• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Beer625

#2861


นายเศรษฐา  ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้เป็นอุบัติการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ทาง โดยเฉพาะการพังทลายของระบบเศรษฐกิจการค้าที่ยังหาจุดจบไม่ได้ และดูเหมือนทุกคนจะโดนผลกระทบเหมือนๆ กัน ซึ่งหากวิเคราะห์ จากตัวเลขสถิติต่างๆ ให้ดี สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือช่องว่างทางด้าน "ความมั่งคั่ง" ระหว่าง "คนมี" กับ "คนไม่มี" กำลังขยายตัวกว้างขึ้นอย่างน่ากลัวและจะเป็นการปรับฐานสมดุลย์ทางด้านความมั่งคั่งที่ทำให้โอกาสเกิดความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ยากมาก อย่างไรก็ดี ทุกประเทศมีวิธีแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน ผ่านนโยบายอัดเงินเข้าระบบ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย การแจกเงิน การลดภาษี ผ่อนปรนหนี้ ฯลฯ แต่มาตรการเหล่านี้ไม่ใช่คำตอบที่ส่งผลให้เกิดความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ หรือช่วยลดช่องว่างทางด้านความมั่งคั่งลงได้


 ยกตัวอย่าง  สหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการออก American Rescue Plan Act ซึ่งนับเป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดยักษ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งการออกมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจที่เรียกว่า CARES Act มากว่า 2.2 ล้านล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว ผลที่ตามมาและเกิดขึ้น คือกลายเป็นการช่วยทวีคูณความมั่งคั่งให้คนรวย 1% ที่อยู่ด้านบนของปิรามิดประชากรเป็นมูลค่าถึงกว่า 4.8 ล้านล้านเหรียญเลยทีเดียว ในขณะที่คน 80% ที่อยู่ด้านล่างฐานปิรามิดต้องแบ่งความมั่งคั่งมูลค่าแค่ 12,000 ล้านเหรียญเท่านั้น 


"สำหรับในประเทศไทย วิกฤติโควิดในไทยครั้งนี้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของเศรษฐกิจ-สังคม ในสัดส่วนที่ "ห่าง" ออกจากกันเยอะขึ้น ดังนั้น ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจสังคม ที่เกิดขึ้นหลังโควิด จึงเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะจะทำให้ความเท่าเทียมยิ่งถูกลิดรอน คนรวยรวยขึ้น คนจนจนลง อย่างไรก็ดี วิกฤติโควิดฟื้นได้ หากมีวัคซีนที่ดีทั่วถึงโดยเร็วที่สุด คนป่วยได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมและรวดเร็วเพื่อลดการเสียชีวิต ขณะที่การพยุงเศรษฐกิจในขณะนี้ ภาครัฐควรมีการจัดกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิดและขาดรายได้ ควบคู่ไปกับการพักชำระหนี้" นายเศรษฐา กล่าว  

อย่างไรก็ตาม แสนสิริภายใต้การมองตลาดเร็วและความพร้อมในการปรับแผนรองรับในทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์โควิด- 19 ด้วยรายได้สูงสุดในกลุ่มตลาดอสังหาฯ และยอดโอนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา และยอดขาย-ยอดโอนในปีนี้เกินเป้าหมายในรอบครึ่งปีและมี Secured Revenue เกินกว่า 83% ของเป้ารายได้ในปีนี้ในระยะเวลาเพียง 7 เดือน ทำให้แสนสิริมีกำลังที่จะแบ่งปันสังคมในด้านต่างๆ 


ทั้งนี้ แสนสิริขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศไทยด้วยการใช้งบ 100 ล้านบาทเพื่อผลักดัน "วัคซีนทั่วถึง – รักษาเท่าเทียม - พยุงคนลำบาก"  เพราะแสนสิริจะไม่ทอดทิ้งใคร เพื่อให้สังคมก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปด้วยกัน เพราะการสร้างสังคมที่ดี สร้างชีวิตที่ดีสำหรับแสนสิริ เราหมายถึง "ทุกคน" #แสนสิริไม่ทอดทิ้งใคร พร้อมยืนยันมุ่งมั่นช่วยเหลือ 4 เสาสังคมอย่างเต็มที่และดูแลทุกกลุ่มไม่ทอดทิ้งใคร เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อประเทศและเศรษฐกิจไทยเราจะผ่านพ้นไปด้วยกันได้  


ผู้ถือหุ้น – สร้างความแข็งแกร่งทางการการเงิน โตสวนกระแสแม้ในภาวะวิกฤติ

ลูกบ้าน – ออกมาตรการขานรับ Home Isolation มุ่งช่วยเหลือลูกบ้านผู้รักษาแบบกักตัวที่บ้านสูงสุด และ Community Isolation เพื่อความอุ่นใจปลอดภัยของทั้งโครงการ และปลูกฟ้าทะลายโจรจำนวน 100,000 ต้นไว้รองรับ

พนักงาน-คู่ค้า – จัดตั้งกองทุน Sansiri Relief Fund, จัดหาวัคซีนครอบคลุมพนักงานทุกคน

สังคม – มุ่งเน้นสังคมมากขึ้นในปีนี้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยคนจนที่ช่องว่างทางสังคมเริ่มห่างออกไป เพื่อให้ภาคใหญ่ของประเทศผ่านวิกฤติไปด้วยกัน เช่น ร่วมสร้างโรงพยาบาลสนาม, ช่วยแคมป์คนงาน, ช่วยเหลือเกษตรกร, ช่วยช้างไทย ฯลฯ


โดยเฉพาะในด้านสังคม แสนสิริเดินหน้าสุดตัวบริจาคและสร้างโรงพยาบาลสนาม บริจาคภาครัฐให้คนเข้าถึงวัคซีนทั่วถึงและเท่าเทียม และช่วยเกษตรกรคนยากไร้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน ด้วยการบริจาคเงินรวม 4 ล้านบาทให้ศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อ ร่วมปูพรมฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มแก่พนักงาน-คู่ค้า-สังคม  ภายใต้กลยุทธ์ "แสนสิริและสังคม...คนละครึ่ง" 50% ของวัคซีนให้แก่พนักงานและครอบครัว ส่วนอีก 50% สู่คู่ค้า พันธมิตร และสังคม รวมทั้งจัดซื้อโมเดอร์นาเข็มที่ 3 ให้กับพนักงานรวม 6,000 คน 


ลดความเหลื่อมล้ำในการรักษาโควิด ด้วยการร่วมสร้างโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เช่น เร่งสร้างห้อง ICU ที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เสร็จภายใน 1 อาทิตย์ และกำลังเดินหน้าสร้างห้อง ICU เพิ่ม สร้างห้องอาบน้ำสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 มูลค่า 8 ล้านบาท และสร้างห้องอาบน้ำให้กับแพทย์และพยาบาล 40 ห้อง รวมทั้งยังบริจาคให้แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการรักษาและควบคุมการระบาดสม่ำเสมอ เช่น บริจาคเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือทางการแพทย์ 8 ล้านบาทแก่กระทรวงสาธารณสุข, บริจาครถตรวจโควิด ฯลฯ


ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ด้วยการช่วยสนับสนุนสินค้าเกษตรจากเกษตรกรทั่วประเทศ และทำแคมเปญช่วยเหลือ SME และซื้อของจาก SME ในธุรกิจก่อสร้างมากขึ้น ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน อุดหนุนร้านค้ารายย่อยในชุมชน และดูแลชุมชนรอบโครงการ ตลอดจนดูแลแคมป์คนงานก่อสร้างอย่างเต็มที่ 


"ตอนนี้เป็นวาระแห่งชาติที่ทุกคนต้องช่วยกัน แสนสิริเชื่อมั่นว่า ควรยับยั้งความเหลื่อมล้ำที่จะเกิดขึ้น เพื่อสังคมจะฟื้นตัวอย่างอย่างยั่งยืน และอยากให้บริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ทุกแห่งมาช่วยกัน เพื่อประเทศไทยเราจะได้ฟื้นตัวและข้ามวิกฤติได้ โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้แม้แต่คนเดียว "No One Left Behind" นายเศรษฐา กล่าว 

เศรษฐกิจไทยควรเดินต่ออย่างไร โดยไม่ทอดทิ้งใคร


"ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าวัคซีน ที่ต้องมีเพียงพอ จัดหาอย่างรวดเร็ว และการกระจายอย่างเสมอภาค รัฐบาลควรเตรียมวัคซีนช็อตที่ 3 เพื่อสร้างภูมิจากการรุกหนักของโควิดในรอบนี้ นอกจากนี้ต้องไม่ลืมมองข้ามช็อตไปถึงวัคซีนปีหน้าและปีถัดๆ ไปที่เราต้องเตรียมตัวเอาไว้ด้วย  เพราะโควิดจะเหมือนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องฉีดวัคซีนทุกปี เรามีบทเรียนในปีนี้แล้ว ดังนั้น ในปีหน้าต้องประเมินปริมาณวัคซีนให้ดี ควรต้องสั่งเผื่อล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เท่าของจำนวนประชากร สำหรับตัวเลข 2 แสนล้านสำหรับค่าวัคซีนถึงแม้จะดูจำนวนมาก แต่อยากให้ภาครัฐ "ลงทุนกับสวัสดิภาพและความมั่นใจของประชาชนในระยะยาว" นายเศรษฐา กล่าว

สำหรับภาพเศรษฐกิจไทย ธนาคารโลกได้วิเคราะห์ไว้ว่า วิกฤติโควิดครั้งนี้ทำให้คนจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 1.5 ล้านคน ซึ่งภาครัฐควรถือโอกาส "ยกการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นวาระแห่งชาติ" นอกจากนี้ แนวทาง "ทำอย่างไรให้ประเทศไทยฟื้นตัวเร็ว" มีมุมมองในด้านต่างๆ ดังนี้ 


"ควรเตรียมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่" เพราะแผนลงทุนโครงสร้างขนาดใหญ่กระตุ้นให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างและการจ้างงานปริมาณมหาศาลตามมา ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐต้องหาเงินมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มโดยเฉพาะ SME และธุรกิจท่องเที่ยว ผ่านการกู้เพิ่มและเก็บภาษีมรดกคนรวย ยกตัวอย่างที่ยุโรป สหรัฐอเมริกาออกแผนงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเรียบร้อยแล้ว โดย ประธานาธิบดี สหรัฐฯ โจ ไบเดน เปิดตัวแผนลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของสหรัฐฯ มูลค่ารวม 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่างบที่ใช้ช่วงวิกฤติเมื่อสิบกว่าปีก่อนถึง 4 เท่า ขณะที่ทางรัฐสภายุโรปก็เพิ่งอนุมัติงบประมาณ 3 หมื่นล้านยูโร ในการสนับสนุนโครงการด้านการขนส่ง ดิจิทัล และพลังงานจนถึงปี 2570 


ในประเทศไทย หากต้องลงทุนเพิ่มก็ต้องมีเงินทุน แหล่งเงินอย่างแรกที่รัฐบาลต้องพิจารณาก็คือ "การกู้" ที่ได้รับความเห็นชอบให้กู้เงินเพิ่มเป็น 1.5 ล้านล้านบาทแล้ว ควรต้องเดินหน้าเร่งกู้เงินเพื่อเตรียมใช้ในการลงทุน เพราะไทยต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่เร่งกู้เพื่อฟื้นฟูประเทศเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ รัฐบาลควรต้องขอขยายสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 60% เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่มีการปรับอัตราสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงขึ้นแล้ว จากการที่ทุกประเทศต้องการเงินกู้เพื่ออัดฉีดเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมในประเทศของตัวเองเช่นกัน หากไทยไม่เร่งกู้ เงินในระบบจะถูกดูดไปหมดก่อน คล้ายกับกรณีวัคซีนที่จะหาทีหลังก็หาไม่ได้แล้ว 
ควรมีการปรับโครงสร้างการเก็บภาษี เพราะเป็นแหล่งรายได้ของรัฐ ที่จะถูกนำมา ใช้ในการชำระหนี้และดำเนินการบริหารโครงการต่างๆ ของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการเสนอแนะให้ปรับภาษีความมั่งคั่ง ที่ควรมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มจากผู้ที่มั่งคั่งกว่าในรูปแบบต่างๆ ให้เกิดภาวะการเงินที่สมดุลของประเทศ 


การพยุงราคาสินค้าและประกันราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และอ้อย รัฐบาลต้องช่วยรับภาระในการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรกลับไปสร้างผลิตผลทางการเกษตร แทนที่จะรอเงินช่วยเหลืออย่างเดียวและประชาชนจะได้พอเลี้ยงตัวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปได้
ควรเร่งแก้ปัญหาการบินไทยและพยุงสายการบินอื่นๆ ด้วย เพราะ GDP ไทย พึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสูงมาก ดังนั้นต้องเร่งแก้ปัญหาการบินไทยให้จบ และต้องใช้โอกาสนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ปรับองค์กรให้จบ และโปร่งใส เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ไทยจะได้มีสายการบินหลักที่มีประสิทธิภาพที่จะนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยได้ 


มีมาตรการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ การลงทุนจากต่างชาติอั้นมาพอสมควรจากสถานการณ์ 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ปริมาณการลงทุนจะดีดตัวขึ้นแน่นอน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนนี้ไทยเริ่มโดนสิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซียทิ้งห่างไปเยอะ มาตรการดึงดูดการลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษีหรือสิทธิประโยชน์ที่ต้องตอบโจทย์บริษัทที่จะเข้ามาลงทุนก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลต้องรีบจัดการและประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจน 


การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาสู่ระบบการเมืองในสายตาประชาชน ไม่ว่าจะมีการปรับแก้ไขรายมาตราหรือจะแก้ทั้งฉบับก็ต้องหาทางออกให้ได้ เพราะเศรษฐกิจและการเมืองแยกกันไม่ขาด ถ้าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาแต่องค์ประกอบทางการเมืองยังเป็นชนวนของความขัดแย้งอยู่ ประชาชนก็จะไม่มีความมั่นใจ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็จะชะลอไปด้วย
#2862


แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม "ไมซ์" (MICE : การจัดประชุม ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ในปัจจุบัน แต่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ "ทีเส็บ" ยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการ "MICE Winnovation" ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการไมซ์นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ ยกระดับการจัดงานไมซ์ในภาวะวิกฤติ

จารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่าย MICE Intelligence และนวัตกรรม ทีเส็บ กล่าวว่า นวัตกรรมและเทคโนโลยีได้กลายเป็นเครื่องมือจำเป็นที่ช่วยผู้ประกอบการไมซ์ดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น! เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และได้คิดค้นเทคโนโลยีรองรับงานไมซ์ในยุควิถีปกติใหม่แล้ว ยังช่วยขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกอีกด้วย

"ประเทศไทยมีแหล่งจัดงานไมซ์หรือศูนย์แสดงสินค้าอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสร้าง S-Curve ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ด้วย ซึ่งสอดรับกับการจัดงานอีเวนท์ในช่วงที่โควิด-19 ยังระบาด เทรนด์การจัดงานในปีนี้จะเป็นแบบเสมือนจริงหรือไฮบริด (Virtual and Hybrid Event) มากขึ้น ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย การปฏิบัติการเพื่อลดการสัมผัส การบริหารจัดการฝูงชนผู้เข้าร่วมงานเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม และหันมาจัดงานนอกสถานที่ (Outdoor Activities) มากขึ้น"

โดยในช่วงที่ผ่านมาทีเส็บได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น "BizConnect" สำหรับการจัดงานอีเวนท์และงานแสดงสินค้าเพื่อตอบโจทย์งานไมซ์ในยุคดิจิทัล รวบรวมงานไมซ์ 78 งาน มีผู้ใช้งาน 24,571 ราย และสร้างการรับรู้กว่า 48,300 ราย นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม "Thai MICE Connect.com" มาร์เก็ตเพลสธุรกิจไมซ์เชื่อมโยงผู้ซื้อผู้ขายทั้งในตลาดไทยและตลาดโลก โดยจากการรวบรวมข้อมูลล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2563-14 พ.ค.2564 ซึ่งโควิด-19 ยังระบาด พบว่ามีธุรกิจไมซ์กว่า 10,201 ราย มีผู้เข้าชมแพลตฟอร์ม 603,656 ราย, เกิดปฏิสัมพันธ์ (Engagements) 112,930 ครั้ง และมีผู้ใช้งานใหม่ 129,851 ราย

"เมื่อมีการนำแพลตฟอร์มมาใช้เพื่อตอบโจทย์การเจรจาธุรกิจแบบ B2B ยังสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของผู้เข้าร่วมงานไมซ์ทั้งก่อน-ระหว่าง-หลังเข้าชมงานได้ โดยเฉพาะระหว่างเข้าชมงานแสดงสินค้าว่าผู้เข้าร่วมงานสนใจดูข้อมูลสินค้าตัวไหนแบบซ้ำๆ บนแพลตฟอร์ม เพื่อนำไปสู่การปิดดีลซื้อสินค้าให้ได้ภายใน 3-6 เดือนหลังการจัดงาน เมื่อขายของได้ คนขายก็กลับมาใช้งานแพลตฟอร์มมากขึ้น นับเป็นการสร้างประสบการณ์มากกว่าการจับคู่เจรจาธุรกิจทั่วไป"

จารุวรรณ เล่าเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการ "MICE Winnovation" เป็นการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สนับสนุนให้การจัดงานไมซ์เดินหน้าต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และเตรียมความพร้อมรองรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต!

ผลการดำเนินโครงการฯระหว่างเดือน มี.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมา มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไมซ์และผู้ให้บริการนวัตกรรมด้านไมซ์มากถึง 152 คู่ นำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ รองรับการจัดงานไมซ์ร่วมกัน มีการจับคู่ขอรับการสนับสนุนจากทีเส็บจำนวน 35 งาน โดยมีงานที่ผ่านการพิจารณาได้รับการสนับสนุนแล้วทั้งสิ้น 18 งาน แบ่งเป็นการสนับสนุนเทคโนโลยีการจัดงานแบบเสมือนจริงหรือไฮบริด จำนวน 15 งาน และเป็นการสนับสนุนเทคโนโลยีบริหารจัดการผู้เข้าร่วมงาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ จำนวน 3 งาน

ปัจจุบันมีงานที่จัดไปแล้ว 2 งาน คือ งานประชุมใหญ่ "ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย" ครั้งที่ 55 ระหว่างวันที่ 7-9 พ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานออนไลน์จากทั่วประเทศ 2,318 คน และงาน "Bangkok Projection Mapping Competition 2021" (BPMC 2021) ซึ่งเป็นงานประกวดออกแบบสื่อภาพเคลื่อนไหว ระหว่างวันที่ 12-20 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ชมงานผ่านไลฟ์สตรีมมิ่งบนเฟซบุ๊กร่วม 20,000 ราย ส่วนงานที่เหลือมีกำหนดทยอยจัดในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564

"ผลตอบรับโครงการนี้ถือว่าดีมาก เป็นไปตามที่ทีเส็บต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้จัดงานได้จริง ตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้ตรงใจ และเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสามารถในการดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการไมซ์แล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจแก่กลุ่มผู้ให้บริการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของไทย ทั้งยังเป็นการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยเสริมสร้างศักยภาพยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในระดับนานาชาติอีกด้วย"

ขณะเดียวกันโครงการ MICE Winnovation ยังได้มีการพัฒนา "MICE Innovation Catalog" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลผู้ให้บริการนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมไมซ์ และเป็นพื้นที่ทางการตลาดให้ผู้ประกอบการไมซ์เฟ้นหาคู่ค้า มีการจัดแบ่งหมวดหมู่นวัตกรรมไมซ์ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเริ่มงานจนจบงาน ซึ่งทีเส็บและพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและสมาคมในอุตสาหกรรมไมซ์ได้ร่วมพิจารณาคัดเลือกนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เหมาะสมนำมาบรรจุไว้ใน MICE Innovation Catalog เป็นประจำทุกเดือน เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ผู้ประกอบการไมซ์สามารถเลือกใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันบนแพลตฟอร์มมีนวัตกรรมด้านไมซ์ที่พร้อมให้บริการกว่า 70 นวัตกรรม จาก 50 บริษัท
#2863


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 106.66 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 35,101.85 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 4.17 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 4,432.35 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 24.41 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 14,860.18 จุด

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อวันศุกร์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ดีเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ท่ามกลางการทรุดตัวของราคาน้ำมัน หลังจากที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้นานาชาติยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน ขณะที่ภาวะโลกร้อนกำลังใกล้เข้าสู่ระดับวิกฤต

ทั้งนี้ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็นเรียกร้องให้นานาชาติยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน รวมทั้งพลังงานอื่นๆที่ปล่อยมลพิษในระดับสูงโดยทันที หลังจากที่รายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ระบุว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศในขณะนี้สูงพอที่จะส่งผลเสียต่อสภาพภูมิอากาศไปอีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีข้างหน้า

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธ และเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันพฤหัสบดี

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี

นักลงทุนกังวลว่า หากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณในการกล่าวถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอีภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

คำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ระบุว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.
#2864
บ้านเดี่ยวหรูหลังใหญ่พุทธมณฑลสาย1  ขายคาซ่าแกรนด์สาย1 แปลงมุมหน้าสวนหน้าสโมสร 2 หลังติดกัน ในหมู่บ้านดีบรรยากาศแบบตะวันตก  ขายบ้านเดี่ยวหรูพุทธมณฑลสาย1  Build-in ทั้งหลัง บ้านเดี่ยว2หลัง เนื้อที่156 ตรว


ขายบ้านเดี่ยวหรูคาซ่าแกรนด์สาย1 บ้านเดี่ยวหรูหลังใหญ่
ขายคาซ่าแกรนด์สาย1แปลงมุมทั้งสองหลัง หลังบ้านติดกัน รวม 7 ห้องนอน 8 ห้องน้ำ จอดรถในร่มรวม 5 คัน ลงเสาเข็มเพิ่มเติม ตกแต่ง Build-in ทั้งหลัง พร้อมห้องเก็บเสียง 1 ห้อง พื้นที่ใช้สอยรวม 560 ตรม ที่ดินรวม 156 ตรว ราคาสองหลังคู่ 34.5 ล้าน


บ้านเดี่ยวสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณูปโภคระดับรีสอร์ทหรู
CASA GRAND Phetkasem Sai1 ขายบ้านเดี่ยวหรูพุทธมณฑลสาย1
สิ่งอำนวยความสะดวก ฟิตเนสคลับเฮาส์ สระว่ายนํ้า 
สิ่งอำนวยความสะดวก ฟิตเนสคลับเฮาส์ สระว่ายนํ้า
– สวนสาธารณะส่วนรวม พร้อมลู่วิ่ง
– คลับเฮาส์,
– สระว่ายน้ำ (พร้อมะสระเด็ก),
– ฟิตเนส,
– ระบบ รปภ24ชม
-ระบบCCTV,


สถานที่ใกล้เคียง
-ใกล้เดอะมอลล์บางแค
-ใกล้โลตัสบางแค
-รพ.พญาไท3
-รพ.เกษมราษฎร์ บางแค
-มหาวิทยาลัยสยาม
-รร.อนุบาลแด่นหล้า


ทำเลที่ตั้ง
คาซ่าแกรนด์เพชรเกษมสาย1 CASA GRAND Phetkasem Sai1
ทำเล บางแค, ตลิ่งชัน, ทวีวัฒนา, ภาษีเจริญ
ขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า MRT ส่วนต่อขยาย (รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน)
ที่ตั้ง ถนนพุทธมณฑลสาย 1 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

ขายบ้านเดี่ยวสองหลังคู่ 34.5 ล้าน สนใจ คุณไป๊ป์ 0867779444

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://asungha987.com/?p=3062

คำค้น
บ้านเดี่ยวคาซ่าแกรนด์สาย1, ขายบ้านเดี่ยวหรูคาซ่าแกรนด์สาย1, ขายบ้านหรูพุทธมณฑลสาย1สาธารณูปโภคระดับรีสอร์ทหรู, ขายบ้านเดี่ยวหรูพุทธมณฑลสาย1
 
#2865


จากกรณีที่ประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีน "ไฟเซอร์" จากประเทศสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส โดยได้จัดส่งถึงประเทศไทย พร้อมกับให้ดำเนินการจัดสรรให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศนั้น  

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า เวลา 14.00 น. ณ สำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นรับมอบ "วัคซีนไฟเซอร์" ล็อตแรก 9,840 โดส โดยกองโรคติดต่อทั่วไปจัดส่งวัคซีนโควิด 19 ไฟเซอร์ รอบต้นเดือนสิงหาคม 2564 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อลดการป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิต และปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ



โดยมอบหมายให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาเร่งรัดการให้วัคซีนกับกลุ่มเป้าหมาย ภายในอาทิตย์ นี้ เบื้องต้นมีบุคลากรด่านหน้าแจ้งความประสงค์ ฉีด 17,000 คน แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

ประเภทที่ 1


บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทุกคนที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิด 19 จากการปฏิบัติงานทั่วประเทศ รวมทั้งนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิดจากการปฏิบัติงาน เช่น แผนกผู้ป่วยนอก แผนกผู้ป่วยใน คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉิน แผนกผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลสนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน หรือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 อื่นๆ ตามการพิจารณาของสถานพยาบาล/หน่วยงานต้นสังกัด 


โดยมีหลักการให้วัคซีน ดังนี้

1.1 บุคลากรที่ได้รับวัคซีน Sinovac หรือ Sinopharm ครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 1 เดือนพิจารณาให้วัคซีน Pfizer กระตุ้น 1 เข็ม 
1.2 บุคลากรที่ได้รับวัคซีนใดๆ มาแล้วเพียง 1 เข็ม พิจารณาให้วัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่ 2 โดยกำหนดระยะห่างระหว่างโดส ตามชนิดของวัคซีนเข็มที่ 1 เป็นหลัก
1.3 บุคลากรที่เคยติดเชื้อโควิด 19 และไม่เคยได้รับวัคซีน พิจารณาให้วัคซีน Pfizer 1 เข็ม โดยมีระยะห่างจากวันที่พบการติดเชื้ออย่างน้อย 1 เดือน
ประเภทที่ 2

บุคลากรที่ไม่เคยได้วัคซีนใดๆ มาก่อน พิจารณาให้วัคซีน Pfizer 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ทั้งนี้เนื่องจากวัคซีนจะเก็บอยู่ในอุณหภูมิ  2 -  8 องศาเซลเซียส ได้เพียง 1 เดือน ดังนั้น กองโรคติดต่อทั่วไป  จะส่งวัคซีน Pfizer สำหรับผู้รับวัคซีนเข็ม 2 ในกลุ่มเป้าหมายประเภท 2 ประมาณกลางเดือนสิงหาคม 2564  และหากจังหวัดได้ตรวจสอบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณสมบัติตามกลุ่มเป้าหมายประเภทที่ 1  และ 2 เพิ่มเติมสามารถแจ้งขอรับการสนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติมได้ที่กรมควบคุมโรค


