• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Beer625

#2781


เอฟเวอร์ตัน ของ ราฟาเอล เบนิเตซ ยังร้อนแรงไม่หยุดหย่อน หลังเดินหน้าเก็บชัยชนะเหนือ เบิร์นลีย์ 3-1 จนเก็บคะแนนได้ 10 แต้ม เทียบเท่ากลุ่มจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อย

เกมมันเดย์ ไนท์ เอฟเวอร์ตัน อันดับ 8 มี 7 แต้ม เปิดรังเจอ เบิร์นลีย์ อันดับ 18 มีแต้มเดียว เกมนี้ 'ท็อฟฟี' วาง 3 ประสาน ริชาร์ลิสัน, เดอมาราย เกรย์, อันโดรส ทาวน์เซนด์ ลงยิง ส่วน เบิร์นลีย์ ฝากฝัง แอชลีย์ บาร์นส กับ คริส วูด พังประตู

เริ่มเกม 6 นาที เบิร์นลีย์ ทักทายก่อน ดไวท์ แม็คนีล เงยหน้าเปิดโด่งให้ คริส วูด โหม่งแต่ออกข้าง ขณะที่ นาที 19 ทีมเยือนได้ลูกเตะมุม แอชลีย์ เวสต์วูด สาดขึ้นมา เบน มี โหม่งอีกรอบแต่แต่ก็ออกหลังนิดเดียว

นาที 27 เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นบ้าง อันโดรส ทาวน์เซนด์ แปะให้ อับดุลลาย ดูคูเร่ แหวกไปยิงจ่อๆ แต่ติดเซฟ นิค โป๊ป ต่อมา นาที 40 เอฟเวอร์ตัน ได้เตะมุม ลูก้า ดีน เปิดมาแล้ว เบน ก็อดฟรี โหม่งแต่ไม่แม่นออกข้าง จบครึ่งแรกยัง 0-0

ครึ่งหลัง นาที 53 เบิร์นลีย์ นำจนได้ โยฮัน กุดมันสัน วิ่งเก็บ.ฝั่งขวาแล้วตักให้ เบน มี สะบัดคอโขกตุง 1-0 แต่ดีใจไม่นาน นาที 60 ท็อฟฟี ตีเสมอจากลูกแบบเดียวกัน อันโดรส ทาวน์เซนด์ โยนฟรีคิกเข้ากบาล ไมเคิล คีน โหม่งเข้าเช่นกัน 1-1

นาที 64 เจ้าบ้านพลิกสถานการณ์แซงนำ อันโดรส ทาวน์เซนด์ ลำเลียง.มาแถวสองแล้วตะบันมุดคานสวยงาม 2-1 และไม่ทันไร นาที 66 ก็ยิงเพิ่มอีก อับดุลลาย ดูคูเร่ จ่ายทะลุครึ่งสนามให้ เดอมาราย เกรย์ หลุดเดี่ยวไปซัลโวไม่เหลือ 3-1

เวลาที่เหลือ เบิร์นลีย์ ลุยแหลกเพื่อเอาประตูไล่ตาม แต่ก็ไม่ทันแล้ว จบเกม ทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ยังไร้เทียมทาน ไม่แพ้ใคร 4 นัดรวดตั้งแต่เปิดซีซั่น มี 10 แต้มเท่ากลุ่มจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ ลิเวอร์พูล แต่อยู่อันดับ 4 ส่วน เบิร์นลีย์ มีแต้มเดียว ยังหาชัยชนะไม่เจอ
 
#2782


"เอ็นไอเอ" เปิดตัวสำนักงานภูมิภาคแห่งแรก ยกระดับนวัตกรรมใน 11 จังหวัดภาคเหนือ ปักหมุด 'เชียงใหม่' สู่การเป็นศูนย์กลางภูมิภาคนวัตกรรม เชื่อมหน่วยงานท้องถิ่น ขับเคลื่อนนวัตกรรมระดับภูมิภาค สู่การเป็นพื้นที่นวัตกรรมหลากหลาย ทั้งเป็นบ้านหลังใหม่ของสตาร์ทอัพทั่วโลก

โดยเอ็นไอเอวางแผนพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่และภูมิภาค ภายใต้กลไก 3 ด้าน ได้แก่ การสนับสนุนด้านการเงิน (Finance) การสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายภูมิภาค (Network) และการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ (Intelligent) พร้อมเดินหน้าต่อยอดผลักดันเชียงใหม่สู่ "จังหวัดศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมในภูมิภาคภาคเหนือ" ตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะเกิดการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งสิ้น 263 ล้านบาท และก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดของภาคเหนือ (GPP) เพิ่มขึ้น 0.042% และเกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 0.0011%

 

แปลงโฉมล้านนา

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า เอ็นไอเอเริ่มพัฒนากิจกรรมด้านนวัตกรรมมาเกิน 15 ปี เน้นการทำงานผ่านการให้ทุนกับผู้ประกอบการนวัตกรรมในพื้นที่ พร้อมทำงานร่วมกับธุรกิจ สมาคม จนมาถึงจุดเปลี่ยนพบว่าการให้ทุนอย่างเดียวไม่เพียงพอและโครงสร้างพื้นฐานหลายส่วนในระดับภูมิภาคก็เริ่มจะก่อกำเนิดขึ้น อีกทั้งหนึ่งในปัญหาหลักสำคัญของการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมของไทยคือ การกระจุกตัวของการพัฒนาอยู่เฉพาะในเมืองหลวง เด็กจบใหม่จำนวนมากต้องย้ายถิ่นฐานมาทำงานที่กรุงเทพฯ แทนที่จะได้อยู่พัฒนาบ้านเกิดของตน

 

ดังนั้น การจัดตั้งสำนักงานภาคเหนือ หรือ NIA Lottovip Northern Regional Connect จึงเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรม และสร้างโอกาสการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมในส่วนภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงเป็นการสร้างอัตลักษณ์ของย่านเมือง หรือระเบียงนวัตกรรม ให้มีความโดดเด่นก่อให้เกิดกิจกรรม และการลงทุนทางด้านนวัตกรรมต่อไป


ย่านบ่มเพาะนวัตกรรมแห่งใหม่

ดังนั้น สำนักงานภาคเหนือ ถือเป็นสำนักงานภูมิภาคแห่งแรกของ NIA ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ ที่มีความพร้อมสู่การเป็นเมืองนวัตกรรม เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรมหลากหลาย มีสถาบันการศึกษาชั้นนำในภูมิภาคที่สามารถเป็นแหล่งผลิตนวัตกรได้

 

และมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมต่อการเป็นบ้านหลังใหม่ของดิจิทัลโนแมดและสตาร์ทอัพจากทั่วโลก โดยสำนักงานจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างกลไกด้านนวัตกรรมกับผู้ประกอบการภาคเอกชน เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างกิจกรรมทางด้านนวัตกรรมในพื้นที่

 

โดย สำนักงานภาคเหนือตั้งอยู่ภายในอาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ดำเนินงานครอบคลุม 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และ 3 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง รวมเป็น 11 จังหวัด ขนาดพื้นที่รวม 108,102 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 21% ของประเทศ รวมประชากรว่า 7.8 ล้านคน คิดเป็น 12% ของประชากรทั้งประเทศ ทั้งนี้เชียงใหม่ยังเป็นศูนย์กลางของสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ

 

และวางเป้าหมายว่าในปี 2569 จะมีศูนย์กลางในการพัฒนานวัตกรรมเพิ่มขึ้นอีกใน 4 จังหวัด ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อจังหวัดโดยรอบทั้ง 11 จังหวัดนี้ เกิดย่านนวัตกรรมในภูมิภาคขึ้นอีก 2 แห่ง เกิดการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 3,000 อัตรา มีการเข้าถึงนวัตกรรมทางด้านสังคมของตัวแทนชุมชนไม่น้อยกว่า 400 คน

 

เกิดการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งสิ้น 263 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดของภาคเหนือ (GPP) เพิ่มขึ้น 0.042% และเกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 0.0011%


ซึ่งในภูมิภาคนี้มีความพร้อมนั่นคือ การรวมตัวกันของอุตสาหกรรมอนาคต ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร การแพทย์ การท่องเที่ยว นวัตกรรมสังคม และดีพเทคสตาร์ทอัพ อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยในภูมิภาค 16 แห่ง อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ 7 แห่ง และย่านนวัตกรรม 2 ย่าน จึงถือได้ว่าในภูมิภาคนี้มีความพร้อมของยุทศาสตร์

 

'ฮับ' นวัตกรระดับภูมิภาค

พันธุ์อาจ อธิบายเพิ่มเติมว่า  การพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม และยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมในส่วนภูมิภาคยังมีประเด็นท้าทายอยู่ 7 ประเด็นสำคัญ ที่ต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่

1. การเพิ่มวิสาหกิจฐานนวัตกรรม ที่เพียงพอต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง "ระบบนวัตกรรม"

2. การเพิ่มจำนวนนวัตกรในระบบนวัตกรรมของไทยมีความเก่ง และความเชี่ยวชาญ ในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

3. การใช้ประโยชน์ โครงสร้างพื้นฐาน ทางนวัตกรรมและการเข้าถึงบริการทางนวัตกรรมในทุกภาคส่วน

4. การสร้างโอกาสทางนวัตกรรมในระบบภูมิภาค

5. การทำให้ กฎ ระเบียบ และ นโยบาย เป็นเรื่องง่ายกับกระบวนการทางนวัตกรรม

6. การเป็นชาตินวัตกรรมที่ "คนไทย" และ "นานาชาติ" ยอมรับ

7. การทำให้ระบบนวัตกรรมไทย "ตอบสนอง" ต่อการเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้วยนวัตกรรม อาทิ ฝุ่นควัน

 

ซึ่งเอ็นไอเอได้มีการวางแผนแนวทางพัฒนาผ่านกลไก 3 ด้าน ได้แก่ การสนับสนุนด้านการเงิน การสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายภูมิภาค และการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ แต่ทั้งนี้การดำเนินงานไม่สามารถทำได้เพียงองค์กรเดียวจึงได้มีการร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรนวัตกรรมในพื้นที่ภาคเหนือ (Northern Innovation Thailand Alliance) เพื่อผลักดันเชียงใหม่ให้เป็นเมืองนวัตกรรมตัวอย่างของไทยและภูมิภาค ต่อไป

 

เพื่อนำไปสู่ความพร้อมในการเป็นพื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมที่หลากหลาย พร้อมในการเป็นแหล่งผลิตนวัตกรจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในภูมิภาค พร้อมในการเป็นบ้านหลังใหม่ของ Digital Nomand และสตาร์ทอัพจากทั่วโลก พร้อมเป็นเบ้าหลอมนวัตกรรม และไลฟ์สไตล์แคปปิตอลของภูมิภาค และพร้อมเป็นแซนด์บ็อกแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการนำร่องไปสู่การขยายผลในอนาคต

 

ด้าน วิเชียร  สุขสร้อย  รองผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและสังคม เผยถึงการกลไกสนับสนุนด้านการเงินว่า จุดเด่นของเอ็นไอเอคือ การทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งการเงิน โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีความสนใจทำธุรกิจนวัตกรรมเพื่อก้าวกระโดดในแง่ของการสร้างรายได้ใหม่ๆ  ฉะนั้นผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค ภาคเหนือมีสัดส่วนได้รับทุนสนับสนุนจำนวนมากทั้งสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการที่ต้องการทำธุรกิจนวัตกรรม จึงทำให้ภาคเหนือเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล

 

ซึ่งสำนักงานได้ทำการเชื่อมโยงแหล่งทุนต่างๆที่เหมาะสมกับการพัฒนาผู้ประกอบการ อาทิ หน่วยงานภาครัฐที่มีหลากหลายกระทรวง หรือแม้กระทั่งภาคเอกชน และนักลงทุน ทำให้ที่ผ่านมาภาคเหนือมีการให้ทุนสนับสนุนมากกว่า 78 ล้านบาท ซึ่งจากการเทียบในและภูมิภาคพบว่าภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมในแง่ของการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมได้โดดเด่นกว่าภาคอื่น สัดส่วนผู้ประกอบการภาคเหนือแบ่งออกเป็นกลุ่มไบโอเทคโนโลยี เกษตรและอาหาร ประมาณ 16 ราย ส่วนดิจิทัลและบริการ  34 ราย และทางฝั่งของภาคการผลิต ประมาณ 9 ราย ดังนั้นการดำเนินการทั้งหมดนี้จะเป็นการผลักดันให้เศรษฐกิจระดับภูมิภาคเติบโตอย่างยั่งยืนได้

 

ทั้งนี้ อาจารย์ วรจิตต์ เศรษฐพรรค์  คณบดีวิทยาลัยพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีชุมชนแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เปิดมุมมองถึงนวัตกรรมเพื่อสังคมและคุณภาพชีวิตยุค 5G ว่า มหาวิทยาลัยเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น โดยใช้พื้นที่ในมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่บ่มเพาะนวัตกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พลังงาน การดูแลสิ่งแวดล้อม การขจัดพีเอ็ม 2.5 ทั้งมีการพัฒนาในพื้นที่มหาวิทยาลัย และขยายสู่ในชุมชน

