน #นินจาแวนส่งทั่วไทย
#นินจาแวนรับพัสดุทั่วไทย

ส่งของไปต่างประเทศได้แล้ววันนี้

Namyong Worldwide Express
#ส่งพัสดุไปต่างประเทศ #ส่งพัสดุด่วนไปต่างประเทศ #ส่งของไปต่างประเทศ

ใช้บริการได้แล้วที่ร้านรับฝากส่งพัสดุ
ใกล้บ้านคุณได้เเล้ววันนี้

แผนที่ร้านครับ
https://g.page/shippop-pn?share

facebookร้าน
https://www.facebook.com/shippop.pn

เข้ามาใช้บริการได้ครับ
โทร 093-6515445ปัตตานี pattani ชิ๊ปป๊อบ shippop flash best dhl ตะลุโบะ
#2839


บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEL) ฟื้นชัด! ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 กำไรสุทธิพุ่งแตะ 20.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.15% จากงวดเดียวกันปีก่อน อานิสงส์ควบคุมต้นทุนได้ดีหลังปรับโครงสร้างองค์กร ฟากซีอีโอ "ธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์" ระบุแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง เน้นกลยุทธ์ควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้กว่า 2,900 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้ยาวถึงปีหน้า มั่นใจช่วยผลักดันผลงานปีนี้เทิร์นอะราวนด์ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ได้แน่นอน

นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.15% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุนเท่ากับ 51.65 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีผลขาดทุนเท่ากับ 102.16 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการบริษัทฯ มีกำไรพิเศษ รวมถึงการควบคุมต้นทุนสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และระบบการควบคุมงบประมาณที่ดี ส่งผลให้เกิดต้นทุนต่อหน่วยลดลง ขณะที่การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรสามารถควบคุมค่าใช้จ่าย และการบริหารให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

"การดำเนินธุรกิจในครึ่งแรกของปี 2564 มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และสามารถมีกำไรเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อน แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากภายหลังจากการปรับโครงสร้างองค์กร ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิต และต้นทุนค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเริ่มรับรู้ผลกำไรจากการลงทุนของบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จากมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ของภาครัฐที่มีคำสั่งให้หยุดการก่อสร้าง ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าน่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง Q4/2564 เนื่องจากปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) อยู่แล้วกว่า 2,900 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2565 ทำให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2565 จะสามารถฟื้นเทิร์นอะราวนด์ได้อย่างชัดเจน จากปริมาณงานในมือกว่า 2,900 ล้านบาท และโดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะทำให้ในส่วนของโครงการภาครัฐ และเอกชนจะกลับมาขยายการลงทุนได้อีกครั้ง
#2840


โอกาสรอดของผู้ป่วยมะเร็ง นักวิจัยจากจุฬาฯ พิสูจน์พบว่า "สูตรตำรับยาสมุนไพรที่มี "เห็ดกระถินพิมาน ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้" สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด Estrogen receptor positive ได้เป็นอย่างดี หวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา และพัฒนาเป็นยาเพื่อใช้สำหรับผู้ป่วยมะเร็งต่อไป

รศ.ดร.ปฐมวดี ญาณทัศนีย์จิต ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ หัวหน้าโครงการวิจัยสารสกัดจากเห็ดกระถินพิมานที่มีสรรพคุณใช้รักษาโรคมะเร็ง เผยว่า การวิจัยนี้เป็นความร่วมมือระหว่างนักวิจัยจากจุฬาฯ กับภาคเอกชน โดยบริษัท เนเจอร์ เฮิร์บ อินเตอร์เนชั่นแนลโฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท เฮิร์บ ฟอร์ ยู จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทมีสูตรตำรับยาสมุนไพรที่มีเห็ดกระถินพิมาน ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ และตัวยาอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ผลการวิจัยตลอด

1 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าสารสกัดจากสูตรตำรับนี้มีฤทธิ์ยับยั้งและส่งผลต่อการตายของเซลล์มะเร็งปากมดลูกชนิดที่ไม่พบการติดเชื้อ human papillomavirus (HPV) ได้ ต่อมาทีมวิจัยของจุฬาฯ ได้มีการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อจะหาฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งชนิดอื่นๆ ด้วย โดยล่าสุดทางทีมวิจัยได้ใช้สารสกัดจากสูตรตำรับนี้ในเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด estrogen receptor positive ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งเต้านมในปัจจุบัน จากผลการวิจัยพบว่าตำรับยาสมุนไพรที่มีเห็ดกระถินพิมาน ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ และตัวยาอื่นๆ เป็นองค์ประกอบ ซึ่งเป็นสูตรตำรับที่ได้มีการจำหน่ายในปัจจุบัน สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นข่าวดีอีกหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยมะเร็งและแนวทางในการรักษาด้วยสมุนไพรไทยอีกด้วย

รศ.ดร.ปฐมวดี ญาณทัศนีย์จิต กล่าวตอนท้ายว่า ปัจจุบัน ทีมนักวิจัยกำลังศึกษาค้นคว้าในเซลล์มะเร็งชนิดอื่นเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าสูตรตำรับยาชนิดนี้สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดในหลอดทดลอง พร้อมที่จะนำไปสู่การวิจัยในสัตว์ทดลอง และการวิจัยทางคลินิก เพื่อให้ผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นต่อสูตรตำรับยาที่จะนำมาใช้เป็นทางเลือกในการรักษามะเร็งต่อไป