ต่อมา วานนี้ (7 ส.ค.) องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ได้ออกแถลงการณ์เรื่องการขอวัคซีน "ไฟเซอร์" ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโรงพยาบาลขอนแก่น ความว่า ตามที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส และจะมีการจัดสรรให้กับบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ

โรงพยาบาลขอนแก่นนับเป็นโรงพยาบาลหลักในการดูแลผู้ป่วยโควิดทุกความรุนแรงของจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่ผู้ป่วยคลัสเตอร์ฟันน้ำนม คลัสเตอร์แรงงาน คลัสเตอร์เรือนจำและทัณฑสถาน ไปจนถึงผู้ป่วยหนักอาการวิกฤตสำหรับโควต้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์มีบุคลากรทางการแพทย์ลงชื่อรับวัคซีนไฟเซอร์เป็นจํานวน 1,400 คน แต่โรงพยาบาลขอนแก่นกลับได้รับการจัดสรรวัคซีนเป็นจำนวนเพียง 700 โดสเท่านั้น ทั้งที่เป็นการขอตรงตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกประการองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นจึงขอเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอต่อจำนวนบุคลากรด้านหน้าของโรงพยาบาลขอนแก่นเพื่อเป็นการปกป้องชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุ่มเทรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถมาโดยตลอด
#2866


นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 7 ส.ค.64 ระบุ จำเป็นต้องมีการวิจัยรักษาโควิด-19 ด้วยฟ้าทะลายโจรซ้ำด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น โดยว่า "เมื่อวานนี้ ทีมผู้วิจัย (ชาวไทย) ซึ่งได้ทำวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) ที่สรุปผลได้ว่าฟ้าทะลายโจรใช้รักษาโควิด19แล้วมีผลดีลดการเกิดปอดอักเสบได้ ได้ขอถอนนิพนธ์ต้นฉบับของตนเองที่รอตีพิมพ์กลับคืนจากคลังวารสารรอตีพิมพ์ (medRxiv) ด้วยเหตุผลว่ามีความผิดพลาดในการคำนวณค่านัยสำคัญของความแตกต่าง (p-value) จึงของดการเผยแพร่ไว้ก่อนเพื่อป้องกันการนำผลวิจัยไปใช้ด้วยสำคัญผิด

เจาะลึกลงไปอีกหน่อยก็คือในงานวิจัยนั้นรายงานว่า กลุ่มผู้ใช้ฟ้าทะลายโจร 29 คน เป็นปอดอักเสบ 0 คน กลุ่มที่ใช้ยาหลอก 28 เป็นปอดอักเสบ 3 คน คำนวณนัยสำคัญของความแตกต่างได้ p=<0.039 ซึ่งเป็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ (ตัดกันที่ p=<0.05)

แต่หากคำนวณอย่างถูกต้องแท้จริงแล้วค่านัยสำคัญจริงๆคือ p=0.1 แปลไทยให้เป็นไทยก็คือจะต้องเปลี่ยนคำสรุปผลวิจัยเป็น "การใช้ฟ้าทะลายโจรลดปอดบวมได้ไม่แตกต่างจากใช้ยาหลอก"

ระหว่างที่งานวิจัยใหม่นี้ยังไม่ออกมา ชาวไทยเราก็ต้องอาศัยข้อสรุปใหม่ล่าสุดที่ว่า "ฟ้าทะลายโจรลดปอดบวมในคนไข้โควิด-19ได้ไม่แตกต่างจากยาหลอก" ไปพลางๆ ก่อนนะครับ และที่หมอสันต์เคยบอกว่าหลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโควิดตอนนี้พอแล้วนั้น ก็ต้องถอนคำพูด และขอใช้คำพูดใหม่ว่า

"หลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดตอนนี้ยังมีไม่พอ ต้องรอการวิจัยซ้ำด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น"
#2867


เมื่อเร็วๆนี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2564 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธาน ผลประชุมส่วนหนึ่งเห็นชอบเพิ่มเติมเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ให้เพียงพอและจูงใจเอกชน ลงทุนต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมจำนวน 7 แห่งตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี 4 แห่ง และ จังหวัดระยอง 3 แห่ง 

พื้นที่โครงการรวมประมาณ 8,000 ไร่ มีพื้นที่รองรับประกอบกิจการรวมประมาณ 6,000 ไร่ โดยมีเป้าหมายเงินลงทุนรวมประมาณ 3 แสนล้านบาท ภายใน 10 ปี (2564 – 2573) ได้แก่ เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรม รูปแบบนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมจำนวน 5 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี 3 แห่ง ในจังหวัดระยอง 2 แห่ง

จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษจำนวน 1 แห่ง ได้แก่ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จังหวัดระยอง เห็นชอบ เปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ (พัทยา) หรือ EECmd โดยขยายพื้นที่เพิ่ม 18.68 ไร่ เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท
#2868


คณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นำโดย ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง ได้ถอดบทเรียนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของหลายประเทศ ที่มีการทำงานที่น่าสนใจในการจัดหาวัคซีน ประกอบไปด้วยประเทศในอาเซียน 4 ประเทศ บราซิล และ อิสราเอล


ประสบการณ์ต่างประเทศในการจัดหาวัคซีน

สิงคโปร์ ถือว่าเป็นประเทศที่สามารถจัดหาวัคซีนได้รวดเร็วมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย โดยเป็นตัวอย่างที่ดีของการจัดหาวัคซีนเชิงรุกอย่างแท้จริง โดยเริ่มจัดหาวัคซีนตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2563 ผ่านความร่วมมือของ "TxVax Panel" จัดตั้งโดย Economic Development Board (คล้ายสภาพัฒน์ฯ) นำโดยภาคเอกชน นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญในด้านที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ศึกษาและคัดเลือกวัคซีนที่น่าสนใจ ก่อนจะส่งต่อให้ Planning Committee ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานและราชการที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ลงความเห็นว่าควรสั่งซื้อวัคซีนชนิดใด ถือเป็นการทำงานแบบ two-track (ในขณะที่ไทยทำแบบ one-track) 

สิงคโปร์ตัดสินใจลงนามสั่งซื้อวัคซีนเร็วมากคือสั่งซื้อ Moderna เดือนมิถุนายน 2563 Pfizer และ Sinovac ในเดือนสิงหาคม 2563 แต่ที่สำคัญคือ สิงคโปร์ไม่มีข้อจำกัดจากกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้สามารถสั่งจองวัคซีนที่อาจยังไม่ประสบความสำเร็จ และแม้จะยังไม่ได้รับการรับรองจาก Health Science Authority (คล้าย อย. ของไทย) เป็นการทำสัญญาสั่งจองวัคซีนล่วงหน้าไว้เป็นหลักประกัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิงคโปร์จะได้รับวัคซีนในปริมาณที่มากและรวดเร็ว


อินโดนีเซีย มีการใช้การทูตช่วยเจรจาในระดับสูง มีรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งของคณะเจรจาจัดหาวัคซีน และใช้ประโยชน์ทาง Geopolitics โดยได้รับการบริจาคช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และยังได้เป็น Hub สำหรับผลิต Sinovac ในภูมิภาค

มาเลเซีย ผู้รับผิดชอบจัดหาวัคซีนคือ รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นการแบ่งงานออกจากกระทรวงสาธารณสุข แต่ยังเชื่อมโยงกันทำให้มีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น รัฐมนตรีคนนี้มีศักยภาพ เห็นได้จาก 

- สามารถจัดประชุมเพื่อจัดหาวัคซีนร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตั้งแต่ เดือนเมษายน 2563 ก่อนจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดหาวัคซีน (JKJAV) อย่างเป็นทางการ 


- การสั่งวัคซีนได้รวดเร็ว เมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่น โดยสั่งวัคซีนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 และ 

- สื่อสารกับประชาชนตลอดเวลา เช่น ชี้แจงว่าทำไมมาเลเซียถึงฉีดวัคซีนช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน (สิงคโปร์ หรือ อินโดนีเซีย) หรือ แถลงแผนการกระจายวัคซีนที่ชัดเจน

ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่มีบริบทใกล้เคียงกับไทย ในเชิงที่ว่าเคยติดข้อจำกัดจากกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อจองวัคซีนได้ ยกเว้นว่าประธานาธิบดีให้ความเห็นชอบ และ "ปลดล็อค" ข้อจำกัดได้ในเดือนพฤศจิกายนซึ่งช้ากว่าไทยเสียอีก แต่ฟิลิปปินส์สามารถจัดหาวัคซีนได้มากกว่าไทยพอสมควร

โดยปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ช่วยให้ฟิลิปปินส์จัดหาวัคซีนได้มาก คือ การที่เอกชนและรัฐบาลท้องถิ่นมีบทบาทในการจัดหาวัคซีนอย่างมากและเริ่มมีบทบาทเร็ว เช่น การซื้อวัคซีน AstraZeneca ในเดือนพฤศจิกายน 2563 จำนวน 2.6 ล้านโดส นั้นเป็นการจัดซื้อของบริษัทเอกชนทั้งหมด เพื่อนำมาฉีดให้พนักงานและครอบครัว รวมถึงการซื้อวัคซีน AstraZeneca ในเดือนมกราคม2564 อีกกว่า 14 ล้านโดสที่เกิดจากเอกชนร่วมลงเงินกับรัฐบาลท้องถิ่น

อิสราเอล เป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับวัคซีน ปัจจัยหนึ่งมาจากการที่กระทรวงการคลัง ร่วมกับผู้นำทางการเมืองของอิสราเอลได้สงวนเงินจำนวนหนึ่งไว้เพื่อจัดหาวัคซีนโดยเฉพาะ อิสราเอลจึงพร้อมที่จะซื้อวัคซีน Pfizer ในราคาต่อโดสที่สูงกว่าสหภาพยุโรปเกือบเท่าตัว (23 ยูโร เทียบกับ 12 ยูโร)

นอกจากนี้ บริษัทยาต้องการที่จะใช้อิสราเอลเป็นพื้นที่วิจัยและประเทศแบบอย่าง เนื่องจากระบบสาธารณสุขและระบบข้อมูลมีความพร้อม โดยข้อมูลทางการแพทย์ที่อิสราเอลเก็บและส่งให้กับบริษัท Pfizer ประกอบด้วย จำนวนการติดเชื้อและการฉีดวัคซีน ผลข้างเคียงที่พบในผู้ที่ฉีดวัคซีน ประสิทธิภาพของวัคซีน ระยะเวลาพัฒนาภูมิคุ้มกัน ตลอดจนข้อมูลประชากรของผู้ป่วย เช่น อายุและเพศ เป็นต้น บริษัท Pfizer สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตั้งกลยุทธ์การขาย และการวิจัยพัฒนาวัคซีน การเตรียมการล่วงหน้าและความพร้อมของระบบสาธารณสุขและระบบข้อมูลของอิสราเอลเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อิสราเอลสามารถจัดหาวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว

บราซิล  ใช้หน่วยงานรัฐและสาธารณสุขที่กระจายกันเจรจาจัดซื้อวัคซีนกับผู้ผลิตโดยตรง ประกอบกับมีแผนงานและข้อกฎหมายที่สามารถรองรับมาตรการฉีดวัคซีนอยู่ก่อนแล้ว ทำให้บราซิลมีการเจรจาการจัดซื้อวัคซีนได้หลากหลายเจ้าและมีการจัดการวัคซีนที่ค่อนข้างรวดเร็ว เห็นได้จากการในช่วงแรกของการระบาดบราซิลมีการสั่งซื้อวัคซีนและร่วมมือผลิตวัคซีนภายในประเทศกับ Sinovac และ AstraZeneca ทำให้สามารถฉีดวัคซีนในเข็มแรกได้ครอบคลุมประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ บราซิลก็ปรับเปลี่ยนแผนการจัดซื้อวัคซีนค่อนข้างรวดเร็ว โดยเพิ่มความหลากหลายของวัคซีน 


 


จากข้อสรุปการจัดหาวัคซีนของประเทศต่างๆที่หยิบยกมาจะพบว่าทุกประเทศ (ยกเว้นอิสราเอล) ได้รับวัคซีนมากกว่า 2 ชนิดก่อนไทย และทุกประเทศ (ยกเว้นอิสราเอลและสิงคโปร์) ได้รับวัคซีนผ่านช่องทางCOVAX และเริ่มได้รับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 ขณะที่ไทยเพิ่งจะมีวัคซีน 3 ชนิดในเดือน มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา

หลายประเทศในอาเซียนได้รับวัคซีนบางชนิดที่คนไทยหลายคนเรียกร้อง (วัคซีนไฟเซอร์และโมเดิร์นนา) เร็วกว่าหรือในปริมาณมากกว่าประเทศไทย ในขณะที่ในประเทศไทยมีการอธิบายมาตลอดว่าที่หาวัคซีนดังกล่าวไม่ได้เพราะปริมาณการผลิตของบริษัทมีจำกัด ถูกประเทศร่ำรวยซื้อไปจนหมดแล้ว ไม่เหลือให้ประเทศอื่นเท่าไร ทำให้ไทยไม่ได้สั่งซื้อวัคซีนกลุ่มนี้ในตอนแรกในขณะที่หลายประเทศสั่งก่อนหน้า แต่ในระยะหลังที่ประเทศที่มีรายได้ใกล้เคียงไทยเริ่มได้รับวัคซีนกลุ่มนี้ด้วยก็น่าจะแสดงถึงจุดอ่อนในกระบวนการจัดหาวัคซีนของไทย