 

สำหรับนวัตกรรมเพื่อสังคมทางมหาวิทยาลัยได้เป็นโหนดขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมประจำภาคเหนือตอนบน 1 หน้าที่ของโหนดคือ ต้องแสวงหาผู้ประกอบการหรือบุคคลที่สนใจเข้าร่วมโครงการจากนั้นจะมีการให้ทันสนับสนุนธุรกิจ และเครือข่ายพี่เลี้ยง ทั้งหมดนี้จะเป็นการสร้างเครือข่ายในภาคเหนือและระบบนิเวศนวัตกรรม จากการสนับสนุนภายใต้ระยะเวลา 2 ปี ได้สนับสนุนทุนไป 11 ผลงาน ส่วนในปีนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงาน 17 ผลงาน ดังนั้นทุนที่ให้ไปไม่เกิน 3 แสนบาท ต่อผลงาน โดยที่ผู้ขอรับทุนร่วมสมทบทุนไม่น้อยกว่า 10% อีกทั้งภายใต้การดำเนินงานจะมีระบบพี่เลี้ยงและสื่อต่างๆเพื่อผลักดันผลงานอีกด้วย

 

โดยผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมที่สนใจได้แก่ 1.ยกระดับสถานประกอบการ ผ่านการใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และกระบวนการใหม่ๆ 2.ต้องคำนึงถึงวิถีชุมชน พร้อมกับชูจุเด่นอัตลักษณ์ท้องถิ่น อาทิ เชิงวัฒนธรรม คุณค่าและมูลค่าเพิ่ม 3.นวัตกรรมพร้อมใช้ มีการรับรองมาตรฐาน 4.มีประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนเชิงธุรกิจ
#2783


กระทรวงพาณิชย์ เผยธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต (e-Commerce) เป็นดาวเด่นประจำเดือนกรกฎาคม 2564 ยอดจดทะเบียนจัดตั้งใหม่พุ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพียง 7 เดือนแรกของปี 2564 มีธุรกิจตั้งใหม่ 794 ราย เกือบเท่าปี 2563 ตลอดทั้งปี สวนทางสถานการณ์โควิด-19   พบธุรกิจส่วนใหญ่จัดตั้งในรูปแบบบริษัทจำกัด เป็นธุรกิจขนาดเล็ก มีนักลงทุนต่างชาติอันดับ 1 คือ สิงคโปร์ และธุรกิจนี้สร้างรายได้ในประเทศสูงถึงระดับแสนล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากปัจจัยเสริมด้านต่างๆ ทั้งการผลักดันการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของภาครัฐ การปรับตัวของธุรกิจและผู้บริโภค รวมถึงมาตรการ Lock Down ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคลดการออกจากบ้านและเปลี่ยนมาซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลการวิเคราะห์ธุรกิจในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ธุรกิจที่กลายเป็นดาวเด่นประจำเดือนนี้คือ ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต (e-Commerce) ปัจจุบันมีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวน 3,525 ราย และตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2564 มี 'ธุรกิจจัดตั้งใหม่' ภายใน 7 เดือนแรก (มกราคม-กรกฎาคม) จำนวน 794 ราย ซึ่งมีจำนวนเกือบเท่ากับปี 2563 ตลอดทั้งปี ที่มีจำนวน 798 ราย 

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบในช่วงเดือนก่อนหน้าพบว่า ในเดือนกรกฎาคม 2564 มีจำนวน 112 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2564 ที่มีจำนวน 106 ราย คิดเป็น 5.66% และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคมของปี 2563 ที่มีจำนวน 79 ราย ก็แสดงให้เห็นว่าการจัดตั้งธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ยังมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องคิดเป็น 41.77% เป็นที่น่าจับตามองถึงยอดจดทะเบียนในครึ่งปีหลังที่จะสร้างโอกาสใหม่ให้ธุรกิจนี้กลายเป็นธุรกิจดาวเด่นของปี 2564 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้เร่งสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่

สำหรับธุรกิจฯ ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเกือบทั้งหมดจัดตั้งในรูปแบบบริษัทจํากัด มีจํานวน 2,865 ราย คิดเป็น 81.28% มูลค่าทุน 28,914.74 ล้านบาท โดยทุนจดทะเบียนของธุรกิจประเภทนี้แบ่งเป็น ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาท จํานวน 2,758 ราย ทุนจดทะเบียน 1.01-5.00 ล้านบาท จํานวน 667 ราย ทุนจดทะเบียน 5.01-100 ล้านบาท จํานวน 84 ราย และมากกว่า 100 ล้านบาท จํานวน 16 ราย จากจำนวนนี้คิดเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) มากที่สุด จํานวน 3,468 ราย คิดเป็น 98.38% ธุรกิจขนาดกลาง (M) จํานวน 38 รายคิดเป็น 1.08% และธุรกิจขนาดใหญ่ (L) จํานวน 19 ราย คิดเป็น 0.54%

"ประเด็นที่น่าสนใจอีกด้าน คือ การเข้ามาลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติของธุรกิจ e-Commerce ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน สะท้อนถึงศักยภาพและความน่าสนใจของตลาด e-Commerce ในประเทศไทย โดยสิงคโปร์เป็นประเทศที่ครองแชมป์อันดับที่ 1 มูลค่า 16,045.30 ล้านบาท คิดเป็น 54.18% ของมูลค่าการลงทุนในประเภทธุรกิจนี้ อันดับที่ 2 คือ ฮ่องกง จํานวน 2,224.56 ล้านบาท คิดเป็น 7.51% และ อันดับ 3 จีน จํานวน 321.80 ล้านบาท คิดเป็น 1.09 % และเมื่อเปรียบเทียบเงินลงทุนกับเดือนกรกฎาคมของปี 2563 ที่มีจำนวน 18,541.10 ล้านบาท กับเดือนกรกฎาคม 2564 ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีจำนวนการลงทุนที่ 19,023.20 ล้านบาท"

"โดยสรุปธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ตถือเป็นธุรกิจที่มีการรายได้ภายในประเทศสูงถึงระดับ แสนล้านบาทต่อปี โดยในปี 2563 ธุรกิจนี้มีรายได้รวมอยู่ที่ 111,670.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น สามารถใช้บริการได้แบบใกล้ตัวผ่านโทรศัพท์มือถือ ชำระค่าบริการสินค้าได้ทันทีผ่าน Mobile Banking และระบบการขนส่งสินค้าที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น" 

 "การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตภายใต้การระบาดของโรคโควิด-19 ยังเป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่ให้ผู้บริโภคลดการเดินทางออกจากบ้าน จึงจำเป็นต้องซื้อสินค้าผ่านทางโลกออนไลน์เป็นหลัก ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้ได้รับผลเชิงบวกตามไปด้วย แม้ว่าจากมาตรการ Lock Down จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก แต่ขอฝากความห่วงใยไปถึงผู้ประกอบธุรกิจที่ยังคงต้องเผชิญความท้าทายและเตรียมพร้อมที่จะให้ความสำคัญถึงการจัดส่งสินค้าเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่หรือการติดเชื้อจากพนักงานขนส่งเองก็ดี อาจจะทำให้การจัดส่งสินค้าไม่เป็นไปตามที่ได้ตกลงกับผู้บริโภคได้ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องมองหาผู้ให้บริการขนส่งที่เป็นมืออาชีพสำรองไว้หลายแห่ง เพื่อรองรับอุปสรรคดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นได้" รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย
URL
 5
 
#2784


บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด รวมพลังเสริมจุดแกร่งด้านการขนส่งโลจิสติกส์และการกระจาย สินค้าแบบครบวงจร ยกระดับการขนส่งชุดตรวจ Antigen self-test Test Kits : ATK ภายใต้ชื่อ "SARS-CoV-2 Antigen Rapid Test" ของบริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ประมูลการนำเข้าชุดตรวจโควิด ATK 

โดยจะผ่านกระบวนการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ และเตรียมกระจายไปยังหน่วยบริการ โรงพยาบาล ร้านขายยา จำนวน 1,000 แห่งทั่วประเทศ ตามที่ สปสช. กำหนดเพื่อให้ประชาชนได้ตรวจคัดกรองโควิด-19

นายพงษ์ทร วิเศษสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ สายงานธุรกิจองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดไปรษณีย์ไทยได้ช่วยสนับสนุนภาคประชาชน ให้เข้าถึงการตรวจคัดกรองโควิด-19 อย่างทั่วถึง โดยบริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจในไปรษณีย์ไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ให้เป็นผู้ขนส่งและกระจายชุดตรวจ Antigen self-test Test Kits (ATK) ไปยังหน่วยบริการ อาทิ โรงพยาบาล ร้านขายยาฯ กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

  ไปรษณีย์ไทย เร่งส่ง ATK 8.5 ล้านชุด ผ่านขนส่งเย็น กระจายรพ.-ร้านยา พันแห่ง


ทั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จึงได้เพิ่มขีดความสามารถและความแข็งแกร่งในด้านโลจิสติกส์ไทยร่วมกับบริษัทในเครืออย่าง บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ในการใช้ระบบการขนส่งแบบด่วนพิเศษด้วยรถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (ไม่เกิน 30 องศา) และรองรับพื้นที่เก็บชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชิ้นในห้องควบคุมอุณหภูมิ (ไม่เกิน 30 องศา) เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพของชุดตรวจ ATK ไปจนถึงปลายทาง

นายพงษ์ทร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทยพร้อมจัดส่งชุดตรวจ ATK ที่ประชาชนทั่วไปได้สั่งจองในโครงการเราไม่ทน จากบริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เปิดให้จองจำนวน 1 ล้านชิ้นนั้น ชุดตรวจ ATK ได้ถูกส่งเข้าคลังสินค้าครบวงจรของไปรษณีย์ไทยที่หลักสี่เพื่อดำเนินการแพ็กและจัดส่งตามออเดอร์และที่อยู่ของลูกค้า โดยคาดว่าจะถึงมือผู้ที่สั่งจองภายในกลางเดือนกันยายน 2564 นี้

 


นายพงษ์ทร กล่าวว่า ด้วยความพร้อมเป็นกลไกลในการขับเคลื่อนความเป็นอยู่และช่วยลดความเสี่ยงของสังคมไทยในสถานการณ์โควิด-19 การเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์ระหว่างไปรษณีย์ไทยและไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นจะช่วยให้คนไทยในทุกระดับทุกพื้นที่ ได้เข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีครอบคลุมทั่วประเทศ 
#2785


'กิเลนผยอง' เมืองทอง ยูไนเต็ด ตายยาก ตามหลัง 'ฉลามชล' ชลบุรี เอฟซี 0-3 ก่อนจะมีฮึดไล่ตีเสมอ 3-3 ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน ศึกรีโว่ ไทยลีก

ศึกฟุต.รีโว่ ไทยลีก ฤดูกาล 2021/22 วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน 2564 บิ๊กแมตช์ 'เอลกลาซิโก' ไทยแลนด์ 'กิเลนผยอง' เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดธันเดอร์โดม สเตเดียม รับการมาเยือนของ 'ฉลามชล' ชลบุรี เอฟซี

มาริโอ ยูรอฟสกี กุนซือใหญ่ทีมกิเลนผยอง จัดทัพชุดใหญ่เต็มสูบ นำโดย อดิศักดิ์ ไกรษร, วิลเลียม พ๊อพพ์, ซาร์ดอร์ มีซาเยฟ, วีระเทพ ป้อมพันธ์ ขณะที่ 'ฉลามชล' ของ เฮดโค้ช สะสม พบประเสริฐ นำทัพมาโดย ยู พยองซู, เดนนิส มูริลโล่, จีดี คานยุค, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ

ชลบุรี เอฟซี ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นฝ่ายที่ทำเกมบุกได้ดีกว่า และก็มาได้ประตูออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 23 จากการยิงบริเวณกรอบ 6 หลาของ ยู พยอง ซู กองหน้าเกาหลีใต้ เป็นประตูแรกในสีเสื้อ 'ฉลามชล' ของเจ้าตัว และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง 'ฉลามชล' ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ได้ประตูหนีห่าง 2-0 ในนาทีที่ 57 จากการยิงของ 'เจ้ายิม' วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เป็นประตูแรกของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้

น.69 ชลบุรี เอฟซี ขยับห่างไปเป็น 3-0 จากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เปิดยัดเข้ากลางมาให้ จีดี คานยุค วิ่งมาชาร์จแถวกรอบ 6 หลาเข้าไป

น.72 เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 จากจังหวะที่ เจสซี เคอร์แรน หลุดมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวาก่อนจ่ายเข้ากลางมาให้ อดิศักดิ์ ไกรษร ตวัดอีกทีมาให้ วิลเลียม พ๊อพพ์ ซัดเข้าไป

น.76 เมืองทองฯ ได้ประตูไล่มาอีกเป็น 2-3 จากจังหวะที่แนวรับชลบุรี เอฟซี เคลียร์กันไม่ขาด มาเข้าทาง พิชา อุทรา วอลเลย์ด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษเข้าไป

น.83 เจ้าถิ่น 'กิเลนผยอง' ที่ดาหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง มาตามตีเสมอ 3-3 จากจังหวะที่การซัดจุดโทษของ อดิศักดิ์ ไกรษร

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอกับ ชลบุรี เอฟซี ไปแบบสุดมัน 3-3 แบ่งกันไปทีมละแต้ม

จากผลเสมอดังกล่าวทำให้ 'กิเลนผยอง' มีเพิ่มเป็น 2 คะแนน รั้งอันดับ 9 ส่วน 'ฉลามชล' มี 2 คะแนน จาก 2 นัดเช่นกัน รั้งอันดับ 10 ของตาราง

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
เมืองทอง ยูไนเต็ด : สมพร ยศ (GK), สุพร ปีนะกาตาโพธิ์, ชาติชาย แสงดาว, ลูคัส โรชา, วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร, วีระเทพ ป้อมพันธ์, ซาร์ดอร์ มีซาเยฟ, วงศกร ชัยกุลเทวินทร์, ปรเมศย์ อาจวิไล, วิลเลียม พ๊อพพ์, อดิศักดิ์ ไกรษร

ชลบุรี เอฟซี : ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ (GK), นพนนท์ คชพลายุกต์, ทรงชัย ทองฉ่ำ, จูเนียร์ เอลด์สตอล, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, กฤษดา กาแมน, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, จีดี คานยุค, เดนนิส มูริลโล่, ยู พยองซู
#2786


กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ "ดีพร้อม" (DIPROM) เผยผลสำเร็จจากความร่วมมือกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาสตาร์ทอัพจากโครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ (Angel Fund) และโครงการเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Connect) พร้อมเผยแนวทางการส่งเสริมสตาร์ทอัพในระยะถัดไปด้วยกลยุทธ์การส่งเสริมที่เข้มข้น รวมถึงปลดล็อกข้อจำกัดการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพ พร้อมเดินหน้าจับมือ กับภาคเอกชนเพื่อดำเนินงานแบบบูรณาการอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างการเติบโตธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีนโยบายเร่งผลักดันในการส่งเสริมสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการใหม่อย่างครบวงจร ตั้งแต่การเสริมสร้างความรู้และทักษะในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพิ่มช่องทางการค้า และสรรหาโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อให้สามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

โดยดำเนินงานภายใต้ 2 โครงการหลัก คือ โครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ หรือ Angel Fund และโครงการเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup Lottovip Connect โดยผลจากการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2559 – 2564 มีสตาร์ทอัพได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ Angel Fund จำนวนกว่า 200 ทีม สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้กว่า 550 ล้านบาท

ส่วนโครงการ Startup Connect ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 สามารถลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศได้มากกว่า 25 ล้านบาท และช่วยเชื่อมโยงให้สตาร์ทอัพ เข้าถึงตลาดและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 75 ล้านบาท นอกจากนี้ ความร่วมมือกับพันธมิตรเอกชน ทั้ง 2 บริษัท ยังถือเป็นการร่วมดำเนินงานที่ช่วยยกระดับให้สตาร์ทอัพไทยมีช่องทางในการก้าวไปสู่การเติบโตที่ดียิ่งขึ้น และยังทำให้เกิดมิติใหม่ของการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะ "เทคโนโลยีเชิงลึก หรือดีพเทค" ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตได้ทั้งในเชิงมูลค่าและตอบโจทย์เศรษฐกิจ-สังคมได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ในนามของกระทรวงฯ ต้องขอขอบคุณทั้ง 2 หน่วยงานที่ได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตเชื่อว่ายังคงจะมีการดำเนินงานแบบบูรณาการอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นรูปธรรมได้ต่อไป



ด้าน นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าในปีนี้โครงการ Angel Fund มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ มากกว่า 370 ทีม ผ่านการประชันแนวคิดทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีเชิงลึก หรือ Deep Technology โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือกจำนวน 50 ทีม ซึ่งได้รับการพิจารณาจากบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนเงินทุน จำนวน 3 ล้านบาท และบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 580,000 บาท

ส่วนโครงการ Startup Connect มีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพผ่านการคัดเลือกจำนวน 25 กิจการ จากที่สมัครเข้ามาทั้งหมด 50 กิจการ โดย Startup Connect มุ่งเน้นการเชื่อมโยงให้เข้าถึงเครือข่ายต่างๆ ที่สนับสนุนให้เกิดการเติบโตของสตาร์ทอัพ อาทิ เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาแนะนำ โดยหม่อมหลวงลือศักดิ์ จักรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด และ ศ.ดร. เอกชัย สุมาลี สถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น เครือข่ายตลาดภาคอุตสาหกรรม เครือข่ายนักลงทุน และเครือข่ายนานาชาติ เพื่อต่อยอดไปยังตลาดที่มีมูลค่าสูงขึ้น และเกิด
การร่วมลงทุนซึ่งคาดว่าจะมีสตาร์ทอัพได้รับการลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท

สำหรับในระยะถัดไป สิ่งที่ดีพร้อมจะช่วยส่งเสริมให้เกิดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น คือการสร้างระบบนิเวศผ่าน SandBOX : แซนด์บ็อกซ์ หรือพื้นที่บ่มเพาะธุรกิจโดยใช้ทั้งหน่วยงานภายในกระทรวอุตสาหกรรม ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจเครือข่ายเปิดพื้นที่ให้กับสตาร์ทอัพได้มีโอกาสทดลองใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ สร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ทั้งระบบออนไลน์ ออฟไลน์



พร้อมสำรวจปัญหาของภาคอุตสาหกรรม เพื่อเฟ้นหาโซลูชันจากสตาร์ทอัพเข้าไปช่วยยกระดับการดำเนินงานให้ดีขึ้น รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาดีพเทคในหลากหลายด้าน อาทิ การแพทย์ครบวงจร การผลิตแห่งอนาคต การเกษตร อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ ฯลฯ ซึ่งดีพเทคเหล่านี้มีความสำคัญต่อการสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจและสังคม ตรงกับความต้องการในตลาดโลก อีกทั้ง ยังลอกเลียนแบบได้ยากและคู่แข่งน้อย เนื่องจากขั้นตอนค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ซับซ้อน และส่วนใหญ่ มีสิทธิบัตรคุ้มครอง

นอกจากนี้ ยังจะปลดล็อกข้อจำกัดการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพ ไม่ว่าจะเป็น การให้ความรู้ด้านแผนธุรกิจเพื่อให้สามารถระดมทุนจากภาคเอกชนได้ง่ายขึ้น การส่งเสริมเข้าระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญที่จะทำให้สตาร์ทอัพมีรายได้ ต่อเนื่องไปสู่การร่วมพัฒนาระบบบริการของภาครัฐ ให้มีความทันสมัยตามแนวคิดรัฐบาลดิจิทัลได้มากขึ้น เป็นต้น



นายจาง ช่าย ซิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเดลต้าได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม จึงได้สนับสนุนกิจกรรมของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมากว่า 6 ปี เพื่อให้สตาร์ทอัพที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสในการเอาแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์ไปต่อยอดให้เป็นผลงานที่สำคัญและสร้างธุรกิจในอนาคต โดยปีนี้มีสตาร์ทอัพที่น่าสนใจหลายบริษัท เช่น บริษัท โอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเทคโนโลยีหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยสำหรับใช้ในนิคมอุตสาหกรรม หรือ บริษัท MUI Robotics จำกัด ในในเทคโนโลยีสัมผัสประดิษฐ์สำหรับหุ่นยนต์ในการทดสอบกลิ่นและรสชาติของอาหาร หรือ บริษัทซีดีเทค จำกัด ในเทคโนโลยีการบำบัดน้ำและแยกตะกอนด้วยไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งบริษัทเดลต้ามีความยินดีที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนกระทรวงอุตสาหกรรม ในการพัฒนาสตาร์ทอัพต่อไป



ด้าน นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทสามารถ ได้ไห้การสนับสนุนนักพัฒนาเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ของคนไทยมาโดยตลอด 17 ปี ผ่านโครงการ SAMART Innovation Awards ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างโอกาสให้แก่นักพัฒนาด้านเทคโนโลยีของภาคเอกชนที่ยาวนานที่สุด

ในปีนี้ Deep technology หรือเทคโนโลยีเชิงลึกกำลังมีความสำคัญอย่างมากเพราะโลกทุกวันนี้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งโครงการ Angel Fund 2021 สอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มสามารถ ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมนโยบายรัฐบาล ให้ประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิงเทคโนโลยีดิจิทัลและแพลตฟอร์ม ในปีนี้มีสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ เช่น บริษัท MUTHA จำกัด ในผลิตภัณฑ์เท้าเทียมนวัตกรรมจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่จะช่วยให้ผู้พิการสามารถเดินได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น บริษัท NEF จำกัดสำหรับเทคโนโลยีระบบเฝ้าระวังผู้ป่วยและผู้สูงอายุบนเตียง และ บริษัท IQMED Innovation สำหรับเทคโนโลยีกล่องเลื่อนย้ายไต เป็นต้น จะเป็นได้ว่าเทคโนโลยีเชิงลึกในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการแพทย์
#2787


หลังจากปล่อยผลงานเดี่ยว LALISA ออกมาตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. จนกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก จนทำให้แฟนๆต่างตั้งตารอที่จะได้ดูโชว์เต็มๆของเจ้าตัวบนเวทีกันเป็นแถว ล่าสุด "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" หรือ "ลิซ่า BlackPink" ก็ได้ขึ้นโชว์บนเวทีเป็นครั้งแรก ผ่านทางรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon ทางสถานี NBC เรียกได้ว่าเปิดโชว์แรกในรายการทีวีระดับอินเตอร์กันเลยทีเดียว

การกลับมาออกรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon ยังนับเป็นการกลับมาอีกครั้งของ ลิซ่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยไปปรากฏตัวพร้อมเพื่อนๆร่วมวง BlackPink มาแล้วเมื่อเดือน มิ.ย.ปี 2020 การแสดงของ ลิซ่า ครั้งนี้เป็นที่จับตามองอย่างมากเพราะหลายๆคนมั่นใจว่า ลิซ่า ที่เป็นศิลปินเค-ป็อปที่เต้นเก่งที่สุดคนหนึ่งของวงการจะมีลีลาการเต้นที่ยากกว่าในมิวสิควิดีโออย่างแน่นอน และ ลิซ่า ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังเมื่อเธอโชว์เต้นด้วยสีหน้าท่าทางที่มั่นใจและทรงพลัง

จิมมี ฟอลลอน ยังได้พูดเปรียบเทียบแบบติดตลกถึงคนดูมิวสิควิดีโอของ ลิซ่า กับการแข่งขัน NFL เกมแรกของซีซันด้วยว่า "เมื่อคืนนี้มีคนดูการแข่งขันระหว่าง Bucs vs. Cowboys มากกว่า 20 ล้านคน ลิซ่า จาก BlackPink ก็ได้ยินว่าแบบ 20 ล้านวิวแล้ว น่ารักเนอะ" ส่วนตอนนี้ยอดวิวยังคงพุ่งไม่หยุด แตะ 85 ล้านวิวและคาดว่าจะถึง 100 ล้านวิวโดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน โดย 24 ชม. ยอดวิวอยู่ที่ 65.3 ล้านวิว ทุบสถิติมิวสิควิดีโอหญิงที่มียอดวิว YouTube ใน 24 ชม. หลังเปิดตัวสูงสุดของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่เคยทำไว้ที่ 65.2 ล้านวิว จากมิวสิควิดีโอ ME! ที่ร้องกับ เบรนดอน อูรี ด้วย
#2788
#สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
โทรศัพท์: 095.197.0218 (แอดไลน์เบอร์นี้ได้)
Line  : http://line.me/ti/p/~fffffff5555555

ขายที่สวยติดแม่น้ำแควใหญ่ ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี วิวภูเขา เดินทางสะดวก


 วิวภูเขา เดินทางสะดวก สาธารณูปโภคพร้อม

-แปลงที่ 1 เนื้อที่ 3-1-05 ไร่ ราคา 10,000,000 บาท กว้างติดแม่น้ำแควใหญ่ 50 เมตร
-แปลงที่ 9 เนื้อที่ 19-3-47 ไร่ ราคา 15,000,000 บาท กว้างติดแม่น้ำแควใหญ่ 80 เมตร


ขายที่สวยติดแม่น้ำแควใหญ่
ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
 วิวภูเขา เดินทางสะดวก สาธารณูปโภคพร้อม