"ในความเป็นจริงก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะการจัดหาวัคซีนน่าจะมี 'เทคนิค' และ 'ลูกเล่น' มากกว่าเพียงการติดต่อและถามตรงๆ กับผู้แทนบริษัทวัคซีนว่า 'คุณมีวัคซีนพอให้เราจองไหม' และเมื่อเขาบอกว่าไม่มีทางเราก็ยอมแพ้และเลิกติดต่อ ในขณะที่หากเป็นนักธุรกิจที่ต้องการซื้อสินค้าที่เขาคิดว่าจำเป็นมากก็มักจะสรรหาช่องทางต่างๆ หรือใช้เทคนิคการเจรจาที่หลากหลายเพื่อให้ได้มา นอกจากนี้กรณีวัคซีนยังเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับประเทศและระดับโลกด้วย เราก็ควรรู้จักใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่อให้ได้วัคซีนมามากขึ้นผ่านช่องทางการทูตเช่นกัน"

ข้อสังเกตสำคัญบางประการในการจัดหาวัคซีน 

1.ทีมจัดหาวัคซีนในเกือบทุกประเทศมีองค์ประกอบมากกว่าบุคลากรด้านการแพทย์ละสาธารณสุข หลายประเทศมีกระทรวงต่างประเทศ (กรณีประเทศไทย กระทรวงต่างประเทศเริ่มเข้ามาช่วยจัดหาวัคซีนอย่างไม่เป็นทางการในระยะหลังเท่านั้น ยังถือเป็น 'งานฝาก') สิงคโปร์มีหน่วยงานวางแผนด้านเศรษฐกิจ (คล้ายสภาพัฒน์ฯ ของเรา) มีส่วนร่วมซึ่งน่าจะทำให้มีมุมมองด้านเศรษฐกิจมากขึ้น บางประเทศให้รัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะ มีเพียงประเทศอิสราเอลที่การจัดหาเป็นหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น แต่เนื่องจากทีมแพทย์อิสราเอลมีประสบการณ์บริหารในสถานการณ์วิกฤติบ่อยครั้งน่าจะทำให้ประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้านมากกว่า ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีอิสราเอลมีบทบาทสูงในการเจรจากับบริษัทไฟเซอร์จนทำให้อิสราเอลเป็นประเทศแรกๆ ที่ได้วัคซีนจากไฟเซอร์ในจำนวนมากและน่าจะเร็วที่สุดในโลก 

2.เกือบทุกประเทศเปิดช่องทางการจัดหาวัคซีนที่มากกว่าทีมจัดหาหลัก ไม่ว่าจะเป็นให้รัฐบาลท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และที่สำคัญคือ ภาคเอกชนมีบทบาทโดยตรงในการนำเข้าวัคซีนได้ แต่มักไม่ใช่วัคซีนหลักที่รัฐบาลจัดหา หรือถ้าจัดหามาได้ก็ต้องกระจายวัคซีนตามลำดับความสำคัญที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งตรงกับข้อเสนอแนะ TDRI ที่กล่าวถึงก่อนหน้า

3.การมีโรงงานผลิตหรือบรรจุวัคซีนได้ในประเทศมีส่วนช่วยในการได้มาซึ่งวัคซีน แต่คาดว่าไม่ได้มีผลมากนัก ตัวอย่างเช่น อิสราเอลซึ่งไม่มีโรงงานในประเทศเลยแต่สามารถจัดการวัคซีนได้เร็วที่สุด การเจรจาและหาช่องทางที่หลากหลายในการได้มาซี่งวัคซีนน่าจะสำคัญกว่า

4.มีบางประเทศติดขัดปัญหาข้อกฎหมายในการจองหรือจัดหาวัคซีน แต่ส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาได้ในเวลาใกล้เคียงกับประเทศไทย (ฟิลิปปินส์แก้ปัญหาได้ในเดือนพฤศจิกายน 2563 หนึ่งเดือนหลังประเทศไทย) เร็วกว่า (อินโดนีเซียออกคำสั่งประธานาธิบดีตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563) หรือช้ากว่า (บราซิลที่ต้องรอถึงมีนาคม 2564 จึงแก้ปัญหากฎหมายประมูลสินค้าได้) อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่มีการสั่งซื้อวัคซีนอย่างกระฉับกระเฉงเร็วกว่าไทยหลังจากแก้ปัญหาเชิงกฎหมายดังกล่าวแล้ว

ข้อเสนอแนะสำหรับประเทศไทย

ประเทศไทยควรใช้บทเรียนจากประสบการณ์ต่างประเทศที่กล่าวถึงข้างต้นในการปรับกระบวนทัพการจัดหาวัคซีน ดังนี้

1.'สร้าง'ทีมจัดหาวัคซีนใหม่ที่มีความหลากหลายมากกว่าปัจจุบันที่เป็นเพียงแพทย์เท่านั้น โดยควรมีทั้งกระทรวงต่างประเทศ ทูต บุคคลากรสาธารณสุข โดยทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่นกระทรวงต่างประเทศสามารถมีส่วนร่วมเต็มตัวไม่ใช่ทำหน้าที่แบบ 'งานฝาก' เหมือนทุกวันนี้

2.หรือ'เสริม' ทีมจัดหาวัคซีนปัจจุบัน (ระบบ two-tracks แบบสิงคโปร์) ให้มีความหลากหลายมากขึ้นดังกล่าวข้างต้น

3.ทีมจัดหาวัคซีนต้องมีความคล่องตัวในการดำเนินงาน ไม่ติดระบบราชการมากเกินไป

4.การซื้อวัคซีนไม่จำเป็นต้องซื้อจากบริษัทเสมอไป แต่อาจขอซื้อจากประเทศที่จองไปแล้วแต่เหลือใช้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะจองมากเกินแต่ประชาชนเขาไม่อยากฉีดยี่ห้อที่จอง

5.นอกจากการหาซื้อวัคซีนที่ผลิตสำเร็จแล้ว ยังควรทำการจองวัคซีนที่ใกล้ประสบความสำเร็จแต่ยังไม่ผ่านการรับรอง โดยต้องสื่อสารกับประชาชนให้ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจสูญเงินจองถ้าวัคซีนนั้นไม่ประสบความสำเร็จ วิธีนี้จะทำให้คิวจองของเราไม่ยาวเกินไป

6.อาจทำการ'แลกเปลี่ยน' วัคซีนที่บางประเทศเหลือฉีดโดยขอยืมมาก่อนแล้วอาจซื้อคืนให้ทีหลัง (โดยใช้โควตาการซื้อที่เรามีอยู่แต่ได้มาช้า) 

และ 7.ใช้กลวิธีทางการทูตทุกลักษณะและในเชิงรุก ในการขอซื้อหรือขอรับบริจาคจากมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีกับไทย
#2869


การ์มิน ประเดิมตลาดครึ่งปีหลังด้วยการเปิดตัว "Garmin tactix Delta Solar Edition" คอนเซ็ปต์ BUILT FOR THE LONG MISSION นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้มากับระบบจีพีเอส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 120 วัน ในโหมดประหยัดพลังงาน ด้วยระบบชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ ดีไซน์เรียบหรูด้วยวัสดุพรีเมียม แข็งแรงตามมาตรฐาน MIL-STD-810 ของกองทัพสหรัฐ 

พร้อมฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่เรียกใช้งานได้ง่าย ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติภารกิจลับ การฝึกซ้อมแบบยุทธวิธี พร้อมยกระดับประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้งด้วยฟีเจอร์ออกกำลังกายและติดตามสุขภาพแบบจัดเต็ม เอาใจผู้ที่หลงใหลในความคล่องตัว และสายเอาท์ดอร์แอดเวนเจอร์ วางจำหน่ายในราคา 37,390 บาท 

การ์มิน ระบุว่าเตรียมรุกเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการทำมิชชั่นมีการใช้งานแบบเฉพาะตัวมากขึ้น กับจุดเด่นในเรื่องของแฟชั่นการดีไซน์ที่ทำให้ดูคล่องตัว มาตรฐานในการเลือกใช้วัสดุ ความง่ายในการเรียกใช้งานของแต่ละฟีเจอร์ และเทคโนโลยีการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยให้ระยะเวลาการใช้งานของสมาร์ทวอทช์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น



Garmin tactix Delta Solar Edition มาพร้อมหน้าจอเลนส์แซฟไฟร์ และกรอบเคลือบคาร์บอนคุณสมบัติแข็งแกร่งคล้ายเพชรช่วยป้องกันรอยขีดข่วน หน้าจอดิสเพลย์ขนาดใหญ่ 1.4 นิ้ว ถือได้ว่าเป็นนาฬิกาหน้าปัดกลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของการ์มิน ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ตามมาตรฐาน MIL-STD-810 ของกองทัพสหรัฐ

อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ยุทธวิธีสำหรับการฝึกซ้อมและปฏิบัติภารกิจลับ ไม่ว่าจะเป็น โหมด Night Vision Capacity โหมดการใช้งานที่ทำให้สามารถมองเห็นหน้าจอได้เมื่อสวมใส่ Night Vision Goggles โหมด Stealth เพื่อการหยุดบันทึกและแชร์ตำแหน่ง GPS รวมถึงหยุดการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้สาย ฟีเจอร์ Kill Switch ลบข้อมูลเพื่อความปลอดภัย โหมด Jumpmaster โหมดการคำนวนความสูง นำทาง และคำนวนจุดปล่อยตัวและลงจอดเพื่อการกระโดดร่ม

รวมไปถึงโหมด Dual-Format GPS ระบุตำแหน่งพร้อมกัน 2 ค่าที่มาพร้อมแผนที่ topographic เพื่อการระบุตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งยังมาพร้อมกระจกแซฟไฟร์ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 120 วัน ในโหมดประหยัดพลังงาน


นอกเหนือไปจากความสามารถในการซัพพอร์ตการฝึกซ้อมและการปฏิบัติภารกิจลับ ยังเป็นสมาร์ทวอทช์จีพีเอสระดับพรีเมียมที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น ปีนเขา วิ่งเทรล ปั่นจักรยาน กอล์ฟ สกี และดำน้ำ รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่สำคัญ เช่น ฟีเจอร์วัดค่าการใช้ออกซิเจนของร่างกายเมื่อออกกำลังอย่างเต็มกำลัง (VO2 max)

ฟีเจอร์ติดตามและแนะนำการวิ่ง PacePro ฟีเจอร์ติดตามการเต้นของหัวใจ Heart Rate Tracking และ ฟีเจอร์ติดตามระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด Pulse Ox Blood Sensor สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับเพื่อรับการแจ้งเตือนการโทรเข้าออก ข้อความ และปฏิทินนัดหมาย จัดเก็บเพลงโปรด รวมทั้งเชื่อมต่อ Garmin Pay เพื่อการชำระเงินแบบปราศจากการสัมผัส (Contactless)

ด้านการออกแบบมาในรูปลักษณ์ดีไซน์เรียบหรูวัสดุพรีเมียม และยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงทนทาน หน้าจอและปุ่มกดขนาดใหญ่ จึงทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวก มาพร้อมสายรัดข้อมือไนลอนและสายซิลิโคนสีดำ ให้ผู้ใช้เลือกใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานแบบสมบุกสมบันทุกภารกิจ ด้วยสีดำทั้งตัวเรือนสามารถเข้าได้กับการแต่งตัวทุกลุค
#2870


ไอคอนสยามรวมสินค้าเพื่อการกำจัดเชื้อโรคภายในบ้าน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและเพิ่มความสะอาดปลอดภัย
ในสถานการณ์โควิด 19 ยังส่งผลให้หลายๆ คนต้องทำงานอยู่ที่บ้าน ความสะอาดและสุขอนามัยภายในบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างมาก แม้จะมีการทำความสะอาดบ้านในทุกๆวัน แต่อาจไม่เพียงพอที่จะกำจัดเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ที่อาจเข้ามาภายในบ้านแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อความสะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไอคอนสยามจึงรวมสินค้าเพื่อการกำจัดเชื้อโรคภายในบ้าน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและเพิ่มความสะอาดปลอดภัยให้กับตัวคุณและคนที่คุณรัก


เริ่มที่ Wellis Air Disinfection Purifier เครื่องกำจัดเชื้อโรคและสารพิษในอากาศ และบนพื้นผิวสัมผัส  Wellis สามารถฆ่าชีวมลพิษ ในอากาศ และ บนพื้นผิวต่างๆ เช่น กำแพง เพดาน เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่บนเสื้อผ้าก็สามารถกำจัดได้มากถึง 99.9% กำจัดก๊าซพิษ และสารพิษจาก สารระเหยน้ำมันเชื้อเพลิง,สารตะกั่ว,สารปรอท,สาร VOCs สามารถกำจัดควันบุหรี่ ควันไฟ ควันรถยนต์ และ สามารถกำจัดกลิ่น อาทิเช่น กลิ่นขยะ,กลิ่นสัตว์เลี้ยง, กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้ 99.9% ซึ่ง Wellis ทำงานโดยการปล่อยประจุ Hydroxyl (OH) ที่มีความเข้มข้นสูงถึง 8,000,000-10,000,000/cc. เข้าสลายชีวมลพิษ และสารพิษ ทางอากาศและบนพื้นผิวต่าง  สามารถเปิดเครื่องเพื่อฆ่าเชื้อใน ระหว่าง ที่มีคนอยู่ในห้องได้ ตลอด 24 ชั่วโมง