แปลง1 เนื้อที่ 3-3-23 ไร่
-  หน้าน้ำกว้าง 40.588 เมตร
ไร่ละ 1,500,000 บาท

แปลง2 เนื้อที่ 3-1-74 ไร่
-  หน้าน้ำกว้าง 27.022 เมตร
ไร่ละ 1,500,000 บาท

แปลง3 เนื้อที่ 3-1-85 ไร่
-  หน้าน้ำกว้าง 24.411 เมตร
ไร่ละ 1,500,000 บาท

แปลง4 เนื้อที่ 3-1-80 ไร่
-  หน้าน้ำกว้าง 32.402 เมตร
ไร่ละ 1,500,000 บาท


เอกสารสิทธ์ :  น.ส.3ก 
#คุณสมบัติพิเศษ 
-  เหมาะแก่การทำบ้านพัก โฮมสเตย์ รีสอร์ท ล่องแพ หรือซื้อเก็งกำไร ที่ดินริมน้ำสวยๆ แบบนี้หากยากมาก
-  ไฟฟ้าพร้อม การเดินทางสะดวกสบาย ที่ดินติดทางหลวงชนบท ถนนลาดยาง 6 เมตร
-  สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
- น้ำตกเอราวรรณ 35กม
- เขื่อนศรีนครินทร์ 45กม.
- ตัวเมืองกาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแคว 20กม. 20นาที
- ห่างจาก กทม เพียง 2.3 ชั่วโมง


#สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
โทรศัพท์: 0951970218 (แอดไลน์เบอร์นี้ได้)
Line  : http://line.me/ti/p/~fffffff5555555

#พิกัดที่ดิน (วังด้ง)
ตำบล วังด้ง อำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรี 71190
MAP: https://goo.gl/maps/hHuJC2hcz5DJruWKA

#พิกัดที่ดิน (ลาดหญ้า)
ตำบล ลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรี 71190
MAP: https://www.google.com/maps/place/14%C2%B006'42.5%22N+99%C2%B024'03.2%22E/@14.111797,99.400888,17z

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=61&t=7855888






























#2789



ไอศครีมเป็นของหวานยอดนิยมของคนทั่วทั้งโลก ที่ช่วยดับร้อนเหมาะสมกับอากาศบ้านเรามากๆและก็ยังมีรสชาติที่อร่อย หวานหอม ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนมีไอศกรีมรสโปรดเป็นของตัวเอง แต่ว่าคุณรู้ไหมว่าไอศครีมที่นิยมทานกันทั่วโลกมีกี่ประเภท วันนี้พวกเราจะพาไปทำความรู้จักกัน !

1.Ice Cream - ไอศครีม
เริ่มกันที่จำพวกแรก 'ไอศกรีม' เกิดจากการนำนมผสมกันสารให้ความหวานต่างๆไม่ว่าจะเป็นครีม น้ำตาล ไข่ หรือมีการผสมรสแปลกใหม่ลงไป ทำให้ไอศกรีมเป็นของหวานที่คนอีกจำนวนไม่น้อยสามารถกินได้ทุกๆวันไม่มีเบื่อ

สนใจ เครื่องทำไอศกรีมฮาร์ดเสิร์ฟ คลิกเลย!

2. Frozen Yogurt - โฟรเซนโยเกิร์ต
ไอศกรีมที่เปรียบดั่งลูกพี่ลูกน้องของไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ไอศครีมโฟรเซนโยเกิร์ต นั่นเอง เพราะด้วยลักษณะภายนอกที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ว่าต่างกันตรงที่โฟรเซนโยเกิร์ตจะใช้โยเกิร์ตไขมันต่ำเป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้คนที่ชื่นชอบในไอศครีม แต่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพและหุ่นมีทางเลือกเยอะขึ้น เหมาะกับสาวๆที่อยากทานไอศกรีมแต่กลัวอ้วน นิยมนำมาทานกับท็อปปิ้งผลไม้ หรือกินเดียวๆก็อร่อยฟินสุดๆ





3.Soft Serve ซอฟท์เสิร์ฟ
คงไม่มีผู้ใดไม่รู้จักไอศครีมสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากๆอย่าง " ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ " กันอย่างแน่นอน
ซึ่งไอศครีม 'ซอฟต์เสิร์ฟ' หรือบางที่เรียกกันว่า 'ซอฟต์ครีม' เป็นไอติมที่แตกสูตรมาจากไอศกรีมดั้งเดิม แต่ว่ามีกระบวนการทำที่ต่างออกไปเล็กน้อยด้วยอุณหภูมิที่ใช้นั้นสูงกว่า เพื่อทำให้ไอติมมีรสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม อาจทำมาจาก ผงไอศกรีมซอฟเสริฟ ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น

สนใจ เครื่องทำไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ คลิกเลย!

4.เจลาโต (Gelato)
เจลาโต้ ไอศกรีมสัญชาติอิตาเลี่ยนที่ยอดนิยมไม่แพ้กับซอฟท์เสิร์ฟ เป็นไอติมที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ซึ่งความพิเศษของไอติมเจลาโต้นี้ คือ จะมีความเหนียวหนึบมากยิ่งกว่าไอศกรีมปกติ ซึ่งส่วนประกอบหลักของเจลาโตนั้นทำจากนมในสัดส่วนที่มากกว่าครีมเจลาโตนั้นมักมีไขมันอยู่เพียง 5-7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ด้วยเนื้อสัมผัสที่เหนียวหนึบของเจลาโต้ ก็เลยไม่สามารถที่จะใช้ Scoop ตักได้เหมือนไอติมทั่วไป ก็เลยจำเป็นต้องใช้ Spatula หรือไม้พายตักเจลาโต้สำหรับในการตักเสิร์ฟ

5.Sorbet ไอศกรีมซอร์เบต์ และ Sherbet ไอศกรีมเชอร์เบต
ไอศกรีม 'ซอร์เบต์' เป็นไอติมที่มีส่วนผสมหลักคือผลไม้แล้วก็น้ำตาลแล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปแช่แข็ง ไอศกรีมซอร์เบต์ที่แท้จริงจะมีเนื้อคล้ายกับเกล็ดน้ำแข็ง ได้รสชาติของผลไม้แบบเข้มข้น ซึ่งไอศกรีมซอร์เบตเหมาะมากๆสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสในนม แต่ว่าอยากทานไอศกรีม ส่วนไอติม 'เชอร์เบต' นั้นจะต่างกันอยู่เล็กน้อยตรงที่ไอศกรีมเชอร์เบตจะมีส่วนผสมของนมเพิ่มเข้ามาด้วย ก็เลยทำให้ไอศกรีมมีเนื้อเนียนนุ่มมากเพิ่มขึ้น


#2790


วันนี้ (12 ก.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า กระแส LALISA พา ซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power) ของไทยไปอวดคนกว่า 70 ล้านวิวทั่วโลก ภายใน 24 ชั่วโมง กระแสพลังบวกแห่งวัฒนธรรมไทย (Thainess) ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ การที่กระแส LALISA ในบ้านเราเปรี้ยงปร้างขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพราะสาวก BLINK หรือแฟนคลับลิซ่า แต่เพราะเนื้อหาใน MV ที่มีความเป็นไทยสอดแทรกไว้อย่างน่าดู และน่าชม จากเป้าหมายของอัลบั้ม LALISA คือ บุกตลาดอเมริกา หลังจากวงแบล็กพิงก์ตีตลาดจีน และอาเซียนไปได้แล้ว ซึ่งเมื่อโปรดิวเซอร์และทีมกลยุทธ์ตอบสนองความต้องการของลิซ่า โดยเอาความเป็นไทยใส่เข้าไปใน MV ขนาดนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า "เสน่ห์ไทย" ในมุมพลังสร้างสรรค์ยังขายได้ในสายตาชาวโลก

"ซอฟต์เพาเวอร์ คือ ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญในการพลิกฟื้นประเทศเกาหลี และเป็นโอกาสของประเทศไทยเช่นกันที่จะใช้ทุนทางวัฒนธรรม ที่เรามีเยอะกว่าประเทศอื่นมากๆ มาพลิกโฉมประเทศไทย ใช้พลังสร้างสรรค์ของคนไทยให้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่จะช่วยให้เรารอดและโตอย่างยั่งยืน" หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว

นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า หนึ่งอุปสรรคในการผลักดันเรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องของมายด์เซตของระบบราชการ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่พอจะชูความเป็นไทยแบบสร้างสรรค์ ต้องไปดันกันนอกประเทศผ่านเพลงเกาหลี (เพราะถ้าอยากทำแบบเดียวกันในประเทศไทย มีปราสาท ชฎา สไบ คงได้เถียงกันหนักกว่านี้) กว่าจะสร้างรายได้ขายเสน่ห์ความเป็นไทย ผู้ใหญ่ต้องเปิดใจ ต้องส่งเสริมให้ผลิตผลงานสร้างสรรค์ได้อย่างเสรี มากกว่ามาจี้ถาม ตรวจสอบควบคุม และที่สำคัญ ต้องเข้าใจผู้บริโภคว่าต้องการอะไร บางอย่างต้องปรุงใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย ดีไซเนอร์ไทย ทั้งคุณหมู อาซาว่า ที่ออกแบบชุดไทยประยุกต์ แบรนด์ Hook's by Prapakas สำหรับรัดเกล้ายอด และเครื่องประดับดอกไม้จากแบรนด์ SARRAN ใน MV นี้เป็นตัวอย่างของการเอาความเป็นไทยไปถ่ายทอดในงานสมัยใหม่ได้สวยงามและลงตัว

"ผมเชื่อว่า คนไทยมีความสร้างสรรค์ในสายเลือด แต่ยังขาดกลไกที่จะดึงออกมาสร้างผลทางเศรฐกิจ ถ้าอยากผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ Thai Soft Lottovip Power เป็น Creative Economy ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ด้านบันเทิง ดีไซน์ กีฬา e-Sport อาหาร Wellness Events & Tourism หรืออีกหลายเรื่อง ต้องมาจากนโยบายที่เข้าใจความต้องการและคุยกับตลาดโลกให้เป็น แล้วส่งเสริมทั้งเรื่องทุน กับทักษะความรู้ของคนอย่างต่อเนื่อง อยากเก่งเรื่องไหน ดูเลยที่ประเทศไหนเก่งแล้วส่งคนไปเรียน ไปทำงาน ไปฝังตัว ลองผิดลองถูกจนกว่าจะมีฝีมือ เจอช่องทางทำมาหากิน สนับสนุนคนเก่งให้ไปรับวิธีการและวัฒนธรรมการทำงานดีๆ กลับมา ระบบก็จะดีขึ้น คุณภาพงานก็จะดีขึ้น" หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์นี้เป็นเกมยาว เราต้องเอา 1. ทุนเดิมที่เรามีมาบวกกับ 2. การบริหารจัดการที่ดี อาจใช้เวลา 5-10 ปีถึงจะเห็นผล แต่ต้องทำ เพราะนี่คือ "โอกาสของประเทศไทย" กับขีดความสามารถใหม่ให้ไทยมีที่ยืนในเวทีโลกอย่างเต็มภาคภูมิ ในระยะสั้นปรากฏการณ์ LALISA จะช่วยกระตุ้นยอดขายกำลังซื้อ เสื้อผ้า งานศิลปะ สินค้าวัฒนธรรมไทยได้อีกมหาศาล ผู้ประกอบการทั้งหลายอย่าปล่อยโอกาสนี้ไปครับ ยุคแห่งอี-คอมเมิร์ซ โปรโมทวัฒนธรรมไทยและขายของไทย ดึงสปอตไลท์กลับมาที่ประเทศไทยของเรา

สำหรับซอฟต์เพาเวอร์ เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของพรรคกล้า เนื่องจากมองว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกใน ทั้งศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม อาหารไทยที่แสนอร่อย มวยไทยเป็นกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม และที่สำคัญประเทศไทยมีคนเก่งที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความเป็นครีเอทีพมากมายพร้อมที่จะเป็นกำลังหลักในทุกด้านของภาคส่วนอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหนัง ละคร เพลง ภาพยนตร์ สื่อโฆษณา อนิเมชัน เกม หรือแม้กระทั่ง แฟชั่นเครื่องแต่งกาย ที่เป็นวัฒนธรรมร่วมสมัย เป้าหมายของพรรคกล้า คือ การนำทรัพยากร ซึ่งมี DNA ของความเป็นไทย ที่มีคุณค่า ไปสู่การนำประเทศไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่เพื่อสร้างมูลค่า Economic Value ผ่านการส่งออกวัฒนธรรมและการเผยแพร่ความคิดสร้างสรรค์ไปทั่วโลก
#2791


สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประทศไทย (กพท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าโดยสารเส้นทางบินภายในประเทศในช่วงไตรสมาส 2/2564 โดยรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ของสายการบินที่ให้บริการทั้งหมด 6 ราย ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยสมายล์ ไทยแอร์เอเชีย นกแอร์ ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท โดยพบว่า จากผลของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงมากขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.2564 ทำให้ความต้องการเดินทางลดลงและสายการบินมีการลดจำนวนเที่ยวบิน ส่งผลให้การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 นั้น ยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลต่อสถานการณ์ค่าโดยสารภายในประเทศ ไตรมาส 2/2564

โดยหากเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงค่าโดยสารเส้นทางบินภายในประเทศไทยระหว่างช่วงไตรมาส 2/2564 กับไตรมาส 1/2564 พบว่าภาพรวมค่าโดยสารในไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2564 โดยค่าโดยสารสูงสุดเพิ่มขึ้นจำนวน 64 เส้นทาง ซึ่งเพิ่มโดยเฉลี่ย 50% และเส้นทางที่มีค่าโดยสารต่ำสุดเพิ่มขึ้นจำนวน 80 เส้นทาง ซึ่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 66%