AIKO - Ozone Sterilizer water โอโซนสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ โดยโอโซนจะทำปฏิกิริยา Oxidation กับผนัง เซลล์ของเชื้อโรค /กลิ่น ทำให้เชื้อโรค/กลิ่นสลายตัว โอโซนช่วยทำให้อากาศในห้องสะอาด กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีเยี่ยม ได้แก่ กลิ่นบุหรี่ กลิ่นอาหาร กลิ่นห้องเหม็นอับชื้น เป็นต้น โอโซนสามารถทำลายได้ทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ปรสิต และจุลินทรีย์ อื่นๆ โดยโอโซนที่ระดับความเข้มข้นสูง จะมีผลทำลายเชื้อซึ่งเป็นสาเหตุของ โรค ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค โรคในระบบทางเดินหายใจ โรคในระบบ ทางเดินอาหาร ฯลฯ มีคุณสมบัติสามารถตั้งเวลาได้ตั้งแต่ 1 ถึง99 นาที สามารถเพิ่มและลดเวลา ครั้งละ 5 นาที  ซึ่งอุณหภูมิในการทำงานที่เหมาะสมคือ 25-30 องศา  ปล่อยออกซิเจน (O3) 600 มิลลิกรัม / ชั่วโมง มีปริมาณการปล่อยออกซิเจน สูงสุด 105 CFM ( ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที )


SabaideeCare  เครื่องโอโซนล้างผัก ผลไม้ด้วยเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ล รุ่น MAHASAMUT  PRO ล้ำสมัยด้วยระบบ Cool Plasma Ozone กำจัดได้ถึง 4 ตัวการร้ายทำลายสุขภาพ เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส และสารเคมีตกค้าง ประกอบด้วยคุณประโยชน์จาก Ozone (Water) ใช้ล้างภาชนะ, ผัก ผลไม้ และเตรียมน้ำดื่มสะอาดได้ในเครื่องเดียว และ Ozone (Air) อบห้องกำจัดกลิ่น ฆ่าเชื้อไวรัส รา ในทุกพื้นผิว และทุกซอกทุกมุม  ความพิเศษของ MAHASAMUT PRO คือสามารถตั้งเวลาได้สูงสุดถึง 60 นาที ( รุ่นเดิม 30 นาที )  มีหัวทรายที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับรุ่น MAHASAMUT PRO ไมโครบับเบิ้ล ที่กระจายโอโซนได้มากกว่าและทั่วถึงกว่า จึงลดเวลาการใช้งานได้ถึง 50%  รูปทรงใหม่ ดูล้ำสมัยน่าใช้กว่าเดิม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการร่วมวิจัยกับทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( สวทช.) น้ำหนักเบาเพียง 650 กรัม และขนาดแบนบางเพียง 5 ซม. จึงจับถนัด และเคลื่อนย้ายง่ายขึ้น

SabaideeCare  เครื่องโอโซนล้างผักผลไม้ รุ่น MAHASAMUT ใช้อบห้อง อบรถขจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย เชื้อรา และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เครื่องมหาสมุทรให้ Ozone เข้มข้นสูงถึง 400 mg/hr Sabaideecare ล้ำสมัยด้วยระบบ Cool Plasma Ozone กำจัดได้ถึง 4 ตัวการร้ายทำลายสุขภาพ เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส สารเคมีตกค้าง ใช้ล้างภาชนะ / ผักผลไม้ / อบห้องกำจัดกลิ่น / เตรียมน้ำดื่มสะอาด ได้ในเครื่องเดียว


SabaideeCare  เครื่องฟอกอากาศระบบโอโซน รุ่น NAPHA IV หน้าจอแสดงผล พร้อมแจ้งค่า PM2.5 แบบเรียลไทม์  การกรอง 4 ชั้น ประกอบด้วย  ตาข่ายกรองชั้นแรกกำจัดฝุ่น เกสรดอกไม้  ชั้นแผ่นกรอง HEPA กรองฝุ่นสูงสุด 0.3 ไมครอน  ชั้นกรองคาร์บอน ย่อยสลายสารฟอลมันดิไฮด์  ชั้นกรองโมเลกุล่าชีฟ ดูดความชื้น ระบบโอโซน สำหรับขจัดเชื้อโรค กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ระบบไอออน ดับจับฝุ่นให้ตกลงบนพื้น ครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 60 ตรม./ สามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ออกมาได้ถึง 400 ลบ.ม.ต่อชม. 

เพื่อความสะอาด ปลอดภัยให้ภายในบ้านของคุณ ช้อปออนไลน์ง่ายๆ ที่ ICONSIAM Ultimate Chat & Shop ผ่าน LINE Official Account @ICONSIAM  หรือ ช้อปผ่าน Facebook Page ICONSIAM หรือ คลิก https://bit.ly/3kKR0js พร้อมรับดีลสุดคุ้ม 3 ต่อ ต่อที่ 1 รับฟรี Alco Hand Shield Spray จำนวน 1 ขวด เมื่อช้อปครบ 599 บาท (จำนวนจำกัด) ต่อที่ 2 ใช้โค้ดลดเพิ่ม สูงสุด 3,500 บาท  และต่อที่ 3 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% ตั้งแต่วันนี้ - 31 ส.ค. 64 เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1338 หรือ www.iconsiam.com 

ไอคอนสยามมีความห่วงใยลูกค้าทุกท่านและยังคงดำเนินมาตรการความปลอดภัยในเชิงรุกอย่างเคร่งครัด ยกระดับมาตรการความปลอดภัยของบริการช้อปออนไลน์  ด้วยกระบวนการฆ่าเชื้อบนพื้นผิวสินค้า บรรจุภัณฑ์ และกล่องพัสดุ ด้วยเครื่องฆ่าเชื้อจากรังสี  UV-C (Handheld Ultraviolet Disinfection Lamp) ก่อนส่งมอบถึงมือลูกค้าเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
#2871


โควิดหนุนเงินดิจิทัลโต-กัมพูชาเล็งเลิกพึ่งดอลล์สหรัฐ ขณะที่การเพิ่มสัดส่วนการใช้เงินท้องถิ่นช่วยให้ธนาคารกลางกัมพูชาดำเนินนโยบายทางการเงินที่เป็นอิสระและควบคุมปริมาณเงินที่หมุนเวียนในประเทศได้ดีขึ้น
ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองเพื่อทำให้ระบบการชำระเงินค่าสินค้าและบริการในประเทศมีความสะดวกสบายและมีความปลอดภัยในยุคที่ระบบดิจิทัลกำลังขยายเข้าไปในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ นั่นเท่ากับว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักของโลกเริ่มลดบทบาทลงเรื่อยๆ

จีน ได้ทำการทดสอบหยวนดิจิทัลในเมืองใหญ่หลายเมือง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ประกาศโครงการยูโรดิจิทัลเมื่อเดือนที่แล้วพร้อมทั้งบอกว่าจะใช้เวลาสองปีในการพัฒนาและดูว่าสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง(ซีบีดีซี)จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลกอย่างไร

ซีบีดีซีเป็นสกุลเงินในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง สามารถชำระค่าสินค้าและบริการ รักษามูลค่า และเป็นหน่วยวัดทางบัญชีได้ ต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีอย่างบิทคอยน์ อีเธอร์ หรือริปเปิ้ลที่ออกโดยภาคเอกชน และมีมูลค่าผันผวนจากการใช้เพื่อเก็งกำไร จึงไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ

ซีบีดีซีมี 2 รูปแบบคือ ซีบีดีซีสำหรับการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน และสำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน

รายงานวิเคราะห์ในเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชีย ระบุว่า ตอนนี้ธนาคารกลางกว่า 60 ประเทศทั่วโลกกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการออกซีบีดีซี และกัมพูชาก็เป็นผู้นำในการแข่งชันด้านนี้ หลังจากธนาคารกลางกัมพูชา(เอ็นบีซี)เปิดตัว"บากอง"สกุลเงินดิจิทัลของประเทศในเดือนต.ค.ปี 2563 ภายใต้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนจากบริษัทโซรามุตสึของญี่ปุ่นโดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการยอมรับเงินเรียลซึ่งเป็นเงินสกุลท้องถิ่นของกัมพูชาและค่อยๆลดการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ

"ชี เซเรย์" ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา กล่าวว่า โครงการบากองซึ่งเปิดดำเนินการในไตรมาสนี้เป็นช่องทางการชำระเงินแห่งชาติของกัมพูชา และมีบทบาทสำคัญในการนำผู้เล่นทุกคนในธุรกิจการชำระเงินเข้ามาอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกัน เพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้งานปลายทางในการชำระเงิน โดยไม่คำนึงถึงว่าสถาบันการเงินที่พวกเขาทำธุรกรรมด้วยเป็นธนาคารอะไร และในอนาคตจะอนุญาตให้มีการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านระบบบากอง


นับจนถึงเดือนมิ.ย.ผู้ใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของบากองเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวจากประมาณสามเดือนก่อนหน้านี้เป็น 200,000 ราย ขณะที่ระบบโดยรวมของบากองเข้าถึงผู้ใช้ประมาณ 5.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ รวมถึงผู้ติดตั้งแอพพลิเคชันบนมือถือของธนาคาร และในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มีการทำธุรกรรมโดยรวม 1.4 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์

ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา กล่าวว่า "ยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดในกัมพูชาและรัฐบาลออกมาตรการควบคุมด้านต่างๆทำให้ผู้คนหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีกันมาขึ้น"

อย่างไรก็ตาม บากองมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับคริปโตเคอร์เรนซีแบบไร้ศูนย์กลางการควบคุมอย่างบิทคอยน์เนื่องจากโครงการสกุลเงินดิจิทัลของกัมพูชาเป็นระบบปิด ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารของประเทศและหน่วยงานด้านการเงิน ที่สำคัญไม่สามารถนำเงินบากองนี้ไปใช้เพื่อการเก็งกำไรได้

นอกจากนี้ กระเป๋าเงินบากองยังถูกเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคาร ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลของพวกเขา สำหรับสกุลเงินของประเทศ

"การทำธุรกรรมทั้งหมด จะเป็นแบบเรียลไทม์ และจะถูกบันทึก จัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยที่ธนาคารกลาง" ผอ.ธนาคารกลางกัมพูชา กล่าวและเชื่อว่าธนาคารกลางอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาระบบแบบเดียวกับที่กัมพูชาทำอยู่ในตอนนี้

ชาวกัมพูชาสามารถใช้เงินบากองซื้อสินค้าตามร้านค้า หรือส่งเงินผ่านแอพฯมือถือ โดยไม่ต้องใช้เงินสด พร้อมทั้งนำเงินนี้ไปชำระหนี้และส่งเงินนี้กลับประเทศในรูปเงินเรียล หรือ ดอลลาร์สหรัฐได้ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลักๆที่กัมพูชาออกเงินสกุลดิจิทัลนี้มาก็เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนในประเทศใช้เงินเรียลมากขึ้น

ปัจจุบัน กัมพูชาใช้เงินสองสกุลในการซื้อขายคือเงินเรียลและเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่เงินดอลลาร์สหรัฐได้รับความนิยมและแพร่หลายในระบบเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า

ชี กล่าวด้วยว่า การใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นประโยชน์กับประเทศในช่วงประเทศกำลังฟื้นตัวจากภาวะสงครามแต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจของกัมพูชาขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งการเพิ่มสัดส่วนการใช้เงินท้องถิ่นยังช่วยให้ธนาคารกลางกัมพูชาสามารถดำเนินนโยบายทางการเงินที่เป็นอิสระได้ต่อไป รวมทั้งควบคุมปริมาณเงินที่หมุนเวียนในประเทศได้ดียิ่งขึ้น

แต่ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา ก็ยอมรับว่า แม้จะมีการใช้เงินเรียลเพิ่มขึ่้นในการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัล นับตั้งแต่มีการเปิดตัวเงินบากอง แต่เงินสกุลดิจิทัลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจกัมพูชาที่พึ่งพาดอลลาร์สหรัฐไปเป็นระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาเงินสกุลท้องถิ่นได้ ยังมีความจำเป็นต้องใช้นโยบายอื่นๆเข้ามาช่วย เช่น เสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งเนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ

"ภาระกิจหลักของบากองคือเพิ่มการใช้เงินเรียลในระบบดิจิทัลและมีเป้าหมายระยะยาวอยู่ที่ทำให้ชาวกัมพูชาใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพียงสกุลเดียวในการซื้อสินค้าและบริการ"ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา กล่าว

ธนาคารกลางกัมพูชา ระบุด้วยว่าขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนด้วยสกุลเงินบากอง โดยกำลังทำงานร่วมกับธนาคารเมย์แบงก์ของมาเลเซียและธนาคารกลางแห่งประเทศไทย(ธปท.)
#2872


Gourmet & Cuisine ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ.2564 ฉบับนี้จับมือกับโรงเรียนสอนทำอาหารชั้นนำ "เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต" พาผู้อ่านไปเพลิดเพลินกับโลกของเบเกอรีสไตล์ฝรั่งเศสต้นตำรับ ท่ามกลางกระแสนิยมของเบเกอรีสัญชาติฝรั่งเศส ที่แฝงมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลายตั้งแต่ "มาการอง" จนถึง "ครัวซองต์" ติดตามได้ใน COVER STORY



Recipes: แจกสูตรขนมอบสไตล์ฝรั่งเศสจาก 6 เชฟผู้สอนและเชฟ เดอ ปาร์ตีจากหลักสูตรขนมอบและหลักสูตรขนมปังอย่างละเอียด ราวกับเชฟผู้สอนมาเสิร์ฟให้ถึงที่บ้าน อาทิ ทาร์ตเลมอนยูซุ ครัวซองต์เนย โทรเพเซียนน์ เค้กทราเวลลิงพิสตาชิโอและราสป์เบอร์รี อองเทรเมต์คาราเมลเข้มข้น