กพท. ชี้โควิดดันราคาตั๋วเครื่องบิน 'แอร์เอเชีย' เบอร์ 1 ครองเส้นทาง


ส่วนเส้นทางที่ค่าโดยสารสูงสุดลดลงมีจำนวน 35 เส้นทาง ซึ่งลดลงเฉลี่ย 19% และเส้นทางที่ค่าโดยสารต่ำสุดลดลงมีจำนวน 21 เส้นทาง ซึ่งลดลง 16% ในขณะที่เส้นทางที่ค่าโดยสารสูงสุดไม่เปลี่ยนแปลงมีจำนวน 15 เส้นทาง และเส้นทางที่ค่าโดยสารต่ำสุดไม่เปลี่ยนแปลงมีจำนวน 18 เส้นทาง

ทั้งนี้ เนื่องจากสายการบินส่วนใหญ่ลดจำนวนเที่ยวบินให้บริการในช่วงเทศกาลสงกรานต์อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เริ่มรุนแรงในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้อุปทานโดยรวมลดลงจากไตรมาส 1/2564

อย่างไรก็ดี จากข้อมูล ณ ไตรมาส 2/2564 พบว่าสายการบินที่ครองสัดส่วนเส้นทางบินภายในประเทศสูงสุด ได้แก่

อันดับ 1 สายการบินไทยแอร์เอเชีย มีสัดส่วนคิดเป็น 37%
อันดับ 2 สายการบินนกแอร์ มีสัดส่วนเส้นทาง 20%
อันดับ 3 สายการบินไทยสมายล์ มีสัดส่วนเส้นทาง 14%
อันดับ 4 สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ มีสัดส่วนเส้นทาง 13%
อันดับ 5 สายการบินไทยเวียตเจ็ทมีสัดส่วนเส้นทาง 9%
อันดับ 6 สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส มีสัดส่วนเส้นทาง 7%
กพท. ชี้โควิดดันราคาตั๋วเครื่องบิน 'แอร์เอเชีย' เบอร์ 1 ครองเส้นทาง


ซึ่งปัจจัยที่ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชีย ครองสัดส่วนเส้นทางบินภายในประเทศสูงสุด เนื่องจากในช่วงดังกล่าวมีการเพิ่มบริการไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจากสัดส่วนข้างต้นจะเห็นได้ว่าสายการบินที่ให้บริการแบบต้นทุนต่ำมีสัดส่วนจำนวนเส้นทางภายในประเทศรวมกันถึง 79% ส่วนสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบมีสัดส่วนเส้นทางภายในประเทศ 21%

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2564 คาดว่าค่าโดยสารจะมีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสนี้ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนและไม่มีวันหยุดเทศกาล ประกอบกับการระบาดของโรคโควิด-19 มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นกระจายทุกจังหวัดและมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ มสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบกับรัฐบาลมีการจำกัดการเดินทางในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรครุนแรงและอัตราการฉีดวัคซีนยังน้อยกว่าเป้าหมายของรัฐบาล ดังนั้น สายการบินยังคงไม่สามารถปรับเพิ่มค่าโดยสารได้แม้ว่าจะมีการลดอุปทานลง
#2792


เมื่อ ครม. เคาะเยียวยาประกันสังคม ม.33 ให้อีก 1 เดือน ทำให้ผู้ประกันตนทุกกลุ่ม (ม.33 ม.39 ม.40) ใน 13 จังหวัดสีแดงเข้ม มีสิทธิได้รับเงินเยียวยารวม 2 เดือน หลัง "เช็คสิทธิ" ประกันสังคมแล้ว ต้องรู้ไทม์ไลน์วันโอนเงิน รอบ 2 ว่าเงินจะเข้าวันไหน?

มาตรการเยียวยา "ประกันสังคม" ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 มาจนถึงวันนี้ รวมระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว และยังคงดำเนินการต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพื่อเยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ม.39 ม.40 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ของภาครัฐ ในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา

แต่รู้หรือไม่? ผู้ประกันตน ม.33 ม.39 ม.40 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดจะได้ "เงินเยียวยา" ไม่เท่ากัน! บางจังหวัดจะได้เยียวยา 2 เดือน บางจังหวัดได้เยียวยาเพียงเดือนเดียว 

กลุ่มจังหวัดที่ได้เยียวยาเพิ่มเป็นสองเดือน และกำลังจะได้รับเงินในรอบ 2 นั้น มีจังหวัดไหนบ้าง? และจะได้รับโอนเงินวันไหน? เช็คคำตอบที่นี่! 

 

ม.33 ม.39 ม.40 จังหวัดไหนได้เงิน รอบ 2 บ้าง?
ผู้ประกันตนทั้ง ม.33 ม.39 ม.40 บางจังหวัดจะได้รับเงินเยียวยาเพิ่มอีก 1 เดือน รวม เป็น 2 เดือน โดยเงื่อนไขของผู้ที่จะได้เงินในรอบ 2 นั้น ต้องเป็นผู้ประกันตนที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัดเท่านั้น (10+3) ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา

เนื่องจากทั้ง 13 จังหวัด ถูกสั่งปิดกิจการ/กิจกรรม หรือ ล็อกดาวน์ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม

ส่วนผู้ประกันตน มาตรา 33 ในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้มที่เพิ่มมาใหม่ เป็นกลุ่มจังหวัดที่เพิ่งถูกสั่งปิดกิจการ/กิจกรรม ทีหลังในช่วงเดือนสิงหาคม จึงได้สิทธิเงินเยียวยาเพียง 1 เดือน (ไม่ได้สิทธิในรอบ 2)

 


 

กลุ่มที่ได้เงิน รอบ 2 เงินจะเข้าวันไหน?
สำหรับไทม์ไลน์วันโอนเงินเยียวยา รอบที่ 2 ให้แก่ผู้ประกันตนทั้ง ม.33 ม.39 ม.40 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด มีรายละเอียด ดังนี้

ม.33 : หลังจากที่ ครม.ไฟเขียวให้เงินเยียวยา ผู้ประกันตน ม.33 ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม เป็นรอบที่ 2 อีกคนละ 2,500 บาท เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการ โฆษกสำนักงานประกันสังคมคาดว่า ผู้ประกันตนกลุ่มนี้จะได้รับโอนเงินภายในเดือนกันยายน 2564 

ม.39-40 : ก่อนหน้านี้ในวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน เคยระบุไว้ว่า ครม. เห็นชอบให้ขยายการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกันตน ม.39-40 ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม โดยจะได้รับสิทธิเยียวยาเพิ่ม 5,000 บาทต่อคน อีก 1 เดือน รวมเป็น 2 เดือน กลุ่มนี้ก็จะได้รับโอนเงินในรอบ 2 ภายในเดือนกันยายน 2564 นี้เช่นกัน

 


 

ถาม-ตอบ ประเด็นเงินเยียวยารอบ 2 จากประกันสังคม
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจาก เพจแจ้งข่าวประกันสังคม ที่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีการโอนเงินเยียวยา รอบ 2 ให้แก่ผู้ประกันที่มีสิทธิในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม (ข้อมูล ณ 6 ก.ย. 64) โดยระบุไว้ดังนี้

ถาม : ม.39-40 ที่มีสิทธิได้เงินเยียวยา รอบ 2 โอนเงินวันไหน? 
ตอบ : ยังไม่ระบุวันที่ที่แน่ชัด แต่จะดำเนินการภายในเดือนกันยายน 2564 นี้
เช็คสิทธิ 'ประกันสังคม' ม.33 ม.39 ม.40 รอบ 2 โอนเงินวันไหน?

ถาม : ม.33 ที่มีสิทธิได้เงินเยียวยา รอบ 2 โอนเงินวันไหน? 
ตอบ : รอวันที่ 7 ก.ย. 64 เอาข้อเสนอเข้าที่ประชุม ครม. (ล่าสุด 7 ก.ย. 64 ครม. เคาะให้เงินเยียวยากลุ่ม ม.33 เพิ่มอีก 1 เดือนแล้ว คาดว่าจะโอนจ่ายได้ภายในเดือนกันยายน 2564)
 

ถาม : ผู้ประกันตน ม.40 ในพื้นที่ 19 จังหวัด (3+16) จ่ายเงินสมทบงวดแรกไปแล้วในวันที่ 1-24 ส.ค.64 แต่ยังไม่ได้สิทธิ?
ตอบ : ให้รอตรวจสอบสิทธิในระบบอีกครั้ง ภายในวันที่ 7-10 ก.ย. 64 ใครที่ยังไม่ขึ้นเป็นผู้กันตนในระบบสมาชิกประกันสังคม ให้ทยอยเช็คสิทธิเรื่อยๆ เพราะระบบจะทยอยอัพข้อมูลสิทธิขึ้นในระบบประกันตนอย่างต่อเนื่อง สามารถเช็คสถานะผู้ประกันตนได้ที่ : ระบบสมาชิกผู้ประกันตน 
ส่วนใครที่มีสถานะขึ้นเป็นผู้ประกันตนในระบบสมาชิกแล้ว ให้รอเช็คสิทธิรับเงินเยียวยา ในวันที่ 7 ก.ย. 64 เป็นต้นไป เช็คสิทธิได้ที่นี่ : ตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยาฯ (ผู้ประกันตน ม.40)

 

ถาม : ม.40 กลุ่ม 10 จังหวัด ที่สมัครเป็นผู้ประกันตนหลัง 31 ก.ค.64 และจ่ายเงินสมทบหลัง 10 ส.ค.64 จะได้รับสิทธิเงินเยียวยาหรือไม่?
ตอบ : ไม่ได้รับเงินเยียวยา (ไม่ต้องทบทวนสิทธิ)
 

ถาม : ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน ม.40 มาก่อนแล้ว และจ่ายเงินสมทบมาตลอด แต่ไม่ได้สิทธิ?
ตอบ : ให้ตรวจสอบข้อมูลของท่านว่าถูกต้องหรือไม่ มีการเปลี่ยนชื่อ/คำนำหน้าหรือไม่ ถ้าชื่อถูกต้อง ให้นำสลิปการจ่ายเงินสมทบของเดือนกรกฎาคม 2564 ไปยื่นทบทวนสิทธิที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ได้เลย
 

ถาม : เป็น ม.40 ในพื้นที่ 13 จังหวัด (10+3) และจ่ายเงินสมทบแล้ววันที่ 2 ส.ค.64 แต่ไม่ได้รับสิทธิ?
ตอบ : ให้ยื่นทบทวนสิทธิได้เลย ไม่ต้องรอ สามารถโหลดแบบฟอร์มเพื่อยื่นทบทวนสิทธิโหลดได้ที่นี่ : แบบฟอร์มขอทบทวนสิทธิผู้ประกันตน มาตรา 39-40
 

ถาม : กรณีเปลี่ยนชื่อ หรือย้ายที่อยู่ จะได้เงินเยียวยาไหม?
ตอบ : ให้เช็คสถานะอีกครั้งในวันที่ 7-10 ก.ย. 64 หากยังพบว่าไม่ได้รับสิทธิ แต่เข้าเกณฑ์ว่าอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ให้เตรียมหลักฐานว่าทำงานพื้นที่นี้จริงๆ พร้อมเอกสารประจำตัวไปยื่นที่ ปกส. ณ ที่อยู่ปัจจุบัน พร้อมยื่นแบบขอทบทวนสิทธิด้วย
#2793


นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านว่า แม้ปัจจุบันจะยังคงเผชิญกับการตกต่ำของเศรษฐกิจโดยรวม โดยมีสาเหตุหลักมาจาก การกระบาดของโควิด-19 แต่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ก็ยังคงเน้นนโยบายด้านคุณภาพ และมาตรฐานในการก่อสร้างบ้าน ที่ผ่านมาก็ได้จัดกิจกรรมอบรมต่างๆ ให้กับสมาชิกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพยายามที่จะแก้ไขสถานการณ์หรือหาทางออกช่วยเหลือสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งการจัดกิจกรรมการตลาดและการขายผ่านการจัดงานรับสร้างบ้าน Online 2021 ระหว่างวันที่ 10 - 20 กันยายน 2564 เชื่อว่าจะช่วยพยุงตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานรับสร้างบ้าน Online 2021 มากกว่า 5,000 คน และมียอดจองปลูกสร้างบ้านต่อเนื่องจากงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะไม่สูงเหมือนการจัดงานออฟไลน์แบบที่เคยจัด เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่คาดว่าการจัดงานในครั้งนี้ ก็น่าจะสามารถกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้านในช่วงปลายปีได้