Delish Delight: เสนอเมนูขนมที่เหมาะกับทานคู่กับน้ำชาหรือกาแฟ สูตรพิเศษจากทีมเชฟโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต มาฝากกัน อาทิ สคอนลูกเกดและพีแคน การ์เดนกีช ขนมปังขมิ้นและเมล็ดป๊อปปี้ไส้ปลาแซลมอนรมควัน



Drinks: เติมความสดชื่นกับม็อกเทลสีสวยจากห้องอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัยสไตล์อิซากายะที่มีหลายสาขาทั่วโลก ด้วยสูตรที่ใช้น้ำผลไม้และผลไม้พูเร่หรือผลไม้บดมาเป็นส่วนผสม ดูสูตรแล้วรับรองทำตามได้ไม่ยาก



On The Sidewalk: ชี้เป้า 5 ร้านเบเกอรี่แสนอร่อยในตำนาน ที่ยังสร้างสีสันมาจนถึงทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่กลิ่นหอมๆ ของขนมอบสดใหม่ ผสานกลิ่นอายความอบอุ่นที่ยังชวนให้นึกถึงวันวานได้เสมอ



Kitchen & Home ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 ในฉบับนี้ Kitchen Series ชวนมาตามหาครัวที่ใช่ ดีไซน์ที่คุณชอบกับงานดีไซน์ชุดครัวใหม่ล่าสุดของ IKEA หลากหลายสไตล์ที่ชวนค้นหาเพื่อเติมเต็มครัวในฝันของทุกคน



Easy Recipe : ชวนทำเมนูเต้าหู้ญี่ปุ่นโมเมน (Momen Tofu) เต้าหู้เนื้อสีขาวนวลที่ผ่านกระบวนการผลิตพิเศษในแบบเฉพาะของญี่ปุ่นทั้งอร่อยและสุขภาพดี กับเมนูเต้าหูอบกรอบนอกนุ่มใน, ทาโก้เต้าหู้สำหรับคนไม่ทานเนื้อสัตว์ และโรลไส้เต้าหู้และผัก ซอส Enchiladas และชีส



Flower Corner : ชวนดูไอเดียสุดเก๋ เปลี่ยนบัวรดน้ำให้เป็นแจกัน กับบัวรดน้ำของ IKEA รุ่น FÖRENLIG นำดอกไม้มาตกแต่ง แค่นี้ก็เพิ่มบรรยากาศสดใส เติมความน่ารักให้ห้อง



Garden Lover : พาส่องทุ่งดอกไม้ในสวนหลังบ้านบนพื้นที่ใจกลางกรุงฯ ของคุณเปิ้ล-เพชรรินทร์และคุณชับบี้-สัญชัยวีรวรรณ เนรมิตสวนหลังบ้านให้เป็นทุ่งดอกไม้สร้างความสุข และความสบายใจ



Home Idea : Bangson House by FATTSTUDIO บ้านทรงกล่องสีขาว 3 ชั้นขนาด 10x10 เมตร ดีไซน์ตรงใจแล้วยังออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันใช้งานที่ตอบโจทย์อย่างครบครัน



พิเศษ! ช้อปหนังสือออนไลน์ได้ที่ www.ma.co.th หรือสั่งซื้อผ่านแอปฯ Shopee
ได้แล้ววันนี้ที่ https:// shopee.co.th/gourmetandcuisine
#2873


ธ.ก.ส. เปิดรับฝาก "สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 6" หน่วยละ 100 บาท จำนวน 1,000 ล้านหน่วย วงเงิน 100,000 ล้านบาท ฝากครบ 3 ปีได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.15 บาท พร้อมลุ้นรางวัลที่ 1 สูงสุด 10 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 47 ล้านบาทต่อเดือน เปิดรับฝากช่วงที่ 1 วันที่ 20 สิงหาคมนี้ และช่วงที่ 2 วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาและผ่านทาง ธ.ก.ส. A-Mobile

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดรับฝาก "สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 6" จำนวน 1,000 ล้านหน่วย หน่วยละ 100 บาท รวมวงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อระดมเงินฝากจากประชาชนทั่วไปสำหรับนำไปใช้เป็นทุนสนับสนุนภาคเกษตร อันเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ และเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ถือสลากออมทรัพย์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนให้สามารถฝากเงินกับ ธ.ก.ส.ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นทางเลือกสำหรับการออมเงินที่ได้รับดอกเบี้ย ไม่เสียภาษีและยังมีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลมากมาย โดยแบ่งการเปิดรับฝากเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป วงเงินรับฝาก 50,000 ล้านบาท และช่วงที่ 2 วันที่ 18 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป วงเงินรับฝาก 50,000 ล้านบาท ณ ธ.ก.ส. ทุก
สาขาทั่วประเทศและผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile

โดยสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 6 มีอายุรับฝาก 3 ปี เมื่อฝากครบกำหนดไถ่ถอนจะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.15 บาท หรือคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.05 ต่อปี นอกจากนี้ยังได้ลุ้นรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน และวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี รวม 36 ครั้ง ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 มี 1 รางวัลมูลค่า 10,000,000 บาท รางวัลที่ 1 ต่างหมวด มี 99 รางวัล ๆ ละ 10,000 บาท รางวัลที่ 2 มี 300 รางวัล ๆ ละ 5,000 บาท รางวัลที่ 3 มี 1,000 รางวัล ๆ ละ 3,000 บาท รางวัลที่ 4 มี 2,000 รางวัล ๆ ละ 1,000 บาท รางวัลที่ 5 มี 10,000 รางวัล ๆ ละ 500 บาท รางวัลเลขท้าย 4 ตัว มี 100,000 รางวัล ๆ 50 บาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว มี 2,000,000 รางวัล ๆ ละ 10 บาท รวมรางวัลทั้งสิ้น 2,113,400 รางวัล เป็นเงิน 47,490,000 บาทต่อเดือน โดยจะออกรางวัลครั้งแรกวันที่ 16 กันยายน 2564 ที่สำคัญดอกเบี้ยและเงินรางวัลได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลทั่วไปและยังสามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน (Bank Guarantee) ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ สามารถตรวจผลการออกรางวัลและรับชมการถ่ายทอดสดการออกสลากออมทรัพย์ได้ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่นความถี่ AM 891 กิโลเฮิรตซ์ เว็บไซต์ www.baac.or.th Facebook Page "ธกส BAAC Thailand" และ "ธกส บริการด้วยใจ" Youtube Channel "BAAC Thailand" หรือทาง ธ.ก.ส. A-Mobile โดยท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสลากออมทรัพย์ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ Call Center 02-555-0555

 
#2874


ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธาน สมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกขณะนี้เผชิญวิกฤติหนัก! ดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ก.ค.ดิ่งลงจุดต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ติดลบถึง 70% คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 2.7 แสนล้านบาท กว่า 1 แสนร้านค้าเตรียมปิดกิจการ กระทบการจ้างงานกว่า ล้านคน!

เป็นโจทย์ใหญ่และวาระเร่งด่วนจะร่วมหาทางออก พยุงการจ้างงาน ประคองธุรกิจกันต่อไปอย่างไร? ภายใต้สงครามเชื้อโรคที่ยังคุกคามหนัก!!

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นค้าปลีกเดือน ก.ค. น่าเป็นห่วงอย่างมาก!!!  จากการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตารุนแรงกว่าระลอกแรก นอกจากนี้มาตรการ "ล็อกดาวน์" และ "เคอร์ฟิว" ในเดือน ส.ค. ที่ปัจจุบันได้ขยายพื้นที่ควบคุมเข้มสูงสุดเป็น 29 จังหวัด ส่งผลให้ภาคค้าปลีกต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวสู่ระดับปกติ คาดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางปี 2566 เลยทีเดียว

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก หรือ Retail Sentiment Index (RSI) อยู่ที่ระดับ 16.4 ลดต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ความเชื่อมั่นติดลบ 70% 

การลดลงของยอดขายสาขาเดิม หรือ  Same Store Sale Growth (SSSG) ใน เดือน ก.ค. นั้น  เกิดจากทั้งการใช้จ่ายต่อบิล  Spending per Bill หรือต่อครั้ง Per Basket Size และ ความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) ลดลงพร้อมกัน!!  ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก สะท้อนถึงการฟื้นตัวต้องใช้เวลา 

"คาดว่าภาคการค้าปลีกและบริการครึ่งปีหลังจะทรุดหนัก การเติบโตโดยรวมปีนี้มีแนวโน้มจะติดลบทั้งปี"


ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก RSI ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ยืนอยู่ที่ระดับ 27.6 ต่ำกว่าดัชนีเดือน เม.ย.2563 ที่ระดับ 32.1 สะท้อนถึงความวิตกกังวลในความไม่ชัดเจนต่อแนวทางการกระจายการฉีดวัคซีนของภาครัฐที่ยังมีความล่าช้า ขณะที่ มาตรการเยียวยาก็ไม่เข้มข้นมากพอ รวมทั้งการกระตุ้นกำลังซื้อที่ภาครัฐประกาศจะอัดฉีดเพิ่มเติมนั้นกลับไม่ตรงตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่น RSI แยกตามภูมิภาค ปรากฎว่า ลดลงต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 อย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด โดยเฉพาะภาคกลาง ลดลงอย่างชัดเจนกว่าภาคอื่นๆ จาก "คลัสเตอร์การแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ใช้แรงงานในโรงงานเป็นจำนวนมาก" ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นใน 3 เดือน ข้างหน้า ลดลงในทุกภูมิภาคอย่างชัดเจน และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 ค่อนข้างมาก 

สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการประเมินว่า วิกฤติการแพร่ระบาด! ยืดเยื้อไม่จบง่ายๆ ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอ เปราะบางอย่างมาก การฟื้นตัวต้องใช้เวลานาน

หากพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่น RSI แยกตามประเภทร้านค้าปลีก  พบว่า ดัชนีปรับลดลงมากอย่างชัดเจน และต่ำลงในทุกเซ็กเมนต์โดยเฉพาะ "ห้างสรรพสินค้า" และ "ร้านอาหาร" ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงและหนักสุด! จากมาตรการการ "ล็อกดาวน์"  สะเทือนยอดขายหายไปกว่า 80-90% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. 

ส่วน "ร้านสะดวกซื้อ" หรือ "คอนวีเนียนสโตร์" ที่เคยเปิดบริการ 24 ชั่วโมง ได้รับผลกระทบจากมาตรการกำหนดให้ปิดบริการตั้งแต่ 21.00-04.00 น. ยอดขายหดตัว 20-25% จากรายได้ในรอบดึกที่เป็นส่วนหนึ่งของ Peak Hour หายไป! และจำนวนสาขาของร้านค้าสะดวกซื้อกว่า 40% ตั้งอยู่ในเขตสีแดงเข้มที่เป็นเขตควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด

สำหรับ มุมมองของผู้ประกอบการ ประเมินผลกระทบต่อยอดขายและกำลังซื้อ รวมถึงการจ้างงานต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอกใหม่ ในเดือน ก.ค. เทียบเดือนก่อนหน้า ผู้ประกอบการกว่า 90% เห็นว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคมีสัญญาณปรับตัวแย่กว่าเดือน มิ.ย. ค่อนข้างมาก เพราะกังวลต่อความไม่แน่นอนของแผนการฉีดและกระจายวัคซีนของภาครัฐ  "63%" ประเมินว่า ยอดการจับจ่ายและการใช้บริการ (Traffic) ลดลงมากกว่า 25%  และไม่มีพฤติกรรมในการกักตุน (Stock Up) เพราะกำลังซื้ออ่อนตัวลงอย่างมาก! 

ผู้ประกอบการ "61%"  ยอมรับว่าการจับจ่ายและใช้บริการ  ลดลงมากกว่า 25% เป็นผลจากมาตรการเคอร์ฟิว กว่า "41%"  มีการปรับลดการจ้างงาน หรือ ลดชั่วโมงการทำงาน เพราะธุรกิจมียอดขายและค่าธรรมเนียมการขายลดลง  "53%"  มีสภาพคล่องทางการเงินไม่ถึง 6 เดือน สะท้อนภาวะธุรกิจที่ฝืดเคือง และการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน "42%"  คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 นี้ จะหดตัว 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 

โดย ผู้ประกอบการ 90% ประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเข้าสู่ระดับปกติได้ในช่วงกลางปี 2566 หรืออาจจะนานกว่านั้น!!