"การจัดงานแบบออนไลน์ จะสารมารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น มีผู้เข้าชมงานมากกว่าการจัดงานแบบออฟไลน์ โดยในระยะเวลาการจัดงาน 10 วัน คนเข้าชมน่าจะหลักล้านคน แต่ก็อาจจะเข้ามาศึกษาข้อมูลก่อน และยังไม่ได้จองซื้อบ้านเลย ตอนนี้มีคนลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ว 5,000 คน และสำหรับในส่วนของสมาชิกสมาคมธุรกิจนับสร้างบ้านซึ่งอยู่ในส่วนภูมิภาค ก็จะมีความสะดวกในการเข้าร่วมแสดงสินค้าได้มากขึ้นกว่าการจัดงานแบบออฟไลน์เหมือนเดิม ทำให้สมาชิกมีช่องทางการทำการตลาดได้มากขึ้น กลุ่มผู้บริโภคกว้างขึ้น และงานมีความคึกคักมากขึ้น"

นายกสมาคมฯ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างและเรื่องของแรงงานกับตลาดรับสร้างบ้านในขณะนี้ว่า ราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะหมวดโลหะ เช่น เหล็กเส้น อลูมิเนียม ซึ่งหลักๆ นำเข้ามาจากประเทศจีน โดยในช่วงที่ผ่านมา ประเทศจีนมีการลดกำลังการผลิตเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี หลายโรงงานปิดตัว และหลังมีการเปิดโรงงานใหม่ ก็มีการใช้เหล็กภายในประเทศสูงขึ้น ทำให้ส่งออกน้อย จึงส่งผลให้วัสดุก่อสร้างหมวดโลหะมีราคาสูงขึ้น มีผลต่อต้นทุนของธุรกิจรับสร้างบ้าน อย่างไรก็ตาม วัสดุอื่นๆ เช่น สี วัสดุปูพื้นผิว วัสดุตกแต่ง ยังไม่มีการขยับราคา ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจึงพยายามตรึงราคารับสร้างบ้านก่อนไว้เพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค

"แรงงานในตอนนี้ หากมองในภาพรวมแล้ว ขาดแคลนตามที่รับรู้กัน แต่หากในภาคอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับสร้างบ้านเรายังคงเดินต่อได้ เนื่องจากแรงงานบางส่วนที่เคยย้ายจากงานอาคารสูง หรืออาคารบางประเภทที่ไม่สามารถสร้างได้ ก็ย้ายมาอยู่กับรับสร้างบ้าน ทำให้รับสร้างบ้านยังไม่วิกฤตเรื่องแรงงาน พอไปได้ ซึ่งเราก็ดูแลและเร่งดำเนินการก่อสร้างบ้านให้ลูกค้า อย่างไรก็ดี เรื่องการนำแรงงานย้ายเข้ามายังพื้นที่ก่อสร้างบ้านของลูกค้าหลังใหม่นั้น จะต้องมีการแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และหากละเลยจะมีโทษทางคดีอาญา ซึ่งเขตจะมีกระบวนการตรวจสอบแรงงานภายใน 15 วัน ก่อนที่จะเข้าพื้นที่ว่า มีความเสี่ยงเรื่องโควิดหรือไม่"

นายวรวุฒิ กล่าวเสริมถึงการจัดงานรับสร้างบ้าน Online 2021 ระหว่างวันที่ 10-20 กันยายน 2564 โดยสามารถเข้าชมได้ที่ www.รับสร้างบ้านออนไลน์.com ซึ่งสมาคมฯ เชื่อมั่นว่า จะตอบโจทย์ธุรกิจในยุคดิจิทัล และช่วยแก้ปัญหาที่ปัจจุบันมีข้อจำกัดในการเดินทาง ซึ่งทางสมาคมฯเชื่อมั่น ระบบที่สมาคมฯได้พัฒนาขึ้นนี้ มีความเสถียรและพร้อมใช้งานได้ในระยะยาว.
#2794


นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 64 จะทรงตัวจากปีก่อนที่มีรายได้ 899.98 ล้านบาท แม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ภาครัฐบาลใช้มาตรการปิดเมือง (Lockdown) และมาตรการปิดแคมป์คนงาน แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์การต่างๆ ได้เริ่มคลี่คลายแล้ว จึงเชื่อว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น

ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ราว 1,200 ล้านบาท เป็นงานจากภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีจำนวนงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการลดความเสี่ยงการรับเงินค่าจ้างในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 70-80% ของมูลค่างานทั้งหมดใน  Lottovip Backlog ในขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานโครงการจากภาครัฐบาลที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมมูลค่างานที่จะเข้าประมูลกว่า 3,500 ล้านบาท คาดว่าผลจะทยอยออกมาในช่วงที่เหลือของปีนี้

นายจตุรงค์ กล่าวว่า บริษัทยังคงกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 6% และบริษัทยังดำเนินนโยบายบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble & Seal) เพือ่ที่จะป้องกันการติดเชื้อภายในโครงการก่อสร้างของบริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 2 ปี ถือว่าการป้องกันการติดเชื้อของบริษัททำได้ค่อนข้างดี จากพนักงานทั้งหมดที่มี 230 คน มีผู้ติดเชื้อเพียง 3 คนเท่านั้น

"ก่อนหน้านี้เราคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะกลับไปสู่ระดับปกติได้แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมารุนแรงอีกครั้ง จึงเห็นว่ารายได้ในครึ่งปีแรกลดลง แต่เราได้มีการปรับตัวปรับกลยุทธ์ต่างๆ ให้เข้ากับสถานการณ์ และเราตั้งเป้าที่จะรักษาผลประกอบการให้ใกล้เคียงกับปีก่อนแม้จะมีผลกระทบจากโควิด-19 เข้ามาช่วงสั้นๆ ก็ตาม" นายจตุรงค์ กล่าว
#2795


นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการ ฝ่ายค้าตราสารการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำการลงทุนในกองทุนรวมว่า สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นอาจได้รับผลดีจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ แม้การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 21-22 กันยายน 2564 Fed กล่าวอย่างมีนัยสำคัญว่า อาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปี 2564 แนะนำผู้ลงทุนอาจใช้จังหวะนี้เข้าลงทุนใน "กองทุนหุ้นไทย" และ "กองทุนหุ้นสหรัฐฯ" เน้นกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพ และมีผลการดำเนินงานโดดเด่นเป็นหลัก

รายงาน BLS Top Funds แนะนำผู้ที่ลงทุนหุ้นไทยอยู่แล้ว และต้องการกระจายการลงทุนไปในหุ้นไทยที่เน้นการเติบโต ให้หาโอกาสเข้าลงทุนใน "กองทุน LHGROWTH" กองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยที่มีโอกาสการเติบโตสูง โดยมีให้เลือกชนิดสะสมมูลค่า (LHGROWTH-A) และปันผล (LHGROWTH-D) ซึ่งกองทุนดังกล่าวสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยช่วงที่ผ่านมามีผลงานติดอันดับ "Top Quartile" ต่อเนื่อง ส่วนผู้ลงทุนที่ต้องการเกาะกระแสตลาดสหรัฐฯ ขาขึ้น หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่ง เพราะสามารถแก้ไขปัญหาและฟื้นตัวจากเหตุการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ได้เป็นอย่างดี

ทำให้ก้าวจากวงจรการฟื้นตัวสู่การขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เราแนะนำ "กองทุน B-USALPHA" กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Growth Fund ไม่ต่ำกว่า 80% ของ NAVเช่น หุ้น Alpha. และ หุ้น Apple เป็นต้น

"ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงสามารถติดตาม BLS Lottovip Top Funds ฉบับเต็ม รายงานอัปเดตสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกแบบ Weekly พร้อมคำแนะนำ "กองทุนตัวท็อป" คุณภาพดี ผลงานเด่น จากทีมงานมืออาชีพมากประสบการณ์ที่มาแนะนำให้ลูกค้าเป็นประจำทุกสัปดาห์ได้ที่เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง ส่วนบุคคลทั่วไปที่สนใจรับรายงาน BLS Top Funds เพียงเปิดบัญชีกองทุนรวมออนไลน์ที่ www.bualuang.co.th" นายเสริมศักดิ์ กล่าว
#2796
มาทานข้าวโภชนาการสูง ข้าวอินทรีย์ ข้าวหอมมะลิจังหวัดสุรินทร์  100% 
ข้าวฮอร์   ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิสุรินทร์ 100%  ข้าวorganicส่งทั่วไทย
ข้าวหอมมะลิอินทรีย์   กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์  ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิจังหวัดสุรินทร์ ข้าวหอมสุรินทร์ ข้าวหอมอินทรีย์ คัดพิเศษ 100%
"ข้าวฮอร์ ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์"   ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค เป็นผลิตผลจากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ด้วยการปลูกข้าวแบบปลอดสารพิษในทุกขั้นตอน ณ ดินแดนสุรินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งดินและน้ำ เหมาะแก่การปลูกข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง ประกอบกับกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน การเตรียมพันธุ์ข้าว การหว่าน การดูแลแปลงนา และการเก็บเกี่ยว โดยครอบครัวชาวนาที่มีประสบการณ์และร่ำรวยความสุขจากการทำนาอินทรีย์แบบปลอดสารพิษ เพื่อให้เมล็ดข้าว  ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ ที่ได้นั้น มีความหอม นุ่ม อร่อย ดีต่อสุขภาพและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบครัน การมีสุขภาพดี คือ ความสุขที่อยู่ใกล้ตัวเรา นอกจากตนเองแล้ว เราควรแบ่งปันความสุขให้กับคนที่เรารักด้วยข้าวหอมมะลิ   ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค ขัดสีไม่ขาวเพื่อคงคุณค่าและใยอาหาร มีกลิ่นหอม นุ่ม ตามเอกลักษณ์ของ ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิสุรินทร์ 100%




  กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ได้รับมาตราฐานเกษตรอินทรีย์ -มีวิตามินและสารอาหารจากข้าวสูง -สะอาด..บริสุทธิ์..จากธรรมชาติ ทุกขั้นตอน"ข้าวอินทรีย์ (  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค)" ที่ผ่านกระบวนการเพาะปลูก และบำรุงรักษาทุกขั้นตอน ด้วยวิถีของเกษตรอินทรีย์ -ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนการผลิต"เมล็ดพันธุ์" คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ แต่ละชนิด ด้วยความรัก ใส่ใจ ในรายละเอียดทุกเมล็ด -ด้วยกระบวนการปักดำ..อย่างพิถีพิถันจากธรรมชาติ"พื้นที่เพาะปลูก" ในจังหวัดสุรินทร์ - ทำการเพาะปลูก และควบคุมเองทุกขั้นตอน"แหล่งน้ำ"  ขายข้าวหอมมะลิอินทรีย์อาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติที่ตกตามฤดูกาล"ปุ๋ยที่ใช้" ไถกลบตอซังหลังเก็บเกี่ยวทุกครั้ง และปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน, -  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิคใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ,ปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน"การกำจัดศัตรูพืช" ควบคุมด้วยระบบนิเวศน์หรือใส่สารสกัดจากพืชสมุนไพรแทนการฉีดสารฆ่าแมลง

 ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์สุรินทร์ เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา
ข้าวฮอร์ (HOR) ได้รับมาตรฐาน
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้" จากกรมการข้าว จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเภทของ
2.1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)
2.2 ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)
2.3 ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ 
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ออแกนิค
Facebook : www.facebook.com/Organic.Rice.For..ter.Lives/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @ Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.ข้าวหอมสุรินทร์
2.ข้าวกล้องหอมสุรินทร์
3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์)
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ปลูกข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค
6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิก

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวหอมมะลิ #ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ #ข้าวหอมมะลิปลอดสาร #ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ #ข้าวหอมมะลิออร์แกนิก #ข้าวหอมสุรินทร์ #ข้าวหอมมะลิออร์แกนิค
 

 

 

 

 

 

 

 
 
#2797


แม้ว่าประเทศไทยและทั่วโลกต่างประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน แต่โดยภาพรวมแล้ว ในหลายประเทศ ก็เริ่มมีการคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้ ภาคการผลิตต่างๆ ซัพพลายเชน เริ่มกลับมาสู่กระบวนการผลิตอีกครั้ง แม้จะไม่สมบูรณ์เหมือนก่อนเกิดโควิด-19 แต่เป็นสัญญาณการบ่งชี้ เศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ค่อยๆฟื้นตัว

โดยเฉพาะในท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 จะพบว่า ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า ได้รับความสนใจจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น เข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้มากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโตได้ ซึ่งเห็นได้จากอัตราครอบครองพื้นที่ สูงขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แสดงให้เห็นว่าธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ากลับได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางและการขนส่งสินค้าใช้ระยะเวลานานขึ้น ดังนั้น จึงเห็นการย้ายฐานของผู้ผลิตเข้ามาตั้งใกล้กับผู้บริโภคมากขึ้น

....โควิด-19 ได้เป็นปัจจัยเร่งสำคัญ ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวลดการลงทุน โดยหันมาเช่าโรงงานแทนการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานเอง และเก็บกระแสเงินสดไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้ รวมทั้ง มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนฐานการผลิตในอนาคต

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในช่วงครึ่งหลังปีพ.ศ. 2564 คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่า ทิศทางธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานยังสามารถเติบโตได้ดี ความสนใจเช่าพื้นที่คลังสินค้าสำเร็จ (Built-to-Suit) และ Warehouse Farm ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ประกอบการต่างชาติ ยังมีความสนใจจะลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศไทยอยู่มาก บวกกับความต้องการในภาคการส่งออกสินค้าหลายกลุ่ม เช่น ธุรกิจแปรรูปอาหาร ธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์