อย่างไรก็ดี "เมื่อรัฐประกาศมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว จำเป็นต้องมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือลูกจ้างควบคู่กันไปด้วย เพื่อไม่ให้ลูกจ้างถูกเลิกจ้างงานหรือพักงาน โดยเฉพาะกลุ่มห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร"

สมาคมฯ เสนอ  4 มาตรการเร่งด่วนต่อภาครัฐ 1.ต้องมีมาตรการเยียวยานายจ้างช่วยจ่ายค่าเช่า และค่าแรงพนักงาน 50%  เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน  2.ภาครัฐต้องช่วยผู้ประกอบการด้วยการลดค่าสาธารณูปโภค 50% เป็นเวลา 6 เดือน 3.ภาครัฐต้องเร่งสถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ให้ผู้ประกอบการที่ยื่นขอเงินกู้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วภายใน 30 วัน  ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติเงินกู้เพียง 10% ของจำนวนที่ยื่นขอสินเชื่อไปแล้วกว่า 30,000 ราย หากการอนุมัติยังล่าช้าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเลิกกิจการกว่าแสนรายอย่างแน่นอน 4.ขอให้พักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นลูกหนี้ปัจจุบันกับสถาบันการเงิน 

รัฐต้องพิจารณาและให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะภาคค้าปลีกและบริการกำลังทรุดหนัก แนวโน้มปิดกิจการกว่าแสนราย! สิ่งที่ตามมาคือการเลิกจ้างกว่าล้านคน ดังนั้น รัฐบาลต้องเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็วที่สุด!!
#2875












ขายคอนโด สวย หรู สง่างาม ที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อยู่ติดกับนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี่ ย่านบางกะดี่ ตำบลบางกะดี่ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ห้องชุดอยู่ชั้น 7
เนื้อที่ห้องชุด 76.84 ตร.ม. ขาย1,200,000 บาท เช่า 15,000 บาท/เดือน
ปาล์มสปริงคอนโด ตกแต่งแล้ว พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ติดถนนใหญ่ คอนโดหรูโครงการหรู โครงสร้างทันสมัย
วิวสวย บรรยายกาศดี เหมาะแก่การพักอยู่อาศัย สาธารณูปโภคครบครัน สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส รปภ. ยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. 
ทางเข้านิคมอุตสาหกรรมบางกะดี่ เชื่อมต่อ เข้าออกถนนหลักๆได้หลายสาย เข้าออกง่ายสบาย
เดินทางสะดวกสบาย

โทร  083-712-4115
LINE ID : 0837124115

ปาล์มสปริงคอนโดมิเนี่ยม
ตำบล บางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
https://maps.app.goo.gl/qMEqgSPk5wDKNJ489
 
#2876


นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน "Bangkok International Digital Content Festival หรือ BIDC 2021" และพิธีมอบรางวัลด้านดิจิทัลคอนเทนท์ "BIDC Awards" ว่า การจัดงานในปีนี้ ได้ปรับรูปแบบกิจกรรมเจรจาธุรกิจเป็นออนไลน์เป็นปีที่ 2 โดยมีผู้ประกอบการด้านดิจิทัลคอนเทนต์จากทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาธุรกิจจํานวน 36 บริษัท จาก 11 ประเทศ และมีผู้ประกอบการไทยร่วมเจรจาธุรกิจในครั้งนี้จํานวน 57 บริษัท คาดว่าจะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจมากกว่า 300 คู่ สร้างมูลค่าราว 700 ล้านบาท

 ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการส่งเสริมและขยายช่องทางการค้าให้ผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย โดยมีผลการเจรจาการค้าจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในส่วนของแอนิเมชัน คาแรคเตอร์ และเกม มีมูลค่ารวมกว่า 2,700 ล้านบาท



งาน BIDC 2021 เป็นงานแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยที่สำคัญ ครอบคลุมธุรกิจแอนิเมชัน คาแรคเตอร์ เกม และอีเลิร์นนิง โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2557 ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-6 ส.ค.2564 เป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานผู้ร่วมจัดงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) และ 5 สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย ได้แก่ สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟแวร์เกมไทย (TGA) สมาคมอีเลิร์นนิงแห่งประเทศไทย (e-LAT) และสมาคม Bankgok ACM SIGGRAPH (BASA)

โดยกิจกรรมหลักภายในงาน ประกอบด้วย การเจรจาการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการต่างชาติ (Online Business Matching) ระหว่างวันที่ 4-6 ส.ค.2564 พิธีมอบรางวัล BIDC Awards ในวันที่ 3 ส.ค.2564 และกิจกรรมให้ความรู้ Webinar ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-6 ส.ค.2564

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ดิจิทัลคอนเทนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยตามแนวคิด Creative Economy และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฮับของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย 14 แผนงานประจำปี 2564 ของกระทรวงพาณิชย์
#2877
บริการให้เช่ารถไม่ใช้บัตรเครดิต
รถดี สะอาด ง่าย ถูก คุ้มค่า
 
700-1200 บาทต่อวัน

วีออส ยาริส  ซิตี้  อัลเมร่า แคมรี่  อัลติส ซีวิค กระบะมิตซูไททั้น  ตู้Volkswagen
รับรถจุดบริการ แยกแคราย ใกล้สถาบันโรคทรวงอก  
ส่งถึงที่ ค่าส่งเริ่มที่ 500 แล้วแต่ระยะทาง 
ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นและจำนวนวันที่เช่า 
เช่าหลายวันยิ่งได้ส่วนลด 
รถเล็กทั่วไปเช่นวีออส ยาริส อัลเมร่า ซิตี้ 

Deposit เงินประกัน 5,000 ได้คืนตอนคืนรถ 4,000  เก็บตรวจสอบค่าจราจร 1,000  ครบ 30 วัน คืนหากมีใบสั่งปรับตามจริง

ประกัน ‭4000‬ บาท 
จอง/แจ้งเช่า 087-048-6085‬ 
สำเนาเอกสารที่ใช้
ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
ใบขับขี่ สลิปอื่นๆ
โทร 087-048-6085 คนคุมรถ , 
0837124115  ,  
086-521-3573 

Line id : 0837124115
www.รถเช่าดี.com
#2878


มาเก๊าสั่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในประชากรทั้งหมด 600,000 คน หลังพบผู้ติดเชื้อยืนยันรวม 4 รายเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.)

หนังสือพิมพ์ The Standard ของฮ่องกงรายงานว่า ทางการมาเก๊าพบสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน 4 คนติดโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเชื้ออาจจะแพร่ออกสู่ชุมชน

ก่อนหน้านั้น หน่วยงานด้านสาธารณสุขเมืองจูไห่ (Zhuhai) ได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานสาธารณสุขของมาเก๊า ว่า มีชาวมาเก๊า 2 คนเข้ารับการตรวจเชื้อที่เมืองแห่งนี้ และผลออกมาเป็นบวก

สามีภรรยาคู่นี้ได้เดินทางกลับไปยังมาเก๊าแล้วตอนที่มีการแจ้งเตือน และได้ถูกส่งตัวไปตรวจและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาบุตร 2 คนของทั้งคู่ก็ได้รับการยืนยันว่าติดโควิด-19 ด้วย

ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในมาเก๊ารายงานว่า มีการล็อกดาวน์อาคารที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับโรงพยาบาล Kiang Wu Hospital เมื่อวันอังคาร (3 ส.ค.)

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ทางการมาเก๊าได้ตั้งสถานีตรวจกรดนิวคลิอิกขึ้น 41 แห่งทั่วเมือง ซึ่งจะทำการตรวจเชื้ออย่างต่อเนื่องไม่หยุดเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน โดยประชาชนสามารถเข้ารับการตรวจได้ทันทีโดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า

ตามข้อมูลจากฝ่ายบริหารฮ่องกง มาเก๊ามียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมเพียง 59 ราย และยังไม่มีผู้เสียชีวิตเลย

ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารฮ่องกงได้ประกาศถอดมาเก๊าออกจากรายชื่อสถานที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางกลับเข้าฮ่องกงได้โดยไม่ต้องกักตัว ทำให้ตอนนี้บัญชี 'Return2HK' เหลือเพียงสถานที่ต่างๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น

ที่มา : รอยเตอร์, The Standard (HK)
#2879
บริษัท ออสซี่ออยล์ ในวันที่ 30/07/2564 เวลา 13.00 น.เข้าร่วมสัมมนาในระบบ zoom ในโครงการ ธุรกิจพลังงานอาชีพเสริมช่วงโควิท คลิ๊ก https://zoom.us/j/98003572433 
#2880


นักแสดงรุ่นใหญ่ กระดุม ธนายง ที่วันนี้จะมาเปิดใจชีวิตในวงการบันเทิงที่ยาวนานกว่า 40 ปี เคยไม่มีงาน ไม่มีเงิน ตกอับจนตัดสินใจถ่ายนู้ด แถมยังเป็นเจ้าชู้ตัวพ่อ สมัยก่อนเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยมาก พร้อมเปิดเส้นทางความรักคบแฟนสาว 10 ปี ไม่คิดแต่งงาน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow 

เข้าวงการมากี่ปีแล้ว?

ข่าวแนะนำ
ผมเข้ามาตั้งแต่ปี 87-88 ประมาณนั้นครับ 36-37 ปีได้ ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะเข้าวงการ เมื่อก่อนจะมีร้านขายเสื้อผ้า โดมอนแมน เขารับสมัครประกวดหนุ่มโดมอนแมน เราก็ไปเดินเที่ยวกับพี่สาว

เขาบอกว่าประกวดไหม เราบอกไม่เอา ไม่ชอบ เขาก็คะยั้นคะยอ จนเราแบบก็ลองดู พอประกวดมันก็เข้ารอบไปเรื่อยๆ จนเราติด 1 ใน 5 ก็ไม่ได้คิดว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง รุ่นนั้นจะมีเป็นมอริส เค เขาได้ที่ 2 ผมได้ที่ 4

พอได้ที่ 4 แล้วยังไงต่อ?

ก็มีงานถ่ายแบบ เดินแฟชั่นโชว์ ช่วงนั่นจะบูมมาก จะเดินตามเชียงใหม่ แล้วเดินตามดิสโก้ เทค ในผับอะไรอย่างนี้

ตอนนั้นดังมากขนาดมีเกย์มาขอเลี้ยงดู?

เกย์ในยุคนั้นมันจะต่างกับยุคนี้ ยุคนั้นคือดูไม่ออกว่าเป็นเกย์นะ จะนิ่ง ไม่มีอาการ ไม่มีทรง รูปร่างก็ไม่ใหญ่เหมือนสมัยนี้ สมัยนี้ถ้าเป็นเกย์คือเราดูออก

แล้วเขามาติดต่อยังไง?

เมื่อก่อนตอนไปเดินแฟชั่นโชว์ต่างจังหวัด มันก็มีทางเดินระหว่างแต่งตัวเสร็จขึ้นเวที ระหว่างทางเดินกลับถ้าเป็นชุดกางเกงว่ายน้ำโดนล้วงแน่นอน

เขายื่นข้อเสนอเท่าไหร่?

คือมีคนมาทาบทามบอกว่ามีคนอยากจะดูแล สนใจไหม เรียกมาได้นะว่าจะเอายังไง ผมบอกไม่ครับ มันไม่ใช่ทางผม เรามารู้จัก มากินข้าวกันดีกว่า

แล้วจากนายแบบพี่มาเล่นละครได้ยังไง?

พอประกวดเสร็จ ก็มีถ่ายแบบลงหนังสือนู่นนี่นั่น แล้วพอดีช่วงนั้นช่อง 3 เขาหานักแสดง นายประชาเขาก็เรียกเราไปเซ็นสัญญา

ก็ตกลงเซ็นสัญญาช่อง 3 ก็ได้เล่นละครเรื่องแรกเลย พอเซ็นสัญญาเสร็จ เดินออกมาเจอพี่จิ๋ม มยุรฉัตร เขาบอกมาเล่นละครอาเลย

เล่นละครหลายเรื่องไหมกว่าจะได้เป็นพระเอก?

ผมเล่นละครช่อง 3 จนหมดสัญญา จากช่อง 3 ด้วยความที่เราเกเรก็ออกจากช่องไปอยู่กันตนาพักหนึ่ง เสร็จแล้วก็ออกด้วยความเกเรตามประสาเด็กวัยรุ่น

จนไปทำงานที่มีเดีย เป็นนักข่าวภาคสนาม โทรศัพท์เข้าช่องคลื่นวิทยุ สัมภาษณ์คนทำงานกลางคืน มีอยู่วันหนึ่งก่อนที่จะมาเป็นพระเอกก็ไปหาอาปื๊ด คุณกิตติ อัครเศรณี สมัยนั้นเป็นอัครมีเดีย

เราก็ไปธุระ เสร็จปุ๊บก็ไปเจออาปื๊ดนั่งอยู่ ผมก็ไปสวัสดี เขาก็มองแล้วถามว่า มึงอยากเล่นละครไหม เราก็งง แต่ตอบไปว่า อยากครับอา มึงเป็นพระเอกเลย

เขาบอกเดี๋ยวพรุ่งนี้มึงเตรียมตัวให้พร้อม มึงไปฟิตตัวเก็บตัวเลยนะ พออีกวันเราก็ไปฟิต ไปซ้อมดาบ ไปเล่นยิม ต่างๆ ที่เขาพาไป ตอนนั้นเล่นเรื่องขุนศึก คู่ ตุ๊ก วิมลเรขา ฉายช่อง 9

บอกว่าตัวเองไม่เหมาะกับบทพระเอก เพราะอะไร?

เพราะว่าเป็นพระเอกอยู่เรื่องเดียว หลังๆ มางานมันหาย สงสัยจะไม่สมพงศ์ ก็เลยมานั่งคิดว่าพระเอกมันคงไม่เหมาะ ก็เลยพยายามหาตัวเอง เปลี่ยนตัวเองว่าคงจะไม่ได้พระเอกแล้ว


ก็เลยทำให้ผันตัวมาเป็นผู้ร้าย?

ใช่ครับ

เป็นผู้ร้ายจนโกอินเตอร์?

ใช่

ผู้กำกับญี่ปุ่นมาเห็น ติดต่อให้ไปเล่น?

ใช่ครับ แต่ที่ผู้กำกับญี่ปุ่นเห็นเนี่ย เขาไม่ได้เห็นจากงานละคร อาจจะเป็นเพราะดวงที่เราอาจจะได้เล่นก็ได้ พอดีทีมงานหนังของญี่ปุ่นมาถ่ายเมืองไทย แล้วเขาเอาทีมไทยผสมกับญี่ปุ่น

แล้วพอดีคนที่เขาแคสต์นักแสดงก็รู้จัก ก็ติดต่อว่าอยากเล่นไหม เราก็ไป ก็ได้เล่นเรื่อง Children of the Dark

รายได้ดีไหม?

ตอนญี่ปุ่นไม่ดีครับ มันได้แค่หลักหมื่น มันได้เป็นคิว แต่มาดีตรงที่ไปเกาหลี

แล้วมาเล่นหนังที่เกาหลีได้ยังไง?

มันก็เป็นดวงอีก พอเล่นหนังญี่ปุ่นเสร็จแล้ว พอดีทางเกาหลีเขาจะเตรียมงานหนังเรื่อง The Man from Nowhere ซึ่งความโชคดีของเราก็คือ ระหว่างที่เขาหาตัวนักแสดง ผู้กำกับเขาเห็นเราในหนัง

เขาก็แคปรูปเราไว้บนบอร์ด เขาเลยติดต่อมาที่บริษัทเอเจนซี่เมืองไทย หาตัวนักแสดงมาแคสต์ เพื่อหาคนนี้ เสร็จแล้วหาไม่ได้ จนวันสุดท้ายเพื่อนผมเคยทำงานอยู่กันตนา เขาไปธุระที่นี่

เขาก็เลยถามว่าคุณรู้จักผู้ชายคนนี้ไหม เพื่อนผมก็มองรูป นี่มันกระดุมหนิ เขาก็โทรหาผม ให้ไปแคสต์ ผมก็ได้ เขาบอก 2 วันไปเกาหลีเลย ผมก็ถามรายละเอียด

เขาบอกอยากให้ไปดูตัว เราก็ถามใครออกค่าตั๋วเครื่องบิน แล้วค่าใช้จ่าย ผมก็เลยบอกว่าขอเงินก่อน 200,000 บาทแล้วก็ตั๋วเครื่องบิน แล้วที่อยู่ เขาบอกโอเคได้ ผมก็เลยซื้อตั๋วไปเลยคนเดียว

ได้ค่าตัวเท่าไหร่?

ก็ได้ประมาณ 2 ล้านกว่า เราอยู่เกาหลีจริงๆ ซ้อมคิวบู๊ประมาณ 6-7 เดือน ไป-กลับ เกือบ 2 ปี อยู่นานสุดประมาณ 15 วัน

ฟังดูก็ดี แต่ทำไมทีมงานบอกพี่อยากกลับบ้านมากเลย?

ตอนไปอยู่ที่นู่น ตอนฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้เขาเนี่ยไม่เหมือนบ้านเรา พอไปเปลี่ยนลักษณะการต่อสู้ มันเหมือนกับเปลี่ยนตัวเรา แล้วเราต้องพยายามทำให้ได้เหมือนกับที่เขาอยากได้ แล้วมันกดดันมาก

ทุกอย่างจะฟิกซ์หมดเรื่องเวลาการซ้อม 9 โมงเช้ามารับที่โรงแรม อาหารเช้าคือกาแฟกับแซนวิช บ่ายโมงพักเที่ยง อาหารบริเวณยิม จนถึงประมาณ 2 ทุ่มซ้อมเสร็จกลับโรงแรม แวะกินข้าวข้างทาง ชีวิตอยู่แบบนี้ประมาณ 6 เดือน

สุดท้ายหนังออกมาฟีดแบคดีมาก?

ดีมาก

จนคิดไปอยู่เกาหลี?

ใช่ คิดเลย แต่เอาจริงๆ มันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด มันหลายๆ อย่าง เพราะเราเป็นคนไทยด้วย แล้วเราไม่ได้มีพาวเวอร์ที่ไปแล้วมันต้อง success เช็กจากทุกๆ คนแล้วมันไม่ง่าย เราก็เลยถอย

เรื่องภาษาล่ะ?

เป็นภาษาอังกฤษที่สื่อสารกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีล่ามเป็นนักเรียนเกาหลีที่เรียนเมืองไทย

ความเจ้าชู้ของพี่สมัยก่อนต้องไม่ธรรมดา?

มันก็มีบ้าง แต่ความเจ้าชู้ของผมมันจะมีหลายเลเวล คือเลเวลแรกๆ ช่วงเข้าวงการใหม่ๆ อันนั้นคือซัดแหลก กินมูมมาม เลเวลต่อไปเริ่มมีโฟกัสว่าอย่างนี้ไม่เอา เขี่ยออกไม่กิน

จริงหรือเปล่าสมัยก่อนพี่เปลี่ยนผู้หญิงทุกคืน?

คือถ้าออกเที่ยวต้องล็อกคอจบ ผมจะเป็นคนชัดเจนมาก ถ้าผมไปเที่ยวกับเพื่อน 3-4 คน ตัวเองจะไว้ทีหลัง ให้เพื่อนก่อน ล็อกคอมาปุ๊บถามมากับใคร มากับแฟนหรือเปล่า ถ้ามากับแฟนไม่เป็นไร

เคยไหมล็อกแล้วโดนตบกลับ?

มีครับ


คบคนเยอะแบบนี้มันต้องมีรถไฟชนกัน?

มีครับ แต่ผมโชคดีเวลาชนแล้วผมไม่เคลียร์เอง ผมเดินหนี ผมไม่อยู่ ไม่อยากรับรู้

เห็นว่าเคยทำผู้หญิงท้องด้วย?

มันเป็นอะไรที่มีคนบอกผ่านมาว่าผู้หญิงที่เราไปมีอะไรด้วยเขาท้อง เราก็แบบ..ไม่มั้ง เราก็ป้องกันอย่างดีนะ เราก็เลยไปตามหาผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีอะไร แค่เป็นเขาเล่ามา บอกมาเฉยๆ

อันนี้จริงไหม ทีมงานบอกว่าไม่คบคนในวงการเลย?

จริงๆ ผมเคยแต่งงานกับคนในวงการ แล้วผมก็เลิก มันก็เลยเหมือนมีปม เราก็เลยไม่อยากยุ่ง ซึ่งคนที่ผมเคยแต่งงานด้วยเป็นนักแสดง แต่ไม่เอ่ยชื่อเขาดีกว่า

จริงไหม หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็หมดไปกับนารีและสุรา?

ใช่ครับ ช่วงแรกๆ มันไม่คิดอะไร คิดว่ามีเงินก็เที่ยว กินเหล้า เช้ามาทำงานก็มีเงิน แล้วก็เหมือนเดิม ชีวิตวนอยู่อย่างนี้

กี่ปี?

ตั้งแต่ 18 จนถึงประมาณ 30 กว่า

คืนนึงที่จ่ายทั้งเหล้า ผู้หญิง สูงสุดเท่าไหร่?

ก็หลายหมื่น

ถ้าย้อนเวลาได้?

ก็คงไม่ทำ มันไม่มีประโยชน์ เก็บเงินดีกว่า แต่ว่ามันก็พูดยาก เงินยุคนั้นกับยุคนี้มันก็ต่างกัน ถามว่าตอนนู้นรายได้ดีไหม ดีระดับนึง

แต่มีอยู่พักหนึ่งที่เราไม่เห็นหน้าบนจอทีวีเลย เกิดอะไรขึ้น?

ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน อยู่ๆ ก็ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไร มันก็เคว้ง

เราไม่อยากทำหรือมันไม่มีงานติดต่อเข้ามา?

มันมีแต่มันน้อย จากเมื่อก่อนปีนึงหลายๆ เรื่อง เหลือปีละเรื่อง

เห็นว่าปีนึงเคยถ่าย 10 เรื่อง?

ใช่ครับ เคยได้ปีนึงประมาณ 10 กว่าเรื่อง

ตอนนั้นคิดจะกลับเข้าวงการอีกก็เลยคิดจะถ่ายนู้ด?

ใช่ เพราะมันมีอยู่ช่วงนึง นักแสดงผู้ชายมาถ่ายนู้ดเยอะมาก เราก็เลยคิดว่าจะเอาดีไหม ก็ไปคุยกับช่างภาพกับเจ้าของหนังสือ คุยกันว่าอย่างนี้ดีไหม พยายามฟิตหุ่นละนะ แต่สุดท้ายพอถึงวันถ่ายจริงๆ มันไม่กล้า

ตอนนั้นอายุเท่าไหร่?

ประมาณ 30 ตอนนั้นที่เราวางไว้ไม่ได้เป็นนู้ดจ๋า เรามองเป็นอาร์ตสวยๆ แค่นั้นเองที่เราอยากจะทำ

แล้วอะไรทำให้เปลี่ยนใจ?

ใจเรามันคิดเยอะนะว่าภาพมันจะติดแบบนี้ไปตลอดชีวิตนะ เราก็เลยไม่เอาดีกว่า ก็เลยถอย

แล้วพี่กลับมาในวงการได้ยังไง?

เหมือนกับดวงมั้งครับ ก็เริ่มมีงานกลับมาอีก


ตัดสินใจถูกไหมที่ไม่ได้ถ่าย?

ถามว่าใจก็อยาก แต่ ณ เวลานี้คิดว่าทำถูกแล้ว

จากวิกฤติที่มันเกิดขึ้น ได้รับบทเรียนอะไรบ้าง?

เยอะมากครับ ก็หลังจากที่เกิดวิกฤติต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตก็เหมือนเป็นครู เป็นบทเรียนสอนเรา เพราะฉะนั้นตอนนี้เวลาทำอะไร เราต้องคิดเยอะเลยว่าทำไปแล้ว ข้อดียังไง ข้อเสียยังไง ตอนนี้คิดเยอะมาก จะทำอะไรต้องมองไปข้างหน้า เราจะมองอยู่กับที่ไม่ได้แล้ว

สาวคนนี้คบมา 10 กว่าปีแล้ว?

10 กว่าปีแล้วครับ เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เที่ยวอยู่ในกลุ่มด้วยกันนี่แหละ จริงๆ รู้จักกันก่อน 10 กว่าปีด้วยนะระหว่างที่เป็นเพื่อนกัน

แสดงว่าเขารู้จักเวอร์ชันพี่เมื่อก่อนด้วย?

ชัดเจนมาก

แล้วทำไมเขาถึงตัดสินใจเป็นแฟน?

น่าจะเป็นช่วงที่ต่างคนต่างไม่มีใคร พออายุมันเริ่มเยอะ เราก็คุยกัน มองกันแล้วก็เออคุยกันว่าเป็นแฟนกัน

จากเพื่อนมันเริ่มเปลี่ยนความรู้สึกตอนไหน?

จริงๆ มันก็มีการมองกันอยู่แล้ว

ใครขอใครเป็นแฟน?

ผมครับ

แล้วทำไมถึงหยุดเจ้าชู้เพราะคนนี้?

อาจจะถึงจุดที่เราอิ่มตัว เราไปเที่ยวแบบสุดแล้ว ความที่เราพีค ความระยองของเรามันสุดแล้ว เราก็คิดว่ามันก็น่าจะหยุดได้แล้ว พอหลังๆ ไปเที่ยว เราไม่ได้สนุกแบบเมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนเราทำอะไร เราทิ้งตัว ให้ทำอะไรทำหมด แต่เดี๋ยวนี้พอถึงจุดด้วยอายุ

รู้สึกว่าพอมาคบกับคุณนกอยากอยู่กับเขามากกว่าอยากไปเที่ยว?

ก็ส่วนหนึ่งแรกๆ คือเรารู้จักกันมานาน พอเป็นแฟนก็อยู่ด้วยกันมานานจนมันกลายเป็นเพื่อน ทีนี่คำว่าเพื่อน คำว่าแฟนมันต่างกัน พออยู่แบบเพื่อนเขาไม่ได้สติ๊กกับเราเยอะ แต่ต้องไม่เลยเส้นว่าคุณได้ประมาณไหน

เห็นว่าไม่คิดจะแต่งงาน?

ไม่แต่งครับ เพราะเคยแต่งไปแล้ว แล้วเราไม่ประสบความสำเร็จกับตรงนั้นเราก็เลยคิดว่าการแต่งงานไม่จำเป็น นี่คือความคิดของผมนะ

ไม่เคยพูดถึงเรื่องความรักที่ไหนเลย?

ใช่ครับ ผมว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน ที่เราอยู่กับเขา ว่าเราดีกับเขาไหม รักเขาไหม เขารักเราไหม คือผมเป็นคนไม่แสดงออกเรื่องความรัก เหมือนกับผมเป็นคนแข็งกระด้าง

แฟนน่ารักยังไง?

เขาเป็นผู้ใหญ่ คือเขาไม่ต้องมาว่า คุณต้อง ก. ข. คือชีวิตคุณเขารู้สันดานอยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง

แล้วเขาโอเคไหมที่จะไม่แต่งงาน?

โอเคครับ


อยากมีลูกกันไหม?

เมื่อก่อนคิดอยากมี แต่พอเลยเลข 5 ไม่อยากมีแล้วครับ

เคยมีเรื่องให้เขาต้องหึงหวงไหม?

มีครับ ช่วงแรกๆ ก็อาจจะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามา มันเป็นเรื่องปกติอยู่ แล้วเขาก็พูดไม่เยอะแค่มอง เราก็โอเคเข้าใจได้

แต่ไม่เคยเปิดตัวนะ?

ไม่เคยเปิดตัวเลย

เขาจะน้อยใจไหม?

ไม่มีเลย

อยากจะบอกอะไรแฟนคุณ?
อยากจะบอกว่าที่อยู่ด้วยกันมาเนี่ย เขาก็ควรจะรู้ว่าผมเป็นคนไม่พูด แต่ถามว่ารักไหม รัก ถามว่าห่วงไหม ห่วงแต่ว่าไม่พูด.