อีกทั้ง ยังมีปัจจัยสำคัญจากพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่หันมาซื้อขายทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นอีคอมเมิร์ซ ระบบโลจิสติกส์ โรงงานและคลังสินค้าเติบโตตามไปด้วย

โดยความต้องการคลังสินค้าและโรงงาน รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และผู้ประกอบการในกลุ่มคอนซูเมอร์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ส่งผลให้ ณ สิ้นครึ่งแรก ปี พ.ศ. 2564 มีคลังสินค้าและโรงงานมียอดการเช่าสัญญาใหม่มากกว่า 150,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาด เช่น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ "WHA"และ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด "FPIT" ยังสามารถปล่อยเช่าพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ ณ สิ้นครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา มีพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานในประเทศไทยถูกใช้ไปแล้วทั้งหมด 6.099 ล้านตร.ม.จากพื้นที่ทั้งหมด 6.963 ล้านตร.ม. ซึ่งคิดเป็น 87.60% ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.10% จากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา

ภาพรวมอุปทานคลังสินค้าและโรงงาน เปิดบริการใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา ยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 1.16% จากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา จากการเปิดตัวคลังสินค้าและโรงงานใหม่ของ WHA ที่เปิดตัวโครงการ ดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง แห่งที่ 2 บนพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 50,000 ตร.ม. โดยมีผู้เช่าหลักเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มโลจิสติกส์ เพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้าสำหรับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

รวมถึง บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวคลังสินค้าแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ ถ.บางนา–ตราด กม.18 ด้วยพื้นที่ทั้งหมด 10,000 ตร.ม. ซึ่งในปัจจุบันมีลูกค้าเข้าใช้บริการแล้ว 60.00%



อสังหาฯรุกธุรกิจคลังสินค้า–รง.ให้เช่า กระจายความเสี่ยง

นอกจากนี้ เรายังพบว่า จากความต้องการพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้พัฒนาอีกจำนวนมาก ยังคงให้ความสนใจพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าใหม่ รวมถึงผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่เข้ามาเพิ่มโอกาสและขยายตลาดในธุรกิจอสังหาฯเชิงพาณิชย์ เพื่อรองรับความต้องในอนาคตอีกเป็นจำนวนมาก เช่น

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางพลี 7โลจิสติกส์เซ็นเตอร์แห่งใหม่ บนทำเลย่านบางพลี โดยโครงการดังกล่าวประกอบไปด้วยศูนย์กระจายสินค้า 3 อาคาร มีพื้นที่อาคารรวม 74,000 ตร.ม. และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม จากกลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำที่ให้ความสนใจและลงนามเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ไปแล้วกว่าร้อยละ 60.00 ก่อนเปิดตัวคลังสินค้าอาคารแรกอย่างเป็นทางการ และบริษัทอยู่ระหว่างการการพัฒนาคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการแห่งใหม่ พื้นที่กว่า 34,000 ตร.ม. ตั้งอยู่ใน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค (วังน้อย 2) จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้กับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และยังมีแผนการพัฒนาพัฒนาพื้นที่ใหม่เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโออีกกว่า 1 ล้าน ตร.ม.ในอีก 5 ปีข้างหน้า

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ กับ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาพื้นที่และประกอบธุรกิจประเภทกิจการคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า ในโครงการ "BFTZ วังน้อย" จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บนที่ดินทั้งหมด 145 ไร่ ประมาณ 110,000 ตร.ม. โดยจะเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปีพ.ศ. 2564 และจะส่งมอบพื้นที่เฟสแรกภายในช่วงต้นปีพ.ศ. 2566

นางสาวรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ให้ความเห็นว่า ในส่วนของ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ มีความพร้อมรองรับความต้องการเช่าคลังสินค้าและโรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะบริษัทฯมีพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 2.7 แสนตร.ม. แบ่งเป็น โครงการ BFT 1 ประมาณ 1.5 แสนตร.ม. และขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายเพิ่มอีก 2 โครงการ คือ โครงการ BFTZ 2 และ BFTZ 3 ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถรองรับพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นอีก 1.2 แสนตร.ม. อย่างแน่นอน
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ "S" เดินหน้าตามแผนโรดแมป ในการขยายธุรกิจใหม่เพื่อเสริมความแกร่งให้กับธุรกิจอสังหาฯ โดยได้ลงนามในข้อตกลงเข้าซื้อหุ้น 100% ของบริษัท ปาร์ค อินดัสตรี จำกัด จากบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โดยบริษัท ปาร์ค อินดัสตรี จำกัด เป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ ซึ่งมีเนื้อที่ 1,790 ไร่ ตั้งอยู่ใน จ.อ่างทอง ธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,421 ล้านบาท

"การผสานธุรกิจนิคมฯเข้ากับธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า จะสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจของเรา เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วนิคมฯ คือ หนึ่งในผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุด และมากกว่าความลงตัวในเชิงกลยุทธ์แล้ว เรายังมองเห็นอนาคตที่สดใสของธุรกิจนิคมฯ ที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทยด้วย โดยอัตราการเข้าใช้พื้นที่นิคมฯของทั้งประเทศนั้น เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80% ณ ช่วงสิ้นปีของปีที่แล้ว ในขณะที่ ภาคกลางของประเทศไทย มีอัตราการเข้าใช้พื้นที่นิคมฯในระดับสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 89% และมีการคาดการณ์ ความต้องการที่ดินในนิคมฯในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น เมื่อมีการผ่อนปรนมาตรการความเข้มงวดในการเดินทางหลังการคลี่คลายของวิกฤตโควิด-19"นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าว



พัฒนานวัตกรรมเจาะลูกค้าที่อยู่อาศัย เชื่อมอีคอมเมิร์ซ

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ร่วมมือกับ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ได้เปิดตัวธุรกิจเพื่อการอุตฯพร้อมบริการครบวงจร เนื่องจากโลจิสติกส์เป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จทางเศรษฐกิจในยุค New Normal พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนมาซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจกระจายสินค้ามีบทบาทเพิ่มขึ้น

โดยนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้นฯ กล่าวถึงการร่วมทุนครั้งนี้ว่า เราเชี่ยวชาญด้านการหาที่ดิน การจัดการต้นทุนในการพัฒนาโครงการ มีพันธมิตรด้านอสังหาฯชั้นนำจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในฝั่ง B2C ขณะเดียวกัน เจดับเบิ้ลยูดี ก็เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารคลังสินค้า บริการที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ มีเครือข่ายที่แข็งแรงอยู่ทั่วอาเซียน ตลอดจนมีฐานลูกค้าที่กว้างขวางโดยเฉพาะในฝั่ง B2B ความร่วมมือระหว่างเราและเจดับเบิ้ลยูดีในครั้งนี้ จึงถือเป็นการสร้าง Synergy ผสานความแข็งแกร่งของทั้งคู่เข้าด้วยกัน ในการตอบโจทย์ตลาดอย่างครบวงจรทั้งในฝั่ง B2B และ B2C เราเชื่อมั่นว่า แอลฟา จะก้าวขึ้นเป็น Top 3 ของธุรกิจนี้ได้ภายใน 5 ปี

สร้างแอสเสทคลังสินค้า เข็นระดมทุนตั้งกองREIT

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ฯ เราและออริจิ้นจะบูรณาการ Total Solutions ที่แตกต่างจากตลาด เราไม่ได้แค่าที่ดินมาพัฒนาคลังสินค้า แต่เราจะมีทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ซอฟต์แวร์ ระบบออโตเมชั่น หุ่นยนต์ และบริการที่ซับซ้อนอื่นๆ พร้อมนำเสนอแก่ลูกค้าฝั่ง B2B ในหลากหลายประเภทธุรกิจ ขณะเดียวกัน เราก็สร้างประสบการณ์ หรือ Customer Experience ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคในโครงการที่อยู่อาศัย ให้สามารถทำธุรกิจ e-Commerce จากที่พักอาศัยได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของเราจะตอบโจทย์ความต้องการที่เกี่ยวข้องกับ โลจิสติกส์ได้อย่างครบวงจร" นายชวนินทร์ กล่าว

ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี หรือภายในปี 2568 แอลฟา จะมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าภายใต้การบริหารมากกว่า 1 ล้าน ตร.ม. พร้อมทั้งมีมูลค่า REIT Value ในระดับ 12,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน จะพิจารณานำสินทรัพย์ในกลุ่มต่างๆ เข้าจดทะเบียนเสนอขายแก่นักลงทุนในรูปแบบทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ด้วยภายในปี 2566



นายภัทรชัย กล่าวต่อว่า ณ สิ้นครึ่งแรก ปีพ.ศ. 2564 อุปทานสะสมพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ยังคงสูงที่สุด คิดเป็น 38.00% หรือ 2,691,6022 ตร.ม. ตามมาด้วยในพื้นที่อีอีซี คิดเป็น 32.00 % หรือ 2,255,517 ตร.ม. และยังคงพบว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ ยังคงพยายามขยายธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดการณ์ว่า ตลอดทั้งปี พ.ศ. 2564 จะมีคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าเปิดบริการใหม่อีกกว่า 200,000 ตร.ม. และส่วนใหญ่พัฒนาโดยผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาด โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ,พระนครศรีอยุธยา และในพื้นที่อีอีซี(จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา) หลังจากความคืบหน้าของโครงการโครงสร้างพื้นฐานของอีอีซี เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสนามบินและการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ยังส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจด้านอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสามารถดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุน เนื่องจากเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของประเทศไทยที่น่าจับตามองในอนาคตอันใกล้



โควิดเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ Customer Journey สู่รูปแบบออนไลน์มากขึ้น

ธุรกิจช้อปออนไลน์ในประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา มีโอกาสที่จะมีมูลค่ารวมถึง 400,000 ล้านบาทได้ในปีนี้ โดยคาดว่าแนวโน้มจะขยายตัวประมาณ 30.00% แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ แต่คาดว่าจะได้เห็นการเติบโตเชิงบวกจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาจับจ่ายซื้อสินค้าบนออนไลน์แทนออฟไลน์ที่มีข้อจำกัด ซึ่งตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดดแม้ในช่วงของการระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ Customer Journey เปลี่ยนไปสู่รูปแบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเป็นเสมือนตัวเร่งให้กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน สอดรับกับความสำเร็จของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและความต้องการโรงงานและคลังสินค้าในไทยที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ ราคาค่าเช่าเฉลี่ยสำหรับพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานทุกพื้นที่ ในครึ่งแรกของปีพ.ศ. 2564 ที่ผ่านมาปรับตัวมาอยู่ที่ 155 บาทต่อตร.ม. ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในช่วงครึ่งหลังของปีก่อนหน้า 3 บาท หรือคิดเป็น 1.97% ผู้พัฒนาส่วนใหญ่ปรับราคาค่าเช่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พื้นที่กรุงเทพฯยังคงเป็นพื้นที่ที่มีราคาค่าเช่าเฉลี่ยสูงที่สุดที่ 180 บาทต่อตร.ม. ซึ่งคลังสินค้าให้เช่าบางแห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ มีราคาเสนอเช่าสูงกว่า 200 บาท (สัญญาเช่า 3 ปี) ตามด้วยค่าเช่าในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่ประมาณซึ่งอยู่ที่ 156 บาทต่อตร.ม. และในพื้นที่อีอีซี ที่ประมาณ 153 บาทต่อตร.ม.

"เราจะเห็นว่า ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ เช่น WHA และ FPIT ยังสามารถปล่อยเช่าพื้นที่ได้เป็นอย่างดี และยังคงไม่ปรับลดเป้าผลประกอบการในปีนี้ ซึ่งพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาด ยังคงให้มองเห็นโอกาสเดินหน้าเปิดตัวคลังสินค้าและโรงงานอีกมากกว่า 1 ล้านตร.ม.ในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และในพื้นที่อีอีซี".
#2798
ทานข้าวสุขภาพโภชนาการสูงคุณภาพดีสำหรับคุณแม่ตั้งท้อง
ปรับเปลี่ยนปลูกข้าวอินทรีย์  เส้นทางผลิตข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ส่งเสริม ผลิตข้าวอินทรีย์  การผลิตข้าวออร์แกนิค

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค ( ข้าวอินทรีย์ )
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ  ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิค " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1.  ข้าวมะลินิลออร์แกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออร์แกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   ข้าวอินทรีย์หอมมะลิ, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  กลุ่มข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ข้าวผกาอำปึลorganic, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิแดง, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :  ข้าวหอมมะลิorganic
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวหอมมะลิออร์แกนิค
2. ข้าวกล้องหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
3.  ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษ   ข้าวกล้องผกาอำปึลออแกนิค(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ข้าวสุขภาพผสมหลายสายพันธุ์สุรินทร์
5. ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์ 6.  ขายข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์
7.  ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ออแกนิค  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#2799


"กรุงไทย" เผยทุนสำรองฯ ปรับขึ้น 7.7 พันล้านดอลลาร์ พบสัญญาณธปท.เข้าลดเงินบาทกลับแข็งค่าในสัปดาห์ก่อน จับตาใช้เงินแจก IMF 4.4 พันล้านดอลลาร์ รับมือการแพร่ระบาดฟื้นเศรษฐกิจ แม้หนุนบาททยอยแข็งค่าในปีหน้าหลุด32 บาทต่อดอลลาร์ แต่ไม่กระทบปัจจัยพื้นฐานที่กำลังสดใสขึ้น

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้  ยอดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับตัวขึ้นกว่า 7.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจสะท้อนถึงความพยายามเข้ามาลดความผันผวนของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว 
 
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงองค์ประกอบของยอดดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น จะพบว่า ยอดเงินที่อาจใช้เพื่อการลดความผันผวนของค่าเงินนั้น จะอยู่ที่ราว 3.3 พันล้านดอลลาร์    ในขณะที่ ยอดส่วนใหญ่อีกกว่า 4.4 พันล้านดอลลาร์นั้น มาจากการเพิ่มขึ้นของ ยอดสิทธิพิเศษถอนเงิน (Special Drawing Lottovip Rights : SDRs ) ซึ่งมาจากการที่ IMF ได้แจกจ่ายเงินช่วยเหลือบรรดาประเทศสมาชิก ด้วยวงเงินกว่า 650 พันล้านดอลลาร์ ผ่านช่องทาง SDRs (ปัจจุบัน 1 SDRs มีมูลค่า ราว 1.42 ดอลลาร์) 


โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าว IMF หวังว่า บรรดาประเทศสมาชิกจะได้นำไปใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากปัญหาการระบาดโควิด-19 โดย เฉพาะในฝั่งประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาที่ขาดแคลนเงินทุนในการรับมือปัญหาการระบาด อีกทั้ง IMF ยังหวังว่า ประเทศที่ร่ำรวยจะนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือประเทศที่ขาดแคลนเช่นกัน

 

ในส่วนของประเทศไทย มีสัดส่วนการได้รับ SDRs ราว 0.67% ตามขนาดเศรษฐกิจ ทำให้ ในการแจกจ่ายเงินครั้งประวัติศาสตร์ของ IMF รอบนี้ ประเทศไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือราว 3.08 พันล้าน SDRs หรือ คิดเป็นประมาณ 4.4 พันล้านดอลลาร์

'กรุงไทย'แย้มใช้ เงินแจก IMF ฝ่าโควิด หนุนบาทแข็งค่าแต่ไม่กระทบพื้นฐาน


นายพูน กล่าวว่า  เงินดังกล่าว ควรถูกนำมาใช้ในการรับมือปัญหาการระบาด โดยเฉพาะการเร่งฟื้นฟูระบบสาธารณสุข ด้วยการนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้อ ยาที่จำเป็น อาทิ Remdesivir หรือ Monoclonal antibody รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือเคสผู้ป่วยหนัก ด้วยการจัดหา เครื่องช่วยหายใจแบบ High Flow เป็นต้น


นอกจากนี้ เงินที่เหลือก็ควรนำมาจัดซื้อวัคซีนประสิทธิภาพสูง และ จัดซื้อชุดตรวจ ATK เพื่อแจกประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถรับรู้สถานการณ์การระบาดและวางแผนรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ดังนั้น มองว่า หากเงินดังกล่าวถูกนำมาใช้ในการช่วยรับมือการระบาด อาจจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ดี และไม่มีผลต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ  แต่หากมีการใช้เงินส่วนนี้  ทำให้แนวโน้มเงินบาทสามารถทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ในปี 2565  มองไว้ที่แข็งค่ามากกว่า 32.00 บาทต่อดอลลาร์ แต่ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน เพราะสถานการณ์การระบาดที่คลี่คลายลง รวมถึงภาพเศรษฐกิจที่เริ่มสดใสมากยิ่งขึ้น
#2800


บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA และสถาบันเชนจ์ฟิวชั่น ภายใต้มูลนิธิบูรณชนบทแห่งประเทศไทย สานต่อโครงการ "ส่งเสริมนวัตกรรมช่างชุมชน" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่างชุมชน ให้มีโอกาสนำความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดนวัตกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและสังคม โดยได้คัดเลือกสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมที่เข้ารอบกว่า 10 ผลงาน โดยผลงานที่เข้ารอบจะได้รับเงินทุนสนับสนุนสำหรับการพัฒนาผลงานในเบื้องต้น พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมอบรมแบบ 4 มิติ (ทักษะด้านเทคนิควิศวกรรม, การออกแบบผลิตภัณฑ์, การตลาดและการบริหารจัดการต้นทุนราคา) พร้อมโอกาสในการรับคำปรึกษาอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพื่อยกระดับนวัตกรรมและขยายผลสู่ระดับประเทศ

ดร. สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (ขวา)  และ ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ซ้าย)
ดร. สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (ขวา) และ ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ซ้าย)

ดร. สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนช่างชุมชนต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อต่อยอดทั้งในด้านการพัฒนาทักษะโดยเฉพาะในด้านวิศวกรรม รวมทั้งเงินทุนสำหรับพัฒนาผลงานเพื่อให้เกิดคุณค่าต่อชุมชนและสังคม ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้รูปแบบการดำเนินโครงการต้องปรับเป็นรูปแบบออนไลน์ ในปีนี้ ทุกผลงานที่ส่งเข้าประกวดยังคงสะท้อนถึงความสามารถและศักยภาพของคนไทยในการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างเหลือเชื่อ ช.การช่างและพันธมิตรยังคงมุ่งมั่นดำเนินโครงการในปีนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และพร้อมสานต่อโครงการดี ๆ แบบนี้อย่างต่อเนื่องในอนาคต"
ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า "ผลงานที่ส่งเข้าประกวดในปีนี้ล้วนสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และเปลี่ยนแปลงสังคม ชุมชน ให้ดีขึ้นได้ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ภายใต้สภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งทั้ง 10 ผลงานที่เข้ารอบถือเป็นตัวอย่างของการประยุกต์นวัตกรรมให้สอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งยังมีศักยภาพในการพัฒนาเพื่อนำไปใช้งานในบริบทที่กว้างขึ้นได้ ทาง NIA ขอแสดงความยินดีกับผู้เข้ารอบ และชื่นชมช่างชุมชนทุกคนที่ได้ส่งสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมมาร่วมประกวด และหวังว่าการสนับสนุนทั้งเงินทุนและองค์ความรู้จากโครงการ จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ทุก ๆ ผลงานเกิดการต่อยอดที่สามารถสร้างประโยชน์ให้ต่อเศรษฐกิจและสังคมในระดับประเทศได้"



สำหรับผลงานนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกทั้ง 10 ทีม ประกอบด้วย 

•Smart farm IOT นวัตกรรมที่เกษตรกรสร้างเองได้ โดยนายนิรันดร์ สมพงษ์ จ.นครราชสีมา - ระบบฟาร์มอัตโนมัติราคาถูกสำหรับเกษตรกรรายย่อย ด้วยชุดควบคุมการทำงานอัตโนมัติระบบ IOT ที่สามารถสั่งงานจากระยะไกลด้วยมือถือ ช่วยลดแรงงาน ลดต้นทุน พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์สู่เกษตรในชุมชนให้สามารถทำการเกษตรได้ง่ายขึ้น





•กับดักแมลงโซลาร์เซลล์ โดยนายชำนาญ ด้วงสโน จ.นครปฐม - อุปกรณ์ดักจับแมลงช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องฉีดพ่นยาฆ่าแมลงซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สามารถเคลื่อนย้ายไปปักไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในแปลงเกษตรได้ตามความต้องการ อุปกรณ์จะเก็บสะสมพลังงานไฟ้ฟ้าในเวลากลางวันเพื่อเปิดไฟล่อแมลงในเวลากลางคืน และยังเป็นการช่วยลดต้นทุนการกำจัดศัตรูพืชให้กับเกษตรกรอีกด้วย





•เตาเผาถ่านกัมมันต์ โดยนายสมชาย ประกลาง จ.นครราชสีมา - ตัวเตาได้รับการพัฒนาให้สามารถเผาถ่านหรือเผาขยะที่ความร้อนสูงถึงระดับ 1,000 องศาเซลเซียส สร้างขึ้นจากสแตนเลสเกรด 304 ปลอดสนิม ใช้การเผาไหม้สมบูรณ์เก็บกักความร้อนได้ดี ปล่อยควันน้อย ช่วยลดมลพิษในการกำจัดขยะในพื้นที่ห่างไกล และยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรรายย่อย





•ซาเล้งโซลาร์เซลล์ โดยนายวิชัย เข็มทอง จ.ราชบุรี - โซลาร์เซลล์แบบเคลื่อนที่สำหรับใช้ในพื้นที่ทางการเกษตร ไม่ต้องลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบประจำที่หลายชุด ถือเป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร และยังสามารถแบ่งใช้งานร่วมกันในชุมชนได้





•เครื่องผลิตเทียนอัตโนมัติระดับชุมชน โดยนายสมศรี ภูพันนา จ.เลย - เครื่องจักรในการผลิตเทียนรูปแบบต่าง ๆ สร้างขึ้นจากเศษวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น นำมาดัดแปลงสำหรับการผลิตเทียนในเชิงพาณิชย์ โดยเป็นการสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชนโดยเฉพาะผู้หญิง คนชรา และผู้ด้อยโอกาส ในการผลิตเทียนเพื่อส่งไปจำหน่ายทั่วประเทศ





•เครื่องผลิตบล็อกปูถนนขนาดเล็ก โดยนายเวชสวรรค์ หล้ากาศ จ.เชียงใหม่ - เครื่องผลิตบล็อคปูถนนที่ใช้วิธีการเขย่าแม่พิมพ์เพื่อให้วัสดุอัดแน่นและมีความแข็งแรง โดยนำเศษขยะพลาสติกในชุมชนมาอัดเป็นส่วนผสมการผลิตบล็อค ถือเป็นการลดปริมาณขยะในชุมชน ช่วยลดต้นทุนในการก่อสร้างทางเท้า ชุมชนสามารถผลิตบล็อกปูถนนเพื่อใช้ได้เอง





•รถเข็นดัดแปลงสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการยากไร้ โดยนายสถิตเทพ สังข์ทอง จ.นครปฐม - รถเข็นดัดแปลงโดยกลุ่มอาสาสมัคร ใช้รถเข็นเก่าจากห้างสรรพสินค้า นำมาซ่อมแซมดัดแปลงและมอบให้กับหน่วยงานต่าง ๆ นำไปแจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุ และผู้พิการยากไร้ อีกทั้งลดภาระของผู้ดูแล





•กระเป๋าและเสื้อรีไซเคิลจากป้ายไวนิลเก่า โดยนายณัฐวุฒิ ศรีอาจ จ.ขอนแก่น - สินค้ากระเป๋า, ถุงหิ้ว และเสื้อ ผลิตจากป้ายไวนิลเก่า โดยนำมาตัดเย็บและสานให้มีลวดลายสวยงาม เป็นการลดขยะจากป้ายไวนิลที่ใช้ในการโฆษณาโดยนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแม่บ้านช่างเย็บผ้าในชนบท





•แท่นขุดเจาะบาดาลขนาดเล็ก โดยนายพัฒนพงษ์ ฟองจินา จ.เชียงราย - แท่นเจาะบาดาลขนาดเล็กติดล้อเข็นถอดประกอบขนขึ้นรถกระบะได้ สามารถเจาะบาดาลได้ลึกถึง 30 เมตร ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรรายย่อยในการขนส่งสามารถนำไปใช้ในการเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่ทางการเกษตรของตนเอง หรือเพิ่มรายได้ด้วยการรับจ้างเจาะบ่อบาดาลขนาดเล็ก





•เครื่องหยอดข้าวขั้นตอนเดียว โดยนายอร่าม อายุวัฒน์ จ.กาฬสินธ์ – เครื่องหว่านข้าวแบบติดตั้งกลไกการตีดิน ซึ่งปกติแล้วทั้งสองกระบวนการนี้จะต้องทำแยกกัน ทำให้ลดเวลาการทำงานลงไปครึ่งหนึ่ง ลดต้นทุนในการจ้างรถไถ หรือน้ำมันเชื้อเพลิง และยังทำให้ได้ปริมาณเมล็ดข้าวเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรรายย่อย

โดยหลังจากนี้ช่างชุมชนทั้ง 10 จะได้ร่วมกระบวนการเรียนรู้ 4 มิติจากผู้เชี่ยวชาญแบบออนไลน์ในช่วงเดือนกันยายน 2564 และช่างชุมชนแต่ละคนจะได้กลับไปพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมของตนเอง ปรับปรุงให้ดีขึ้นทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน ความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงการขยายผลผ่านการจัดจำหน่ายในช่องทางต่าง ๆ ก่อนที่จะมีการคัดเลือกผลงานที่ดีที่สุด และประกาศผลในการมอบรางวัล "สุดยอดนวัตกรรมช่างชุมชน" ต่อไป โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ ของโครงการได้ทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ ช่างชุมชน ช.การช่าง
URL
 29